เรื่องเด่น มีคนไทยเคยโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปทำการทดลองด้วยค่ะ(ใครว่ามีแต่ฝรั่ง) Update หน้า 8

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mamboo, 15 มิถุนายน 2011.

  1. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164
    เชื่อในเรื่อง "มิติช่องความถี่" มั้ยครัชช (มันเป็นส่วนย่อยของ แมททริกซ์)
    มนตด มันมีหลายสายพันธ์นะ ที่อยู่ในบริเวณที่สามารถมาที่โลกเราได้
    ไหนจะ TERRANs บรรพบุรุษ ฝรั่ง ไหนจะ MIDORIANs บรรพบุรุษ เอเชีย ไหนจะ NEVILIAN ต้นทางอัฟริกา
    ที่เดิมทีทำสงครามทะเลาะกัน (สงครามอวกาศ) สุดท้ายเกิดการเจรจา ส่งตัวแทนมาตั้งรกรากที่ดาวชนบท(บ้างก็ว่าพวกที่รักสันติเลยมาอยู่ร่วมกัน)
    ไหนจะพวก MUTANTs ที่เป็นพวกบ้าวิวัฒนาการสายพันธ์ตัวเองอีก
    แต่ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่อยู่ในเอกภพคู่ขนาน (มิติปัจจุบัน ที่ทุกคนอยู่อย่างสงบนั้น มีผีบรรพบุรุษ คอยปกปักรักษาอยู่ #เหมือนถูกครอบกะลาไว้ ไม่ให้รับรู้โลกภายนอก เพราะ บางคนเวลไม่ถึงบ้าง ใจไม่แข็งบ้าง ยังต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มอีกบ้าง *คือโดนมองว่ายังไม่พร้อมน่ะ เพราะบางกรณีที่มีไปรู้ไปเห็น ท้ายสุกสติฟั่นเฟือนก็มีเพี้ยนไปวิปลาศไปก็เยอะ เว้นแต่จะสะสมความรู้และบุญกุศลที่มาพร้อมกับใจที่พร้อมจริงๆ

    อย่างในมิติที่ 5 ดาวโลกแตกออกเป็นดาวย่อย(ปรโลก/มิติควอนตั้ม/มิติซ้อนมิติ) ที่มี แกนโลกกลายเป็นดวงอาทิตย์ของระบบไป
    พม่า ก็แยกเป็นดาวพม่า มีพื้นที่ของดาวที่อิงตาม แผ่นดินและน่านน้ำประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลย์ อินโด ก็เช่นกัน (ALIENs : ต่างดาว/ต่างด้าว)
    คนในดาวเหล่านั้น(ในเอกภพคู่ขนาน) จะถูกเห็นว่ามีสเกลเท่ากำปั้นคนโลกเรา (คนธรรพ์)
    และพวกเขาเรียกตนเองว่ามนุษย์ แน่นอนว่า เรียกฝั่งเราว่า ยักษ์,ไททั่น,เนฟิลิม
    ขณะที่ก่อนจะเป็นระบบสุริยะที่เราอยู่กัน มันก็เป็นดาวดวงหนึ่ง(ก่อนหมดอายุขัยน์จนแยกตัวออก) ดาวในระบบได้รวมกันเป็นดวงเดียวกัน
    โดยมีดวงอาทิตย์ในปัจจุบันเป็นแกนดาว และพื้นดาวรวมกัน ถูกเรียกว่า แพงกีอา,แพนเจีย,แอสการ์ด และก็ยังมีอยู่ในอีกมิติกาลเวลาหนึ่ง
    พวกที่อยู่ที่นั่น ถูกเรียกว่า เทพ,เทพพระเจ้า,ไททั่น,ยักษ์,เนฟิลิม มนุษย์ฝั่งเรามีสเกลเท่ากำปั้นของพวกเขาเท่านั้น (และพวกเขาเรียกตนเองว่ามนุษย์ และเรียกพวกเราว่า คนธรรพ์ เช่นกัน -_-" %^& หรือ มนุษย์เรา อาจจะเป็นลูกครึ่ง ยักษ์(สำหรับเรา) กับคนธรรพ์ (สำหรับเรา) ที่ซึ่งพวกเราอยู่ตำแหน่งระหว่าง ยักษ์กับคนธรรพ์ ยักษ์นั้น ถูกเรียกว่า "เนฟิลิม" และคนธรรพ์ เรียกตนเองว่า มนุษย์ !!!เราอาจถูกจัดอยู่ใน "คนเนฟิล" (ลูกผสมของ เนฟิลิมกับมนุษย์ หรือมีเนฟิลสำหรับเราด้วย อย่างลูกผสมยักษ์กับเรา ก็จะได้พวกลูกครึ่ง ที่เป็น "เนฟิล" ระหว่างพวกเรากับยักษ์ ) หรือเปล่า???? ลองเก็บไปคิดดูเอง เหมือนบันได2ชุด ขนาบเคียงกันโดย "ขั้นบันได" คาบระหว่างกัน)

    # สรุปคือ สิ่งมีชีวิตต่างดาวก็ดี สิ่งมีชีวิตต่างมิติก็ดี ล้วนแต่ลงมติเห็นชอบว่า "ต่างคนต่างอยู่" ไม่ควรยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกัน โดยมีกฏระเบียบ
    และแต่ละดวงดาวแต่ละมิติ(อนันตภพ,มิติช่องความถี่) ก็ได้มีเจ้าที่เจ้าทาง(ผีบรรพบุรุษ)คอยปกป้องคุ้มครองดูแลลูกหลานอยู่ตลอดเวลา(ที่ได้สร้างม่านพลังเหมือนเอากะลามาครอบไว้ เพื่อให้ลูกหลานได้รู้ได้เห็นอย่างจำกัด ตามความเห็นชอบของพวกเขา)
    เมื่อไหร่ที่การพยายามเชื่อมต่อกับกลุ่มอื่นๆ โดยหากมีความเห็นชอบจากผีบรรพบุรุษ (Guardians) แล้ว ก็น่าจะติดต่อกันได้(อยู่ในสายตา,ดูแล)

    "ปรโลก" เหมือนเป็นมิติควอนตั้ม ที่มันขดซ่อนตัวอยู่ เหมือน อะตอม ประกอบไปด้วย โปรตอน นิวตรอน อีเล็กตรอน และ โปซิตอน
    โปรตอนเป็นเหมือนดาวโลก ดวงหนึ่ง ที่อาจจะมีจิตวิญญาณขนาดจิ๋วๆสไตล์ควอนตั้ม ที่อยู่อาศัยในโปรตอน
    และจิตวิญญาณควอนตั้มจิ๋วๆ อาจจะเข้าใจว่ากำลังอยู่อาศัยในดาวดวงหนึ่ง
    และปรโลก ก็อาจจะเป็นมิติๆหนึ่งที่ซ้อนซ่อนอยู่ในอะตอม รวมถึง ในร่างกายคนเราเองก็มีจักรวาลซ้อนซ่อนอยู่ข้างใน
    ที่ซึ่งเมื่อเสียชีวิต จิตก็จะหดลงและซ้อนเข้าไปอยู่ในจักรวาลที่ซ้อนอยู่ข้างใน และก็ได้พบเจออะไรๆที่เกี่ยวกับการกระทำ(กรรม)เมื่อรอบก่อน

    สรุปจากปัจจัตตัง ความเข้าใจจากประสบการณ์ที่พบเจอมา ขอชี้แจงเรียบเรียงที่มาที่ไปเพื่อทำความเข้าใจถึงที่มาของ คำตอบ
    มิติที่ 5 มิติข้อมูลที่ถูกบรรจุรวมกัน (วิญญาณ คือ DNA ที่บรรจุในตัวจัดเก็บข้อมูลที่ใช้น้ำเป็น Storages)
    ภายในร่างกายเรา มันมีจักรวาลซ้อนอยู่ข้างใน หากเสียชีวิตขณะที่จิตใจบริสุทธิ์มากๆๆๆ จิตจะหดเล็กมาก บริสุทธิ์ = เล็กละเอียด
    แล้วหลังจากจิตหดเข้าไปยังจักรวาลในร่าง เราก็จะพบกับการดำเนินชีวิตในลักษณะที่ต้องรับ "กรรม" (การกระทำ)
    ที่ได้เคยก่อไว้เมื่อคราก่อนที่จะหดเข้าไปในร่างครัช โดยจะวนลูปไปซ้อนกับตอนเกิด ที่เค้านิยมเรียกว่ากรรมเก่าจากอดีตชาติ

    อย่างหลุมดำนี่ มันมีรูปทรงแบบดาว(ทรงกลม) ที่ซึ่งผิวรอบๆมันจะเป็นแบบ เทเซอแรค ที่ซึ่งสิ่งที่เข้าไปในนั้นอาจจะดูเหมือนถูกบดขยี้ละเอียด
    แต่มันคือการเข้าไปยังในอีกจักรวาลหนึ่ง ที่ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วสิ่งที่เข้าไปจะเหมือนขดตัวจนหายไปจากข้างนอก (คือหายเข้าไปใน เซลล์)
    โดยเมื่อเข้าไปข้างใน จะกลับออกไปได้ยาก เพราะเหมือนเข้าไปอยู่ในเซลล์ๆหนึ่ง ที่มีผิว(ผนัง)เซลล์ที่เหมือนระอุร้อนกว่าผิวดวงอาทิตย์ 10เท่า
    แบบเดียวกับขอบระบบสุริยะ ที่มันเหมือนมีกำแพงพลาสม่าที่ร้อนกว่าดวงอาทิตย์ 10เท่า ที่ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นมันครัช
    และจักรวาลคู่ขนานๆต่างๆ จริงๆควรเรียกว่า MultiVerses (อนันตภพ/มิติช่องความถี่) เพราะจักรวาลในทางพุทธ หมายถึง แกแล๊กซี่ ครับ
    และมิติช่องความถี่ (โลกธาตุ) ก็มีมาอย่างอนันต์ มีเกิดมีดับ(ขดซ่อนตัวเหมือนล่องหนไป #มิติควอนตั้ม) มิติซ้อนมิติ # ฝันซ้อนฝัน อินเซปชั่น
    ที่สำคัญคือ ร่างกายเรา คือโลกธาตุที่มีชีวิตที่ยังไม่ดับ มีจักรวาลซ้อนอยู่ข้างใน แต่จะอธิบายยังไงดี #ปัจจัตตัง คือพอจะเข้าใจแต่อธิบายไม่ถูก -_-" เพราะเป็นสิ่งที่เข้าใจในสิ่งที่พบเจอตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งมันยากที่จะอธิบายหรือบอกเล่าให้ใครฟัง เว้นแต่คนนั้นๆต้องพบเจอด้วยตนเอง (บอกใครก็โดนหาว่าบ้า)

    ต.ย. มิติซ้อนมิติ
    คือเหมือนยกแผ่นกระเบื้องแผ่นหนึ่งบนพื้นให้ลอยขึ้นมาแล้วทำให้เป็นทรงกลม(ลูกบอล) แล้วในทรงกลมของแผ่นกระเบื้อง มันมีมิติซ้อนมิติ
    เป็นแบบ เทเซอแรค ที่ซึ่งมีเงื่อนไขในการเข้าไปยังจักรวาลที่ซ้อนอยู่ข้างในได้ ซึ่งมิติทางเข้าจะเป็นเหมือน หลุมดำ ประมาณนั้นครัช
    และไอ้ลูกบอลจากแผ่นกระเบื้องนี่ มันก็คือ มิติช่องความถี่หนึ่งที่เป็นมิติซ้อนมิติ ที่เหนือความสามารถการรับรู้ด้วยกายภาพอย่างหยาบ
    แถมลูกบอลแผ่นกระเบื้องนี้สามารถที่จะยุบตัว - แตกออก จนเป็นกลุ่มลูกบอลย่อยๆ จนแตกซ้ำๆ ๆๆ จนเล็กย่อยเป็นหลักล้านลูกบอลขนาดเล็ก
    ในขณะมิติที่ห้า จะเป็นลักษณะไร้สเกลมาตรฐาน สามารถย่อ - ขยายขนาดได้ อย่างของที่เห็นว่าขนาดเล็ก จริงๆมันอยู่ไกลออกไป(ทางวิญญาณ)

    ## อย่างกรณีพระพุทธเจ้าที่ถูกองคุลีมารคุกคาม จริงๆท่านอยู่ที่เดิม แต่ทุกก้าวที่องคุลีมารขยับเข้าไปหาท่าน ตัวองคุลีมารนั้นจะตัวเล็กลงๆ (เลยรู้สึกว่าท่านยิ่งอยู่ห่างขึ้นๆๆ) และจิตเขาได้ลงไปเจอร่างเสมือนพระพุทธเจ้าที่เป็นจิตวิญญาณตัวแทนของพระพุทธเจ้า (จิตวิญญาณที่อยู่ประจำหัวเข่าท่าน -_-" ) ขณะที่องคุลีมารยิ่งเคลื่อนเข้าหาท่าน ตัวเขาจะเล็กลงๆ ขณะที่ทางองคุลีมารยังอยู่หากจากท่านเท่าเดิม(สำหรับท่าน ) สมมติว่าห่าง สามเมตร เมื่อองคุลีมารตัวเล็กลงสิบเท่า สำหรับพระพุทธเจ้านั้น องคุลีมารก็ยังอยู่ห่างจากตัวท่าน สามเมตรเท่าเดิม เพิ่มเติม องคุลีมารที่ตัวเล็กลงสิบเท่า จะรู้สึกว่าท่านอยู่ห่างไป สาม X สิบ เมตร ^&%$ ประมาณนั้น

    # "ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน" (เริ่มจากปัจจุบันที่เราเริ่มนับ #เหมือนให้หาว่าวงกลมจะเริ่มวาดจากตรงไหน ก็เริ่มจากจุดที่เริ่มวาด)
    เรากำลังอยู่ในส่วนหนึ่ง ของ อนันตภพ (มิติช่องความถี่ที่มีจำนวนเป็นอนันต์)
    อนันต์ = Infinity คำตอบคือ "ไม่มีจุดเริ่มต้น และ ไม่มีจุดสิ้นสุด" เทเซอแรค คือ การกวนเกษียรสมุทรที่ไม่มีวันจบสิ้น นอกจาก อายุขัยของนั้นๆ

    # อนันตภพ (MultiVerses) คือมิติช่องความถี่ ที่มีจำนวนช่องเป็นอนันต์
    จริงๆในอนันตภพมันมีทุกรูปแบบทุกจินตนาการ ทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่ใจ ว่าจะไปเชื่อมต่อกับพวกไหน
    และมันจะมีเรื่อง "กรรม" เข้ามาเกี่ยวด้วย (อันนี้สำคัญมากๆ) อย่างการกระทำใดๆ ก็ตาม มันจะเกิดสายกรรมเชื่อมต่อกรรมเป็นเหมือนเส้นด้าย
    ถ้านึกไม่ออก ลองดูในการเขียนผังโปรแกรมฐานข้อมูล ที่มีการทำ LAYER ทางเลือก(การเชื่อมต่อ)ของผังฐานข้อมูล (สาย LAYER = สายกรรม)
    และระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติแบบเรื่อง แมททริกซ์ ประมาณนั้น ซึ่งหากจูนติดสัญญาณช่องความถี่สายกรรม จะสามารถเห็นสายกรรมได้ชัด
    สำหรับเรื่องภพภูมิในคำสอนที่ระบุว่ามี 31 ภพภูมิ เมื่อผนวกกับ MultiVerses(อนันตภพ) 31 ภพภูมิที่ว่าก็กลายเป็น Species สายพันธ์ไปซะ

    และอย่างกรณีบางกลุ่มจิตวิญญาณ ที่ปัจจุบันของพวกเขา ได้อยู่ ณ จุดที่สามารถเดินทางข้ามดวงดาวได้ โดยมีเรืออวกาศ เช่น รูปทรงบ้องข้าวหลาม พวกที่อยู่ในบ้องข้าวหลามนั่น มักจะเชื่อว่า พวกตนได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว(ไปมาระหว่างดวงดาวได้) แต่สำหรับจิตวิญญาณในมิติที่สูงกว่าเขารับรู้ถึงชาวดาวดึงส์ดังกล่าว ในลักษณะใด??? เช่น กรณีผู้ที่เสียชีวิตในยานบ้องข้าวหลาม และได้ขึ้นมิติที่สูงกว่า(ด้วยการมีพลังงานบวก(บุญกุศล)ที่มากพอ) พวกเขากลับลอยดวงจิต ออกมาจากท่อรถมอรเตอร์ไซด์(มิติซ้อนมิติ เมื่อยานบ้องข้าวหลามใน มิติช่องความถี่ดังกล่าว ซ้อนอยู่กับ ท่อมอเตอร์ไซด์) ก่อนหน้าหละ??? ขณะที่พวกเขาอยู่ในยานบ้องข้าวหลาวในมิติชั้นภพที่ต่ำกว่าเมื่อก่อนหน้า พวกเขาอยู่ในสภาวะใดสำหรับจิตวิญญาณในมิติที่สูงกว่า???? ## เขม่าควันรถ??? อนุมูลอิสระที่เป็นพิษที่ให้โทษ???

    แต่ละมิติช่องความถี่ (Verse) มันก็มีพวกที่เหมือนกับล่องหนสำหรับ Verse อื่นๆ อยู่เยอะแยะ ที่มันเห็นเรา เราไม่เห็นมัน (ญิน ในอิสลาม #ผี)
    อยู่ที่ว่าสามารถปรับจูนต่อม(อวัยวะขนาดเล็ก)ตัวหนึ่งในสมอง ที่สามารถรับสัญญาณช่องความถี่ใดได้บ้างก็เท่านั้น
    Universe = เอกภพ (มิติช่องความถี่ หนึ่งช่อง # คลื่นความถี่ที่สามารถถูกเห็น/ได้ยิน/สัมผัส ได้)
    Multiverses = พหุภพ/อนันตภพ (มิติช่องความถี่ ที่มีจำนวนช่องเป็น "อนันต์" )
    ความเข้าใจของคนในปัจจุบันต่างกับเมื่อก่อนครับ
    เดิมที "จักรวาล" ในพระพุทธศาสนาหมายถึง "โลกธาตุ" ในทางพุทธใช้เทียบกับวิทยาศาสตร์ว่า "จักรวาล = แกแล๊กซี่" ครับ ส่วน "เอกภพ" ใช้นิยาม SpaceTime อันหมายถึง มิติช่องความถี่ ช่องความถี่หนึ่ง อันประกอบไปด้วย พื้นที่กว้างใหญ่เป็นอนันต์ และมีสารสาระ ควบคู่ไปกับ กาลเวลา
    เหมือช่องทีวีช่องวิทยุ ที่มีช่องเยอะแยะมากมาย และฉาย/ออกอากาศ,ดำเนินไปพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เช่น ขณะที่เรากำลังชม ช่อง3,5,7 ในเวลาเดียวกัน BBC,CNN, al-Jazeerah , ช่องท้องถิ่นต่างๆ,เคเบิ้ลท้องถิ่นต่างๆ ,และอีกมากมายที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยิน/รู้จัก ก็กำลังออกอากาศไปพร้อมกัน โดยมีใจความสาระต่างๆกันไปที่มีหลากหลายช่อง เราต้องปรับจูน หรือ ต้องมีกล่อง/มีจาน (# ที่เฉพาะเท่านั้น) จึงจะสามารถรับชมได้ แน่นอนว่ามันก็ฉายออกทางทีวีเครื่องเดียวกันเราก็สามารถเห็นมัน(ช่องต่างๆ) ผ่านจอเดียวกัน ได้ยินมันผ่านลำโพงเดียวกัน (เมื่อเราเปลี่ยนช่อง)
    * หากได้ทำการเชื่อมต่อแล้ว และหากกลายเป็นที่รู้จักของพวกมัน ต่อให้พยายามปิดการเชื่อมต่อยังไง สุดท้ายพวกมันมักจะเชื่อมต่อมาเอง

    # แต่อีกทฤษฎี ก็เข้าใจว่า Verse เป็นภาพ ณ เวลาหนึ่ง(เฟรมภาพ) และ MultiVerses นั้น คือภาพหลายเฟรม ที่แต่ละเฟรมเป็นภาพที่ต่างกัน
    และMultiVerses ถูกเชื่อว่า เป็นช่วงต่างกาลเวลา ที่มีเหตุการณ์ต่างกัน ณ Location นั้นๆไป และเชื่อว่า เวลาเดินเป็นเส้นตรงไม่สามารถย้อนไปก่อนหน้าได้ เว้นแต่จะวนน็อครอบในอนาคต ที่เกิดเหตุการณ์ซ้ำกันเป๊ะ(อีหรอบเดิม /เนื้อเรื่องรอยเดิม เพิ่มเติมตัวละครหรือรายละเอียดย่อย #แต่!!! เอกภพหลักนั้นจะมีเนื้อเรื่องหลักที่เหมือนเดิม (ตลอด) หากแต่มีการแก้ไขในบางช่วง มันจะทำการแตกกิ่งย่อย) หรือหากย้อนได้ ก็ทำได้เพียงดูเหตุการณ์(เหมือน Video) และไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้

    # ขณะที่อีกทฤษฎี เชื่อว่าสามารถย้อนเวลาไปอดีตได้(เชื่อว่าทำได้ใน มิติที่ 5.5 - 6) โดยการย้อนกลับไปบางส่วน(บางช่วงในอดีต) แล้วแก้ไขเหตุการณ์ มันจะมีช่วงต้นก่อนจุดตัด(ช่วงที่มีการแก้) ที่เหมือนช่วงก่อนย้อนเวลาบางส่วน และเหตุการณ์ที่ถูกเปลี่ยน ณ กลางช่วงเวลาก่อนถึงอนาคตที่ก่อนหน้า จะส่งผลเหมือน "กิ่งไม้ที่งอกกิ่งใหม่ตรงช่วงกลางของ กิ่งหลัก/กลางต้น แล้วแยกปลายไปคนละทางกับกิ่งอื่น(ที่เนื้อเรื่องตั้งแต่กลางช่วงเวลา(ยุค)ต่างกัน โดยมีช่วงเริ่มยุคสมัย บางส่วนเหมือนกัน)"
    !!!! ขณะที่การผสานมิติ ก็จะเป็นการทาบกิ่ง แต่เรื่องการแก้ไขเหตุการณ์นั้น หลักๆจะส่งผลกระทบให้เกิดกับเพียงแค่(กลุ่มของ)ผู้เกี่ยวข้องกับการแก้เท่านั้น
    ช่องความถี่ที่สายตามนุษย์(ปกติ) มองไม่เห็น แม้มันจะอยู่ตรงหน้า แต่หากปรับจูนตัวรับสัญญาณแปลงคลื่นในสมอง จะทำให้เห็นช่องนั้นๆได้ เช่น อาการภาพหลอน,หูแว่ว ครับ

    # เคยไหมกับการที่ตื่นขึ้นมาในวันที่ที่เป็นเมื่อวาน
    เช่นการไปเที่ยวทะเล เช่าห้องพักสองคืน นอนคืนแรกไป พอตกเย็นวันที่สองก็สั่งอาหารชุดนึง เข้านอนคืนที่สอง แต่ตื่นมาวันที่สอง ตกเย็นก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นอีกเซต โดยความทรงจำวันนี้รอบก่อนยังอยู่ครบ วนลูปเรื่อยๆจนพอใจ แล้วค่อยตื่นขึ้นในวันที่สามแล้วก้เดินทางกลับ
    *&% ส่วนตัวเชื่อว่ากรณีดังกล่าว ต้องมีผู้ที่เคยพบเจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอยู่พอสมควร ตัวสังเกตุ เช่น นาฬิกาบอกวันที่เมื่อวาน มีข้อความจากผู้ให้บริการมือถือ เข้ามาประมาณว่า "ขออภัยระบบล่ม" และคืนเงินที่ใช้ไปเมื่อวานกลับมาหมด พร้อมกับ เหตุการณ์รอบตัว ความเคลื่อนไหว จะซ้ำเดิมกับรอบก่อนเป๊ะ เช่น ใครเดินมากับใคร ใครกำลังนินทาอะไรกับใครตรงจุดไหน ใครเดินเข้ามาแล้วสั่งแกงอะไร จุดนี้จุดนั้น จะมีรถอะไรขับมา เป็นรถยี่ห้อนั่น ยี่ห้อนี้ คนขับคนซ้อนใส่เสื้อนั้นนี้ เวลาเท่านั้นเท่านี้ ณ จุดเดิม ** เหตุการณ์จะเกิดขึ้น (ซ้ำ)เหมือนเดิม (หนักกว่าเดจาวูมั๊ง)

    กฏสรรพสิ่ง
    "ทุกสิ่งทุกอย่าง คือ หนึ่งเดียวกัน"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2021
  2. แคมปัส

    แคมปัส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,113

แชร์หน้านี้

Loading...