รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[​IMG]นัดวันร้อยผ้ากฐินที่ซอยสายลม ที่ตึกถวายสังฆทานชั้น 2ใน(ครั้งสุดท้าย)วันที่ 10,11ต.ค ตั้งแต่11.00 โทร.. 0820909-432ใกล้เสร็จแล้วนะครับ สาธุ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัลวันที่ 24-25 ตุลาคม พ.ศ.2552ประกาศเลื่อนกฐินวัดป่าศิริสมบูรณ์ มาเป็น วันที่ 24-25ตุลาคม 2552 อีก2 เดือนผ้าห่มพระจะเสร็จแล้วนะครับผมทำบุญกันไว้เถิด บุญจะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะนิพพาน สาธุ qsqu[​IMG] [​IMG] สารบัญ “ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน qsquงานทอดกฐินที่วัดท่าซุง วันที่ ๑๗ ต.ค. เริ่มงานกฐิน วันที่ ๑๘ ต.ค. เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ถวายผ้ากฐิน
    ที่ศาลา ๑๒ ไร่ เวลา ๑๗.๐๐ น. พระสงฆ์วัดท่าซุง กรานกฐินในอุโบสถ
    นับถอยหลังสู่กฐินปีนี้ไปที่หลายจัง
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    <TABLE class=tborder id=post2137825 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 28-05-2009, 03:57 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->teporrarit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2137825", true); </SCRIPT>
    ทีมผู้ดูแลแกลเลอรี่

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2008
    สถานที่: เทพออรฤทธิ์ พลังจิต-พุทธศาสนา สำหรับผู้เริ่มต้น
    อายุ: 22
    ข้อความ: 3,095
    Groans: 3
    Groaned at 13 Times in 11 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 473
    ได้รับอนุโมทนา 28,694 ครั้ง ใน 2,193 โพส
    พลังการให้คะแนน: 394 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2137825 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ภาพจักชัดหรือไม่ชัดไม่สำคัญ..ขอให้อารมณ์ปักตรงต่อพระนิพพานก็แล้วกัน<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&output=html&h=250&slotname=7252767143&w=250&lmt=1253763355&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff23%2F%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-189677.html&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff23%2F%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E2%80%9C%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%8C-%E2%80%9D%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-%E0%B8%9E%E0%B8%A5-%E0%B8%95-%E0%B8%97-%E0%B8%99%E0%B8%9E-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%99-201273.html&dt=1253763355812&correlator=1253763355812&jscb=1&frm=0&ga_vid=1150660876.1253519232&ga_sid=1253758375&ga_hid=1423000025&ga_fc=1&u_tz=420&u_his=0&u_java=1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=800&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=771&bih=432&fu=0&ifi=1&dtd=63&xpc=bLQi3trxEb&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
    [​IMG]




    ภาพจักชัดหรือไม่ชัดไม่สำคัญ


    ขอให้อารมณ์ปักตรงต่อพระนิพพานก็แล้วกัน<O:p</O:p

    เมื่อวันอังคาร ที่ 20 ก.ค.2536 สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้<O:p</O:p
    1.ร่างกายยิ่งเหนื่อยมากเท่าไหร่ ก็สมควรจักยิ่งซ้อมตาย ทิ้งร่างกายมากขึ้นเท่านั้น
    <O:p</O:p
    2.อารมณ์จับภาพพระนิพพาน แม้จักไม่แจ่มใสตามปกติ ก็จงพยายามกำหนดจิตขึ้นมาอยู่บนวิมานแห่งนี้ ภาพจักชัดหรือไม่ชัดไม่สำคัญ ขอให้ใช้อารมณ์ปักตรงต่อพระนิพพานก็แล้วกัน
    <O:p</O:p
    3.กิจการงานที่เจ้าทำ ก็ถือได้ว่าเป็นกิจพระพุทธศาสนา จงมีความภูมิใจ หากร่างมันจักตายลง ในขณะเหน็ดเหนื่อยในหน้าที่การงานนี้ ก็ถือว่าเพื่อพระพุทธศาสนา เป็นความดีที่เจ้าได้ทำอยู่ ตายก็ตายอยู่กับความดี จักตายครั้งสุดท้ายเพื่อพระนิพพาน หรือ เพื่อความไม่เกิดไม่ดับอีก
    <O:p</O:p
    4.อย่าทำงานเหนื่อยแล้วทำจิตให้บ่น ทำเช่นนั้นเจ้าจักขาดทุน การบ่นเป็นอารมณ์ปฏิฆะ จัดเป็นอารมณ์ไม่พอใจ จงดูและกำหนดรู้ให้ดีๆ จึงจักละซึ่งอารมณ์กามฉันทะ และปฏิฆะได้
    <O:p</O:p
    5. พยายามละอารมณ์บ่นให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจักเป็นมโนกรรมหรือวจีกรรม บ่นเมื่อไหร่ถือว่าเจ้าพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ปฏิฆะเมื่อนั้น เวลานี้รบกับอารมณ์ จักต้องตั้งใจต่อสู้กับอารมณ์ของจิตให้ดีๆ ไม่ใช่ต่อสู้แบบไม่รู้จักหน้าค่าตาของศัตรูจักถูกเขาเอาดาบฟันตายอยู่รอมร่อแล้ว ยังมองไม่เห็นภัยของศัตรูอีก
    <O:p</O:p
    6.แยกแยะอารมณ์ให้ถูกตลอดวัน ตลอดเวลา อย่าเผลอ จักบอกไม่รู้ไม่ได้ เมื่อรู้เองไม่ได้ ก็แก้ไขอารมณ์จิตของตนเองไม่ได้เหมือนกัน ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าอย่าหวังได้พระอนาคามีผล ก็ต้องกลับมาเวียนว่ายได้ตายเกิดอีกต่อ อย่างนี้จักดีหรือ
    <O:p</O:p
    7.กลัวการเกิดให้มากๆ อย่ากลัวความตาย อย่ากลัวความเหนื่อย อย่ากลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอริยสัจ เป็นทุกข์สัจของการมีอัตภาพร่างกายเป็นกฎของธรรมดา
    <O:p</O:p
    8.จงกำหนดจิตยอมรับกฎธรรมดาหรืออริยสัจนี้เป็นชาติสุดท้าย ให้รู้จักเข็ดทุกข์อยู่ในจิต ไม่ขอกลับมาเกิดเป็นเยี่ยงนี้อีก
    <O:p</O:p
    9.อย่าบ่นเมื่อทุกข์มาเยือน อย่าลิงโลดเมื่อสุขทางโลกมาเยือน จงพยายามยามทรงอารมณ์จิต ให้เบื่อหน่ายในอารมณ์กามฉันทะและปฏิฆะนั้นๆ และทรงพรหมวิหาร 4 ให้จิตมีกำลังวางทุกข์ วางสุขนั้นๆ โดยมีความรัก ความสงสารจิตของตนเองเป็นประการสำคัญ
    <O:p</O:p
    11 อย่าลืมนึกถึงความตายเข้าไว้เสมอๆ เป็นตัดอารมณ์ กามฉันทะและปฏิฆะเข้าไว้ หากเจ้าคิดว่าร่างกายจักตายในขณะนี้เสียอย่าง อารมณ์ก็จะระงับได้ง่าย เพราะมัวแต่ตกเป็นทาสอารมณ์ ตายไปก็ไม่ถึงนิพพาน
    <O:p</O:p
    12อย่าลืมคิดตามนี้ให้จิตมันชิน จักได้คลายความประมาทในธรรมที่เข้ามากระทบลงได้

    <O:p“ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”เล่ม 6<O:p</O:p
    โดย พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)
    <O:p</O:pรวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน </O:p

    สารบัญ รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและ“ธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์</O:p>


    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[​IMG]นัดวันร้อยผ้ากฐินที่ซอยสายลม ที่ตึกถวายสังฆทานชั้น 2ใน(ครั้งสุดท้าย)วันที่ 10,11ต.ค ตั้งแต่11.00 โทร.. 0820909-432ใกล้เสร็จแล้วนะครับ สาธุ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสร้างตึกฝึกกรรมฐานและผ้ากฐินสีเงินประดับคริสตัลวันที่ 24-25 ตุลาคม พ.ศ.2552ประกาศเลื่อนกฐินวัดป่าศิริสมบูรณ์ มาเป็น วันที่ 24-25ตุลาคม 2552 อีก2 เดือนผ้าห่มพระจะเสร็จแล้วนะครับผมทำบุญกันไว้เถิด บุญจะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะนิพพาน สาธุ qsqu[​IMG] [​IMG] สารบัญ “ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”รวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน qsquงานทอดกฐินที่วัดท่าซุง วันที่ ๑๗ ต.ค. เริ่มงานกฐิน วันที่ ๑๘ ต.ค. เวลาประมาณ ๑๓.๐๐ น. ถวายผ้ากฐิน
    ที่ศาลา ๑๒ ไร่ เวลา ๑๗.๐๐ น. พระสงฆ์วัดท่าซุง กรานกฐินในอุโบสถ
    นับถอยหลังสู่กฐินปีนี้ไปที่หลายจัง <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ขออนุโมทนาค่ะ

    ได้อ่านที่คุณxorceตอบเพื่อเป็นกุศลตอบตามแนวทางของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงก็ดีใจค่ะเลยขออนุโมทนาด้วยคนค่ะคำตอบอ่านง่ายชัดเจนและตามแนวทางที่ดิฉันศึกษากับหลวงพ่อจริงๆ(ขอโทษค่ะศึกษาในตำรานะค่ะเพราะตอนหลวงพ่อยังอยู่ตัวดิฉันยังมีกรรมจึงไม่เคยได้กราบหลวงพ่อเลยถึงเสียดายเวลาจะครึ่งชีวิตแล้วค่อยคิดได้
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ sonthya ครับ

    ผมปฎิบัติอยู่ขอถามสักเล็กน้อยครับ ผมเคยสำผัสปิติทั้ง 5 มา แทบครบแล้วในขณะนั่งทำสมาธิต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้าน(เข้าใจว่าตอนนั้นเป็นอุปจรสมาธิ) แต่บางขณะที่ไม่ได้ทำสมาธิเช่นขับรถอยูุ่แต่จิตนึกถึงพระที่เคยทำบุญด้วย มันมีน้ำตาซึมออกมา บางทีก็ขนลุกเอาดื้อๆ เลย ไอ้อาการขนลุกนี่เป็นทุกวัน นึกถึงพุธ-โธขณะลืมตานี่ขนจะตั้งชันตั้งแต่ขา ขึ้ันมาถึงแขนถึงแก้มและศรีษะเลยอาการอย่างนี้(ขนลุก)จิตขณะนั้นเป็นอุปจรสมาธิหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ

    เป็นอุปจารสมาธิครับ เราสามารถทรงสมาธิระดับใดก็ได้ ได้ตลอดทุกเวลา ทุกสถานที่ จะลืมตาหลับตา ยืน นอน ขับรถ
    เราต้องฝึกทรงสมาธิให้ได้ตลอด เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่
    ถ้าเราตายขึ้นมาตอนนี้เราจะเกาะพุทธานุสติ เกาะภาพพระตาย อย่างแย่สุดก็เป็นเทวดา
    ถ้าภาพพระเป็นเพชร ก็เป็นอารมณ์ในขั้นกลาง ตายก็เป็นพรหม
    ถ้าเราตั้งใจว่า เราไม่ปรารถนาการเกิดอีกต่อไป
    หากเราตายเมื่อไหร่ พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ที่ใด เราจะตามเสด็จพระองค์ไปอยู่ที่นั่นเพียงจุดเดียวเท่านั้น
    ก็เป็นอารมณ์ขั้นสูง ตายเมื่อไหร่ด้วยกำลังใจที่เกาะพระอย่างแน่วแน่ มั่นคงย่อมถึงซึ่งพระนิพพานได้อย่างแน่นอน
    แบบที่ทำอยู่นี่ก็ เริ่มดีแล้วครับ

    สำหรับคุณ sonthya ให้ลองฝึกทรงภาพพระพุทธรูปที่เราชอบ ให้เป็นเพชรดูครับ
    เห็นภาพพระพุทธองค์ ทรงแย้มยิ้ม และพระวรกายเป็นเพชรใสสว่างประกายระยิบระยับทั้งองค์
    เห็นฉัพพรรณรังสี พร้อมด้วยรัศมีเพชรเปล่งประกายส่องสว่างออกมา

    แล้วเราก็สามารถนึกเห็น และทรงภาพพระองค์ได้ตลอดเวลา จะทำงานก็ดี ขับรถก็ดี
    ตราบใดที่เรายังนึกถึงภาพพระเป็นเพชรได้
    เมื่อนั้นจิตของเราก็ยังประคองอยู่ในสมาธิ เท่ากับว่าเราปฏิบัติธรรมอยู่ตลอด24 ชั่วโมงครับ ได้บุญทุกลมหายใจเข้าออก

    บุคคลก่อนตายแม้ภาวนาว่า พุทโธ ครั้งเดียว ก็สามารถจะเป็นเทวดา มีทิพยสมบัติมากมายได้
    หากเราทรงภาพพระเป็นเพชร เอาไว้24 ชั่วโมง อานิสงค์ย่อมมากกว่านั้นหลายทบเท่าทวีคูณยิ่งนักครับ
    การทรงจิตให้เป็นสมาธิตลอดเวลาจึงเป็น การไม่ประมาทในการภาวนาอย่างแท้จริง
    ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ที่ปรารถนาพระนิพพานทุกๆคนควรจะฝึกทำให้ได้

    และตามที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้เมตตาสอนไว้ ผู้ที่เคยผ่านปีติทั้ง5
    โดยมากจะเป็นวิสัยของพุทธภูมิ
    ถ้าใครเป็นพุทธภูมิขึ้นชื่อว่ากรรมฐาน40กอง ต้องทำให้เป็นทั้งหมด
    กิจการงานเพื่อสาธารณประโยชน์ต้องเก็บหมดทำหมดเพื่อความสุขของส่วนรวม

    ขอให้ทุกๆคน ฝึกทรงภาพพระพุทธเจ้า เห็นพระองค์ทรงแย้มยิ้ม เห็นเป็นเพชร ใสสว่างประกายระยิบระยับได้
    ตลอดทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ
    ตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    ผู้ใดอยู่ในวิสัยใดก็ขอให้เกิดการรู้ตื่นจากภายใน
    ด้วยบารมีของพระพุทธองค์
    ตื่นขึ้นสู่ความเป็นสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ
    ตั้งตรงต่อเส้นทางแห่งมรรคผลนิพพาน ได้โดยฉับพลันทันใดด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. sonthya

    sonthya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,489
    ค่าพลัง:
    +8,797
    ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำที่ดี คุณ Xorce ผมปฎิบัติสมาธิ+สวดมนต์ เช้าเย็น สมาธิก็ทำทุกอริยาบทเท่าที่จะระลึกได้ (พุธ-โธ)ถ้าว่างก็มีสติตามดูลมมันเรื่อยไป ตามนี้มาตั้งแต่ กันยายน 2550(ก่อนหน้านี้ชั่วสุด ๆ ศีล 5ข้อรักษาไม่ได้ซักข้อ)
    ผมก็จะรักษาอารมณ์ตามนี้ครับ

    ๑. ผมจะมีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีเคารพในพระธรรม มีเคารพในพระสงฆ์<O:p</O:p
    ๒. ผมจะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์
    <O:p</O:p๓. ผมจะระลึกถึงความตายทุกวัน
    ๔. ผมจะมีจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์(ไปได้ครั้งเดียวตอนฝึก)

    จะลองทำดูครับ สาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  7. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อนุโมทนา ขอบคุณคับ กับคำแนะนำและก็ข้อมูลดีๆเพิ่มพูลขึ้นไปอีก ขอบคุณคับ
     
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    จริงคับ ตอนนี้ผมทรงอารมณ์เมตตาฌานไว้แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับเมื่อตอนที่เข้าฌานเมตตานี้ได้เมื่อครั้งแรกๆ และอารมณ์

    ถ้าเย็น ชุ่มฉ่ำกว่าเดิมก็ถือว่าโอเคครับ

    มันกลับไม่ค่อยหิวไม่ค่อยนอน ไม่ค่อยรู้สึกอะไร มันจะกลางๆ มันก็เลยใช้ตัวนี้ซะคุ้ม ส่วนอันนี้ดีหน่อย เมื่อความโกรธโผล่ปุ๊บเราตัดได้ทันทีปั๊ปเลย คือ เป็นอยู่ก็ได้ ตายก็ได้ ทำอะไรก็ได้อันนี้เป็นความรู้สึกนะ

    เป็นธรรมปีติครับ เอิบอิ่มในธรรม
    แต่ต้องวางสมดุลด้วยครับ ถ้ามากไปร่างกายก็เพลีย สมาธิจะเริ่มตก
    เอากลางๆพอครับ เน้นสบายๆเอาไว้ก่อน

    แต่ตอนนี้ ผมก็พยายามพักผ่อนให้เพียงพอแต่ หลังๆมานี่ มันพักผ่อนน้อยเหลือเกิน แต่ร่างกาย ก็ยังพอทนไหว แต่ นานไปอีกสักพัก ผมว่า สมาธิผมเสื่อมอย่าที่คุณชัดบอกมาแน่ๆเลย บางทีมันจะนอนเหมือนกับไม่นอน มันโหว๋งพิกล? เรานอนแต่มันกลับรู้สึกว่าเราไม่ได้นอนอยู่ บางทีมีสติมากมีสติทั้งคืนในขณะนอนอันนี้ได้นอนรู้สึกตลอดทั้งคืนไมฝันด้วย เออ เอากะมันสิ -*- หรือเป็นเพราะนอนไม่หลับกันแน่เอาไงล่ะนั่น

    ถ้านอนแบบมีสติทั้งคืนนี่โอเคครับ เพราะถือว่าจิตของเราเป็นสมาธิทั้งคืน
    มันจะต่างจากนอนไม่หลับ นอนไม่หลับเราจะกระวนกระวายฟุ้งซ่าน
    แต่อันนี้จะมีความสุข เบาสบาย จิตจะสว่างมาก

    ส่วนเรื่องลมตอนแรกก็ลืมไปตั้งนานโขล่ะ แต่มันกลับไม่ได้ภาพนิมิตเนี่ยสิเลยกลับมาจับใหม่เอาแบบให้มันหายไปเลยให้ได้พื้นฐานแน่นๆ ค่อยจับภาพ และก็มองลมจนผมรู้จนไม่รู้จะรู้ยังไงล่ะคับ ทำไมเป็นงี้หว๋า ผมตามมองตลอดเวลาทุกวินาทีที่ลมมันเข้าออก กำหนดภาพพระบางทีหลุดบ้าง เลยมาดูลม -*- หายใจช้าแล้วก็น้อยกว่าเดิมมากๆ

    ลองอัดลมใหม่ครับ อัดลมก่อน ซัก10ครั้ง แล้วค่อยมาจับลมหายใจ
    เวลาอัดลม ให้เน้นสัมผัสความชุ่มเย็น เบาสบาย ของลมหายใจ
    และลมหายใจไหลเข้าจนเต็มปอด
    พออัดลมเสร็จ เราก็ปล่อยลมหายใจไปตามสบายๆ ตามดูลมหายใจเขาเราที่พริ้วไหวเข้า ไหวออก ตลอดทั้งสาย เห็นภาพของกระแสลมที่ไหลเข้าไหลออก จนกระทั่งลมหายใจ ช้าๆลงๆ จนหยุดครับ

    จุดสำคัญคือ เราจะต้องจำอารมณ์ที่จิตหยุดนิ่ง หยุดคิด ปราศจากลมหายใจให้ได้ แล้วฝึกเข้าออกให้ได้ทุกสถานที ทุกเวลาครับ กำหนดให้จิตหยุดคิดได้ทุกครั้งที่ต้องการ
    วิ่งอยู่ กำลังเหนื่อยๆ นึกจะเข้าก็เข้าได้


    แต่ เรื่องอดนอนนี่ผมทำตัวผมเอง ^^; แฮะๆกำลังปรับปรุงอยู่เพราะมันเคยชินแบบว่า ไม่นอนก็ไม่ง่วง ก็เลยไม่นอน อิอิ ส่วนบางที สำรวมมาก อินกับ การปฏิบัติ ก็บางครั้งจะกลายเป็นคนเงียบๆไป นานๆจะเข้ามาถามซักทีคับ อนุโมทนาครับ กับทุกๆท่านและคุณชัดด้วยครับ

    ต้องเป็นอารมณ์สบายๆด้วยครับ บางครั้งถ้านิ่งเกินไป ก็เป็นอารมณ์หนักได้ครับ
    ต้องประคองให้ใจชุ่มเย็น อิ่มเอิบ เบาสบายเอาไว้เสมอครับ

    เมื่อวานอารมณ์แกว่งๆคงเป็นเพราะพักผ่อนน้อยคับ
    วันนี้ก็ดีขึ้นเยอะเพราะนอนซะเต็มอิ่มเลย และ ก็ยังเห็นอะไรแปลกๆ -*- อีกด้วยแฮะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็กลัว ตอนนี้ไม่กลัวล่ะ แถมอยากจะเจอและคุยกับเค้ามากกว่า วันนี้เห็นวิญญาณที่ทำงานของผมด้วยคับ ชัดเจนมากใส่เสื้อยืดสีแดงตัดกับขาวแต่ไม่เห็นหน้านะเพราะเค้าหันครึ่งซีกผมบัง(มาให้เห็นทั้งตาเนื้อเลย) แต่เห็นชัดจนผมสามารถสะเก็ตออกมาเป็นภาพได้ชัดขนาดนั้นเลย ผมก็แผ่เมตตาให้เค้า สักพัก เค้าก็หายไป รู้สึกว่าเค้าจะได้รับนะคับ แล้วแปลกอีกก็คือขณะที่ผมเดินจะกลับที่พัก ผมก็นึกได้ว่าตอนกลางวันได้แผ่ให้วิญญาณตนนั้นนี่นา แล้วตอนเย็นก็คิดไว้ว่าพระที่คุ้มครองเราก็มี เทพที่คุ้มครองเราก็มี ถ้าไม่มีพระคุ้มครองเทพคุ้มครองตอนนี้ผมอาจจะเป็นวิญญาณแบบเค้าไปตั้งนานแล้วก็เป็นได้ผมจึงคิดจะแผ่ให้กับเทพทั้งหลายพระทั้งหลายที่คุ้มครองผม แผ่ปุ๊ป ผมเห็นตัวเองใส่องค์ทรงเครื่องสวยงามรองเท้างอนๆ มีสายสะพายอะไรกลมๆร้อยกันอยู่แปลกดีแต่ก็สวย มีชฏาแวววาว รัศมีสีขาวๆขุ่นๆ(สีประมาณสีขาวประกายครีม) แต่ยังไม่มากไม่กว้างเท่าไหร่ เดินทั้งๆอย่างนั้นโทงๆ ตัวก็เบาจนจะลอยให้ได้ ในขณะเดียวกันก็แผ่ไปด้วย พอได้สักพักประมาณ1เสาไฟฟ้ามั้ง ^^; แล้วก็หายไปกลับมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนเหมือนเดิม ก็แปลกดีคับ ก็เลยมาเล่าให้ฟัง

    เป็นกายทิพย์ของเรา เป็นพระวิสุทธิเทพด้วย เป็นลักษณะแบบบนพระนิพพานครับ
    จะหน้าตาคล้ายๆกับรูปนี้
    [​IMG]

    อ่อเกือบลืมคำถาม ^^; คนเราจริงแล้วถ้าจิตอยู่อีกที่ร่างอยู่อีกที่จะมีความรู้สึกเหมือนเราอยู่2ที่ในเวลาเดียวกันอันนี้ไม่แน่ใจว่าถอดจิตรึเปล่าและผมก็เคยเป็นมาแล้ว แต่ เมื่อถามถึงเรื่องถอดจิตแล้ว จะถามว่า มันจะมีความรู้สึกเหมือนกันไหมครับ

    เป็นมโนครึ่งกำลังครับ จะรู้สึกสองที่พร้อมๆกัน
    ถ้าเป็นแบบเต็มกำลัง จะรู้สึกว่าไปอยู่ตรงที่จิตของเราอยู่ แบบทั้งตัวเลยครับ จะไม่รู้สึก2ที่

    เพราะผมไม่ได้ปักหมุดแต่โดนชักจูงจิตมันเลยไปอยู่อีกที่ ผมก็เลยจำได้ ก็เลยสงสัยในเรื่องของการถอดจิต มันดันสงสัยเรื่องนี้ซะนิ
    (เรื่องที่ผมแผ่ให้พระแล้วเห็นตัวเองแต่งองค์ทรงเครื่องนั้น ไม่ได้แยกออกจากกันนะแต่ ตัวเองทับกันอยู่ที่ๆเดียวกันเวลาเดียวกันแต่เหมือนกับว่า อีกอันที่ซ่อนอยู่มันชัดกว่าก็เลยออกมา<<คุณชัดคงจะเข้าใจความหมายนะ)

    ก็เห็นกายทิพย์ของตัวเราเองแหละครับ ที่ซ้อนทับกับกายเนื้ออยู่

    ตั้งใจปฏิบัติต่อไปนะครับ แต่รักษาสมดุลด้วยครับ เน้นกายสบาย ใจสบายครับ เอาพอดีๆ

    ขอให้เข้าถึงซึ่งมัชฌิมาปฏิปทา มีทางสายกลางเป็นที่ตั้ง ตลอดไป ทุกภพชาติ
    ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานกันทุกๆคน ด้วยบารมีแห่งพระพุทธองค์ด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2009
  9. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ขอสอบถามด้วยคนค่ะ

    อยากทราบว่าทำไมเราภาวนานะมะพะทะไปเรื่อยๆแล้วเราเริ่มดิ่งเราหยุดภาวนาพอสักคู่ทำไมรู้สึกเหมือนตึงหน้าผากหน้าชาร่างกายกระตุกในขณะที่เป็นแบบนี้ควรทำอะไรต่อไปค่ะหรือนั่งไปเฉยๆและอาการอย่างนี้เป็นการนั่งถึงขั้นไหนค่ะไม่ทราบจริงๆค่ะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปค่ะ
     
  10. wimonmas

    wimonmas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +197
    ขออนุโมทนาคะ
    อยากทราบว่าเวลาเรานั่งสมาธิแล้วเกิดอาการดิ่งคือประมาณว่าไม่รู้สึกตัวเลยอ่ะคะ ดิ่งลึกมากจนไม่รู้เวลาคะ..ถ้าตั้งใจว่าจะนั่ง 1 ช.ม ก็จะรู้สึกตัวก่อนหน้านิดหน่อยคะ..แต่มีบางครั้งที่นั่งแล้วรู้สึกเหมือนลืมตาอยู่คะ..มองเห็นภายในห้องที่กำลังนั่งอยู่คะ..แต่เหมือน
    เวลามันหยุดนิ่งอยู่..ไม่มีความรู้สึกทางร่างกาย..ไม่หายใจ..สว่างโพลงอยู่อย่างนั้น..
    ไม่คิดอะไรเลย..รู้อย่างเดียวว่านิ่งคะ..(ออกแนวว่างงๆคะ) ว่าทำไมลืมตา..(แต่ไม่ได้ลืม
    จริงๆนะคะ..) เห็นได้ไง..
    น้องชายบอกปฏิบัติผิด..ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรคะ..เพราะน้องบอกให้ปฏิบัติตาม
    แนวมหาสติปัฏฐาน4 คะ ให้ตามรู้ตัวแต่ตัวหนูเองมันตามไม่ได้คะ..ไม่รู้จะถามใครคะ
    ขอรบกวนถามนะคะ
     
  11. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    อนุโมทนา กับทุก ๆ ท่านนะคับ

    สาธุ ๆ

    มีมั๊ยคับที่เวลาปฏิบัติไป จิตของเราสอนเราให้ทำ

    ขั้นตอนการปฏิบัติไปเองเรื่อย ๆ
     
  12. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อันนี้ใช่เลยคับ แบบนี้เลยแต่ ขากางเกงจะสั้นหน่อยประมาณหัวเข่า
    อนุโมทนากับคำตอบของคุณชัดด้วยคับ ที่แนะนำ จิตตอนนี้จำเมื่อตอนที่ปักหมุดได้คับ เลยมาทำต่อยอด ^^;ก็อัดลมไปด้วยคับเพราะมันยังหนักอยู่
     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ เมตตาบารมี ครับ

    อยากทราบว่าทำไมเราภาวนานะมะพะทะไปเรื่อยๆแล้วเราเริ่มดิ่งเราหยุดภาวนา

    ตอนนี้ จิตเป็นฌาณละเอียดครับ จะรู้สึกว่าไม่อยากภาวนาแล้ว คำภาวนาจะหายไป
    จะเหลือแต่ความนิ่ง อาการหยุด ปราศจากความคิด ลอย เบาสบายของจิต
    ถ้าได้อีกครั้ง ให้เราอธิษฐานปักหมุดเอาไว้ด้วยนะครับ

    เสร็จแล้วเวลาเราจะทำสมาธิคราวนี้ เราก็อาจจะไม่ต้องภาวนานะมะพะธะ หลายๆครั้งแล้วก็ได้
    ครั้งสองครั้ง แล้วก็ กำหนดจิตให้ดิ่งสู่อารมณ์นี้เลย เราก็ต้องจดจำอารมณ์ให้ได้ครับ
    แล้วก็อธิษฐาน ขอให้พระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์ให้ข้าพเจ้ากลับเข้าสู่อารมณ์นี้ด้วยเทอญ
    เสร็จแล้วจิตเราจะดิ่งอย่างรวดเร็วครับ

    พอสักคู่ทำไมรู้สึกเหมือนตึงหน้าผากหน้าชาร่างกายกระตุกในขณะที่เป็นแบบนี้ควรทำอะไรต่อไปค่ะหรือนั่งไปเฉยๆและอาการอย่างนี้เป็นการนั่งถึงขั้นไหนค่ะไม่ทราบจริงๆค่ะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปค่ะ

    จิตจะออกจากกายน่ะครับ ถ้าแบบนี้เราก็นึกถึงพระก่อน นึกถึงหลวงพ่อก็ได้ครับ
    เสร็จแล้วก็ตั้งจิตว่า ขอพระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์ยกอาทิสมานกายของข้าพเจ้า ไปยังสถานที่ ตามพุทธประสงค์แห่งพระพุทธองค์ด้วยเทอญ

    แล้วเราก็ประคองอารมณ์นิ่ง ดิ่งเอาไว้ตามเดิม แล้วจิตจะเคลื่อนออกมาเรื่อยๆ
    แต่ถ้าไปสนใจกับอาการทางร่างกายที่เกิดขึ้น จิตจะไม่ยอมเคลื่อนต่อ

    เราก็ประคองสมาธิไปตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    แล้วเดี้ยวมันจะลอยๆ จนแยก ออกมาจากร่างกายเองครับ
    หรืออาจจะวูบไปแล้วรู้สึกตัวอีกทีข้างนอกก็ได้
    ออกได้หลายวิธีครับ แค่ออกมาได้ก็พอ

    แล้วถ้าเราได้มโนครึ่งกำลังแล้วจะออกง่ายกว่านี้เยอะเลยครับ ลองหาเวลาไปฝึกดูครับ
    หรือได้สมถะ อารมณ์หยุด ลมหายใจดับ คำภาวนาหาย ให้เข้มข้นกว่านี้ ก็จะง่ายขึ้นเช่นกัน
    หรือทรงภาพพระเป็นเพชรได้ จะง่ายกว่านี้เยอะเลยครับ
    ถ้าทำได้หมดนี่ ออกมาได้แน่นอนครับ


    แล้วก็ถ้าทรงอารมณ์ที่ใช้ตัดสังโยชน์3 ได้ ก็จะยิ่งง่ายกว่านี้ อารมณ์มี3ข้อ
    1.เป็นผู้มีศีล5 บริสุทธิ์ตลอดไป ศีลของพระอริยเจ้า
    เกิดจากเมตตา คือเป็นผู้มีจิตเปี่ยมด้วยเมตตา จนทำร้ายใคร เบียดเบียนใครไม่ลง
    2.เป็นผู้เคารพ นอบน้อม ต่อพระรัตนตรัยอย่างถึงที่สุด วัดกันได้จากการกราบพระ
    เรากราบพระด้วยความนอบน้อมอ่อนโยน นุ่มนวล ค่อยๆน้อมจิตกราบ หรือกราบอย่างส่งๆไป
    3.ระลึกไว้เสมอว่า เราอาจจะตายได้ตลอดเวลา ถ้าเราตายเมื่อไหร่
    เราจะไปพระนิพพานเพียงจุดเดียวเท่านั้น พระพุทธองค์อยู่ที่ไหนเราจะไปที่นั้นเพียงจุดเดียว

    ถ้าจิตแน่วแน่ในอารมณ์ทั้งสาม อย่างถึงที่สุด ก็เป็นพระอริยเจ้า

    อารมณ์ทั้งสามข้อนี้ นักปฏิบัติทุกๆท่าน ควรจะทรงให้ได้เป็นปกติ แล้วการปฏิบัติจะก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
    ถ้าทรงสามข้อไม่ได้ ไม่ตั้งใจว่าตายเมื่อไหร่จะไปพระนิพพานเท่านั้น ศีล5ไม่บริสุทธิ์ เคารพพระพุทธเจ้าไม่จริง
    อารมณ์จิตจะลุ่มๆดอนๆ ปฏิบัติขึ้นๆลงๆ ไม่ก้าวหน้าซะที

    ดังนั้นขอให้ทุกๆคน สามารถทรงอารมณ์ในการตัดสังโยชน์สามนี้ ให้ได้
    ถ้าใครถามว่าตายแล้วจะไปไหน เราต้องตอบด้วยความแน่วแน่มั่นใจ ว่า ไปพระนิพพานเท่านั้น
    ถ้ายังตอบด้วยความไม่แน่วแน่ไม่มั่นใจ ลังเลสงสัย
    แปลว่าเราก็ยังเข้าไม่ถึงที่สุดของอารมณ์ในการปฏิบัติ

    ขอให้ทุกๆคนสามารถทรงจิตใหมีความรักในพระพุทธเจ้า รักในเมตตา รักในพระนิพพานนี้ ได้ตลอดไป
    ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
     
  14. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ขอขอบคุณพี่xorceที่แนะนำคำแนะนำดีมากๆค่ะเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรสงสัยนานแล้วแต่ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดีว่ามีพี่ที่แนะนำขออนุโมทนาสาธุมากๆเลยค่ะพี่ค่ะบุญกุศลที่ช่วยให้คำปรึกษาครั้งนี้ขออนุโมทนาสาธุขอให้พี่ในชาตินี้ขอดวงจิตถึงซึ่งแดนพระนิพพานนะค่ะและจะลองไปปฎิบัติตามพี่บอกค่ะ
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ wimonmas ครับ

    ขออนุโมทนาคะ
    อยากทราบว่าเวลาเรานั่งสมาธิแล้วเกิดอาการดิ่งคือประมาณว่าไม่รู้สึกตัวเลยอ่ะคะ ดิ่งลึกมากจนไม่รู้เวลาคะ..ถ้าตั้งใจว่าจะนั่ง 1 ช.ม ก็จะรู้สึกตัวก่อนหน้านิดหน่อยคะ

    ฌาณ4ละเอียดครับ จะรู้สึกว่าตัวเราหายไป ไม่รู้สึกถึงร่างกาย หรือกลายเป็นดวงกลมๆ ลอยนิ่งอยู่
    บางครั้งจะสว่างโพลง จิตโปร่งโล่ง เบาสบายมาก ลมหายใจดับ จิตหยุดนิ่ง ปราศจากความคิดฟุ้งซ่าน

    อนุโมทนาด้วยครับ ครั้งต่อไปก่อนจะออกจากสมาธิ ให้เราอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่ง ฌาณ4ละเอียดนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกภพชาติ ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    ..แต่มีบางครั้งที่นั่งแล้วรู้สึกเหมือนลืมตาอยู่คะ..มองเห็นภายในห้องที่กำลังนั่งอยู่คะ..แต่เหมือน

    อันนี้เป็นอาการของสมาธิครับ บางครั้งจะรู้สึกว่ามองเห็นทะลุเปลือกตา
    มักจะเกิดช่วงที่จิตกำลังสบายครับ เป็นกันหลายๆคนครับ

    เวลามันหยุดนิ่งอยู่..ไม่มีความรู้สึกทางร่างกาย..ไม่หายใจ..สว่างโพลงอยู่อย่างนั้น..
    ไม่คิดอะไรเลย..รู้อย่างเดียวว่านิ่งคะ..(ออกแนวว่างงๆคะ) ว่าทำไมลืมตา..(แต่ไม่ได้ลืม
    จริงๆนะคะ..) เห็นได้ไง..
    น้องชายบอกปฏิบัติผิด..ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรคะ..เพราะน้องบอกให้ปฏิบัติตาม
    แนวมหาสติปัฏฐาน4 คะ ให้ตามรู้ตัวแต่ตัวหนูเองมันตามไม่ได้คะ..ไม่รู้จะถามใครคะ
    ขอรบกวนถามนะคะ<!-- google_ad_section_end -->

    ปฏิบัติถูกแล้วครับ เราไปไกลกว่าน้องชายแล้วครับ
    ดังนั้นเขาไม่เข้าใจหรอกครับ ต้องให้เขามาปฏิบัติ จนถึงเองครับ ถึงจะเข้าใจ
    แล้วก็ไม่ต้องเถียงกับเขานะครับ เพราะเขาจะไม่เข้าใจอยู่ดี ต้องทำตัวเฉยๆไว้ครับ

    คราวนี้เราภาวนาแบบไหนถึงได้เข้าสู่อารมณ์นี้ได้ครับ
    พุทโธ จับลมหายใจหรือว่าแบบใดครับ

    คราวนี้ในระหว่างวันให้เราฝึกประคองสมาธิ เอาไว้ตลอดเวลา เช่น หมั่นพุทโธ ไว้เสมอๆ จับลมหายใจเอาไว้เสมอๆ
    หรือถ้าประคองจิตให้นิ่ง เบาสบาย ชุ่มเย็น เป็นสมาธิได้ตลอดนี่ จะยิ่งดีครับ

    เสร็จแล้วให้เราหันมาทำขั้นแผ่เมตตา จากสมาธิต่อไปนะครับ
    ให้เข้าสมาธิให้ถึงจุดที่อารมณ์ นิ่ง เบาสบาย ปราศจากความคิด มีความสบายที่สุดเท่าที่เราทำได้

    ขอให้ทุกๆคนที่ได้อ่านข้อความนี้ ลองทำตามไปเลยนะครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    หลังจากนั้น ให้เรานึกถึง<o:p></o:p>
    ควมสุขกายสุขใจ ความอิ่มเอิบกายอิ่มเอิบใจ ความชุ่มเย็น ความเบากายสบายใจ ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น บุญกุศล คุณงามความดี <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ให้ความรู้สึกแห่งความสุข ความชุ่มชื่น ชุ่มเย็น ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามา <o:p></o:p>
    จนกระทั่งความสุขกายสบายใจ อิ่มเอิบใจ เอ่อล้น ท่วมท้น ในดวงจิตของเรา<o:p></o:p>
    จนดวงจิตของเราเริ่มรู้สึกชุ่มเย็น เบาสบาย อิ่มเอิบอิ่มเอม<o:p></o:p>
    จนจิตใจของเราแย้มยิ้ม กายภายนอกของเราก็แย้มยิ้ม<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ดวงจิตของเราเป็นเหมือนกับดอกบัว ดอกบัวนี้เป็นเหมือนดอกไม้แห่งความดีงามในจิตใจของเรา<o:p></o:p>
    ที่ค่อยๆ เบ่งบานขึ้น จนกระทั่งดอกบัวนี้ เบ่งบาน แย้มกลีบออกมา<o:p></o:p>
    ความดีงามของเราก็ตื่นขึ้นจากภายในพร้อมๆกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ให้ความสุข ความแช่มชื่นใจ หล่อเลี้ยงดวงจิตของเรา<o:p></o:p>
    จนดวงจิตของเราเบิกบาน เอิบอิ่ม เปี่ยมด้วยความรักความเมตตา ต่อผู้อื่น<o:p></o:p>
    เราจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มเย็น ที่บริเวณลิ้นปี่ของเรา<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นก็ให้เรานึกภาพ จินตนาการ ทำความรู้สึกว่า<o:p></o:p>
    มีคลื่นสีทองแห่งความเมตตาชุ่มชื่นชุ่มเย็นนี้ แผ่ขยายออกมาเป็นวงกว้างจากดวงจิตของเรา<o:p></o:p>
    แผ่ออกไปปกคลุมยังทุกๆคนที่อยู่ในห้องของเรา จนห้องของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทองทั้งหมด<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากห้องของเราแสงสว่างสีทองนี้ ก็แผ่ขยายออกไป จนปกคลุมยังบ้านทั้งหลังของเรา<o:p></o:p>
    ขอให้ทุกๆคน ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ มีแต่ความสุข ความรักความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากบ้านของเราแสงสว่างสีทองนี้ ก็แผ่ขยายออกไปจนปกคลุมยังบริเวณรอบๆบ้านของเรา<o:p></o:p>
    และขยายออกไปเรื่อยๆ ยังทั้ง ตำบล อำเภอ ยังทั้งจังหวัดที่เราอาศัยอยู่<o:p></o:p>
    จนกระทั่งจังหวัดของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<o:p></o:p>
    ขอให้ทุกๆคนที่อยู่ในจังหวัดนี้มี แต่ความสุขกายสบายใจ มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากจังหวัดนี้เรืองแสงสว่างสีทอง ก็ให้เราแผ่คลื่นสีทอง แห่งความรักความเมตตาของเราออกไป<o:p></o:p>
    จนปกคลุมยังทั้งประเทศไทยเอาไว้ทั้งหมด เห็นว่าประเทศไทยเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<o:p></o:p>
    ขอให้ทุกๆคนในประเทศไทย มีแต่ความรัก ความปรองดองสมานฉันท์ ไม่มีศึกสงคราม ไม่มีความแตกแยก มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน ปราศจากซึ่งภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากประเทศไทย คลื่นแห่งความเมตตาของเรา ก็แผ่ขยายจนไปปกคลุมยังทั้งโลก<o:p></o:p>
    โลกใบนี้เรืองแสงสว่างเป็นสีทอง<o:p></o:p>
    ขอให้โลกใบนี้มีแต่สันติสุข มีแต่ความสงบสุข ปราศจากซึ่งสงคราม ซึ่งความวุ่นวาย<o:p></o:p>
    ทุกๆคนมีแต่ความรักความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากโลกใบนี้ คลื่นแห่งความรักความเมตตาของเรา ก็แผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ แผ่ออกไปยังทุกๆทิศทาง แผ่ออกไปยังทั้งจักรวาล<o:p></o:p>
    ไม่มีสถานที่ใด ดวงจิตใด ที่ไม่ได้รับสัมผัสจากความรักความเมตตาของเรา<o:p></o:p>
    ขอให้ทุกๆดวงจิต ทั่วทั้งอนันตจักรวาล มีแต่ความสุขกายสุขใจ มีแต่ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจอิ่มเอิบอิ่มใจ มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นคลื่นสีทองแห่งความเมตตาของเรา ก็แผ่ลงไปยังทิศเบื้องล่าง<o:p></o:p>
    ยังภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก<o:p></o:p>
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้พ้นจากความทุกข์ ได้สัมผัสกับความสุข ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจ แบบที่เรากำลังสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้ด้วยเทอญ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นให้เราแผ่คลื่นสีทองแห่งความเมตตา ขึ้นไปยังทิศเบื้องบน<o:p></o:p>
    ผ่านสวรรค์ พรหม ตลอดไปจนถึงพระนิพพาน<o:p></o:p>
    ขอให้เหล่า พรหม เทพ เทวดา คุณครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ทุกๆท่านทุกๆพระองค์<o:p></o:p>
    ได้สัมผัสกับความชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอม ที่ละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เสร็จแล้วให้เราแผ่คลื่นเมตตาสีทองนี้ออกไปยัง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย<o:p></o:p>
    ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย<o:p></o:p>
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้สัมผัสความสุขความชุ่มเย็นแบบที่ข้าพเจ้ากำลังสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้<o:p></o:p>
    และได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมโทษ อดโทษงดโทษ ให้กับข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นให้เราแผ่เมตตาอัปปมาณฌาณ คือความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณของเรา ออกไปยังทุกๆทิศทางอีกครั้งนึง<o:p></o:p>
    แผ่คลื่นสีทองแห่งความรัก ความเมตตาของเราออกไปเรื่อยๆ<o:p></o:p>
    สัมผัส เสวยสุขจากเมตตา จนจิตใจของเราอิ่มเอิบอิ่มเอม มีแต่ความชุ่มเย็น<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นให้เราตั้งจิตอธิษฐานว่า<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งเมตตาอัปปมาณฌาณ คือ ความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากนั้นให้เราทรงสมาธิเอาไว้นานตราบเท่าที่เราต้องการ

    พอเราต้องการจะออกจากสมาธิให้เราหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ สามครั้ง
    หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง ภาวนา พุทธ หายใจออกภาวนา โธ
    หายใจเข้าครั้งที่สอง ภาวนา ธัม หายใจออกภาวนา โม
    หายใจเข้าครั้งที่สาม ภาวนา สัง หายใจออกภาวนา โฆ

    แล้วจึงค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ<o:p></o:p>
    อารมณ์จิตแห่งเมตตานี้เป็นอารมณ์ที่มีความสำคัญมากในการเจริญพระกรรมฐาน<o:p></o:p>
    ให้เราฝึกประคองให้อารมณ์จิตของเราเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาเอาไว้ทุก ขณะจิต<o:p></o:p>
    ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญาของเรา จะทรงตัว ไม่ถอยหลัง <o:p></o:p>
    จะยิ่งมีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป<o:p></o:p>

    ขอให้ทุกๆคน สามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณต่อผู้อื่น และทรงได้ทุกขณะจิต<o:p></o:p>
    ได้อย่างฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
  16. เมตตาบารมี

    เมตตาบารมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +133
    ถึงพี่xorceค่ะ

    ขออนุโมทนาค่ะพี่ อยากสอบถามพี่ว่าเวลาหลังจากที่บอกพี่ว่ารู้สึกตึงแถวหน้าผากและดิ่งตอนนี้ก็นั่งไปเรื่อยๆทีนี้ก็รู้สึกพอเราเอนกายไปทางไหนรู้สึกเหมือนมีน้ำมาไหลกองที่หน้าเช่นแก้มเปลือกตาหรือจมูกพอสักพักพอเราดิ่งไปเรื่อยๆคือไม่รู้อะไรแล้วเหมือนหลับแต่เราตกใจสะดุ้งเพราะคล้ายๆว่าเราลืมตามองและสะดุ้งบ่อยทุกครั้งที่เริ่มใหม่และไปถึงจุดนั้นจะแก้ไขอย่างไรดีค่ะอีกอย่างนะค่ะพี่ตัวหนูจะไปวันที่11ตุลาคมนี้ที่ซอยวสายลมไปฌาน8ตามที่เค้าเรียกกันว่าผ่านครึ่งกำลังแล้วเมื่อเดือนที่แล้วก็ต่อฌาน8แต่อยากให้พี่ช่วยเล่าว่าหากจิตจะออกจากร่างจะเป็นอย่างไรและจะกลับเข้าร่างอย่างไรและต้องปฏิบัติอย่างไรแต่ปัจจุบันนี้หนูยังออกไม่เป็นเลยอยากถามพี่พี่กรุณาช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะค่ะขออนุโมทนาสาธุขอขอบคุณพี่จากใจจริง..ดีนะค่ะที่มีเว็บพลังจิตนี้และมีกระทู้นี้ไม่งั้นเหมือนคนไม่รู้อะไรเลยขอขอบคุณค่ะ
     
  17. wimonmas

    wimonmas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +197
    ขอขอบพระคุณคะที่ช่วยไขข้อสงสัย..เพราะไม่ทราบจะถามใครจริงๆ
    จะนำเอาวิธีที่กรุณาตอบไปปฏิบัติดูนะคะ
    ขออนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะคะ
     
  18. Waritham

    Waritham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +124
    ขอเรียนถามครับ
    1. ในฌาณ 4 ที่ไม่ปรากฏลมหายใจนี่ กล้ามเนื้อบริเวณท้องขยับหรือเปล่าครับ
    หรือว่าขยับแต่จิตไม่รับรู้แล้ว
    2. วิธีที่ทำให้จิตเป็นอุเบกขาทำยังไงครับ ใช้วิปัสสนาหรือเปล่า หรือปล่อยไปเรื่อยๆครับ
    3. สุขนี่หายไปเองหรือเปล่าครับ
    4. อาการปิติที่เห็นร่างกายใหญ่โตนี่แสดงว่าเฉียดถึงปฐมฌาณรึเปล่าครับ
    5. อุปจารสมาธินี่ ระงับเวทนาทางกายได้รึเปล่าครับ
    ผมเคยฝึกอย่างนี้นะครับ
    1. ดูทุกขเวทนาอย่างเดียว เกิดสุขขึ้นเหมือนกัน แต่ว่าเวทนาไม่ได้หายไป คือนั่งอยู่ด้วยความทุกด้วย แต่ต่อสู้ด้วยสุข
    2. ปัจจุบันผมฝึกอานาปาน เกิดสุขเหมือนกันแต่เวทนาเกือบไม่รับรู้
    และไม่ได้นั่งอยู่ได้เพราะสุข อันนี้คือจิตเริ่มแยกจากกายเหรอครับ
    อุปจารสมาธินี่เริ่มแยกหรือยังครับ
    *ถามเยอะหน่อยครับ เพิ่งมา
    อนุโมทนาครับ
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ oze ครับ

    อนุโมทนา กับทุก ๆ ท่านนะคับ

    สาธุ ๆ

    มีมั๊ยคับที่เวลาปฏิบัติไป จิตของเราสอนเราให้ทำ

    ขั้นตอนการปฏิบัติไปเองเรื่อย ๆ

    มีครับ
    อย่างเช่น พอปฏิบัติไปซักพักหนึ่ง บางท่านอาจจะเห็นนิมิตเป็นรูป ธรรมจักรหมุน
    ซึ่งหมายถึง ธรรมะในดวงจิตของเรา ได้เริ่มหมุนดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติแล้ว
    ซึ่งหลังจากนั้นเราจะเห็นทุกๆอย่างเป็นวิปัสสนาญาณหมด

    เห็นใบไม้ ร่วงหล่นลงมาจนถึงพื้น เราก็จะเกิดรู้สึก และพิจารณาขึ้นมาเองว่า
    ใบไม้นี้ก็เหมือนกับชีวิตของเรา ซักวันก็ต้องแตกสลายพังทลายเหมือนกับใบไม้ที่ล่วงหล่นนี้
    เราจะไม่มีความประมาทในการทำความดี เพราะชีวิตนั้นไม่เที่ยง
    ต้องเร่ง ทำความดีเพื่อมีพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบัน

    หรือจะขึ้นมาเป็นข้อวัตรปฏิบัติ ให้เราทำแบบนี้ๆ หรือวิธีการดำเนินจิตแบบนี้ๆ ก็ได้ครับ

    สรุปว่า เราไม่ได้คิดไปเอง มีจริงๆครับ

    ฌาณ4 กสิณ อรูป มโนมยิทธิ วิปัสสนาญาณ สรรพวิชชาใดอันเป็นสัมมาทิษฐิ ที่ทุกๆคนได้เข้าถึงแล้ว
    ขอให้ทุกๆคนรักษาเอาไว้ได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกชั่วขณะจิต ทุกภพชาติ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  20. t_zara

    t_zara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +29
    คืออยากทราบว่า อาการปิติตัวโยก ตัวสั่นที่เกิดขึ้นนั้น เรารับรู้ภายในจิตของเราว่ามันเกิด หรือว่ามันเกิดขึ้นจริงๆครับ ถ้าสมมติมีเพื่อนนั่งดูเราอยู่ เพื่อนจะเห็นเป็นอย่างไร ในขณะที่เราเกิดปิติครับ คือเคยเห็นในทีวี เด็กนักเรียนนั่งสมาธิแล้วตัวโยกใหญ่เลย แล้วพี่เลี้ยงก็เร่งใหญ่เลย ว่าภาวนาเข้าๆๆ ไม่รู้ว่าเป็นอุปทานหรือปิติจริงๆอ่ะครับ ขอขอบคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...