รักษาโรคด้วยตนเอง โดยใช้พลังแสง(โพสต์แรกนะคะ)

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 6 ธันวาคม 2012.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สาระน่ารู้...
    กินอาหารสด ทดแทนอาหารเสริม
    โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช

    ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารออกมาจำหน่ายสารพัดชนิด แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่หลายคนที่มีกำลังซื้อก็ยอมควักกระเป๋าซื้อหามารับประทาน จึงมีคำถามจากคนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยว่าแล้วมีอาหารสดที่ซื้อหาได้ง่าย ราคาถูก สรรพคุณเทียบชั้นผลิตภัณฑ์เหล่านั้นหรือไม่ ไปฟังคำตอบจาก นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กันเลย

    เริ่มจาก มะยมกับมะขามป้อมแทนผลเบอรีแบบฝรั่ง มะยม คือ “เบอรี” ชนิดหนึ่ง หลายท่านอาจคิดว่าถ้าดื่มเครื่องดื่มที่โฆษณาว่าเป็นเบอรีรวมสกัดแล้วจึงจะดี แต่ที่จริงแล้วสารสำคัญของเบอรีที่ดีที่สุดคือการกินสดที่ไม่ใช่สกัดมาผ่านกระบวนการเป็นของสำเร็จรูป มะยมมีโพลีฟีนอลส์ที่ช่วยหลอดเลือดสมอง ส่วนมะขามป้อมมีวิตามินซีสูงช่วยเสริมภูมิต้านทานได้

    ใบบัวบกแทนแปะก๊วย ใบบัวบกมีความพิเศษในเรื่องการบำรุงหลอดเลือดตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะสมอง ทำให้ไม่เกิดเลือดคั่ง ช่วยเส้นเลือดขอด ผลต่อสมองที่สำคัญคือช่วยให้สงบ ไม่กังวลตื่นเต้นจากสาร “ไทรเทอพีนอยด์” ที่มีอยู่ในบัวบก ที่สำคัญคือหาง่ายในบ้านเราและราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการรับประทานแปะก๊วยช่วยสมองที่ต้องกินจากใบ ไม่ใช่เม็ดแปะก๊วยเหลือง ๆ

    กระชายแทนโสม กระชายได้ชื่อว่าเป็นสมุนไพรบำรุงกำลังได้ดีจนมีชื่อเล่นว่า “โสมไทย” เพราะในโสมจีนหรือเกาหลีนั้นมีดีตรงที่สารจินซิโนไซด์ซึ่งเป็นสารคล้ายฮอร์โมนเพศแต่ก็ต้องระวังผลข้างเคียง สำหรับกระชายก็มีสารกลุ่มฟีโนลิกส์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ แถมยังช่วยลดความเสื่อมที่กระดูกและข้อในผู้สูงวัยได้ ยับยั้งการโตของเชื้อจุลินทรีย์ทั้งในลำไส้และเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและไล่มะเร็งที่ไม่มีใครปรารถนาด้วย

    ข้าวซ้อมมือแทนซีเรียลอาหารเช้า (ธัญพืชอบกรอบและขนมปังโฮลวีต) ข้าวซ้อมมือ ข้าวสีนิล ข้าวเหนียวดำและข้าวไทยที่ไม่ผ่านการขัดสีมากมีสาร “แอนโทไซยานินส์” ที่เทียบได้กับสารสกัดเมล็ดองุ่นหรือไวน์แดง นอกจากนั้นถ้ารับประทาน “จมูกข้าว” เสริมเข้าไปด้วยก็จะช่วยให้ได้สารเสริมภูมิคุ้มกันอย่าง “เบต้ากลูแคน” เข้าไปอีก การเพาะข้าวกล้องงอกช่วยเพิ่มคุณค่าในแง่สาร “กาบา” ที่ช่วยสื่อประสาทสำคัญในสมองได้ไม่แพ้เครื่องดื่ม “มอลต์สกัด”

    เห็ดโคนแทนเห็ดทรัฟเฟิล เห็ดทำอะไรก็อร่อย โดยเฉพาะเห็ดสัญชาติไทยอย่าง เห็ดนางฟ้า เห็ดเออรินจิ เห็ดเข็มทอง เห็ดหอม

    เห็ดเผาะหรือจะเป็นเห็ดฟางธรรมดา ๆ นี่ก็ให้คุณค่าทางอาหารแบบสดใหม่เทียบกันไม่ได้กับซุปเห็ดที่ขายกันราคาแพง เห็ดของไทยที่ถือเป็นสุดยอดอย่างหนึ่งคือ “เห็ดโคน” ชอบขึ้นใกล้จอมปลวก อยู่ในธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่มีกลิ่นหอม ถือเป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหารด้วย

    ปลาทูและไข่ขาวแทนคอลลาเจนผง การรับประทานคอลลาเจนสกัดจำพวก “คอลลาเจนเพ็พไทด์” หรือคอลลาเจนไฮโดรไลเสทมากไปทำให้ไตทำงานหนัก แต่การรับประทานคอลลาเจนจากธรรมชาติอย่างปลาทูและไข่ขาวที่หาง่ายจะให้ประโยชน์ที่คุ้มกว่า ทั้งในแง่วิตามินบำรุงผิวที่ครบถ้วนและแง่ของราคาที่หาซื้อได้อย่างสบายใจ

    ไข่ไก่แทนซุปไก่ ถ้าท่านอยากได้ประโยชน์จากไก่ในราคาไม่แพงให้หา “ไข่ไก่” มารับประทาน ธรรมชาติของแม่ไก่ต้องใส่ของดีที่สุดไว้ในไข่ไก่เพื่อให้ตัวอ่อน ดังนั้นการรับประทานไข่ไก่สักฟองหนึ่งย่อมให้คุณค่าที่ครบถ้วนจากของสดกว่าการดื่มซุปไก่สำเร็จรูป ถ้าปีนี้ท่านไม่อยากมอบกระเช้าซ้ำซากขอให้ลองจัดกระเช้าไข่ไก่ให้กันแทนก็ได้

    นํ้าเต้าหู้แทนเครื่องดื่มเพ็พไทด์ การดื่มเพื่อบำรุงสมองนั้น สารสำคัญต่อสมองไม่ได้อยู่ที่เพ็พไทด์อย่างเดียวหากแต่อยู่ที่ “นํ้า” และ “วิตามินบี” ที่ต้องมีครบด้วย ซึ่งมีอยู่แต่ในของสดเท่านั้น ในเครื่องดื่มสกัดก็จะมีเพียงเท่าที่เขาใส่มา ซึ่งในนํ้าเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองธรรมชาตินั้นจะให้สารบำรุงสมองนอกจากเพ็พไทด์แล้วก็ยังมี วิตามินบี 6 แพลนท์สตานอลช่วยลดไขมันและยังมี “พฤกษฮอร์ โมน” ซึ่งช่วยความจำและยังป้องกันกระดูกพรุนได้อีกด้วย

    ถั่งเช่าดักแด้ไหมไทยแทนถั่งเช่าทิเบต ถั่งเช่าทิเบตมีดีตรงสารบำรุงกำลังอย่าง “คอดีเซปิน” และ “เบต้ากลูแคน” ซึ่งไทยเราผลิตสุดยอด “ถั่งเช่า” สายพันธุ์ใหม่ได้จากการค้นคว้าของนักวิจัยที่สนับสนุนโดยกรมหม่อนไหม ทำให้เพาะได้สายพันธุ์ถั่งเช่าที่เฉพาะซึ่งเชื่อว่าต่อไปจะมีการศึกษากันอย่างกว้างขวางและกระจายออกสู่ตลาดได้มากขึ้นในราคาที่ไม่แพงจนน่าตกใจดังเช่นถั่งเช่าทิเบตหรือถั่งเช่าสีทอง

    นํ้ามันเมล็ดชาล้างหลอดเลือดแทนนํ้ามันรำข้าว การศึกษาชี้ว่าคุณค่าของนํ้ามันจาก “เมล็ดชานํ้ามัน” ไม่ได้ด้อยไปกว่า “นํ้ามันมะกอก” แต่อย่างใด เพราะมันมีกรดไขมันดีชนิดไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง นอกจากนั้นยังมีกรดไขมัน โอเมก้า 3 6 และ 9 ในปริมาณที่สูง ที่สำคัญคือเมล็ดชานํ้ามันหาได้ในบ้านเรามีผลผลิตมาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาชานํ้ามันและพืชนํ้ามันที่ จ.เชียงราย.

    ขอบคุณ :
    นพ.กฤษดา ศิรามพุช,พบ.(จุฬาฯ)
    ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
    American Board of Anti-aging medicine

    ข้อมูลจาก คอลัมน์ X-RAY สุขภาพ
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    กดจุดผ่อนคลายสายตา
    ปัจจุบันคนใช้สายตาเยอะ ทั้งทำงานหน้าคอม เล่นไอแพด ไอโฟน หรือมือถือ รวมถึงผมด้วยที่ต้องใช้งานกับเทคโนโลยีเหล่านี้ทุกวัน เมื่ออ่านหนังสือมาก ปวดตา เมื่อยตา เป็นเรื่องที่ปกติ เพราะเราใช้สายตาบ่อยทำให้สายตารู้สึกเพลีย กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนัก ตามทฤษฏีแล้วให้มองไปที่ต้นไม้สีเขียวที่ไกลที่สุด จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดวงตาเกิดการผ่อนคลาย แต่วันนี้เราคงไม่มีเวลาขนาดนั้นอีกทั้งต้นไม้สีเขียวก็ไม่ค่อยจะมีให้มอง วันนี้ผมมีจุดของแพทย์แผนจีนแนะนำสำหรับคนที่อ่านหนังสือ เล่นคอม ดูไอแพด เล่นไอโฟนบ่อยๆ
    จุดที่จะแนะนำคือจุดชื่อว่า明眼(หมิงเหยี่ยน) จุดนี้แปลตามตัวแล้วหมายถึงจุดตาสว่าง
    จุดหมิงเหยียน อยู่บริเวณหลังมือ ข้อที่1ด้านซ้ายของนิ้วหัวแม่โป้ง
    ถ้าหากเมื่อยตา ปวดตาบ่อยๆ โดยเฉพาะคนอื่นหนังสือมากๆ หรือคนเล่นคอมพิวเตอร์นานๆ ให้นวดจุดหมิงเหยียนบ่อยๆแล้วจะทำให้ตาสว่างเหมือนชื่อจุด ผมอีกคนที่ปวดตาบ่อยๆเวลาอ่านหนังสือ ตาแห้งเวลาเล่นคอม เวลาว่างๆ ก็จะนวดจุดนี้บ่อยๆ มันเป็นวิธีง่ายๆที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

    ข้อมูลโดย Dr ตี๋ แพทย์จีน
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "หัวหอม" : ปกป้องหลอดเลือดเลี้ยงสมองเกิดการอุดตัน

    เพราะมีสารไซโคลอัลลิอินช่วยในการสลายลิ่มเลือด ป้องกันไม่ให้ลิ่มเลือดอุดตัน ปกป้องหลอดเลือดเลี้ยงสมองเกิดการอุดตันและช่วยกระจายเลือดลม

    ทานเป็นประจำในระยะยาวจะช่วยทำให้หลอดเลือดสะอาด และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) และช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยหัวหอมสดแค่เพียงครึ่งหัวก็สามารถช่วยเพิ่มระดับไขมันดีได้ถึงร้อยละ 30 ในผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอล

    (ข้อมูลจาก : greenerald.com ASTV graphic
    และ ดร.วิคเตอร์ เกอร์วิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ อเมริกา)
    วิธีการทาน
    ------------
    รับประทานหัวหอมใหญ่แบบสด เช่นทานกับสลัด หรือทานร่วมกับอาหารอื่นๆ เพียงวันละครึ่งหัวถึงหนึ่งหัว เป็นเวลา 2 เดือนก็จะเห็นผลต่อสุขภาพโดยภาพรวมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง ค่ะ
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เกร็ดสาระความรู้สุขภาพ

    กรดไหลย้อน โรคติดปาก เป็นจริงหรือเปล่า

    คนทั่วไปคุ้นเคยกันดีกับโรคกระเพาะอาหาร และเมื่อมีอาการปวดท้อง ปวดแสบร้อนในช่องท้องส่วนบน เรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก ก็มักจะคิดเอาเองว่า โรคกระเพาะกำลังมาเยือนเป็นแน่แท้ ทั้งที่ความเป็นจริงอาจกำลังถูก โรคกรดไหลย้อน (GERD) เล่นงานเอาก็เป็นได้

    กรดไหลย้อน เป็นผลมาจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหาร ซึ่งกรดเหล่านี้มีความเข้มข้นสูงมาก ทำให้เกิดอันตรายต่อหลอดอาหาร และเยื่อบุในหลอดอาหารที่มีความบอบบาง กระทั่งทำให้เกิดการอักเสบตามมา ซึ่งโดยปกติแล้วกรดหรือน้ำย่อยจะไม่สามารถขึ้นไปอยู่ในหลอดอาหารได้ ยกเว้นในช่วงที่กลืนอาหาร หรือช่วงที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างมีการคลายตัวอย่างผิดปกตินั่นเอง

    อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับ กรดไหลย้อน นี้ รศ.พ.ญ.วโรชา มหาชัย หัวหน้าหน่วยทางเดินอาหาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า โรคกรดไหลย้อน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิตเหมือนโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจ แต่เป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานลดลง

    “เนื่องจาก โรคกรดไหลย้อน จะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้ายๆ กับอาการของโรคกระเพาะอาหาร จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่า ตนเองอาจจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร และไปซื้อยาเคลือบแผลในกระเพาะอาหารมารับประทานเอง ทำให้การรักษาไม่ตรงจุด โดยเฉพาะคนไทยเรามักจะชอบซื้อยามารับประทานเอง และคิดว่าการไปพบแพทย์เป็นเรื่องใหญ่ ระยะหลังมานี้จึงพบโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ” รศ.พ.ญ.วโรชา กล่าว

    อาการของ กรดไหลย้อน แบ่งเป็น 2 ระบบ ดังนี้

    • อาการ กรดไหลย้อน ที่เกิดในหลอดอาหาร จะมีอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก รู้สึกเหมือนมีก้อนอยู่ในลำคอ แสบลิ้นเรื้อรัง จุกแน่นแถวๆ หน้าอกคล้ายอาหารไม่ย่อย อาการนี้มักจะเป็นมากขึ้นหลังอาหารมื้อหลัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก หรือการนอนหงายที่สำคัญคือ จะมีอาการแสบหน้าอก เรอเปรี้ยว รู้สึกเหมือนมีกรดซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยว หรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก ภาวะดังกล่าวนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบ ถ้าเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรง อาจทำให้หลอดอาหารตีบหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุอาหารได้
    • อาการ กรดไหลย้อน นอกหลอดอาหาร จะมีเสียงแหบเรื้อรัง มักมีเสียงแหบตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม ไอเรื้อรัง รู้สึกสำลักในเวลากลางคืน หรือในบางรายอาจมีอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด หรืออาการเจ็บหน้าอกได้ ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังถูก “โรคกรดไหลย้อน” คุกคามถามว่าโรคนี้อันตรายไหม คำตอบคือ ถ้าเป็นแล้วรีบรักษา หรือทำให้อาการหายไปก็จะไม่มีอาการอย่างไร แต่หากปล่อยไว้เนิ่นนาน อาจทำให้หลอดอาหารเกิดการอักเสบ เป็นแผลรุนแรงจนตีบ หรือเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารได้ แต่… ความรุนแรงนี้จะมีได้เพียง 1% เท่านั้น

    กลุ่มเสี่ยง กรดไหลย้อน
    โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคยอดฮิตของหนุ่มสาววัยทำงาน ดารานักแสดง โดยเฉพาะสาวออฟฟิศ ที่ชอบกินจุบกินจิบ กินอาหารไม่เป็นเวลาและเร่งรีบ รวมถึงผู้ชอบอาหารรสจัด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงสูงหากมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่แล้วลามขึ้นมาที่หน้าอกหรือคอ ควรปรึกษาแพทย์
    นอกจากนี้ ยังสามารถพบได้ในเด็กทารกจนถึงเด็กโต ในเด็กเล็กอาการที่ควรนึกถึงโรคนี้ ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับได้

    วิธีการรักษา กรดไหลย้อน
    โรคกรดไหลย้อน สามารถรักษาให้หายได้ โดยการรับประทานยากลุ่มยาลดกรด แต่ถ้าเป็นมาก และเรื้อรังควรได้รับการตรวจรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรับยาที่ตรงกับโรค ในบางรายที่อาการหนักอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด ดังนั้นหากมีอาการควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
    อาการ

    ขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต จะให้ผลดีมากเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วย กรดไหลย้อน ควรปฏิบัติดังนี้
    • ลดน้ำหนักสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เพราะคนอ้วนจะมีความดันในช่องท้องสูงทำให้กรดไหลย้อนได้มาก
    • งดบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้เกิดกรดมาก ทำให้หูรูดอ่อนแอ
    • ใส่เสื้อหลวมๆ เพื่อลดแรงกดที่กระเพาะ
    • ไม่ควรจะนอน ออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังออกกำลังกาย
    • งดอาหารก่อนนอน 3 ชั่วโมง
    • งดอาหารมันๆ อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยหัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ช็อกโกแลต ถั่ว ลูกอม เนย ไข่ รวมทั้งอาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว และเค็มจัด
    • รับประทานอาหารแค่พออิ่ม หรืออาจแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ ทานน้อย แต่บ่อย
    • หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ น้ำอัดลม เบียร์ สุรา
    • เลี่ยงการนอนตะแคงขวา เพราะท่านี้จะทำให้กระเพาะอยู่เหนือหลอดอาหารอาจทำให้อาการกำเริบได้
    • นอนหัวให้สูงประมาณ 6-10 นิ้ว โดยหนุนที่ขาเตียง ไม่ควรใช้หมอนหนุนที่ศีรษะ เพราะทำให้ความดันในช่องท้องสูง
    แม้จะมีวิธีรักษา กรดไหลย้อน หรือรู้วิธีช่วยบรรเทา กรดไหลย้อน แล้วก็ตาม หากยังคงปฏิบัติหรือใช้วิถีชีวิตแบบเดิมๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง กรดไหลย้อน ก็จะยังคงย้อนวนเวียนกลับมาเหมือนเดิมนั่นเอง

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Kapook.com
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ดูชัดๆอีกครั้ง สูตรฟันทน ครั้งแรกๆใบมะนาว 2-3 ใบก็พอและลดเกลือลงด้วยตามส่วน (กันเข็ด เพื่อให้ชินในรสชาด) ใบมะนาวครึ่งอ่อนครึ่งแก่นะครับ เคี้ยวให้พอแหลก แล้วอมไว้ 2-3นาที กลั่วน้ำที่เคี้ยวให้ทั่วฟัน เมื่อครบเวลาแล้วคายทิ้ง บ้วนปากได้ ทำเดือนละครั้ง หรือเมื่อเริ่มมีอาการ ปวดฟัน เหงือกบวม สูตรคุณตาบุญสม แห่งสวนมะยงชิดบุญสมการเกษตร ปากทางเข้า รร.จปร. นครนายก ท่านเสียชีวิตอายุ 78 ฟันท่านยังอยู่เกือบเต็มปากครับ

    [​IMG]
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ภาพนี้สำหรับคลายเครียดค่ะ
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    การดื่มกาแฟ สร้างภาระให้ตับ และ ระบบการย่อยอาหาร เมื่อตับอ่อนแรงจากการทำงานหนัก บวกกับระบบย่อยอาหารเสียสมดุล ย่อยและดูดซึมอาหารไปผลิตเป็นเลือดที่ดีไม่ได้ อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง อีกทั้งความอยากกาแฟ ก็เพิ่มขึ้นแบบแก้วต่อแก้ว จึงทำให้หลายติดกาแฟ หากไม่ได้ดื่มจะไม่มีแรงทำงานก็เพราะ...สารอาหารในเลือดตก

    ...ดังนั้นถ้าจะดื่มกาแฟ แนะนำให้ดื่มหลังอาหาร และไม่ควรทดแทนอาหารมื้อเช้าด้วยกาแฟเพียงถ้วยเดียวนะครับ ลองหาอาหารที่มีประโยชน์รับประทาน เพราะมื้อเช้าคือมื้อที่สำคัญที่สุด (หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น) แต่ถ้าไม่มีเวลาก็แนะนำให้ทดแทนด้วย สาหร่ายเกลียวทอง หลังจากตื่นนอนทุกวันดูนะครับ ...
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    10 ผลไม้ไทย...มีสารต้านมะเร็ง

    กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ

    >> ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูง คือ

    1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก

    2. มะเขือเทศราชินี

    3. มะละกอสุก

    4. กล้วยไข่

    5. มะม่วงยายกล่ำ

    6. มะปรางหวาน

    7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง

    8. มะยงชิด

    9. มะม่วงเขียวเสวยสุก

    10. สับปะรดภูเก็ต

    **ผลไม้ทั้งหมดนี้มีสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม

    • ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย คือ แก้วมังกร มะขามเทศ มังคุด ลิ้นจี่ และสาลี่

    • ส่วน 10 อันดับแรกของผลไม้ ที่มีวิตามินซีสูง คือ ฝรั่งกลมสาลี่ ฝรั่งไร้เม็ด มะขามป้อม มะขามเทศ เงาะโรงเรียน ลูกพลับ สตรอเบอร์รี่ มะละกอสุก ส้มโอขาว แตงกวา และพุทราแอปเปิล

    • การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรก คือ ขนุนหนัง มะขามเทศ มะม่วงเขียวเสวยดิบ มะเขือเทศราชินี มะม่วงเขียวเสวยสุก มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะม่วงยายกล่ำ แก้วมังกรเนื้อสีชมพู สตอเบอร์รี่ และกล้วยไข่

    ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

    ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี

    ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของอาหารสารที่ช่วยกำจัด อนุมูลอิสระ ที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด

    ที่มา : โรงพยาบาลวิภาวดี
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]

    ภาพเพื่อความผ่อนคลายค่ะ
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  18. homesmile

    homesmile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2014
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +178
    ท่านอนเบอร์ 14 ตรงกับผมเลยคุณติงติง
    เวลากับจากที่ทำงานมาเหนื่อยก็ทิ้งตัวนอนเลยครับ
     
  19. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ของผมภาพที่๑๐ฮะ ...:z1:z11dannce_
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ท่านอนน่าสบายนะคะ ^^
    น้องชายพี่นอนเหมือนเด็กๆ ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...