พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผู้จัดการพันธ์ุใหม่
    9 กุมภาพันธ์ 2017 · g_kf1vXYV_O.png
    https://www.facebook.com/manager.ne...4ss4RroRIZtOXdBKpwAfwotiMSyyD8IKLnjv8&fref=nf

    KPI เครื่องมือที่กำลังทำลายความสามัคคีในองค์

    ในบริษัทหรือโรงงานอุตสาหกรรมจะใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า KPI(Key performance indicator)ในการวัดความสามารถและความตั้งใจในการทำงานของพนักงาน
    ซึ่งมีใช้กันมานานแล้ว ถ้าพนักงานคนไหนมี Result ที่ดีก็จะได้รับคำชื่นชม ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนเก่ง ได้เลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเงินเดือน แต่วิธีนี้ดีจริงหรอ?

    เพราะ KPI มันทำหน้าที่เพียงด้านเดียว นั้นก็คือ ความเก่งในงานเท่านั้น แต่มันยังมีอีกด้านหนึ่งก็คือความพยายามและความมีส่วนร่วมกับผู้อื่น ซึ่งKPI ไม่สามรถวัดผลได้

    การที่บริษัทเน้นเรื่อง KPI เป็นหลักในการผลักดันองค์กร มันก็ไม่ผิด แต่ที่จะผิดก็ตรงที่การนำKPIไปใช้ ใช้จนสุดโต่งเกินไป มองเพียงคนที่ทำให้Result ของKPI ออกมาดี คือคนเก่ง โดนไม่ได้เข้าไปให้ความสำคัญกับวิธีการได้มาของผลนั้นมันไม่ถูกต้อง เพราะบางคนที่มีKPIที่ดี มันอาจจะเกิดจากการที่เค้าไปเปลี่ยนวิธีการหรือไปให้ใครบางคนทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คนอื่นลำบากขึ้น ทำงานยากขึ้น และไม่ก่อให้เกิดผลโยชน์กับคนอื่น แต่เป็นประโยชน์กับตัวเองคนเดียวก็เป็นไปได้

    และถ้าบริษัทไหนเน้นKPIแบบนี้ คุณจะพบว่าบริษัทจะเป็นบริษัทที่ทุกคนทำงานเหมือนสู้รบกัน ไม่ยอมกัน อยู่ใคร อยู่มัน ไม่มีความสามัคคี และมีบรรยากาศที่ไม่น่าทำงาน
    พนักงานก็จะอยู่กันอย่าง ตัวใครของมัน

    ดังนั้นมันจะดีมากถ้าทุกบริษัทหันมามองเรื่องของ
    KBI(Key behavior indicator)มองกระบวนการทำงาน
    และพฤติกรรมควบคู่กับResult ของKPI และสร้างให้องค์กรมีความสามัคคี ช่วยเหลือกันทำงาน ไม่มองเพียงตัวเอง แต่มองภาพที่ใหญ่ ให้ความสำคัญกับเป้าหมายขององค์กรมากกว่าตัวเอง

    และวันนี้เช่นเคย 22.00(9กุมภาพันธุ์2560)

    Special live#9 วิธีอยู่ร่วมกับKPIเพื่อความยั่งยืนขององค์กรและความสุขของบุคลากร

    มาเจอกันนะครับ

    #ผู้จัดการพันธุ์ใหม่

    ------------------------------------------------------

    ถึงแม้จะมีตำแหน่ง แต่ทำผิดเรื่องของกรรม
    ทำนาบนหลังคน ใช้อำนาจที่ตนเองมีในการสร้างกรรม
    ยังไงก็หนีกรรมที่ตัวเองสร้างไว้ไม่พ้น
    เรื่องเหล่านี้ ให้ไปพิสูจน์ด้วยตนเอง

    ต่อให้ใหญ่แค่ไหน มีอำนาจและรวยล้นฟ้าเพียงใด ไม่มีใครหนีกรรมพ้น

    สมัยก่อนก็โดนเหมือนกัน
    โดนขู่ว่า ถ้าไม่ทำ จะมีผลต่อการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ โบนัส
    ผมเลยบอกว่า ไม่เป็นไร ผมทำงานเต็มที่แล้ว แต่ถ้าไม่ขึ้นเงินเดือนผมเลย หรือจะพิจารณาการขึ้นเงินเดือน หรือ โบนัสอย่างไร ผมไม่สนใจ ผมขอความเป็นธรรมแล้ว

    ผมใช้วิธีนี้ เป็นวิธีที่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
    อธิษฐานต่อองค์พยามัจจุราชเจ้า
    ขอความเป็นธรรมในการทำงาน ในกฎเกณฑ์ของกฎแห่งกรรม ในกฎเกณฑ์ของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากมีการพิจารณาที่ผิดจากกฎเกณฑ์ของกฎแห่งกรรม ในกฎเกณฑ์ของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอพระเมตตาองค์พยามัจจุราชเจ้า พิจารณาให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย

    เรื่องของกฎเกณฑ์ของกฎแห่งกรรม ในกฎเกณฑ์ของธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมบอกได้ว่า มีความละเอียดมากกว่า กฎเกณฑ์ของหน่วยงานต่างๆ และกฎหมายมากมายมหาศาล

    แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ท่านเคยทรงทำกรรมไม่ดีไว้เมื่อก่อน แต่ในขณะที่พระองค์มาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังทรงหนีกรรมที่ตนเองได้สร้างไว้ไม่พ้น

    ต่อให้นำพระไพรีพินาศมาตั้งไว้ในที่ทำงาน หรือไม่ไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก หรือ ไหว้พระภิกษุทั่วโลก หรือไหว้เทวรูปทั่วโลก หรือ ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วโลก ก็หนีกรรมชั่วที่ตนเองสร้างไว้ไม่พ้น

    เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่โดนกดขี่ข่มเหง ทุกคนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีลูกค้าของผม ขอบทสวดมา
    ผมเลยนำมาลงในที่นี้ด้วย

    หมายเหตุ รูปที่ผมลงนั้น เป็นรูปหล่อลอยองค์ขององค์ท่านที่ผมไปเช่ามาจากท่าพระจันทร์ และอัญเชิญไปให้อาจารย์ของผม(เป็นฆารวาส) อัญเชิญองค์พยามัจจุราชเจ้า มาอธิษฐานจิต

    มี 2 เรื่อง

    เรื่องแรก องค์พยามัจจุราชเจ้า ท่านบอกกับอาจารย์ผมว่า ของๆท่าน (ที่ท่านอธิษฐานจิต) กันผีกะเรวะราดได้ แต่กันคนของท่านไม่ได้

    เรื่องที่สอง รูปหล่อลอยองค์ที่ท่านอธิษฐานจิต เปรียบเหมือนกับเรามีโทรศัพท์ที่โทร.ถึงท่านได้ตลอดเวลา
    โดยปกติ จิตของคนที่ไม่ได้ผ่านการปฎิบัติวิปัสนา จะส่งไปหาพระองค์ท่านได้ยากมาก

    เมื่อก่อน ผมอัญเชิญไปตั้งที่โต๊ะทำงานของผม

    แต่ปัจจุบัน ห้อยคอครับ วันไหนไปทำงาน ผมห้อยคอไปทุกวัน

    และหากว่า ผมไปทำบุญที่ไหน ผมจะอัญเชิญพระองค์ท่านไปด้วยเช่นกัน

    ----------------------------------

    พญายมราช (พระยม หรือพญามัจจุราช) เทวะราชาแห่งการพิพากษาและการลงทัณฑ์

    http://kornbykorn.blogspot.com/2013/01/blog-post_8.html

    ประวัติพญายมราช

    ท้าว พญายมราช หรือ พระยม ในเทวตำนานยุคต้น ท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ กล่าวไว้คือพระยม เป็นองค์เดียวกัน มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวรกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์(บ่วงบาศก์ที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤิทธิ์มากทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ มีบริวารคือ ยมฑูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก ซึ่งบริวารท้าวพญายมราชที่คนไทยรู้จักดีมีด้วยกัน ๒ องค์ ได้แก่ พระกาฬไชยศรี และ เจ้าพ่อเจตตคุปต์ ซึ่งมีรูปเคารพอยู่ ที่ศาลหลักเมือง ทำหน้าที่จดชื่อและจับวิญญาณชั่วร้ายที่จะมารบกวนบ้านเมือง ท้าว พญายมราช เป็นเทวดาที่มีการกล่าวถึงในตำนานของทุกชาติพันธุ์ภาษา ของทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ต่างกันเพียงการเรียกนามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาษาเท่านั้น ส่วนหน้าที่และอำนาจนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ตำนานลัทธิข้างจีนฝ่าย มหาญาน กล่าวว่า พญายมเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง
    ตำนานท้าวพญายมราช มีการกล่าวถึงกำเนิดไว้หลากหลาย อาจเป็นเพราะพญายมเป็นตำแหน่งเทวราชผู้ปกครองยมโลก มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามมติของเทวสภา หรือบารมีที่สั่งสมมาอย่างเหมาะสมทำให้ไปเกิดเป็นท้าวพญายมราช จากเทวตำนานในยุคต้นที่กล่าวว่าท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณ คือ พระยม ด้วยในยุคต้นที่ยังไม่มีวิญญาณใดที่เหมาะสม ท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณ คือ ท้าววิรุฬหก ทรงเป็นเทวกำเนิดจึงต้องรับภาระในตำแหน่งพญายม หรือ พระยม ซึ่งก็มีตำนานได้กล่าวไว้ว่า บริวารของพญายมคือ ยมฑูต ก็ คือกุมภัณฑ์ พวกหนึ่งนั่นเอง แต่เมื่อมีมนุษย์มากขึ้นสั่งสมบารมีหรือมีความเหมาะสมย่อมได้รับการสถาปนา ให้ดำรงตำแหน่ง ท้าวพญายมราช องค์ปัจจุบันในอดีตชาติก่อนที่ท่านจะได้รับสถาปนาเป็นท้าวพญายมราชนั้น ท่านเป็นมนุษย์ในครั้งก่อนพุทธกาล ในยุคที่ยังมนุษย์อยู่กันเป็นชุมชนยังไม่ใหญ่นัก ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าชุมชนในหมู่บ้านเป็นผู้มีวิชาความรู้ เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในชุมชนหมู่บ้านท่านเป็นผู้นำปราบปรามแก้ไข และต้องตัดสินพิพากษา
    ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายในหมู่บ้านที่ท่านดูแลอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นผู้กระทำด้วยเกรงกลัวความผิด เพราะโทษนั้นหนักถึงกับต้องประหารให้ตายตกตามกันคือชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านในฐานะผู้ปกครองดูแลเมื่อสอบสวนแล้วไม่มีผู้ยอมรับผิด จึงได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเสกแป้งฝุ่นแล้วซัดออกไปก็จะปรากฎรอยเท้า ผู้กระทำผิด
    เมื่อตามรอยเท้านั้นไปปรากฎว่าผู้เป็นเจ้าของรอยเท้านั้นคือพ่อบังเกิดเกล้า ของท่านเอง ท่านมีความเสียใจเป็นอย่างมากไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านพิจารณาด้วยใจอันเป็นธรรมอย่างที่สุดจึงได้ตัดสินให้ประหารพ่อ ของท่านเอง แล้วก็ออกจากหมู่บ้านเร่ร่อนไปจนท่านเสียชีวิตเพียงลำพัง เป็นการแสดงให้เห็นว่าท่านมีความเที่ยงธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะหากท่านไม่บอกแก่ใครย่อมไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ อีกทั้งท่านก็ยังได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมีความสุขสบายไม่ต้อง ลำบากเร่ร่อนไปอย่างเดียวดาย เมื่อท่านได้เสียชีวิตดวงวิญญาณของท่านเป็นยกย่องในความเที่ยงธรรม เทวดาทั้งหลายจึงแสดงฉันทามติสถาปนาท่านให้ดำรงตำแหน่งท้าวพญายมราช
    องค์พญายมราชจะมีผู้ช่วยสำคัญในการไปนำดวงวิญญาณ ของสัตว์โลกมาสู่แดนปรโลก หรือแดนยมโลกคือ องค์เจ้าพ่อพระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อพระกาฬชัยศรีนี้มีรูปปั้นอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง กรุงเทพมหานคร มีเทวะลักษณะเป็นเทพยดาที่สี่กร กรหนึ่งถือดวงไฟหมายถึงดวงวิญญาณ กรหนึ่งถือบ่วงบาศเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการใช้จับดวงวิญญาณทั้งปวง ขี่นกเค้าแมวเป็นพาหนะ พระองค์เป็นบริวารของพญายมราชทำหน้าที่เก็บดวงวิญญาณต่างๆ บ้านไหนที่จะมีคนตาย พระองค์จะทรงใช้นกแสกบ้าง นกเค้าแมวบ้าง ไปเกาะลังคาบ้านร้องเตือนให้ทราบล่วงหน้า หรือบันดาลนิมิตดีร้ายให้ทราบ หากผู้นั้นมีปัญญาจะได้รีบขวนขวายทำบุญก่อนจะหมด โอกาสในโลก นอกจากนี้พระองค์ยังมีบริวารเรียกว่าเหล่ายมฑูต ทำหน้าที่ไปเก็บดวงวิญญาณต่างๆให้พระองค์อีกทีหนึ่งด้วย ซึ่งเราชาวโลกจะเรียกท่านว่า พญามัจจุราชนั่นเองนอกจากนี้องค์พญายมราชยังมีบริวารที่ทำหน้าที่บันทึกการ กระทำความดีความชั่ว เรียกว่าสุวัณ และสุวาณ สุวัณนั้นทำหน้าที่จดการกระทำความดีของผู้ที่กระทำความดีตั้งอยู่ในศีลใน ธรรม การจดนั้นท่านใส่สมุดทองคำ ยามรายงานองค์พญายมราชเสร็จเรียบร้อยจะทำการยกขึ้นจบเหนือหัวเป็นการ อนุโมทนา ส่วนสุวาณทำหน้าที่จดการกระทำของคนชั่วประพฤติบาป ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม การจดก็จดใส่สมุดหนังหมา เป็นการ คาดโทษเอาไว้

    ใน พระไตรปิฏกกล่าวว่าองค์พญายมราชนั้นเมื่อได้ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้ามีดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นพระโสดาบันนั่นเป็นเบื้องต้น ครูบาอาจารย์ที่ถอดจิตได้อย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวว่าองค์พญายมราชนั้นปัจจุบันท่านมีภูมิธรรมชั้นพระอนาคามี เป็นภูมิพรหม ดำรงตำแหน่งการพิพากษาตัดสินดวงวิญญาณในแดนยมโลกอย่างยุติธรรม ประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คือดวงวิญญาณแต่ละดวงที่ตกมายังยมโลกนั้น

    Image from Google
    สำหรับการไต่สวนดวงจิตวิญญาณเพื่อตัดสินความนั้น พญายมจะตั้งคำถาม 5 ข้อ ให้ดวงวิญญาณตอบโดยมีรายละเอียดดังนี้
    ข้อที่ ๑.พญายมราชจำทำการไต่ถามถึงปัญหาข้อที่ว่า “ดูกรท่านผู้เจริญ ท่านเคยเห็นเด็กแดงๆ ยังอ่อนนอนแบเบาะ นอนเปื้อนมูตรคูถของตนบ้างไหม เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่มีความรู้สึกอย่างไร พญายมราชก็จะบอกให้ทราบว่าเจ้าเป็นผู้มีความประมาท ไม่กระทำความดีทางกาย วาจา ใจ ไม่เคยคิดเลยว่าการเกิดมานั้นเป็นทุกข์ ดังที่เห็นอยู่เมื่อท่านประมาทเช่นนี้นายนิรยะบาลจะทำการลงโทษท่าน แล้วพญายมราชก็ปลอบใจผู้กระทำบาปเหล่านี้ โดยถามเป็นปัญหาที่สองเพื่อว่าดวงวิญญาณนั้นๆ อาจคิดถึงบุญได้ยามเมื่อฟังปัญหาต่อไป
    ข้อที่ ๒. เมื่อพญายมราชได้ปลอบโยนเอาอกเอาใจแล้วก็ได้ถามปัญหาข้อที่๒ว่า ”ดูกรท่านผู้เจริญ ท่านเคยเห็นคนแก่อายุ แปดสิบ เจ็ดสิบ หรือร้อยปี หลังโก่ง คดงอ ถือไม้เท้า เดินงกเงิ่น ผมหงอก หนังเหี่ยว ตกกระ ในหมู่มนุษย์บ้างไหม เห็นแล้วท่านรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็นแต่ไม่มีความรู้สึกอย่างไร พญายมราชก็กล่าวชี้แจงให้ทราบว่าท่านเป็นผู้ประมาท ไม่พิจารณาเห็นโทษของความแก่ ไม่ขวนขวายในการทำบุญทำกุศล ตั้งอยู่ในความประมาทนายนิรยบาลจะลงโทษท่านต่อจากนั้นพญายมราชก็จะพูดปลอบใจ และถามปัญหาต่อไป
    ข้อที่ ๓. พญายมราชจะถามว่า “ท่านเคยเห็นคนป่วยไข้ที่กำลังได้รับความทุกข์เวทนาบ้างหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่รู้สึกอย่างไร พญายมก็จะชี้แจงให้ทราบถึงเหตุผลว่าการเจ็บป่วยนั้นเป็นทุกข์ที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ จะต้องขวนขวายในการกระทำความดียิ่งๆขึ้น เพื่อให้พ้นจากสิ่งเหล้านี้ ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้ประมาทนายนิรยบาลจะลงโทษท่าน พญายมราชจะพูดปลอบอกปลอบใจและถามปัญหาข้อที่ ๔ ต่อไป
    ข้อที่ ๔.พญายมราชได้ภามปัญหาด้วยจิตเมตตาต่อไปว่า “ท่านเคยเห็นคนที่ถูกจองจำ เช่น โจร ผู้ร้าย ผู้กระทำผิด ซึ่งถูกลงโทษด้วยวิธีต่างๆ เช่น การโบยด้วยแส้ โบยด้วยหวาย ตีด้วยกระบอง ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดหูตัดจมูกบ้าง ตลอดจนยิงเป้า แขวนคอ นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า หรือการฉีดยาพิษเข้าสู้ร่างกายเพื่อให้เสียชีวิตบ้างหรือไม่ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร?” ถ้าตอบว่าเห็น แต่ไม่รู้สึกอย่างไร พญายมราชจะชี้แจงให้ทราบว่าท่านเป็นผู้ตกอยู่ในความประมาท ไม่ขวนขวายในการทำบุญทำกุศล เพื่อให้พ้นจากวัฏสงสารเหล่านี้ นายนิรยบาลจะลงโทษท่านพญายมก็พูดปลอบโยนเอาอกเอาใจและถามปัญหาในข้อต่อไป
    ข้อที่ ๕.พญายามราชก็จะถามปัญหาว่า “ท่านเคยเห็นคนตายบ้างหรือไม่ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร” ถ้ายังตอบเหมือนเดิมอีก คือเห็นแล้วไม่มีความรู้สึกอย่างไร และไม่ได้ขวนขวายในการที่จะกระทำคุณงามความดียิ่งๆขึ้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ตกอยู่ในความประมาท ซึ่งไม่ใช่ความผิดของบิดามารดา ญาติพี่น้อง มิตรสหายหรือเทวดาดลใจแต่เห็นความผิดของท่านเอง นายนิรยบาลจะลงโทษท่าน เมื่อพญายมราชได้พูดปลอบใจแล้ว นายนิรยบาลก็จะจับผู้ประมาทนั้นมาจองจำ๕ ประการด้วยกัน คือ นำมือข้างที่ ๑ มาตรึงด้วยตะปูด้วยเหล็กแดง นำมือข้างที่ ๒ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง น้ำเท้าข้างที่ ๑ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง นำเท้าข้างที่ ๒ มาตรึงด้วยตะปูเหล็กแดง และตรึงตะปูที่ทรวงอกตรงกลางสัตว์เหล่านั้นย่อมเสวยทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าอยู่ในนรก แต่ก็ยังไม่ตายตราบเท่าที่บาปกรรมยังไม่หมดสิ้น
    ในการถามปัญหา ๕ ข้อนี้ ท่านจะคอยถามว่า ยามเมื่อมีชีวิตอยู่นั้นได้ทำบุญทำบาปอะไรไว้บ้าง นอกจากนี้ยังถามว่าเคยเห็นเด็กทารกที่นอนจมกองอาจมหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วเคยรู้สึกสังเวชในการเกิดการเป็นการอยู่ เคยตรึงตรองถึงธรรมการเกิดขึ้นของมนุษย์หรือไม่ ต่อจากนั้นพญายมราชก็จะซักถามต่อไปอีกว่า เคยเห็นคนเจ็บป่วยไม่สบายหรือไม่เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร สังเวชในธรรมของการเป็นการอยู่ของมนุษย์เราหรือไม่ เป็นคติเตือนใจเราเองได้หรือไม่ แล้วถามอีกว่าเคยเห็นคนแก่ชราหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วเคยน้อยกลับมาดูตัวเองหรือไม่ว่าเราเองต้องแก่เหมือนกัน และไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้ เคยได้ตรึกตรองในสัจธรรมความจริงข้อนี้หรือไม่ สุดท้ายก็ถามย้ำอีกว่า แล้วเคยเห็นคนตายไหม เคยคิดหรือไม่ว่าตัวเราเองหรือไม่ว่าตัวเองต้องแก่ชราเช่นนั้นเหมือนกันไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่งเคยนึกได้เช่นนี้บ้างไหม การที่ท่านถามนี้ก็เพื่อว่าบุคคลใดก็ตามที่เคยเห็นแล้วพิจารณานึกได้ เกิดความสังเวชในชีวิตบ้าง นับว่าบุคคลนั้นยังมีจิตใจเป็นบุญกุศลยังมีจิตใจเป็นบุญเป็นกุศล เพราะจิตเคยเข้าสู่การพิจารณาสังเวชในธรรมเป็นไปตามที่พระองค์ท่านให้พิจารณา จิตที่พิจารณาถึงธรรมสังเวชเห็นความเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ นับว่าบุคคลผู้นั้นมีปัญญาและมีจิตระเอียดอ่อน การที่จิตตกอยู่ในธรรมสังเวชนั้นแล จะเป็นบุญแก่จิตรของบุคคลผู้นั้นและนับเป็นบุญมหาสารได้ หากขณะที่องค์พญายมราชไต่สวนเราหมดแล้ว ยังไม่อาจระลึกในสิ่งที่เป็นบุญกุศลได้เลย แน่นอนว่าย่อมมีทุคติภูมิหรือนรกเป็นที่ไป
    ก่อนที่พญายมราชจะส่งดวงวิญญาณทั้งหลายไปลงนรกนั้น พระองค์จะไต่สวนให้เที่ยงธรรมเสียก่อนว่า ดวงวิญญาณทั้งหลายนั้นเคยทำบุญกุศลอะไรบ้างหรือไม่ หากเคยทำบุญกุศลบ้างพระองค์จะได้ไปส่งไปยังสุคติ แต่หากดวงวิญญาณทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถระลึกถึงกุศลได้เลย ก็แน่นอนว่าย่อมถูกส่งไปยังนรกชั้นต่างๆตามโทษทัณฑ์ที่ดวงวิญญาณนั้นจะได้รับอย่างสาสม หากผู้ใดได้ประกอบกุศลกรรมอยู่เป็นนิจ ในดวงจิตก็จะมีความสำนึกในกุศลกรรมนั้น เมื่อถึงวันที่ต้องอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพญายมราช ยามที่ได้ยินคำถามของท่านก็จะสามารถระลึกถึงจิตอันเป็นกุศลของตนได้และยอมได้ไปสู่สุคติภพในที่สุด
    ในด้านของไสยศาสตร์นั้น พระยายมราช นับเป็นเทวะราชาพระองค์หนึ่งที่มีเทพอาวุธอันทรงอานุภาพเปรียบได้กับอาวุธ ปรมาณู ซึ่งมีอานุภาพทำลายล้างสูงสุดเป็นที่เกรงกลัวของทั้งสามภพ นัยตาของพญายม นี้ถือเป็นของที่มีอานุภาพสามารถทำลายล้างสารพัดสรรพสิ่งได้เป็นจุณมหาจุณ เป็นที่เกรงกลัวของภูติผีปีศาจอย่างยิ่ง

    คาถาบูชาพญายม (ท่องนะโม 3 จบ)
    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ (3 จบ)

    ด้านการอานิสงค์ของการบูชานับถือพญายมราชนั้น เชื่อกันว่าภูติผีปีศาจไม่กล้าระราน ผู้นั้นจะมีตบะบารมีที่น่าเกรงขาม ใครคิดร้ายด้วยทุจริตมิชอบอิจฉาตาร้อน จะแพ้ภัยด้วยตัวเขาเอง นอกจากนี้หากหมั่นบูชาพระองค์ท่านเสมอๆท่านว่าจะห่างไกลจากความป่วยไข้มี อายุยืนนาน หากรับราชการหรือทำมาค้าขายด้วยความซื่อตรงก็จะบังเกิดความเจริญมีความสุขใน ชีวิตยิ่งๆขึ้นไปซึ่งใช้สวดภาวนาป้องกันภัยพิบัติต่างๆ ใช้ช่วยคนที่อยู่ในภาวะใกล้ตายหรือป่วยหนักที่ยังไม่สิ้นอายุขัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s001.jpg
      s001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.2 KB
      เปิดดู:
      166
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องการหักบัญชีบัตรเครดิต KTC ที่แจ้งการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตอาวุโสโอเค กับ บจ.เอไอเอ

    ภรรยาผม ได้เคยแจ้งการทำประกันชีวิตอาวุโสโอเค ให้กับคุณพ่อ กับ เอไอเอ โดยแจ้งให้ตัดบัญชีบัตรเครดิตในการชำระค่าเบี้ยฯ
    แต่ต่อมาทางภรรยาผม ไม่ต้องการที่จะส่งค่าเบี้ยฯ ผมจึงได้ทำหนังสือให้ภรรยาผม ในการแจ้งเรื่องนี้กับ บจ.เอไอเอ โดยจะเปลี่ยนแปลงประเภทกรมธรรม์เป็นประเภทขยายระยะเวลา ตามตารางมูลค่าเวนคืนเงินสด (ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยฯอีก) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 วันครบกำหนด 21 สิงหาคม 2564 จนกระทั่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อย

    และผมได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง บมจ.บัตรกรุงไทย ( KTC ) โดยทำหนังสือฉบับแรกไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 และมีการติดต่อประสานงานเบื้องต้นหลายๆรอบ แต่สุดท้ายหนังสือของ KTC ที่ส่งกลับมาให้ผม มีการตอบมาไม่ตรงกับที่ผมได้สอบถามไป ผมจึงจำเป็นต้องสอบถามในเรื่องนี้ โดยสอบถามไปยังกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ จะได้มีอำนาจสูงสุดในการตอบปัญหา

    แต่ถ้าผมไม่ได้รับหนังสือตอบจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผมจะทำหนังสือฉบับต่อไปในการสอบถามในเรื่องดังกล่าว แต่จะทำเรื่องผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอคำตอบในเรื่องดังกล่าวนี้ ครับ

    หากมีผลความคืบหน้า จะมาแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบกัน
    เพื่อเป็นวิทยาทานในความรู้ ในการติดต่อกับสถาบันการเงินทั้งธนาคาร และ NonBank ครับ

    #ktcrealprivileges
    #ktc
    #บริษัทบัตรกรุงไทยจำกัดมหาชน
    #บัตรกรุงไทย
    #ktcบริษัทบัตรกรุงไทยอาคารไทยมิททาวเวอร์
    #ktcกรุงไทย
    #ktcกรุงไทยจํากัด
    #ธนาคารพาณิชย์
    #ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
    #Nonbank
    #บริษัทประกันภัย
    #บมจบัตรกรุงไทย
    #AIA
    #AIAประกันชีวิต
    #บริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์จำกัด
    #ประกันชีวิตอาวุโสโอเค

    .....$$$------------------$$$.....

    จดหมายฉบับที่ 1

    หนังสือฉบับนี้ เป็นหนังสือฉบับแรกที่ผมส่งให้กับ KTC เนื้อหามีในลักษณะนี้

    วันที่ 8 ธันวาคม 2560

    เรื่อง การหักบัญชีบัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต

    เรียน ผู้จัดการ แผนกBackend

    บมจ.บัตรกรุงไทย

    ข้าพเจ้า นายaaa บัตรเครดิตหมายเลข 1111 2222 3333 4444 โดยข้าพเจ้าได้ทำบัตรเสริมให้กับนางสาวsss บัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

    ข้าพเจ้าแจ้งความประสงค์ยกเลิกการหักบัญชีบัตรเครดิตของนางสาวsss บัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 ในการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต ของกรมธรรมเลขที่ T7777777777 (ผู้เอาประกันภัยชื่อนาย(พ่อของนางสาวsss) แบบการประกันภัยตลอดชีพพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ (ไม่มีเงินปันผล) ) บจ.เอไอเอ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป เมื่อท่านได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว กรุณาแจ้งผลการดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษรกลับมายังข้าพเจ้าตามที่อยู่ด้านบนไม่เกิน 45 วันนับตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 จักขอบพระคุณยิ่ง แต่หากท่านไม่ได้แจ้งการดำเนินการของท่าน ข้าพเจ้าขอสอบถามในเรื่องดังกล่าวผ่านหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการ

    ขอแสดงความนับถือ

    .........................................

    (นายaaa) (นางสาวsss )

    .....$$$------------------$$$.....

    จดหมายฉบับที่ 2

    หนังสือฉบับนี้ เป็นหนังสือฉบับที่สองที่ผมได้ส่งไปยัง บมจ.บัตรกรุงไทย และผมได้ส่งสำเนาหนังสือตอบรับการยกเลิกการหักบัญชีบัตรเครดิต KTC ในการชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตฯ ของ บจ.เอไอเอ ไปด้วย

    วันที่ 3 มกราคม 2561

    เรื่อง การหักบัญชีบัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต

    เรียน ผู้จัดการ แผนกBackend

    บมจ.บัตรกรุงไทย

    ตามหนังสือของข้าพเจ้า ฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 เรื่อง การหักบัญชีบัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 ของนางสาวsss เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต ของกรมธรรมเลขที่ T7777777777 (ผู้เอาประกันภัยชื่อนาย(พ่อของนางสาวsss) แบบการประกันภัยตลอดชีพพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ (ไม่มีเงินปันผล) ) บจ.เอไอเอ ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

    ข้าพเจ้าขอนำส่งสำเนาหนังสือตอบรับจาก บจ.เอไอเอ ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม 2560 มายังท่าน เพื่อดำเนินการในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป และกรุณาแจ้งผลการดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษรกลับมายังข้าพเจ้าตามที่อยู่ด้านบนไม่เกิน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ท่านได้รับจดหมายฉบับนี้

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการ

    ขอแสดงความนับถือ

    .........................................

    (นายaaa)

    .....$$$------------------$$$.....

    จดหมายจาก KTC ที่แจ้งผลมาให้ผม

    ทำให้ผมต้องทำจดหมายอีกรอบ ไปสอบถามทาง KTC แต่สอบถามไปยังกรรมการผู้จัดการใหญ่ จะได้ตอบให้ตรงประเด็นครับ

    หนังสือของ KTC ที่แจ้งมา ตอบผมมาว่า จากการตรวจสอบไม่พบยอดเรียกเก็บเงินค่าเบี้ยประกัน AIA ผ่านบัตรเครดิต KTC เลขที่ 6666 7777 8888 9999 มีผลนับตั้งแต่งวดกำหนด วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป โดยอ้างอิงจากเอกสารตอบรับการขอยกเลิกการใช้บริการหักชำระค่าเบี้ยประกันอัตโนมัติ ออกโดย บริษัท เอไอเอ จำกัด ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2560

    .....$$$------------------$$$.....

    จดหมายของผมฉบับที่ 3 ที่ส่งไปสอบถาม

    แต่ฉบับนี้ส่งไปสอบถามกับ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ KTC ครับ

    วันที่ 16 มีนาคม 2561

    เรื่อง การแจ้งยกเลิกหักบัญชีบัตรเครดิต และแนะนำในเรื่องพนักงานที่ให้บริการ

    เรียน กรรมการผู้จัดการใหญ่

    บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน)

    ตามหนังสือของข้าพเจ้า นายaaa หนังสือของข้าพเจ้าฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 เรื่องการหักบัญชีบัตรเครดิตหมายเลข 6666 7777 8888 9999 ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

    ข้าพเจ้าขอเรียนชี้แจง ดังนี้

    1. เรื่องหนังสือแจ้งผลการยกเลิกหักบัญชีบัตรเครดิต ในเจตนาของหนังสือของข้าพเจ้า แสดงเจตนาให้ทาง บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) แจ้งผลการยกเลิกการหักบัญชีบัตรเครดิตฯ ไม่ใช่แจ้งการตรวจสอบไม่พบยอดเรียกเก็บเงินจากทาง บจ.เอไอเอ และวันที่ในจดหมายของข้าพเจ้ากับวันที่ในเนื้อหาในจดหมายแจ้งของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) เป็นคนละวันที่กัน ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าขอตำหนิในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพราะการอ่านและทำความเข้าใจในจดหมายของข้าพเจ้า ทางผู้อำนวยการฝ่ายบริการสมาชิกบัตรและผู้อำนวยการฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำความเข้าใจให้ละเอียด และไม่ได้ตรวจสอบให้เรื่องราวต่างๆให้ละเอียด ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านดำเนินการแจ้งผลการดำเนินการในเรื่องนี้มาให้ข้าพเจ้าทราบอีกครั้ง ส่วนในเรื่องพนักงานCall Center ของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) แจ้งมาว่า เป็นการทำเรื่องผ่านบจ.เอไอเอ ไม่ได้ทำเรื่องผ่าน บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือแจ้งว่าทางบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน ในความเห็นของข้าพเจ้า เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นเจ้าของบัตรเครดิต จึงมีสิทธิในการแจ้งไม่ให้หักบัญชีบัตรเครดิตได้ เพราะหากมีการเรียกเก็บมาแต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมจ่ายเงิน ข้าพเจ้าจะมีปัญหาทันที ปัญหาที่ตามมาคือ ทาง บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) จะคิดดอกเบี้ยผิดนัด และค่าติดตามหนี้ ผลที่ร้ายกว่านั้นคือ ข้าพเจ้าและนางสาวsss (ภรรยาของข้าพเจ้า)ฯ มีประวัติการค้างชำระบัตรเครดิต ประวัติฯนี้ จะไปปรากฎที่ข้อมูลของข้าพเจ้าที่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ทำให้ข้าพเจ้าและ นางสาวsss (ภรรยาของข้าพเจ้า)ฯ ไม่สามารถที่จะใช้วงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้อีก และบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) เป็นเจ้าของบัตรเครดิตที่ข้าพเจ้าและ นางสาวsss (ภรรยาของข้าพเจ้า)ฯ เป็นสมาชิกของท่าน ท่านจึงมีสิทธิ์ในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้



    2. ขอชมเชยพนักงาน Call Center รายคุณวัชมล ในวันที่ 20 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 12.59 น. (ตามเอกสารแนบ 3 และเอกสารแนบ 4) ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์เข้าไปที่ 0-2123-5000 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ทางคุณวัชมลรับสาย ทางคุณวัชมลได้ช่วยในการประสานงานให้ข้าพเจ้าเป็นอย่างดี และเกิดความประทับใจในการให้บริการของพนักงานท่านนี้ ทางบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ต้องมีพนักงาน Call Center ในลักษณะนี้มากๆ จะส่งผลดีต่อการให้บริการลูกค้า ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) รายละเอียดอยู่ในเอกสารแนบ 3 และเอกสารแนบ 4

    3. ข้าพเจ้าขอตำหนิการทำงานของพนักงาน Call Center ดังนี้

    3.1 คุณวิชยะ(เป็นผู้ชาย) ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์เข้าไปที่ 0-2123-5000 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) วันที่ 13 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 13.20 น. คุณวิชยะรับสาย ข้าพเจ้าแจ้งความประสงค์ให้ทางคุณวิชยะ แต่ข้าพเจ้าแจ้งยังไม่จบเรื่อง ทางคุณวิชยะได้ตัดสายโทรศัพท์ของข้าพเจ้าทิ้งไป ซึ่งการคุยกับพนักงานCall Centerคนอื่นๆไม่มีในลักษณะนี้

    3.2 คุณวิชุดา ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์เข้าไปที่ 0-2123-5000 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) วันที่ 13 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 13.20 น. ข้าพเจ้าได้แจ้งทางคุณวิชุดาว่า ในการติดต่อประสานงานในเรื่องนี้ ขอให้ติดต่อกับข้าพเจ้า ไม่ให้ติดต่อไปที่ นางสาวsss (ภรรยาของข้าพเจ้า)ฯ แต่ทางบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ยังติดต่อกลับไปหา นางสาวsss (ภรรยาของข้าพเจ้า)ฯ อีก ข้าพเจ้าขอสอบถามว่า ในการแจ้งเจตนาไป ทำไมทางบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 16.29 น. คุณรัชมล รับสาย ข้าพเจ้าได้แจ้งให้ทางคุณรัชมล ว่าในการติดต่อประสานงานในเรื่องนี้ ให้ติดต่อที่ข้าพเจ้า หลังจากนั้น ในการประสานงานจึงได้ติดต่อมาที่ข้าพเจ้า (ตามเอกสารแนบ 3)

    3.3 ในการที่ข้าพเจ้าติดต่อไปในวันที่ 19 ธันวาคม 2560 (ตามเอกสาร แนบ3) และ ทางบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ติดต่อข้าพเจ้ากลับมาในวันที่ 20 ธันวาคม 2560 (ตามเอกสารแนบ 4) พนักงาน Call Center ที่ข้าพเจ้าได้จดรายละเอียดไว้ เป็นบุคคลคนเดียวกัน คือคุณรัชมล หรือคุณวัชมล แต่ข้าพเจ้าอาจจะฟังไม่ชัดจึงทำให้จดชื่อพนักงานผิดไป และสำหรับชื่อพนักงานของ Call Center คนอื่น ข้าพเจ้าอาจจะจดชื่อ ไม่ถูกต้องกับชื่อจริงๆของพนักงานคนนั้น เนื่องจากเป็นการจดจากการฟังและการคุยทางโทรศัพท์

    3.4 ในการติดต่อประสานงานในเรื่องนี้ ทางพนักงาน Call Center ราย คุณรัศมี (ตามเอกสารแนบ 5) และ คุณกิตติยา (ตามเอกสารแนบ 6) และคุณสุภาพร (ตามหนังสือของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ที่ CC-FECC-0016/2561 ฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม 2561 ) ไม่ได้เข้าใจในเจตนาที่ข้าพเจ้าแจ้งไป ทั้งๆที่ข้าพเจ้าแจ้งไปโดยใช้ภาษาไทย ไม่ใช่แจ้งไปโดยใช้ภาษาต่างประเทศ ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านดำเนินการในเรื่องการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องตามเจตนาของลูกค้า และหากในเรื่องต่างๆที่ลูกค้าแจ้งเข้ามายัง Call Center ทางพนักงาน Call Center ไม่สามารถตัดสินใจได้ ควรแจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังผู้ที่มีตำแหน่งที่มีอำนาจในการพิจารณาในเรื่องนั้นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ เพื่อประโยชน์ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ในการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ จะทำให้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ได้เป็นอย่างดี

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการ และข้าพเจ้าขอให้ท่านดำเนินการตอบจดหมายฉบับนี้กลับมาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยส่งให้ข้าพเจ้าตามที่อยู่ด้านบน ภายในไม่เกิน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ท่านได้รับจดหมายฉบับนี้ แต่หากข้าพเจ้าไม่ได้รับจดหมายของท่านภายในระยะเวลาดังกล่าว ข้าพเจ้าจะขอสอบถามท่านอีกครั้งโดยสอบถามผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ธนาคารแห่งประเทศไทย และข้าพเจ้าแจ้งเรื่องนี้ลงในเฟสบุ๊คส่วนตัวรวมทั้งสื่อออนไลน์ที่ข้าพเจ้าได้เคยแจ้งในเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว และในการลงเรื่องดังกล่าวข้าพเจ้าลงรายละเอียดเพื่อเป็นวิทยาทาน,เป็นความรู้ให้กับบุคคลอื่นๆเพื่อเป็นความรู้และใช้ประโยชน์ในการติดต่อกับหน่วยงานหรือบริษัทต่างๆ ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านมา ณ โอกาสนี้

    ขอแสดงความนับถือ

    .................................................................

    (นายaaa)



    ที่มา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2018
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปรัชญาหมาป่า

    http://www.partiharn.com/contents/ax1/394
    ผู้นำที่แท้จริง!! ปรัชญาหมาป่า ตัวสุดท้ายคือจ่าฝูง เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกที่อ่อนแอจะไม่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง!

    มื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Chaidech Ruethaiwana ได้แชร์รูปภาพพร้อมระบุข้อความทั้งหมดเอาไว้ว่า

    ปรัชญาหมาป่า!! (For English see below)
    สามตัวแรกในวงกลมสีแดงเป็นกลุ่มที่ค่อนค้างแก่ ป่วยและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง กลุ่มถัดมาในวงกลมสีเหลืองห้าตัวเป็นกลุ่มที่แขงแกร่งที่สุดในฝูงพร้อมที่จะปกป่องสามตัวข้างหน้าในกรณีถูกจู่โจม

    กลุ่มเยอะสุดที่อยู่ตรงกลางเป็นกลุ่มที่ถูกปกป้องจากสมาชิกในฝูงไม่ว่าจะถูโจมตีจากข้างหน้าหรือข้างหลัง กลุ่มห้าตัวในวงกลมสีเขียวเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูงเช่นกันเพื่อที่จะปกป้องภัยอันตรายจากข้างหลังของฝูง

    ตัวสุดท้ายที่ลูกศรชี้เป็นจ่าฝูงที่เดินหลังสุดเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าสมาชิกตัวใดตัวหนึ่งไม่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง และจ่าฝูงพร้อมที่จะปกป้องสมาชิกทุกๆตัวในกรณีฉุกเฉินเพราะเค้ามองเห็นทุกๆอย่างที้เกิดขึ้นข้างหน้า

    .. ปรัชญานี้แสดงให้เราเห็นว่านี่คือผู้นำที่แท้จริง!!!

    ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Chaidech Ruethaiwana / Moe mirdit
    https://www.facebook.com/chaidech.monk.5…

    --------------------------------------


    เจษฎาโพสต์แย้ง 'ปรัชญาฝูงหมาป่า' ไม่ใช่เรื่องจริงทางชีววิทยา

    https://prachatai.com/journal/2016/02/64150

    รศ.ดร.เจษฎา โพสต์แย้งกระแสโซเชียลกับ 'ปรัชญาฝูงหมาป่า' ชี้ไม่ใช่เรื่องจริงทางชีววิทยา ระบุฝูงหมาป่าเองไม่จำเป็นต้องมีตัวไหนเอาไว้ล่อเป้าการถูกโจมตีทำร้าย เพราะหมาป่าเป็นสัตว์ผู้ล่าอันดับต้นๆ ไม่ได้มีใครมาล่ามัน

    18 ก.พ. 2559 หลังจากมีการแชร์ต่อจำนวนมากเกี่ยวกับการเดินทางของฝูงหมาป่า จากผู้ใช้ชื่อ Gain A Tepparat ซึ่งล่าสุดได้ปิดโพสต์ดังกล่าวไปแล้ว จนมีเว็บไซต์หลายเว็บนำไปเผยแพร่ต่อ ล่าสุดวันนี้ (18 ก.พ.59) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Jessada Denduangboripant' ในลักษณะสาธารณะ เพื่อโต้คำอธิบายดังกล่าว ในหัวข้อ "ปรัชญาฝูงหมาป่า ไม่ใช่เรื่องจริงทางชีววิทยา"

    "อันนี้ก็แชร์กันค่อนข้างมาก ว่าเวลาหมาป่าเดินทางเป็นฝูง จะมี 3 ตัวแรกเอาไว้ล่อเป้าศัตรูที่จะบุกทำร้าย ตามด้วย 5 ตัวคุ้มกัน มีจ่าฝูงไว้ปิดท้าย เป็นแนวทางให้พวกเราทำงานร่วมกันเป็นทีม เสียสละ ช่วยเหลือ บราๆๆ ดูน่าประทับใจ แต่จริงๆ หมาป่ามันไม่ได้เดินทางอย่างนั้น" รศ.ดร.เจษฎา กล่าว

    โดย รศ.ดร.เจษฎา กล่าวว่า รูปที่แชร์กันนี้ จริงๆ แล้ว มาจากรายการสารคดีสัตว์โลกของสถานี บีบีซี ชื่อรายการ “Frozen Planet (ดาวเคราะห์แช่แข็ง)” ดำเนินรายการโดยเซอร์ เดวิด แอ็ทเทนเบอโร David Attenborough เป็นภาพฝูงหมาป่า 25 ตัวกำลังออกล่าวัวไบซัน ในอุทยานแห่งชาติวู้ดบัฟฟาโล (Wood Buffalo National Park) ในประเทศแคนาดา

    "ตัวที่นำฝูงหมาป่านี้ จริงๆ แล้วเป็นตัวเมียระดับจ่าฝูง เรียกว่า female alpha ซึ่งแข็งแรง พอที่จะนำตัวอื่นๆ เดินเรียงแถวกันเป็นแนว เพื่อประหยัดพลังงานในการลุยฝ่าหิมะหนาเช่นนั้น ปรกติ ฝูงหมาป่าจะมีสมาชิกแค่ประมาณ 10-12 ตัว แต่การที่มันมารวมกันเป็นฝูงใหญ่เช่นนี้ ทำให้มันมีพลังพอจะล่าวัวป่าไบซัน ซึ่งตัวใหญ่เป็น 10 เท่าของหมาป่าได้" รศ.ดร.เจษฎา กล่าว

    นอกจากนั้น รศ.ดร.เจษฎา ระบุด้วยว่า ฝูงหมาป่าเอง ก็ไม่จำเป็นต้องมีตัวไหนเอาไว้ล่อเป้าการถูกโจมตีทำร้าย เพราะหมาป่าเป็นสัตว์ผู้ล่าอันดับต้นๆ ไม่ได้มีใครมาล่ามัน อย่างมาก มันก็สู้กับหมีถ้าบังเอิญมาเจอกัน ซึ่งหมีก็มักจะเชื่องช้าเกินกว่าจะจับหมาป่ากินได้ ยกเว้นแค่ลูกหมาป่าเท่านั้น

    ทั้งนี้ รศ.ดร.เจษฎา ได้กล่าว ขอบพระคุณ หมอแมว พิรัตน์ โลกาพัฒนา ที่ชี้ประเด็น ข้อมูลจาก https://www.truthorfiction.com/photo-of-a-wolf-pack-explains-wolf-behavior/ ด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรามาทำความรู้จักเรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) กันสักเล็กน้อย
    .
    เจตนาที่ผมนำมาลง เพื่อให้ความรู้เป็นวิทยาทาน
    ผมดำเนินรอยตามพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องที่สอนคนให้ตกปลาให้เป็น ไม่ใช่การให้ปลาไปกิน
    เมื่อให้ปลาไปกิน กินหมดแล้ว ก็ยังลำบาก หากินไม่เป็น ดังนั้น การให้ความรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในความคิดเห็นของผม
    .
    .
    ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกัน
    .
    นายโน๊ตตี้ นามสกุลลูกพี่โบ๊ตซัง เป็นลูกค้า
    ธนาคารณัชชี่ เป็นธนาคารที่นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัย
    ธนาคารวิไม่ว่าต้อม เป็นธนาคารพาณิชย์อีกธนาคาร
    ธนาคารแก้มหอม เป็นธนาคารพาณิชย์อีกแห่ง
    บริษัทประกันภัย ออนนี่ โดยนายออนนี่ มีใบอนุญาตประกันวินาสภัย และ เป็นบริษัทประกันภัยที่นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ทำประกันอัคคีภัยของสินเชื่อที่อยู่อาศัยไว้
    บริษัทประกันภัย ชายหล่อ โดยมีนายชายหล่อ มีใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาสภัย
    .
    มาต่อกัน
    .
    นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้ใช้วงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับธนาคารณัชชี่ และได้ทำประกันอัคคีภัยไว้ที่บริษัทประกันภัย ออนนี่ ระยะเวลาที่ทำประกันอัคคีภัยคือ 3 ปี
    .
    ต่อมาอีก 2 ปีครึ่ง ก่อนที่จะครบกำหนด นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้พบกับ นายชายหล่อ ที่เป็นเจ้านายเก่า นายชายหล่อได้ทราบเรื่องที่นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ที่ได้ทำประกันอัคคีภัยไว้จะครบ 3 ปี นายชายหล่อ ได้ชักชวนให้มาทำประกันอัคคีภัยที่ บริษัทประกันภัยชายหล่อ หลังจากที่ได้คุยกันในรายละเอียด นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้ตอบตกลง
    .
    นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้ไปติดต่อกับธนาคารณัชชี่ โดยทำหนังสือแจ้งความประสงค์ว่า จะขอเปลี่ยนแปลงการทำประกันอัคคีภัย จากเดิมที่ทำไว้ที่ บริษัทประกันภัย ออนนี่ จะเปลี่ยนไปเป็น บริษัทประกันภัย ชายหล่อ
    .
    ทางธนาคารณัชชี่ ต้องยินยอมให้นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง เปลี่ยนแปลงการทำประกันอัคคีภัยจาก บริษัทประกันภัย ออนนี่ เป็น บริษัทประกันภัย ชายหล่อ และห้ามธนาคารณัชชี่ อ้างว่า เป็นระเบียบของธนาคาร
    .
    หากระเบียบของธนาคารใดๆก็ตามทุกธนาคาร ขัดแย้งกับกฎหมาย หรือ ประกาศ/ระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย ระเบียบของธนาคารนั้นๆ ใช้ไม่ได้/เป็นโมฆะตั้งแต่เริ่มต้น
    .
    แต่การทำประกันอัคคีภัยของสินเชื่อที่อยู่อาศํย จำเป็นต้องทำ ไม่ทำไม่ได้ เนื่องจากข้อความในสัญญากู้ฯ จะระบุไว้อยู่แล้วว่า ต้องทำประกันอัคคีภัย
    อีกส่วนหนึ่ง เป็นเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงของตัวลูกค้าและธนาคาร ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์เรื่องของไฟไหม้บ้านได้ และที่เคยกระซิบกันไว้ว่า ในเรื่องของน้ำ หากเป็นน้ำที่อยู่ภายในบ้าน เกิดรั่วออกจากท่อน้ำ แล้วไปทำความเสียหายให้กับตัวบ้าน หรือสิ่งควบของบ้าน สามารถแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยได้
    .
    และในเรื่องของการ Refinance สินเชื่อที่อยู่อาศัย หากนายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ไปแจ้งความประสงค์ที่จะขอ Refinance ทางธนาคารณัชชี่ ต้องไม่ขัดขวาง / ถ่วงเวลา / ไม่ขายผลิตภัณฑ์เช่น ให้ทำประกันชีวิตเพิ่มเติม หรือ ให้ทำประกันวินาสภัย( PA / ประกันอุบัติเหตุ ) เพิ่มเติม โดยที่นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ไม่ยินอม และทางธนาคารณัชชี่ ต้องดำเนินการในเรื่องของ Refinance ผมแนะนำอย่างนี้ว่า นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง จะRefinance สินเชื่อที่อยู่อาศัยไปธนาคารแก้มหอม ให้ทำเป็นหนังสือไปแจ้ง และให้ทางธนาคารณัชชี่ เซ็นรับเอกสารดังกล่าว หากธนาคารณัชชี่ ไม่ดำเนินการเช่น การถ่วงเวลา ขั้นต่อไปให้ นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ทำหนังสือแจ้งในเรื่องนี้ ่ผานศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ธนาคารแห่งประเทศไทย ในหนังสืออาจจะแจ้งเพิ่มเติมในกรณีถูกบังคับให้ทำประกันชีวิตเพิ่มเติม หรือ ให้ทำประกันวินาสภัย( PA / ประกันอุบัติเหตุ ) เพิ่มเติมไปด้วย
    .
    มาต่ออีกเรื่อง
    ต่อมา นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้เปิดบริษัททำธุรกิจ ซึ่งต้องการเงินที่มาใช้ในบริษัท นายโน๊ตตี้ ลูกพี่โบ๊ตซัง ได้ไปขอสินเชื่อธุรกิจกับ ธนาคารวิไม่ว่าต้อม ทางธนาคารวิไม่ว่าต้อม ต้องไม่นำเสนอประกันชีวิต หรือ ให้ทำประกันวินาสภัย( PA / ประกันอุบัติเหตุ ) ในกรณีที่หากไม่ทำ วงเงินสินเชื่อจะไม่ผ่านการพิจารณา
    .
    และผู้ที่นำเสนอ ประกันชีวิตเพิ่มเติม ต้องมีใบอนุญาตตัวแทนประชีวิตหรือใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิต / ประกันวินาสภัย( PA / ประกันอุบัติเหตุ ) ต้องมีใบอนุญาตตัวแทนประกันวินาสภัย หรือ ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาสภัย โดยผู้นำเสนอต้องแจ้งให้กับลูกค้าก่อนเสมอ หรือหากมีการนำเสนอในสถานที่ทำการ ในสถานที่ทำการต้องติดประกาศรายละเอียดของผู้ที่มีใบอนุญาตว่า มีใครบ้าง ทุกสถานที่ทำการ

    ---------------------------------------------------

    เรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct)
    .
    ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย
    .
    ประกาศ ธปท. 12 ม.ค. 2561 (สกส.1/2561)
    .
    การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct)
    .
    https://www.bot.or.th/app/FIPCS/Thai/PFIPCS_List.aspx
    .
    https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2561/ThaiPDF/25610034.pdf
    .
    #การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม
    #Marketconduct
    #ธนาคารแห่งประเทศไทย
    #สถาบันการเงิน
    #ธนาคาร

    ที่มา อัลบั้ม Market conduct
    https://www.facebook.com/noom.sithiphong
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2018
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรามาเรียนรู้กันต่อเรื่องของสินเชื่อที่อยู่อาศัยกัน เนื้อหาอาจจะยาวไปสักนิด แต่อ่านแล้วนำไปคิด จะดีกับชีวิตของท่านเอง

    ผมดำเนินรอยตามพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องที่สอนคนให้ตกปลาให้เป็น ไม่ใช่การให้ปลาไปกิน

    เมื่อให้ปลาไปกิน กินหมดแล้ว ก็ยังลำบาก หากินไม่เป็น ดังนั้น การให้ความรู้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในความคิดเห็นของผม

    และผมเองมีไฟล์คำนวณที่ผมทำเอง เป็นไฟล์Excel หากท่านใดสนใจแจ้งมาผ่านไลน์ส่วนตัวผม แจ้ง ชื่อกับ Email แล้วผมจะส่งให้ท่าน และเมื่อท่านสงสัยว่า จะกรอกข้อมูลอย่างไร โทร.มาสอบถามผมได้ครับ

    .

    ที่มา

    .

    นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล อายุปัจจุบัน 44 ปี สถานภาพโสด

    ธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ (เป็นธนาคารที่นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ใช้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน)

    ธนาคารโอ๊ะโอ๋ (เป็นธนาคารพาณิชย์อีกแห่ง โดยมีนายปัดรับผิด รับแต่ชอบ เป็นผู้จัดการ)

    บริษัทประกันภัย ออนนี่ (มีนายออนนี่ เป็นผู้จัดการ และเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตประกันวินาสภัย)

    บริษัทประกันภัย ชายหล่อ (มีนายชายหล่อ เป็นผู้จัดการ และเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตประกันวินาสภัย)

    .

    มาว่ากันต่อครับ

    นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้มีวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย วงเงินกู้ 4,000,000.-บาท(4 ล้านบาท) และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเพิ่ม วงเงิน 500,000 บาท รวมวงเงินกู้ 4,500,000 บาท มีระยะเวลาการใช้สินเชื่อ 20 ปี กับธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ และได้ทำประกันอัคคีภัย 3 ปี กับบริษัทประกันภัย ออนนี่ เมื่อเวลาผ่านไปไวเมื่อลมกรด เวลาผ่านไป 3 ปี นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล วงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยของนางสาวแป๋วแหวว ภาระหนี้ลดเหลือ 3,600,000.-บาท และวงเงินกู้เพิ่มเติมสินเชื่อบ้านได้เงินเพิ่ม ภาระหนี้ลดเหลือ 450,000 บาท ได้ไปทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยกับ ธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ แล้วทางธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 3.09%ต่อปีทั้งสองวงเงิน และได้จ่ายค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยต่อไปอีก 3 ปี

    .

    เหมือนเดิม เวลาวิ่งไปไม่เคยรอใคร ผ่านไปอีก 1 ปี

    มีอยู่วันนึง นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้ไปเจอกับ นายปัดรับผิด รับแต่ชอบ ที่เป็นเพื่อนกัน นายปัดรับผิด รับแต่ชอบ ได้ทราบว่า นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล มีวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเดิม

    .

    จึงชักชวนให้ Refinance มายังธนาคารโอ๊ะโอ๋ ที่จะให้อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 3.09%ต่อปี โดยยกเว้นค่าธรรมเนียมดังนี้ 1.ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 2.ค่าธรรมเนียมการโอนที่กรมที่ดิน 3.ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย 3 ปีแรก (โดยทำประกันอัคคีภัยกับบริษัทประกันภัยชายหล่อ) 4.ค่าอากรสัญญากู้ฯใหม่ มีระยะเวลาการใช้วงเงินสินเชื่อ 16 ปี และที่สำคัญคือ การรวมวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิม และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเดิม ให้เป็นวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย วงเงินเดียว (ซึ่งมีผลต่อการนำ #ดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ไปคำนวณในการ #หักลดหย่อนภาษีประจำปี กับ #กรรมสรรพากร ที่จะได้จำนวนดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น) นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้ไปลองคำนวณดูว่า ในกรณีการRefinance ไปยังธนาคารโอ๊ะโอ๋ ดีกว่าการใช้บริการที่ธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ ที่เป็นธนาคารเดิมที่ใช้บริการอยู่

    .

    เมื่อนางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้ไปคำนวณและไตร่ตรอง ดังนี้

    .

    1.อัตราดอกเบี้ยทั้งธนาคารโอ๊ะโอ๋ (ที่เป็นธนาคารใหม่) กับ ธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ(ที่เป็นธนาคารเดิมที่ใช้บริการอยู่) มีอัตราดอกเบี้ยที่เท่ากันใน 3 ปี เรื่องนี้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน

    .

    2.อัตราดอกเบี้ยหลังจาก 3 ปีไปแล้ว ไม่มีผลต่อการตัดสินใจ เนื่องจากสามารถทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยได้ตลอด ถึงแม้ว่าทำเรื่องลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง 3 ปี ก็สามารถทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยได้ใหม่อีกครั้ง จะทำกี่ครั้งก็ได้ในทุกเวลา

    .

    3.การบริการ ขอไม่พูดถึง

    .

    4.เรื่องที่ได้ประโยชน์จากการ Refinance ก็คือ การรวมวงเงินทั้งสองวงเงิน (วงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิม และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเดิม) ทำให้มีผลของเรื่องจำนวนดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับธนาคาร ที่สามารถนำไปคำนวนในการหักลดหย่อนภาษีประจำปีกับกรมสรรพากร

    .

    4.1หากเป็นธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ จำนวนดอกเบี้ยที่นำไปคำนวณการหักลดหย่อนภาษีประจำปีกับกรมสรรพากร จะมีเพียง จำนวนดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเท่านั้น ส่วนจำนวนดอกเบี้ยของวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงิน ไม่สามารถนำไปคำนวนการหักลดหย่อนภาษีประจำปีกับกรมสรรพากรได้

    .

    4.2หาก Refinance ไปยังธนาคารโอ๊ะโอ๋ สามารถนำจำนวนดอกเบี้ยทั้งหมด ไปคำนวณการหักลดหย่อนภาษีประจำปีกับกรมสรรพากรได้ (เนื่องจากเป็นการรวมวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิม และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเดิม) เรื่องนี้ธนาคารโอ๊ะโอ๋ (ธนาคารที่นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล จะRefinance วงเงินสินเชื่อไปอยู่ด้วย) ได้เปรียบขึ้นมาทันที

    .

    5.เรื่องของประกันอัคคีภัย

    .

    5.1เดิมทำประกันอัคคีภัย และมีการต่ออายุออกไปอีก 3 ปี (ใช้ระยะเวลาไปแล้ว 1 ปี) ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยได้จ่ายให้กับ บริษัทประกันภัย ออนนี่ ไปแล้ว หากยังคงใช้วงเงินสินเชื่ออยู่ ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยที่นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล จ่ายไปแล้ว ถือเสมือนว่า ได้จ่ายเงินไปแล้ว แต่หากว่า นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้ Refinance วงเงินสินเชื่อไปยังธนาคารโอ๊ะโอ๋ นางสาวแป๋วแหวว สามารถขอเวนคืนค่าเบี้ยประกันภัยในส่วนที่เหลืออยู่ตามระยะเวลาในกรมธรรม์ฯได้

    .

    5.2 หากมีการ Refinance วงเงินสินเชื่อไปยัง ธนาคารโอ๊ะโอ๋ ทางธนาคารโอ๊ะโอ๋ จะเป็นผู้จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแทนให้ ในเรื่องนี้ ธนาคารโอ๊ะโอ๋ ได้เปรียบอีก (นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้เปรียบในเรื่องที่ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย อีก 3 ปี)

    .

    6.เรื่องของระยะเวลาการใช้สินเชื่อ เพื่อความยุติธรรม ต้องใช้ระยะเวลาที่เหลืออยู่ คือ 16 ปี เรื่องนี้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน

    .

    นางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล สรุปในประเด็นสำคัญได้ดังนี้

    .

    1.เรื่องของจำนวนดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัย หาก Refinance ไปธนาคารโอ๊ะโอ๋ (ธนาคารใหม่) จะมีมากกว่า การอยู่ที่ธนคารบอยไม่ดื่มค่ะ ส่งผลในเรื่องของการนำดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยไปคำนวณหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี อีก 3 ปี

    .

    2.ค่าเบี้ยประกันภัย ในกรณีที่ Refinance ไปธนาคารโอ๊ะโอ๋ ทางธนาคารโอ๊ะโอ๋ เป็นผู้ที่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยกับบริษัทประกันภัยชายหล่อ แทน และสามารถเวนคืนค่าเบี้ยประกันภัย กับบริษัทประกันภัย ออนนี่ (ธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ ที่เป็นธนาคารเดิม) ได้ ทำให้มีเงินกลับคืนมายังนางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล

    .

    3.อัตราดอกเบี้ย ใน 3 ปี ของธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ(ธนาคารเดิม) กับ ธนาคารโอ๊ะโอ๋ (ธนาคารใหม่) ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน

    .

    พอนางสาวแป๋วแหวว ศิษย์หมีพูล ได้วิเคราะห์ผลได้ผลเสียแล้ว ก็ตัดสินใจว่า จะ Refinance สินเชื่อวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยเดิม และวงเงินกู้เพิ่มเติมจากสินเชื่อบ้านได้เงินเดิม จากธนาคารบอยไม่ดื่มค่ะ ไปยังธนาคารโอ๊ะโอ๋ โดยรวมมาเป็นวงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยวงเงินเดียว ที่มีนายปัดรับผิด รับแต่ชอบ ที่มาชักชวน

    .

    หากเป็นท่านผู้อ่าน ท่านคิดอย่างไรหากเป็นตัวท่าน

    .

    มาย้ำกันครับว่า หากมีการขอลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย(หลังจาก 3 ปีแรก) จากธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่ ต่อมาอีก 3 เดือน , 6 เดือน หรือ เวลาไหนก็ได้ หากท่านเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับการลดจากธนาคาร ยังสูงอยู่ และได้ทราบว่า มีธนาคารอื่นให้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าธนาคารเดิม ท่านสามารถเข้าไปทำเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก โดยไม่จำเป็นให้ครบอีก 3 ปี

    .

    ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และประกาศในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธนาคารพาณิชย์ เช่น เรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) ที่มา ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศ ธปท. 12 ม.ค. 2561 (สกส.1/2561) https://www.bot.or.th/app/FIPCS/Thai/PFIPCS_List.aspx

    https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2561/ThaiPDF/25610034.pdf

    .

    แต่หากท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมในการให้บริการของธนาคาร ผมแนะนำตามนี้

    ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย

    โทร.1213

    https://www.1213.or.th/th/Pages/default.aspx

    ----------------------------------------------------------

    ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน

    https://www.1213.or.th/th/aboutfcc/...dling.aspxเป็นรายละเอียดที่สามารถร้องเรียนกับ ธปท.ได้

    ----------------------------------------------------------

    ตารางแสดงระยะเวลาการให้บริการทางการเงิน (SLA)

    https://www.1213.or.th/th/tools/programs/Pages/SLA.aspx

    เป็นตารางแสดงระยะเวลาที่ธนาคารได้แจ้งกับธนาคารแห่งประเทศไทยว่า เป็นระยะเวลาที่ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งให้บริการกับลูกค้าในเรื่องต่างๆ

    ----------------------------------------------------------



    เงื่อนไขการร้องเรียน

    https://www.1213.or.th/th/aboutfcc/...tion.aspxเป็นหน้าจอที่เข้าสู่ระบบการร้องเรียน

    . .

    #สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

    #การRefinanceสินเชื่อ

    #การย้ายวงเงินสินเชื่อไปสถาบันการเงินอื่น

    #อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

    #การคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน

    #ธนาคารพาณิชย์

    #สินเชื่อRefinance

    #สถาบันการเงิน

    #อัตราดอกเบี้ย

    #ประกันชีวิต

    #ร้องเรียนผ่านคปภ.

    #สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

    #คปภ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • h01.png
      h01.png
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      101
    • h02.png
      h02.png
      ขนาดไฟล์:
      54.9 KB
      เปิดดู:
      136
    • h03.png
      h03.png
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      163
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องดีๆ ที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง

    .



    .

    เรื่องของการบริจาค ที่ไม่ใช่การบริจาคเงิน แต่เป็นการบริจาคร่างกายของเรา ตอนที่เราไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว

    การบริจาคที่ว่านั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ

    1.การบริจาคดวงตา

    2.การบริจาคอวัยวะต่างๆในร่างกาย

    3.การบริจาคร่างกาย (เป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อใช้ร่างกายของผู้บริจาคสอนเรื่องการแพทย์กับนิสิตแพทย์)

    .

    โดยส่วนตัวผม ปัจจุบันนี้ไปทำเรื่องบริจาคทั้ง 3 แบบแล้ว โดย

    .

    แบบที่ 1 #บริจาคดวงตา ผมไปทำเรื่องบริจาคดวงตาที่ #สภากาชาดไทย เมื่อปี 2537

    .

    แบบที่ 2 #บริจาคอวัยวะ ผมไปทำเรื่องบริจาคอวัยวะทุกส่วนที่สามารถนำไปใช้ได้ ที่สภากาชาดไทย น่าจะมากกว่า 10 ปี

    .

    แบบที่ 3 #บริจาคร่างกาย (เป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อใช้ร่างกายของผู้บริจาคสอนเรื่องการแพทย์กับนิสิตแพทย์) ผมไปมาวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ #คณะกายวิภาคศาสตร์ #โรงพยาบาลศิริราช

    .

    อยากมาอธิบายให้ทุกท่านรับทราบกัน ว่า ในกรณีที่ท่านบริจาคทั้ง 3 แบบ ท่านต้องแจ้งให้กับ สามี หรือ ภรรยา หรือ ญาติที่ใกล้ชิดท่านว่า ท่านได้ดำเนินแจ้งความประสงค์ในการบริจาคแล้ว ขอให้ สามี หรือ ภรรยา หรือ ญาติที่ใกล้ชิดท่าน ช่วยดำเนินการให้ท่านหลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว และจะได้เป็นบุญกุศลกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    .

    มาต่อกัน

    สำหรับการบริจาคในแบบที่ 1 การบริจาคดวงตา สามารถบริจาคร่วมกับแบบที่ 2 หรือ แบบที่ 3 ได้เสมอ

    .

    ส่วนการบริจาคในแบบที่ 2 บริจาคอวัยวะ หรือ แบบที่ 3 บริจาคร่างกาย ต้องมีการเลือกว่า จะบริจาคในแบบไหน สำหรับท่านที่บริจาคไว้ทั้งแบบที่ 2 และแบบที่ 3

    ในความเห็นส่วนตัวผม หากอวัยวะของผู้บริจาค ยังสามารถที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้ แนะนำให้บริจาคอวัยวะ แต่หากผู้บริจาคมีอายุเยอะ อวัยวะต่างๆเริ่มไม่ค่อยดี ให้บริจาคร่างกาย จะดีกว่า

    ในเรื่องที่จะเลือกบริจาคในแบบที่ 2 บริจาคอวัยวะ หรือ แบบที่ 3 บริจาคร่างกาย ผู้ที่บริจาคต้องอธิบายให้กับ สามี หรือ ภรรยา หรือ ญาติที่ใกล้ชิดท่าน ได้ทราบถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ด้วย

    .

    เมื่อเราเสียชีวิตไปแล้ว จิต(วิญญาณ)ของเรา ไม่สามารถพาร่างกายไปได้ มีเพียง 2 เรื่องที่จิต(วิญญาณ)ของเราพาไปได้ก็คือ #บุญ และ #บาป เท่านั้น ครับ

    .

    ท่านใดต้องการแบบฟอร์มการบริจาคร่างกาย ผมสแกนมาเป็นไฟล์ PDF เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดต้องการแบบฟอร์ม แจ้งผมมา ผมจะส่งให้ทาง Email ครับ

    .

    เวลาที่จะพิมพ์แบบฟอร์มออกมา ให้พิมพ์ทั้งสองหน้าโดยให้อยู่ในแผ่นเดียวกัน ทำทั้งหมด 2 ชุดแล้วส่งไปที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ (รายละเอียดอยู่ด้านหน้า ที่เขียนว่า พินัยกรรมบริจาคร่างกาย) พร้อมทั้งสำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ และรูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 2 ใบ

    .

    เมื่อทางภาควิชากายวิภาคศาสตร์ฯ ได้รับเอกสารท่านแล้ว ก็จะส่งเอกสารขอบคุณและบัตรประจำตัวให้ท่านเก็บไว้ บัตรประจำตัว ทางภาควิชากายวิภาคศาสตร์บอกผมมาว่า ให้เก็บไว้ในกระเป๋าเงิน (แต่ผมว่า เก็บไว้ที่บ้าน น่าจะดีกว่า ผมกลัวทำหาย) ครับ

    .

    ส่วนการลงนามด้านหลัง (ตามไฟล์รูป)

    ในข้อที่ 1. ผู้ทำพินัยกรรม และ ข้อที่ 4. ผู้เขียน ลงนามโดยผู้บริจาค

    ในข้อที่ 2. ผู้แจ้งเมื่อถึงแก่กรรม ลงนามโดยสามี หรือ ภรรยา หรือ ญาติที่ใกล้ชิดท่าน

    ส่วนในข้อที่ 3. พยาน ลงนามโดยญาติที่ใกล้ชิดท่าน หรือเพื่อนของท่าน

    .

    ที่สำคัญมากๆอีกเรื่อง ผู้ที่บริจาคดวงตา , บริจาคอวัยวะ และบริจาคร่างกาย ต้องรักษาสุขภาพให้มากๆ เพื่อให้ตนเองไม่เจ็บป่วย และ ให้คนอื่นเมื่อเราเสียชีวิตไปแล้ว ครับ

    .

    เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน

    เมื่อเจ้ามา มือเปล่า จะเอาอะไร เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

    ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่ เว้นเสียแต่ ต้นทุน บุญกุศล

    ทิ้งสมบัติ ทั้งหลาย ให้ปวงชน ร่างของตน เขายังเอา ไปเผาไฟ

    อันความตาย ชายนารี หนีไม่พ้น จะมีจน ก็ต้องตาย วายเป็นผี

    ถึงแสนรัก ก็ต้องร้าง ห่างทันที ไม่วันนี้ ก็วันหน้า จริงหนาเราฯ

    คัดมาจากหนังสือคู่มือดับทุกข์.

    .

    เจ้ามามือเปล่า จะเอาอะไร



    โพสโดย บ่าวอีสานบ้านนา Channel
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อธนาคาร "ฟรีค่าธรรมเนียม" คนออมเงินแบบเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง?

    by อภินิหารเงินออม,Apr 5, 2018 4:35 PM

    บทความนี้เป็น Advertorial



    ฟรี ฟรี ฟรี!! ค่าธรรมเนียมธนาคาร
    "ฟรีค่าธรรมเนียม" เรารอมาเนิ่นนานเหลือเกิน สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริงๆสักที (เฉพาะการใช้บริการธนาคารออนไลน์) เชื่อว่าทันทีที่เห็นข่าวนี้ หลายคนมักจะแชร์ไปบอกพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนๆด้วยความดีใจว่า ต่อไปไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมธนาคารอีกต่อไป ในขณะที่อีกมองมุมหนึ่งที่รับรู้ได้จากปรากฎการณ์นี้ คือ ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ก็ต้องยอมถอย เพื่อก้าวต่อไปที่ไกลกว่าเดิม และเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า เราก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ



    “สังคมไร้เงินสด” คืออะไร?
    เชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกับสังคมไร้เงินสดกันมาสักระยะแล้ว เช่น การใช้บัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS , MRT การเติมเงินเล่นเกมส์ การโอนเงินหรือจ่ายบิลผ่านมือถือ การลงทุนหุ้นหรือกองทุนรวมแบบออนไลน์ การซื้อตั๋วเครื่องบินแบบออนไลน์ การจ่ายเงินผ่าน QR Code และอื่นๆที่กำลังจะตามมาอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ทำให้เราใช้จ่ายโดยไม่ต้องใช้เงินสด

    เรียกง่าย ๆ ว่า "โลกอนาคตเป็นยุคที่เราไม่ใช้จ่ายเงินในรูปแบบเหรียญหรือธนบัตรอีกต่อไป เพราะเงินของเราจะกลายเป็นเพียงตัวเลขที่อยู่ในระบบ"

    ถ้าต้องการดูยอดเงินคงเหลือหรือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็ทำธุรกรรมการเงินได้แบบออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์หรือแอพธนาคารบนมือถือ ทำให้ชีวิตของเราง่ายและสะดวกมากขึ้น เพราะทำได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องกังวลกับเวลาเปิดปิดของธนาคารอีกต่อไป



    สิ่งที่เราได้รับจากการฟรีค่าธรรมเนียมครั้งนี้
    • เราประหยัดเงินมากขึ้น
      • จากเดิมที่ต้องเสียเงินยิบย่อยทั้งการโอนข้ามเขต โอนต่างธนาคาร จ่ายบิลสินค้าและบริการ การเติมเงินนั้นต้องเสียค่าธรรมเนียมมากหรือน้อยแตกต่างกันไป แต่ตอนนี้ฟรีทุกอย่างแล้วจ้า ทำให้มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นมากขึ้น

    • เราจัดการเงินได้ง่ายขึ้น
      • เมื่อเราแยกบัญชีเงินออมและบัญชีรายจ่ายออกจากกัน โดยเหลือเงินไว้ใน “บัญชีฟรีค่าธรรมเนียม” นี้ตามจำนวนเงินที่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือน เรียกง่ายๆว่าให้เป็นบัญชีเงินผ่าน เพื่อใช้จ่ายส่วนตัวในเรื่องต่างๆ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เราดูแลเงินได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ใช้เกินเงินที่มีในบัญชี รู้ว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้างผ่านทางมือถือ เหมือนมีผู้ช่วยจดรายจ่ายให้เราแบบอัตโนมัติ


    ฟรีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?
    การแข่งขันในตลาดดุเดือดมากๆ จึงทำให้นโยบายของธนาคารต้องเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในขณะที่เราก็ต้องใช้ข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะใช้บริการธนาคารออนไลน์ที่ไหน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานธุรกรรมการเงินของเราให้ได้มากที่สุด อภินิหารเงินออมจึงขอรวบรวมข้อมูลที่อัพเดทที่สุดในขณะนี้ ณ วันที่ 1 เม.ย. 61 มาให้เห็นภาพรวมว่าธนาคารหลักๆแต่ละแห่งที่ประกาศว่า “ฟรีค่าธรรมเนียม” นั้นมีเงื่อนไขอะไรแตกต่างกันบ้าง? (เฉพาะช่องทาง Internet , Mobile Banking และ ATM)

    ตาราง ให้ดูจากไฟล์รูปที่แนบมา
    จากตารางสรุปนี้จะเห็นว่าแต่ละธนาคารมีรายละเอียดแตกต่างกัน ถ้าเราเข้าใจตรงจุดนี้แล้วก็จะฟรีค่าธรรมเนียมได้เต็ม 100%

    • ช่องทาง Internet และ Mobile Banking ส่วนใหญ่จะ “ฟรีไม่จำกัด” คล้ายๆกัน

    • ช่องทาง ATM นั้นมีจุดที่แตกต่างกัน เพราะสิ่งของทุกอย่างล้วนมีต้นทุน คำว่า “ฟรี” ก็เช่นกัน ต้นทุนที่ว่านี้ คือ ค่าธรรมเนียมบัตรรายปีที่แต่ละธนาคารเก็บค่าใช้บริการบัตร ATM ไม่เท่ากัน ถ้าเราเลือกที่จะฟรีค่าธรรมเนียมแล้ว ควรเลือกต้นทุนที่เป็นค่าธรรมเนียมรายปี ATM ที่ราคาไม่สูง เพื่อทำให้เราประหยัดรายจ่ายได้มากขึ้นนะคะ


    ข้อดี และข้อควรระวังของการใช้บริการเมื่อธนาคารออนไลน์ ฟรีค่าธรรมเนียม
    • ข้อดี
      • ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะฟรีค่าธรรมเนียม ทำให้เรามีเงินเหลือไปใช้อย่างอื่นได้มากขึ้น

      • เราจัดการเรื่องเงินทุกอย่างได้ในระบบออนไลน์ ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    • ข้อควรระวัง
      • แม้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยในของธนาคารจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ระมัดระวังตัวเอง อาจจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกได้ เช่น การถูกหลอกให้โอนเงิน การตอบอีเมลล์ที่ไม่รู้จักหรือโหลดโปรแกรมแปลกๆลงคอมพิวเตอร์ หรือมือถือ

      • ทางที่ดีเราควรติดตามข่าวสารตลอดเวลาว่ากลุ่มมิจฉาชีพอัพเลเวลไปถึงไหนแล้ว เราจะได้รู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อนะคะ
    หากทุกเดือนเราต้องทำธุรกรรมการเงินเหล่านี้ เช่น ถอนเงิน โอนเงิน จ่ายบิล เติมเงิน โดยทำผ่านทั้งช่องทางบริการ Internet , Mobile Banking และ ATM ควรแยกบัญชีเพื่อการออมและการใช้จ่ายออกจากกัน เพื่อป้องกันการสับสนเผลอดึงเงินออมออกมาใช้จ่าย



    ซึ่งการมีบัญชีเพื่อรายจ่ายโดยเฉพาะนั้น ควรเป็นบัญชีที่ "ฟรีค่าธรรมเนียม" เพราะทำให้เราประหยัดรายจ่าย ของเราได้ ยกตัวอย่าง เช่น “บัญชีฟรีเว่อร์ไลท์” ของธนาคารธนชาต ก็อาจจะตอบโจทย์ความต้องการตรงจุดนี้ได้ (เผื่อใครยังไม่รู้ จริงๆแล้วบัญชีฟรีเว่อร์ไลท์ของธนาคารธนชาตเขา ให้โอนเงินฟรีค่าธรรมเนียม มาตั้งนานแล้วนะจ๊ะ ไม่ได้ตามกระแสแต่อยางใด) โดยท่ามกลางกระแสความฟรีนี้ เรียกได้ว่าธนชาตจัดเต็มไม่น้อยหน้าใคร เพราะให้ลูกค้าออมทรัพย์ธนชาต โอนเงิน และ จ่ายบิล ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ ถือได้ว่าได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ



    “บัญชีฟรีเว่อร์ไลท์” ที่ตอบโจทย์ความคุ้มทุกการใช้จ่ายยังไง?
    บัญชีฟรีเว่อร์ไลท์ เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้จ่าย เพราะทำเองได้ง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ ในกรณีที่ใช้บริการผ่านทางเคาน์เตอร์ของสาขาธนาคารและช่องทางอื่นๆ จะเสียค่าธรรมเนียมตามปกติ แต่ถ้าเป็นช่องทาง Internet , Mobile Banking และ ATM จะฟรีค่าธรรมเนียมจ้า


    ใช้บริการผ่านช่องทาง Internet และ Mobile Banking ผ่าน Thanachart Connect โมบายแอพ และ Thanachart i-Net ฟรีค่าธรรมเนียม ดังนี้

    • การโอนเงินข้ามเขตในธนาคารเดียวกัน

    • การโอนเงินต่างธนาคาร

    • การจ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ

    • การเติมเงิน


    ใช้บริการผ่านช่องทาง ATM ฟรีค่าธรรมเนียม ดังนี้
    • ฟรี!! ไม่จำกัด ผ่านตู้ ATM ทุกธนาคาร
      • การสอบถามยอด กดเงินผ่านตู้ ATM (ในเขต)
    • ฟรี!! ไม่จำกัด ผ่านตู้ ATM ธนชาต
      • การโอนเงินต่างธนาคารผ่านตู้ ATM

      • การจ่ายบิลค่าสินค้าและบริการ

    ในขณะที่ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตมีค่าใช้จ่ายปีละ 250 บาท ถือว่ากลางๆและค่อนข้างประหยัดกว่าที่อื่นถ้าเทียบกับธนาคารอื่นๆ ที่ฟรีค่าธรรมเนียมเหมือนกัน แต่เก็บค่าธรรมเนียมบัตร ATM หรือบัตรเดบิตที่รายปีสูงกว่า

    “สังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้เราจัดการเงินได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เพราะประหยัดเงินที่ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมยิบย่อย”

    ที่มา
    https://aommoney.com/stories/pajare...เงินแบบเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง/1677#jfovm8t494
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระอภิธัมมัตถสังคหะ
    12 ตุลาคม 2015 ·
    พระบิณฑบาตให้พรควรหรือไม่

    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

    บทความต่อไปนี้ ผมได้สรุปคัดย่อมาจาก ๒ ส่วน ส่วนแรก ใช้คำว่า ภาคที่ ๑ เป็นหนังสือชื่อ วินัยพระน่ารู้คู่มือโยม จัดทำโดย คณะทำงานวัดเขาสนามชัย วัดนี้เป็นสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก มีการถามคำถามเกี่ยวกับพระวินัยบ่อยๆครั้ง มากจนกระทั่งจัดทำเป็นหนังสือคู่มือเล่มนี้ขึ้นมา จัดพิมพ์ กว่า ๑๐ ครั้ง เล่มหนาขนาดย่อม ผมได้มาฟรีเป็นธรรมทาน

    ส่วนภาคที่ ๒ คัดย่อมาจาก ปัญญาสาร ฉบับที่ ๑๐๖ อันนี้ก็ได้ฟรีเป็นธรรมทาน

    ก่อนขึ้นทั้ง ๒ ภาคขอนำ (สมันตะ ที่ ๑/๑๓) ดังมีใจความว่า

    วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ
    วินเย ฐิเต พุทฺธสาสนํ ฐิตํ โหติ
    พระวินัยเป็นอายุของพระพุทธศาสนา เมื่อพระวินัยยังดำรงอยู่ พระพุทธศาสนาก็ชื่อว่ายังดำรงอยู่

    ภาคที่ ๑

    พระบิณฑบาตให้พรควรหรือไม่

    สมัยปัจจุบันมีโยมจำนวนมากเข้าใจผิดคิดว่าทำบุญใส่บาตรถวายทานแล้ว หากไม่ได้รับพรก็จะไม่ได้บุญหรือได้บุญน้อย เมื่อรับพรแล้วจะได้บุญเต็มที่ แม้พระบางรูปก็มีความเข้าใจเช่นนั้น เมื่อฉันอาหารหรือรับอาหารบิณฑบาตของโยมแล้ว หากไม่ให้พรโยมจะไม่ได้บุญ ความคิดของโยมกับพระสมัยนี้บางท่านตรงกัน คือ

    โยมต้องการรับพรเพื่อจะได้บุญมากๆ พระต้องการให้พรเพื่อจะเอาบุญให้โยม

    เมื่อเป็นอย่างนี้ โยมทำบุญ ใส่บาตรถวายทานแล้ว จึงขวนขวายแต่ในการรับพรอย่างเดียว บางท้องถิ่นจะถือเรื่องนี้อย่างจริงจัง พระรับบาตรต้องให้พรด้วย ถ้าไม่ให้พร โยมก็จะแสดงกริยาอาการไม่พอใจ ถึงขนาดต่อว่าต่อขาน หรือบางครั้งถึงกับผูกโกรธ พลอยคิดอกุศลจะไม่ใส่บาตรพระรูปนี้อีกต่อไป

    โยมบางคนถึงขนาดพยายามจำชื่อของพระรูปนั้นพร้อมที่อยู่ เอาไปร้องเรียนหลวงพ่อที่ปกครองในเขตนั้นๆ เพื่อเรียกมาตักเตือน

    ปัจจุบันประเพณีให้พรขณะบิณฑบาตได้แพร่หลายไปยังภาคต่างๆของประเทศ เมื่อโยมชอบหรือต้องการอย่างใด พระท่านก็ทำอย่างนั้น เพื่อเอาใจโยมไม่อยากขัดใจ ทั้งไม่อยากขัดศรัทธา อาจเป็นเพราะกลัวเสื่อมลาภ กลัวโยมจะไม่ใส่บาตร

    ความจริงเรื่องบุญนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ตรงที่พระท่านให้พร หรือไม่ให้พรแต่อย่างใด บุญนั้นเกิดขึ้นอยู่ที่เจตนาในการให้ทาน

    เมื่อมีเจตนาในการให้เกิดขึ้น บุญก็เกิดขึ้นในขณะนั้น จะเห็นได้ว่าบางครั้งไม่ได้ถวายทาน ทั้งยังไม่ได้ใส่บาตร บุญก็เกิดขึ้นได้ เช่น โยมคิดว่าพรุ่งนี้เช้า จะไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด ขณะนั้นเจตนาในการบริจาคทานเกิดขึ้นแล้วบุญก็เกิดขึ้น เรียกว่า บุพพเจตนา , พอถึงตอนเช้าโยมก็ไปทำบุญเลี้ยงพระตามที่คิดไว้ ในขณะจัดอาหารถวายพระ บุญก็เกิดอยู่ตลอด เรียกว่ามุญเจตนา , หลังจากถวายทานเสร็จแล้ว โยมระลึกถึงทานที่ทำไปแล้วเมื่อใด บุญก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น เรียกว่า อปรเจตนา ระลึกถึงบ่อยๆ บุญก็เกิดบ่อยๆ ถึงโยมจะได้รับพรหรือไม่ก็ตาม นี้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า บุญสามารถเกิดได้ทั้งก่อนให้ทาน ขณะให้ทาน และ หลังให้ทาน ไม่เกี่ยวกับการให้พร หรือ รับพรแต่อย่างใด

    ใน องฺ ฉกฺก ๓/๖๒๘ ทานจะมีผลมาก มีอานิสงส์มากต้องมีเจตนาประกอบด้วยกาลทั้ง ๓ คือ ปุพพเจตนา มุญจเจตนา และ อปรเจตนา (อ่าน อัป ปอ ระ ระ เจตนา)

    สรุป เวลาทำบุญใส่บาตรถวายทานแล้ว อย่าวุ่นวายอยู่กับการรับพรให้มากนัก จิตใจจะขุ่นมัว เปิดโอกาสให้กิเลสเข้ามาแทรกได้ง่าย บุญจะเสียผล

    มูลเหตุของการอนุโมทนา

    สมัยก่อน การแสดงธรรมในรูปแบบพรรณาอานิสงส์ของการทำบุญให้ทาน เรียกว่า "อนุโมทนา" แต่ปัจจุบันใช้คำเปลี่ยนไปเป็น "ให้พร"

    สมัยพุทธกาล พระทั้งหลายฉันเสร็จแล้ว ไม่อนุโมทนาในโรงฉัน พวกโยมก็เพ่งโทษติเตียน บ่นว่า "ทำไม สมณะเชื้อสายศากยบุตร จึงไม่อนุโมทนาในโรงฉัน" พระทั้งหลายได้ยินพวกญาติโยมเหล่านั้นตำหนิติเตียนเช่นนี้ จึงกราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ ทรงอาศัย มูลเหตุนั้นแล้วตรัสรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อนุโมทนา ในโรงฉันได้" (วิ.จุลุ. ๗/๓๔๓)

    พระฉันภัตตาหารเสร็จจะอนุโมทนาทุกครั้ง การอนุโมทนา ก็คือ การพรรณนาอานิสงส์ของการทำบุญให้ทานนั้่นเอง เป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่ง หรือเรียกว่า "สัมโมทนียกถา คือ การแสดงอานิสงส์ชองการทำบุญให้ทาน เพื่อให้ญาติโยมเริงร่าสมาทานอาจหาญ ในการทำบุญให้ทานยิ่งๆขึ้น"

    พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระอนุโมทนา ในโรงฉันได้ แต่ไม่ได้อนุญาตให้อนุโมทนาตอนบิณฑบาต ดังนั้น

    พระบิณฑบาตไม่ควรให้พร เนื่องจาก ในเวลาบิณฑบาตพระต้องสำรวมตา ซึ่งเป็นวัตรอย่างหนึ่ง ต้องประพฤติในคราวเข้าไปในละแวกบ้าน คือมีตาทอดลงเบื้องต่ำมองดูชั่วแอก เวลาไปบิณฑบาตและกลับจากบิณฑบาตควรนำกรรมฐานไปด้วย หากมัวแต่จะให้พรโยม ความสำรวมก็จะเสียไป

    (ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เป็นประเด็นแรกนะครับว่า ขณะบิณฑบาต ไม่ควรให้พร แต่อ่านต่อไปเป็นการแก้หรือปรับจากการให้พร เป็น การแสดงธรรม เมื่อเข้าข้อที่ว่าเป็นการแสดงธรรม ก็สามารถทำได้ แต่มีข้อแม้ว่า นั่งหรือยืนฟังธรรมเป็นการเคารพธรรม ขอให้ท่านผู้อ่านจับประเด็นนะครับ

    สำหรับความเห็นเสริมของผมคือเคยฟังธรรมบรรยายว่า พระท่านมีศีล ท่านไปขอทาน ท่านเอาศีลติดตัวไปด้วย ดังนั้นคนให้ ให้แก่ผู้มีศีล ถือว่าอานิสงส์มีพลานุภาพมาก ได้บุญครับ ไม่จำเป็นต้องไปทวงขอพร หรือ เกิดกิเลส เป็นตัณหาโลภะ จ้องจะเอาพรจากพระ กลายเป็นการทำบุญที่มีกิเลสเป็นบริวาร เป็นการทำบุญที่ไม่ วิสุทธิ ชาติหน้าระวังเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ บ้าใบ้บอดแต่กำเนิดนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ขณะทำบุญ ก่อน หรือหลังทำบุญ สิ่งสำคัญคือ มีโยนิโส ที่ดีถูกต้อง คือโยนิโสว่าการทำบุญให้ผลเป็นความสุข คือสุขที่ปราศจากทุกข์ เป็นสันติสุข อันเป็นปัจจัยให้ได้พบ มรรค ผล )

    พระท่านยืนให้พร โยมนั่งรับพร ยิ่งไม่สมควรถือว่าไม่เคารพธรรม ดังนั้น พระยืนแสดงธรรมแก่คนที่นั่ง (ไม่ได้ป่วยเป็นไข้) ต้องอาบัติทุกกฎ ดังที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า

    "ภิกษุควรใส่ใจว่า เรายืนอยู่ จะไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่" (วิ.มหาวิ. ๒/๙๔๐)

    "ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ" (วิ.มหาวิ. ๒/๙๔๑)

    มีวิธีหนึ่งที่สามารถได้ คือเวลาพระไปบิณฑบาต ถ้าโยมต้องการให้ท่านอนุโมทนา ใส่บาตรเสร็จแล้วนิมนต์ท่าน เมื่อพระท่านอนุโมทนา โยมควรยืนถอดรองเท้าและหมวก ประนมมือรับฟัง

    หรือถ้าหาเก้าอี้ให้ท่านนั่ง โยมจะยืนหรือนั่งฟังท่านอนุโมทนา อย่างนี้ก็ใช้ได้ พระไม่ต้องอาบัติทุกกฏ และชื่อว่าเคารพพระธรรม ทั้งพระและโยม

    ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า "ภิกษุนั่ง จะแสดงธรรมแก่คนผู้ยืนอยู่ หรือ นั่งอยู่ก็ควร (ไม่อาบัติ) ภิกษุยืน จะแสดงธรรม แก่ผู้ยืนอยู่เหมือนกันก็ได้ (ไม่ต้องอาบัติ)" (วิ.มหาวิ.อฏ. ๒/๙๖๓)

    บางท้องถิ่น พระจะสอนโยมว่า เวลาใส่บาตรให้เอาเสื่อมาปูนั่งรวมกันหลายๆคน แล้วเอาเก้าอี้มาให้พระท่านนั่งแล้วจึงอนุโมทนา อย่างนี้ก็สมควรเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นโยมผู้หญิงคนเดียว พระภิกษุจะอนุโมทนา (แสดงธรรม) เป็นภาคภาษาบาลี คือเป็นคาถายาวเกิน ๖ คำไม่ได้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เว้นแต่มีผู้ชายที่รู้เดียงสามานั่งเป็นเพื่อน (วิ.มหาวิ. ๒/๑๙๐)

    หัวข้อนี้จะชี้ว่า "พระธรรมควรเคารพ แม้นพระพุทธองค์ก็เคารพในการแสดงธรรม"

    พระธรรมเป็นเครื่องชี้ทางบรรเทาทุกข์ ชี้ทางพระนฤพานที่พ้นโศกวิโยกภัยแก่สรรพสัตว์ พระสัทธรรมมีค่ามากกว่าวัตถุสิ่งของ และไม่สามารถประเมินเป็นราคาได้

    แม้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็เคารพพระธรรมมาก ถ้าพระองค์ทรงเห็นภิกษุรูปใดแสดงอาการไม่เคารพธรรม จะทรงตำหนิว่า"ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั้นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว"

    เรื่องการเคารพพระธรรม พระพุทธองค์ทรงประพฤติเป็นแบบอย่างมาแล้ว ถ้าพระภิกษุแสดงธรรมอยู่ในที่ไม่ไกล พระองค์จะเสด็จไปประทับยืนฟังธรรมอยู่ที่ใกล้ และจะไม่เข้าไปในระหว่างที่ภิกษุแสดงธรรมยังไม่จบ ต่อเมื่อแสดงธรรมจบแล้ว จึงเสด็จเข้าไป

    เรื่องนี้มีมา เมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน กรณีพระภิกษุชื่อพระนันทกะ แสดงธรรมเห็นแจ้งอันไพเราะ ท่านก็เสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลา แล้วยืนฟังธรรม ตั้งแต่เวลาเย็น ยืนฟังธรรมกถาอยู่ด้านนอกไม่แสดงพระองค์ จนปฐมยามล่วง จนมัชฌิมยามล่วง ยืนฟังตลอดทั้งคืนจนเช้า (องฺ. นวก.อฏ. ๔/๗๑๓-๗๑๙)

    (ก็คิดดูแล้วกันครับว่า พระสัทธรรมนั้นมีค่ามากเพียงใด)

    ประเพณีเป็นเหตุให้เข้าใจผิดได้

    บางสถานที่มีประเพณีไม่เหมือนกัน ก็เป็นเหตุให้เข้าใจผิดพลาดได้ เช่น ในกรณีของคนไทย ถ้าพระยืนอยู่โยมนั่งถือว่าแสดงความเคารพแล้ว ปัจจุบันมีพระธรรมกถึกหลายรูปไปแสดงธรรมตามที่ต่างๆยืนบรรยายธรรมบนแท่นยืน โยมก็นั่งเก้าอี้ฟัง ดูเหมือนจะถูกต้อง แต่ไม่ถูก ทำให้พระผู้บรรยายต้องอาบัติตามสิกขาบทที่ได้กล่าวมา

    ถ้ายึดตามพระธรรมวินัยแล้ว การยืนฟังธรรมถือว่าแสดงความเคารพ

    พระยืนแสดงธรรม โยมต้องยืนฟังธรรม
    พระนั่งแสดงธรรม โยมจะนั่งหรือยืนฟังธรรมก็ได้

    เหตุผลที่กล่าวมานี้ จึงพอสรุปได้ว่า พระภิกษุคือผู้นำศาสนา เป็นหัวหน้าของพุทธบริษัททั้ง ๔ เมื่อเห็นญาติโยมทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ต้องเอาธุระแนะนำหรือพร่ำสอน ชี้ผิดชี้ถูกตามเหตุผลของพุทธบัญญัติ เช่น บอกโยมว่า

    "โยมต้องการรับพร (ฟังธรรม) ให้ยืนขึ้น ถ้าโยมนั่ง พระยืน ถือว่าไม่เคารพธรรม"

    ส่วนโยมยืนประนมมือรับพรก็ถือว่าช่วยให้พระท่านพ้นอาบัติ และโยมก็ชื่อว่าเคารพธรรม

    ถ้าศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจดีทั้งพระและโยม ก็จะปฏิบัติได้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เป็นแบบอย่างที่ดีงามให้อนุชนรุ่นหลังได้ประพฤติตามสืบต่อไป

    ภาคที่ ๒

    พระให้พรเวลาบิณฑบาต

    บทความของ อ. สมพร ปัญญาธร เรื่อง พระให้พรเวลาบิณฑบาต ที่ตีพิมพ์ในหนังสือปัญญาสาร ฉบับที่ ๑๐๖ ท่านให้ความเห็นโดยสรุปว่า

    เมื่อท่านเป็นพระก็ต้องให้พรเวลาไปบิณฑบาตตอนเช้า ก็เพราะประเพณีท้องถิ่นเขาทำกันอย่างนั้น เมื่อโยมใส่บาตรเสร็จ พระก็ให้พร โยมก็นั่งยองๆรับพร

    แต่พอกลับมาถึงวัดที่จำพรรษาอยู่ประจำ ก็เลิกให้พร เพราะประเพณีที่นี่เขาไม่ต้องให้พร

    เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เกิดปัญหาว่า พระควรให้พรเวลาบิณฑบาตหรือไม่ควรให้พร

    อาจารย์อธิบายว่า ก่อนอื่นต้องพิจารณาจากลักษณะของคาถาที่พระให้พรว่า มีลักษณะอย่างไร พรที่พระส่วนใหญ่มักจะให้กัน ก็คือพระคาถา ๑ คาถาว่า

    อภิวาทนสีลิสฺส
    นิจฺจิ วุฑฺฒาปจายิโน
    จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ
    อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ

    แปลว่า

    ธรรม ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้กราบไหว้เป็นปกติ ผู้อ่อนน้อมต่อผู้เจริญเป็นนิตย์

    ดังตัวอย่างข้างต้น คาถานี้นับได้ว่าเป็นการกล่าวสัมโมทนียกถา

    สัมโมทนียกถา มีความหมายว่า คำพูดที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความปีติ โสมนัส ส่วนใหญ่จะเป็นคำพูดเกี่ยวกับอานิสงส์ของบุญกุศลที่ผู้ทำได้ทำให้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อได้รับทราบอานิสงส์ของการทำบุญอันจะพึงได้รับ หลังจากที่ได้ทำไปแล้ว ก็จะทำให้จิตใจของผู้ทำเกิดความปีติ โสมนัส ซึ่งจะเป็นผลให้กุศลนั้นๆมีกำลังยิ่งขึ้น

    การกล่าวสัมโมทนียกถาที่พระกระทำในเวลาบิณฑบาตนั้น ถือได้ว่าเป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่ง

    (พอได้คำตอบหรือไม่ครับ อาจารย์ยังให้ความเห็นทิ้งท้ายไว้ในบทความดังกล่าวว่า)

    อันที่จริง เวลาโยมใส่บาตรแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องขอพรจากพระ ถึงแม้พระจะไม่ให้พร โยมก็ได้รับอานิสงส์จากการใส่บาตรโดยแน่นอน และเพื่อเป็นการให้การใส่บาตรนั้นมีผลมาก มีอานิสงส์มากยิ่งๆขึ้นไป โยมก็เพียงหมั่นระลึกถึงการกระทำนั้นบ่อยๆ ระลึกถึงทีไรก็เกิดปีติ โสมนัสทุกครั้ง การระลึกถึงเช่นนี้จะทำให้บุญนั้นมีผลมาก มีอานิสงส์มากเสียยิ่งกว่าการรับพรจากพระ เสร็จแล้วก็ไม่เคยระลึกถึงอีกเลย

    หมายเหตุ

    ในเรื่องการให้พรนี้ ถ้าท่านผู้อ่านเป็นผู้ศึกษาพระอภิธรรม สามารถหาเหตุผลได้จากพระอภิธรรม ในเรื่อง

    ๑.) วิถีจิต พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉท ที่ ๔
    ๒.) กรรม พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉท ที่ ๕ และ
    ๓.) ปกตูปนิสสยปัจจัย มหาปัฏฐาน (ปริจเฉท ที่ ๘)

    ขอให้ การอ่าน การศึกษา ของทุกท่านตามกุศลเจตนา ได้เป็นพลวปัจจัย เพิ่มพูลกำลังสติ กำลังปัญญา ให้สามารถนำตนให้พ้นจากวัฏฏทุกข์ด้วยครับ

    ณัฏฐ สุนทรสีมะ


    พระอภิธัมมัตถสังคหะ
    12 ตุลาคม 2015 ·
    พระบิณฑบาตให้พรควรหรือไม่
    ที่มา
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    5_0.jpg 560584.jpg ขอเชิญทุกๆท่าน มาร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี
    เพื่อสร้าง #โรงครัว ที่ #วัดนครไทยวราราม ( #วัดหัวร้อง )
    .
    เริ่มร่วมทำบุญตั้งแต่บัดนี้
    สิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2561 (เวลา 24.00น.)
    .
    ท่านสามารถโอนเงินร่วมทำบุญได้ที่
    บัญชีเลขที่ 053700689358
    ชื่อบัญชี พระครูนครบุราณานุรักษ์ วัดนครไทยวราราม
    ธนาคารออมสิน
    .
    อานิสงส์ของการสร้างโรงครัวถวายวัด
    .
    ส่งผลให้เกิดภพชาติใดก็ไม่อดอยากหิวโหย มี ของกินของใช้ไม่ขาดแคลน อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติมีกินมีใช้ตลอดปีตลอดชาติ ไปที่แห่งใดก็ปลอดภัย อิ่มจิต อิ่มใจ อิ่มกายมีหน้าตาผ่องใส สอดคล้องกับสมัยพุธกาล " นางวิสาขา" ผู้มีผิวพรรณงดงามผ่องใส เป็นเศรษฐีนี มีทรัพย์สินเงินทอง พร้อมทั้งบริวาร อันเนื่องมาจากถวายทานภัตตาหาร และทำบุญสร้างโรงทานถวายพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์สาวกในยุคนั้น
    .
    เกิดอานิสงส์เป็นทางแก่ให้กับผู้ที่เกิดมาชาตินี้ ผู้ที่ไม่ค่อยพอมีพอใช้ อดมื้อกินมื้อ หาเช้ากินค่ำ ทำเท่าไหร่ก็ไม่เหลือเก็บ หรือแม้แต่พวกที่ไม่ค่อยมีเวลาใส่บาตรตอนเช้า การที่เราทำโรงครัวให้กับวัดก็เหมือนกับการที่เราได้ใส่บาตรทุกวัน " สะสมทานบารมี จะส่งผลให้มีกินมีใช้ "
    .
    อานิสงส์การให้ทาน 5 ประการ | ธรรมะจากพระไตรปิฎก เรื่อง "ทาน" HD

    .
    .
    .
    .
    .
    ในวันที่ 11 เมษายน 2561 ผมได้ร่วมทำบุญไป 500 บาท
    มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 560637.jpg
      560637.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63 KB
      เปิดดู:
      165
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนญาติธรรมทุกท่านค่ะ
    ขออนุญาตประกาศบุญอันมีผลานิสงส์ยิ่ง เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชาประจำปี 2561 นี้
    .
    ผ้าป่ามหาพุทธบูชา
    ร่วมปิดงานสร้างและฉลองสมโภชน์ หลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่
    วัดห้วยมงคล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    .
    สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ (การทำบุญ จะทำบุญในส่วนที่ยังคงค้างในการสร้างทุกๆส่วน และแล้วแต่ทางหลวงพี่นิล และ พี่แอ๊ว จะดำเนินการนำเงินที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ไปดำเนินการ) และรายละเอียดการร่วมทำบุญ รายละเอียดอยู่ด้านล่าง
    ทำบุญได้ที่
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 983-2-94326-4
    ชื่อบัญชี นายสิทธิพงศ์ สงวนศักดิ์
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2
    ระยะเวลาการร่วมทำบุญ
    เริ่มต้นร่วมทำบุญ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2561)
    สิ้นสุดการร่วมทำบุญ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2561 เวลา 12.00 น.
    หลังจากการสิ้นสุดระยะเวลาการร่วมทำบุญ หากยังมีการโอนเงินเข้ามา ผมถือว่า ให้เงินผมมาไปทำบุญแล้วแต่ว่า ผมจะไปทำบุญที่ไหนก็ได้ ครับ
    ตามที่พระครูปภัสสรวรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ร่วมกับคณะพุทธบริษัท ได้จัดสร้างหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่( 14.9×19.9 เมตร) ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน โดยเริ่มดำเนินการมานับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 นั้น

    ขณะนี้ การก่อสร้างทั้งโครงการเหลืองานอีกประมาณ 10% จะแล้วเสร็จ เพื่อให้ทันกำหนดการฉลองสมโภชน์ ในวันวิสาขบูชา ปี 2561 นี้

    ในการนี้ พระอาจารย์นิลได้รับเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ในการเป็นเจ้าภาพจัดเตรียมและอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    ขอเรียนเชิญญาติธรรมทั้งหลาย ร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญผ้าป่ามหาพุทธบูชา และร่วมในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ของหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่ ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    กองบุญมหาพุทธบูชาดังกล่าว ประกอบด้วย

    ดอกบัว ชุดมหามงคลที่จะอัญเชิญบรรจุในองค์พระ

    1. สมเด็จองค์ปฐมทองคำ (หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ น.น.องค์ละ 5.5 บาท จำนวน 2 องค์
    2.ผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 1 ผอบ
    3.ชุดผ้าไตรจีวรไหมสีทองพิเศษ
    4.เครื่องอัฐบริขาร 1 ชุด
    5.พระไตรปิฎกพร้อมตู้ไม้สักทอง 1 ชุด
    6.ชุดพานขอขมาพระ รัตนตรัย 1 พาน
    .
    ร่วมเป็นเจ้าภาพปิดงานก่อสร้างที่เหลืออยู่
    ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานฉลองสมโภชน์ในวันวิสาขะบูชา โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 999 รูป
    .
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ 2 องค์ /ผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 พระองค์ รับจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลริธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เพื่ออัญเชิญบรรจุที่พระเกศและพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    กำหนดการ
    งานน้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระสมเด็จองค์ปฐมทองคำและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และ ภายในองค์พระพุทธโสธรองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561

    06.00 น.

    เริ่มพิธีบวงสรวง
    โดยพระอาจารย์นิล

    ขอขมาพระรัตนตรัยและกล่าวคำถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ พร้อมสิ่งมงคลทั้งหลายทั้งปวง เพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วเดินเวียนประทักษิณรอบองค์พระ 3 รอบ

    พิธีบรรจุสิ่งมงคลภายในองค์พระใหญ่
    พระสงฆ์สวดชยันโต

    ถวายผ้าป่าแด่เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล

    เสร็จพิธี

    งานพิธีมหามงคลครั้งนี้ พระอาจารย์นิลได้ขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการน้อมถวายบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระทองคำ รวมทั้งสิ่งมงคลทั้งหลาย ในองค์พระใหญ่ ก่อนหน้างานฉลองสมโภชน์ ซึ่งทางวัดจะจัดขึ้น ในวันวิสาขบูชา คือวันที่ 29 พ.ค. 2561

    พิธีการเริ่มในเวลาเช้ามาก เนื่องจาก พระอาจารย์นิล ต้องเข้าไปในองค์พระ จนถึงส่วนพระเกศ เพื่อบรรจุสิ่งมงคลทั้งหลาย และในองค์พระถูกปิดทึบทั้งหมด เหลือแต่ช่องทางเข้าเล็กๆ ที่เจาะไว้พอลอดได้ และมีบันไดให้ขึ้นไปถึงข้างบน หากเริ่มสายมาก อากาศที่ร้อน จะทำให้ภายในองค์พระร้อนมาก เพราะเป็นทองเหลืองทั้งองค์

    ดังนั้นเพื่อถนอมธาตุขันธ์พระอาจารย์นิล จึงใช้เวลาที่แดดยังไม่ร้อนแรงมากค่ะ

    ขอขอบคุณพี่แอ๊ว ที่แจ้งงานบุญให้ทราบกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • v01.png
      v01.png
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      147
    • v02.png
      v02.png
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      161
    • v03 - 9832943264.png
      v03 - 9832943264.png
      ขนาดไฟล์:
      335.5 KB
      เปิดดู:
      164
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2018
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาลงให้อ่านกันอีกรอบ

    .

    เรื่องของวิธีการทำบุญ ว่า ทำบุญได้กี่วิธี

    .

    ส่วนเรื่องที่นอกเหนือจากวิธีการทำบุญที่ผมลง นั่นหมายความว่า ไม่ใช่วิธีการทำบุญ

    .

    และเรื่องบอกกันมาว่า แชร์แล้วจะโชคดี แชร์แล้วจะร่ำรวย แชร์แล้วจะถูกหวย หรือ แชร์แล้วจะดีอย่างโน้น อย่างนี้ เรื่องนี้ไม่เคยมีในโลกนี้ และไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    .

    หรือ บูชาเครื่องรางของขลังต่างๆ ตามที่โฆษณาแล้วจะร่ำรวย เรื่องนี้ก็ไม่เคยมีในโลกนี้ และไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

    .

    ระวังจะ #ตกเป็นเหยื่อ #ทางการตลาด

    ระวังจะไปร่วมกระทำกรรมและส่งเสริมที่คนอื่นในการทำกรรมเรื่อง #มุสาวาท

    .

    ในหลายๆเรื่องที่เราต้องการในปัจจุบัน หากเราไม่ทำไว้ในกาลก่อน (การทำบุญ) ต่อให้เราบูชาเครื่องรางของขลังอย่างไร และ/หรือ ไปไหว้พระพุทธรูปทุกวัดทั่วโลก และ/หรือ ไปไหว้เทวรูปทั่วโลก (เป็นต้น) เราก็จะไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ

    .

    เรื่องของการทำบุญ

    ให้ทำบุญไว้ ทำไว้ก่อนที่เราจะเสียชีวิต (ผมแนะนำว่า ทำบุญครั้งละน้อยๆ แต่ให้ทำทุกวัน ทำตามกำลังของตนเอง)


    ดีกว่าที่จะไปขอส่วนบุญกับบุคคลอื่นๆ(ไม่ว่าบุคคลนั้นๆ จะเป็นญาติหรือไม่ก็ตาม)

    .

    ปกติผมเองทำบุญเกือบทุกวัน เมื่อทำบุญแล้วก็กรวดน้ำทันที

    วิธีการทำบุญของผม (หากท่านใดจะนำไปทำตาม ผมยินดีครับ)

    ผมมีกล่องอยู่ 3 กล่อง ที่ไว้นำเงินหยอดลงในกล่อง เพื่อไว้ทำบุญตามเจตนาของผม

    กล่องที่ 1 ทำบุญทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับพระสงฆ์

    กล่องที่ 2 ทำบุญกับ มูลนิธิในพระราชูปถัมภ์ ของรัชกาลที่ 9 หรือ รัชกาลที่ 10 หรือ สมเด็จพระเทพฯ

    กล่องที่ 3 ทำบุญเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์(ที่เดือนร้อน)

    .

    เงินที่ทำบุญมาทั้งสามกล่อง ผมได้เปิดบัญชีไว้ 3 บัญชี เพื่อนำเงินที่ผมทำบุญ นำไปเข้าบัญชีไว้ครับ

    .

    เมื่อไหร่ที่มีงานบุญ เราสามารถโอนเงินจากบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆได้ตลอดเวลาครับ

    .

    เมื่อท่านมีงานทำบุญ ได้โอนเงินไปร่วมทำบุญ ท่านสามารถกรวดน้ำได้อีก กรวดน้ำทุกๆครั้งที่ได้ทำบุญ ครับ

    .

    ที่มา https://www.facebook.com/noom.sithiphong
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนญาติธรรมทุกท่านค่ะ
    ขออนุญาตประกาศบุญอันมีผลานิสงส์ยิ่ง เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชาประจำปี 2561 นี้
    .
    ผ้าป่ามหาพุทธบูชา
    ร่วมปิดงานสร้างและฉลองสมโภชน์ หลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่
    วัดห้วยมงคล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    .
    สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ (การทำบุญ จะทำบุญในส่วนที่ยังคงค้างในการสร้างทุกๆส่วน และแล้วแต่ทางหลวงพี่นิล และ พี่แอ๊ว จะดำเนินการนำเงินที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ไปดำเนินการ) และรายละเอียดการร่วมทำบุญ รายละเอียดอยู่ด้านล่าง

    ทำบุญได้ที่

    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 983-2-94326-4
    ชื่อบัญชี นายสิทธิพงศ์ สงวนศักดิ์
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2

    ระยะเวลาการร่วมทำบุญ
    เริ่มต้นร่วมทำบุญ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2561)
    สิ้นสุดการร่วมทำบุญ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2561 เวลา 12.00 น.

    หลังจากการสิ้นสุดระยะเวลาการร่วมทำบุญ หากยังมีการโอนเงินเข้ามา ผมถือว่า ให้เงินผมมาไปทำบุญแล้วแต่ว่า ผมจะไปทำบุญที่ไหนก็ได้ ครับ

    ตามที่พระครูปภัสสรวรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ร่วมกับคณะพุทธบริษัท ได้จัดสร้างหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่( 14.9×19.9 เมตร) ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน โดยเริ่มดำเนินการมานับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 นั้น

    ขณะนี้ การก่อสร้างทั้งโครงการเหลืองานอีกประมาณ 10% จะแล้วเสร็จ เพื่อให้ทันกำหนดการฉลองสมโภชน์ ในวันวิสาขบูชา ปี 2561 นี้

    ในการนี้ พระอาจารย์นิลได้รับเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ในการเป็นเจ้าภาพจัดเตรียมและอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    ขอเรียนเชิญญาติธรรมทั้งหลาย ร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญผ้าป่ามหาพุทธบูชา และร่วมในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ของหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่ ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    กองบุญมหาพุทธบูชาดังกล่าว ประกอบด้วย

    ดอกบัว ชุดมหามงคลที่จะอัญเชิญบรรจุในองค์พระ

    1. สมเด็จองค์ปฐมทองคำ (หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ น.น.องค์ละ 5.5 บาท จำนวน 2 องค์
    2.ผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 1 ผอบ
    3.ชุดผ้าไตรจีวรไหมสีทองพิเศษ
    4.เครื่องอัฐบริขาร 1 ชุด
    5.พระไตรปิฎกพร้อมตู้ไม้สักทอง 1 ชุด
    6.ชุดพานขอขมาพระ รัตนตรัย 1 พาน
    .
    ร่วมเป็นเจ้าภาพปิดงานก่อสร้างที่เหลืออยู่
    ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานฉลองสมโภชน์ในวันวิสาขะบูชา โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 999 รูป
    .
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ 2 องค์ /ผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 พระองค์ รับจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลริธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เพื่ออัญเชิญบรรจุที่พระเกศและพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    กำหนดการ
    งานน้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระสมเด็จองค์ปฐมทองคำและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และ ภายในองค์พระพุทธโสธรองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561

    06.00 น.

    เริ่มพิธีบวงสรวง
    โดยพระอาจารย์นิล

    ขอขมาพระรัตนตรัยและกล่าวคำถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ พร้อมสิ่งมงคลทั้งหลายทั้งปวง เพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วเดินเวียนประทักษิณรอบองค์พระ 3 รอบ

    พิธีบรรจุสิ่งมงคลภายในองค์พระใหญ่
    พระสงฆ์สวดชยันโต

    ถวายผ้าป่าแด่เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล

    เสร็จพิธี

    งานพิธีมหามงคลครั้งนี้ พระอาจารย์นิลได้ขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการน้อมถวายบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระทองคำ รวมทั้งสิ่งมงคลทั้งหลาย ในองค์พระใหญ่ ก่อนหน้างานฉลองสมโภชน์ ซึ่งทางวัดจะจัดขึ้น ในวันวิสาขบูชา คือวันที่ 29 พ.ค. 2561

    พิธีการเริ่มในเวลาเช้ามาก เนื่องจาก พระอาจารย์นิล ต้องเข้าไปในองค์พระ จนถึงส่วนพระเกศ เพื่อบรรจุสิ่งมงคลทั้งหลาย และในองค์พระถูกปิดทึบทั้งหมด เหลือแต่ช่องทางเข้าเล็กๆ ที่เจาะไว้พอลอดได้ และมีบันไดให้ขึ้นไปถึงข้างบน หากเริ่มสายมาก อากาศที่ร้อน จะทำให้ภายในองค์พระร้อนมาก เพราะเป็นทองเหลืองทั้งองค์

    ดังนั้นเพื่อถนอมธาตุขันธ์พระอาจารย์นิล จึงใช้เวลาที่แดดยังไม่ร้อนแรงมากค่ะ

    ขอขอบคุณพี่แอ๊ว ที่แจ้งงานบุญให้ทราบกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • v01.png
      v01.png
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      208
    • v02.png
      v02.png
      ขนาดไฟล์:
      1.3 MB
      เปิดดู:
      220
    • v03 - 9832943264.png
      v03 - 9832943264.png
      ขนาดไฟล์:
      335.5 KB
      เปิดดู:
      139
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผ้าป่ามหาพุทธบูชา
    ร่วมปิดงานสร้างและฉลองสมโภชน์ หลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่
    วัดห้วยมงคล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    .
    .
    ผมได้ดำเนินการโอนเงินที่ทุกท่านได้ร่วมทำบุญมาจำนวน 2,150.-บาท
    โอนเงินเข้าบัญชีพระอาจารย์นิลเมื่อสักพักนี้แล้ว
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
    .
    .
    ผมเองไม่ได้ไปงานบุญนี้ เนื่องจากติดภาระกิจส่วนตัว รู้สึกเสียดายมากครับ
    .
    .
    กองบุญมหาพุทธบูชาดังกล่าว ประกอบด้วย

    ดอกบัว ชุดมหามงคลที่จะอัญเชิญบรรจุในองค์พระ

    1. สมเด็จองค์ปฐมทองคำ (หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ น.น.องค์ละ 5.5 บาท จำนวน 2 องค์
    2.ผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 1 ผอบ
    3.ชุดผ้าไตรจีวรไหมสีทองพิเศษ
    4.เครื่องอัฐบริขาร 1 ชุด
    5.พระไตรปิฎกพร้อมตู้ไม้สักทอง 1 ชุด
    6.ชุดพานขอขมาพระ รัตนตรัย 1 พาน
    .
    ร่วมเป็นเจ้าภาพปิดงานก่อสร้างที่เหลืออยู่
    ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานฉลองสมโภชน์ในวันวิสาขะบูชา โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 999 รูป
    .
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ 2 องค์ /ผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 พระองค์ รับจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลริธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เพื่ออัญเชิญบรรจุที่พระเกศและพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    กำหนดการ
    งานน้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระสมเด็จองค์ปฐมทองคำและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และ ภายในองค์พระพุทธโสธรองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561

    06.00 น.

    เริ่มพิธีบวงสรวง
    โดยพระอาจารย์นิล

    ขอขมาพระรัตนตรัยและกล่าวคำถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ พร้อมสิ่งมงคลทั้งหลายทั้งปวง เพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วเดินเวียนประทักษิณรอบองค์พระ 3 รอบ

    พิธีบรรจุสิ่งมงคลภายในองค์พระใหญ่
    พระสงฆ์สวดชยันโต

    ถวายผ้าป่าแด่เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล

    เสร็จพิธี

    งานพิธีมหามงคลครั้งนี้ พระอาจารย์นิลได้ขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการน้อมถวายบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระทองคำ รวมทั้งสิ่งมงคลทั้งหลาย ในองค์พระใหญ่ ก่อนหน้างานฉลองสมโภชน์ ซึ่งทางวัดจะจัดขึ้น ในวันวิสาขบูชา คือวันที่ 29 พ.ค. 2561

    พิธีการเริ่มในเวลาเช้ามาก เนื่องจาก พระอาจารย์นิล ต้องเข้าไปในองค์พระ จนถึงส่วนพระเกศ เพื่อบรรจุสิ่งมงคลทั้งหลาย และในองค์พระถูกปิดทึบทั้งหมด เหลือแต่ช่องทางเข้าเล็กๆ ที่เจาะไว้พอลอดได้ และมีบันไดให้ขึ้นไปถึงข้างบน หากเริ่มสายมาก อากาศที่ร้อน จะทำให้ภายในองค์พระร้อนมาก เพราะเป็นทองเหลืองทั้งองค์

    ดังนั้นเพื่อถนอมธาตุขันธ์พระอาจารย์นิล จึงใช้เวลาที่แดดยังไม่ร้อนแรงมากค่ะ

    ขอขอบคุณพี่แอ๊ว ที่แจ้งงานบุญให้ทราบกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    งานพิธี ผ้าป่ามหาพุทธบูชา
    ร่วมปิดงานสร้างและฉลองสมโภชน์ หลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่
    วัดห้วยมงคล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    .
    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561
    .
    ขอขอบคุณรูปและคลิปวีดีโอ จากน้องสาวของพี่แอ๊วครับ
    .
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มีส่วนในงานบุญนี้ทุกท่านครับ
    .

    .
    --------------------------------------

    เรียนญาติธรรมทุกท่านค่ะ
    ขออนุญาตประกาศบุญอันมีผลานิสงส์ยิ่ง เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาในวันวิสาขบูชาประจำปี 2561 นี้
    .
    ผ้าป่ามหาพุทธบูชา
    ร่วมปิดงานสร้างและฉลองสมโภชน์ หลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่
    วัดห้วยมงคล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    .
    สำหรับท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญ (การทำบุญ จะทำบุญในส่วนที่ยังคงค้างในการสร้างทุกๆส่วน และแล้วแต่ทางหลวงพี่นิล และ พี่แอ๊ว จะดำเนินการนำเงินที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ไปดำเนินการ) และรายละเอียดการร่วมทำบุญ รายละเอียดอยู่ด้านล่าง
    ทำบุญได้ที่
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 983-2-94326-4
    ชื่อบัญชี นายสิทธิพงศ์ สงวนศักดิ์
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2
    ระยะเวลาการร่วมทำบุญ
    เริ่มต้นร่วมทำบุญ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2561)
    สิ้นสุดการร่วมทำบุญ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2561 เวลา 12.00 น.
    หลังจากการสิ้นสุดระยะเวลาการร่วมทำบุญ หากยังมีการโอนเงินเข้ามา ผมถือว่า ให้เงินผมมาไปทำบุญแล้วแต่ว่า ผมจะไปทำบุญที่ไหนก็ได้ ครับ
    ตามที่พระครูปภัสสรวรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ร่วมกับคณะพุทธบริษัท ได้จัดสร้างหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่( 14.9×19.9 เมตร) ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน โดยเริ่มดำเนินการมานับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 นั้น

    ขณะนี้ การก่อสร้างทั้งโครงการเหลืองานอีกประมาณ 10% จะแล้วเสร็จ เพื่อให้ทันกำหนดการฉลองสมโภชน์ ในวันวิสาขบูชา ปี 2561 นี้

    ในการนี้ พระอาจารย์นิลได้รับเมตตาจากท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล ในการเป็นเจ้าภาพจัดเตรียมและอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    ขอเรียนเชิญญาติธรรมทั้งหลาย ร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญผ้าป่ามหาพุทธบูชา และร่วมในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และพระอุระ ของหลวงพ่อพระพุทธโสธรองค์ใหญ่ ในวันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561 ณ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    กองบุญมหาพุทธบูชาดังกล่าว ประกอบด้วย

    ดอกบัว ชุดมหามงคลที่จะอัญเชิญบรรจุในองค์พระ

    1. สมเด็จองค์ปฐมทองคำ (หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ น.น.องค์ละ 5.5 บาท จำนวน 2 องค์
    2.ผอบทองคำ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 1 ผอบ
    3.ชุดผ้าไตรจีวรไหมสีทองพิเศษ
    4.เครื่องอัฐบริขาร 1 ชุด
    5.พระไตรปิฎกพร้อมตู้ไม้สักทอง 1 ชุด
    6.ชุดพานขอขมาพระ รัตนตรัย 1 พาน
    .
    ร่วมเป็นเจ้าภาพปิดงานก่อสร้างที่เหลืออยู่
    ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดงานฉลองสมโภชน์ในวันวิสาขะบูชา โดยมีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 999 รูป
    .
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ 2 องค์ /ผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 9 พระองค์ รับจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลริธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เพื่ออัญเชิญบรรจุที่พระเกศและพระอุระ ขององค์พระใหญ่

    กำหนดการ
    งานน้อมถวายพระบรมสารีริกธาตุ พระสมเด็จองค์ปฐมทองคำและสิ่งมงคลอื่นๆ บรรจุไว้ ณ พระเกศ และ ภายในองค์พระพุทธโสธรองค์ใหญ่ วัดห้วยมงคล หัวหิน

    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2561

    06.00 น.

    เริ่มพิธีบวงสรวง
    โดยพระอาจารย์นิล

    ขอขมาพระรัตนตรัยและกล่าวคำถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    สมเด็จองค์ปฐมทองคำ พร้อมสิ่งมงคลทั้งหลายทั้งปวง เพื่อเป็นพุทธบูชา แล้วเดินเวียนประทักษิณรอบองค์พระ 3 รอบ

    พิธีบรรจุสิ่งมงคลภายในองค์พระใหญ่
    พระสงฆ์สวดชยันโต

    ถวายผ้าป่าแด่เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล

    เสร็จพิธี

    งานพิธีมหามงคลครั้งนี้ พระอาจารย์นิลได้ขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสวัดห้วยมงคล จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการน้อมถวายบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระทองคำ รวมทั้งสิ่งมงคลทั้งหลาย ในองค์พระใหญ่ ก่อนหน้างานฉลองสมโภชน์ ซึ่งทางวัดจะจัดขึ้น ในวันวิสาขบูชา คือวันที่ 29 พ.ค. 2561

    พิธีการเริ่มในเวลาเช้ามาก เนื่องจาก พระอาจารย์นิล ต้องเข้าไปในองค์พระ จนถึงส่วนพระเกศ เพื่อบรรจุสิ่งมงคลทั้งหลาย และในองค์พระถูกปิดทึบทั้งหมด เหลือแต่ช่องทางเข้าเล็กๆ ที่เจาะไว้พอลอดได้ และมีบันไดให้ขึ้นไปถึงข้างบน หากเริ่มสายมาก อากาศที่ร้อน จะทำให้ภายในองค์พระร้อนมาก เพราะเป็นทองเหลืองทั้งองค์

    ดังนั้นเพื่อถนอมธาตุขันธ์พระอาจารย์นิล จึงใช้เวลาที่แดดยังไม่ร้อนแรงมากค่ะ

    ขอขอบคุณพี่แอ๊ว ที่แจ้งงานบุญให้ทราบกันครับ
    .

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องไปชิม

    .
    ต้องไม่พลาด
    .
    ก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ
    .
    ร้านก๋วยเตี๋ยวเหนือน้ำ แยกสันติสุข ปทุมธานี
    .
    ---------------------------------------------------------------

    ร้านก๋วยเตี๋ยวเหนือน้ำ แยกสันติสุข ปทุมธานี
    เมนูก๋วยเตี๋ยวที่หลากหลาย อร่อย ต้องบอกต่อ

    1f4cc.png : https://goo.gl/maps/oGv8iqGWh5H2
    https://www.google.com/maps/place/ร้านเตี๋ยวเหนือน้ำ+ของดีเมืองปทุม/@14.0308879,100.5234402,17z/data=!3m1!4b1!4m5!3m4!1s0x0:0xe0b12fa058765cab!8m2!3d14.0308879!4d100.5256289?hl=th

    23f0.png ⏰ : เปิด 08:29 - 15:59 ทุกวัน ยกเว้น (วันอังคาร)
    มาไม่ถูกโทรมาถาม 260e.png ☎️ : 0982949294
    1f697.png : มีที่จอด
    https://www.facebook.com/Teows.nhuernham/
    FB : https://www.facebook.com/Teows.nhuernham/
    LINE : @teows.nhuernham (มี@ด้วยนะคับ)
    หรือคลิ๊ก >>>line.me/ti/p/%40qrn0771j
    ....................
    1f6f5.png : มีบริการจัดส่ง เริ่มต้นที่ 3 กิโลเมตรเเรก 20บาท กิโลเมตรต่อไปคิดเพิ่มกิโลเมตรละ 9 บาท #ของดีเมืองปทุม 1f947.png

    ที่มา ที่นี่ปทุมธานี
    https://www.facebook.com/ที่นี่ปทุมธานี-1858183251111776/?hc_ref=ARQQgcAxYawbpFTERZ8P88AzZ7l3CFzPRKIejFJR-qdsaQlvTO5RUzI6Ce9cfz5-vq8&fref=nf
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2018
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาเชิญชวนทุกๆท่าน ที่สามารถไปบริจาคเลือดได้

    .

    ไปบริจาคเลือดกัน ครับ

    .-------------------------------------------------.

    อานิสงส์บริจาคโลหิตเป็นทาน

    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม


    ผู้ถาม :- “ทีนี้การ บริจาคโลหิตเป็นทาน นั้น อยากจะเรียนถามว่าเป็นทานขั้นไหนครับ…?”


    หลวงพ่อ :- “เขาเรียกว่า ทานภายใน นะ จะถือว่าเป็นปรมัตถทานก็ยังไม่ได้ เขาเรียกทานภายใน คือให้ของภายในกายนี่เป็น ทานภายใน ให้ของนอกกายเขาเรียก ทานภายนอก นะ ยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถ้าเป็นปรมัตถทานต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ”


    ผู้ถาม :- “เป็นยังไงครับหลวงพ่อ…?”


    หลวงพ่อ :- “เชือดเนื้อเอาไปเลี้ยงเขาเลย”


    ผู้ถาม :- “ถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ…?”


    หลวงพ่อ :- “ใช่ นั่นเป็น ปรมัตถทาน เราถือว่าเป็นปกติทานก็แล้วกัน แต่เป็นทานภายในเพราะอานิสงส์สูงมาก อาจจะสูงกว่าทานภายนอกสักหน่อยหนึ่งนะ”


    ผู้ถาม :- “แล้ว การบริจาคโลหิต กับ การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เป็นทาน อันไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ…?”


    หลวงพ่อ :- “อุทิศเลือดให้ขณะยังไม่ตายมีอานิสงส์สูงกว่าเมื่อตายแล้ว ตายแล้วเหมือนของเขาทิ้งแล้ว ร่างกายใช้อะไรไม่ได้ มีประโยชน์เพียงแค่วัตถุทาน จะให้มีอานิสงส์สูงเท่ากับให้เลือดตอนมีชีวิตอยู่นั้นไม่ได้แน่ ใช่ไหม…


    ดูอย่างพระพุทธเจ้าเมื่อสมัยเป็นพระเวสสันดร ตอนนั้นที่คนเขามาขอช้างหรือของต่าง ๆ พระองค์ก็คิดว่าทำไมไม่ขอดวงตา ถ้าขอท่านก็จะให้ ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้ายหรือแขนขวาก็จะให้ นี่ท่านตั้งใจให้ตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนตายแล้ว ฉะนั้นถ้าให้ได้ก็เป็นปรมัตถบารมี


    ผู้ถาม :- “ทีนี้ถ้าจะบริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์เขาศึกษาต่อเมื่อเราตายแล้ว แต่อธิฐานไว้ว่า “ตายเมื่อไรขอพ้นจากวัฏฏสงสาร” อย่างนี้จะมีโอกาสไม่ให้มาเกิดอีกใช่หรือเปล่าครับ…?”


    หลวงพ่อ :- “ถ้าเวลาจะตายนะ จิตตัดกิเลสแน่นอน ไม่อยากมาเกิดอีก หรือเมื่อนั้นเมื่อเวลาจะตาย จิตตัดความรักในระหว่างเพศ ตัดความโกรธ ก็ไม่มาเกิดอีก มันไม่แน่นะ เดาส่งไม่ได้ มันเฉพาะจิตใช่ไหม…จะเดาไม่ได้ แต่บังเอิญก่อนที่จะตาย เวลานี้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้นะ และก็ตัดสินใจไว้เสมอทุกเช้าว่า “ร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น” อันนี้จิตทรงตัวแน่นอน อย่างนี้ไปได้ทันที”


    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๗๖-๗๗

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)

    ที่มา https://luangporblog.wordpress.com/2014/08/02/อานิสงส์บริจาคโลหิตเป็/

    ------------------------------

    ทานที่ยิ่งใหญ่!! "การบริจาคโลหิต" อานิสงส์ของการที่ได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถือเป็นทานขั้นสูง ได้ผลบุญมากนักแล!!!

    การบริจาคโลหิตนั้นถือเป็นการทำทานให้แก่เพื่อนมนุษย์ เป็นการแบ่งปันที่ได้ผลกุศลที่ยิ่งใหญ่ อานิสงส์ของการบริจาคโลหิตนั้นมากมายแค่ไหนมาดูกัน


    การบริจาคโลหิตหรือการให้เลือดนั้น ถือเป็นการทำทานในขั้นอุปบารมี ที่ทำได้ยากกว่าการสร้างทานบารมีแบบปกติทั่วไป เพราะการให้เลือดเนื้อของตัวเองเป็นทาน ถือเป็นทานขั้นสูงที่มีผลมาก ซึ่งผู้บริจาคจะได้รับอานิสงส์ ดังต่อไปนี้


    ประการแรก ด้วยอานิสงส์ที่ได้เสียสละเลือดสละเนื้อ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำได้ยาก ให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จะทำให้ผู้บริจาคโลหิตมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ทั้ง 32 ประการ ร่างกายจะสมส่วนเหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม ไม่มีส่วนใดขาดส่วนใดเกิน และจะไม่เจ็บป่วยไข้ด้วยโรคภัยใดๆ



    ประการที่สอง ด้วยอานิสงส์ที่ได้เสียสละเลือดสละเนื้อ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำได้ยาก ให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จะทำให้ผู้บริจาคโลหิตเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย และไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใด ก็จะมีแต่คนรัก มีแต่คนเมตตา และเป็นที่ต้อนรับในทุกที่ทุกสถาน จะเหยียบย่างไป ณ ที่แห่งหนตำบลใด ก็จะแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง


    ประการที่สาม ด้วยอานิสงส์ที่ได้เสียสละเลือดสละเนื้อ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำได้ยาก ให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จะทำให้ผู้บริจาคโลหิตมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมมากกว่ามนุษย์ทั่วไป อีกทั้งจะทำให้เป็นผู้ที่มีร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์มากกว่าคนทั่วไป



    ประการที่สี่ ด้วยอานิสงส์ที่ได้เสียสละเลือดสละเนื้อ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ทำได้ยาก ให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน จะทำให้ผู้บริจาคโลหิตมีดวงตาเห็นธรรม และทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่ายอีกด้วย


    ถ้าเราอ่านเรื่องโบราณๆ จะพบว่าบางคนมีแรงมาก ขนาดชักคะเย่อกับช้างได้ หรือแม้ที่สุดกับคนหนุ่มฉกรรจ์ประเภททหารเกณฑ์ขนาด 1 ต่อ 100 ก็ยังชักคะเย่อชนะ ให้ปล้ำต่อสู้กับเสือ ยังหักคอเสือได้ พวกที่แข็งแรงอย่างนี้เป็นเพราะกำลังบุญจากอดีตที่เคยบริจาคโลหิตเป็นทานนั่นเอง


    หมายเหตุ สำหรับอานิสงส์ทั้งสี่ประการที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ถือเป็นการกล่าวอานิสงส์เพียงคร่าวๆเท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้ว ยังมีรายละเอียดมากกว่านี้อีกมากมาย แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด คงต้องยกเอาอานิสงส์หลักๆมาให้ทราบกันแต่เพียงเท่านี้





    ที่มาจาก : เพจ พระศรีอาริยเมตไตรย


    เรียบเรียงโดย

    เสาวลักษณ์ แสงสุวรรณ

    ที่มา http://www.tnews.co.th/contents/319186

    .----------------------------------------------.

    การบริจาคเลือด ได้บุญและมีผลดีอย่างไร



    .

    อานิสงส์การบริจาคโลหิต จากตอบปัญหา หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี



    .

    สร้างกุศล ส่งบุญ ด้วยการบริจาคโลหิต - โตโยต้า บัสส์



    .

    หนึ่งคนให้ หลายคนรับ (บริจาคเลือด)



    .

    5 กรรม บริจาคโลหิต



    .
    ประโยชน์ของการบริจาคโลหิต - Animation

    https://www.youtube.com/watch?v=HsbVy0t5ONI

    .

    ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังบริจาคโลหิต งานธนาคารเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

    https://www.youtube.com/watch?v=btS1dn33IqY

    .

    บริจาคโลหิตทุก 3 เดือน

    https://www.youtube.com/watch?v=1sEnkYCKG3s

    .

    อยากบริจาคเลือด ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

    https://www.youtube.com/watch?v=JurPFO0wFE8

    .

    Social Scan ต้องงดอาหาร...ก่อนบริจาคโลหิต ชัวร์หรือมั่ว ? - Springnews

    https://www.youtube.com/watch?v=h6blxDXB80k

    .

    กาชาดแจงสิทธิประโยชน์ผู้บริจาคโลหิต

    https://www.youtube.com/watch?v=rYia8VDegA4

    .

    ผู้รอดชีวิตจากการรับบริจาคเลือด

    https://www.youtube.com/watch?v=waoUcFrh4UA

    .

    กบนอกกะลา REPLAY : เลือดหนึ่งคนให้หลายคนรับ ช่วงที่ 1/4 (25 ก.พ. 48)

    https://www.youtube.com/watch?v=j7WpP9ipBCU

    กบนอกกะลา REPLAY : เลือดหนึ่งคนให้หลายคนรับ ช่วงที่ 2/4 (25 ก.พ. 48)

    https://www.youtube.com/watch?v=9eCXv1d2W7o

    กบนอกกะลา REPLAY : เลือดหนึ่งคนให้หลายคนรับ ช่วงที่ 3/4 (25 ก.พ. 48)

    https://www.youtube.com/watch?v=OZL4oiDdruY

    กบนอกกะลา REPLAY : เลือดหนึ่งคนให้หลายคนรับ ช่วงที่ 4/4 (25 ก.พ. 48)

    https://www.youtube.com/watch?v=23QdQD7Oy9Q
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ท่านนึง ครับ
    .
    ตามที่ผมเคยคุยกับพี่ไว้ ในเรื่องของการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส ของที่ทำงานพี่ ผมบอกพี่ให้ขอความเป็นธรรมต่อองค์พยามัจจุราชเจ้า ในเรื่องที่ผู้มีอำนาจในการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพี่ ทั้งๆที่พี่เองก็ทำงานหนัก เป็นแขน เป็นขา เป็นมือ ในการทำงาน แม้กระทั่งงานส่วนตัวในบางเรื่องก็ยังทำให้
    .
    เราเองนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งมีความเชื่อว่า บุญ และ บาป มีจริง ,นรก และ สวรรค์มีจริง , องค์เทพเทวา หรือแม้แต่วิญญาณ(ผี) มีจริง ตามหลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ใครทำอะไร ต้องได้เช่นนั้น ต่อให้ใหญ่แค่ไหน ต่อให้รวยล้นฟ้าเพียงใด ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
    .
    ใครที่ไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร ชีวิตใคร ชีวิตมัน ใครทำกรรมอะไร บางครั้งอาจจะทราบเหตุผลว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนเอง ตนเองไปทำกรรมอะไรไว้ แต่ก็ไม่แน่ บางครั้ง บางคน อาจจะไม่มีโอกาสทราบในเรื่องดังกล่าวเลยก็เป็นได้ เพราะ เป็นแต่สัตว์นรกไปตลอดกาล
    .
    ที่สำคัญ หลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม มีความละเอียดมากที่สุด เหนือกฎหมาย , เหนือกฎระเบียบของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของราชการ , หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือ บริษัทต่างๆ ถึงแม้ว่า จะทำถูกต้องตาม กฎระเบียบของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของราชการ , หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือ บริษัทต่างๆ ถึงแม้ว่า จะทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมีคำสั่งของศาล หรือ ไม่มีก็ตาม แต่ถ้าทำผิดต่อ หลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ก็ต้องไปชดใช้กรรมที่ได้กระทำไว้ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ที่พระองค์ท่านตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่ยังต้องมาชดใช้กรรมที่พระองค์ได้กระทำไว้อีก
    .
    องค์พยามัจจุราชเจ้า ที่ผมให้พี่ไป ผมบอกพี่อีกรอบ เหมือนกับเรามีโทรศัพท์มือถือ โทร.หาองค์พยามัจจุราชเจ้าได้ตลอดเวลา เพียงแต่จิตเรายังไม่สามารถที่จะรับรู้ในการที่องค์ท่านจะสื่อสารมาให้เราทราบได้
    .
    สมัยก่อนหน้านี้ หลายๆปีที่ผ่านมา ผมเองก็โดนมาตลอด แทบไม่เคยได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส ผมเองไม่ใช่คนที่ทำแบบ ดีครับนาย ได้ครับผม เหมาะสมครับท่าน ผมทำไม่เป็น จึงทำให้ผมทำงานหนักขนาดไหน ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้พิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส หรือการเลื่อนตำแหน่งก็ตาม แต่เมื่อประมาณ 4 ปีกว่าๆที่ผ่านมา ผมได้รูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราช(ที่ผมไปเช่ามาจากท่าพระจันทร์ แล้วนำไปขอให้อาจารย์ผม อาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้าอธิษฐานจิตให้) ผมจึงอัญเชิญรูปหล่อลอยองค์พยามัจจุราชเจ้า ไปตั้งบูชาไว้ที่ทำงาน และ ผมได้ขอความเป็นธรรมในการทำงาน และ การพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส ของตัวผมเอง
    .
    ผมย้ำครับว่า ในตอนนี้ อยู่ในยุคของพระพุทธศาสนา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ที่พระองค์ท่านมีพระเมตตาสั่งสอนธรรมะแก่คนทั้งหลาย ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ที่นับถือศาสนาพุทธ ต้องเป็นไปตามหลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม เท่านั้น และ ผู้ที่กระทำผิดหลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเท่านั้น ของจริงต้องพิสูจน์ได้
    .
    ผมให้ขอความเป็นธรรมต่อองค์พยามัจจุราชเจ้า ตามที่ผมได้เคยขอความเป็นธรรมไว้ ดังนี้
    .
    .
    .
    ให้จุดธูป 16 ดอก หน้าพระพุทธรูปที่บ้าน และหน้ารูปหล่อลอยองค์ องค์พยามัจจุราชเจ้า (ที่ผมเคยให้พี่)
    .
    .
    .
    ข้าพเจ้าชื่อ ........................... นามสกุล........................... เลขที่บัตรประชาชน ................. อายุปัจจุบัน ....... ปี อยู่บ้านเลขที่ .....(ให้ใส่ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน)......... ปัจจุบัน ข้าพเจ้าทำงานในตำแหน่ง ............(ตำแหน่งงานและชื่อสถานที่ทำงาน).............. ขออาราธนาพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ มาเป็นประธาน ขออาราธนาพระบารมีองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ , พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ , พระมหาโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ มาเป็นรองประธานและสักขีพยาน ขออาราธนาองค์พยามัจจุราชเจ้าองค์ปัจจุบัน และองค์พยามัจจุราชเจ้าในอนาคตทุกๆองค์ , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่านองค์ปัจจุบัน และนายนิริยบาลทุกๆองค์ในอนาคต และท่านยมทูตทุกๆท่าน และพระแม่ธรณีองค์ปัจจุบันและพระแม่ธรณีในอนาคตทุกๆองค์ และพระแม่คงคาองค์ปัจจุบันและพระแม่คงคาในอนาคตทุกๆองค์ และองค์เทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ทุกๆองค์ ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก มาเป็นสักขีพยานในเรื่องที่ข้าพเจ้าขอความเป็นธรรมและขอให้องค์พยามัจจุราชเจ้า พิจารณาให้ความเป็นธรรมและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช ...........(พุทธศักราชที่ตั้งใจและมีเจตนาให้เริ่มต้น)................... ที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ที่ ..........(ชื่อสถานที่ทำงาน)........... ที่ใช้อำนาจในการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส ที่ไม่ถูกต้องกับหลักกฎแห่งกรรมและหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ให้กับข้าพเจ้าด้วยเทอญ ด้วยเจตนาต้องการให้เป็นไปตามหลักกฎแห่งกรรมและธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และข้าพเจ้าขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการพิจารณาการขึ้นเงินเดือน และ การจ่ายโบนัส นี้ตลอดไป สาธุ สาธุ สาธุ

    แล้วให้ กราบ 5 ครั้ง (ตามหลักการกราบของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)
    .

    .
    .

    #ขอความเป็นธรรมในเรื่องการทำงานต่อองค์พยามัจจุราชเจ้า

    #องค์พยามัจจุราชเจ้า

    #ขอความเป็นธรรมในการทำงาน

    #การพิจารณาการขึ้นเงินเดือน

    #การจ่ายโบนัส

    #ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    #พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

    ยาวไปครับ

    เรื่องนี้ ไปถึงคนบนสุดที่อนุมัติเรื่องการขึ้นเงินเดือน และการจ่ายโบนัส

    แต่จะหนัก หรือเบา อย่างไร

    ขึ้นอยู่ที่การกระทำ

    .

    .
    อีกอย่าง
    โดยส่วนตัวผม ผมเป็นคนที่ชอบถีบคนไปนรกมากๆ
    เพราะคนแต่ละคน ที่มีตำแหน่ง มักมีอัตตา ตัวกู ของกู ตำแหน่งกู กูใหญ่
    .
    มักจะไม่มีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม
    เพราะถ้าเชื่อในกฎแห่งกรรม จริงๆ ต้องไม่กระทำชั่ว
    ถึงแม้จะอ้างเรื่องการทำงาน
    .
    ข้ออ้างต่างๆ เป็นความเห็นส่วนบุคคลแต่ พระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
    .
    ดังนั้น ผมจึงต้องขอ #องค์พยามัจจุราชเจ้า ที่ #ท่านผู้ที่มีหน้าที่ #ตัดสิน #ความดี และ #ความชั่ว ของคนหรือ มนุษย์ ให้ตัดสินให้
    .
    ดังนั้น ผมจึงใช้อัตตาของคนที่มีตำแหน่ง
    ทำให้พวกนี้ ไป นรก
    .
    กรรมดี และ กรรมชั่ว

    ไม่มีใคร ทำแทนกันได้

    แต่ถ้ามีใคร ช่วยเหลือเรื่องของกรรมชั่ว คนที่ช่วยเหลือ ก็ต้องรับแทนไปในจำนวนที่ได้ช่วยเหลือไป

    ไม่มีของฟรีในโลกทิพย์

    ต่อให้ไปไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก
    .
    ต่อให้ไปไหว้รูปหล่อลอยองค์พระภิกษุทั่วโลก
    .
    ต่อให้ไปไหว้เทวรูปทั่วโลก
    .
    ต่อให้นำพระพุทธรูปทั่วโลก , รูปหล่อลอยองค์พระภิกษุทั่วโลก และเทวรูปทั่วโลกมาไว้ที่บ้านและที่ทำงาน
    .
    ไม่สามารถหนีกรรมได้พ้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • s001.jpg
      s001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      230.2 KB
      เปิดดู:
      236
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันวิสาขบูชา

    ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖

    ความหมาย คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗

    ความสำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ

    ๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี

    ๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

    ๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมืองกุสีนคระ แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย)

    นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่านผู้เป็นดวงประทีปของโลก

    ประวัติความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย

    วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจากลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงดำเนินรอยตาม แม้ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่

    สมัยสุโขทัยนั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะพระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้นำการประกอบพิธีวิสาขบูชามาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย

    ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า

    " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็เสด็จพระราช ดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนองพระโอษฐ์ต ลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระ อารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน

    ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุ ยืนยาวต่อไป "

    ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เญ็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน

    ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

    การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งทางราชการเรียกว่างาน " ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและโคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามศรัทธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุสงฆ์รวม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธมณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รูป ตั้งโรงทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เป็นเวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับสัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย

    ห ลั ก ธ ร ร ม สำ คั ญ ที่ ค ว ร นำ ม า ป ฏิ บั ติ

    ๑. ค ว า ม ก ตั ญ ญู คือความรู้อุปการคุณที่มีผู้ทำไว่ก่อน เป็นคุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้น

    • บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูจนเติบโต ให้การศึกษาอบรมสั่งสอน ให้เว้นจากความชั่ว มั่นคงในการทำความดี เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ และมอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก

    • ลูกเมื่อรู้อุปการะคุณที่บิดามารดาทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการประพฤติตัวดี สร้างชื่อเสียงให้ แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่าน และช่วยทำงานของ ท่าน และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน

    • ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่ศิษย์ ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบังยกย่องให้ปรากฎแก่คนอื่น และช่วยคุ้มครองให้ศิษย์ทั้งหลาย

    • ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ทำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจเรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู

    • ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่งผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้เพราะ บิดามารดาจะรู้จักหน้าที่ของตนเอง ด้วยการทำอุปการคุณให้ก่อน และลูกก็จะรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วยการทำดีตอบแทน

    • นอกจากบิดากับลูก และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อนี้ก็สามารถนำไปใช้ได้แม้ระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง อันจะส่งผลให้สังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

    • ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการรีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์

    • พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชาและปฎิบัติบูชากล่าวคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการทำนุ บำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประพฤติปฎิบัติธรรม เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนาสืบไป

    ๒. อ ริ ย สั จ ๔

    อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงความจริงของชีวิตที่ไม่ผันแปร เกิดมีได้แก่ทุกคน มี ๔ ประการ คือ

    • ทุกข์ ได้แก่ปัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็เพื่อให้ทราบว่ามนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกัน ทั้งทุกข์ขั้นพื้นฐาน และทุกข์เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ทุกข์ขั้นพื้นฐานคือทุกข์ที่เกิดจาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวัน คือทุกข์ที่เกิด จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบกันสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากไม่ได้ตั้งใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ อาทิความ ยากจน

    • สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์ทั้งหมดซึ่งเป็นปัญหา ของชีวิตล้วนมีเหตุให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัญหา อันได้แก่ความอยากได้ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความยึดมั่น

    • นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิต ทั้งหมดที่สามารถแก้ไข ได้นั้นต้องแก้ไขตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมาปฎิปทา )

    • มรรค การปฏิบัติเพื่อจำกัดทุกข์ เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ต้องการ

    ๓. ค ว า ม ไ ม่ ป ร ะ ม า ท

    ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอทั้ง ขณะทำขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพื่อนำ มาใช้ในชีวิตประจำวัน หมายถึง การระลึกรู้ทันการเคลื่อนไหว ของอริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติทำได้โดยตั้งสติกำหนดการเคลื่อนไหวของอริยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้งในขณะ ยืน เดิน นั่ง และนอน รวมทั้ง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูดคิด และขณะทำงานต่างๆ เมื่อทำได้อย่างนี้ก็ชื่อว่า มีความไม่ประมาท

    การทำงานต่างๆ สำเร็จได้ก็ด้วยความไม่ประมาท กล่าวคือผู้ทำย่อมต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และกำลังทำอย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ผิดพลาด

    วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของสหประชาชาติคือ

    "วันสำคัญของโลก" ( Vesak Day )

    ภูมิหลัง

    ๑. ในการประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซึ่งมีผู้แทนจากประเทศที่นับถือศาสนาพุทธจำนวนมากเข้าร่วม อาทิ บังคลาเทศ จีน ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภูฐาน อินโดนีเซีย เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และไทย ได้ตกลงกันที่จะเสนอให้สมัชชาสหประชาชาติรับรองข้อมติประกาศวัน วิสาขบูชาให้เป็นวันหยุดของสหประชาชาติ

    ๒. ในการเยือนของประเทศต่างๆ ในอินโดจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา ในปี ๒๕๔๒ ก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือ และได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ได้ด้วยดี

    ๓. คณะทูตถาวรศรีลังกาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้จัดเตรียมร่างข้อมติ และได้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อให้มีการรับรองข้อมติเรื่องการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของสหประชาชาติในที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔

    ๔. โดยที่สหประชาชาติประกาศวันหยุดเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และจะเป็นปัญหาในเรื่องงบประมาณและการบริหารแก่ สหประชาชาติ หากประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุด ศรีลังกาจึงได้ตัดสินใจที่จะเสนอร่างข้อมติ ขอให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลที่สหประชาชาติ ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และสำนักงานต่าง ๆ แทนการเสนอให้เป็นวันหยุดซึ่ง ออท. ผู้แทนถาวรประเทศต่าง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา บังคลาเทศ ภูฐาน กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดีย ไทย และยูเครน ได้ร่วมลงนามในหนังสือถึงประธานสมัชชาฯ เพื่อให้นำเรื่องวันวิสาขบูชาเข้าเป็นระเบียบวาระการประชุมของสมัชชาฯ

    ๕. ต่อมาเมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมัชชาฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรีลังกาได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนหนังสือร้องขอให้ที่ประชุมบรรจุระเบียบวาระดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาเต็มคณะ ออท.ผู้แทนถาวรไทย อินเดีย สเปน บังคลาเทศ ปากีสถาน ไซปรัส ลาว และภูฐาน ได้กล่าวถ้อย แถลงสนับสนุน ซึ่งที่ประชุม General Committee ได้มีมติให้บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของสมัชชาเต็มคณะ

    ปัจจุบัน

    ๑. เมื่อ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔ ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของศรีลังกา

    ๒. ในการพิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดียขึ้นกล่าวถ้อยแถลง สรุปความว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ทรงตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรม ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของ สหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวันดังกล่าวเป็นที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความเหมาะสม

    ๓. ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างข้อมติโดยฉันทามติ

    เหตุผลที่ องค์การสหประชาชาติหนดให้ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของโลก

    เนื่องจากคณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นพ้องต้องกันประกาศให้วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลกทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวล มนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลสำคัญ อีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้ โดย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณสอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน

    เรียบเรียงจาก ความรู้เกี่ยวกับวันสำคัญไทย (เสฐียรโกเศศ และ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ,๒๕๔๑ : ๓๙ - ๕๙)

    ที่มา http://www.dhammathai.org/day/visaka.php

    -------------------------------------------------------

    เพลงวันวิสาขบูชา



    มือพิณฮ้างๆ

    เผยแพร่เมื่อ 18 พ.ย. 2014

    -------------------------------------------------------

    เพลง วันวิสาขบูชา



    จิรญา จำเริญ

    เผยแพร่เมื่อ 20 ก.พ. 2014

    -------------------------------------------------------

    เพลงธรรมะ - วันวิสาขบูชา (ลูกทุ่ง)



    Neeranuch Aonsroiy

    เผยแพร่เมื่อ 7 มิ.ย. 2016

    -------------------------------------------------------
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...