รวมโอวาทพระอริยสงฆ์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย อภิราม, 13 กันยายน 2010.

  1. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    (พระครูสันติวรญาณ)
    วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    "อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน ตนทำบาปตนก็ได้รับทุกข์เอง
    ตนทำบุญก็ให้ความสุขแก่บุคคลผู้นั้น บุญ-บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน
    ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล
    แต่ว่าบางอย่าง บางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์
    ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล"

    "ใครจะมาว่าเราก็เป็นเรื่องปากเขา ว่าจิตเรามีหน้าที่ภาวนา
    ไม่ต้องไปมัวว่าคนโน้นคนนี้ ติคนโน้นชมคนนี้ ได้ประโยชน์อะไร
    ภาวนาในใจดีกว่า สงบกาย สงบวาจา สงบจิต ให้สติอยู่ทุกเวลา
    ยืนให้มีสติ เดินให้มีสติ ทำอะไรให้มีสติ พูดอะไรให้มีสติ
    อย่าเพียงแต่ว่า พูดอะไรพูดได้ ก็พูดไปขาดสติ จิตใจเลื่อนลอย ฟุ้งซ่าน
    ไม่มีเวลาจบไม่มีเวลาสิ้นนั่นแหละชื่อว่าตัณหาดิ้นรนวุ่นวายไปตามกามตัณหา
    ภวตัณหา วิภวตัณหา จิตใจไม่สงบระงับ ไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิภาวนา
    เพราะหลงไหลไปตามอาการภายนอก จิตไม่หยุด จิตไม่อยู่ จิตไม่รู้ภายใน
    รู้ภายนอก รู้ไปทำไม รู้ภายใน รู้กาย รู้จิตของตัวเองดีกว่า"

    หมายเหตุ

    - กามตัณหา หมายถึง ความอยากในกาม
    - ภวตัณหา หมายถึง ความอยากเป็น อยากมี
    - วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากเป็น ไม่อยากมี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  2. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อเกษม เขมโก
    สำนักสุสารไตรลักษณ์ อ.เมือง จ.ลำปาง

    [​IMG]

    "ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว คงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่"

    "ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป
    ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว"

    "การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น
    ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย"

    "ตายเป็นเหม็นเน่าเราเขาเหมือนกัน อยู่ไปทุกวันใครได้ก็ดีใครมีก็ได้"

    พระนิพพาน..ความรู้พิเศษ พระนิพพานเปรียบเหมือนคุณของอากาศ
    อธิบายว่า อากาศมีคุณ ๑๐ ประการ
    ๑.ไม่รู้จักเกิด
    ๒.ไม่รู้จักแก่
    ๓.ไม่รู้จักตาย
    ๔.ไม่กลับเกิดอีก
    ๕.ไม่จุติ
    ๖.ใครจะข่มเหงลอบลักเอาไปไม่ได้
    ๗.เป็นของดำรงสภาพไว้ได้โดยไม่ต้องอาศัยอะไร
    ๘.สำหรับฝูงนกบินไปมา
    ๙.ไม่มีอะไรมากางกั้น..แล
    ๑๐.ที่สุดไม่ปรากฏ

    "เอาท่องไปสอบวันอาทิตย์นี้.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  3. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
    (พระธรรมวิสุทธิมงคล)
    วัดป่าบ้านตราด อ.เมือง จ.อุดรธานี

    [​IMG]

    "ผู้มีสติปัญญาย่อมรู้ธรรมขั้นละเอียดอ่อนได้ไม่ยากนัก
    สามารถรู้เลห์เหลี่ยมกิเลสภายในจิตไม่ว่าซอกไหนมุมใด
    ท่านจะจับออกมาสับโขกอย่างไม่ปราณี กิเลสเป็นตัวโรคร้ายและไม่สามารถ
    มองมันเห็นด้วยตาเปล่าหรือกล้องส่อง เมื่อใครมีกิเลสส่วนใดชนิดใดและภายใน
    ตัวกิเลสมันจะกัดกินใจของบุคคลนั้นอย่างไม่มีวันพอ จนตายนั่นแหละมันจึงปล่อย"

    "ธรรมะเป็นอาวุธสำคัญที่กิเลสหวั่นไหวเกรงกลัว เพราะรู้ทันกลอุบายของมัน
    ผู้ปฏิบัติจะมีความอิ่มแห่งธรรมเหมือนอิ่มอาหาร จะเข้าใจกันเองไม่ต้องถาม
    เพราะธรรมเป็นของอิ่มของพอ แต่กิเลสมันไม่เคยมีความอิ่ม
    มันหิวกระหายอยู่เป็นนิจ คนเราถ้ามีกิเลสเต็มตัวแล้ว มันก็เหมือนหมูเราดีๆนี่เอง
    กินแล้วนอนๆจนอ้วนพี เขาก็นำไปขึ้นเขียงสับบั่นเท่านั้น
    ฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมเขาจึงไม่เลี้ยงกิเลส เขาทำลายกิเลสทั้งนั้น

    พระอริยเจ้าทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมา ท่านรู้ทันกิเลส
    เมื่อกิเลสโผนมา ธรรมะโผนไป กิเลสโหดร้าย ธรรมะโหดดี
    อยากทราบต้องออกแนวรบ นักปฏิบัติคือนักรบ เป็นต้องเป็น
    ตายต้องตาย จึงจะเอากิเลสอยู่ กิเลสมีเท่าไร ธรรมมะต้องมีเท่านั้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
  4. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ครูบาชัยยะ วงศาพัฒนา
    วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน

    [​IMG]

    "อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่จะตัดบาปตัดกรรมตัดเวรได้นะ ตัดไม่ได้
    เว้นแต่กรรมที่เบาหรืออโหสิกรรม ตัดได้ พวกนั้นตัดได้
    ก็พระพุทธเจ้ายังตัดไม่ได้ พระมหาโมคคัลลาน์มีฤทธิ์สุดขีด
    ไม่มีองค์ไหนจะมาเทียมถึง ก็ตัดไม่ได้ จึงขอฝากไว้"

    "อย่าหลับหูหลับตาฟัง แต่คนไม่รู้หาว่าท่านครูบา
    หลวงพ่อวัดพระพุทธบาทจะมาตัดกรรมตัดเวร ตัดไม่ได้หรอก
    แต่ถ้าเป็นอโหสิกรรมได้ ทำผิดพูดผิดต่อใครๆเจ้าตัวเองต้องขอตัดเอาเอง

    อโหสิกรรมถือว่าตัดได้ ก็ต้องตัดเอง จะต้องขอเอง
    ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ไม่พ้นจากกรรม เราต้องขอเอง
    ต้องอ่อนน้อมกล่าวคำสารภาพกับตัวเขา เขาจึงจะอโหสิ งดโทษให้เรา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  5. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู

    [​IMG]

    "การศึกษาอบรมธรรมก็จงตั้งใจจริงๆ อย่านำความเหลาะๆ แหละๆ
    มาสังหารตนและทำลายเพื่อนฝูงผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรม
    ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วมันไม่ไว้หน้าใคร มันทำลายทั้งสิ้น
    ไม่ว่าพระหรือเณร อย่าเข้าใจว่ามันจะมาถวายตัวเป็นศิษย์ก้นกุฏิ
    หรือให้ความสะดวกในการบำเพ็ญธรรม อย่าเข้าใจว่าเป็นอาจารย์ของมัน
    แท้จริงกิเลสมันขึ้นมาบนหัวเราตั้งแต่เป็นฆราวาส
    จนมาบวชเป็นพระเป็นเณรแล้ว มันยังไม่ยอมลงจากหัวเราเลย นี่แหละ
    พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโตสอนถ่ายทอดกันมาแก่บรรดาศิษย์ให้ใส่เกล้าเอาไว้"

    "แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่ สติ จงหมั่นทำสติให้แก่กล้า
    สติทำอะไรไม่ผิดพลาด กุศลธรรมทั้งหลายคุณงามความดีทั้งหลาย
    เกิดขึ้นได้เพราะบุคคลมีสติอย่างเดียว
    จะคิด จะพูด จะทำให้มีสติระลึกนึกเสียก่อน มันผิดก็ให้รู้ มันถูกจึงค่อยทำ
    ผู้อื่นไม่ได้ทำให้จิตของเราเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว
    เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมอง ผู้อื่นช่วยไม่ได้
    แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น
    ผู้ปรารถนาความเจริญความสุขต้องหมั่นฝึกอบรมตนเอง
    ทำเอง-รู้เอง-ได้เอง ใครทำใครได้ ผู้ทำคุณงามความดีมีศีล
    ศีลที่บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ จิตดี
    จิตที่ไม่อิจฉาริษยาพยาบาทเบียดเบียน เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
    ทำให้คนบริสุทธิ์ ทำให้คนมีศีล มีโภคทรัพย์"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  6. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่ออุตตมะ
    (พระครูอุดมสิทธาจารย์)
    วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี


    [​IMG]

    ..น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
    ซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า..

    "ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง
    เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นเราควรละเสียแล้ว..อนึ่ง
    สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า สิ่งนั้นก็ยังมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นผู้มีปัญญา
    จึงไม่ควรให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
    ก็ผู้มีปัญญา ได้เห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า
    แจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ ใครจะพึงรู้ว่าความตายจักไม่มีในพรุ่งนี้
    เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยูความตาย
    ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้น มิได้เลย ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน
    อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน
    ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้
    ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญดังนี้"

    ..ให้เชื่อกฏแห่งกรรม ทำกรรมอย่างใดย่อมส่งผลอย่างนั้น คือ
    กรรมชั่วย่อมส่งผลชั่ว และกรรมดีย่อมส่งผลดี ผู้ใดทำกรรม
    ผลกรรมนั้นย่อมตกแก่ตัวผู้ทำ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
    ใครทำกรรมดี ผลกรรมที่ดีต้องตกแก่คนผู้นั้น
    ใครทำกรรมชั่ว ผลกรรมชั่วก็ย่อมตกแก่ผู้นั้นเช่นเดียวกัน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  7. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต
    วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

    [​IMG]

    "เป็นครูสอนคนอื่นก็ดีอยู่ หากสอนตัวเองด้วยก็จะดีมากขึ้น
    เราตรวจคะแนนให้คนอื่น ข้อนี้ถูกข้อนั้นผิด
    เราเคยตรวจดูตัวเองบ้างหรือเปล่า วันเวลาผ่านไป
    ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คะแนนฝ่ายดีกับคะแนนฝ่ายชั่วนั้น
    ข้างไหนมันมากน้อยกว่ากัน กลับไปตรวจตัวเองเด้อ.."

    "ศีลมีมากหลายข้อ ไม่ต้องรักษาหมดทุกข้อดอก
    รักษาแต่ใจของเจ้าให้ดีอย่างเดียว
    กาย วาจา ก็จะดีไปด้วยกันนั่นแหละ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  8. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    (พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์)
    วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    [​IMG]

    "ข้าศึกใดๆในโลกนี้ ไม่มีอำนาจลึกลับร้ายกาจแหลมคมเหมือนข้าศึกในใจเรา
    ศีลห้า เป็นรากฐานของการกระทำกรรมต่างๆ ไม่ว่ากรรมดีและกรรมชั่ว
    กรรมดีต้องเว้นจากโทษห้าข้อนี้ ข้ออื่นๆเป็นเรื่องปลีกย่อยออกไปจากศีลห้าทั้งนั้น
    เมื่อไม่มีศีลห้าข้อนี้กำกับอยู่กับใจแล้ว ความชั่วนอกนั้นทั้งหมดจะหลั่งเข้ามาครองใจ
    ความดีทั้งปวงไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้นาน ไม่ต้องพูดถึงสมาธิสมาบัติปัญญาหรอก
    เครื่องกลั่นกรองธรรมเพื่อให้ใสสะอาดจากโลกนั้น
    นอกเหนือไปจาก ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วไม่มี"

    "ศาสนา ตั้งต้นที่กายกับใจ เทวดา อินทร์ พรหม
    ไม่สามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ เพราะว่ามันสุขเกินไป
    เราเกิดมาเป็นมนุษย์นับว่าดีอักโขแล้ว ขอให้รักษามนุษย์ธรรมไว้ก็แล้วกัน
    ถ้ารักษาไว้ไม่ได้ มันจะเลวลงไปกว่ามนุษย์อีก ไปเกิดเป็นสิงห์สาราสัตว์
    แต่ละภพชาติมันนานแสนนาน.."

    "ผู้ที่ไม่เข้าใจในเหตุผลของความตาย เมื่อถึงความตายจึงเป็นทุกข์
    เพราะอาลัยในความตาย แต่ผู้ตายกลับสบายแฮ
    เพราะไม่ต้องตายอีก คนที่ตายไปแล้วเท่านั้นเป็นผีที่น่าเกลียด
    แต่หารู้ไม่ว่า ตัวของเราเป็นผีสดศพหนึ่งดีๆ นี่เอง
    นอกจากจะเป็นผีสดแล้ว ยังเป็นป่าช้าที่ฝังผีของสัตว์ต่างๆ
    มีหมู วัว เป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งเราขนมาฝังอยู่ทุกๆวัน
    คนที่ตายแล้ว เขาไม่ได้เป็นป่าช้าของสัตว์อื่นอีกต่อไปแล้ว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  9. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
    (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)
    วัดถ้ำอภัยดำรงชัย อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

    [​IMG]

    "พระเถระองค์หนึ่ง ท่านไปบำเพ็ญใกล้สระแห่งหนึ่ง
    มีผู้หญิงเขาลงไปเก็บดอกบัว ขณะเก็บดอกบัวเขาก็ร้องรำทำเพลง
    พระท่านก็พิจารณาตามเสียงเพลงนั้น ให้รู้ให้เห็นทุกขสัจจะ สมุทัยสัจจะ
    เพราะในขณะที่เขาร้องเพลงเพลิดเพลินนั้น ก็คือ เขาเป็นทุกข์
    ทุกข์เพราะกิเลสแผดเผาจิตใจ เขาจึงระบายออกในลักษณะร้องเพลง
    นั่นเรียกว่า เป็นความระบายกิเลส ทั้งในขณะนั้น
    เขาก็มีความรักใคร่ ยินดีเพลิดเพลินอยู่ด้วยอำนาจของกิเลส
    ซึ่งเป็นสมุทัยสัจจะบอกทุกขสัจจะ ที่กิเลสแผดเผาจิตของเขาด้วย

    แล้วพระท่านก็เกิดความสังเวชเกิดความเบื่อหน่าย
    จิตของท่านก็หลุดพ้นได้สำเร็จ เป็นพระอรหันต์
    เพราะอาศัยเสียงเพลงนั้นเป็นตัวเหตุ ท่านก็น้อมนำมาพิจารณา
    นิโรธ ความรู้แจ้งก็เกิดขึ้น กิเลสทั้งหลายก็หมดสิ้นไป"

    "นี่แหละ เมื่อจิตเป็นธรรมะแล้ว ก็พิจารณาเป็นธรรมะไปได้
    หรือจะเห็นรูปร่างกายที่เขาแต่งให้สวยงาม ก็เช่นเดียวกัน
    ข้างในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด ของโสโครกสกปรก แต่เขาแต่งข้างนอก
    ก็เหมือนกันกับโลงผีที่เขาแต่งให้สวยงาม แต่ข้างในน่าเกลียดน่ากลัว
    คนเราก็เหมือนกัน ใจที่มีกิเลสก็น่ากลัว มันเกิดความโลภก็น่ากลัว
    เกิดความโกรธก็น่ากลัว เกิดความหลงก็น่ากลัว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  10. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ
    วัดเจติยาคีรีวิหาร(ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย


    [​IMG]

    "ถ้ารู้ธรรม..ก็ขอให้สักแต่ว่ารู้
    เมื่อรู้แล้ว ก็นำธรรมะนั้นมาฟอกซักชำระเสียให้สะอาด
    ใจเรามันสกปรกมานาน ต้องล้างเสียที
    อวิชชามันเยอะ มันหุ้มไว้จนหมดมิด..

    เมื่อจิตใจหมดจดแล้ว (รู้ด้วยสติปัญญานะ)
    จิตใจผู้รู้นั่นแหละ มันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไป
    จิตใจผู้รู้ก็จะทรงอานุภาพด้วยปัญญาอย่างโดดๆ
    ไม่เกาะเกี่ยวข้องแวะกับอะไร เป็นปกติใสสว่าง
    เป็นจิตเดิมแท้ ทีนี้แหละ..อะไรที่ไม่รู้มันก็จะรู้
    สิ่งไหนไม่อยากรู้มันก็รู้ มันก็ตื่น มันเบิกบานของมันไป"

    "ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงต้องสอน เอาความโง่ของพวกเราออก
    เอาความดีใส่มาแทนให้ เราก็จงรับไปปฏิบัติ..ซี
    เอามาแล้วก็มาวางไว้เฉยๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรเล่า.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  11. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อชา สุภัทโท
    (พระโพธิญาณเถร)
    วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี


    [​IMG]

    "ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้น
    จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นการหลุดพ้น..

    พยายามมากเกินไปแต่ขาดปัญญา เป็นการเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่
    ความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น เดินทางสายกลางคือ สงบ วางสุข วางทุกข์
    หน้าที่ของเรานั้นทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา
    ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่ลุมล้อมเรา"

    "จิตของคนตามธรรมชาตินั้น ไม่มีความดีใจ เสียใจ
    ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง
    จิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์
    ผู้ใดตามดูจิต ผู้นั้นจักพ้นบ่วงมาร
    การกระทำจิตให้สงบนั้น อย่าพึ่งเข้าใจว่ามาทำวันเดียวหรือสองสามวัน
    มันจะสงบได้ ต้องพยายามทำเรื่อยๆไป ให้เห็นความสงบเกิดขึ้นมา
    ต้องพยายามทำให้มาก ทำบ่อยๆ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีสติอยู่เสมอ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  12. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงพ่อจรัล ฐิตธมฺโม
    (พระราชสุทธิญาณมงคล)
    วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี


    [​IMG]

    "การที่เราหันจิตใจมารักษาศีลกินธรรมนี้
    จงมีความตั้งใจให้จริง เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านี้เป็นทิพย์
    ไม่มีความอิ่มฉันใดจะเสมอเหมือน การอิ่มธรรม"

    "ความอิ่มในรสชาติอาหารนั้น เป็นเพียงส่วนประกอบให้แก่ธาตุขันธ์เท่านั้น
    เป็นความไม่เที่ยงเสื่อมสลายลงได้ เมื่ออิ่มไปชั่วขณะก็หิวอีกอย่างนี้เป็นต้น
    แต่ธรรมะเป็นของสมบูรณ์ อิ่มแล้วจะมีความอิ่มที่คงทนถาวรไม่เสื่อมสลาย
    ผู้ใดมีธรรมะเป็นเครื่องอยู่อาศัย บุคคลผู้นั้นจะมีความอิ่มความพอ
    แม้ธรรมนั้น จะมิได้เป็นรูปร่างที่มองเห็นกันด้วยตาเนื้อ
    แต่ธรรมเป็นธรรมชาติอันละเอียดสุขุม
    สุดที่จะนำมาเปรียบกับของสมมุติทั้งหลายได้"

    "ใจเป็นความละเอียดฉันใด ธรรมก็เป็นของละเอียดสุขุมฉันนั้น
    และใจนี่แหละ เป็นที่สถิตของธรรมทั้งปวง
    ผู้ปฏิบัติธรรมจงพยายามศึกษาค้นคว้าวิปัสสนา
    ให้เที่ยงแท้ด้วยสติปัญญา จึงจะบังเกิดเห็นผลแก่ท่านด้วยดี
    อันวิชาศาสตร์ต่างๆนั้น อาตมาขอศึกษาให้รู้ว่ามีจริงเท่านั้น
    เมื่อรู้แล้วก็หยุด ที่หยุดไม่ได้ คือ การปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน
    ต้องดำเนินไปเสมอไม่ขาดตอน จะขาดตอนไม่ได้เป็นอันขาด"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  13. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  14. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    รูปผิดนะครับ ของหลวงปู่บุดดาคุณใสรุป หลวงปู่ขาวลงไปครับ
     
  15. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ขอบคุณมากๆครับ แต่จะกดลบรูปดันไปกดลบข้อความทิ้ง -.-

    หากท่านทั้งหลาย เห็นสิ่งใดหรือข้อความไหนผิดพลาด
    โปรดช่วยกันแจ้งด้วยนะครับ หรือจะPMมาบอกก็ได้
    เพราะผมคัดลอกมาจากในหนังสือ
    อาจจะมีบางข้อความที่ตกหล่นหรือไม่ครบ
    ขอทุกท่านโปรดช่วยกันบอกกล่าวด้วยครับ
    ขอบคุณมากๆครับ

    __________________
    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นคือทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  16. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร
    วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

    [​IMG]

    "ขันธ์๕ ของกิเลสมันเกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกข์อยู่แล้ว
    เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่แล้ว คนไทยนี่อะไรๆ ไม่เสียดายหรอก
    ในโลกนี้ให้หมดนะอามิสน่ะ ..แต่ ..แต่มีข้อแม้ว่า ผัวดิฉันนะ
    ใครแตะไม่ได้นะ เอาตายเชียวนะ จะไปนิพพานจะเอาผัวไปด้วย..ปัดโธ่
    เขาไปนิพพานจะเอาผัวเมียไปที่ไหนกัน เขาเอาธรรมะไปต่างหากล่ะ"

    "คนมันเขียนท้ายรถยนต์ ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป
    ไอ้นั่นนะ มันไม่รู้จัก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    มันเอาข้อวัตรของมันมาเอากิเลสอวด..โอโธ่
    พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดอย่างนั้น.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  17. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่คำมี พุทฺธสาโร
    วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.ลพบุรี

    [​IMG]

    "นอน นั่ง ยืน เดิน ในทุกอิริยาบท ทรงไว้ด้วยสติสัมปชัญญะตลอดเวลา
    สองอย่างนี้เคลื่อนจากกันไม่ได้ ถ้าแยกจากกันในวินาทีใด
    ก็หมายความว่า ความรู้แจ้งเห็นจริงพลอยดับหายไปเหมือนกัน
    เหมือนเครื่องยนต์ถ้าน้ำมันขาดตอน เครื่องก็จะสะดุดหยุดลงชั่วขณะเหมือนกัน"

    "เกิดเป็นคน อย่าทิ้งความดีนะลูกหลานนะ เราเป็นฆราวาส
    คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดานี่
    ถ้าทำดีปฏิบัติถูกแล้ว สิ่งที่ไม่ปรากฏ นาม-รูป จะมาอนุโมทนา
    จำไว้นะลูกหลานนะ คำพูดนี่สำคัญ ลูกไอ้.. ลูกอี.. ก็อย่าว่า
    อย่าทำนะ ถ้าทำถ้าพูด พระจะหนีหมดเลย ไม่ดีนะ.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  18. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ครูบาพรหมา พรหมจักโก
    (พระสุพรหมยานเถร)
    วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน


    [​IMG]

    "คนเราเกิดมามีร่างกายเป็นที่อยู่อาศัย
    อุปมาเป็นบ้านที่กำลังไฟไหม้ เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเหตุ
    บัดนี้ ไฟกำลังไหม้บ้านเรือนเราอยู่เสมอๆตลอดเวลา ผู้มีสติ ผู้มีปัญญา
    นำสมบัติอันมีค่าค่อยๆขนออกจากบ้านที่กำลังไฟไหม้อยู่นี้
    สมบัติอันมีค่านั้นก็คือ การกระทำคุณงามความดี สร้างบุญกุศล
    ความดีที่ทำลงไปแล้ว อย่างไรๆก็ไม่มีวันสูญหาย
    จงจำใส่ใจไว้ ไม่มีสิ่งใดที่ไหนที่จะนำทางชีวิตของเรา
    ให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้ มีแต่บุญกุศลเท่านั้น"

    "พวกเราทุกคนเมื่อจะรักการภาวนาธรรม
    ก็ต้องดูเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้านี้ เป็นแนวทางให้น้อมไว้เป็นสรณะ
    สมัยการเดินธุดงค์กรรมฐานของอาตมา ต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง
    แม้ชีวิตเลือดเนื้อต้องสละหมดสิ้น ไม่เห็นกังวล
    ถ้าจะตายก็ต้องให้ตายไป พวกเราเชื่อในการทำความดี
    เมื่อถึงคราวตายก็ถวายหมดสิ้นแล้ว อย่างไม่มีความสงสัยเลย

    การปฏิบัติธรรม ต้องอาศัยปัญญาภายใน
    เป็นดวงธรรมอันสว่างไสวนี้ จึงจะรู้แจ้งในธรรมนั้นๆ
    จงรีบขวนขวายพยายามอย่าประมาททอดทิ้งเป็นอันขาด"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2010
  19. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่คำแสน(ทิม) อินทจักโก
    (พระครูสุคันธศีล)
    วัดสวนดอกเก้าตื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

    [​IMG]

    "ศีลบริสุทธิ์ ถือสัจจะบริสุทธิ์ ถือหลักพรหมวิหาร๔ประการอันบริสุทธิ์
    เพื่อเสริมสร้างบารมีธรรม สัจจะบารมีนี้สำคัญ
    ถ้ามีสัจจะแล้ว ทำอะไรปฏิบัติอะไรก็จะได้ผลเสมอ
    แม้เรากำลังน้อยทำไม่ไหว ก็ยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นตัวท่านช่วยประคอง
    ให้จนได้พบกับความสำเร็จนะ..เออ เออ..สร้างให้ดี สร้างให้จบ
    มันก็จะสิ้นทุกข์ ไม่ยากไม่ลำบากอีกต่อไป ทำดีไปเถิดดีเองแหละ.."

    "ศีลเป็นรากแก้วของชีวิต จะทำดีมีชื่อเสียงได้ก็ด้วยศีลธรรมนี้เอง
    ใครมีศีลผู้นั้นเป็นเทวดา ผู้ใดรักษาศีลได้มั่นคงผู้นั้นมีสติสัมปชัญญะแล้ว
    เพราะศีลนี้ทำให้ กาย วาจา ใจ ของมุษย์สูงขึ้น
    ถ้ายังมุ่งหวังอยากได้สมาธิก็ต้องมีศีล อยากได้ปัญญาก็รักษาศีลเสียก่อน
    ได้ศีลแล้วธรรมะจะเกิดขึ้นในตัวเราเอง ธรรมะอยู่ที่ไหนล่ะ..อยู่ที่ใจ

    อยู่ที่ตัวเรานี้ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว
    มีเป็นธรรมดา จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ของใครของมันนะ
    ธรรมอยู่ในกายเรานี้แล้วทุกอย่าง สติปัญญาเอามาเป็นเครื่องวัด
    วัดมันไปทุกๆวัน เราจะได้รู้ว่าอะไรตกต่ำบ้าง เมื่อตกต่ำ
    เราก็รีบสร้างให้เป็นปกติอย่าให้พร่อง บุญกุศลเป็นของดีบริสุทธิ์จำไว้นะ.."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010
  20. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด

    [​IMG]

    "เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับความดี"

    "การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฏ์ คือ นั่งภาวนา๒๔ชั่วโมง
    จะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง๒ ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง
    โอ..นรก๘ขุม มันเกิดยกกันมาที่นี่ทั้งหมด เออ..มันยกทัพกันมา
    ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งร่างกาย เรานี่แหละสู้กับมันจนทุกขเวทนา
    ปรากฏอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมาร
    ที่มารบเร้าจิตใจจนหมดสิ้น ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียวมันจบได้
    คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลย
    นี่นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้ ถ้าไม่ได้แพ้มันเด็ดขาด.."

    "นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ ถ้าสติอ่อน
    มันจะติดสัญญาภาพเก่าๆ ที่เราได้จดจำมาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น
    มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ ระวังกิเลส
    มันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลง เพ้อพกไปได้
    แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลงอยู่กับนิมิตเกือบ๖ปี
    เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ๆ สำหรับบทปฏิบัตินั้น ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไหร่
    เมื่อนั้น พวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่มันจะถอยหนีไปหมดเลย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...