มีราคะ ตัณหา มากๆๆๆๆ พิจารณาอย่างไรจึงจะละได้

เอ..เอาเป็นว่า เป็น ต้นไม้แล้วกัน เพราะมันยังไม่ตาย

 

การที่ท่านตระหนักรู้ถึงกาม และอำนาจของมัน ก็นับว่าท่านได้เริ่มเอะใจแล้ว

ผมขอให้ จขกท ประสบความสำเร็จ ได้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง และพบเห็นสัจธรรมด้วยเทอญ

 

กามบัญชา ให้ทำโน่น ทำนี่ กามบัญชา ให้ไปโน่น ไปนี่ กามบัญชา ให้ไม่พอใจ ให้โกรธ กามบัญชา ให้เวียนวน ให้ทุกข์ทน กามบัญชา ความพลัดพราก ความไม่พึงปรารถนา เพราะกาม กามบัญชา ^-^

 

เห็นไหมล่ะ เพราะเราเชื่อมันจึงทำให้หลงเผลอไป พอเผลออกมานอกจากมันจะไม่รับผิดชอบให้เราแล้ว ยังมาว่าเราขาดหิริโอตัปปะอีก ขาดปัญญา สารพัด
ถ้าเผลอแล้วหลงแล้วก็แล้วกันไป เริ่มต้นใหม่ได้นี่ ที่ผิดจิตมันก็รู้แล้วคงจะไม่หลงอีกแหละ ธรรมชาติของมันที่อยู่กับเรามายาวนานนับชาติไม่ถ้วนก็เป็นแบบนี้แหละนะ
หลวงตามหาบัวท่านเทศน์ไว้ว่า อยู่หลังเขาเย็นสบายดี ผมก็ว่าจะย้ายบ้านไปอยู่หลังเขาเหมือนกันนะ นานาว่าดีไหม หุ หุ

 

อะไรดลใจ ล่ะเนี่ย เออ
ไปดิไป ดี ๆ ไปด้วยคน

 

พี่นิวรณ์ หลังจากไม่ได้เล่นpsi ballซะนาน พอดีได้พบชาวพลาญข่อย
ฝึกสักพักหัวกลับมาหมุนอีกแล้ว
เอาpsi ball มาเล่นสนุกก็งอช้อนได้ด้วย 5 5

สังเกตุว่าเวลาที่สำรวมสมาธิจะทำ คลื่นสมองเราจะเปลี่ยน
จังหวะที่เปลี่ยนจิ้งจกจะร้องทุกที

แต่เหนื่อยชะมัดเมื่อวานงอเล่นไป2คัน
ก่อนนอนสวดมนต์แบบไปสักพัก เหนื่อยเหมือนจะพล่อยหลับ
แปลกอยู่อย่าง
อยู่ๆปากมันก็พูดอะไรแปลกๆออกมาเอง สติยังมีแต่ไม่เต็ม 100%

 

ดีที่เห็นนะ งอได้อย่าลืมงอกลับคืนแม่ จะตั้งเอาไว้ก็ไม่มีใครดูออกหรอกว่า งอได้ด้วย
อะไร ก็งอกลับคืนแม่ไปก่อน ไว้ค่อยงอใหม่วันหลัง

ทีนี้ มาเรื่อง สติ ที่คุณบอกว่าไม่เต็มร้อย

หากคุณ PSI คุยกับ คุณเกสท์ คุณขันธ์ คุณวิมุตติ หรือ คนอื่นๆ เขาก็จะต้องกล่าว
ว่า เป็นเพราะ สติคุณ เต็มร้อย ถึงได้ทำอะไรแบบนั้นได้

แต่ถ้าเป็นผมนะ ต้องขออภัยที่จะต้องกล่าวว่า ไม่มี สติ เลยแม้แต่น้อย

การงอช้อนได้ มีอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศได้ ไม่ใช่ผลของการมีสติ(ในแบบนิยาม
ทางพุทธศาสนา)

ตัวอย่างเช่น รัสปูติน นี่ก็เป็นต้นแบบของนักพลังจิตแบบนี้ เขาทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง

ที่ผมยกตัวอย่าง รัสปูติน ขึ้นมา ก็เพราะกระทู้ก่อนหน้าของคุณ PSI กล่าวถึงกามราคะที่
รุมเร้า รัสปูตินนี่ ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า มีพลังจิตมากมายหลายอย่าง แต่สุดท้าย
แพ้กามราคะแบบอย่างว่า แถมมีไปพร้อมๆกับการมีพลังจิตนะ แต่พอหลังเริ่มทำไม่ได้จึงได้
ใช้อุบายแบบคนกิเลสหนา กลโกงทุกรูปแบบ เรียกว่า พลาดนิดเดียว ก็จมไปทั้งหมด ทำให้
ต้องถูกประหารในที่สุด

* * * *

ก็อย่างที่เราเคยคุยกันไว้ตั้งแต่เริ่ม ปั้นดึ๋งๆ ผมเน้นเสมอว่า ให้ตามดูจิตยินดี ยินร้ายทุก
ครั้งที่พักการทำสมาธิ หรือ งอช้อนได้ ให้ระลึกสภาวะจิตยินดี ยินร้ายเอาไว้เนืองๆ จะ
ทำให้เราละจากกามราคะได้ หัวใจอยู่ตรงการออกจากสมาธิ ต้องตามรู้กาย ใจ ตัวเอง
ไว้ ไม่เช่นนั้นจะขาด สติ ทันที

คุณ PSI ก็เห็นอยู่ลึกๆนะ ว่าถึงแม้จะทำอะไรบางอย่างได้ แต่มันเหมือนขาดๆ อะไร
ที่เป็นหลักใจไปอย่างนึง แล้วคุณ PSI ก็มาเห็นว่าเป็นตัว สติ ที่ไม่เต็มร้อย แต่เพราะ
ว่าทัศนะที่ยังไม่เคยดูจิตยินดี ยินร้าย สิ่งที่เป็นมหาปัญญาที่มากระซิบเตือนจึงถูกไขว้
ให้เขว ไปเห็นเป็น สติไม่เต็มร้อยเป็นเรื่องที่ งอไม่ได้อย่างใจ เกิดการเห็นอะไรเป็นของ
เที่ยงมีอยู่ แล้วจะเผลอสะสมความเห็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ห่างจากความเป็นนัก
สมาธิจิตแบบพุทธศาสนา

ทีนี้ก็ว่ากันไปบว่า คุณ PSI เล็งเห็นอะไรได้แค่ไหน หากยังเห็นว่า PSI-BALL ยัง
มันส์อยู่ ก็คงจะเห็นไปตามนั้น อย่างไรก็อย่าลืมดู จิตยินดี ยินร้าย เอาไว้เสียหน่อย
ไม่เสียหายหรอก

 

เมื่อก่อนกูมีคนอย่างคุณ PSI อยู่คนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดใช้ชื่อว่า TSLong อะไรประมาณนี้

ก็เป็นคนที่ว่า งอช้อนได้เหมือนกัน เขาทำได้โดยไม่เหนื่อย ไม่เห็นเขาบนว่าเหนื่อย แล้ว
ล่าสุดนี่ รู้สึกจะเปลี่ยนแนวไปอีก ก็คล้ายที่คุณ PSI ไปเจอชาวพลาญข่อย อะไรนั่นกระมัง

ก็เรียกว่า หาอะไรมาทำเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น ศึกษาได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบ ในโลกนี้เรื่องฌาณ
วิสัยนั้นยังมีอีกมากมายสารพัน แต่เรียนไปแล้วก็จะเหมือนๆกันหมด คือ หากไม่ฝึกทำ
บ่อยๆ มันก็เสื่อมหมด พอเสื่อมลงก็จะเหมือนรัสปูติน คริสแองเจิ้ล ที่ค้นคว้าหาอย่างอื่น
มาทำเพิ่ม โดยเป็นเรื่องที่มาจากพลังจิตบ้าง มาจากมายาภาพการจัดฉากบ้างซึ่งได้จาก
การกลั่นกรองความรู้ แล้วก็จะมีข่าวออกมาคล้ายๆกันคือ สุดท้ายจะมีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยว
ข้องในทางเสื่อม ....

คุณ PSI อย่างไรเสียผมก็คงต้องจำกล่าวชักชวนคุณหละนะว่า ลองมาเจริญสติ เจริญ
สมาธิในแบบพุทธศาสนาดูบ้าง สมาธิที่แท้ๆของพุทธศาสนาจะไม่ใช่รูปฌาณ และอรูป
ฌาณ มันอยู่ตรงกลางระหว่างการสัดส่ายไปทางรูปฌาณและอรูปฌาณ สมาธิชนิดนี้มี
อยู่ หากเข้ามาศึกษาตรงนี้ได้ จะจบสิ่งที่ควรรู้ จะรู้ถ้วนทุกสิ่ง แถมทำให้มีความเกษม
ห่างไกลสิ่งร้อยรัด และความเสื่อมทุกประเภท ....ก็น่าสนใจอยู่นา หรือว่าไม่

 

ทำอะไรที่ไปสนองกิเลสตัณหา มันย่อมไม่ใช่ของที่จะคาดหวังให้แน่นอนได้ ไม่ยังยืน เนื่องจากความหลงที่อาจจะเพิ่มขึ้นได้ ถ้าความเห็นยังไม่ถูก ^-^

 

แหม ดีใจจัง มีพวกจะไปอยู่หลังเขาด้วยอีกคนหนึ่ง หุ หุ หุ

 

สาธุพี่นิวรณ์ คุณjinny95
การฝึกมหาสติปัฏฐาน4 อันเป็นทางเอกสู่พระนิพพานนั้น
เพื่อพ้นจากการสร้างภพสร้างชาตินี้เห็นจริงเป็นสาระแก่นสารเดียว

แต่วิชาอย่างพวกลมปราณนี้ใช้ช่วยเหลือผู้คน จากโรคภัยได้จริงเป็นรูปธรรม
ใช้สำแดงเดชให้ผู้ยังไม่สนใจธรรมในเนื้อแท้แต่เริ่มได้หันมาสะกิดใจบ้าง
อาจเนื่องจากติดวัตถุ ยังไม่ทุกข์หนักๆ นี้คือเจตนาผม
เพราะผู้ที่ไม่สนนั้นคือ พ่อ แม่ เพื่อนๆผม

สิ่งนี้ยืนยันว่า ฝึกอย่างนึงให้ผลอย่างนึง
การฝึกอาณาปนสติเป็นเครื่องมือเข้าสู่วิปัสสนาญาณ
การฝึกpsi ก็ใช้แบบของpsi
การต่อวงจรก็ให้ผลทางวงจร สิ่งนี้เห็นจะจริงเป็นเรื่องอธิบายได้แบบเดียวกัน

การฝึกหลายๆอย่าง มากมายสุดท้ายแล้วไม่มีสาระอะไรนั้นผมเห็นจริงด้วยครับ
แต่สำหรับทางโลกก็ยังมีประโยชน์บ้างหน่ะครับพี่

กำลังจิตเริ่มกลับมาแล้ว เมื่อเช้าขับรถผ่านเห็นรถแมวเละโดนรถทับ
พอแผ่เมตตาไป กำลังจิตฟื้นคืนเลยแปลกดีครับ
เมื่อวานผมเบลอตาลอย พิมพ์ตอบไม่ไหวเลยครับ 5 5 5

 

อนุโมทนาครับ ว่าแต่ผมมีเรื่องไม่เข้าใจอย่างหนึ่ง คือ psi นี่คืออะไรครับ ^-^

 

Bull กระทิง หมายถึงหุ้นขึ้น ติดสัญลักษณ์ สัญญาเก่ามา
psi พลังจิต

พลาญข่อย แนะนำการแสดงตัวตน การมีอยู่ของจิต ให้สำแดงพลังจิตออกมา
ขั้น1การสร้างพลัง
0.ก็นั่งอิริยาบท สบายๆ
1.เอามือวางหงายบนหัวเข่า หลับตาผ่อนคลายทุกส่วน
2.กำหนดว่าเอาสมองว่ามือซ้าย เอาหัวใจวางมือขวา
3.ลองยกขึ้นยกลง เหมือนลองชั่งน้ำหนักดู
4.พอลองชั่งสักพัก ถ้าจิตแสดงตัว มือจะยกขึ้นลงเองเลยเบาๆ
5.กำหนดจิตแรงขึ้นๆ มือจะแรงตาม ทำไปเรื่อยๆ20 นาที

ปกติวันว่างผมนั่งอานาปาณสติ ชม.ครึ่ง ออกสมาธิมาจะเมื่อย
ช่วงพักยกจะฝึกอันนี้ครับ คลายเมื่อยขาดีมาก ปวดข้อขาหายหมดเลย

 

แปลกดีเหมือนกันนะ การทำสมถะแบบนี้ ทำให้ได้พลังจิตเหรอคะ
ใช้ในการรักษาได้ด้วยใช่ไหม หรือว่าให้ใจสงบเฉย ๆ ไม่เคยได้ยินแฮะ

 

ผมก็ไม่ว่าที่ทำไม่ดีนะ ให้ทำไป แต่ให้ออกมาต่อวิปัสสนา ทำต่อท้าย
ไปทุกๆครั้ง

อานาปานสติ นี่เป็นกรรมฐานที่ดี เพราะหากทำผิด ก็ได้สมถะ แต่ถ้าทำ
ถูกจะได้วิปัสสนาไปด้วย ทำถูกและตรงเข้าไปอีกได้วิปัสสนาล้วนๆ ก็จะ
ทำให้จบภพสิ้นชาติได้ไวขึ้น

และเพราะเป็นกรรมฐานที่สามารถให้ผลทางวิปัสสนา ซึ่งหมายถึงให้ปัญญา
ด้วย ตรงนี้จะทำให้กรรมฐานอื่นๆ ที่เราเคยทำมาก่อน มีความละเอียดและ
เฉียบคมมากขึ้น ยิ่งปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นไปเพื่อการละ ตัวตน สัตว์
บุคคล เรา เขา ได้ก็จะยิ่งคล่องแคล้วขึ้น

อย่าง psi คุณคงจำได้ว่าผมเองก็เล่น เมื่อก่อนต้องหมุนมือจนเห็นมันหมุน
เองก่อน แล้วจึงรู้สึกถึงสิ่งที่มี แต่ตอนนี้ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว เสียเวลา

พอเรามาต่อวิปัสสนาทุกครั้ง ปัญญา ปฏิภาณมันเยอะขึ้น ศีลเยอะขึ้น สมาธิ
จึงดีขึ้น ปัญญาก็ดีขึ้นกว่าปัญญาแบบเดิมๆ ที่มีติดสงสัยตรงนู้นตรงนี้ พอมา
ต่อวิปัสสนาเรากำจัดนิวรณ์ได้ง่ายขึ้น ทำให้น้อมนึกก็ปรากฏลักษณะรสธรรม
ของ psi ให้รู้ได้แล้ว แล้วเราก็ต่อเป็นวิหารธรรมได้หากยังต้องการ

 

อ้อ ถ้าชอบหาวิหารธรรมอื่นๆ มาลองเล่นตามประสาคนเก่ง นอกจากอานาปานสติแล้ว

ก็มีการดู ธาตุ4

หรือ อยาตนะ6 สฬายตนะ6 .....อะไรอีกตัวจำไม่ได้ รวมเรียกว่า ธาตุ18

ธาตุ4 หากต่อจาก psi ก็แค่ระลึกแยกแยะรสธรรมที่ปรากฏในแบบ psi ให้
เป็นลักษณะการเห็นธาตุ 4 เช่น เรารู้สึกว่ามันดันๆ กัน นี่ให้รู้ว่าลม หาก
เรารู้สึกว่ามันดูดกันก็ให้รู้ว่าน้ำ หากเรารู้สึกร้อนเย็นขึ้นมาก็ให้รู้ว่าไฟ หาก
เรารู้สึกว่ามีความแข็ง เป็นปึกแผ่นนี่ก็ให้รู้ว่าดิน ดูไปแบบนี้โดยไม่จงใจคิด
ว่าเห็น ให้ใช้ความรู้สึกระลึกรู้ผ่านๆ เบาๆ รู้เล่นๆ อย่ารู้จริงๆ อย่าหมายที่จะ
รู้ แล้วจะแจ่มขึ้น

ส่วนเรื่องธาตุ18 นี่ ต้องไปหาอ่านเอาเอง ผมยังอธิบายไม่ได้เพราะยังไม่เคย
ลองด้วยตนเอง

 

งั้นลองฝึกกันดูนะครับ
ขั้น2.เอาพลังที่เกิดขึ้นมานั้น คือ มือขยับขึ้นลงเองแล้ว
1.เอาแรงนั้นมาดันกันจนหมุน ท่านี้เรียกว่ากงล้อธรรมจักร
2.ก่อเกิดพลังปราณเหนี่ยวนำเข้าไปในร่างกาย
3.หมุนไปสักพักจะเร็วมาก
4.เกิดอาการขับของเสียเก่า เช่นเสมหะ เหงื่อแตก อุจจาระพลั่งพลู ตัวร้อน

ขึ้น3 ท่ามือซ้ายอยู่บนมือขวาอยู่ข้างล่าง
ปั่นลูกแก้ว แบบที่พี่นิวรณ์ว่านั่นแหละครับ
1.พลังจะหมุนมือเราเร็วขึ้นๆ
2.พลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
3.แล้วจิตจะออกท่าออกทางเฉพาะแต่ละคนไปเอง

ของผมตัวจะหมุนโคลง หัวหมุนติ้ว ให้เอาจิตจับตามไป
พระอาจารย์ที่สอนวิชานี้ท่านว่าถึงระลึกชาติ

 

แหม ..ขั้นที่สองนี่ผมขอข้ามนะ ที่ข้ามได้เพราะผมไปพิจารณา ธาตุ4 แล้ว...
จักรคงไม่หมุนลงไปตรงจุดข้างล่างจนเกิดอาการแบบนั้น เพราะธาตุ4 นี่
เมื่อเห็นแล้วมันจะไม่จมลงไปที่จุด มันจะกระจายไปทั่ว กระจายมากๆ นี่เล่น
เอา งง นะว่า เอ ตัวเรา กับ ก้อนดินข้างหน้า หรือก้อนดินที่พึ่งถ่ายลงหลุมไป
อันไหนคือตัวเราหว่า มองไปหาไม่เจอซะงั้น มันเป็นเราได้หมดหากเรายึดด้าน
ไหนด้านหนึ่งขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เห็นเลยว่า มีใจพุ่งออกไปยึดธาตุดิน

* * * *

ส่วนขั้น3 นี่ขอแลกเปลี่ยนวิธีกันนะ ผมไม่หมุนมือแล้ว ไม่ต้องใช้มือขึ้นมาหมุน
ใช้จิตใช้ใจวางเบาๆ เห็นมือหมุนแทน พอเห็นมือหมุนยังเป็นรูปมือ มันยุ่งยาก ก็
มองเห็นเป็นเส้นวงของจุดขาวๆ แทน แล้วก็จับมาที่ลมหายใจช่วยเข้าไป แค่นี้
ก็พอทำให้เป็นอุโมงค์ได้ ทำให้ระลึกชาติได้แม่นยำกว่า

ส่วนการหมุนมือจนมันหมุนไปเองนั้น บางทีมันไม่ใช่ระลึกชาติ แต่เป็นเรื่องของ
กายวิบากที่เราเคยเกิดเป็นสัตว์มันมาส่งเหตปัจจัย เรียกว่า มันไปรู้เอาที่ไขสันหลัง
ทำให้เรามีอาการทางกายคล้ายสัตว์ชนิดต่างๆขึ้นมา ....อะไรแบบนี้ทางผมไม่เรียก
ว่า สัมมาสมาธิ แต่เป็น มิจฉาสมาธิล้วนๆ เพราะระลึกชาติลงไปต่ำๆ แล้วมันไม่ก่อ
ปัญญา ไปรู้ว่าเราเคยเป็นงู เป็นหมา เป็นปลา มันก็แค่รู้ว่าอาจจะเคยเกิดเป็น งู เป็น
ปลา เป็นหมา แต่ทว่า ประโยชน์ที่ได้จากการเสวยชาติต่างๆเหล่านั้นมันหาประโยชน์
ทางปัญญาไม่ได้ ไม่เหมือนสัมมาสมาธิที่จะเห็นเป็นนิมิตภาพ นิมิตเสียง ไม่ต้อง
ออกท่าออกทาง แล้วนิมิตภาพ เสียง มันดูแล้วรู้เรื่อง มันยังพอได้ปัญญามากกว่า
การลงไปเลื่อยๆ ไปคลาน

คุณ psi หันมาลอง อานาปานสติแล้ว ก็ลองจับตัวนี้ให้มากๆ แล้วจะพบว่ามีอะไร
บางอย่างที่ได้อรรถรสมากกว่า

 

เราว่าไม่ยากหรอก อิน ก็คือ การที่เราซึ้ง แล้วมันเข้าไปถึงจิตใจเหมือนเกิดเห็นการณ์นั้นกับเรา เช่น เราเห็นครอบครัวจนๆครอบครัวหนึ่งมีเด็กที่ได้มีการศึกษาน้อย แต่เค้าเป็นคนดีเรียนดีแต่ขาดโอกาศเค้าเป็นคนเลี้ยงดูบิดามารดา ตาและยาย เป็นเด็กที่หาเลี้ยงครอบครัวจนทำให้เค้าไม่มีเงินและเวลาไปโรงเรียน ถ้าเรื่องนี้มันทำให้ใจเราเกิดความซาบซึ้งจนรู้สึกน้ำตาไหล ก็นั้นแหล่ะ อินกับเหตุการณ์ อยากอินก็ดู รายการข่าวช่วงกลางๆหรือท้ายๆจำไม่ได้ ที่มี เรื่องสะท้อนชีวิต หน่ะ เราจะเกิดความสงสารเขาขึ้นมาทันที

ส่วนคำว่าศรัทธานี้มันเกิดจากความเชื่อ เชื่อว่ามันต้องเป็นไปได้ เมื่อเรามีความเชื่อ แล้วจะเกิด ศรัทธา เมื่อเรา ศรัทธาแล้วก็จะเกิด ปาฏิหารย์

 

อ้างถึงคำถามที่ว่า "ในกรณีเรื่องของ โยนิโส มนสิการ มันหมายถึงอะไรครับ"