รบกวนถามเนื้อหาหลังงาน การเสวนาเรื่อง คาดการพิบัติภัยไทยฯ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย superothello, 18 กันยายน 2012.

  1. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    <table class="contentpaneopen"><tbody><tr><td class="contentheading" width="100%">TAF Special #40 - เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง S-92A ภารกิจเพื่อองค์ราชันผู้ทรงเป็นที่รักของประชาชน </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> [​IMG] </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> [​IMG] </td><td class="buttonheading" align="right" width="100%"> [​IMG] </td></tr> </tbody></table> <table class="contentpaneopen"><tbody><tr><td valign="top"> Written by Administrator </td> </tr> <tr><td class="createdate" valign="top"> Monday, 11 April 2011 23:28 </td> </tr> <tr> <td valign="top">



    [​IMG]

    "ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด นุ่มนวลที่สุด" คือนิยามการจัดหาอากาศยานเพื่อการถวายงานแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แบบล่าสุดของกองทัพอากาศ โดยการพิจารณาจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบใหม่ในฐานะอากาศยานพระราชพาหนะ กองทัพอากาศได้ทำการคัดเลือกเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆ จากบริษัทผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ชั้นนำทั่วโลก จนพิจารณาคัดเลือกแบบ S-92A ของบริษัท ซิกอร์สกี้ อินเตอร์เนชั่นเนล โอเปอเรชั่น ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรูปแบบที่คัดเลือกนี้เป็นรู่นที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการเป็นพาหนะสำหรับผู้ นำประเทศโดยเฉพาะ มีความปลอดภัยสูงและความสะดวกสบาย ด้วยขนาดของห้องเคบิ้นที่กว้างขวาง สามารถเลือกจัดวางตำแหน่งของที่นั่งได้ตามความต้องการ และมีความสูงของพื้นที่ภายในเพียงพอให้ผู้โดยสารยืนและเดินได้อย่างคล่องตัว ด้านท้ายยังมีประตูที่เปิดลาดลงเพื่อให้มีความสะดวกสบายในขึ้นลงจาก เฮลิคอปเตอร์มากที่สุด

    [​IMG]

    รูปแบบการตกแต่งภายในกองทัพอากาศได้พิจารณาเลือกการจัดวางที่นั่งภายใน เป็นแบบที่นั่งพิเศษVVIPจำนวน2ที่นั่ง และที่นั่งผู้โดยสารจำนวน 12 ที่นั่ง มีการตกแต่งภายในอย่างสวยงามสมพระเกียรติ พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดที่มีการพัฒนาใช้งานอยู่ใน อุตสาหกรรมการบินยุคปัจจุบัน

    [​IMG]

    ด้วยคุณสมบัติทั้งหมด S-92A ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการสูงสุดที่กองทัพอากาศได้กำหนดไว้ กองทัพอากาศจึงได้นำเสนอโครงการจัดหา เฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะแบบใหม่เพื่อ เตรียมเข้าประจำการ จำนวน 2 เครื่อง สำหรับสนองพระราชกรณียกิจนำเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะติดตั้งเปลพยาบาลและอุปกรณ์การแพทย์เพื่อใช้ใน กรณีฉุกเฉินอีก 1 เครื่องต่อคณะรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบในวันที่ 4 กันยายน 2550 กองทัพอากาศได้ดำเนินการสั่งผลิต พร้อมทั้งเตรียมการปฏิบัติงานกับเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะนับแต่นั้นจน อากาศยานทุกเครื่องเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลา และทำการขนส่งมายังประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    [​IMG]

    ในวันจันทร์ที่ 11 เมษายน พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เป็นประธานในพิธีรับมอบเฮลิคอปเตอรแบบนี้ที่พื้นที่ลานจอดอากาศยาน ของฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง พร้อมทั้งให้โอวาทแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและให้การต้อนรับทีมงาน จากบริษัทผู้ผลิตก่อนที่ S-92A ทั้ง 3 เครื่อง จะบรรจุเข้าประจำการในฝูงบิน 201 รักษาพระองค์ กองบิน 2 จังหวัดลพบุรี จากนั้นจะทำการฝึกและปฏิบัติภารกิจ ณ ฝูงบิน 509 ท่าอากาศยานหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้กำลังพลทั้งหมดมีความพร้อมสูงสุด ก่อนที่จะมีการน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฐานะเฮลิคอปเตอร์ พระราชพาหนะในราวปี พ.ศ.2555

    [​IMG]
    [​IMG]

    S-92A ทั้ง 3 เครื่องมีแบบเรียกขานตามแบบของกองทัพอากาศไทยคือ ฮ.10 (-1/54, -2/54 และ-3/54 ) นับเป็นการกลับมาปฏิบัติงานในกองทัพอากาศอีกครั้งหนึ่งของเฮลิคอปเตอร์ จากบริษัทซีกอร์สกี้ หลังจากที่กองทัพอากาศได้ปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์แบบ ฮ.4ก (S-58T) ทำให้ในขณะนี้เฮลิคอปเตอร์จากบริษัทซีกอร์สกี้ได้เข้าประจำการในทั้งสาม เหล่าทัพของประเทศไทย

    [​IMG]

    ปัจจุบัน S-92A ของกองทัพอากาศ จัดเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบที่มีความทันสมัยมากที่สุดที่มีปฏิบัติงานในประเทศ ไทย ด้วยการเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการบินที่ทันสมัยแบบกล๊าสค๊อกพิทสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งอุปกรณ์ช่วยเดินอากาศรุ่นใหม่พร้อมทั้งอุปกรณ์พิเศษ เช่น อุปกรณ์ป้องกันการชนพื้นหรือสิ่งกีดขวางแบบทำงานงานโดยอัตโนมัติ กำลังเครื่องยนต์อันทรงพลัง 2 ชุดของ GE-CT7-8A ให้กำลังขับรวมกันมากกว่า2,500 แรงม้า ทำงานร่วมกับชุดใบพัดสี่ใบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้แรงยกที่สูงขึ้น แต่ลดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือน ทำให้การบินเดินทางตั้งแต่การบินขึ้นจนถึงลงจอดเป็นไปอย่างนุ่มนวลตลอดเวลา

    [​IMG]

    แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่น้อยไปกว่าความทันสมัยของตัวอากาศยาน คือความพร้อมของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะนักบินที่กองทัพอากาศจะต้องคัด สรรทั้งนักบินและผู้ช่วยนักบินที่มีความสามารถในด้านการบินสูง ผ่านการตรวจสอบมาตราฐานการบิน และการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องมีชั่วโมงบินกับอากาศยานทุกแบบรวมแล้วมากกว่า 1,600 ชั่วโมง ทั้งนักบินที่ 1 และที่ 2 ก็จะต้องมีชั่วโมงบินเฉพาะแบบกับ S-92A ไม่น้อยกว่า 300 ชั่วโมงบินและ 100 ชั่วโมงบินตามลำดับ

    [​IMG]
    [​IMG]

    คณะทำงาน ThaiArmedForce.com ขอขอบคุณ
    - ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ
    - ฝูงบิน 201 รักษาพระองค์ กองบิน 2 ลพบุรี

    </td> </tr> </tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2012
  2. ม่วงโมรี

    ม่วงโมรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +12
    ไปที่สูงบนภูเขาใช่ว่าจะปลอดภัยนะคะเพราะมีทั้ง แสงที่ทำให้ตาบอด เสียงที่ทำให้หูแตก รังสีที่มากับอากาศทำให้เกิดโรคมะเร็ง และสัตว์ดุร้ายบนภูเขา.......
    แนะนำว่าให้มองหาถ้ำที่ใกล้ที่อยู่ เพราะสามารถกันได้ทุกอย่างคะ บางคนคิดว่าอาจจะถลม
    แต่ปลอดภัยกว่าข้างนอกแน่นอนคะ.....ไม่ได้มาแค่น้ำนะคิดแต่จะปีนเขาขึ้นที่สูงนะ....
    ขอให้คิดดูนะคะ
    อุปกรณที่ต้องเตรียม(สำคัญสุด)
    1.เสื้อชูชีพแบบธรรมดานี่เหละคะพอแล้วแต่เอาการตัดเย็บดีหน่อยนะไม่ต้องซื้อแบบที่เขาบอกหลอกแพงของต่างประเทศ
    2.ยารักษาโรคทั่วไป โรคประจำตัว และคารามายแก้พิษตามผิวหนังที่โดนรังสีต่างๆและแมลงกัดต่อย และพวกสมุนไพรไทยใช้ดีมาก(ศึกษาสมุนไพรไทยบ้างนะคะ)เช่นต้นรางจืด......
    3.อาหารแห้งที่รับประทานแล้วอิ่มนานพวกไฟเบอร์...น้ำผึ้งช่วยให้ลดความหิวจิบเล็กน้อยทดแทนอาหาร
    4.แก้วกรองรังสีในน้ำสำคัญมากเพราะน้ำมีมากมายแต่กินไม่ได้
    5.ไฟฉายแบบกันน้ำและมีไฟกระพริบฉุกเฉิน
    6.มีดพกสำหรับป้องกันสัตว์ร้าย
    7.รองเท้าหุ้มส้นวิงแบบสบายไม่หลุดเป็นยางจะดีกว่า
    8.กระเป๋าเป้สำหรับใส่อุปกรณ์ทุกอย่างลงในนี้
    (แค่นี้ก็แบกไม่ไหวแล้วนะ....จะใส่อะไรอีก...)

    ปล.อย่าไปเชื่อแผนที่โลกใหม่ของประเทศไทยหลอกคะที่เหลือส่วนบนนิดเดียว
    ยังอยู่ครบคะแค่ชายฝั่งทะเลจะโดนซึนามิพัดเข้ามาเป็นน้ำแล้วลดลงไปเป็นดินเหมือนเดิม
    ปล.สาเหตุแท้จริงเป็นเพราะประเทศมหาอำนาจรบกันยิงอาวธุนิวเครียร์ใส่กันและยิงออกนอกโลก......จึงมีผลกับทุกอย่างในโลกและนอกโลกจึงทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุด.......

    เราไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศที่เจริญและทันสมัยที่สุดแต่อย่างให้เจริญทางด้านจิตใจมากที่สุดในโลก
    อยากให้ปลูกป่ารักษาธรรมชาติไม่ใช้ของที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติเยอะเกินไปใช้แต่น้อย แค่นี้เราก็จะมีต้นไม้ทรัพยากรธรรมชาติไว้เสมือนเป็นเป็นภูมิคุ้มกันประเทศไทย
    เมื่อใดที่มีภัยพิบัติทั่วโลกประเทศไทยจะยังอยู่แน่นอน.....ฟันเฟิม...55555 :cool:
     
  3. ม่วงโมรี

    ม่วงโมรี สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +12
    ไปที่สูงบนภูเขาใช่ว่าจะปลอดภัยนะคะเพราะมีทั้ง แสงที่ทำให้ตาบอด เสียงที่ทำให้หูแตก รังสีที่มากับอากาศทำให้เกิดโรคมะเร็ง และสัตว์ดุร้ายบนภูเขา.......
    แนะนำว่าให้มองหาถ้ำที่ใกล้ที่อยู่ เพราะสามารถกันได้ทุกอย่างคะ บางคนคิดว่าอาจจะถลม
    แต่ปลอดภัยกว่าข้างนอกแน่นอนคะ.....ไม่ได้มาแค่น้ำนะคิดแต่จะปีนเขาขึ้นที่สูงนะ....
    ขอให้คิดดูนะคะ
    อุปกรณที่ต้องเตรียม(สำคัญสุด)
    1.เสื้อชูชีพแบบธรรมดานี่เหละคะพอแล้วแต่เอาการตัดเย็บดีหน่อยนะไม่ต้องซื้อแบบที่เขาบอกหลอกแพงของต่างประเทศ
    2.ยารักษาโรคทั่วไป โรคประจำตัว และคารามายแก้พิษตามผิวหนังที่โดนรังสีต่างๆและแมลงกัดต่อย และพวกสมุนไพรไทยใช้ดีมาก(ศึกษาสมุนไพรไทยบ้างนะคะ)เช่นต้นรางจืด......
    3.อาหารแห้งที่รับประทานแล้วอิ่มนานพวกไฟเบอร์...น้ำผึ้งช่วยให้ลดความหิวจิบเล็กน้อยทดแทนอาหาร
    4.แก้วกรองรังสีในน้ำสำคัญมากเพราะน้ำมีมากมายแต่กินไม่ได้
    5.ไฟฉายแบบกันน้ำและมีไฟกระพริบฉุกเฉิน
    6.มีดพกสำหรับป้องกันสัตว์ร้าย
    7.รองเท้าหุ้มส้นวิงแบบสบายไม่หลุดเป็นยางจะดีกว่า
    8.กระเป๋าเป้สำหรับใส่อุปกรณ์ทุกอย่างลงในนี้
    (แค่นี้ก็แบกไม่ไหวแล้วนะ....จะใส่อะไรอีก...)

    ปล.อย่าไปเชื่อแผนที่โลกใหม่ของประเทศไทยหลอกคะที่เหลือส่วนบนนิดเดียว
    ยังอยู่ครบคะแค่ชายฝั่งทะเลจะโดนซึนามิพัดเข้ามาเป็นน้ำแล้วลดลงไปเป็นดินเหมือนเดิม
    ปล.สาเหตุแท้จริงเป็นเพราะประเทศมหาอำนาจรบกันยิงอาวธุนิวเครียร์ใส่กันและยิงออกนอกโลก......จึงมีผลกับทุกอย่างในโลกและนอกโลกจึงทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุด.......

    เราไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศที่เจริญและทันสมัยที่สุดแต่อย่างให้เจริญทางด้านจิตใจมากที่สุดในโลก
    อยากให้ปลูกป่ารักษาธรรมชาติไม่ใช้ของที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติเยอะเกินไปใช้แต่น้อย แค่นี้เราก็จะมีต้นไม้ทรัพยากรธรรมชาติไว้เสมือนเป็นเป็นภูมิคุ้มกันประเทศไทย
    เมื่อใดที่มีภัยพิบัติทั่วโลกประเทศไทยจะยังอยู่แน่นอน.....ฟันเฟิม...55555
     
  4. Sestulee

    Sestulee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +2,386
    .................................
    1.ลักษณะอย่างไรจึงจะแน่ใจว่า...จะเกิดเรื่องจริงๆ...จึงจะออกนอกเมือง (บ้านผมก็อยู่ กทม. เหมือนกัน)
    ..................................

    ผมเข้ามาอ่านหลายๆกระทู้อยู่พักใหญ่ๆ จนเพิ่งสมัครสมาชิกเมื่อไม่นาน บางกระทู้ก็ก็น่าเชื่อถือมีข้อมูล บางกระทู้ก็หลุดโลกสุดกู่ ก็แล้วแต่ว่าเราเลือกที่จะอ่านและเชื่อแบบไหน
    โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าน่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นแน่นอน แต่ระยะเวลาจะเป็นไปตามที่พูดคุยกันในเวปนี้หรือเปล่า หรือร้ายแรงอย่างที่แต่ละกระทู้บอกกันหรือเปล่านั้นไม่อาจจะรู้ได้ อาจจะอีก 1ปี 2 ปีหรือใช้ระยะเวลาในการเกิดไปเรื่อยๆในระยะเวลาเป็น 10ปี ค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ตูมตามกันอย่างที่คิด

    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นการดีสำหรับการเตรียมตัวเพื่อให้ได้ชื่อว่าตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ผมเองก็ทำงานอยู่กรุงเทพ บ้านอยู่ภาคใต้ ถ้าตามที่หลายๆกระทู้พูดกันก็เท่ากับไม่เหลืออะไรเลย อิอิอิ ก็น่าคิดอยู่ แต่ก็นั่นล่ะครับเราต้องมีสติเพราะชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ยังต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ครั้นจะต้องออกงานเพื่อหนีภัยที่คาดว่าจะเกิดมันก็กระไรอยู่ ทำใจให้พร้อมที่จะรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นดีกว่า หากยังมีบุญที่จะยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมมีสิ่งเตือนให้ทราบล่วงหน้าอยู่ดีครับ

    ขอให้ทุกท่านโชคดี
    สำหรับผม มีท่านผู้หนึ่งบอกให้สังเกตุ วันที่ 1 ธันวาคม 2555 จะมีแผ่นดินไหวจนทำให้น้ำในเขื่อนในประเทศไทยกระฉอกล้นเขื่อน หากได้ข่าวนี้ก็เตรียมตัวลี้ภัยได้เลย ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูครับว่าจะจริงหรือเปล่า จริงๆแล้วท่านผู้นั้นบอกเวลามาด้วยแต่ผมไม่อยากลงครับ

    ปล. ขอให้ทุกท่านจงมั่นอยู่ในสติครับ

     
  5. eenn112

    eenn112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +277
    ผมทำงานอยู่ที่สระแก้ว แล้วก็มีครอบครัวที่นี่ มีแต่ แม่ กับน้องสาวที่อยู่กทม. แต่สักก่อนวันที่ 1 คงให้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน แม้บ้านจะสูงแค่ 119 เมตร จุดสูงสุดอยู่ที่ 140 แต่ก็ติดขัดหลายๆอย่างทำให้ไม่สามารถย้ายไปไหนได้ ก็เตรียมตัว ตุนอาหาร ของใช้จำเป็น ขุดหลุมหลบภัยและต่อแพขนาดใหญ่จากไม้สักหลักบ้านเตรียมไว้
     
  6. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    ข้อมูลทางิชาการ


    พบรอยเลื่อนจ่อเข้ากรุง สุดเสี่ยง! อาคาร กทม.มีสิทธิ์ถล่มจากธรณีพิโรธมาก 2 ล้านหลัง

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 ตุลาคม 2555 17:23 น.




    อึ้ง! อาคารใน กทม.ไม่ปลอดภัยกว่า 2 ล้านหลัง รับแรงแผ่นดินไหวไม่ได้เลย 1 ล้านหลัง นักวิชาการจี้เสริมโครงสร้างโดยเฉพาะอาคารสาธารณะสำคัญ หลังธรณีวิทยาพบรอยเลื่อนมีพลังที่นครนายก จ่อเข้าใกล้ กทม.มากขึ้น ส่วนการรับมือน้ำท่วม ซัด รบ.ทำสวนทาง อยากระบายน้ำแต่กลับถมคูคลอง ชี้ สร้างเจ้าพระยา 2 เป็นเรื่องเพ้อฝัน แนะทำโครงสร้างระบายน้ำใต้ดิน เป็นกล่องแบบโครงสร้างทางด่วนบางนา-บางปะกง แก้ปัญหาเวนคืนที่ดินประชาชน ด้าน อ.นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ สอน รบ.ทำสื่อสารสาธารณะขณะเกิดภัยพิบัติ ต้องตั้งทีมมอนิเตอร์สื่อ สังเกตการรับข้อมูลของประชาชน ชี้ อย่ารอแต่แถลงข่าวอย่างเดียว ส่วนสื่อมวลชนอย่าบีบคั้นน้ำตาแหล่งข่าว และต้องตามประเด็นต่อหลังเกิดภัยพิบัติ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาและพัฒนา


    [​IMG]

    ศ.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    วันนี้ (3 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องประชุม 201 อาคารวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวระหว่างการสัมมนาวิชาการ “การบริหารจัดการสาธารณะในภาวะวิกฤตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ” ว่า ภัยธรรมชาตินำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ขณะเดียวกัน ก็นำมาซึ่งบทเรียนอันล้ำค่า ก่อให้เกิดการวิจัยและเรียนรู้การแก้ปัญหาในอนาคต ซึ่งการจะแก้ปัญหาได้นั้น จะต้องรู้ต้นตอของภัยธรรมชาติเสียก่อน โดยสาเหตุสำคัญนั้นส่วนหนึ่งมาจากมนุษย์ อาทิ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยที่เกิดขึ้นถี่กว่าในอดีต เป็นเพราะมีการขยายตัวเมืองเข้าไปใกล้รอยเลื่อนมากขึ้น การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สูญเสียพลังงานมากขึ้น การปล่อยน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม และบ้านเรือนลงสู่แม่น้ำ รวมไปถึงการบุกรุกแม่น้ำและชายหาด โดยการก่อสร้างขวางทางน้ำ เป็นต้น

    ศ.ปณิธาน กล่าวอีกว่า ส่วนสิ่งที่น่ากังวล คือ การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เราไม่ทราบจนอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติ อย่างกรณีภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งเมื่อปีที่แล้วนั้น นักวิทยาศาสตร์โลกไม่ได้มีการออกมาเตือนใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่ออกมาระบุว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นสูงปีละเท่าใดๆ นั้น ถือว่าผิดทั้งหมด เนื่องจากไม่มีการคำนึงถึงเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งมาก่อน

    ศ.ปณิธาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยกรอบการดำเนินงานเฮียวโงะ (Hyogo) ซึ่งเกิดขึ้นจากการประชุมการจัดการภัยพิบัติเมื่อปี 2548 ภายหลังครบรอบ 10 ปี การเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 17 ม.ค.2538 ที่เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น จนเกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก ซึ่งกรอบการดำเนินงานเฮียวโงะนั้น จะเน้นในเรื่องของการปฏิบัติและการป้องกัน โดยต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารต่างๆ ทั้งบ้าน อาคารโครงสร้างพื้นฐาน อาคารสาธารณะที่สำคัญ อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น เพื่อให้รองรับการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ การสร้างอาคารใหม่จะต้องถูกต้องตามหลักการรองรับแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ จะต้องมีการเสริมสมรรถภาพขีดความสามารถทรัพยากรมนุษย์ และรัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ถูกต้องในการรับมือกับภัยพิบัติ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

    “ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย คือ ประเทศเฮติ ที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งที่มีการเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง จนเมื่อประมาณปี 2553 ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ขึ้น แม้แต่ทำเนียบประธานาธิบดียังพังทลาย ตึกบัญชาการต่างๆ ก็พัง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในประเทศ ซึ่งตรงนี้ยูเอ็นได้มีการณรงค์ One Million Safe โดยโรงพยาบาลต้องปลอดภัยจากภัยพิบัติ มีระบบสนับสนุนต่างๆ อาทิ ไฟฟ้าฉุกเฉิน และบุคลากรต้องได้รับการฝึกฝน สามารถจัดการกับภาวะฉุกเฉินได้ เป็นต้น” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมฯ กล่าว

    ศ.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า หลักการสำคัญอีกประการในการจัดการและรับมือกับภัยพิบัตินั้น คือ ระบบรับมือ “Resilience” ซึ่งเป็นความสามารถของระบบชุมชนหรือสังคม ที่เผชิญภับพิบัติทางธรรมชาติแล้วสามารถต้านทานได้ มีการฟื้นตัวจากผลกระทบได้ในเวลาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมด้วย ส่วนมาตรการบรรเทาภัยพิบัตินั้น ที่สำคัญมีอยู่ 5 มาตรการด้วยกันคือ 1.การเตรียมพร้อมด้านอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน 2.การเตรียมพร้อมระบบเพื่อการบรรเทาภัย เช่น ระบบคมนาคมฉุกเฉิน 3.มาตรการด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย 4.มาตรการด้าน Capacity Building และนวัตกรรมการแก้ปัญหา และ 5.มาตรการด้าน Emergency Response

    ศ.ปณิธาน กล่าวว่า ในเรื่องการเตรียมพร้อมด้านอาคารและโครงสร้างพื้นฐานนั้น สำหรับในประเทศไทยมีการออกกฎหมายให้มีการออกแบบอาคารให้สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อปี 2550 แม้ก่อนหน้าจะไม่มีการออกแบบให้รองรับการเกิดแผ่นดินไหว แต่เชื่อว่าสามารถรองรับได้ในระดับหนึ่ง โดยต้องมีการพิจารณาเสริมความแข็งแรงของอาคารที่ไม่ปลอดภัยเหล่านั้นให้ปลอดภัย

    “ใน กทม.มีอาคารประมาณ 2 ล้านหลัง ที่ไม่ปลอดภัยต่อการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในจำนวนนี้มีประมาณ 1 ล้านหลัง ที่ไม่สามารถรองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้เลย ดังนั้น จำนวนอาคารที่มีมากเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องเลือกปรับปรุงเสริมความแข็งแรง โดยเลือกอาคารสาธารณะที่สำคัญ อาคารโครงสร้างพื้นฐาน ทางด่วน สะพาน โรงไฟฟ้า ประปา สถานีดับเพลิง หรือโรงพยาบาลก่อน เพราะขณะนี้ทราบจากสำนักธรณีวิทยาว่า มีรอยเลื่อนมีพลังเข้าใกล้ กทม.มากขึ้น โดยอยู่ที่ จ.นครนายก แต่จะมีความรุนแรงเท่าไรนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้” ศ.ปณิธาน กล่าว

    ศ.ปณิธาน กล่าวเพิ่มอีกว่า ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องไม่แน่นอน เนื่องจากมีตัวแปรมากมาย สิ่งสำคัญคือ การเตรียมพร้อมด้านการบรรเทาภัย อย่างกรณีน้ำท่วม รัฐบาลใช้เงินจำนวนมากในการศึกษาน้ำท่วมเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีการเสนอมาตรการสำคัญในการแก้ปัญหา หนึ่งในนั้นคือการขุดคลองทำแม่น้ำเจ้าพระยา 2 เนื่องจากระบบระบายน้ำธรรมชาติไม่สามารถรับน้ำขณะเกิดพายุมากๆ ได้ ต้องมีระบบระบายน้ำเพิ่มเติม แต่สุดท้ายไม่ได้ทำ และทำในทิศทางตรงกันข้ามคือการถมคูคลองต่างๆไปจนหมด ซึ่งการจะมาแก้ไขด้วยงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาทไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำได้

    “เลิกฝันได้เลยกับการสร้างแม่น้ำเจ้าพระยา 2 มันเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องมีการเวนคืนที่ดินมาก ทำอย่างไรระบบระบายน้ำก็ไม่พอ เพราะคูคลองต่างๆถูกถมไปนานแล้ว ผมเคยเสนอวิธีการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ จึงไม่มีใครฟัง ในฐานะที่ผมเป็นวิศวกรโครงสร้าง จึงนึกถึงการแก้ปัญหาด้วยการนำโครงสร้างทางด่วนที่มีลักษณะเป็นกล่องอย่างช่วง บางนา-บางปะกง เอามาวางให้ต่ำกว่าระดับพื้นดิน เพื่อใช้ระบายน้ำส่วนด้านบนก็ถมดิน ชาวนาก็สามารถทำไรทำนาต่อไปได้โดยไม่ต้องเวนคืนที่ดิน เท่ากับว่าเรามีคลองระบายอยู่ข้างล่าง ขนาดไม่ต้องใหญ่แต่ทำเป็นร่างแหอยู่ข้างล่างไปทั่วประเทศได้” ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมฯ กล่าว


    [​IMG]
    น.ส.สุภาพร โพธิ์แก้ว อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    น.ส.สุภาพร โพธิ์แก้ว อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า การสื่อสารสาธารณะในช่วงของการเกิดภับพิบัตินั้น รัฐบาลต้องมีการตั้งศูนย์สารนิเทศ ที่ไม่ใช่รอเพียงการแถลงข่าวอย่างเดียว แต่ต้องเป็นศูนย์ที่พร้อมให้ข้อมูลตลอดเวลา เมื่อผู้สื่อข่าวมีข้อสงสัยสามารถถามแล้วได้คำตอบที่ต้องการ แต่จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา รัฐบาลรอการแถลงข่าวเพียงอย่างเดียว มองสื่อไว้เพียงรองรับการแถลงข่าวเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการตั้งทีมมอนิเตอร์สื่อ ประเมินสถานการณ์แต่ละวันว่า ประชาชนกำลังเสพข้อมูลอะไร สาธารณชนกำลังสับสนในข้อมูลเรื่องอะไรหรือไม่ หรือมีข่าวลืออะไรเกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้

    น.ส.สุภาพร กล่าวอีกว่า ในส่วนของสื่อมวลชนนั้น อยากฝากให้คำนึงถึงความเปราะบางทางจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบให้มาก เนื่องจากเขาเป็นผู้สูญเสียไม่ควรไปตอกย้ำคั้นถามเพื่อให้ข่าวดูสะเทือนอารมณ์ยิ่งขึ้น เช่น การพยายามซักหาลูกหลานที่หายไปกับสึนามิเจอหรือยัง เป็นต้น ไม่ควรกระทำ เพราะการออกข่าวให้เห็นน้ำตาหรือความฟูมฟายไม่ใช่เรื่องที่ดี อยากให้ใส่หัวใจและมองในมิตินี้ด้วย จึงจะไม่เป็นการเพิ่มผลกระทบโดยไม่รู้ตัว

    น.ส.สุภาพร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ เรื่องของการรายงานข่าวภัยพิบัตินั้น ในช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศให้ดูเป็นภาวะวิกฤติไปก่อน เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกแฝงอยู่ในสังคม แต่ควรรายงานให้สังคมรับรู้ความเสี่ยง มากกว่ารู้สึกถึงความวิกฤติ ขณะที่ช่วงหลังเกิดภัยพิบัติไปแล้ว เนื่องจากข่าวไม่มีความสด หรืออาจเกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้ไม่มีการรายงานข่าวหลังภัยพิบัติมากนัก แต่การรายงานข่าวหลังภัยพิบัติถือเป็นส่วนสำคัญ เช่น เวทีถอดบทเรียนน้ำท่วม เป็นต้น ที่จะผลักดันให้เกิดการพัฒนาและนำไปสู่การแก้ปัญหามากขึ้น


    Quality of Life - Manager Online - พบรอยเลื่อนจ่อเข้ากรุง สุดเสี่ยง! อาคาร กทม.มีสิทธิ์ถล่มจากธรณีพิโรธมาก 2 ล้านหลัง

    .
     
  7. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    พอดีบ้านแม่ยายอยู่สระแก้ว อ วัฒนานคร
    ไปหลบด้วยคนได้ไหมครับเนี่ย...เหอๆๆ
     
  8. eenn112

    eenn112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2012
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +277
    วัฒนา ไม่สูงมากครับ ราวๆ 70-100 เมตร ก็ใกล้เคียงกับวังน้ำเย็น (บ้านผมอยู่บนเนินสูง 119 มีที่อยู่ 1ไร่เศษๆ ปลูกของกินไว้เพียบ) แต่ใกล้เขามากกว่า ผมก็เตรียมรับสถานการณ์ แล้วค่อยตัวสินใจเป็นช่วงๆไป ไม่แน่อาจจะต้องย้ายหนีไปแถวปางสีดา เขตรอยต่อ จ.นครราชสีมา บนเขาสูง 600 เมตร (แต่ก็เสี่ยงมาก) ถ้าไงใกล้ๆจะมาอยู่ด้วยกันก็ได้ครับ มาสร้างหลุมหลบภัยเตรียมไว้ได้ แต่เตรียมเสบียงมาด้วยก็ดีนะครับ
     
  9. ยาล้างตา

    ยาล้างตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +3,539
    ว่าแต่ว่า ถ้าตัดสินใจโกย ก็โทรบอกคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันบ้างเด้อ....
     
  10. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    เกรงว่า...คนข้างบ้านจะไปก่อนมากกว่า...555


    .
     
  11. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,633
    ปีที่แล้วเป็นคนบอกเพื่อนบ้านให้เตรียมตัวอพยพ ปรากฏว่าเพื่อนบ้านอพยพไปก่อนเราเกือบสัปดาห์555
     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    พอดีทำงานอยู่กับแฟนที่ ชลบุรี ที่พักอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลแค่ 50 เมตร
    ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรง ก็กะว่าจะพาแฟนไปอยู่บ้านแม่ยายที่ จ สระแก้ว ซึ่งก็ยังสูงกว่าชลบุรี
    แต่ตอนนี้ก็กำลังมองหาสถานที่สูงๆที่ใกล้เคียงอยู่ มีวัดและสำนักสงฆ์ใกล้ๆ ไม่เกิน 20 กิโลเมตร อยู่บนเขา เขาลูกนี้สูง 500 เมตร ส่วนวัดและสำนักสงฆ์สูงประมาณ 200-300 เมตร คิดว่าน่าจะพอหลบภัยได้ในกรณีเร่งด่วน
    ส่วนบ้านพ่อแม่ผมอยู่ จ สุโขทัย ที่นั่นน่าจะปลอดภัย แต่เดินทางอาจจะลำบาก เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์ คนจะหนีตายกันโกลาหล การเดินทางจะไม่สะดวก

    สำหรับเรื่องภัยพิบัติ ผมก็ติดตามมานานพอสมควร เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็คอยติดตามสถานการณ์ต่อไปเพื่อหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน
    ส่วนตัวคิดว่า กรุงเทพมีแนวโน้มโดนหนักแน่ น้ำจะมาจากฝนตกหนักผสมกับเขื่อนแตก (อ้างอิงจากคำทำนายของปลาบู่ หลักการทางวิทยาศาสตร์ พายุสุริยะ ดาวเรียงตัว และคำเตือนจากพระสายปฏิบัติหลายท่าน เช่น หลวงปู่หงษ์ หลวงพ่อสังวาลย์ ปู่อินทร์ตาทิพย์ เจนญาณทิพย์ และครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน) ซึ่่งจะทำให้มีน้ำสูง ในระดับ 2-3 เมตร ซึ่งไม่น่ากระทบถึงชลบุรี ยกเว้นในเรื่องอาหารที่อาจขาดแคลนและคนอพยบมาเยอะ
    หากจะมีน้ำท่วมถึง 50 เมตร ดูแล้วจะมีสาเหตุเดียวคือ อุกกาบาตพุงชนจนเกิดสึนามิที่สูงระดับนั้น ถ้าเป็นสึนามิจากแผ่นดินไหว สมมติว่า 10 ริกเตอร์ ความสูงไม่น่าเกิน 20 เมตร บ้านผมน่าจะยังปลอดภัยอยู่
    ทั้งนี้ทั้งนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ปฏิบัติธรรม+ไม่ประมาท ดีที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...