พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    บ๊ะ..ลุงอ.กูรูน้องนู๋จะเชิญแร่ข้าวตอกพระร่วงก็ไม่บอก จะมอบให้ซักหน่อย แบบ size พิเศษครับ..หุ..หุ..
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขอบคุณครับ มีเท่านั้นมาศึกษาพอครับ เห็นวางจำหน่ายที่ร้านขายแร่ที่ ญี่ปุ่น แพงเชียวครับ ผมว่าถ้าพบโมดาไวท์เจ๋งๆหาเก็บต่อครับ หายากมากเลยตอนนี้ห้ามส่งออกจากเช็ก ครับ หุ หุ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โชว์ไปเถอะลุง อ.เพชร ของแบบนี้ มือผีไงก็แยกออกครับอีกอย่างพรุ่งนี้ก็ลบแล้ว นี่ยังมีทะเลทรายขาวที่ บรรจุ อยู่บน หมวกแลั คฑาของกษัตริย์ตูตันการมันเลยนะครับ หุ หุ
     
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..หุ..ข้ามไปฝากฝั่งอียิปต์แล้วครับ ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาของชนชาติอียิปต์น่าจะเป็นการบ่งบอกอะไรบางอย่าง...
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลุง อ.เพชร กับ ตาลุงข้างบ้านผม นี่ชอบ มีแต่ของหายากๆ นาคร๊าบ หุ หุ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. Nui28

    Nui28 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +7
    สุดยอดไปเลยครับ อ.เพชร เป็นผู้รอบรู้หลายแขนงจริงๆครับ ;aa47yimm
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า

    ตอน พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า

    จะได้เริ่มฉลาดขึ้น ไม่โง่กัน

    เมื่อวานนี้ ผมคุยโทรศัพท์ มีเสียงมาว่า กลัวว่า จะโง่กันทั้งประเทศ ที่ดูพระวังหน้ากันไม่เป็น ผมนำมาลงเป็นตัวอย่างครับ


    [​IMG]

    [​IMG]


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0242.JPG
      IMG_0242.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      122
    • IMG_0243.JPG
      IMG_0243.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      128
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้วันพระแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๓ ...

    [​IMG]



    มูลเหตุการรจนาพระคัมภีร์มูลกัจจายน์
    และประวัติการศึกษาพระคัมภีร์มูลกัจจายน์ ในสุวรรณภูมิ


    ครั้งพุทธกาล พระมหัลลกะ ภิกษุรูปหนึ่ง รับอุทยัพพยะกรรมฐาน (ความเกิดดับของรูปนาม) มาจากสมเด็จพระบรมศาสดาแล้ว นั่งเจริญพระกรรมฐานในที่สงบแห่งหนึ่งใกล้ฝั่งแม่น้ำ ขณะที่ท่านพิจารณาความเกิดดับของรูปนาม โดยภาวนาว่า “อุทยัพพยะ อุทยัพพยะ เกิดขึ้น ดับไป เกิดขึ้น ดับไป" อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแว่ว ของนกกระยางตัวหนึ่งซึ่งเดินจับปลากินอยู่ในน้ำ

    จึงลืมตาดูนกกระยางในน้ำอย่างใส่ใจ ทำให้จิตของท่านละลึกถึงแต่นกกระยางในน้ำ เป็นเหตุให้ภาวนาพระกรรมฐานผิดว่า “อุทกัพพกะ อุทกัพพกะ ซึ่งแปลว่านกกระยางในน้ำ นกกระยางในน้ำ” จนไม่สามารถบรรลุธรรมวิเศษอะไรได้ เพราะเห็นนิมิตรูปนกกระยาง ไม่เห็นความเกิดดับของรูปนาม

    พระบรมศาสดาทรงปรารภเรื่องนี้ให้เป็นปฐมเหตุ จึงตรัสว่า “อัตโถ ภิกขเว อักขรสัญญาโต"
    ภิกษุทั้งหลาย เนื้อความรู้ได้ด้วยอักษร เมื่อกล่าวอักษรผิด (หรือภาวนาอักษรผิด) ก็ทำให้เข้าใจเนื้อความทั้ง โลกียัตถะ โลกุตตรัตถะ โวหารัตถะ ผิดไปจากเดิม


    พระมหากัจจายนเถรเจ้า ผู้เป็นเอตทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายทางขยายเนื้อความย่อให้พิสดาร ได้สดับพระพุทธดำรัสเพียงสังเขปดังนี้ ท่านก็หยั่งทราบเนื้อความโดยพิสดาร และมีญาณรู้ไปในอนาคตกาลถึงเหตุการณ์นี้

    ท่านจึงรจนาพระคัมภีร์บาลีมูลกัจจายนนี้ ขึ้นมาเป็นพระคัมภีร์บาลีไวยากรณ์พระคัมภีร์แรกในพระพุทธศาสนา กาลต่อมาเป็นที่นิยมศึกษากันมาตั้งแต่บัดนั้น มาจนถึงปัจจุบันนี้ และเป็นพระคัมภีร์ที่มีอุปการะ คุณต่อการรู้แจ้ง และ ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ทั้งทางปริยัติ และ ปฏิบัติ อันเป็นเหตุให้ภาวนาถูกต้อง เกิดนิมิตถูกต้อง เกิดสภาวธรรมถูกต้อง

    หมู่พระสงฆ์ แต่ปางก่อน จึงศึกษาทั้งปริยัติ-ปฏิบัติ มาพร้อมกัน โดยค่อยๆพอกพูนความรู้ เจริญขึ้นมาเป็นคู่กันตามลำดับ พระคัมภีร์มูลกัจจายน์และพระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ จึงมีอุปการคุณต่อกันและกัน กับปฏิบัติสัทธรรม การรู้แจ้งแทงตลอด และทรงไว้ซึ่งพระปริยัติสัทธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา



    [​IMG]


    พระคัมภีร์มูลกัจจายน์มีมาติกา ๖๗๓ สูตร

    ๑.สนธิกัณฑ์ ๕๑ สูตร
    ๒.นามกัณฑ์ ๒๑๙ สูตร
    ๓.การกกัณฑ์ ๔๕ สูตร
    ๔.สมาสกัณฑ์ ๒๘ สูตร
    ๕.ตัทธิตกัณฑ์ ๖๒ สูตร
    ๖.อาขยาตกัณฑ์ ๑๑๘ สูตร
    ๗.กิพพิธานกัณฑ์ ๑๐๐ สูตร
    ๘. อุณาทิกัณฑ์ ๕๐ สูตร

    ถึงสมัยทวารวดี พระภิกษุสงฆ์ ก็ได้ศึกษา พระคำภีร์มูลกัจจายน์ จนมาถึงสมัยสุโขทัย และต้นสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่การศึกษาในครั้งนั้น ศึกษาหาความรู้กันอย่างเดียวไม่มีการสอบ

    ถึงสมัยพระเจ้าทรงธรรม เริ่มมีการสอบทานบาลีปากเปล่า โดยแบ่งออกเป็นกองใต้ กองเหนือ กองกลาง พระภิกษุสงฆ์องค์ใด สอบทานปากเปล่าพระบาลีถึงสามกองได้ ก็จะได้เป็นเปรียญ

    ถึงสมัยต้นรัตนโกสินทร  รัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ ยังใช้การสอบบาลีปากเปล่า ผ่านได้ สามกองเป็นเปรียญ
    ถึงปลายรัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓ สอบทานผ่าน กองใต้ ได้เป็นเปรียญ เปรียญตรี สอบผ่านกองเหนือ ได้ ได้เป็นเปรียญโท สอบผ่านกองกลางได้ ได้เป็นเปรียญเอก


    ถึงปลายรัชกาลที่ ๓ สอบผ่านกองใต้ ได้เป็นเปรียญ ๓ ประโยค
    ถึงรัชกาลที่ ๔ -รัชกาลที่ ๕ ยังใช้การสอบทานบาลีปากเปล่าอยู่ สอบผ่านกองใต้ ได้เป็นเปรียญ ๓ ประโยค สอบผ่านกองเหนือได้ ได้เป็นเปรียญ ๖ ประโยค สอบผ่านกองกลางได้ ได้เป็นเปรียญ ๙ ประโยค

    ถึงรัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่๗ รัชกาลที่ ๘ รัชกาลที่ ๙ การสอบทานบาลี ใช้สอบข้อเขียน ปีละประโยค จนถึงปัจจุบันนี้


    [​IMG]


    การศึกษาบาลีของหลวงปู่สุก

    กล่าวถึง พระอาจารย์สุก พระองค์ท่านเข้าสอบทานพระบาลี แปลปากเปล่า ครั้งนั้นพระองค์ท่านสามารถผ่านคณะพระกรรมการกองใต้ได้ ผ่านเข้าไปสอบถึงกองเหนือ พระองค์ท่านสามารถผ่านพระคณะกรรมการกองเหนือ เข้าไปสอบทานถึงกองกลางได้

    คณะกรรมการกองกลางให้พระองค์ ทรงแต่งฉันท์ ปากเปล่าถวาย โดยคณะกรรมการ ทรงเลือกให้พระองค์ท่านทรงแต่งฉันท์หนึ่ง พระองค์ท่านทรงแต่งได้ แต่ขาดความไพเราะ เพราะพริ้ง ความสละสลวย ในสำนวนโวหารของ ภาษาบาลี

    ต่อมาเมื่อทรงเข้าสอบทาน พระบาลี ทั้งสามกองเสร็จเรียบร้อย ปรากฎว่าคณะกรรมการกองกลางได้ตัดสินว่า พระองค์ท่านยังไม่ผ่านกองนี้ ต้องเข้าสอบทานใหม่ปีหน้า

    เหตุที่พระองค์ท่านไม่ผ่านกองนี้เพราะ เรื่องการแต่งฉันทลักษณ์ และความไพเราะสละสลวย ของสำนวนโวหาร ยังไม่เข้าตากรรมการ

    ต่อมาพระองค์ท่าน ได้ศึกษาการแปลพระบาลี กับพระอาจารย์ เพิ่มเติมต่ออีก ณ สำนักวัดราชาวาส พระองค์ท่านได้นำเอาพระคัมภีร์บาลีไตรปิฏก คัมภีร์พระสมันตปาสาทิกา ที่ทรงเคยสอบทานผ่านกองใต้มาแล้ว มาทำความเข้าใจอีกครั้ง

    ต่อมาพระอาจารย์ของพระองค์ท่าน ก็นำพระคัมภีร์ที่พระองค์ท่านสอบทานในกองเหนือไม่ผ่าน มาให้พระองค์ท่านหัดแปลให้ชำนิชำนาญขึ้นอีก เช่น คัมภีร์ธรรมบท คัมภีร์มงคลทีปนี เป็นต้น แล้วต่อจากนั้นก็ให้พระองค์ท่านนำพระคัมภีร์ที่จะต้องสอบทานในกองกลาง มาหัดแปลให้แคล่วคล่อง เช่น คัมภีร์วิสุทธิมรรค คัมภีร์อภิธรรมมัตถสังคหะ จนพระองค์ท่านสามารถแปลได้ชำนิชำนาญ

    ต่อมาพระองค์ท่าน ได้ทรงนำเอาพระคัมภีร์ นอกหลักสูตรการสอบทาน ทั้งกองใต้ กองเหนือ กองกลางมาแปล เพื่อหาความรู้ให้กับพระองค์ท่านเอง เช่น คัมภีร์พระสุมังคลวิลาสินี คัมภีร์พระมโนรถปุรนี คัมภีร์พระอัตถสารินี คัมภีร์พระสัมโมหวิโนทนี คัมภีร์พระปรมัตถทีปนี เป็นต้น

    ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้ จารด้วยอักษรขอมบาลี พระองค์ท่านนำมาหัดอ่าน หัดแปลด้วยตัวเอง ซึ่งต่อมาพระองค์ท่านก็สามารถอ่าน แปลพระคัมภีร์บาลีพระไตรปิฎก พระคัมภีร์ต่างๆได้อย่างแคล่วคล่อง พระองค์ท่านสามารถอ่าน แปลได้แคล่วคล่องชำนาญ

    จนกระทั้งพระอาจารย์ที่บอกแปลหนังสือพระบาลีของพระองค์ท่าน เห็นว่าท่านแปลได้ดีกว่าเก่ามาก สามารถที่จะสอบทานผ่านได้ทั้งสามกอง เป็นเปรียญได้ จึงบอกให้พระองค์ท่านเข้าสอบทานบาลีใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่าพระองค์ท่าน สามารถแปลประโยคถ้อยคำที่ยากได้ดีสมบูรณ์กว่าเก่ามาก จึงต้องการให้พระองค์ท่านเข้าสอบทานพระบาลีใหม่อีกครั้ง



    [​IMG]


    หลวงปู่สุกไม่เข้าสอบพระบาลี มุ่งจิตภาวนา

    แต่พระองค์ท่านไม่ต้องการเข้าสอบทานเพราะพระองค์ท่านต้องการศึกษาเพื่อหาความรู้ เอาไว้สำหรับ แปลพระคัมภีร์ที่เป็นภาษาบาลีต่างๆได้เท่านั้น
    และเนื่องจากเวลาได้ผ่านไปแล้วสาม-สี่ปีพระองค์ท่านทรงเจริญพระวิปัสสนา จิตได้เข้าถึงกระแสแห่งนิพพาน มาหลายขั้นแล้ว ตัณหา ความอยาก จึงลดน้อยลง


    พระองค์ท่านจึงหันมาสนใจทางบำเพ็ญเพียรภาวนามากกว่าทางอื่น พระองค์ท่านต้องการประพฤติปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง และทรงดำริว่า หนทางนี้เหมาะสมแก่พระองค์ท่าน และการแปลพระคัมภีร์นั้น พระองค์ท่านเห็นว่าสามารถแปลหาความรู้ได้ด้วย พระองค์เองได้มากแล้ว

    อีกประการหนึ่ง เมื่อพระองค์ท่านทรงแปล พระคัมภีร์อื่นๆ นอกหลักสูตรการสอบทานดังที่กล่าวมาแล้ว พระองค์ท่าน ทรงมีความรู้เกี่ยวกับปริยัติธรรมมากขึ้น มีจิตอยากหลุดพ้นออกไปจากสังสารวัฏมากขึ้น ตามเหตุตามปัจจัยที่พระองค์ท่านได้สร้างสมมาทั้งในอดีต และปัจจุบันชาติ การติดอยู่ในสังสารวัฏ ต้องเวียนว่าย ตาย แล้วเกิด

    ดังนั้นเพื่อจะหลุดจากการเวียนว่าย ตายเกิด พระองค์ท่านทรงเห็นว่า ทางนี้เหมาะสมแก่พระองค์ท่าน และแก่นักบวชในพระพุทธศาสนา

    ต่อมาพระองค์ท่าน ทรงนำเอาพระคัมภีร์มูลกรรมฐาน รจนาโดยพระมหารัตนปัญญาเถร นักปราชญ์แห่งลานนา มีประมาณ ๑๐ ผูก จารึกด้วยอักษรขอมไทย
    คัมภีร์มูลกรรมฐานนี้ เป็นพระคัมภีร์ที่เรียบเรียงย่อมาจาก คัมภีร์พระวิสุทธิมรรค คัมภีร์ปรมัตถทีปนี และพระกรรมฐานในพระไตรปิฏก บวก กับประสพการณ์ การปฏิบัติกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ

    พระคัมภีร์นี้แต่งสำหรับให้เข้ากับภาษาท้องถิ่นประเพณี ในภูมิภาคนี้และของกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ผ่านการปฏิบัติมาแล้ว กับผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระบาลีมา ได้ศึกษาหาความรู้พระกรรมฐาน ด้านพระปริยัติธรรมได้โดยง่าย

    เมื่อพระองค์ท่าน ทรงหันมาศึกษาหนักไปในทางจิตภาวนา เจริญสมถะวิปัสสนาธุระ การปฏิบัติภาวนาของท่านก็เจริญก้าวหน้ามากกว่าแต่ก่อน ท่านจึงจัดเป็นเอกในทางปฏิบัติ

    ท่านไปๆ มาๆระหว่าง"วัดโรงช้าง" กับ "วัดราชาวาส" เมื่อว่างจากการเล่าเรียนศึกษาทั้งสองธุระ พระอาจารย์ทั้งสองของพระองค์ท่าน ก็สอนให้พระองค์ท่าน ทำกลด สานขาบาตรด้วยไม้ไผ่ และขาบาตรหวายขด ทำสานฝาบาตรด้วยไม้ไผ่ แล้วลงขมุก ลงรักน้ำเกลี้ยง หัดถักประคดเอว เป็นต้น

    บางครั้งพระอาจารย์ ของพระองค์ท่าน ทั้งสองพระอารามก็บอกวิธีการถือธุดงค์ การออกจาริกหาความสงบวิเวก บางครั้งก็เล่าประสพการณ์การออกสัญจรจาริกธุดงค์

    โดยเฉพาะเรื่อง การเข้าไปในเมืองลับแล อันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน พระองค์ท่านทรงสนใจมาก เรื่องยาสมุนไพร ก็สอนให้พอที่จะรักษาตัวเองได้เท่านั้น เวลาออกรุกขมูลเกิดป่วยไข้จะได้รักษาตัวเองได้
    แต่สิ่งที่ต้องหัดทำให้มากคือ การปลงพระเกษาด้วยพระองค์เอง เพราะเมื่อออกธุดงค์ไปในป่าเพียงลำพังพระองค์เดียว จะได้ช่วยเหลือพระองค์เอง



    อ้างอิง
    พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน)
    http://www.somdechsuk.org
    ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/,http://www.bloggang.com/,http://palungjit.org/

    [​IMG]


    อานุภาพของการสวด"พระคาถาไก่เถื่อน" มีดังนี้ครับ

    ๑. พระคาถาไก่เถื่อนนี้ผู้ใดภาวนาได้ 3 เดือน ทุกๆวันอย่าได้ขาด ผู้นั้นจะมีปัญญาดังพระพุทธโฆษาจารย์
    ๒. แม้สวดเทศนาร้องหรือพูดจาสิ่งใดให้สวดเสีย สามที่ มีตบะเดชะนัก
    ๓. แม้สวดได้ถึงเจ็ดเดือนอาจสามารถรู้ใจคน
    ๔. ถ้าสวดได้ครบ 1 ปี มีตบะเดชะนัก ทรงธรรมรู้ยิ่งกว่าคนทั้งหลาย
    ๕. แม้จะเดินทางไกลให้สวด 8 ทีเป็นสวัสดีแก่คนทั้งหลาย


    ๖. ให้เสกหินเสกแร่ไว้สี่มุมเรือน โจรผู้ร้ายเข้าปล้นสะดมมิได้ ผีร้ายมิกล้าเข้ามาในเขตบ้าน คร้ามกลัวยิ่งนัก คนเดินไปถูกเข้าก็ล้มลงแล แพ้อำนาจแก่เรา
    ๗.ให้เขียนอักขระนี้ลงเป็นยันต์ประสาท ลงด้วยเงินก็ดี ทองก็ดี เอาพระคาถานี้เสก 3 คาบไปเทศนาดีนักเป็นเมตตาแก่คนทั้งหลายให้เขียนยันต์ประสาทนี้ไว้กันเรือน กันโจรภัย อันตรายทั้งหลาย


    ๘. เสกปูน ใส่บาดแผลและฝีดีนัก
    ๙. เสกน้ำมันงาใส่กระดูกหัก
    ๑๐. เสกเมล็ดข้าวปลูกงอกงามดีนัก
    ๑๑. เสกน้ำมนต์พรมของกำนัลไปให้ขุนนางท้าวพระยา รักเราแล
    ๑๒. เสกหมาก เมี่ยงทางเมตตา
    ๑๓. ต้องยาแฝด ต้องภัยอันตรายต่างๆก็ดี ให้เสกส้มป่อยหายสิ้นแล
    ๑๔. พระคาถานี้ผู้ใดทรงไว้มีปัญญามาก



    [​IMG]

    กระทู้แนะนำให้อ่าน
    ตำนาน "คาถาไก่เถื่อน"
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=18.0
    ย้อนรอย "พระคาถาไก่เถื่อน" มหามนต์อันลือลั่นในอดีต
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6490.0
    ประสบการณ์ \"ท่องคาถาพญาไก่เถื่อน\" และวิธีการลงอักขระ เลขยันต์
    http://www.madchima.org/madchima/index2.php?name=knowledge&file=readknowledge&id=307

    [​IMG]

    พ.ศ. ๒๓๖๒ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สิ้นพระชนม์, พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) เป็นสมเด็จพระสังฆราช แล้วโปรดให้แห่มาสถิต ณ วัดมหาธาตุ

    เดิมทรงพระราชดำริที่จะตั้งสมเด็จพระพนรัตน (อาจ) วัดสระเกศ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ถึงได้แห่มาสถิต ณ วัดมหาธาตุ เมื่อ ณ เดือน ๔ ปีเถาะ เอกศกนั้นแล้ว แต่เมื่อปีมะโรง โทศก ข้างต้นปี เกิดอหิวาตกโรคมาก
    ยังไม่ทันจะได้ทรงตั้งสมเด็จพระพนรัตน (อาจ) เป็นสมเด็จพระสังฆราช,


    ถึงเดือน ๑๑ มีโจทก์ฟ้องกล่าวอธิกรณ์สมเด็จพระพนรัตน (อาจ) ว่าชอบหยอกเอินศิษย์หนุ่มด้วยกิริยาที่ไม่สมควรแก่สมณะ ชำระได้ความเป็นสัตย์ อธิกรณ์ไม่ถึงเป็นปาราชิก จึงเป็นแต่ให้ถอดเสียจากตำแหน่งพระราชาคณะ และเนรเทศไปจากพระอารามหลวง.

    ตำแหน่งพระสังฆราชนั้น ทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระญาณสังวร (สุก) วัดราชสิทธาราม เป็นสมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่และได้เป็นพระอาจารย์ เป็นที่เคารพในพระราชวงศ์ จึงโปรดให้แห่สมเด็จพระญาณสังวร (สุก) มาสถิต ณ วัดมหาธาตุ เมื่อ ณ วันพฤหัสบดีเดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ

    ครั้งถึง ณ วันพฤหัสบดี เดือน ๑ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีมะโรง โทศก จุลศักราช ๑๑๘๒ พ.ศ. ๒๓๖๓ จึงทรงตั้งสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช


    ..............................................................​

    ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในรัชกาลที่ ๒ เมื่อพ.ศ. ๒๓๖๓ คนทั้งหลายจึงพากันถวายพระฉายานามว่า "พระสังฆราชไก่เถื่อน" และได้เสด็จมาประทับ ณ วัดมหาธาตุเพียง ๑ ปี ก็สิ้นพระชนม์ทรงพระชันษาได้ ๙๐ เมื่อถวายพระเพลิงศพแล้ว โปรดฯ ให้ปั้นรูปบรรจุอัฐิไว้ในกุฏีหลังหนึ่ง ด้านหน้าพระอุโบสถ

    ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
    ประวัติ "สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร)" จากนิตยสารธรรมจักษุ
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6430.0
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า

    ตอน พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า

    จะได้เริ่มฉลาดขึ้น ไม่โง่กัน

    เมื่อวานนี้ ผมคุยโทรศัพท์ มีเสียงมาว่า กลัวว่า จะโง่กันทั้งประเทศ ที่ดูพระวังหน้ากันไม่เป็น ผมนำมาลงเป็นตัวอย่างครับ


    [​IMG]

    [​IMG]


    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องของการดูเรื่องของนาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)

    ผมเคยอธิบายไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้หลายครั้งแล้ว

    อยากรู้ ต้องการศึกษา หัดเข้าไปอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯบ้าง

    อย่ามัวแต่รอเคี้ยวแล้วป้อนให้ทานเลย

    คณะผม กว่าจะเรียนรู้ หนักหนาสาหัสกว่านี้มากมาย

    แต่ถ้าคิดว่า ขี้เกียจอ่าน ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้

    และคิดว่า จะไปหาความรู้จากที่อื่นได้ ก็ไม่เป็นไร

    อยากรู้ ต้องเริ่มที่ตัวเอง ต้องหัดมีความพยายาม เริ่มที่ใจอยากเรียนรู้และศึกษา มีความพยายามหมั่นหาความรู้จากผู้ที่รู้จริงๆ

    ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    รู้จริง ต้องรู้ทั้งรูปและนาม

    รู้ทั้งรูปและนามเป็นอย่างไร ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ได้บอกมาหลายครั้งมากแล้วเช่นกัน

    มีอีกมากแห่ง นำความรู้ในหลายๆแห่ง นำมาผสมปนเปกัน มั่วไปหมด เละมาก มีแม้กระทั่งออกหนังสือ ทั้งๆที่รูปพระในหนังสือ นำพระเก๊ไปลง ผู้อ่านก็เข้าใจว่า พระในหนังสือนั่นแท้ ไปจดจำพระเก๊ ที่ได้รับการโปรโมทว่าเป็นพระแท้

    ระมัดระวังกันไว้บ้าง

    ผมเองก็พูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะว่า จะโดนข้อหาว่า "พระมึ..แท้คนเดียวหรือไง พระคนอื่นเก๊หมดหรือ"

    อย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ว่า พระวังหน้า ขึ้นอยู่กับ "วาสนาและบารมีของแต่ละท่าน" เป็นอย่างไร ไปอ่านได้ในกระทู้พระวังหน้าฯนี้เช่นกัน

    ในกระทู้พระวังหน้าฯ สิ่งไหนที่ดี ที่เป็นประโยชน์ในทางที่ดีกับตนเอง สามารถที่จะนำไปใช้ได้ แต่หากสิ่งไหนที่ไม่ดี ไม่เป็นประโยชน์ในทางที่ดี ก็ไม่ต้องนำไปใช้ หัดใช้ "สมอง , สติ และ ปัญญา"ในการพิจารณาเรื่องต่างๆบ้าง

    ด้วยความเป็นห่วง
    sithiphong
    21/2/2555

    .<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    [​IMG] [​IMG]

    มีเรื่องด่วนเรื่องหนึ่งที่อยากแจ้งให้ทราบ และต้องทำการแข่งกับเวลา เนื่องจากมีบุคคลผู้หนึ่งได้รับผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุจากคนหาของป่า พบในเจดีย์วัดร้างทางเหนือ บัดนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการซื้อขาย ผมเห็นว่า เป็นของสูงที่บุคคลใดก็ไม่สมควรครอบครองส่วนตน เห็นควรที่จะถวายคืนสู่พุทธศาสนาดังเดิม ผมและคณะพระวังหน้าเห็นสมควรจะถวายพระอาจารย์นิล(กราบขอขมาที่ยังไม่ได้แจ้งให้พระคุณเจ้าทราบ) เพื่อบรรจุยังพระบรมธาตุเจดีย์ และวัดที่จะดำริสร้างในอนาคตอันใกล้...

    เพื่อนท่านใดที่ร่วมสมทบทุนถวายผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุบรรจุยังพระบรมธาตุเจดีย์จำนวน ๒,๕๐๐ บาท ผมขอมอบพระพิมพ์หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า พิมพ์ฉันกิจ เนื้อดินเผา อายุ ๗๐๐ ปี ให้ ๑ องค์ ขุดพบที่วัดมหาวัน จำนวนเพียง ๕ องค์เท่านั้น โดยแจ้งความจำนงทางบอร์ด โอนปัจจัยตามรายละเอียดข้างล่าง และแจ้งชื่อ-นามสกุล พร้อมที่อยู่จัดส่งทาง PM ครับ

    บัญชีนายอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์
    บัญชีออมทรัพย์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยไชยยศ
    เลขที่ 040-2-25999-6

    เมื่อสามารถนิมนต์กลับคืนถวายพระศาสนาได้ ผมจะนำภาพถ่ายมาให้ชม และอนุโมทนากันครับ เข้าใจว่า รายการนี้อาจจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจากนี้ไป หากท่านใดที่แจ้งความจำนงแล้วปรากฎว่า ไม่สามารถนิมนต์กลับถวายคืนพระบรมธาตุเจดีย์ได้ ผมก็จะโอนปัจจัยคืนให้ทุกท่าน ส่วนพระพิมพ์พระอุปคุตยังคงมอบให้อยู่ครับ

    ทอดที่ ๒ หากผู้สนใจร่วมสมทบทุนถวายพระบรมสารีริกธาตุพร้อมผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุครบจำนวน ๕ ท่านแล้ว ผมขอมอบพระสมเด็จวัดโค่ง พิมพ์พุงป่องเล็กให้บุคคลลำดับที่......(ได้แจ้งลำดับที่ล่วงหน้านี้ไว้กับลุง อ.จ. กูรูน้องนู๋ไว้เป็นหลักฐานทาง PM แล้วครับ) เพียงท่านเดียว พระสมเด็จวัดโค่งนี้ มวลสารของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนจัดสร้าง ถือว่าเป็น"พระเสี่ยงทาย"สำหรับบุคคลนั้นครับ

    ผู้ร่วมสมทบหลัก
    ลำดับที่ ๑ คุณPinkcivil
    ลำดับที่ ๒ คุณwater1
    ลำดับที่ ๓ คุณพิศดู

    ผู้ร่วมสมทบอื่นๆ
    ๑) คุณtrain@sss
    ๒) คุณปฐม
    ๓) ลุงไฟดูด

    วันนี้, 07:47 AM
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->water1<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5746888", true); </SCRIPT>
    วันนี้, 07:54 AM
    พิศดู<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  15. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    ขอร่วมถวายผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุด้วยครับลุงเพชร ขอโมทนา สาธุด้วยครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2012
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อนุโมทนาบุญกับคุณ Pink ด้วยครับ เกรงว่าจะเข้าใจผิด ถวายพระบรมสารีริกธาตุ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของโบราณครับ เอาไว้คุณ Pink เห็นแล้วจะตาลึง...
     
  17. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    อิอิ เเก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ ขอโมทนากับคุณเพชรอีกครั้งครับ และขอให้สำเร็จได้ดั่งความมุ่งหมายครับ :cool:
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    มี เรื่องด่วนเรื่องหนึ่งที่อยากแจ้งให้ทราบ และต้องทำการแข่งกับเวลา เนื่องจากมีบุคคลผู้หนึ่งได้รับผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุจากคนหาของป่า พบในเจดีย์วัดร้างทางเหนือ บัดนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการซื้อขาย ผมเห็นว่า เป็นของสูงที่บุคคลใดก็ไม่สมควรครอบครองส่วนตน เห็นควรที่จะถวายคืนสู่พุทธศาสนาดังเดิม ผมและคณะพระวังหน้าเห็นสมควรจะถวายพระอาจารย์นิล(กราบขอขมาที่ยังไม่ได้แจ้ง ให้พระคุณเจ้าทราบ) เพื่อบรรจุยังพระบรมธาตุเจดีย์ และวัดที่จะดำริสร้างในอนาคตอันใกล้...

    เพื่อนท่านใดที่ร่วมสมทบทุนถวายผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุบรรจุยังพระบรมธาตุเจดีย์จำนวน ๒,๕๐๐ บาท ผมขอมอบพระอุปคุต พิมพ์ฉันกิจ เนื้อดินเผา อายุ ๗๐๐ ปี ให้ ๑ องค์ ขุดพบที่วัดมหาวัน จำนวนเพียง ๕ องค์เท่านั้น โดยแจ้งความจำนงทางบอร์ด โอนปัจจัยตามรายละเอียดข้างล่าง และแจ้งชื่อ-นามสกุล พร้อมที่อยู่จัดส่งทาง PM ครับ

    บัญชีนายอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์
    บัญชีออมทรัพย์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาซอยไชยยศ
    เลขที่ 040-2-25999-6

    เมื่อ สามารถนิมนต์กลับคืนถวายพระศาสนาได้ ผมจะนำภาพถ่ายมาให้ชม และอนุโมทนากันครับ เข้าใจว่า รายการนี้อาจจะใช้เวลาไม่เกิน 3 วันจากนี้ไป หาก ท่านใดที่แจ้งความจำนงแล้วปรากฎว่า ไม่สามารถนิมนต์กลับถวายคืนพระบรมธาตุเจดีย์ได้ ผมก็จะโอนปัจจัยคืนให้ทุกท่าน ส่วนพระพิมพ์พระอุปคุตยังคงมอบให้อยู่ครับ

    ทอดที่ ๒ หากผู้สนใจร่วมสมทบทุนถวายพระบรมสารีริกธาตุพร้อมผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุครบ จำนวน ๕ ท่านแล้ว ผมขอมอบพระสมเด็จวัดโค่ง พิมพ์พุงป่องเล็กให้บุคคลลำดับที่......(ได้แจ้งลำดับที่ล่วงหน้านี้ไว้กับ ลุง อ.จ. กูรูน้องนู๋ไว้เป็นหลักฐานทาง PM แล้วครับ) เพียงท่านเดียว พระสมเด็จวัดโค่งนี้ มวลสารของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อนจัดสร้าง ถือว่าเป็น"พระเสี่ยงทาย"สำหรับบุคคลนั้นครับ

    ลำดับที่ ๑ คุณPinkcivil
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil [​IMG]
    ขอร่วมถวายผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุด้วยครับลุงเพชร ขอโมทนา สาธุด้วยครับ:cool:
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    อนุโมทนา บุญกับคุณ Pink ด้วยครับ เกรงว่าจะเข้าใจผิด ถวายพระบรมสารีริกธาตุ และผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของโบราณครับ เอาไว้คุณ Pink เห็นแล้วจะตาลึง...
    </td> </tr> </tbody></table>
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Pinkcivil [​IMG]
    อิอิ เเก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ ขอโมทนากับคุณเพชรอีกครั้งครับ และขอให้สำเร็จได้ดั่งความมุ่งหมายครับ :cool:
    </td> </tr> </tbody></table>

    [​IMG] [​IMG]



    โมทนาครับคุณเพชรและคุณPinkcivil

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    สุดยอดมากครับ

    หากท่านใดท้อแท้ โปรดอ่านไว้เป็นกำลังใจให้กับตนเอง


    สู้ชีวิตกันต่อไปครับ



    --------------------------------------------------------------
    --------------------------------------------------------------

    ลุงเบี้ยว ชายพิการทีมีเพียงแขน กับความสำเร็จในชีวิต




    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนค้นฅน


    ถึงแม้ว่าคนเราไม่อาจจะเปลี่ยนโชคชะตาฟ้าดินลิขิตได้ แต่เมื่อยังมีลมหายใจ และความอดทน ต่อให้มีอุปสรรคมากแค่ไหน เชื่อเลยค่ะว่า ทุกคนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติชีวิตและใช้ชีวิตอยู่ต่อได้อย่างมีความสุข.. เฉกเช่นเรื่องราวของ "ลุงเบี้ยว" ชายพิการวัย 59 ปี ที่รายการคนค้นฅนที่ได้นำมาเสนอให้ทุกคนได้ทราบกันในคืนวันนี้ (21 กุมภาพันธ์)


    เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ลุงเบี้ยว หรือ สมจิตร ดวงตาคำ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการหาเงินมาประทังชีวิตให้กับทุกคนในครอบครัว แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อขาทั้งสองข้างที่ใช้ย่างก้าวเพื่อหาเลี้ยงชีพ กับต้องถูกตัดไป เนื่องจากประสบอุบัติเหตุหนำซ้ำภรรยาคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมากว่า 20 ปี ก็ทิ้งไปโดยไม่ใยดี ทำให้ชีวิตของลุงเบี้ยว เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และเคว้งคว้างกับชีวิตที่ต้องไร้ขาเช่นนี้

    [​IMG]

    [​IMG]


    แต่กระนั้นลุงเบี้ยวก็ไม่ย่อท้อ หรือหวั่นไหว เพราะลุงเบี้ยวเชื่อว่า "ตราบใดที่เรายังมีมืออยู่ทั้งสองข้างเราไม่อดตายแน่นอน เพราะเราก็ใช้มือที่เหลืออยู่นี่แหละทำงาน" ...เมื่อลุงเบี้ยวถูกภรรยาทิ้ง กลายเป็นชายพิการที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียว แต่แล้วทางมูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย และทำให้ลุงเบี้ยวได้ศึกษาวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประกอบอาชีพหาเลี้ยงชีพต่อไป

    [​IMG]


    ลุงเบี้ยวให้นำคำสอนที่ได้ มาทำงานด้านเกษตร โดยเฉพาะคำสอนจากพ่อหลวง ในเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" มา ประกอบอาชีพทั้งการปลูกผักปลอดสารพิษชนิดต่าง ๆ การเลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา ทำปุ๋ยชีวภาพ ฯลฯ ถึงแม้ว่าในการทำงานดูแลพืชผัก และสัตว์เลี้ยงนั้น ลุงเบี้ยวจะต้องนอนคว่ำอยู่บนเตียงคนพิการ และใช้แขนที่เหลือทั้งสองข้างทำงานทุกอย่าง แต่ลุงเบี้ยวก็ไม่ย่อท้อ มุมานะจนทำให้สวนแห่งนี้ กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับคนทั่วไป นอกจาก นี้ลุงเบี้ยวยังได้เป็นวิทยาการรับเชิญจากสถานีวิทยุแม่โจ้ ในการให้ความรู้เรื่องการเกษตร อีกทั้งยังเป็นวิทยากรเวลามีแขกมาดูงานที่สวนของลุงเบี้ยวอีกด้วย

    [​IMG]


    บรรดานักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงคนทั่วไป เมื่อได้เยี่ยมชม และศึกษาดูงานในสวนของลุงเบี้ยวแล้วนั้น ต่างก็ต้องอึ้งในความเพียร ความอดทน และความพยายาม ที่ลุงเบี้ยวมีเกินร้อย จนเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนต่อสู้ชีวิต และใช้ชีวิตอย่างพอเพียงต่อไป


    ส่วนใครที่อยากทราบเรื่องราวของชีวิตลุงเบี้ยว และอยากได้แรงใจในการสู้ชีวิตต่อไป ก็อย่าลืมติดตามชมรายการ "คนค้นฅน" ตอน "ลุงเบี้ยว..สวนผักแห่งความเพียร" ในวันนี้ (21 กุมภาพันธ์) เวลา 22.30 น. เป็นต้นไป ทางโมเดิร์นไนน์ นะคะ



    -http://hilight.kapook.com/view/67877-

    .

     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แบงก์ใหญ่ทยอยลดดอกเบี้ยกู้-ออมทรัพย์ งัดเงินฝากพิเศษมัดลูกค้า <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td height="1" bgcolor="#CCCCCC">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" valign="middle" align="left">โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์</td> <td class="date" valign="middle" align="left">21 กุมภาพันธ์ 2555 17:28 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" valign="baseline" align="left">แบงก์กรุงเทพ ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ และสะสมทรัพย์ 0.125% พร้อมเสนอดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษ 4 เดือน สูงถึง 2.625% ค่ายยักษ์เขียวเดินตามลด 0.12% ด้านธนชาติออกเงินฝาก 11 เดือน หลังกสิกรไทยออก13 เดือนก่อนหน้า

    </td> </tr> <tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" align="Center"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td valign="Top" align="center">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td valign="Top" width="150" align="center"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td height="5" valign="top" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท และเงินฝากสะสมทรัพย์ โดยอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) หรือ MLR จาก 7.250% เป็น 7.125% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) หรือ MOR จาก 7.500% เป็น 7.375% และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) หรือ MRR จาก 8.000% เป็น 7.875% ทางด้านเงินฝากสะสมทรัพย์ จาก 0.875% เป็น 0.750% โดยมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555
    พร้อมกันนี้ธนาคารได้สร้างสรรค์กิจกรรมเชิญชวนกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีถิ่น ฐานอยู่ในประเทศไทย ด้วยข้อเสนอใหม่ล่าสุดกับบัญชีเงินฝาก ระยะเวลา 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 2.625% ต่อปี โดยเปิดบัญชีด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ 200,000 บาท และนำฝากแต่ละยอดเงินฝากไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นับเป็นกิจกรรมรณรงค์เงินฝากพิเศษในช่วงระยะเวลาระหว่างวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ ถึงวันพุธที่ 21 มีนาคม 2555

    </td> </tr> <tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" align="Center"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td valign="Top" align="center">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td valign="Top" width="150" align="center"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td height="5" valign="top" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> กสิกรเดินตาม
    สมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับการแข่งขันและภาวะตลาด โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.12% โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ปรับจาก 7.25% เป็น 7.13% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชีสำหรับลูกค้าชั้นดี (MOR) ปรับจาก 7.60% เป็น 7.48%
    สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ได้ปรับลดลง จากเดิม 0.87% เป็น 0.75% มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 2555 เป็นต้นไป
    นอกจากนี้ ธนาคารยังได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำพิเศษต่าง ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมเงินให้กับลูกค้า เช่น ผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำขั้นบันไดใจดี 13 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 8% และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของทั้งโครงการอยู่ที่ 3.50%
    โดยธนาคารกรุงไทย ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และเงินกู้ลง 0.125% มีผลตั้งแต่ 30 มกราคมที่ผ่านมา

    </td> </tr> <tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" align="Center"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="150"> <tbody><tr> <td valign="Top" align="center">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</td> </tr> <tr> <td valign="Top" width="150" align="center"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr> <td height="5" valign="top" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ธนชาต 11 เดือน 3.45%
    ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่สถานการณ์ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 3% เพื่อช่วยสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ เมื่อปลายปี พร้อมทั้งยังมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงิน ฝากระยะยาวลง เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีแก่ผู้ต้องการออมเงินระยะยาว และได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ ที่มีแนวโน้มทรงตัว หรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย ธนาคารธนชาตจึงได้ออกเงินฝากประจำพิเศษ 11 เดือน ให้ดอกเบี้ยสูง 3.45% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่สูงกว่าเงินฝากประจำ 12 เดือนในตลาดที่ให้ดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.75-3.00% ต่อปี
    เงินฝากประจำพิเศษ 11 เดือน ฝากเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท สามารถเลือกรับดอกเบี้ยเป็นรายเดือนได้ เพียงมียอดฝากขั้นต่ำตั้งแต่ 100,000 บาท ขึ้นไป โดยธนาคารฯ จะโอนดอกเบี้ยและเงินต้นเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันให้โดยอัตโนมัติ กรณีถอนเงินฝากก่อน 3 เดือน จะไม่ได้รับดอกเบี้ย ฝากตั้งแต่ 3 เดือน แต่ไม่ครบระยะเวลาฝากตามกำหนด ธนาคารฯ จะจ่ายดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ฝากจริงในอัตราดอกเบี้ย 0.75%ต่อปี รับฝากจากลูกค้าทุกประเภท ยกเว้นกองทุน สถาบันการเงิน และผู้มีถิ่นฐานอยู่นอกประเทศ
    “เงินฝากประเภทนี้ของธนาคารธนชาต เป็นทางเลือกที่ดีในการออมเงินระยะยาว เนื่องจากให้ดอกเบี้ยสูง และให้ดอกเบี้ยเป็นรายเดือน คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่ต้องการออมเงิน และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และสม่ำเสมอ เป็นอย่างดี “ ประพันธ์ กล่าว
    ก่อนหน้านี้ปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย เปิดให้บริการเงินฝากรูปแบบใหม่ “เงินฝากประจำขั้นบันไดใจดี” ระยะเวลาฝาก 13 เดือน อัตราดอกเบี้ยสูงพิเศษ สูงสุดถึง 8.00% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เดือนที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 1.75% ต่อปี เดือนที่ 4-6 อัตราดอกเบี้ย 2.00% ต่อปี เดือนที่ 7-9 ต่อปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% ต่อปี เดือนที่ 10-12 อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี และเดือนสุดท้ายเดือนที่ 13 อัตราดอกเบี้ย 8% ต่อปี และมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยตลอดโครงการเท่ากับ 3.50% ต่อปี ฝากขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท และไม่จำกัดวงเงินฝากสูงสุด เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าเงินฝากประจำที่ต้องการออมเงินอย่างมั่นคง โดยได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าเงินฝากประจำทั่วไป รับฝากจนถึง31 มีนาคม 2555</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/mgrweekly/ViewNews.aspx?NewsID=9550000023722-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...