เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เรื่องนี้ มีโยงมาที่น้ำทะเล เด่นๆที่เกี่ยวกับหลวงพ่อทวด ในการวิสัชนาได้ด้วย


    ○●○ไม่อยากจะกล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติแห่งพิษพยานาคที่ปรากฎนัก อย่ากระนั้นเลย! ทั้งความมืดฟ้ามัวดิน ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล สัตว์น้ำล้มตายหมดจนมนุษย์ไม่มีอาหารทะเลหรือแม่น้ำกิน อาหารเป็นพิษ เกิดไฟผลาญแผ่นดิน ฯลฯ●○●




    ยาวไปถึงท่านท้าววิรูปัก และท่านอื่นๆเรียกได้ว่า ประชุมเหล่าเทพเทวากันเลยทีเดียว

    ร้อยนัยพันนัยตามกระแสนิรุตติญานทัสสนะ ที่ทรงแสดงไว้ หากพิจารณาถึงบทบาทตัวละครแต่ละบุคคลได้อย่างทั่วถึง ก็จะสามารถวิสัชนาได้ชัดเจนมากขึ้น เช่นนี้จึงสมควรพิจารณาสั่งสม สุตตะ ปริยัติสัทธรรมให้มากๆ
    FB_IMG_1612414825760.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2021
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ทยอยกันออกมาเรื่อยๆ ^_^ พ.ศ. 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม

    คิดให้สนุกสนาน สงสัยมีการรวมตัวหลายภพหลายภูมิเพื่อชำระความแน่นอน

    เทวดาล้มตายเพียบ! ก่อนจะถึงยุคพระอินทร์เสด็จลงมา
    เวลาที่เหลือ 2500 ปี

    เทียบเวลาภพสวรรค์ชั้นต่างๆ

    2500 =
    50วันชั้นจาตุม
    25วันชั้นดาวดึงส์
    13วันชั้นยามา
    6วันชั้นดุสิต
    3วันชั้นนิมมานรดี
    1วันชั้นปรนิมมิตวสวัตตี


    ถ้าพระพุทธศาสนา 5,000 ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว

    คุณมารชั้นปรนิมิตวสวัตตี นี่มีเวลาเที่ยวเล่นแค่นิดเดียว มีเวลาแค่ 3 วัน ที่พระพุทธศาสนาตั้งอยู่ มันก็ยังดื้อด้านไปทูลขอให้รีบเข้าสู่พระนิพพาน

    งานหนักกันหน่อยนะครับท่านเทพเทวา ทั้งหลายในช่วงนี้ ใกล้นาทีปิดฉากเข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะล้างโลกกัน ^_^






    1. ชั้นจาตุมหาราช
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๕๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นจาตุมหาราช , ๓๐ ราตรีโดยราตรีนั้นเป็นเดือนหนึ่ง , ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็นปีหนึ่ง , ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นจาตุมหาราช " 182500 ปี × 50 ปีมนุษย์ต่อวัน 9125000 ปีมนุษย์

    ชั้นอื่นๆก็ × วันเดือนปี ของสวรรค์เข้าไป แล้วคูณปีมนุษย์

    2. ชั้นดาวดึงส์
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์....๑๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดาวดึงส์ "

    3. ชั้นยามา
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๒๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นยามา....๒๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นยามา "

    4. ชั้นดุสิต
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๔๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นดุสิต....๔๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นดุสิต "

    5. ชั้นนิมมานรดี
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๘๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นนิมมานรดี....๘๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นนิมมานรดี "

    6. ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
    ...พระพุทธพจน์ : " ดูกรภิกษุทั้งหลาย ๑๖๐๐ ปีมนุษย์ เป็นคืนหนึ่งวันหนึ่งของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี....๑๖๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้นเป็นประมาณอายุของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตตี "


    ‘ไวรัสโบราณ’ อายุ 15,000 ปี ใกล้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เพราะโลกกำลังละลาย
    .
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ พบกลุ่มเชื้อไวรัสโบราณ 33 ชนิด จากตัวอย่างแกนน้ำแข็งในชั้นดินเพอร์มาฟรอสต์ ณ ประเทศทิเบต โดยพวกมันมีอายุเก่าแก่ถึง 15,000 ปี และใกล้จะปรากฎขึ้นอีกครั้งเพราะโลกกำลังละลาย
    .
    โดยการค้นพบครั้งนี้ นักวิจัยได้ศึกษาเพิ่มเติมจากแกนน้ำแข็งที่ถูกขุดขึ้นมาเมื่อปี 1992 แต่ด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจว่าแบคทีเรียที่พบอาจมาจากอุปกรณ์ขุดเจาะที่ไม่สะอาด พวกเขาจึงทำการเจาะตัวอย่างแกนน้ำแข็งจากแหล่งเดียวกันขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง ปรากฏว่าแกนน้ำแข็งแท่งใหม่ที่ถูกขุดขึ้นมายังคงเต็มไปด้วยเชื้อไวรัสและแบคทีเรียจำนวนมาก จึงสรุปได้ว่า – “ในชั้นดินเพอร์มาฟรอสต์ยังคงมีเชื้อไวรัสโบราณที่หลับไหลอยู่จริง แถมเมื่อทดลองทำการละลาย ไวรัสทั้งหมดก็ตื่นขึ้นและเคลื่อนไหวทันทีอีกด้วย”
    .
    ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบว่ามีเชื้อไวรัสโบราณซ่อนอยู่ในชั้นดินเพอร์มาฟรอสต์ เพราะเมื่อปี 2005 นักวิจัยจากนาซา พบเชื้อแบคทีเรียที่ฝังตัวอยู่ในธารน้ำแข็งอลาสกา อายุกว่า 32,000 ปี ชื่อ Carnobacterium Pleistocenium - ต่อมาในปี 2007 นักวิจัยยังพบแบคทีเรียโบราณอายุ 8 ล้านปี ใต้ธารน้ำแข็งในหุบเขาบีคอนและมัลลินส์ของทวีปแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้)
    .
    ยกตัวอย่างความอันตรายของไวรัสโบราณ ในปี 2016 เด็กวัย 12 ปี ที่อาศัยอยู่แถบคาบสมุทรยามาลในอาร์กติกเซอร์เคิล เสียชีวิตจากการติดเชื้อแอนแทรกซ์ ซึ่งนักวิจัยคาดว่า เชื้อนี้มาจากซากกวางเรนเดียร์ที่ติดเชื้อดังกล่าวและถูกฝังอยู่ในชั้นดินเพอร์มาฟรอสต์ จนกระทั่งผุดขึ้นจากใต้น้ำแข็งในช่วงฤดูร้อน (โรคแอนแทรกซ์ คือ โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Bacillus anthracis เคยถูกนำมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพ)
    .
    ที่มา : http://www.bbc.com/earth/story/20170504-there-are-diseases-hidden-in-ice-and-they-are-waking-up
    .
    อ่านต่อข่าวสารและบทความคูล ๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://tidhoo.co/category/tid-social
    .
    #Covid19 #Covid #โควิด #โควิด19 #ระบาด #ติดเชื้อ #ไวรัส #ข่าวต่างประเทศ

    ╔═══════════╗
    Tidhoo ‘Everything you want to know’
    เพจสุดคูลกับข่าวสารและสาระเท่ ๆ ที่ทุกคนอยากรู้
    ╚═══════════╝

    ติดตาม Tidhoo - ติดหู ได้ที่
    Website - https://tidhoo.co
    Facebook - Tidhoo - ติดหู
    YouTube - youtube.com/c/Tidhooofficial
    Twitter - twitter.com/Tidhoo_Official

    FB_IMG_1612622498655.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2021
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ตามวาระสมัย เอาชั้นจาตุมวัดกับปีมนุษย์และปีสวรรค์ของชั้นจาตุม ในขั้นต้นว่าจะได้อยู่เฝ้าพระพุทธเจ้าครบทุกๆพระองค์หรือไม่
    โดยประมาณพอคร่าวๆ


    ปีมนุษย์

    1825000 ปี จาตุม ÷ 5 = 36500 ปี

    รวมพระชมน์มายุของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์รวมกันเท่ากับ 170080 ปีพรรษา ÷ 5 =โดยเฉลี่ย 34016 ปีพรรษา
    แต่ละพระองค์มีช่วงเวลาเว้นว่างพุทธันดร ที่ไม่เท่ากัน

    ห้วงเวลาพิเศษ ของมนุษย์ อายุขัยสั้นลง และช่องว่างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งควรจะเป็นโลกธาตุหน้า หลังจากล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ในยุค 5000 ปีนี้ไปแล้ว

    ซึ่งเป็นไปได้ยาก ถ้ามนุษย์ในยุคนี้จะเหลือรอดต่อเผ่าพันธุ์ไปถึงในยุคพระศรีอาริย์

    บทสรุป คือ ล้างโลกแน่นอน !

    เพราะฉนั้นแล้ว อคัญญสูตร ต้องเป็นพรหมลงมากินง้วนดิ้นใหม่ การที่จะมีบุญบารมีเกิดได้ในระดับนั้น ต้องเป็นระดับ อริยะบุคคลล้วนๆ ที่สร้างบุญบารมีมามากระดับพระโสดาบัน สกทาคา อนาคามี จนถึง อรหันต์ เป็นประเภทที่หนึ่ง บุคคลผู้ไม่ได้เป็นพระอริยะบุคคล ย่อมไม่ได้เกิดในแผ่นดิน พระศรีอาริย์อย่างแน่นอน!

    ประการที่ 2 ว่าด้วยพันธุกรรม มนุษย์ที่มีอายุขัยน้อย ผู้มีบุญในการเกิด ในมีหลายแบบโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเกิดขึ้นมาในครรภ์มารดาก็ได้ เรียกว่า เกิดแบบโอปาติกะแต่เป็นมนุษย์ แต่ทั้งนี้ หากไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมในการเกิด ก็ต้องมีอายุขัยลดน้อยลงตามกาลจนถึง10 ขวบดี ขึ้นไปอีก

    ประการที่ 3 ข้อนี้ขัดข้องอยู่ และเป็นไปได้ยากที่มนุษย์ยุคปัจจุบันนี้ ตลอดจนลูกหลาน 20-30 ชั่วอายุคนถัดจากนี้ไป จะเหลือรอดไปจนถึงยุคพระศรีอาริย์ ได้

    ประการที่ 4 ฉนั้นแล้ว การถือศีลธรรมท่องบทธรรม ย่อมไม่เหลือในแผ่นดินผืนโลกใบนี้ พระพุทธศาสนาอันตรธานไปในที่สุด ดังนั้น การจะถือศีลถือธรรมเพื่อเพิ่มอายุขัยตนเองและเผ่าพันธุ์ในการดำรงอยู่ จะต้องเป็นยุคที่มีความศรัทธาสูงส่งมาก และต้องเป็นศีลธรรมจรรยาระดับสูงเลยทีเดียว จนกว่าจะเพิ่มอายุขัยจนถึง 80,000 ปีนั้นได้ นั้นย่อมแสดงว่า คุณสมบัติของทางร่างกายนั้น แร่ธาตุ ดินน้ำลมและไฟที่ประชุมอยู่ ที่เป็นขันธ์ 5 จะต้องมีความพิเศษอันแตกต่างกว่า ร่างกายของมนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้เป็นอันมาก เนื่องด้วยอานุภาพก็ดี หรือด้วยความเป็นเลิศแห่งธาตุก็ดี

    ประการที่ 5 อายุขัย 5-6 ปี ไม่ถึง10ปี ในยุคปัจจุบันตามที่ทราบผ่านตามา ก็ถูกล่วงละเมิดและตั้งครรภ์ มีราคะที่กล้าตั้งแต่เด็ก เพราะกรรมจัดสรร พ่อแม่อบรมมา และกลุ่มคนที่ชอบเสพสังวาสกับเด็กอ่อนเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ เพรระฉนั้นแล้ว เป็นอัตราการกระจายตัวของเรื่องอายุขัยในยุคปัจจุบัน จึงสูงมาก ตามด้วยเหตุการและหายนะที่เกิดจึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เรียกได้ว่า จำนวนประชากรโลกคงลดน้อยลงมากจริงๆ

    ตอนที่มีศีลมีธรรมตั้งใจปฎิบัติขึ้นมาในภายหลังก็คงได้ พระอินทร์เทพพรหมเทวดาลงมาสอนมาสั่งมาบอก ให้รู้จักรักษาศีลรักษาธรรมนั้นล่ะ! ที่ได้รับการสั่งสอนในตอนนั้น ก็เป็นเพียงคนแคระแก่นหรือเด็กเพียงเท่านั้น

    ถ้าโชคดีหน่อยคงมีพระโพธิสัตว์ลงมาเกิดและชักนำหมู่คณะ สืบทอดสายเลือดแนวทางการปฎิบัติอย่างเข้มข้นที่สุด จนกว่าจะมีอายุขัย 80,000 ปี ก็ว่าด้วย พระโพธิสัตว์ เทพพรหมเทวาลงมาเพียบอย่างแน่นอน แบะการปฎิบัติตนของคนยุคสมัยนั้น ย่อมไม่ใช่เหมือนแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ณ กาลนี้แน่








    1. พระกกุสันโธพุทธเจ้า เมื่อสมัย เป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสังไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 40,000 พรรษา มีเขมวตีนคร ของพระเจ้าเขมะเป็นราชธานี
    พระสรีระสูง 40 ศอก หรือ 20 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 10 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล 10 โยชน์ (160 กิโลเมตร)

    2. พระโกนาคมโนพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 30,000 พรรษา มีโสภวตีนครของพระเจ้าโสภะเป็นราชธานี พระสรีระสูง 30 ศอก หรือ 15 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 1 เดือน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์

    3. พระกัสสโปพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 8 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 37,024 พระองค์ เป็นศรัทธาพุทธเจ้า อายุไขย 20,000 พรรษา มีพาราณสีนครของพระเจ้ากิงกิเป็นราชธานี พระสรีระสูง 20 ศอก หรือ 10 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ตามแต่พระประสงค์

    4. พระศากยมุนีโคดโมพุทธเจ้า (องค์ปัจจุบัน) เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 4 อสงไขยแสนกัป
    ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีก 24 พระองค์ ซึ่งน้อยมาก เป็นปัญญาพุทธเจ้าอายุไขย 80 พรรษา มีกบิลพัสดุ์นครของพระเจ้า สุทโธทนะเป็น ราชธานี พระสรีระสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี
    พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ

    5. พระอริยเมตตรัยโยพุทธเจ้า หลังจากได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรกจากพระพุทธเจ้า เมื่อสมัยเป็นพระโพธิสัตว์หลังจากนั้น 16 อสงไขยแสนกัป ได้สร้างบารมีกับพระพุทธเจ้าอีกประมาณ 477,029 พระองค์
    เป็นวิริยะพุทธเจ้า อายุไขย 80,000 พรรษา พระสรีระสูง 80 ศอก หรือ 40 เมตร
    บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พุทธรังสีสร้านไปไกล ยังกำหนดไม่ได้

    ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ที่ 5 อันเป็นลูกองค์สุดท้ายของแม่กาเผือกคือ พระศรีอริยเมตไตรย จักเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัททกัปนี้จะมีอายุถึง 8 หมื่นปี ในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์นั้น สภาพสังคมมนุษย์โลกจะอุดมสมบูรณ์พูนสุขมาก เพราะผู้คนมีศีลธรรมอยู่ด้วยกันได้เมตตาธรรม มีศีล 5 บริสุทธิ์ ทุกคน จึงมีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุ ยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ มีรูปร่างสวยสดงดงาม หน้าตาผ่องใสเบิกบานด้วยกันหมด เพราะผู้คนในยุคนั้นได้สร้างบุญบารมี ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา กันมาสมบูรณ์ดีหมดและเพราะพระบารมีของพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรยที่สั่งสมบารมี เพื่อ ความ สันติสุขของโลกซึ่งมีพระเจ้าสังขจักรพรรดิทรงปกครองบ้านเมืองโดยชอบธรรมในเมืองเกตุมวดีนคร แผ่ธรรมจักรพรรดิให้คนรักษาศีล 5 ทั้งโลก เมื่อพระศรีอริยเมตไตรยได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ผู้คนจึงได้ฟังพระธรรมจักรได้ดื่มรส อมตธรรมแห่งพระศรีอริยเมตไตรย์ ได้บรรลุเข้าถึงสวรรค์นิพพานโดยแท้ ผู้คนในยุคนั้นจึงโชคดีที่สุดที่เกิดมาเพื่อสันติสุข เข้าถึง ศีลธรรมอันดีงามทั้งหมด

    อยากทราบการลดและการเพิ่มอายุของมนุษย์ ถาม เหลืออีก ๒ พันปีก็จะหมดสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้แล้ว เมื่อใกล้จะครบ ๕ พันปี มนุษย์จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี หรือเมื่อหมดสมัยพระพุทธเจ้าองค์นี้ มนุษย์จะถูกทำลายด้วยอะไร ต่อจากนั้นมนุษย์ก็จะมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
    อยากทราบว่า การลดและการเพิ่มอายุของมนุษย์ ๑๐๐ ปีลด ๑ ปี หรือ ๑๐๐ ปีเพิ่ม ๑ ปี ใช่ไหม

    ตอบ เรื่องการหมดอายุของพระพุทธศาสนานี้ เราไม่อาจกำหนดให้แน่นอนได้ว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ จะมีอายุเพียง ๕ พันปี พระพุทธองค์ก็มิได้ทรงแสดงไว้โจ่งแจ้งอย่างนั้น เพียงแต่พระองค์ตรัสไว้เมื่อใกล้จะเสด็จปรินิพพานว่า หากยังมีผู้ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ตราบใด โลกนี้ก็จักไม่ว่างจากพระอรหันต์ กับยังได้ตรัสแก่ท่านพระอานนท์เมื่อคราวทรงอนุญาตให้สตรีที่รับครุธรรม ๘ ประการ บวชเป็นภิกษุณีได้ว่า “ถ้าสตรีจักไม่บวชในศาสนานี้ พระสัทธรรมที่พระองค์ทรงประกาศไว้ ก็จะตั้งอยู่ตลอด ๑ พันปี แต่เพราะพระองค์ทรงอนุญาตให้สตรีได้บวชในศาสนานี้ พระสัทธรรมก็จะตั้งอยู่ ๕๐๐ ปี เท่านั้น”
    ในเรื่องนี้อรรถกถาท่านแก้ความสงสัยไว้ว่า การที่พระองค์ทรงบัญญัติครุธรรม ๘ ประการไว้ มิให้สตรีผู้บวชเป็นภิกษุณีล่วงละเมิดนั้น เป็นเหตุให้ศาสนาที่ควรจะตั้งอยู่เพียง ๕๐๐ ปี ในเมื่อมีสตรีมาบวชจะยืนยาวต่อไปอีก ๕๐๐ ปี คือจะตั้งอยู่ถึง ๑ พันปีตามที่ตรัสไว้ หมายความว่าศาสนาที่ควรจะมีอายุ ๕๐๐ ปี เพราะมีสตรีเข้ามาบวช ก็จะมีอายุถึง ๑ พันปี เพราะเหตุที่ทรงบัญญัติครุธรรม ๘ ประการแก่ภิกษุณี
    และคำว่าศาสนาตั้งอยู่ได้พันปีนั้น ท่านก็หมายความว่าพระอรหันต์ผู้ได้ปฏิสัมภิทาจะมีอยู่ในพันปีแรก พันปีที่ ๒ จะมีแต่พระอรหันต์ผู้สุกขวิปัสสก พันปีที่ ๓ จะเหลือแต่พระอนาคามี พันปีที่ ๔ จะเหลือแต่พระสกทาคามี พันปีที่ ๕ จะเหลือแต่พระโสดาบัน ที่ท่านกำหนดอย่างนี้ท่านกำหนดเอาบุคคลที่สูงที่สุดเป็นเกณฑ์ ที่ต่ำกว่าไม่ได้กำหนดไว้
    ในเรื่องอายุพระศาสนานี้มีกล่าวกันหลายอย่าง ที่กล่าวมาแล้วก็เป็นอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาเรียนให้ทราบก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านกล่าวว่า พันปีแรกจะมีแต่พระอรหันต์ผู้ได้ปฏิสัมภิทา พันปีที่ ๒ จะมีพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖ พันปีที่ ๓ จะมีพระอรหันต์ผู้ได้วิชชา ๓ พันปีที่ ๔ จะมีพระอรหันต์สุกขวิปัสสก พันปีที่ ๕ จะมีแต่พระอรหันต์ผู้ทรงพระปาฏิโมกข์เท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายความเห็น จนเราไม่อาจจะถือเป็นข้อยุติได้
    เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรจะสนใจเรื่องนี้นัก ควรสนใจแต่ว่าในขณะที่มนุษย์มีอายุน้อยไม่ถึง ๑๐๐ ปีอย่างในขณะนี้ เราควรจะทำอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและแก่โลก เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก เมื่อเกิดมาแล้วก็ควรใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ ให้คุ้มค่ากับที่ได้เกิดมายาก ด้วยการบำเพ็ญคุณงามความดีไว้ให้มาก เพื่อว่าแม้ศาสนาจะหมดสิ้นไป หากเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ความดีที่เราได้ทำไว้ก็จะเป็นปัจจัยให้เราได้ทำความดีนั้นต่อไป และเมื่อพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาตรัสรู้ เราก็จะมีโอกาสพบกับคำสอนของพระองค์ ไม่ไปเกิดอยู่ในอบายภูมิเสีย เพราะเหตุที่มิได้สร้างความดีเอาไว้
    สำหรับอายุของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นลดลงอย่างไรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในจักกวัตติสูตรทีฆนิกาย ปาฏิกวรรคว่า อายุขัยของมนุษย์อย่างน้อยที่สุด ๑๐ ปี ซึ่งเมื่อนั้นเด็กหญิงอายุ ๕ ปีก็จะมีสามีได้ อายุของมนุษย์ถอยลงจากอสงไขยปีจนเหลือ ๑๐ ปี ก็เพราะมนุษย์มีกิเลสหนาแน่น ทำแต่อกุศลบาปกรรม ไม่นับถือพ่อแม่ผู้ใหญ่ ขาดทั้งศีลทั้งธรรม จะอาฆาตพยาบาทฆ่าฟันกัน ด้วยอาวุธมีคมล้มตายเป็นอันมาก
    พวกที่ยังเกรงกลัวบาปอยู่บ้าง ไม่อยากฆ่าฟันกัน ก็หนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ตามป่า เขา ถ้ำเป็นต้น พอครบ ๗ วันก็พากันออกจากที่ซ่อน ครั้นพบกันเข้าก็สวมกอดกัน ด้วยความยินดีว่าเรารอดชีวิตมาได้ แต่นั้นจึงพากันตั้งตนอยู่ในศีล ด้วยเหตุนั้นลูกของคนที่มีอายุ ๑๐ ปีก็จะมีอายุ ๒๐ ปี ครั้นกุศลเจริญขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนมีศีลธรรมเพิ่มขึ้น ลูกของคนที่มีอายุ ๒๐ ปีก็จะมีอายุ ๔๐ ปี ลูกของคนที่อายุ ๔๐ ปีก็จะมีอายุ ๘๐ ปี ลูกของคนมีอายุ ๘๐ ปีก็จะมีอายุ ๑๖๐ ปี ลูกของคนมีอายุ ๑๖๐ ปีก็จะมีอายุ ๓๒๐ ปี ลูกของคนที่มีอายุ ๓๒๐ ปีก็จะมีอายุ ๖๔๐ ปี ลูกของคนที่มีอายุ ๖๔๐ ปีก็จะมีอายุ ๒,๐๐๐ ปี ลูกของคนมีอายุ ๒,๐๐๐ ปีจะมีอายุ ๔,๐๐๐ ปี ลูกคนมีอายุ ๔ พันปีจะมีอายุ ๘ พันปี ลูกคนมีอายุ ๘ พันปีจะมีอายุ ๒ หมื่นปี ลูกของคนมีอายุ ๒ หมื่นปีจะมีอายุ ๔ หมื่นปี ลูกของคนมีอายุ ๔ หมื่นปีจะมีอายุ ๘ หมื่นปี
    และเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘ หมื่นปีนี้แหละ พระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอริยเมตไตรย์ จะทรงอุบัติขึ้น ในสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าสังขะ ในนครพาราณสี ซึ่งมีชื่อใหม่ในสมัยนั้นว่าเกตุมดี พระเจ้าสังขะนั้นจะทรงผนวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จากข้อความในจักกวัตติสูตรนี้แสดงว่า อายุของมนุษย์มิได้เพิ่มขึ้นตามที่เราเข้าใจ แม้ระยะเวลาที่มนุษย์มีอายุถอยลง ก็มิได้เป็นไปตามเข้าใจ แต่ได้โปรดเข้าใจว่าเหตุที่มนุษย์มีอายุน้อยลงเป็นลำดับนั้น เพราะมนุษย์ส่วนมากมีกิเลสเพิ่มขึ้นๆ จนแม้แต่คำว่ากุศลก็ไม่รู้จัก จึงได้ฆ่าฟันกันล้มตายเกือบหมด ที่รอดชีวิตมาได้ก็ประพฤติตนดีขึ้นๆ อายุของมนุษย์จึงเพิ่มขึ้นด้วยอำนาจของกุศล ส่วนจะเพิ่มขึ้นลดลงอย่างไรนั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ในจักกวัตติสูตรว่า
    เมื่อมนุษย์มีอายุ ๘ หมื่นปี อทินนาทานปาณาติบาตและมุสาวาทเกิดมีแพร่หลาย อายุของมนุษย์จึงลดลงเหลือ ๔ หมื่นปี เมื่ออกุศลเจริญมากขึ้น ลูกของคนอายุ ๔ หมื่นปีก็ลดลงเหลือ ๒ หมื่นปี คนที่อายุ ๒ หมื่นปีจะมีลูกอายุ ๑ หมื่นปี ลูกของคนมีอายุ ๑ หมื่นปีจะมีอายุลดลงเหลือ ๕ พันปี ลูกของคนอายุ ๕ พันปี บางพวกมีอายุ ๒,๕๐๐ ปี บางพวกมีอายุ ๒,๐๐๐ ปี ลูกของคนอายุ ๒,๕๐๐ ปีจะมีอายุ ๑,๐๐๐ ปี ลูกของคนอายุ ๑,๐๐๐ ปีจะมีอายุ ๕๐๐ ปี ลูกคนมีอายุ ๕๐๐ ปี บางพวกมีอายุ ๒๕๐ ปี บางพวกมีอายุ ๒๐๐ ปี ลูกของคนอายุ ๒๕๐ ปีจะมีอายุเพียง ๑๐๐ ปี
    ในจักกวัตติสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้เท่านี้ แล้วตรัสต่อไปว่าจักมีสมัยที่มนุษย์เหล่านั้นมีอายุ ๑๐ ปี เด็กหญิงอายุ ๕ ปีก็จะมีสามีได้ ในขณะนั้นมนุษย์จะไม่มีศีลธรรม ฆ่าฟันกันเอง เพราะแม้แต่คำว่ากุศลก็ไม่รู้จัก คนที่รอดชีวิตมาก็ดีใจว่าตัวรอดชีวิตมามิได้ถูกฆ่า จึงได้พากันบำเพ็ญกุศล แล้วมนุษย์ก็จะมีอายุเพิ่มขึ้นๆ ดังที่ได้เล่ามาแล้ว
    ส่วนที่คุณถามว่า เมื่อสิ้นอายุพระศาสนา มนุษย์จะพินาศด้วยอะไร ตอบได้ว่ามนุษย์จะพินาศเพราะกิเลสที่มีกำลังแรงกล้า อกุศลทุจริตที่มนุษย์ช่วยกันทำไว้นั้นแหละ จะทำให้มนุษย์พินาศและอายุสั้นลงๆ ดังที่เล่าไว้________________________________________
    ที่มา อ้างอิงและแนะนำ :-
    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๓
    ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
    จักกวัตติสูตร
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ยุคพระศรีอาริย์เป็นยุคที่พิเศษจริง ๆ ถ้าจะเป็นอย่างนั้น

    1 แนวโน้มเป็นศาสนาจักรเดียวในชมพูทวีปครองโลก
    2 ถ้ามีศาสนาลัทธิอื่นปะปนก็ย่อมหลบซ่อนตนศิโรราบหมด เจอพระเจ้าจักรพรรดิสอยเอาก็โงศรีษะไม่ขึ้นแล้ว
    3 การแสดงธรรมของพระองค์ ในการประกาศพระศาสนา จักมีเหตุยกเอาเรื่องเล่าในวาระสมัยพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ที่ผ่านมาสั่งสอนธรรม โดยไม่ต้องอาศัยอาสวัฎฐานิยธรรมอันไม่งามที่เกิดขึ้นมาบัญญัติ ข้อศีลลาจารวัตรตามพระสูตรพระธรรมและพระวินัยต่างๆ

    นึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำผิดศีลผิดธรรมอันใดจนต้องบัญญัติพระธรรมและพระวินัยขึ้น

    ข้อนี้ ก็ว่า ด้วย คนที่ไปเกิดเป็นคนมีศีลมีธรรมระดับ สารคุณ หากทรงเปิดประกาศพระพุทธศาสนา ก็ย่อมเป็นไปเพื่อสรรเสริญ พระพุทธเจ้าทั้งหลายฯ ในภัทรกัปป์นี้ และกัปป์อื่นนั้นด้วย

    ประมาณว่า บทส่งท้าย งานเลี้ยง ร่ำลา บทสรุป

    และก็ต่างแยกย้ายกันเข้าสู่พระนิพพาน โดยมาก ซึ่งก็คงจะมีหลักฐานอันเจือปนกล่าวถึงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
    วันหลังถ้าผ่านตา คงได้นำมาแสดงไว้ ตามกาล

    จบภัทรกัปป์ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    2500 ปี ที่เหลือ เป็น 25 วัน ของชั้นดาว์ดึงส์ คงเป็นภาระที่เหนื่อยหน่อย ของพระอินทร์ท่าน

    ยุคดิจิตอล ยุคเจริญแสงสีเสียงใกล้ถึงขีดสุด ก็คงอีกไม่นานนัก โคตรภูสงฆ์คงปรากฎ การบวชพระคงเป็นเรื่องผิดกฎหมายหรือน่าอับอายในสังคมต่อไปในภายภาคหน้า จนคิดได้ว่า น่าจะตกเป็นอาณานิคมต่างชาติอีกครั้งจนสิ้นชาติสิ้นพระพุทธศาสนา ในตอนท้ายที่สุด

    เอทิส ไม่นับถือศาสนาเพียบ เชื่อตนเองก็มี ไม่เชื่อตนเอง หรือเชื่อว่าไม่เชื่ออะไรเลยก็มี อยู่ๆไปหากินไปวันๆ แต่ก็เลือกที่จะเสพกามคุณทั้งหลาย เลือกเสื้อผ้าของกินใส่เป็น เหมือนจะต้องการแสดงความมีอิสระภาพในชีวิต เปลื้องปลดตนเองจากทุกๆสิ่งทุกๆอย่างได้ อย่างไม่ต้องมีที่พึ่งพิงพึ่งพาใดๆทางจิตใจ ทางปรัชญาและจิตวิญญาน เกิดมาตายเปล่า ประสาเต่าตาบอดฟลุ๊คกินบุญเก่ามาลอดห่วงยางได้ ว่าจะพ้น แต่กลับไม่รู้ความคิดความอ่านก็ตกในตกนอกในพรหมชาลสูตร ทิฏฐิ 62 ประการ ในพิชัยสงครามของศาสนาพุทธอยู่ดี เหมือนลิงเฮ้งเจีย ดิ้นอยู่ในกำมือพระยูไล


    จุดจบคงมาถึงอีกไม่นาน

    FB_IMG_1610856277132.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ●○● ความอัศจรรย์ของกระแสนิรุตติญานทัสสนะ ที่ทรงแสดงไว้ในชาดกและนวังคสัตถุสาตร์ทั้งหลายนั้นจะตอบคำถามในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ●○●

    เรื่อง สุนัขกับพยานาค ที่จะถูก นำมาเปรียบเทียบโดยไม่รู้ตักแยกแยะผิดชอบชั่วดีนั่นก็เหมือนกัน

    ทรงมองเห็นกาลไกลเหลือคณานับ

    เราก็ทำได้เพียงแค่หาคำตอบที่ดีพอมีเหตุผลประกอบนำมาแสดงตามกาลเพียงเท่านั้น เพื่อยกสัทธรรมปฎิรูปและอสัทธรรม ออกจากสหธรรมิก


    น่าเห็นใจ ที่สำคัญมีแนวโน้ม ที่ฝุ่นสัมผัสกับเชื้ออีกหน่อยมันก็เกาะฝุ่นลอยไปทั่ว !

    โดยไม่ต้องสงสัยเลย ! ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร?



    #ไม่โดนเองก็บุญแล้ว #คนเปรูระทม #เข้าคิวริมถนนทีละสองสามวัน #รอซื้อออกซิเจนสักถังไปต่อชีวิตญาติที่ป่วยโควิด19

    ในประเทศเปรู ขณะที่ผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ต้องต่อสู้รักษาลมหายใจไว้ให้มั่นบนเตียงนอนที่บ้าน ลูกหลานญาติพี่น้องต้องยอมทนลำบากนอนตากน้ำค้างริมถนน บางครั้งก็มาราธอนเป็นหลายวันหลายคืน เพื่อต่อคิวเอาถังไปซื้อออกซิเจน จะได้ใช้ต่อชีวิตของบุคคลผู้เป็นที่รัก ภายในวิกฤติโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 19 ระบาดหนักรอบที่สอง

    บนทางเดินริมถนนยามดึกดื่นซึ่งมีท้องฟ้าเป็นหลังคาและถูกห่อล้อมด้วยมวลอากาศหนาวเหน็บ พวกเขานอนห่มผ้าบนพื้นซีเมนต์ และจำนวนไม่น้อยที่มีเพียงแผ่นกระดาษกล่องช่วยกั้นน้ำค้าง บางรายดีหน่อยมีเต้นท์เล็กไปกางให้อาศัยพักผ่อน ทุกคนเฝ้ารอให้คิวของตนเขยิบไปถึงประตูโรงงานออกซิเจนเล็กๆ แห่งหนึ่งในนครเอล กาเยา เมืองชายทะเลชานกรุงลิมาเมืองหลวงของเปรู

    ถังออกซิเจนผอมสูงไล่เลี่ยกับความสูงของผู้ชายเกณฑ์เฉลี่ย จำนวนหลายร้อยถังถูกตั้งเรียงกันเป็นแถวเป็นแนวยาวเหยียดไปตามถนนด้านนอกของโรงงาน แต่ละถังมีชื่อเจ้าของเขียนไว้ชัดเจน

    “เมื่อวานนี้แถวต่อคิวก็ยาวเหยียดกันแล้วครับ ผมไปถึงตั้งแต่ตีห้า คิวก็ยาวแล้ว มีเยอะเลยครับที่รอคิวมาตั้งสองสามวันละ” ยามิล อันโตนิโอ ซูกา ให้สัมภาษณ์แก่เอเอฟพี

    ซูกาซึ่งเป็นนักศึกษาวัย 25 ปีเผยความคาดหวังในใจว่าจะไม่ต้องนอนค้างบนฟุตบาทเป็นคืนที่สอง เพราะลำบากเหลือเกิน กระนั้นก็ตาม เขาแน่ใจว่าคงต้องรอกันจนค่ำกว่าจะเขยิบไปถึงหน้าโรงงาน

    กลับบ้านมือเปล่า ไม่ได้ออกซิเจนไปด้วยน่ะหรือ เขาไม่ยอมหรอก

    “พ่อผมติดเชื้อโควิด 19 ท่านอายุแค่ 50 ผมต้องเอาออกซิเจนไปช่วยท่านให้จงได้ครับ” ซูกากล่าว

    #มีอะไรทำได้ #ก็ต้องทำกันทุกวิถีทาง

    ทุกเช้า เจ้าหน้าที่ของโรงงานซึ่งมีตำรวจคอยช่วยเหลือ จะดูแลจัดระบบคิวรอซื้อออกซิเจน และตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าคิวรอ แล้วประกาศว่าในวันนั้นๆ จะเติมออกซิเจนให้ได้กี่ถัง

    โรงงานแห่งนี้ไม่ขึ้นราคาค่าออกซิเจน แม้โรงงานอื่นๆ พากันฉวยโอกาสโก่งราคาขึ้นไปสูงลิ่ว บางเจ้าปรับราคาขึ้น 300 เปอร์เซ็นต์ อันเป็นพฤติกรรมที่รัฐมนตรีสาธารณสุขปิลาร์ มาซเซตติประณามว่าเป็น“อาชญากรรมขนานแท้”

    ในท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกที่สองของโรคติดเชื้อโควิด 19 นี้ ปัญหาออกซิเจนขาดแคลนปรากฏในประเทศต่างๆ ของทวีปอเมริกาใต้ ครอบครัวชาวเปรูมากมายบอกว่าบุคคลที่รักของพวกเขาต้องเสียชีวิตเพราะพวกเขาไม่สามารถหาออกซิเจนมาให้ได้

    ที่เอล กาเยา ผู้คนยอมที่จะกินอยู่ลำเค็ญวันแล้ววันเล่า ไม่มีห้องน้ำขับถ่าย และบางคนไม่มีอาหารรับประทาน เพื่อให้ได้สิ่งประทังลมหายใจกลับไปช่วยบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน สืบเนื่องจากปัญหาที่โรงพยาบาลทั้งปวงไม่เหลือเตียงรองรับผู้ป่วยได้แล้ว

    ในยามเช้ามืด คนเร่ขายของจะเข้ามาเสนอขายอาหารเช้าง่ายๆ ราคาถูก จำพวกขนมปังกับอโวคาโด หรือกาแฟสักหนึ่งแก้ว

    มิเกล อังเคล หนุ่ม 22 ปี บอกว่าเขาได้คิวหมายเลข 124

    “ที่บ้านมีผู้ป่วยโควิดอาการหนักท่านหนึ่งครับ คุณย่าผมเอง อายุ 89 ปีแล้ว มีอะไรทำได้ ก็ต้องทำให้ท่านทุกวิถีทางล่ะครับ” อังเคลบอกอย่างนั้น และเล่าด้วยว่ามาซื้อออกซิเจนพร้อมญาติคนหนึ่ง จะได้ผลัดกันยืนอยู่ในคิว

    #ถ้าไม่มีออกซิเจนไปให้ #แม่จะต้องตายแน่ค่ะ

    โรงงานขอกำลังตำรวจมาช่วยเฝ้าระวังลูกค้าซึ่งล้วนแต่ร้อนใจอยากได้ออกซิเจนกลับบ้านไปไวๆ ตำรวจจะคอยดูแลไม่ให้มีการแย่งคิว ตลอดจนกันไม่ให้พ่อค้าจากที่อื่นแฝงตัวมาแย่งซื้อเอาไปขายต่อแบบบวกราคาเพิ่ม เพราะออกซิเจนที่นี่มีราคาถูกพิเศษเพื่อลูกค้าที่ซื้อไปใช้จริง

    ความรู้สึกของผู้ที่ต่อคิวอยู่มากมายนั้นเต็มไปด้วยความหดหู่มืดมน ใครๆ ก็ล้วนแต่ห่วงกังวลไปถึงสมาชิกครอบครัวที่ป่วยไข้ กระนั้นก็ตาม กลับไม่มีการเบียดเสียดยื้อแย่งคิวกัน เพราะผู้คนพร้อมจะโอบกอดเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน

    เมื่อมีการประกาศรายชื่อผู้ที่ถึงคิวรับการเติมออกซิเจน ใบหน้าต่างๆ จะสว่างไสวด้วยรอยยิ้ม นำความหวังไปสู่คนอื่นๆ ให้มีกำลังใจที่จะรอคอยต่อไป

    ศักยภาพของโรงงานเล็กๆ แห่งนี้คือ เติมออกซิเจนได้รอบละ 10 ถัง โดยใช้เวลา 45 นาทีต่อหนึ่งรอบ โดยจะทำการไปจนถึงเวลา 17.00 น.

    “แม่ของดิฉันอ่อนแอมาก อายุตั้ง 69 ปีค่ะ” ยูลิตซา ตอร์เรส วัย 46 ปี เล่าอย่างนั้น และบอกว่า “ถ้าไม่มีออกซิเจนไปให้ แม่จะต้องตายแน่ค่ะ”

    รัฐบาลเปรูสั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบใน 2 เมือง (กรุงลิมาและนครกาเยา) กับ 7 ภาคในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 ถึงอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นอย่างน้อย เพื่อรณรงค์ยุติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่คร่าชีวิตชาวเปรูเวี่ยนไปแล้วมากกว่าสี่หมื่นราย และมีผู้ป่วยสะสมมากกว่าหนึ่งล้านหนึ่งแสนรายนับจากเมื่อเดือนมีนาคม 2020 ส่งผลให้โรงพยาบาลต่างๆ ใช้ศักยภาพรองรับคนไข้อย่างล้นเกินสุดๆ แล้ว และจึงมีชาวเปรูเวี่ยนป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมหาศาลต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านและต้องเสาะหาออกซิเจนมาใช้เอง รอยเตอร์รายงาน

    การล็อกดาวน์ครั้งนี้เข้มงวดอย่างที่สุดโดยมีมาตรการมากกว่าที่ผ่านมา ผู้คนต้องทำงานแบบ Work from Home เท่านั้น และจะออกนอกเคหะสถานได้เฉพาะเมื่อต้องซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น โดยที่ร้านค้าที่ไม่ใช่สินค้าหรือบริการจำเป็นจะต้องปิดทำการ เที่ยวบินภายในประเทศตลอดจนการเดินทางด้วยพาหนะทางบกถูกระงับทั้งหมด และมีการเพิ่มข้อห้ามด้านเที่ยวบินต่างประเทศ โดยห้ามเที่ยวบินจากยุโรปและเที่ยวบินจากบราซิล ประเทศซึ่งมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่สุดยอดวิกฤติ โดยมียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิต 19 สูงสุดอันดับสามของโลก ที่จำนวนมากกว่า 9.3 ล้านราย และยอดตายสะสมที่จำนวนมากกว่าสองแสนราย

    วิกฤติโควิด 19 แพร่ระบาดรุนแรงในเปรูระลอกสองนี้ นับว่าไม่สาหัสหนักหนาเท่ากับเมื่อปี 2020 ซึ่งเปรูเคยติดอันดับผู้ป่วยสูงสุดอันดับ 8 ของโลก แต่ด้วยความที่เปรูมีพรมแดนติดต่อกับบราซิลยาวเหยียดตลอดแนวตอนกลางของประเทศ การแพร่ระบาดในรอบนี้จึงนับได้ว่าดุเดือด โดยขณะนี้ ยอดผู้ป่วยโควิด 19 ในเปรูอยู่ที่อันดับ 18 ของโลก และยังอยู่ระหว่างรอรับวัคซีนที่สั่งจองไว้กับ Sinopharm ของจีน

    โดย: รัศมี มีเรื่องเล่า

    #บรรยายภาพที่1
    ต่อคิวกัน 2-3 วันกว่าจะได้ซื้อออกซิเจนสักหนึ่งถังไปต่อชีวิตคุณย่าที่นอนป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด 19 อยู่ที่บ้านในนครเอล กาเยา ประเทศเปรู คุณย่าเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ได้ เพราะผู้ป่วยล้นเกินกว่าที่โรงพยาบาลจะรับมือได้ทั่วถึง

    #บรรยายภาพที่2
    บนทางเดินริมถนนยามดึกดื่นซึ่งมีท้องฟ้าเป็นหลังคาและถูกห่อล้อมด้วยมวลอากาศหนาวเหน็บ พวกเขานอนห่มผ้าบนพื้นดิน เฝ้ารอให้คิวของตนเขยิบไปถึงประตูโรงงานออกซิเจนซึ่งยังขายราคาเดิมเพื่อผู้ที่จำเป็นต้องใช้งานจริงๆ

    #บรรยายภาพที่3
    สำหรับผู้ป่วยโควิด 19 ที่รักษาตนเองในบ้านที่เปรู ก็จะได้รับออกซิเจนจ่อตรงกับถังแบบบ้านๆ ไม่มีอุปกรณ์เสริม ไม่มีการสอดท่อเข้าสู่ปอด

    (ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์ และ statista.com)
    FB_IMG_1612667567196.jpg
    FB_IMG_1612667560431.jpg
    FB_IMG_1612667557339.jpg
     
  7. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ดูๆแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ คงต้อง "เสขะ" อีกนาน หลาย อสงไขย..
     
  8. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ธรรมแท้ อยู่ ที่ กาย กับ จิต..

    ศึกษาธรรม ก็ ศึกษาที่กายกับจิต..

    พิจารณาธรรม ก็พิจารณากายกับจิต..

    วิปัสนาญาณและญาณต่างๆที่เกิด ก็เกิดในภายในกายกับจิต..

    สิ่งภายนอกทั้งหลายทั้งปวง เป็นแต่เพียงสิ่งที่ทำให้จิตฟุ้งซ่าน..

    แค่ไม่ส่งจิตออกนอก สภาวะธรรมต่างๆก็แสดงตัวให้เห็นตามเป็นจริง..
     
  9. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    "วิมุติ"

    อยู่ในภายใน คำว่า..


    "หยุด"
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ฝนโลหิต อันโปรยปราย (ทรายจาก ซาฮาร่า)




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เหมือนคำปลอบใจ แต่ก็เอาเถอะ เพื่อความสบายใจ

    จะต้องใช้สีมากขนาดไหนที่จะทำให้น้ำแดงขนาดนี้ เป็นตัน

    ถึงจะเป็นสีจริง ทำไม่มีแต่สีแดงที่รั่ว ด้วยนัยและเหตุอันเป็นลาง

    ไม่มีเรื่องใดๆที่บังเอิญ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆในภูมิภาคเหล่านี้ ไล่ตั้งแต่เรื่องแม่น้ำยูเฟรติส โมเสสไปเลย

    เป็นกำลังใจให้ คราวหลังเก็บสีแดงให้ดีๆ แร่ธาตุตะกอนอะไรก็ว่าไป เดี๋ยวคนแตกตื่นขวัญเสีย มันไม่มีอะไรหรอก ทุกอย่างในโลกเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นแบบไม่มีเหตุและผลทั้งนั้นแหละ

    อย่างนั้น! รึ!?



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ดูท่านแล้วการใช้คำพูดกับเรา เหมือนท่าน ศรีอารยะ 5 เลยน่ะนะ ^_^

    ปล่อยวางตลอด
     
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ☆⊙☆ เทวดาพลีชีพ ฝ่ายสัมมาทิฏฐิ ร้อนไปจนถึงชั้น ดาวดึงส์ ดุสิต ยามา นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตตี และชั้นพรหม ☆⊙☆

    ยอมพลีชีพเพื่อลงทัณฑ์แจ้งเตือนมนุษย์โลก! ว่าไม่ให้ทำบาป เลือดเทวดาจะเนืองนองทั้งท้องฟ้า

    ความบีบคั้น !

    แม้มารจะขวางจะนำกำลังเข้าหักหาญ ก็ยังถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วยฯ

    สงครามเทพ《》มาร

    เมื่อตายในลักษณะนั้นพึงถึงความเป็นใหญ่ในภพอื่น ระลึกความ ลงมาเสริมทัพ ตายมากจนว่าง พระอินทร์ร้อนบัลลังค์ไร้เทพเทวาหน้าใหม่ จึงลงมาเกณฑ์ทัพจากมนุษย์ดังกล่าว

    จะปล่อยวางก็ใช่เหตุ

    แม้แต่มารก็จักเดือดร้อน ถ้าไม่มีการอยู่ของทวยเทพ
    เพราะอุปนิสัยแห่งมาร เพียงต้องการความเป็นใหญ่และย่ำยีให้ศิโรราบ

    หน้าใหญ่ บารมีใหญ่ อวดมารกับมารจึงไม่เท่ห์อะไร!?


    บ้างก็ว่า ตอบออกนอกจักรวาล สักวันท่านจะเห็นจักรวาลของเรา เมื่อไม่รู้ไม่เห็นจักรวาลของเรา ทำไมจึงคิดว่าเราตอบออกนอกจักรวาล



    1436519412-751bf4c0jw-o.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เถียงกันประสาหมา ลูกหาบ ลิ่วล้อคาบไปฟ้อง และก็เข้ามาป่วนกระทู้ โดนวางยากลับ และหายหัวไป

    ไหนๆก็ไหนละ ชี้เป้าให้ จะได้มีสติปัญญา"อ่อน"เพิ่มมากขึ้น

    ยืม ท่านเทพเอ้อหลางเสิน อานูบีส หมาสามหัว มัมมี่รีเทิรน์ ปกรนัมเทพ สกูปิดูสตอรี่ ฯลฯ มาก็ได้นะ ถ้าขนมาได้ขนาดนี้ สงสัยจะต้องหายาทานไฟฟ้าช๊อตเสียแล้ว มิตฉัตตะ ๑๐ กิน พยนตสูตรแดก


    1434767043-1231453718-o.jpg
     
  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    จัดขบวนทัพแบบนี้ คิดว่า เป็น เทพเทวดา หรือมารบ้างก็ดี อย่าพึ่งไปเทใจใส่ UFO เอเลี่ยนสปีชี่ย์ อย่างเดียว

    เผลอๆไปตีกันแถวดาวอื่นๆไปเรื่อย ถึงได้มีแสงวูบวาบๆ ออกมา

    หลายพันองศา
    โลหะธาตุอะไรจะไปทนความร้อนขนาดนั้น ถ้ามีคุณสมบัติขนาดนั้น น้ำหล่อเย็นน้ำยา แอร์คงขายดี ถ้าเป็นของโลกมนุษย์ได้ระเหิดลุกไหม้ไปหมดทั้งยาน "ขี่มาเติมเชื้อเพลิง ขนเชื้อเพลิง คิดไปได้ "

    อิทธิฤทธิ์ทั้งนั้น

    received_900312060755612.jpeg
     
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นานาทัศนะที่เป็นประโยชน์เอื้อเฟื้อ และทำลาย

    ล่าสุด ดึงฟ้าลงมาต่ำ อ้างสุนัขทรงเลี้ยงใน 2 รัชกาล แทน แบบข้างๆคูๆ เพื่อหักมุม หวังดึงศรัทธา หนุนคติทิฏฐิของตนเอง เห่าเทพและอานูบิส และสกูปิดู้ จึงตกงานไป

    พาลไปถึง พระปางนาคปรก คนทุบบ้านเพราะเชื่อร่างทรงพยานาค

    พยานาคผิด หรือ คนผิด

    โทษอะไรไม่ได้ อ้างว่าพระพุทธเจ้า เกิดเป็นหมดในชาดก เกิดเป็นเหี้ยก็มี จะกราบไหมเหี้ย โทษชาดกซะงั้น อ้างเป็นพุทธบุตร สอนธรรมชั้นลึกลึกซึ้ง เพราะตนผู้มีสามารถสุดแสนระดับ ปธ.๙

    สำหรับเราถ้ารู้ว่าท่านเป็นโพธิสัตว์อย่าว่าแต่กราบเลย จะเลี้ยงดูอย่างดีตามกาล

    โทษพยานาค พยานาคผิด คนไม่ผิด เบียดเบียนนาค เบียดเบียนเหี้ยโพธิสัตว์ พระปางนาคปรก ต่อไปนะ

    พ่อธรรมชั้นลึก กรรมใครกรรมมัน

    ปธ.๙ หวังว่า คงไม่เป็นอย่างนี้แบบนี้หมดนะขอรับ ถ้าข้าพเจ้าเรียนแล้วเป็นพาลพาโลแบบนี้ ข้าพเจ้าจะกราบหมา บูชาหมาดีกว่า !
    จริงๆ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นานาทัศนะที่เป็นประโยชน์เอื้อเฟื้อ และทำลาย

    ล่าสุด ดึงฟ้าลงมาต่ำ อ้างสุนัขทรงเลี้ยงใน 2 รัชกาล แทน แบบข้างๆคูๆ เพื่อหักมุม หวังดึงศรัทธา หนุนคติทิฏฐิของตนเอง เห่าเทพและอานูบิส และสกูปิดู้ จึงตกงานไป

    พาลไปถึง พระปางนาคปรก คนทุบบ้านเพราะเชื่อร่างทรงพยานาค

    พยานาคผิด หรือ คนงมงายผิด

    ถ้าพยานาคเป็นสถานะแบบยาเสพติดให้โทษก็ว่าไปอย่าง ต้องกำจัด ทำลาย ถึงกระนั้นเขาก็มีบทลงโทษทั้งคนขายและคนเสพ

    สรุป พยานาคเลวร้ายกว่ายาเสพติด เลยทีเดียว ไม้เรียวในมือสั่นเลย

    ใครสอนมาน้อ อาจารย์ คุรุกูรู สอนมาแบบนี้ หรือลูกศิษย์ผู้อยากดังโดยการสร้างวาทะเป็นเอง

    ควรสอนคนออกจากความงมงาย ไม่ใช่สอนว่าพยานาคชั่ว พยานาคไม่ดี
    มาอีหรอบเดิมแบบทำนองว่า ว่าพระไตรปิฏกไม่ดี คนจึงเรียนผิดๆ ปฎิบัติผิดๆ





    โทษอะไรไม่ได้ อ้างว่าพระพุทธเจ้า เกิดเป็นหมดในชาดก เกิดเป็นเหี้ยก็มี จะกราบไหมเหี้ย โทษชาดกซะงั้น อ้างเป็นพุทธบุตร สอนธรรมชั้นลึกลึกซึ้ง เพราะตนผู้มีสามารถสุดแสนระดับ ปธ.๙

    สำหรับเราถ้ารู้ว่าท่านเป็นโพธิสัตว์อย่าว่าแต่กราบเลย จะเลี้ยงดูอย่างดีตามกาล

    โทษพยานาค พยานาคผิด คนไม่ผิด เบียดเบียนนาค เบียดเบียนเหี้ยโพธิสัตว์ พระปางนาคปรก ต่อไปนะ

    พ่อธรรมชั้นลึก กรรมใครกรรมมัน

    ปธ.๙ หวังว่า คงไม่เป็นอย่างนี้แบบนี้หมดนะขอรับ ถ้าข้าพเจ้าเรียนแล้วเป็นพาลพาโลแบบนี้ ข้าพเจ้าจะกราบหมา บูชาหมาดีกว่า !
    จริงๆ

    ความวัวไม่ทันหาย ความกระบือกระทิงเข้ามาแทรก เตรียมพิจารณาสูตร พระโพธิสัตว์ เกิดเป็นเหี้ยที่ถูกเบียดเบียนต่อ รวมทั้งเรื่องราวพระปางนาคปรกด้วย

    อันนี้ คราวนี้ จะรับเละสักหน่อยนะ ^_^

    เราแผนกเฝ้าติดตามสถานการณ์ ก็ดูสตอรี่กันไป

    ○รู้แล้วภาคภูมิใจ มือคนไทยทำเอง ^_^ ○

    FB_IMG_1608736203809.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ท่านฝากด่ามาแบบข้ามภพข้ามชาติมาให้เจ้าโดยเฉพาะนะเจ้า"แมวกินปลา"

    โมทนา สาธุเอาฯ


    นิทานชาดก : ฤาษีกินเหี้ย
    กาลครั้งหนึ่ง ณ วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ขณะพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่นั้น ได้เอ่ยถึงภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ได้นำอดีตนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมาสาธกให้ฟังว่า…
    ครั้งหนึ่งมีฤาษีตนหนึ่งผู้ซึ่งบำเพ็ญตบะมาอย่างแกร่งกล้าจนชาวบ้านต่างพากันยกย่อง และด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าชาวบ้านต่างได้ร่วมกันสร้างศาลาให้แก่ฤาษีผู้นี้ไว้ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง ครั้งพระโพธิสัตว์ได้เสวยชาติเป็นเหี้ยตัวหนึ่งได้อาศัยอยู่แถวจอมปลวกใกล้กับพระฤาษี โดยในทุกวันเหี้ยตัวนี้จะเข้าไปกราบไหว้และฟังธรรมคำสั่งสอนจากพระฤาษีเป็นประจำวันละ 3 เวลา จากนั้นจึงกลับไปยังจอมปลวก
    เมื่อถึงเวลาธุดงค์ต่อฝ่ายพระฤาษีจึงได้อำลาเหล่าชาวบ้านไป และหลังจากที่ฤาษีผู้ทรงธรรมได้จากไป ก็มีฤาษีตนใหม่ผ่านมาเห็นศาลาว่างอยู่จึงได้เข้าไปอาศัยแทน ฝ่ายเหี้ยเมื่อเห็นฤาษีองค์ใหม่ก็คิดว่าเป็นผู้บำเพ็ญตบะใฝ่ในธรรมเช่นเดียวกับฤาษีองค์ก่อนก็ยังคงมายังศาลาแห่งนี้เพื่อหวังจะได้ฟังธรรมจากพระฤาษีเช่นเคย
    วันหนึ่งในฤดูแล้งได้มีฝนตกลงมาทำให้เหล่าแมลงเม่าต่างบินหนีกันออกมาจากจอมปลวก ส่วนฝูงเหี้ยก็ออกมาจับแมลงเม่าเหล่านี้กินเป็นอาหาร ฝ่ายชาวบ้านก็ได้จับเอาฝูงเหี้ยเหล่านี้มาทำเป็นอาหารแล้วนำไปถวายแก่พระฤาษี เมื่อพระฤาษีได้ลิ้มรสแล้วรู้สึกติดใจ ยิ่งเมื่อรู้ว่าที่ชาวบ้านปรุงเป็นอาหารมาให้ตนฉันนั้นเป็นตัวเหี้ยก็คิดขึ้นมาได้ว่าที่ศาลาตนทุกวันจะมีเหี้ยตัวหนึ่งมาหาตนทุกวัน จึงขอให้ชาวบ้านนำเครื่องปรุงต่างๆ มาให้แก่ตน
    ช่วงเย็นของวันพระฤาษีได้นั่งคอยเหี้ยอยู่ในศาลาพร้อมค้อนที่ซ่อนไว้ใต้ชายผ้า สักพักเมื่อเหี้ยเดินทางมาถึงศาลาเห็นพระฤาษีทำท่าทางแปลกๆ จึงคิดในใจว่า “ทำไมวันนี้พระฤาษีถึงได้นั่งแปลกๆ นะ แถมยังมองเราไม่วางตา ไม่เหมือนทุกวันที่ผ่านมา” ขณะเหี้ยตัวนี้กำลังคิดอยู่นั้นก็ได้กลิ่นเนื้อเหี้ยโชยมาจากในศาลา จึงได้รู้ว่าที่แท้ฤาษีตนนี้ก็มีจิตใจหยาบช้าหวังจะกินตนเป็นอาหาร และคงกินเหี้ยตัวอื่นๆ มามากมายแล้วคงติดใจในรสชาติ วันนี้คงหวังจะให้ตนเป็นเหยื่ออันโอชะสำหรับมื้อเย็นนี้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเหี้ยจึงได้รีบถอยกลับออกไป
    ฝ่ายฤาษีเมื่อรู้ว่าเหี้ยรู้ตัวแล้วจึงรีบวิ่งตามไปแล้วขว้างค้อนที่ซ่อนอยู่ใต้ชายผ้านั้นไปยังเหี้ยตัวนั้นอย่างแรง แต่เดชะบุญของเหี้ยที่โดนเพียงหางเล็กน้อยเท่านั้น เหี้ยจึงรีบวิ่งด้วยความรวดเร็วเข้าไปอยู่ในจอมปลวกแล้วโผล่ศีรษะออกมากล่าวตำหนิพระฤาษีด้วยคาถาว่า


    “นี่เจ้าผู้โง่เขลา จะมีประโยชน์อะไรแก่เจ้า ด้วยชฎาและการนุ่งห่มหนังเสือเหลืองภายในของเจ้าแสนจะรกรุงรัง เจ้าดีแต่ขัดสีภายนอกเท่านั้น”


    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    อำนาจของความอยาก ทำให้คนลืมตัว

    โดยเหี้ยด่า ซะงั้น! โคตรรักเหี้ยเลย ♡

    15-7-62-1-b.jpg
     
  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    คิดถึงแน๊กชาลี ^_^ ผู้ใจงาม




    15.jpg
     
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ต้อง" บุพกรรม" โดนมาร ๕ แทรก แน่นอน !

    อาศัยสัทธรรมปฎิรูป ทำลาย พระสัทธรรม

    อาศัยบุญบารมีเก่าในเฟรนชิป ลากคอสาวก Fc เข้าถึงมิจฉาทิฏฐิไปตามๆกัน


    ธรณีสงฆ์ในสังฆมณฑลก็ช่างแข็งแรงแข็งแกร่งยิ่งนัก ไม่สะทกสะท้านสะเทือน

    ตีวัวกระทบคราดแบบนี้ ! ไม่ใช่ ธรรมทายาท เสียแล้ว!

    เป็น ขุยไผ่ที่ ฆ่าต้นไผ่ มาแรงแซงทางโค้งจริงๆ ระวังจะหลุดโค้งหน้าแหกถลอกปอกเปิกเอาสักวัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...