รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

สัตว์ดี มีขนงาม ไม่พ้นถูกคนจับ
สัตว์ดี มีเนื้อมาก ไม่พ้นถูกฆ่ากิน
สัตว์ดี มีความฉลาด ไม่พ้นถูกกักขัง


ความดี ก็คือ ภัยร้ายที่ทำให้สัตว์ต้องบ่วง

 

ไม่ธรรมดาจริงๆ...ตกผลึกความรู้ได้ขนาดนี้...ยอดเยี่ยมครับ...

 

มันหมายถึง พวกนักบวชหรือพระ ที่หลงผิด...

 

ฝรั่งระดับปัญญาชนชั้นหัวกระทิระดับด๊อกเตอร์ ศึกษาพระพุทธศานาในภาคปฎิบัติ ล้วนออกบวชสายวัดป่าปฏิบัติกันอย่างจริงจัง

ปัญญาชนคนไทยมักสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาด้านปริยัติ หมกมุ่นอยู่กับการขบคิดตีความหัวข้อธรรม มองเป็นแค่หลักปรัชญา

ใครโง่ ใครฉลาด ?????

 

หลายอย่างที่มองต่างมุม
สังคมทุกวันนี้ ดีได้แต่อย่าเด่น เมื่อไหร่ที่ท่านเด่นเกินคนอื่นท่านจะถูกรุกราน
เด่นได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้บารมี..ผู้มีอำนาจ ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกรุกราน
ชีวิตที่สงบ คือทำดีเงียบ ๆ ไม่ให้เด่น ทำตัวให้กลมกลืนกับสังคม ประมาณว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศไทยยุคนี้จึงเจริญยาก เพราะข้าราชการทำตัวกลมกลืนกับสังคม เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ถึงแม้ว่าความจริง อยากเป็นผู้มีตาสดใสแวววาวงามเด่น ก็ไม่สามารถจะทำได้..แม้สามารถทำได้ก็ตาม

 

ขอบคุณครับที่ให้ข้อคิด
ดีหรือไม่ดี จริงหรือหลอก เป็นอีกเรื่อง
อ่านแล้วคิดเป็นพอ

 

จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมาเป็นพ่อค้า

ในตำนานใช้คำนี้นะครับ คุณไปเอาอะไรมาวิเคราะห์ ????

 

อืม..................................................................................ไม่ธรรมะดา

 

:z6 :z6

นับถือๆ คุณฟรอสเซ่น สงสัยต้องติดตามผลงานของคุณแล้วหละ ^_^

 

นานๆจะเจอกระทู้ถูกจริต เก่งมากจขกท.นี้ มันก็เป็นเช่นนั้นเอง...

 

ขออนุญาตท่านFrozen Flowerนำกระทู้นี้ไปสะสมไว้ครับ
ที่นี่
http://palungjit.org/threads/รวมตำน...ะนิตยโพธิ์สัตว์ศรีอาริยเมตไตรย์.245692/page-7

 

A Good Observer!

ชวนคิดดี ขอสะสมกระทู้นี้ด้วยคน

อ่านแล้วรู้สึกว่า คุณมีคุณสมบัติเป็นนักสังเกตการณ์ชั้นเยี่ยมเลยนะ
ประมาณเดียวกับ "นักสืบเชอร์ล็อคโฮมส์" คนดังเลยล่ะ!

เชอร์ล็อคโฮมส์ เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการสังเกต สิ่งต่างๆแล้วนำมาประมวลเข้าเป็นข้อมูลได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ราวกับหมอดู

 

เอโดงาว่า โคนัน ด้วย อิอิ

 

และสำหรับคนที่ไม่เลือก นิพพาน คือ ปัจจุบันขณะ คือที่นี่ คือเดี๋ยวนี้

 

กว่าจะถึงตอนนั้นจริงๆคงมีวิญญาณบาปมากมายเลยทีเดียว ใครหนอจะโปรดสัตว์เหล่านั้นให้พ้นทุกข์ได้นะ ลงที่พระศรีคนเดียวก็ไม่ไหวนะ

 

ขอถามได้ไม๊ว่า..

แล้วนักสังเกตการณ์แบบคุณ จัดตัวเองไว้ในกลุ่มไหนอ่ะ?

 

สุดท้ายพวกนี้จะเจอดีเอง คิกๆๆๆ oishi_

 

วิชามารสับเปลี่ยนเวรกรรม ทำคนดีได้ชั่ว คนชั่วได้ดี มีอยู่จริง

เดิมทีข้าพเจ้าเชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน
แต่แล้วก็พบว่า "อะไรก็ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้" เมื่อได้
พบว่ามีสิ่งที่ขัดแย้งและตรงกันข้ามกับธรรมะที่รู้มา
นั้น ยังมีอยู่จริง และทุกอย่างล้วนเป็นไปได้


คือ การสับเปลี่ยนเวรกรรม ฝืนกฏแห่งกรรม ดังจะเล่านี้

 

พระพุทธเจ้าเป็นผู้แจ้งไม่ใช่ตัวกระทำ แต่พระโพธิสัตว์คือ "ตัวกระทำ"


สิ่งใดๆ ในโลกนี้ ล้วนมีสิ่งตรงข้ามคู่กันอยู่ แม้แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ตาม
ย่อมมีมาร ขัดขวาง และทำให้คำสอนนั้นบิดเบือนไปด้วยประการต่างๆ เช่น ใน
บางคนมีกรรม หมดบุญแล้ว มารปรากฏแล้วต่อบุญให้ เสริมบารมีให้ เปลี่ยนร้าย
กลายเป็นดี สำเร็จด้วยฤทธิ์ผิดกฎแห่งกรรม นี่แหละที่เรียกว่า "วิชามาร" ซึ่งใน
ปัจจุบันนี้ ทำกันแพร่หลายมาก ในหมู่ชาวพุทธเอง แทนที่จะยอมรับกฎแห่งกรรม
ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญกรรมไม่เที่ยง มีเกิดดับ ปล่อยวางให้มันเป็นไปตาม
กรรม ก็หาไม่ กลับเอา "ความรู้เรื่องกฎแห่งกรรม" มาสนองความต้องการส่วนตน
ที่ผิดและขัดแย้งต่อกฏแห่งกรรม เช่น การสะเดาะห์เคราะห์, เสริมดวง, ต่อบุญ,
เสริมบารมี ฯลฯ ด้วยฤทธิ์ของมาร มิใช่ฤทธิ์ในตนที่แท้จริง เพราะตนนั้นถูกมาร
ครอบงำและแทรกอาศัยอยู่ ส่งผลให้ระบบกฏแห่งกรรมรวน คนทำชั่วได้ดี คนทำ
ดีกลับได้ชั่วมายาวนาน เมื่อวิบากกรรมฝืนธรรมชาติอยู่นาน จึงก่อให้เกิดแรงกรรม
ตามธรรมชาติ กลายเป็น "ภัยพิบัติใหญ่หลวงมากมาย" มารก็โยกย้ายกรรมและ
ภัยเหล่านั้นไปยัง "เหยื่อที่อ่อนแอกว่า" เพื่อปกป้องพรรคพวกมารและซาตานไว้
ทำให้หลายครั้ง กรรมของคนเมืองจะได้รับอยู่แล้ว กลับย้ายไปลงคนยากจนแทน


ในที่สุด พระโพธิสัตว์ จะอยู่อย่าง "ผู้แจ้งเฉยๆ" ไม่ได้อีก พระโพธิสัตว์เป็นผู้ยอม
ละนิพพานได้ เพื่อให้สัตว์อื่นได้นิพพานก่อนตน ตนจึงต้องยอมก่อกรรมแก้ไขเหตุ
ทั้งมวลนี้ เอาระบบมารซาตานออกไปเสีย เพื่อให้กฏแห่งกรรมดำเนินไปได้ดังเดิม
พระโพธิสัตว์ จึงต้องเปลี่ยนบทบาทจาก "ผู้แจ้ง" เป็น "ตัวกระทำ" ดังนี้

 

แบบไหนที่เข้าข่ายวิชามาร "สับเปลี่ยนเวรกรรม" นี้?


มารจะแทรกเข้ามาในกายสังขารของมนุษย์ได้ง่ายมากๆ ด้วยการสอนคนแบบ
ผิดๆ เมื่อคนเปิดใจยอมรับ มารจะแทรกเข้า แล้วหลอกให้ก่อกรรม คนก็จะเสื่อม
จากธรรมเดิมที่ตนมีอยู่ มารจึงอาศัยในร่างได้ยาวนานเพราะช่องกรรมที่คนเปิด
ให้นั้น จากนั้น คนที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร ได้แต่รับแนวคิดของมารมา ก็กลายเป็น
มีอภินิหาร สิ่งที่ได้รับการสอนมาผิดๆ มารก็ทำให้เป็นจริง ดังเช่น


1. เมื่อได้รับกรรม มารสอนให้มองด้านดีแทน พลิกกลับไปรับส่วนบุญเรื่อยไป
แทนที่จะให้ยอมรับตรงๆ เห็นกรรมตามจริง แล้วเบื่อหน่ายสังสารวัฏ เห็นทุกข์
ในโลกเป็นสิ่งที่ไม่อาจหนีพ้น เห็นความไม่เที่ยงเนืองๆ แต่กลับพลิกไปมองอีก
ด้านหนึ่งแทน หลอกตัวเอง ให้จมอยู่ในโลกแห่ง ทุกขัง, อนิจจัง, อนัตตา ต่อ
ไป จากนั้นมารก็ใช้ฤทธิ์ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น คนก็ยิ่งเชื่อในวิธีนี้ต่อไป คือ ใช้
การมองโลกในแง่ดี หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริงว่า "โลกมีสองด้านเสมอ"


2. เมื่อหมดบุญแล้ว มารสอนวิธีต่อบุญเสริมบารมี แบบนี้มีอยู่มากมายในยุคนี้
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไปเปลี่ยนแปลง "กรรม" ใคร กรรมเป็นเรื่องอจิณไตย
ที่เราไม่ควรไปยุ่งกระทำอะไรทั้งนั้น เมื่อทราบแล้วก็ยอมรับไปตามจริง ยอมรับ
ความจริงเรื่องกรรมก็พอ แต่มารสอนให้ "กระทำไปตามใจ ไม่ยอมรับความจริง"
เช่น ดาราหมดบุญแล้ว ไม่มีงานแล้ว แทนที่จะปลงได้ มารมาแทรกเพื่อต่อบุญ
ให้ไปเป็นนักการเมืองแทน ด้วยฤทธิ์ของมาร ดาราคนนั้นก็ได้เป็นนักการเมือง


3. มารสอนให้ปฏิเสธการรับกรรม หรือปฏิเสธการรับบุญ เช่น หลอกเราว่าเรา
ไม่มีบุญ เป็นคนต่ำต้อย ต้องยอมอดทนอยู่ในสภาพนั้นๆ แล้วเอาจิตวิญญาณ
ชั้นต่ำมาแทรกเข้าร่าง ทำให้เราต้องรับวิบากกรรมร่วมกับจิตวิญญาณนั้นๆ เรา
หลงคิดว่าจริง มารพูดถูก เราไม่มีบุญบารมีอะไรเลย (แต่ถูกมารหลอกเอา) จน
กระทั่งบีบให้กรรมหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุด "ตาย" มารก็จะช่วยเรา แลกด้วยการ
"ขายวิญญาณ" ให้มารซาตานไป เรายิ่งเชื่อมารไปใหญ่ (แท้แล้วมารกระทำทั้ง
สิ้น อย่างฝืนกฏแห่งกรรม) หากเราไม่มีญาณหยั่งรู้กรรมได้แท้จริง ก็จะถูกหลอก


4. มารหลอกให้พระโพธิสัตว์รับกรรม ตัวเองเอาบุญไป แบบนี้ สำเร็จได้ด้วยใจ
คือ ทั้งมารและพระโพธิสัตว์ต่างมีฤทธิ์ทางใจ มีอำนาจจิตมากทั้งคู่ เมื่อใจยอม
รับกรรม กรรมก็เข้าถึงตัวได้ ส่วนมารก็เอาส่วนบุญไป (เป็นวิชามาร ที่มารรู้วิธี
ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ผลอย่างนี้) นี่คือ เล่ห์กล การสับเปลี่ยนบุญกรรมของมาร


เป็นต้น