พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>9 เทคนิคจัดการ "อารมณ์โกรธ" ด้วยตัวเอง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=225 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=225>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจาก http://www.2bemen.com</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" วลีนี้มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยคนที่มีอารมณ์โกรธและโมโหจนไม่สามารถควบคุมสติและอารมณ์ได้ ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน ดูเหมือนเราจะได้รับการกระตุ้นให้เกิดความโกรธได้ง่ายเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องงาน และความไม่ได้ดั่งใจของคนในบ้าน

    วันนี้ ทีมงาน Life & Family มีคำแนะนำดี ๆ จาก พิทยา ผึ่งกรรฐ์ นักจิตวิทยาโรงพยาบาลมนารมย์มาฝากกัน โดยเธอเริ่มต้นบอกถึงพิษของความโกรธว่า มีแนวโน้มแสดงออกได้ทั้งแบบก้าวร้าวต่อตนเอง และก้าวร้าวต่อผู้อื่น หากไม่เข้าใจไม่ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้นและเก็บกดไว้ความโกรธยังไม่หายไปไหน และกลับมาเป็นความก้าวร้าวกับตนเองได้

    ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งอาจไม่พอใจเจ้านาย และแสดงพฤติกรรมในทางที่ทำให้เกิดผลเสียต่อตนเองได้ อาทิ การมาทำงานสายการไม่ส่งงานการนอนมากเกินไปจนมาทำงานไม่ทันหรือการแสดงออกในแบบก้าวร้าวซึ่งอาจส่งผลให้ถูกออกจากงานได้หรือทำให้เกิดปัญหาในการทำงานซึ่งทำให้เป้าหมายในชีวิตไม่เป็นตามที่ตั้งใจไว้

    นอกจากนี้ การก้าวร้าวกับผู้อื่นมีผลให้สูญเสียความสัมพันธ์ เสียภาพพจน์หรือเสียชื่อเสียงขาดความน่าเชื่อถือหรือหากรุนแรงมากเกิดทำร้ายกันก็ทำสูญเสียทั้งร่างกาย และทรัพย์สินได้

    ดังนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้อ่านฉุดตัวเองออกจากวงจรความโกรธ นักจิตวิทยาท่านนี้ ได้แนะเทคนิคไว้ 9 ข้อดังต่อไปนี้ เริ่มจาก

    1. ตระหนักรู้อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หัวใจเต้นมากขึ้น รู้สึกร้อนๆ บริเวณใบหน้า การหายใจสั้นลง

    2. ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น ช่วยให้ความโกรธลดลงเพราะการยอมรับทำให้ความโกรธลดลงอันนี้ต้องลองทำกันดูหากเรายิ่งโทษสิ่งแวดล้อมแน่นอนว่ามีปัจจัยต่างๆที่ทำให้โกรธแต่เราอาจมีประสบการณ์ว่ายิ่งเราหาคนมารับผิดชอบกับความรู้สึกของเราความโกรธก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

    3. หายใจเข้าออกลึก ๆ ผ่อนคลายตนเอง อาจเป็นการพูดคุยระบายกับคนที่คุณไว้ใจ หรือหากหาคนรู้ใจไม่ได้ ก็หาทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง ไปเที่ยว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจาก health.kapook.com</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 4. รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อย่าหวั่นไหวกับความเห็นของผู้อื่น หรือรู้สึกด้อย

    5. ใช้ I message บอกกับคู่สนทนาว่า คุณคิดอย่างไร "ดิฉันคิดว่า…" "ดิฉันอยากเสนอว่า…." หรือ "ขอเสนอความเห็นว่า…."

    6. ดำเนินการสนทนาไปเรื่อย ๆ

    7. หากรู้สึกควบคุมไม่ได้ ให้ออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน และควรขอตัวคู่สนทนา อาจบอกวันนี้ขอคุยเรื่องนี้เพียงเท่านี้ก่อน

    8. ปรับเปลี่ยนความคิด คิดแบบใดก็ได้ที่ทำให้โกรธน้อยลงการขัดแย้งหลายครั้งก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพราะความโกธรที่เกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์ทำให้เรารับรู้ว่าเราถูกล่วงละเมิดสิทธิเกิดอันตรายทัศนคติที่ดีของพ่อแม่ที่มีต่อความโกรธสามารถมีผลต่อวิธีการเลี้ยงลูกเมื่อเห็นลูกโกรธแล้วทำลายข้าวของให้ถือเป็นโอกาสสอนลูกว่าตอนนี้เขากำลังโกรธลองพาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สร้างสรรค์แทน

    9. หลีกเลี่ยงการนินทา เพราะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและเกิดความขัดแย้งมากขึ้น

    อย่างไรก็ดี นักจิตวิทยารายนี้ ทิ้งท้ายว่า ความโกธรถือเป็นธรรมชาติของชีวิตที่เกิดขึ้นได้เสมอและหลายครั้งก็นำไปสู่การสร้างสรรค์ได้ เมื่อเกิดความโกรธก็ให้ถือว่าเป็นโอกาสที่ได้ฝึกฝนตนเองยิ่งคุณจัดการอารมณ์ได้ดีเท่าใดจะทำให้คุณมีความมั่นใจในตนเองเกิดความนับถือตนเองมากขึ้นลดปัญหาความยุ่งยากที่เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นได้เพื่อให้เรามุ่งไปยังเป้าหมายในชีวิตของตนเองอย่างราบรื่น
    ที่มา Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทุกลิงค์ในลายเซ็นผม ที่ไปอกาลิโก จะไม่มีแล้ว

    เพียงแต่ผมไม่ได้แก้ไขลายเซ็น

    เนื่องจากลายเซ็นเดิม มีมากกว่า 2 บรรทัด

    หากแก้ไข จะมีได้ไม่เกิน 2 บรรทัด

    ผมก็เลยไม่ได้แก้ไขลายเซ็นครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    กฟผ.ชี้ท่อก๊าซรั่ว ค่า FT เพิ่ม 2.5 สต./หน่วย

    <!-- <iframe src="http://hilight.kapook.com/view/fb_button.php?id=60174" scrolling="no" frameborder="0" allowTransparency="true" style="border:none; overflow:hidden; width: 80px; height: 100px;"></iframe> //--><!--Share<script src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type="text/javascript"></script> Tweet<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>-->
    [​IMG]


    กฟผ.ชี้ท่อก๊าซรั่ว ค่า FT เพิ่ม 2.5 สต./หน่วย (ไอเอ็นเอ็น)

    ผู้ว่าฯ กฟผ. ชี้ ซ่อมท่อก๊าซ 2 สัปดาห์ กระทบต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 1,000 ลบ. ค่าเอฟที เพิ่ม 2.5 สต.ต่อหน่วย แนะรัฐบาลชุดใหม่ ปรับแผนลดก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า และหาพลังงานทางเลือกอื่นทดแทน

    นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของบริษัท ปตท.รั่ว กระทบต่อการจัดส่งก๊าซให้ กฟผ. ประมาณ 250 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และหากมีการปิดซ่อม 2 สัปดาห์ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือ คิดเป็นค่า FT ประมาณ 2.5 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากต้องใช้น้ำมันเตา ในการผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซธรรมชาติที่ขาดไป โดยในเรื่องนี้จะให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พิจารณาว่า ใครจะเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้ นายสุทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากเหตุการณ์รุนแรง ต้องมีการซ่อมแซมมากถึง 60 วัน ทาง กฟผ.ได้เตรียมจัดส่งน้ำมันเตาไปยังโรงไฟฟ้าต่างๆ เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าแล้ว ส่วนการใช้น้ำมันดีเซล จะเป็นแนวทางสุดท้ายในการใช้ผลิตไฟฟ้า เนื่องจากมีราคาสูง

    พร้อมกันนี้ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ท่อก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของบริษัท ปตท.รั่ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่น่ากังวล หากเกิดขึ้นในปี 2557 เพราะปัจจุบันในการสำรองไฟฟ้าของทาง กฟผ.อยู่ที่ร้อยละ 25 ซึ่งหากในปี 2557 ยังไม่มีการปรับแผน จะเหลือการสำรองเพียงร้อยละ 15 ซึ่งหากเกิดปัญหาดังกล่าวในลักษณะนี้อาจเกิดไฟดับได้ เพราะประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ 70 ดังนั้นรัฐบาลชุดใหม่ควรมีการปรับแผนในการลดใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า รวมถึงหาแนวทางเลือกอื่นทดแทน หลังการเลื่อนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไป นายสุทัศน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรงไฟฟ้าในขณะนี้ที่เหมาะกับประเทศไทยหากจะมีการสร้างเพิ่มขึ้นนั้น น่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน เนื่องจากปัจจุบันถ่านหินมีเทคโนโลยีในการลดการปล่อยมลพิษได้แล้ว รวมถึงมีราคาถูก



    [28 มิถุนายน] ครม. สั่งห้ามผลักภาระต้นทุนให้ประชาชน เหตุท่อก๊าซรั่วในอ่าวไทย


    [​IMG]

    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    ครม. เรียกกระทรวงพลังงานชี้แจงกรณีอุบัติเหตุสายสมอเรือเกี่ยวท่อส่งก๊าซอ่าวไทยจนเสียหายและเกิดรอยรั่ว ห่วงเรื่องผลกระทบก๊าซขาดและไฟฟ้าดับ พร้อมสั่งการเรื่องหลักห่วงต้นทุนเพิ่มต้องห้ามผลักภาระต่อไปให้ประชาชน

    จากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2554 ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในที่ประชุม ได้มีการเชิญกระทรวงพลังงาน โดยนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เข้าชี้แจงกรณีอุบัติเหตุเรือที่รับหน้าที่วางท่อส่งก๊าซธรรมชาติของแหล่งปลาทอง 2 ได้วางสมอเรือไปเกี่ยวเข้ากับระบบท่อก๊าซบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างท่อก๊าซเส้นที่ 1 และท่อกิ่งของแหล่งก๊าซปลาทอง ซึ่งส่งผลให้ระบบท่อได้รับความเสียหายและเกิดรอยรั่ว

    นายณอคุณ ได้ชี้แจงถึงการดำเนินการดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้นว่า เพื่อความปลอดภัยและการตรวจสอบความเสียหายโดยละเอียด กระทรวงพลังงานได้สั่งให้ระงับการใช้ท่อเส้นที่ 1 ที่มีกำลังการส่งก๊าซ 850 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งผลต่อการจ่ายก๊าซเข้าระบบในปริมาณเดียวกัน รวมถึงได้สั่งให้มีการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบด้านเชื้อเพลิงใน 3 วิธี ได้แก่ การเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงก๊าซจากแหล่งที่ส่งเข้าท่อเส้นที่ 1 ไปยังท่อเส้นที่ 2 และ 3 สำหรับแหล่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ในปริมาณ 150-200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน การลดปริมาณการจ่ายก๊าซธรรมชาติเข้าโรงแยกก๊าซฯ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และการเพิ่มปริมาณการจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จาก 140 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเป็น 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่หลังจากการดำเนินการดังกล่าวแล้ว ยังทำให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในระบบยังขาดหายไปอีก 250-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

    ปลัดกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงด้วยว่า กระทรวงพลังงานได้เตรียมการบริหารจัดการด้านไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบจากปริมาณก๊าซฯ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าภายในประเทศที่ลดลงในปริมาณ 250-300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คือการเตรียมส่งน้ำมันเตาให้โรงไฟฟ้าเพื่อใช้แทนก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายไป ได้แก่ โรงไฟฟ้าราชบุรี 1.8 ล้านลิตรต่อวัน และจะทยอยปรับเพิ่มเป็น 2 ล้านลิตรต่อวัน, โรงไฟฟ้ากระบี่เฉลี่ย 1 ล้านลิตรต่อวัน, โรงไฟฟ้าพระนครใต้รวม 40 ล้านลิตรต่อวัน และโรงไฟฟ้าบางปะกง 5 ล้านลิตรต่อวัน รวมถึงการเพิ่มการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำโดยเฉพาะจากเขื่อนรัชชประภา, น้ำงึม 2 และน้ำเทิน 2 และการเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 10 และโรงไฟฟ้าความร้อนร่มราชบุรีชุดที่ 2 ออกไปก่อน รวมทั้งได้มีการสั่งการให้ ปตท. จัดหาน้ำมันเตากัมมะถัน 0.5% ปริมาณ 30 ล้านลิตร เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำรองสำหรับโรงไฟฟ้า เพื่อลดผลกระทบเรื่องปริมาณก๊าซธรรมชาติด้วย

    ทั้งนี้ นายณอคุณได้ชี้แจงต่อนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า การบริหารจัดการดังกล่าว จะไม่ทำให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) และก๊าซปิโตเลียมเหลว (LPG) ซึ่งเป็นประเด็นที่ครม.ได้ตั้งข้อเป็นห่วง และสั่งการให้ระวังผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประชาชน โดยเฉพาะเรื่องภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยปลัดกระทรวงพลังงานได้รับนโยบายเพื่อไปหารือร่วมกับ บริษัท ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

    ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์และผลกระทบกรณีท่อก๊าซรั่วหรือวอร์รูมขึ้น เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์ล่าสุดอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายของระบบท่อซึ่งคาดว่าจะทราบผลโดยละเอียดในช่วงเย็นวันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2554 และจะมีการประชุมเพื่อประเมินรูปแบบการจัดการปัญหาอีกครั้งในวันพุธที่ 29 มิถุนายน 2554 ในเวลา 15.00 น. ณ กระทรวงพลังงาน




    -http://hilight.kapook.com/view/60174-











     
  5. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ลอตเตอรี่หายาก

    • 29 มิถุนายน 2554 เวลา 12:48 น. |
    เปิดศิลปะกระดาษเสี่ยงโชค "ล็อตเตอรี่" ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มมูลค่า
    ลอตเตอรี่หรือสลากกินแบ่งรัฐบาลใครๆก็คงรู้จัก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบการเสี่ยงโชค มักจะใจจดใจจ่อกับทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ส่วนพวกที่ไม่ใช่แฟนพันธ์แท้ แต่ก็ต้องมีสักครั้งละน่าที่เคยได้ลองซื้อล๊อตเตอรี่กันบ้าง
    เคยสักครั้งหรือไม่ ที่คุณคิดอยากรวยโดยหวังเอาจากการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลสักใบ และเคยสักครั้งหรือไม่ที่คุณจะมองลงไปที่สลากกินแบ่งรัฐบาลที่คุณมีในมือมากกว่ามองตัวเลขหลายหลัก เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงมองสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วยความหวัง แต่นอกจากตัวเลขและความหวังสลากกินแบ่งรัฐบาลยังมีเรืองราวและศิลปะที่ซ่อนตัวอยู่อย่างสวยงาม
    วันนี้เลยมีลอตเตอรี่เก่าหายากมาอวดกัน เป็นของสะสมของ คุณอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ปฏิบัติการบัญชีและการเงิน บริษัทพรานทะเล ซึ่งเป็นนักสะสมของเก่าตัวยงทั้งลอตเตอรี่เก่าๆหายาก เหรียญกษาปณ์ เงินพดด้วงต่างๆหลายชนิด
    ลอตเตอรี่กำเนิดขึ้นในสมัยรัชการที่ 5 สืบเนื่องจากมีฝรั่งชาวอังกฤษ คือนายเฮนรี่ อาลบาสเตอร์ เป็นผู้นำการออกสลากเป็นตัวเลขมาเผยแพร่ให้เป็นวิธีหนึ่งของการเสี่ยงโชค ใช้ทับศัพท์ว่าล็อตเตอรี่ สำหรับลอตเตอรี่ของทางการไทยในช่วงแรกจะใช้คำว่าตั๋วสลาก เรื่อยมา การขายนั้นก็เพื่อนำเงินมาบำรุงหน่วยราชการในโอกาสพิเศษต่างๆ
    เริ่มมีการใช้คำว่าลอตเตอรี่ จากการหาทุนเข้ากองเสือป่าและการหารายได้เพื่อซื้อปืนแบบพระราม 6 ให้แก่กองเสือป่า เช่นใบที่เอามาอวดกันใบนี้ เป็น “ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท” ถือได้ว่าเป็นการออกสลากอย่างเป็นทางการจริง มีรูปแบบการพิมพ์ที่เรียบร้อย มีตราประทับจากกองสลากเสือป่าชัดเจน แถมมีตราประทับของผู้ควบคุมการออกสลากด้วย ออกเมื่อปี พ.ศ 2467 ราคาฉบับละ 1 บาท มีรางวัลทั้งหมด 653 รางวัล ควบคุมโดยเจ้าพระยานนทิเสนสุเรนทรภักดี นายพลเสือป่า
    แม้ว่าคนสะสมลอตเตอรี่เก่ายังไม่มากเท่านักสะสมสแตมป์หรือเหรียญ กษาปณ์ แต่ลอตเตอรี่ใบนี้ก็มีมูลค่าเป็นหลักหมื่นทีเดียว ลองเก็บเล่นๆดูโดยเฉพาะพวกเลขตองทั้งหลายผ่านไปสัก 30-40 ปีลอตเตอรีใบนั้นอาจเพิ่มมูลค่าให้คุณได้โดยไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ
    [​IMG]

    [​IMG]
    ที่มาโพสต์ทูเดย์ ออนไลน์
     
  6. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สั่งเฝ้าระวังแผ่นดินไหวเมืองตรัง

    • 29 มิถุนายน 2554 เวลา 19:34 น. |
    นักธรณีวิทยาสั่งหัวหน้าส่วนเฝ้าระหวังเมืองตรังรับมือแผ่นดินไหวหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 3.5 ริกเตอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
    นายปรีชา สายทอง นักธรณีวิทยาชำนาญการ กรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วย นายเจริญ แก้วประถม นายช่างสำรวจชำนาญงาน กรมทรัพยากรธรณี ได้รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งแรกในจังหวัดตรัง ในรอบ 50 ปี ต่อที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตรัง ประจำเดือนมิถุนายน 2554 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดตรัง โดยมี นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง นายสุรพล วิชัยดิษฐ รอง ผวจ.ตรัง นายสุวิทย์ สุบงกช รอง ผวจ.ตรัง นายไชยยศ ธงไชย ปลัดจังหวัดตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประมาณ 150 คน เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจง
    นายปรีชา กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีแรงสั่นสะเทือนขนาด 3.5 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ที่ อ.หาดสำราญ และมี 3 อำเภอของ จ.ตรัง รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ได้แก่ อ.เมืองตรัง อ.ย่านตาขาวและ อ.กันตัง ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.30 น. และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.42 น. ผลจากการตรวจสอบในพื้นที่ จ.ตรัง พบรอยเลื่อนที่ไม่มีพลัง แต่ยังไม่มีเครื่องมือใดสามารถตรวจจับได้ก่อนล่วงหน้า จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นซ้ำอีกหรือไม่ และในประเทศไทยพบรอยเลื่อนที่มีพลัง 13 รอยเลื่อน และอยู่ในภาคใต้ 2 รอยเลื่อน คือ พื้นที่ จ.ระนอง และ จ.พังงา
    อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่พบบ้านเรือนได้รับผลกระทบเกิดรอยร้าวหลายสิบหลังคาเรือน ขณะที่ชาวบ้านส่วนหนึ่งรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนถึง 2 ครั้ง เป็นเวลานานเกือบ 10 นาที ทั้งนี้ หลังจากนักธรณีวิทยาลงพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ เพื่อตรวจสอบความเสียหายและจุดที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวแล้ว จะนำไปประมวลผลอย่างละเอียดอีกครั้งที่กรมทรัพยากรธรณี ก่อนรายงานให้ทางจังหวัดตรังรับทราบต่อไป พร้อมกันนั้น นักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ยังได้แนะวิธีหลบภัยหากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้ง ต่อที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตรัง เช่น การหลบไปอยู่ใต้โต๊ะและเตียงนอนที่มั่นคงแข็งแรง การสวมรองเท้ายางสำหรับกันเศษหินปูนและเศษกระเบื้องบาดเท้า และการตั้งสติเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    หลังจากนั้น นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง ได้ขอให้เจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา ขยายความการเตือนภัยแผ่นดินไหวให้ชัดเจนและรัดกุมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาใช้ข้อความสั้นๆ ทำให้ฟังแล้วตื่นตกใจ ส่วนเรื่องความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในพื้นที่ จ.ตรัง ครั้งนี้ ทางจังหวัดตรังจะพิจารณาความช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมบ้านเรือนให้ในโอกาสต่อไป แต่ในเบื้องต้นมีรายงานตัวเลขความเสียหายอยู่ที่ 15 หลัง ใน 3 ตำบล คือ ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง 8 หลัง ตำบลวังวน อำเภอกันตัง 1 หลัง และตำบลคลองชีล้อม อำเภอกันตัง 6 หลัง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง ยังพบรายงานตัวเลขควงามเสียหายของบ้านเรือนเพิ่มเติมเข้ามาอีก 9 หลัง
    ที่มาโพสต์ทูเดย์ ออนไลน์<!-- google_ad_section_end -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. Pinkcivil

    Pinkcivil เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    425
    ค่าพลัง:
    +1,644
    เห็นพี่ใหญ่จะสร้างพระอานนท์ถวายวัด เรยนำเรื่องของหลวงพี่ที่เป็นเชื้อสายศากยะ สายพระอานนท์ มาให้อ่านครับ<?import namespace = g_vml_ urn = "urn:schemas-microsoft-com:vml" implementation = "#default#VML" declareNamespace /><g_vml_:shape style="POSITION: absolute; WIDTH: 568px; HEIGHT: 5078px; TOP: 0px; LEFT: 0px" coordsize = "5670,50790" filled = "f" fillcolor = "black" stroked = "t" strokecolor = "#ddd" strokeweight = ".75pt" path = " m50,50800 l5665,50800 at5610,50700,5710,50800,5610,51200,6110,50700 e"><g_vml_:stroke opacity = "1" miterlimit = "10" joinstyle = "miter" endcap = "flat"></g_vml_:stroke></g_vml_:shape><g_vml_:shape style="POSITION: absolute; WIDTH: 568px; HEIGHT: 5078px; TOP: 0px; LEFT: 0px" coordsize = "5670,50790" filled = "f" fillcolor = "black" stroked = "t" strokecolor = "#ddd" strokeweight = ".75pt" path = " m5710,50750 l5710,45 at5610,0,5710,100,6110,0,5610,-500 e"><g_vml_:stroke opacity = "1" miterlimit = "10" joinstyle = "miter" endcap = "flat"></g_vml_:stroke></g_vml_:shape><g_vml_:shape style="POSITION: absolute; WIDTH: 568px; HEIGHT: 5078px; TOP: 0px; LEFT: 0px" coordsize = "5670,50790" filled = "f" fillcolor = "black" stroked = "t" strokecolor = "#ddd" strokeweight = ".75pt" path = " m5660,0 l50,0 at0,0,100,100,124,-484,-484,124 e"><g_vml_:stroke opacity = "1" miterlimit = "10" joinstyle = "miter" endcap = "flat"></g_vml_:stroke></g_vml_:shape> :cool:
    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) ผู้สืบเชื้อสายพระอานนท์

    [​IMG]

    [​IMG]

    เรื่อง : สุทธิคุณ กองทอง <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ภาพ : มาโนช ภาชีรัตน์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    สายลมแห่งผู้กล้า…<O:p></O:p>
    พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) <O:p></O:p>
    ผู้สืบเชื้อสายพระอานนท์<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    จากสามเณรน้อยชาวเนปาล ที่ได้รับการอุปถัมภ์จาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ วันนี้ พระดอกเตอร์ ผู้สืบชายสาย ศากยวงศ์ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะแก่คนทั้งโลกตามรอยธรรมแห่งพระพุทธองค์ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    ก้าวย่างในรอยธรรมของ พระ ดร.อนิล ธมฺมสากิโย (ศากยะ) เริ่มตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เนื่องด้วยพระอาจารย์ได้บวชเป็นสามเณรที่บ้านเกิดในประเทศเนปาล กระทั่งได้รับการอุปถัมภ์จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกให้มาศึกษาพระธรรม วัดบวรนิเวศวิหาร จวบจนเมื่ออายุครบบวชพระ จึงอุปสมบทโดยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ จนต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช และยังสนองงานเจ้าประคุณสมเด็จ จนกระทั่งบัดนี้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //จากสามเณรเนปาลเดินทางสู่แผ่นดินไทย
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พระอนิล ธมฺมสากิโย หรือ พระ ดร.อนิล ศากยะ นามของท่านมีความหมายว่าสายลมแห่งผู้กล้าหาญด้วยแรงศรัทธาแห่งธรรมมาแต่วัยเยาว์ จากการได้เห็นโยมพ่อและญาติ เข้าวัดเป็นประจำ จึงซึมซับไปโดยปริยาย
    <O:p></O:p>
    ครอบครัวอาตมามีพี่น้องอยู่ 5 คน จริงๆ แล้วโยมพ่ออยากให้พี่ชายบวช แต่พี่ชายคนโต เอนทรานซ์ได้ที่ 1 ของประเทศ ได้ทุนไปเรียนอินเดีย พ่อเลยมองมาที่อาตมาเป็นคนที่ 2 ตอนนั้นยังเด็ก อยู่ก็ไม่คิดอะไรมาก เบื่ออยู่บ้านเพราะต้องเลี้ยงน้องๆ เลยตัดสินใจบวชเณรเลยพระอาจารย์อนิล ถ่ายทอดชีวิตบนเส้นทางธรรมในถิ่นกำเนิดที่เนปาล <O:p></O:p>
    กระทั่งในปี 2513 เมื่อสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปเนปาล ทรงเห็นว่าพระสงฆ์เถรวาท ที่นั่นไม่แข็งแรง พระองค์จึงตรัสถามว่า มีอะไรให้คณะสงฆ์ไทยช่วยบ้างหรือไม่ ทางคณะสงฆ์เนปาล จึงขอพรสมเด็จพระสังฆราชเพียง 2 ข้อ ข้อ 1 ขอให้พระสงฆ์ไทยส่งสมณทูตไปเผยแผ่ ข้อ 2 ขอให้ฝึกภิกษุ สามเณร เพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเนปาล<O:p></O:p>
    พระองค์ท่านตรัสถามกลับว่า มีพระภิกษุ สามเณรพร้อมที่จะเดินทางมาฝึกในเมืองไทยไหม ท่านจะเป็นผู้อุปการะเอง ถ้ามีก็ให้ส่งไปได้เลยสามเณรน้อยอนิล จึงถือเป็นคณะสงฆ์รุ่น 2 ที่เดินทางมาเมืองไทยเมื่อปี 2518 หลังบวชได้เพียง 9 เดือน
    <O:p></O:p>
    จริงๆ อาตมามาด้วยกัน 3 รูป แต่อีก 2 รูปไม่รู้เป็นยังไง ถูกใจสาวไทยเยอะเหลือเกิน (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าท่านทั้งสองหล่อ อาตมาเพิ่งอายุ 14-15 ก็ไม่รู้ว่าหล่อเป็นยังไง เณรรุ่นพี่ที่อายุ 17 ปี มีนารีอุปถัมภ์เยอะเหลือเกิน มีสาวไทยมาช่วยทำการบ้านทุกวัน แต่อาตมารู้สึกเบื่อ ไม่ชอบ บอกกับตัวเองว่า ถ้าจะเรียนจะต้องทำเอง ไปๆ มาๆ เณรองค์โตก็เลยสึกไปแต่งงานกับสาวไทย มีลูกด้วยกัน 1 คน อยู่ จ.สุรินทร์ ตอนหลังรู้ว่าหย่ากันแล้วก็เดินทางกลับเนปาลไปแล้ว ส่วนเณรองค์เล็กถูกส่งไปเรียนที่ จิตตภาวันวิทยาลัย ชลบุรี แต่พ่อแม่มาเห็นแล้วรับสภาพไม่ได้ เพราะเณรเป็นร้อย การดูแลไม่ทั่วถึง ยิ่งอยู่ชายทะเลทำให้เณรเป็นหิดขึ้นเต็มตัวไปหมด พ่อแม่เห็นเช่นนั้นก็เลยพาตัวลูกกลับเนปาล
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //ต้นตระกูลศากยวงศ์
    <O:p></O:p>
    สำหรับประวัติของ พระ ดร.อนิล นั้น ท่านเป็นศากยวงศ์ที่สืบเชื้อสายของพระอานนท์ซึ่งย้ายมาอยู่ที่กาฐมาณฑุตั้งแต่สมัยพุทธกาล การดำรงอยู่ของศากยะ ตามหลักฐานระบุว่า การแต่งงานต้องแต่งในตระกูล แต่หมายความว่า จะต้องไม่ใกล้ญาติ โดยต้องห่างกันไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วคน และนามสกุลต้องเป็นศากยะด้วยกัน เพื่อต้องการรักษาเลือด ให้บริสุทธิ์ไว้ <O:p></O:p>
    ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ที่แสดงว่าเป็นศากยวงศ์คือ พิธีกรรม ซึ่งเชื้อสายนี้ต้องบวชเณร ต้องแสดงตัวเองเหมือนเจ้าชายในตระกูล เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ดังนั้น เด็กชายในตระกูลนี้ อายุ 4 หรือ 5 ขวบ ต้องบวชเณร 4 หรือ 5 วัน การบวชเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของตระกูลศากยะ ผู้ชายทุกคนต้องบวช ต้องออกบิณฑบาต ถ้าไม่ได้บวชถือว่าไม่สมบูรณ์ ศากยะทุกตระกูลต้องมีวัดประจำตระกูล และมีห้องพระในบ้านเป็นห้องสำคัญที่สุดนี้ ถ้าใครไม่ได้ผ่านพิธีกรรมจะเข้าไม่ได้ ถือเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ทางสายเลือด
    <O:p></O:p>
    ตระกูลศากยะ <O:p></O:p>
    ในพุทธประวัติระบุว่า พระเจ้าวิฑูฑภะ ฆ่าศากยะหมด ตรงนี้พระอาจารย์อนิล อธิบายว่าแม่พระเจ้าวิฑูฑภะถูกหลอกว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งศากยะ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เรื่องนี้มีมูลเหตุมาจาก พระเจ้าปเสนทิโกศลอยากเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า ก็เลยขอลูกสาวจากกรุงกบิลพัสดุ์มาแต่งงานกัน แต่ศากยะไม่ต้องการยกลูกสาวของตนให้พระเจ้าปเสนทิโกศลที่มีอำนาจมากกว่า จึงหลอกเอาลูกช่างทาสีมาย้อมแมวส่งให้ เมื่อมีลูกออกมา ลูกรู้ว่าปู่ตัวเองถูกหลอกก็แค้น เลยไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะ เอาเลือดมาล้างบัลลังก์ของตัวเอง ม้จะถูกฆ่าล้างตระกูล แต่ไม่ได้หมายความว่าศากยะจะถูกฆ่าทั้งหมด เพราะศากยวงศ์ไม่ได้อยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้น ทว่ายังมีอยู่ในเมืองอื่นๆ อีก<O:p></O:p>
    พุทธศาสนาในเนปาล ลัทธิเถรวาท เคยหายไปพักหนึ่ง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-15 เพราะพระมหากษัตริย์ฝักใฝ่ฮินดู แล้วบังคับพระเถรวาทให้สึก และจับแต่งงาน ส่วนมหายาน วัชรญาณยังรักษาไว้ได้ เพราะสามารถปรับเข้าได้กับการเมือง ต้นตระกูลอาตมาเกี่ยวโยง กับตระกูลที่ย้ายมาค้าขายที่กาฐมาณฑุสมัยพุทธกาล หลักฐานที่มีอยู่เป็นภาษาสันสกฤต เป็นคัมภีร์ที่เขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 2 หรือ 3 ชื่อ มูลสราวาสติวาทิน ในคัมภีร์กล่าวว่า มีญาติของพระอานนท์มาค้าขายอยู่ที่กาฐมาณฑุ เมื่อมีพ่อค้าจากกรุงกบิลพัสดุ์ มาค้าขายที่กาฐมาณฑุ ญาติพระอานนท์จึงเข้าถามพ่อค้าว่า เจอพระอานนท์บ้างหรือไม่ พ่อค้าบอกว่าเจอประจำ เมื่อใดที่เห็นพระพุทธเจ้าก็จะเห็นพระอานนท์นั่งอยู่ข้างๆ<O:p></O:p>
    ดังนั้น ญาติพี่น้องเลยขอร้องให้พ่อค้าช่วยกราบทูลพระอานนท์ว่า มีญาติพี่น้องของท่านมาตกยากอยู่ที่กาฐมาณฑุ อากาศหนาว เดินทางลำบาก อยากจะไปกราบพระอานนท์ แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ เลยอยากให้มาโปรดญาติพี่น้องบ้าง เมื่อพ่อค้าส่งข่าวถึงพระอานนท์ ท่านจึงเดินทางไปเยี่ยมญาติ เมื่อกลับถึงที่ประทับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏว่าเท้าแตก พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็น ตรัสถามได้ความว่า เพราะพระอานนท์ไปเยี่ยมญาติที่กาฐมาณฑุมา อากาศหนาวมาก จะสวมรองเท้าก็ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ถ้าเป็นการเดินทางลักษณะนี้ควรใส่รองเท้าได้ คัมภีรมูลสราวาสติวาทินนี้ โยงได้ว่า ต้นตระกูลของอาตมาที่กาฐมาณฑุเป็นตระกูลเดียวกันกับพระอานนท์พระอาจารย์อนิล เล่าความเป็นมาของผู้สืบเชื้อสายของพระอานนท์ในประเทศไทย
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //บวชลืมสึกเพราะสมเด็จพระสังฆราช<O:p></O:p>
    การเป็นองค์อุปถัมภ์หน่อเนื้อเชื้อธรรมแห่งศากยะ สมเด็จพระสังฆราช ทรงมองเห็นอัจฉริยภาพและทรงใส่พระทัยด้านการศึกษาของพระ ดร.อนิล อย่างมาก จึงทรงอบรมเคี่ยวเข็ญให้สามเณรน้อยอ่านหนังสือ แล้วให้นั่งอยู่กับพระองค์ <O:p></O:p>
    ช่วงนั้นภาษาอังกฤษอาตมาไม่ดี ท่านทรงสอนให้อ่านให้ถูกต้อง และให้แปลได้เป็นอย่างดี สาเหตุที่ทำให้อาตมารอดจากการสึกมาได้นั้น น่าจะมาจากสมเด็จพระสังฆราช เพราะทุกๆ เช้าไม่ว่าท่านจะไปไหน ท่านก็ตรัสว่า อ้าว!! เณรสะพายย่าม ท่านก็จะพาไปตามที่ต่างๆ ถ้าวันไหนไม่เห็นอาตมา ท่านก็จะส่งเด็กไปตาม เรียกว่าอาตมาไปไหนไม่ได้เลย ทำให้ต้องนั่งคุกเข่าอยู่กับท่านแบบนี้ จนเข่าด้านไปหมดตอนนั้น (หัวเราะ)” <O:p></O:p>
    ด้วยบวชเรียนและมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสังฆราช เหตุนี้พระอาจารย์อนิลจึงซึมซับคำสอนหลายอย่างจากพระองค์ท่านจะแนะนำให้ทุกอย่าง เวลาทำงานพลาด อย่างร่างหนังสือ พออาตมาทำผิดท่านก็จะสอนว่าต้องร่างแบบนี้ คำแนะนำของท่านทำให้ทุกวันนี้วัดบวรฯ เวลาจะมีการร่างหนังสือ หรือร่างหนังสือถึงในวัง อาตมาคิดว่าคนไทยด้วยกันคงสู้อาตมาไม่ได้ เพราะถูกสอนมาจากท่านโดยตรง ทำให้เวลาได้คุยกับเชื้อพระวงศ์ก็ใช้คำราชาศัพท์ได้อย่างคล่องแคล่ว”
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //ในหลวงพระราชทานทุนเรียนปริญญาเอก<O:p></O:p>
    พระอาจารย์ ดร.อนิล สำเร็จการศึกษา ศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.) จาก คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในปี 2525 และปี 2530 ศึกษาต่อระดับปริญญาโท (MA) ด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยตรีภูวัน ประเทศเนปาล นอกจากนี้ยังได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโท (MPhil) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จาก วิทยาลัยคราอิสต์ คอลเลจ (Christ College) มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2537 แล้วศึกษาต่อระดับปริญญาเอก (PhD) ด้านมานุษยวิทยาสังคม จากมหาวิทยาลัยบรูเนล (Brunel University) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกเช่นกัน สำเร็จในปี 2543
    <O:p></O:p>
    ปี 2535 สมเด็จพระสังฆราช ได้ถามอาตมาว่า ไม่คิดที่จะไปเรียนต่อ อาตมาก็เฉย เห็นไหมว่ามีผู้ใหญ่วางแผนชีวิตให้หมด ท่านก็ถามแล้วถามอีก อาตมาก็เลยบอกท่านไปว่า ถ้าไปเรียนแล้วใครจะดูแลที่นี่ ท่านก็ตอบกลับมาว่า แล้วคุณไปเกี่ยวอะไร ไปกังวลทำไม ท่านยังไม่สนใจเลย แล้วคุณไปคิดมากทำไม (หัวเราะ) เราก็คิดได้ว่า เออเราทำไมไปยึดมั่นถือมั่นตรงนั้นได้นะ อาตมาก็แอบไปสมัครมหาวิทยาลัยดังในอเมริกากับยุโรป เกือบ 20 แห่ง ตอนนั้นกิเลสยังเยอะ (หัวเราะ) ผลปรากฏว่ามีเกือบ 10 แห่งที่ตอบรับมา ที่จำได้ก็จะมี มหาวิทยาลัยแอริโซนา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย อย่างที่อังกฤษก็เป็น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
    <O:p></O:p>
    ตอนนั้นอยากไปเรียนที่แอริโซนา เพราะพระถูกฆ่าตายทั้งวัด ยิ่งเป็นคนแปลเอกสารให้กับทางวัด ยิ่งอยากจะไปดูว่า เป็นไปได้ยังไงพระถูกฆ่าตายทั้งวัด อยากจะไปสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาก็ติดต่อกับมหาวิทยาลัยแอริโซนา รับปากเรียบร้อยแล้วว่า จะดูแลความปลอดภัยทุกอย่าง มาได้เลย พอใกล้จะเดินทาง ทุกคนก็ไม่อยากให้ไป ในที่สุดก็ไม่ได้ไป เลยมีตัวเลือกอื่น คือ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปัญหาก็เกิดขึ้นอยู่ที่ทุน ก็ไม่ได้บอกสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็ถามติดต่อหรือยัง ก็เลยกราบทูลท่านว่า ติดต่อแล้ว มหาวิทยาลัยตอบรับเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้กำลังรอเรื่องทุนอยู่ พอท่านรู้ก็กริ้วว่า ทำไมไม่บอก เรื่องแค่นี้ทางวัดบวรฯ ส่งไม่ได้หรือ ท่านทำงานให้กับวัดมาตั้งมากมาย ที่สุดก็ได้ไปดูสถานที่เรียนที่เคมบริดจ์ โดยมีอาจารย์ภาควิชาจัดการเรื่องสมัครเรียนให้หมดเลย
    <O:p></O:p>
    ก่อนที่จะเดินทางไปเรียนอีก 7 วัน พระอาจารย์ได้คุยกับท่านราชเลขาในขณะนั้น (..ทวีสันต์ ลดาวัลย์) ซึ่งท่านตกใจ เกิดความไม่พอใจว่าไปได้ยังไงท่านก็บอกว่าไปไม่ได้ แล้ว อาตมาเป็นที่คุ้นเคยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ หากท่านรับสั่งถาม ขึ้นมาจะทูลตอบพระองค์ท่านยังไง ท่านราชเลขาก็แนะนำให้เขียนหนังสือกราบบังคมทูลลา จากนั้นก็โทร.มาถามว่า ในหลวงมีพระราชกระแสรับสั่งว่าเอาทุนมาจากไหน อาตมาก็ตอบไปว่าก็ทุนของสมเด็จพระสังฆราชท่านประทาน วันต่อมาท่านราชเลขาก็บอกว่า ในหลวงไม่โปรดให้สมเด็จพระสังฆราชออกทุน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานทุนเอง พระองค์มีพระราชกระแสรับสั่งว่า ให้ตั้งใจเรียน ไม่ต้องกังวลเรื่องทุน ไม่พอก็บอกมาพระอาจารย์กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณด้วยใบหน้าปลื้มปีติยากจะลืมเลือน
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    //สร้างบารมี...ก้าวสู่พระอินเตอร์ <O:p></O:p>
    จากความรู้ทางธรรมที่ได้จากการปฏิบัติและการศึกษาเล่าเรียน ในปี 2548 พระอาจารย์อนิล ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย แล้วยังรับหน้าที่เป็นอาจารย์พิเศษประจำ อยู่ที่ วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยซานตา คลารา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (Santa Clara University, CA, USA) นอกจากนี้ยังดำรง ตำแหน่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกมากมาย <O:p></O:p>
    ถ้าถามว่าอนาคตวางแผนชีวิตภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ยังไง หรือจะมีการสึกเพื่อไปใช้ชีวิต แบบฆราวาสหรือเปล่า จริงๆ ชีวิตของอาตมาไม่มีเป้าหมาย เพราะไม่เคยวางแผนชีวิตด้วยตัวเอง ตั้งแต่เล็กๆ ก็มีผู้ใหญ่วางแผนชีวิตให้หมด เพียงแต่เราแค่เดินตาม ตั้งแต่คณะสงฆ์เนปาล ส่งให้มาอยู่กับสมเด็จพระสังฆราช ก็ให้มาเคี่ยวเข็ญสั่งสอนจนจบปริญญาตรี เรียนจบขอกลับบ้าน 3-4 ครั้งท่านก็ไม่ยอม จริงๆ อาตมาอยากจะกลับไปสร้างวัดที่นั่น เพราะเห็นวัดในเมืองไทยสวยงามใหญ่โต ท่านบอกว่า คุณกลับไปจะทำอะไรได้ แม้จะอ้างว่าที่ดิน วัสดุมันจะแพง ท่านพูดมาคำเดียวว่า คุณมีเงินหรือ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เพราะท่านสร้างวัดได้ก็ตอนอายุ 60 ปีแล้ว แต่คุณต้องอยู่ที่นี่ ท่านก็เลยแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเลขา <O:p></O:p>
    ไม่น่าเชื่อหลังจากนั้นโครงการสร้างวัดก็เกิดขึ้น ท่านก็ให้อาตมาไปสร้างวัด แล้วก็สร้างเสร็จ ซึ่งวัดที่ไปสร้างก็อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยเนปาล ระหว่างนั้นก็มีอาจารย์มาให้ เซ็นเพื่อเข้าเรียนปริญญาโท พอสร้างวัดเสร็จอาตมาก็เรียนจบปริญญาโทกลับมาอีกหนึ่งใบ แล้ววัดที่สร้างได้ชื่อว่า วัดไทยสิริกิติ์วิหาร เป็นวัดในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แห่งวัดบวรนิเวศวิหารจากประเทศไทยนั่นเองวัดไทยในเนปาลกลายเป็นศูนย์ กลางพระพุทธศาสนาที่ทุกคนเลื่อมใสศรัทธา
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    // “อนิจจังทุกขังอนัตตา<O:p></O:p>
    ตลอดชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อพระอาจารย์อนิลไปบรรยายที่ไหนจะมีญาติโยมทุกระดับจนถึงท่านเจ้าคุณมาฟังมากมายยิ่งปัจจุบันเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบเช่นนี้ธรรมะย่อมเป็นหนึ่งทางออกของปัญหานี้ได้<O:p></O:p>
    อาตมาไม่รู้จะเอาลาภยศสรรเสริญไปทำไมพยายามคิดเสมอว่าเราอย่าไปยึดติดตรงนั้นเพื่อที่จะมาพัฒนาตัวเองถ้าไม่พัฒนาตัวเองเราก็จะโง่ทันทีจริงๆเราก็เหมือนกำลังยืนอยู่ที่ปากเหวนั่นเองใครเห็นก็ว่าเรากล้าเก่งแต่ถ้าเผลอไปเมื่อไหร่เราก็ตกเหวเมื่อนั้นนั่นก็เป็นเป้าหมายของพระพุทธศาสนาที่ให้พัฒนาตนด้วยการภาวนานั่นคืออนิจจังทุกขังอนัตตา ที่เป็นความไม่เที่ยงของชีวิต ถ้าทุกคนเข้าใจตรงนี้ได้มันก็จะเป็นปัญญาให้เราได้ปรับตัวอยู่กับความไม่แน่นอนของชีวิตได้อย่างมีความสุขโดยที่ไม่ต้องไปยึดติดว่าสิ่งนั้นเป็นของเราที่สุดเราก็จะโล่งและความสงบสุขก็จะเกิดขึ้น<O:p></O:p>
    เพราะเมื่อใดที่ต่างฝ่ายยังยึดมั่นถือมั่นความ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2011
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ทิ้งขยะสนุกจัง! ไอเดียน่ารักชวนรักสะอาด


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก iam.curiousabout.ch, kaktusjack.com

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    เมืองไหนที่มีขยะตามท้องถนนเยอะแยะไปหมดคงต้องหันมาลองวิธีนี้ดูบ้าง เมื่อเมืองเล็ก ๆ ในสวิซเซอร์แลนด์อย่าง "ลูเซิร์น" ได้คิดกุศโลบายเพื่อดึงคนให้สนใจกับการทิ้งขยะให้ลงถัง จึงทำการทิ้งขยะให้กลายเป็นเรื่องสนุก ด้วยการสมมุติพื้นที่เล็ก ๆ หน้าถังขยะให้กลายเป็นลานเล่นเล็ก ๆ ที่ผู้ทิ้งขยะจะต้องชู้ตขยะให้ลงถัง หรือจะกระโดดไปตามตารางที่พื้น หรือแบบที่คนไทยเรียกว่าเล่น "ตั้งเต"


    [​IMG]

    และยิ่งไปกว่านั้น ในบางแห่ง เจ้าถังขยะก็จะติดอยู่กับแป้นบาสเก็ตบอล ให้บรรดานักชู้ตได้ประลองความแม่นกันด้วยล่ะ...เห็นแบบนี้แล้วอยากหาขยะมา ทิ้งหลาย ๆ ชิ้นจังเลย คงสนุกเพลินกันเลยทีเดียว (อิอิ)




    .


    -http://hilight.kapook.com/view/60258-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    แบล็คราสเบอร์รี่สุดยอดอาหาร

    [​IMG]


    แบล็คราสเบอร์รี่ช่วยขัดขว้างเซลล์มะเร็งได้ เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดเอลลาจิก

    ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโอไฮโอ ได้ทำการทดลองโดยให้หนูที่เป็นเนื้องอกลำไส้ใหญ่และเนื้องอกหลอดอาหารรับ
    แบ ล็คราสเบอร์รี่เป็นอาหาร แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากแบล็คราสเบอร์รี่ช่วยชะลอการเจริญเติบโตมะเร็งเต้า นม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหารและได้ทำการประเมินผลข้างเคียงในมนุษย์เมื่อรับประทาน
    แบล็คราสเบอร์รี่กับผู้ที่เป็นมะเร็งลำไส้และมะเร็งหลอดอาหารแล้ว

    แบล็คราสเบอร์รี่เป็นผลไม้ฉ่ำน้ำเหมือนราสเบอร์รี่แต่หวานน้อยกว่า ต้นกำเนิดมาจากทางอเมริกาเหนือและถูกนำไปปลูกยังอังกฤษเมื่อ 5 ปีที่แล้ว


    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309336080&grpid=&catid=09&subcatid=0902-

    .
     
  11. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ เช้าวันพฤหัส
     
  12. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ทอดไข่เจียวให้น่ากิน

    วันพฤหัสบดี ที่ 30 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ไข่เจียวอาหารประจำชาติชนิดหนึ่ง เมนูยอดนิยม ทำง่าย แต่น้อยคนที่จะทำออกมาแล้วดูน่ารับประทานและอร่อย วันนี้มีเคล็ดลับมาฝาก

    ไข่เจียวฟู ๆ ดูน่ารับประทาน แต่มีพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่หลายคน ที่ทำออกมาแล้วดูแฟบ แถมยังไม่อร่อย ไม่ต้องกังวลไป เดลินิวส์ออนไลน์ มาช่วยแล้ว

    การทอดไข่เจียวให้น่ารับประทานนั้น ต้องเริ่มจากขั้นตอนการปรุงและตีไข่ โดยตอกไข่ใส่ถ้วยปรุงให้เรียบร้อย แล้วบีบน้ำมะนาว ลงไป 2-3 หยด และตีไข่ให้เข้ากัน ทอดลงในน้ำมันร้อน ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟูและนุ่ม

    อีกวิธีหนึ่ง เมื่อตีไข่จนขึ้นฟูแล้ว ใส่น้ำมันลงกระทะ รอน้ำมันเดือด ๆ ใช้ตะหลิวตักน้ำมันขึ้นมาหน่อย ใส่ลงไปในชามไข่ จากนั้น ค่อยนำไข่ลงไปเจียวในกระทะ

    อีกเคล็ดลับหนึ่งคือ ให้ใช้หม้อแทนกระทะในการทอด วิธีนี้สามารถกำหนดรูปร่างของไข่ให้ฟูและหนาได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมในการทอดไข่ให้ฟู คือ ใช้ไฟแรง แต่ไม่ถึงกับแรงจัด และน้ำมันต้องมากพอ การตีไข่ เมื่อตีเสร็จแล้ว อย่าวางทิ้งไว้ รีบเอาลงกระทะเลย เพราะฟองอากาศจะได้ยังแฝงตัวอยู่ในเนื้อไข่ ไม่ลอยขึ้นมาจนหมด.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  13. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    รู้จัก "ต้นกัลปพฤกษ์"

    วันพุธ ที่ 29 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    หลายคนเคยได้ยินชื่อ แต่จะมีสักกี่คนที่นึกออกว่ารูปร่างหน้าตาพรรณไม้ชนิดนี้เป็นอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ พาผู้อ่านไปรู้จักกับ "ต้นกัลปพฤกษ์"

    กัลปพฤกษ์ ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีคนจำนวนไม่น้อยจำสับสนกับต้นราชพฤกษ์ พบได้มากทางภาคอีสานและภาคเหนือ มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น เขมรและสุรินทร์ เรียกว่า "การล์" ชาวปราจีนบุรี เรียกว่า "เปลือกขม" เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดขอนแก่นอีกด้วย มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ และตามป่าเบญจพรรณทั่วไป

    ลักษณะของต้นกัลปพฤกษ์ เมื่อโตเต็มที่แล้ว จะมีความสูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกนอกสีเทาลำต้นมีรอยเป็นเส้นเล็กน้อย แตกกิ่งก้านพุ่งสู่ด้านบนแบบไม่เป็นระเบียบ ใบเป็นแผงมีใบย่อยประมาณ 5-6 คู่ ออกเรียงตรงกันตามก้าน ใบบางเรียบปลายใบแหลม ขนาดของใบกว้างประมาณ 2-4 ซม. ยาว 4-7 ซม. ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้าน มีกลิ่นหอม สีชมพูแกมขาว มีกลีบดอก 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะมีความกว้างประมาณ 23 ซม. ตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้สีเหลือง ผลมีลักษณะเป็นฝักกลม ยาว สีดำ เมื่อแก่เนื้อในฝักมีสีขาวกั้นเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีเมล็ดเรียงอยู่ ฝักหนึ่งยาวประมาณ 15-30 ซม.

    ต้นไม้ชนิดนี้ปลูกง่าย และเป็นไม้ที่ทนทานต่อโรคพอสมควร สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด และที่ที่มีแสงแดดจัด นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด

    ต้นกัลปพฤษณ์นั้นนิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน แต่ควรปลูกให้ห่างบริเวณบ้าน เนื่องจากเป็นไม้ที่มีการแตกกิ่งก้านสาขาออกอย่างกว้างขวาง คนโบราณเชื่อว่า การปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้ประจำบ้าน ทำอะไรก็จะประสบผลสำเร็จ เพราะต้นกัลปพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ถือว่าเป็นไม้มงคลนาม ให้ปลูกในวันเสาร์ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน จะเป็นสิริมงคลกับผู้อยู่อาศัย.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  14. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7518 ข่าวสดรายวัน


    สร้างสังคม'คนดี'ถวาย'ในหลวง' โครงการปฏิบัติธรรมะสามัคคี-เผยแผ่ธรรม




    พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ เปิดเผยว่า เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 โครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนดจัดโครงการปฏิบัติธรรมะสามัคคี ทำดีถวายในหลวงขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชนร่วมกันทำความดี ผ่านกิจกรรมเผยแผ่ธรรมทั่วไทยด้วยกิจกรรมการปฏิบัติธรรม ในการสร้างความดีให้เกิดขึ้นในสังคม ถวายเป็นพระราชกุศล ขณะเดียวกันตนเห็นว่า ทุกวันนี้คนไทยเป็นชาวพุทธแต่ในสำมะโนครัว แต่ชีวิตจริงละเลยศีล 5 จนสังคมเกิดปัญหาต่างๆ หากสังคมต้องการคนดี สังคมก็ต้องช่วยกันสร้างคนดี การตอบรับเข้าร่วมโครงการธรรมะสามัคคีถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะทำให้กิจกรรมประสบความสำเร็จ สำหรับสำนักปฏิบัติธรรมได้มีการคัดเลือกให้เหลือเพียง 84 สำนัก จาก 1,000 แห่ง ที่จัดให้ประชาชนที่สนใจได้ไปปฏิบัติธรรมตามสถานที่สนใจ ในขณะเดียวกัน อยากให้มหาวิทยาลัยส่งเสริมธรรมะให้มีในจิตใจของนักศึกษา เนื่องจากหลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่ได้ตัดวิชา คุณธรรม จริยธรรม ออกไป ทำให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีที่จะมาเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคตไม่ได้รับการอบรมศีลธรรม ดังนั้น หากมหาวิทยาลัยจะสนใจเข้าร่วมโครงการธรรมะสามัคคีฯ เพื่อนำนักศึกษาได้มาปฏิบัติธรรม จะเป็นการช่วยให้บุคลากรของชาติได้ซึมซับหลักธรรมในการนำไปใช้พัฒนาประเทศชาติในอนาคต นอกจากนี้ สถาบันทางราชการ สถาบันเอกชน เหล่านี้ทำกิจกรรมเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว แต่ทางโครงการจะทำไปช่วยเสริมโดยการชวนปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นทางเลือกในการร่วมกันสร้างความดีให้เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น

    ด้านนาวาตรีเกริก ตั้งสง่า กรรมการโครงการเล่าเรียนหลวงฯ กล่าวว่า การตอบรับเข้าร่วมโครงการทำได้ง่ายโดยแสดงความประสงค์ที่จะจัดกิจกรรมเผยแผ่ธรรมทั่วไทยผ่านโครงการทุนเล่าเรียนหลวง เช่น ชุมชนจะจัดให้ไปร่วมกันปฏิบัติธรรม หรือจะมีการจัดเทศน์ธรรมะในชุมชนเดือนละ 1 ครั้ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีใช้วิธีปฐมนิเทศด้วยการบรรยายธรรม เป็นต้น หน่วยงานใดสนใจติดต่อได้ โทร.0-2245-2113 อีเมล์ kstminfo@gmail.com

    ที่มา ข่าวสด ออนไลน์
     
  15. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]





    อย. เดินหน้า! เฝ้าระวังอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น-ยุโรปหวั่นเชื้อ"อี.โคไล"ระบาด

    อย.สุ่มตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์หาสารกัมมันตรังสี จำนวน 384 รายการ ได้รับผลแล้ว 367 รายการ ทุกรายการอยู่ในระดับ “ปกติ” สำหรับผลการเก็บตัวอย่างผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ นำเข้าจากยุโรป อย. ได้เก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์ "อี.โคไล" สายพันธุ์ O104:H4 จำนวน 40 ตัวอย่าง ได้รับผลแล้ว 27 ตัวอย่าง ไม่พบอีโคไล สายพันธุ์ O104: H4 แต่อย่างใด แนะ “กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ” เพื่อสุขลักษณะและสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค
    นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหาร-และยา (อย.) มีมาตรการเข้มในการตรวจอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น และผัก/ผลไม้/ เนื้อสัตว์ นำเข้าจากยุโรปมาอย่างต่อเนื่อง กรณีอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น ขณะนี้ อย. ได้ส่งตัวอย่างอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นให้แก่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตรวจวิเคราะห์หาสารกัมมันตรังสี จำนวนทั้งหมด 384 รายการ ได้รับผลการตรวจวิเคราะห์ 367 รายการ ได้แก่ อาหารทะเล จำนวน 261 รายการ ผักและผลไม้ จำนวน 47 รายการ และอาหารประเภทอื่น ๆ จำนวน 59 รายการ ทุกรายการ อยู่ในระดับ “ปกติ” สำหรับประกาศฉบับใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น หากมีความคืบหน้า อย. จะรีบแจ้งให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกัน
    เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า กรณีเชื้ออีโคโล (E.coli) สายพันธุ์ O104: H4 ตามที่เป็นข่าว อย. ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีมาตรการเฝ้าระวังผักนำเข้าจากประเทศกลุ่มยุโรปด้วยเช่นกัน โดย อย. ได้เก็บตัวอย่างผักและผลไม้ รวมทั้งเนื้อสัตว์ ที่นำเข้าจากประเทศในแถบยุโรป ซึ่งขณะนี้ อย. ได้ส่งตัวอย่าง ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจวิเคราะห์หาเชื้ออีโคโล สายพันธุ์ O104: H4 จำนวน 40 รายการ ได้รับผลวิเคราะห์ 27 รายการ ได้แก่ ผัก/ผลไม้ 23 รายการ เนื้อสัตว์ 2 รายการ ซอสมะเขือเทศ 1 รายการ หัวหอมใหญ่ ชนิดผง 1 รายการ ผลการตรวจวิเคราะห์จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทุกรายการไม่พบเชื้ออีโคไล สายพันธุ์ O104:H4 แต่อย่างใด
    เลขาธิการฯ อย. กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้ อย. ยังคงติดตามสถานการณ์อาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นและอีโคไล สายพันธุ์ O104: H4 ในผัก/ผลไม้/ เนื้อสัตว์ จากยุโรป อย่างใกล้ชิด ขอผู้บริโภควางใจ ทั้งนี้ อย. ขอแนะให้ผู้บริโภค “กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือ” เพื่อสุขลักษณะและสุขภาพที่ดี และขออย่าได้ตื่นตระหนก ซึ่งหากพบสิ่งผิดปกติ อย. จะรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ และสถานการณ์ความคืบหน้าให้ประชาชนได้ทราบผ่านทุกสื่อ รวมทั้ง เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th และ Social Media: Facebook: Fda Thai และ Twitter: FDAthai อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
    ที่มา สยามรัฐ ออนไลน์
     
  16. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>Tofu Mania สารพันน้ำเต้าหู้ รสเข้มครบเครื่องเพื่อสุขภาพ</TD><TD vAlign=baseline align=right width=102></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นุชนาถ เล็บนาค (แตงโม) และ จิรารัตน์ พอผลอนันต์ (โจ๊ย) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่างน้ำเต้าหู้ ปัจจุบันเห็นได้ทั่วไปแต่มีเวลาจำกัดที่ส่วนใหญ่หารับประทานได้ในช่วงเช้า และเย็นเท่านั้น ทำให้ผู้ที่คลั่งไคล้ในการดื่มน้ำเต้าหู้ที่ไม่จำกัดช่วงเวลา กลับรู้สึกว่าบางครั้งหารับประทานยาก ต้องซื้อตุนไว้ในตู้เย็นครั้งละหลายถุง อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ก็ต้องยอมจำนน สุดท้ายปิ๊งไอเดียเพื่อตอบสนองความต้องการของตนด้วยการทำน้ำเต้าหู้ขายเอง เน้นความเข้มข้นและรสชาติถูกใจ กลายเป็นร้าน “Tofu Mania” โกยรายได้แถมได้เครื่องดื่มโดนใจ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำเต้าหู้แบบร้อนและเย็น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นุชนาถ เล็บนาค (แตงโม) และ จิรารัตน์ พูลผลอนันต์ (โจ๊ย) สองเพื่อนซี้จับมือเปิดธุรกิจร้าน Tofu Mania สารพัดเมนูน้ำเต้าหู้เพื่อสุขภาพ พร้อมเครื่องแปลกใหม่หลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเมื่อรับประทานคู่กับน้ำเต้าหู้ ซึ่งธุรกิจนี้เกิดมาจากความชอบดื่มน้ำเต้าหู้ของนุชนาถ ถึงขั้นเป็นน้ำเต้าหู้ที่ขายกันตามท้องถนนไม่ได้ ต้องซื้อเป็นทุกครั้งไป และซื้อครั้งละ 5-6 ถุง นำไปแช่เก็บไว้ในตู้เย็นทยอยดื่มทีละถุงแบบน้ำเต้าหู้เย็น โดยไม่มีร้านประจำ ทำให้บางครั้งเจอรสชาติไม่ถูกใจ ไม่เข้มข้นแต่ร้านเหล่านั้นก็ขายหมดทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งนุชนาถต้องการดื่มน้ำเต้าหู้มาก แต่หาซื้อไม่ได้ในช่วงกลางวันซึ่งน่าจะมีคนที่เป็นแบบนี้อยู่บ้าง จึงคิดโมเดลธุรกิจร้านน้ำเต้าหู้ที่สามารถรับประทานได้ทุกช่วงเวลา แถมรสชาติอร่อย เข้มข้น เน้นคุณภาพด้วยน้ำเต้าหู้แท้ 100%

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เมนูยอดฮิตสารพัดธัญพืช</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> จากที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อน แต่กลับต้องศึกษาวิธีการทำนำเต้าหู้ เริ่มจากการไปเรียนการทำน้ำเต้าหู้ และมาพัฒนาเพื่อให้สูตรของตนเองใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสูตรที่ลงตัว มีความหอม และเข้มข้ม ตรงตามต้องการ โดยได้ชักชวนเพื่อนสนิทอย่าง จิรารัตน์ มาร่วมธุรกิจ ซึ่งทั้งคู่ยอมเสี่ยงขาดรายได้จากงานประจำ เพื่อมาทำธุรกิจนี้อย่างเต็มตัวตั้งแต่เริ่มต้น เพราะคิดว่าโดยภาพรวมธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโต แต่หากไม่ให้เวลาทำเต็มที่อาจเสียโอกาสในการมีธุรกิจเป็นของตัวเองไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำเต้าหู้ชาเขียวปั่น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “การพัฒนาสูตรน้ำเต้าหู้ เรายึดรสชาติพื้นฐานตามที่เราชอบดื่มก็ทำออกมาอย่างนั้น เช่น ชอบความเข้มข้มจากน้ำถั่วเหลืองแท้ 100% หรือความหอมหวาน โดยเราเน้นทำเป็นน้ำเต้าหู้ชนิดเย็น ใส่เครื่องหลากหลายชนิดเพื่อให้ลูกค้าที่ได้ดื่มแล้วรู้สึกเหมือนกำลังรับประทานขนมหวานเย็น แต่แท้จริงแล้ววัตถุดิบหลักคือน้ำเต้าหู้ที่ดีต่อสุขภาพคงความเป็นน้ำเต้าหู้เข้มข้นได้ตลอดเวลาด้วยน้ำแข็งที่ทำจากน้ำเต้าหู้เช่นกัน พร้อมเครื่องให้เลือกหลากหลาย ซึ่งทุกอย่างทำเองหมด คือ วุ้น ถั่วแดง ถั่วเขียว แปะก๊วย ข้าวบาร์เลย์ เม็ดแมงลัก ไข่มุกอบน้ำผึ้ง ลอดช่องสิงคโปร์ ทับทิมกรอบ ส่วนเฉาก๊วย จะซื้อจากร้านที่มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความสะอาด ซึ่งเครื่องเหล่านี้เราทดลองทำกินเองก็รู้สึกว่าเข้ากับน้ำเต้าหู้ได้ดี รวมถึงยังสามารถสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ลูกค้าได้”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำเต้าหู้ชนิดเย็น รับประทานคู่กับทับทิมกรอบคล้ายขนมหวานเย็น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับเมนูน้ำเต้าหู้ของร้าน Tofu Mania ไม่เพียงแต่มีรสชาติของน้ำเต้าหู้ฉบับดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังเอาใจลูกค้าบางส่วนที่ไม่ชอบกลิ่นถั่วเหลืองทำให้ไม่อยากรับประทาน เช่นเดียวกับ จิรารัตน์ ผู้ร่วมธุรกิจจึงคิดสูตรน้ำเข้าหู้รสชาติอื่น เพื่อกลบกลิ่นถั่วเหลืองลง สุดท้ายจึงเกิดเป็นเมนู น้ำแดงเต้าหู้, น้ำเต้าหู้หวานงาดำ และชาเขียวเต้าหู้ ในราคาชนิดร้อนเริ่มต้นที่แก้วละ 20-25 บาท ส่วนชนิดเย็น 25-40 บาท/แก้ว แต่หากลูกค้าต้องการใส่เครื่องราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างละ 5 บาท โดยเมนูยอดนิยม ได้แก่ น้ำเต้าหู้ครบเครื่อง (วุ้น ไข่มุก เม็ดแมงลัก ข้าวบาร์เลย์ ถั่วแดงและถั่วเขียวซีก) และน้ำแดงเต้าหู้ที่ลูกค้าชอบรับประทานคู่กับทับทิมกรอบ เพราะให้รสชาติเหมือนทับทิมกรอบในน้ำกะทิสด ส่วนผู้ที่ชอบเครื่องดื่มชนิดปั่นต้องเมนู Icy soya drink ได้แก่ น้ำเต้าหู้เกล็ดน้ำแข็ง ชาเขียวเต้าหู้ ช็อกโกแลตเต้าหู้ น้ำแดงเต้าหู้ และมะม่วงเต้าหู้ (ผลไม้สดจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล)

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำเต้าหู้มะม่วงปั่นเพิ่มความสดชื่น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยทำงาน ย่านออฟฟิศเป็นหลัก ซึ่งทางร้านมีบริการจัดส่งฟรีตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากร้าน ที่ตั้งอยู่ที่ The City Viva ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 3 ซึ่งลูกค้ามั่นใจในความสด สะอาดได้ เพราะทางร้านทำสดใหม่ทุกวัน หากเครื่องหรือน้ำเต้าหู้ขายไม่หมดจะทิ้งทันทีไม่มีเก็บค้างคืนเพื่อขายให้ลูกค้าในวันต่อไปอย่างแน่นอน โดยอนาคตทั้งคู่คิดขยายสาขาที่รถไฟฟ้าเน้นสถานีย่านออฟฟิศ จากเทรนด์คนรักสุขภาพ ประกอบการกับประเทศไทยเป็นเมืองร้อนหากมีเครื่องดื่มที่ไม่เพียงแต่ดับร้อนได้ แต่ยังดีต่อสุขภาพ น่าจะเป็นจุดขายที่สำคัญให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกบริโภคได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>น้ำแดงเต้าหู้อีกหนึ่งเมนูยอดฮิต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เครื่อง 10 อย่างให้เลือกสรร</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พร้อมเสิร์ฟน้ำเต้าหู้เย็นชื่นใจครับ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทำสดใหม่ พร้อมดื่มที่บ้านหรือดื่มทันทีคลายร้อน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พร้อมจัดส่งย่านสาธรและสีลม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ***ติดต่อ 08-9882-8812***
    ที่มา Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เทรนด์ใหม่วัยชรา สุขภาพดีในวัย 50+ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจากเดลิเมล</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> พบทัศนคติของคนอายุ 50 ปีขึ้นไปในปัจจุบันมองหาไลฟ์สไตล์ที่จะทำให้ตนเองมีสุขภาพดี และแข็งแรงมากขึ้น โดยพวกเขาพึงพอใจที่ได้เลือกใช้ชีวิตตามแนวทางนี้ ที่ตนเองได้มีเวลาออกกำลังกาย และห้ามใจตนเองไม่ให้บริโภคอาหารขยะได้มากกว่าวัยใด ๆ

    การสำรวจนี้ได้สอบถามความคิดเห็นจากผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปจำนวน 1,500 คน โดยสถาบันการเงิน Engage Mutual ซึ่ง Louise Withy โฆษกของสถาบันแห่งนี้กล่าวว่า "ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปเป็นเวลาที่ลูก ๆ เติบโต และแยกบ้านออกไปหมดแล้ว ขณะที่หน้าที่การงานก็ไม่หนักเหมือนในช่วงเริ่มสร้างฐานะ ชีวิตจึงมีพื้นที่และเวลาให้คนกลุ่มนี้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการมากขึ้น รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตให้มีคุณค่า และมีสุขภาพดีด้วย"

    ทั้งนี้ ยังพบว่า ในคนกลุ่มนี้ยังให้ความสนใจกับการรับประทานอาหาร โดยลดการบริโภคอาหารประเภท "จานด่วน" ลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงอาหารประเภทส่งถึงหน้าประตูบ้านด้วย โดย 7 ใน 10 ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า พวกเขารู้สึกว่าตนเองสุขภาพดีเพราะให้ความใส่ใจในการใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพ ขณะที่ 1 ใน 5 ตอบว่า พวกเขารู้สึกมีพลัง และสนุกกับทุกวันของชีวิตมากกว่าตอนช่วงอายุ 20 ต้น ๆ เสียอีก

    ถึงแม้การสำรวจจะทำขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่งที่ดูเหมือนห่างไกลกับประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงแล้วคงไม่ใช่เทรนด์ที่คนวัย 50+ ในบ้านเราจะมองข้ามไปเป็นแน่ ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับท่านผู้อ่านที่มีคุณพ่อคุณแม่ในวัย 50+ และพบว่าคุณพ่อคุณแม่ของตนเองเห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพในวัยชราก็คงรู้สึกดีกับข่าวนี้ ไม่มากก็น้อย เพราะนั่นหมายความว่า คุณพ่อคุณแม่กำลังมีความสุขกับชีวิตในทุก ๆ วัน และกำลังรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อจะได้อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ นั่นเอง
    ที่มา Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    10 ข้อแนะนำป้องกัน โรคมะเร็ง

    [​IMG]


    10 ข้อแนะนำ ป้องกันมะเร็ง (Good Food Food Life)

    ปัจจุบันพบว่าคนไทยเป็น "มะเร็ง" กันมากขึ้นเลยทีเดียว ซึ่งมะเร็งที่พบมาก 6 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งช่องปาก มะเร็งที่พบมากในคุณผู้ชายมักจะเป็นมะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนในคุณผู้หญิงที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งคือมะเร็งปากมดลูก ตามด้วยมะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด

    จากสถิติของคนทั่วโลก ก็มีคนเป็นโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นทุกนาทีเช่นเดียวกัน ซึ่งสาเหตุของการเกิดมะเร็งมีมากมายหลายปัจจัยที่ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ป้องกันไม่ได้และป้องกันได้ คุณอาจคิดว่าจะทำอย่างไรดีล่ะ ที่คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงได้มากที่สุด เรามีวิธีที่คุณควรปฏิบัติ 10 ข้อมาแนะนำเพื่อช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคมะเร็ง

    [​IMG] 1. ปรับปรุงเรื่องอาหารการกิน

    อย่าลืมว่า ไม่มีอาหารชนิดใดเพียงชนิดเดียวที่สามารถป้องกันมะเร็งได้ แต่การรับประทานอาหารไขมันต่ำ อาหารเส้นใยสูงอย่างผลไม้ ผักหลาย ๆ ชนิด โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอ ซี อี และเบต้าแคโรทีนสูง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิดได้

    [​IMG] 2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

    เช่น อาหารประเภทปิ้งย่างเกรียม เค็ม รมควัน หมักดอง และอาหารที่มีเชื้อราปนเปื้อน เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ ไม่ควรรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ก้อยปลา ปลาจ่อม ฯลฯ และจะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ และยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของท่อน้ำดีในตับอีกด้วย

    [​IMG] 3. ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    เพราะมีโทษโดยตรงที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก มะเร็ง กล่องเสียง คอหอย หลอดอาหาร ตับ ลำไส้ และเต้านม ทางที่ดีที่สุดควรเลิกดื่ม หรือลองเริ่มต้นโดยการลดปริมาณดู และไม่ควรดื่มเกิน 4 แก้วต่อสัปดาห์



    [​IMG]


    [​IMG] 4. ลดน้ำหนัก

    เพราะความอ้วนเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก

    [​IMG] 5. หยุดสูบบุหรี่

    เพราะยาสูบเป็นเหตุแห่งมะเร็งปอด และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งกล่องเสียง มะเร็ง ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ไต ตับอ่อน

    [​IMG] 6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

    เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉง และทำให้เกิดความเสี่ยงต่อมะเร็งลดน้อยลง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ถ้าสามารถออกกำลังกายให้ได้ถึง 5 วัน ต่อสัปดาห์จะดีเยี่ยม

    [​IMG] 7. ปกป้องผิวจากแสงแดด

    โดยเฉพาะใช้ครีมกันแดด SPF 25 ขึ้นไป และควรเลี่ยงแสงแดดช่วงเวลา สิบโมงเช้าถึงบ่ายสามโมงเย็น

    [​IMG] 8. หลีกเลี่ยงจากสิ่งแวดล้อมที่ก่อมลพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง

    เช่น แร่ใยหิน และสารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้กันในงานก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันรถยนต์ต่าง ๆ รวมทั้งสารเคมีที่ใช้ในบ้าน เช่น ยาฆ่าแมลง เป็นต้น



    [​IMG]



    [​IMG] 9. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุของมะเร็ง

    เช่น วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ หรือฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น

    [​IMG] 10. คอยหมั่นสังเกต และตรวจความผิดปกติของร่างกายตัวเองเป็นประจำ

    ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะคนที่มีคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือคนที่เคยเป็นมะเร็งไม่ว่าจะเป็นที่ส่วนใดมาก่อน ซึ่งทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากกว่าคนปกติ ดังนั้นต้องระวังเรื่องสุขภาพให้มาก โดยเฉพาะวิถีการใช้ชีวิต อาหารการกิน รวมถึงควรทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ

    ควรระมัดระวัง ดูแลสุขภาพของคุณ และดูแลใส่ใจคนในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอนะคะ เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักแข็งแรง อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ปลอดภัยจากมะเร็งร้ายกัน
    ที่มา กะปุก ออนไลน์
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นับถอยหลังงานผ้าป่าสามัคคี อีกเพียง 2 วัน จะถึงวันงานแล้วครับ

    ขอเชิญทุกๆท่านไปร่วมงานกันครับ


    ---------------------------------------------

    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554

    ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ

    [​IMG] [​IMG]


    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 หากท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญและรับพระ ให้ไปร่วมทำบุญในงานเท่านั้น

    ผมไม่ส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

    [​IMG]


    <!-- google_ad_section_end -->

    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
    .<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    เผยไทยคอรัปชั่นขั้นรุนแรง เสียหาย 3 แสนล้าน/ปี

    <!-- <iframe src="http://hilight.kapook.com/view/fb_button.php?id=60295" scrolling="no" frameborder="0" allowTransparency="true" style="border:none; overflow:hidden; width: 80px; height: 100px;"></iframe> //--><!--Share<script src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type="text/javascript"></script> Tweet<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>-->



    [​IMG]



    ไทยคอรัปชั่น 3แสนล้าน/ปี ปลุกต้านโกง (ไทยโพสต์)
    ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

    ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่นจัดอันดับโกงกิน ไทยอยู่ในขั้นรุนแรง เผยเสียหาย 3 แสนล้านต่อปี ระบุยิ่งใช้นโยบายประชานิยมมากเท่าไหร่ จะเปิดช่องทุจริตมากขึ้น คาด 5 ปีข้างหน้าอาจสูญกว่า 5 แสนล้านต่อปี!

    นายดุสิต นนทะนาคร ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่น (ภตค.) เปิดเผยเมื่อวันพุธถึงผลการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอรัปชั่นไทยประจำเดือน มิ.ย.2554 จากกลุ่มตัวอย่างภาคประชาชน ข้าราชการ และนักธุรกิจ 2,133 ตัวอย่าง พบว่า ในภาพรวมอยู่ที่ระดับ 3.4 คะแนน จาก 10 คะแนน ซึ่งจัดอยู่ในขั้นรุนแรงเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2553

    สำหรับประเด็นที่ใช้ในการสำรวจ ได้ถามถึงความรุนแรงของปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น โดยส่วนใหญ่ยังมองว่าจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น 75% เท่าเดิม 18% และลดลงอยู่ที่ 7% ส่วนการคาดการณ์ความรุนแรงในปีหน้านั้นยังเห็นว่าปรับเพิ่มขึ้น 49% ปัญหาเท่าเดิม 30% ไม่มีความเห็น 12% และลดลง 9%

    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะผู้จัดทำผลสำรวจค่าดัชนีคอรัปชั่นครั้งนี้ กล่าวว่า ในภาพรวมยังถือว่าปัญหาคอรัปชั่นยังอยู่ในขั้นรุนแรง ใกล้เคียงกับการสำรวจเมื่อเดือน ธ.ค. 2553 ที่ได้มีการสำรวจมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่คาดหวังว่าหลังจากมีการสร้างภาคีเครือข่ายและกระแสขับเคลื่อนขึ้น จะช่วยทำให้ค่าดัชนีคอรัปชั่นปรับตัวดีขึ้นบ้าง

    นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ค่าดัชนีคอรัปชั่นที่ออกมาจะอยู่ในระดับที่แย่ ซึ่งตัวเลขที่เคยประมาณการไว้มูลค่าการทุจริตคอรัปชั่นยังอยู่ในวงเงิน 2 - 3 แสนล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 25 - 30% ของวงเงินงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ แต่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณของภาครัฐที่จะนำมาใช้กับนโยบายประชานิยมจะมากขึ้นแค่ไหน เพราะมีส่วนทำให้เกิดช่องในการทุจริตได้ โดยคาดว่าถ้ามีการเพิ่มวงเงินในอีก 5 ปีข้างหน้า มูลค่าการทุจริตอาจสูงถึง 5 แสนล้านบาท/ปี ดังนั้นจะต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ในอนาคต และต้องอาศัยเวลาในการกำจัดปัญหาทุจริตอย่างน้อย 10 ปีถึงจะหมดไปได้

    "ทุกวันนี้มียอดการคอรัปชั่น 25-30% จากตัวเลขงบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้าง หากมีงบฯ 2.5 ล้านล้านบาทต่อปี ความเสียหายก็จะอยู่ประมาณ 3-4 แสนล้านบาท และอาจสูงถึง 5 แสนล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าสูงมาก 5 แสนล้านบาทสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงได้ ทำโครงการดี ๆ ได้อีกหลายโครงการ" นายธนวรรธน์กล่าว

    วันเดียวกัน ที่อาคารอัมรินทร์พลาซ่า ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม และหน่วยงานองค์กรภาคี 20 องค์กร ร่วมกันจัดงานสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 "สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง" โดยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจราชการแผ่นดิน กล่าวว่า การทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับสังคมไทยขณะนี้ โดยองค์กรโปร่งใสนานาชาติได้มีการจัดทำเรตติ้งของประเทศไทย จากคะแนนเต็ม 10 เราอยู่ที่ 3.5 และอยู่ในอันดับที่ 80 กว่าทั่วโลก จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนควรตระหนักเป็นอย่างมาก

    "การทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทยอยู่ประมาณ 30 - 40% จากงบประมาณแผ่นดินกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง และจากการที่หอการค้ามีการทำโพล จะเห็นว่าการคอรัปชั่นมีผลต่อการพัฒนาประเทศมากถึง 12.11% และมีคนเห็นตรงกันว่าการคอรัปชั่นควรจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังประมาณ 83.3% แต่จะแก้ไขอย่างไร เริ่มกันที่ตรงไหน จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะต้องคิดและทำ" นายศรีราชากล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
    [​IMG]




    -http://hilight.kapook.com/view/60295-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...