พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ยังจำได้ว่าสมัยเรียนอาจารย์ผมเรียกเครื่องปรุงทั้งชุดว่า พวงมะเร็ง ครับ
555 ก็เรียกกันเล่นๆนะครับ แต่เชื้อในนั้นของจริงครับ ต้องเลือกดูกันให้ระวังสักหน่อย

 

จาก pm ผมครับ

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ 2zani
สวัสดีครับ พี่ sithiphong
ผมมีความประสงค์ร่วมทำบุญกับพี่นะครับ
ขออนุโมทนาบุญกับพี่ sithiphong ด้วยครับ
ขอบพระคุณมากครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไว้โอกาสหน้านะครับ สำหรับงานบุญเกี่ยวกับพระสมเด็จ

แต่งานบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ยังร่วมบุญได้ตลอดเวลา
เพียงแต่ยังไม่มีพระพิมพ์มอบให้ครับ

โมทนาสาธุครับ

 

วันนี้ ท่านโดไปทานโออิชิ รับปากแล้วนะครับว่า จะทานเผื่อ แล้วทานอะไรเผื่อบ้างครับ คุณnongnooo มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ



.

 

วันนี้ ผมและผบทบ.ได้ไปงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ของเจ้านายเก่า ผบทบ.ผมมา พอออกมาจากงาน ก็ตรงดิ่งไปที่วัดไร่ขิงกัน ไปกราบพระประธาน ไปไหว้พระ และทำบุญกันมา มาร่วมโมทนาบุญกันนะครับ



.

 

ตอนที่ผมไป ระหว่างทางเห็นต้นไม้ เดี๋ยวนี้ปลูกต้นไม้จริง และ ต้นไม้ปลอม ไว้ด้วยกัน

ผมถ่ายตอนขากลับจากวัดไร่ขิง

นำมาให้ชมกันครับ

.

 

วันนี้นำพระสมเด็จ จากพี่ท่านนึง นำมาให้ชมกันครับ


.

 

ขอโมทนาบุญด้วย ครับ

 

แสงทองแห่งคุณธรรม..

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ยามใดที่โลกของเรา..
ปราศจากแสงสว่างจากดวงอาทิตย์...
>>>….โลกของเราย่อมมืดมน...
>>>….เพราะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด...
>>>….ซึ่งโลกสมมติว่า...เป็นสีดำ...

ยามใดที่โลกของเราปราศจากแสงสว่างแห่งปัญญา...
>>>….โลกของเราย่อมมืดมน...
>>>….เต็มไปด้วยอวิชชา..คือ..ความไม่รู้..
>>>….เป็นความมืดบอดทางจิตใจ...

แสงสว่างแห่งคุณธรรม คือ ปัญญานี้...
โลกสมมติให้เป็น..สีขาว..

หากแม้ว่า...
ดวงตาที่ขาดแสงสว่าง...
ย่อมไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้..
ทำให้เกิดความยากลำบากในการดำเนินชีวิต..ฉันใด..

ชีวิตที่ปราศจากแสงสว่าง..คือ..ปัญญา..
เป็นเครื่องส่องสว่างนำทางในจิตใจ...
ย่อมก่อให้เกิดความมืดบอดทางคุณธรรม..ฉันนั้น..

เราจะเลือกสีใด ๆ ก็ตาม..
สีต่าง ๆ เหล่านั้น..ล้วนเป็นสีที่โลกสมมติ..
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ..
>>>….จงหยุดให้ร้ายป้ายสีกัน..
>>>….มาสร้างสรรค์..เติมแต่ง..สีแห่งคุณธรรม..ลงในจิตใจกันเถิด...
>>>….เพื่อทำลายสี คือ..ความมืดบอดต่าง ๆ..
>>>….ที่เกิดขึ้นจากอวิชชา..
>>>….ด้วยปัญญา คือ..แสงสว่างแห่งคุณธรรมในจิตใจ...

บทความ..โดย..ชายน้อย..
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

ขอขอบคุณที่มาโดย : dhammathai​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

__/|\__

....โมทนาสาธุครับ........

 

พระพุทธสิหังคปฏิมากร
http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday03&content=118565

ว่ากันโดยตำนาน ในจำนวนพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองในไทย พระพุทธสิหิงค์ น่าจะเป็นพระที่ถูกอัญเชิญไปอยู่ในบ้านเมืองต่างๆ คิดเป็นระยะทางทั้งยาวและไกลกว่าทุกๆองค์
สมเด็จกรมดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ ไว้ใน ตำนานพระพุทธรูปสำคัญว่า เดิมเจ้ากรุงลงกาสร้างไว้ พระเจ้านครศรีธรรมราชไปขอมา ถวายสมเด็จพระร่วง พระเจ้ากรุงสุโขทัย บูชาต่อมาหลายรัชกาล
จนสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 มีอำนาจเหนือสุโขทัย พระพุทธสิหิงค์จึงถูกเชิญลงมากรุงศรีอยุธยา อยู่มาได้หน่อยหนึ่ง พระมเหสีก็ (คิดอุบาย) ทูลขอให้พระญาญาณดิศ ผู้เป็นบุตร
เชิญต่อไปไว้เมืองกำแพงเพชร
ต่อมาไม่นาน พระยามหาพรหม เจ้าเมืองเชียงราย ยกทัพมาตีเมืองกำแพงเพชร พระยาญาณดิศสู้ไม่ได้ ยอมเป็นไมตรี ยกพระพุทธสิหิงค์ให้ไปเชียงราย
พระยามหาพรหมบูชาได้อยู่พักใหญ่ ก็เกิดวิวาทกับเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ผู้เป็นหลาน พระเจ้าแสนเมืองมายกทัพมาตีได้เชียงรายแล้ว ก็เชิญพระพุทธสิหิงค์ไปเชียงใหม่
ปีขาล พ.ศ.2205 สมเด็จพระนารายณ์ ยกทัพไปตีเชียงใหม่ เชิญพระพุทธสิหิงค์กลับอยุธยา ประดิษฐานไว้ในวัดพระศรีสรรเพชญ คราวนี้อยู่ อยุธยายาวนานติดต่อกันถึง 105 ปี
จนถึงปีเสียกรุง (ครั้งที่สอง) ให้พม่า สมัยนั้นชาวเชียงใหม่ยังเป็นพวกพม่า จึงเชิญพระพุทธสิหิงค์ กลับไปไว้เชียงใหม่ เป็นรอบที่สอง
ครั้นถึงรัชกาลที่ 1 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ไทย ได้มณฑลภาคพายัพ แต่สมัยนั้นผู้คนแถวนั้นร่อยหรอไม่พอที่จะตั้งไว้รักษาเมืองเชียงใหม่ เอาไว้ ต่อสู้พม่า จำเป็นต้องทิ้งเชียงใหม่ให้เป็นเมืองร้าง
แต่ก็ตั้งเมืองลำปางไว้เป็นที่มั่น
ความเปลี่ยนแปลงการเมืองช่วงเวลานี้เอง สมเด็จ พระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงพระดำริว่า พระ พุทธสิหิงค์เคยเป็นพระพุทธรูปสำคัญในกรุงศรีอยุธยา
จึงโปรดให้เชิญมาไว้ในกรุงเทพฯ เมื่อปีเถาะ พ.ศ.2338
และพระพุทธสิหิงค์ ก็ประดิษฐานอยู่ ณ พระแท่นบุษบก ในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นที่สุดท้าย ไม่ได้ถูกเชิญไปไหนต่อไหน ต่อไปอีกเลย
ความจริง...พระพุทธสิหิงค์จะถูกเชิญต่ออีกครั้ง ในสมัยรัชกาลที่ 4
เรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงดำรัสเล่าว่า
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเลื่อมใสพระพระพุทธสิหิงค์มาก เมื่อทรงสร้างวัดราชประดิษฐ์เสร็จเรียบร้อย มีพระราชประสงค์ จะใคร่เชิญไปตั้งเป็นพระประธาน
แต่ก็ทรงพระราชดำริว่า พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่บนพระที่นั่งในพระราชวัง (หน้า) แล้ว ไม่ควรเชิญไปไว้ที่วัด
จึงโปรดเกล้าฯ ให้ถ่ายอย่างเท่าพระองค์ หล่อขึ้นใหม่กะไหล่ทอง มีขนาดใหญ่กว่าพระ พุทธสิหิงค์ ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชประดิษฐ์
พระราชทานพระนามว่า พระพุทธสิหังคปฏิมากร
หลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต รัชกาลต่อมา ก็อัญเชิญพระบรมอัฐิ บรรจุไว้ใต้ฐานชุกชีองค์พระพุทธสิหังคปฏิมากร จวบจนถึงปัจจุบัน.

บาราย​

 

ตำนาน...นมจากเต้า
http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday12&content=118562



ทีมงานซอกแซกได้รับหนังสือจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. เจ้าของนมตราวัวแดง และสโลแกน

 

'ของใช้สาธารณะ' โรคใกล้ตัว สุขอนามัยที่ไม่ควรมองข้าม
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=187515&NewsType=1&Template=1



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>


ด้วยภาวะสังคมขณะนี้ที่สลับซับซ้อนทั้งชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ จึงเกิดการพัฒนาต่าง ๆ มากมาย ไม่ต่างจากเชื้อโรคที่วันนี้ได้คืบคลานเข้าใกล้มนุษย์เพียงแค่ “เอื้อมมือหรือปลายจมูก” ยิ่งในบางสถานการณ์บังคับให้ต้องใช้สิ่งของสาธารณะ ที่เป็นส่วนรวม ซึ่งอาจไม่มี ความสะอาดเพียงพอยังผลให้ติดเชื้อก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ กับผู้ใช้ได้

ทางกลับกันเมื่อเชื้อโรคก่อให้เกิดโรคร้ายอยู่รอบตัวก็ย่อมมีทางป้องกันได้เช่นกัน โดยเฉพาะของใช้ที่ตอบสนองความสะดวกสบาย เช่น เครื่องซัก ผ้าหยอดเหรียญ, หมวกกันน็อก, ห้องน้ำสาธารณะ สิ่งเหล่านี้เชื่อว่าหลายคนอาจใช้อยู่เป็นประจำโดยไม่ได้สังเกตถึงภัยร้าย.... แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนก...! ทุกอย่างมีทางแก้

ส่วนใหญ่ผิวหนัง คือ ปราการด่านแรกของมนุษย์เมื่อเจอกับเชื้อโรค ซึ่ง พญ.พู่กลิ่น ตรีสุโกศล หัวหน้ากลุ่มงานผื่นแพ้สัมผัสและอาชีวเวชศาสตร์ สถาบันโรคผิวหนัง จะเป็นผู้ไขความลับถึงโรคที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใช้สิ่งของสาธารณะไม่สะอาด

พญ.พู่กลิ่น กล่าวว่า ตอนนี้มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกมากมาย บางครั้งสิ่งที่อำนวยความสะดวกเหล่านี้เมื่อไม่ได้รับการดูแลให้มีความสะอาดจะส่งผลร้ายกับผู้บริโภคได้ ซึ่งโรคทางผิวหนังอาจไม่มีความรุนแรงมากแต่หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามไปยังผิวหนังส่วนอื่น ๆ ได้

เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เกือบทุกพื้นที่ในประเทศมีการให้บริการอย่างคึกคัก แต่หากไม่มีการดูแลทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอจะทำให้ผู้ใช้เกิดการระคายเคืองได้ เช่น ช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มมีคราบเชื้อรา เนื่องจากเมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจเกิดการปนเปื้อนในผ้าที่ซัก ทำให้เกิดเชื้อราบนผิวหนังเมื่อใส่เสื้อผ้าที่ตากไม่แห้ง หรือหูด เกิดจากคนที่ใช้ก่อนหน้านำผ้ามาซักแล้วคนมาใช้ทีหลังตากเสื้อผ้าเหล่านั้นไม่แห้งแล้วนำมาใส่

“อาการของเชื้อราจะทำให้ผิวหนังส่วนที่ติดเชื้อเป็นผื่น และมีอาการคัน ส่วนหูดจะขึ้นเป็นวงบนผิวหนังไม่มีอาการเจ็บหรือคัน แต่หากปล่อยไว้อาจลุกลามไปตามผิวหนังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งเมื่อเกิดโรคเหล่านี้ขึ้นผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อไม่ให้อาการลุกลาม” พญ.พู่กลิ่น แนะนำ

ดังนั้นผู้บริโภคที่ใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญควรสังเกตภายในตัวถังเครื่องว่ามีขี้โคลนหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ หลงเหลืออยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องดมดูกลิ่นภายในตัว ถังว่ามีความอับชื้นมากเกินไปหรือเปล่า เพราะหากมีความชื้น มาก ๆ อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ ตลอดจนควรตรวจ สอบช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยา ปรับผ้านุ่มไม่ให้มีคราบเชื้อรา ที่มีลักษณะดำ ๆ เกาะบริเวณภาชนะ

“เครื่องซักผ้าตามบ้านเรือนก็อาจมีลักษณะที่ไม่เหมาะสมได้ หากเจ้าของไม่มีการทำความสะอาด”

ด้วยกฎระเบียบจราจรที่มีความเข้มงวดในปัจจุบัน หมวกกันน็อกจึงมีส่วนช่วยป้องกันอันตราย ซึ่งหลายคนคงได้ใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ต้องสวมหมวกกันน็อกที่เป็นเสมือนของสาธารณะ พญ.พู่ กลิ่น กล่าวว่า หมวกกันน็อกที่ไม่รักษาความสะอาดทำให้ผู้ที่ใช้ต่อเกิดการติดเหาได้ เนื่องจากผู้ที่ใช้มาก่อนมีเหาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันหมวกกันน็อกที่มีความชื้นก็จะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัย นอกจากนี้หากมีความชื้นมาก ๆ จะทำให้ผู้ใช้ติดโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ

อาการเมื่อเกิดการติดเชื้อบนหนังศีรษะจะรู้สึกคันและมีผื่นแดงขึ้นบนหนังศีรษะ เมื่อผู้ป่วยเกิดอาการเหล่านี้หนักขึ้นควรไปพบแพทย์ทันที

แนวทางป้องกันคือ ก่อนจะสวมหมวกควรตรวจดูว่ามีไข่เหาที่มีลักษณะก้อนเล็ก ๆ สีขาวหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ใช้มือสัมผัสภายในหมวกว่า มีความชื้นมากเกินไปหรือเปล่า และควรมีการดมภายในหมวกไม่ให้มีกลิ่นเหม็นมากเกินไป หรือผู้ที่โดยสารรถมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นประจำอาจเตรียมหมวกกันน็อกของตัวเองก็เป็นการช่วยได้เช่นกัน

ส่วนผู้ประกอบการเองควรจะดูแลทำความสะอาดโดยหงายภายในหมวกกันน็อกตากแดดอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ควรทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณยางและเชือกที่รัดหมวกกันน็อก

นอกจากนี้การใช้ ส้วมสาธารณะ ยังคงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้จากการที่ผู้ใช้ไม่ล้างมือให้สะอาดแล้วไปจับกลอนประตู, ก๊อกน้ำ และสุขภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วไปจับอาหารกินทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้

ขณะเดียวกันตอนนี้หลายคนใช้ห้องน้ำสาธารณะแบบมีชักโครกผิดวิธี โดยใส่รองเท้าที่เปื้อนดินขึ้นไปนั่งบนฝารองนั่งทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อไม่สามารถใช้ต่อได้ ซึ่ง อาจทำให้ผู้ที่มาใช้ต่อเกิดโรคติดเชื้อราในดินได้ เนื่องจากในดินมีเชื้อราต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่มาใช้ชักโครกที่เปื้อนอาจเกิดอาการติดเชื้อได้หากมีรอยบาดแผล ทำให้เกิดเป็นผดผื่นคัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการเหล่านี้ผู้ป่วยควรพบแพทย์ทันที

“ผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากต้องใช้ชักโครก ตอนนี้มีบริการกระดาษรองนั่งบนฝาชักโครกโดยจะเป็นอีกตัวช่วยได้ ซึ่งแผ่นกระดาษรองนั่งไม่ควรเปียกน้ำ”

แนวทางป้องกันเชื้อโรคที่แฝงอยู่ในห้องน้ำสาธารณะ ควรตรวจดูฝารองนั่งชักโครกก่อนทุกครั้งว่ามีความสะอาดหรือไม่ ขณะเดียวกันหลังเข้าห้องน้ำเสร็จควรล้างมือให้สะอาดทั้งหน้ามือ หลังมือ และตามซอกนิ้ว พญ.พู่กลิ่น ทิ้งท้ายว่า การใช้สิ่งของสาธารณะนอกจากจะคำนึงถึงสุขลักษณะของตัวเองแล้ว ควรคำนึงถึงความสะอาดสำหรับผู้ที่มาใช้ต่อด้วย เนื่องจากตอนนี้เชื้อโรคต่าง ๆ มีการพัฒนาสายพันธุ์มากมาย ที่ไม่แน่อนาคตอาจส่งผลร้ายได้
ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้เท่าทันโรคที่อาจจะเกิดขึ้น ย่อมนำไปสู่สังคมที่มีสุขอนามัยที่ดี.
เลือกของเล่นอย่างไรให้ปลอดภัย

ในวันเด็กปีวัวทองนี้ฝากถึงพ่อแม่ก่อนที่จะเลือกซื้อของขวัญให้กับลูก ว่าอย่าคิดถึงแค่วัตถุเพียงอย่างเดียว จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกมาเป็นอันดับแรก

พญ.เพียงทิพย์ หังสพฤกษ์ จิต แพทย์เด็กและวัยรุ่นโรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า การซื้อของเล่นเพื่อเป็นของขวัญ ให้ลูกนั้น จะต้องคำนึงถึง วัย พัฒนาการ และความ ปลอดภัยของลูก โดยเฉพาะการเลือกซื้อของเล่นให้เด็ก อายุ 0-5 ขวบนั้น เป็นวัยที่เด็กยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าจะเป็นอันตรายกับตัวเองหรือไม่ สิ่งที่พ่อแม่ต้องคำนึงถึงมากและมักจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นบ่อยก็คือ เรื่องของ “ขนาด” คือจะต้องให้มีขนาดใหญ่กว่า ปาก รูจมูก หรือช่องหู เนื่องจากของเล่นที่มีขนาดเล็ก เช่น ลักษณะที่เป็นเหรียญ หรือลูกกลม ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อเข้าไปในปาก หรือ จมูก ก็อาจจะไปทำให้เข้าไปขัดขวางทางเดินหายใจได้ เด็กอาจช็อกหรือหมดสติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

“ในหลายครั้งพ่อแม่ หรือคนเลี้ยงอาจจะไม่รู้ ว่าเด็กเอาเข้าปาก บางทีอาจจะเจอว่าลูกน้ำมูกไหลเรื้อรัง มีปัญหาการได้ยิน ประสาทช้า พอเอกซเรย์เข้าไปก็จะเจอสิ่งแปลกปลอมในทางร่างกาย เด็กในวัยนี้จะไวมาก ต้องระวังมากเป็นพิเศษ”

นอกจากขนาดที่ควรคำนึงถึงแล้ว “ความแหลมคม” ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะเด็กวัยนี้ไม่ค่อยจะได้ระวัง บางครั้งอาจจะทิ่มตา หรือ บาดมือ ดังนั้น พ่อแม่ควรจะหาซื้อของเล่นที่ไม่มีความแหลมคม ให้ลูกเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน โดยผู้ปกครองควรจะลองใช้มือสัมผัสของเล่นก่อนว่ามีความแหลมคมหรือไม่ ถ้าหากมีก็ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้เช่นกัน

และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ “สี” ที่เคลือบมากับของเล่นต้องดูเสมอว่าของเล่นชิ้นนั้นผลิตจากอะไร และใช้สีอะไรเป็นส่วนประกอบ เพราะ ถ้าหากเป็นสีที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายที่มีสารพิษเจือปน เมื่อเด็กสัมผัสหรือนำไปอมเล่นในปาก ก็อาจจะทำให้สารพิษที่ติดมากับของเล่นเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายได้ โดยเฉพาะสีที่มากับขนม ภาชนะ กล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเด็ก ๆ ในวัยนี้มักจะนำของเข้าปากโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พ่อแม่ก็จะต้องดูแลเป็นพิเศษ

สำหรับในวัยเด็กโต อายุ 5 ขวบขึ้นไป นอกจากความปลอดภัยข้างต้นแล้ว สิ่งที่พ่อแม่ควรจะทำและใส่ใจเพิ่มเติมก็คือการ ให้ความรู้เกี่ยวกับของเล่นของแต่ละประ เภท โดยสอนเทคนิคการเล่นและทำความเข้าใจเสียก่อน ให้ลูกทราบถึงวัสดุที่ผลิต การป้องกันตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือตัวเองเมื่อได้รับผลกระทบจากการเล่น และควรจะหาอุปกรณ์เสริมความปลอด ภัยให้ด้วย เช่น เด็กผู้ชายพ่อแม่อาจจะซื้อจักรยาน โรลเลอร์ สเกต ซึ่งของเล่นเหล่านี้แม้จะให้ประโยชน์ในเรื่องของสุขภาพทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว หากเล่นโดยไม่ระมัดระวังก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรยอมลงทุนซื้ออุปกรณ์เสริมความปลอดภัยประเภท หมวกกันน็อก สนับเข่า เพื่อป้องกันการกระแทกเมื่อหกล้ม

ถึงแม้ว่าการเล่นจะช่วยพัฒนาเด็กในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านสุขภาพร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และจินตนาการ แต่พ่อแม่ต้องรู้ก่อนว่าเด็กวัยใดควรทำอะไรได้บ้างหรือลูกเรามีความบกพร่องเป็นพิเศษในส่วนใดส่วนหนึ่งที่ต้องส่งเสริมเป็นพิเศษหรือเปล่า จะได้เลือกซื้อหาของเล่นให้ลูก ได้เหมาะสมและปลอดภัย ทั้งนี้ก็เพื่อลูกน้อยของเราจะได้เติบโต มีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ.
สรรหามาบอก

- โรงพยาบาลมนารมย์ ตระหนักถึงปัญหาภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ได้เรียนเชิญ ผู้อำนวยการแผนกประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ชิคาโก สหรัฐอเมริกา มาบรรยายให้ความรู้แก่จิตแพทย์ที่สนใจ ในหัวข้อ “ภาวะสมองเสื่อมจากการขาดเลือดหล่อเลี้ยง” ในวัน อังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมมนารมย์ ผู้สนใจร่วมรับฟังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

- วันที่ 11-31 ม.ค. 2552 ฝ่ายการส่งเสริมสุขภาพ สถาบันสุขภาพด้านโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญผู้สนใจเข้ารับฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “การกินอาหารในปัจจุบันส่งผลกับสุขภาพในอนาคต” ในหัวข้อการขับพิษ 4 ทาง กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ได้อย่างไร โภชนาการบำบัดคืออะไร และอบรมระดับสูงสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดร้านอาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ สำรองที่นั่ง ฟรี (จำนวนจำกัด) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08-3610-8889, 08-6355-4503

- วันที่ 18 ม.ค. 2552 เวลา 10.00-15.00 น. โรงพยาบาลสินแพทย์ ขอเชิญคุณพ่อคุณแม่เข้าร่วมอบรมและ WORKSHOP ฝึกปฏิบัติการเตรียมตัวเพื่อการคลอด ครั้งที่ 1 เพื่อลดความวิตกกังวลของคุณพ่อและคุณแม่ และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ก่อนคลอด สามารถปฏิบัติตัวและรอคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น (รับจำนวนจำกัด) สนใจสอบถามรายละเอียด หรือสำรองที่นั่งได้ที่ ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 17 โทร. 0-2793-5099 ต่อ 5211, 5212

 

กำลังจะไปเอามาโพสอยู่พอดีเลยครับ

 

<TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>



มือของผู้ให้..อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ...
ชื่อของผู้ให้...น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ..
เกียรติของผู้ให้...กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัย..
ยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ..

การให้.
แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข..
ครั้นได้ให้แล้ว...จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน...
เมื่อวันเวลาผ่านไป..
หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ...
ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม...

การให้...
จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้..
ขณะที่ให้..
และหลังจากได้ให้ไปแล้ว...

การเสียสละ..แบ่งปัน...
เป็นทั้งความ..สมาน..
คือ...ความสามัคคีปรองดองระหว่างกันและกัน
และเป็นกุศโลบายในการสร้างความ..เสมอ..
คือ..ให้คนทุกคนมองเห็นกัวอกของคนอื่น..
เมื่อมนุษย์รู้จักแบ่งปันแก่กันและกัน..
อันมีพื้นฐานมาจากการมีอัชฌาศัยกว้างขวางเอื้ออารีเช่นนี้
ศานติภาพท่ามกลางความแตกต่างก็จะเกิดมีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก...

หากปราศจากรากฐานอันมั่นคงแข็งแกร่ง..
ไหนเลยรูปรอยแห่งมหาวิหารอันโอฬาริก
จะก่อกำเนิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หากสิ้นไร้ซึ่งผู้เสียสละ
ที่อุทิศตนยืนหลบฉากอยู่เบื้องหลัง
คอยส่งกำลังใจ..เสนอความคิด..
อุทิศตนเป็นดังอิฐก้อนแรกให้ย่างเหยียบ..
ไหนเลยจะเผยอตนขึ้นสู่หอคอยแห่งเกียรติยศได้อย่างทระนง...

คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้...ย่อมยากที่จะได้รับ..
​

 

ข้อความส่วนตัว: Re: แจ้งยอดโอนเงินร่วมทำบุญ

11 มค 2551, 10:34 AM

2zani
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 0

แจ้งยอดโอนเงินร่วมทำบุญ


สวัสดีครับ พี่ sithiphong

โอนเงินร่วมทำบุญแล้วครับ จำนวน 500 บาท เวลา 9.50 น. ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

-------------------------------------------

โมทนาสาธุครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สำคัญที่สติ </TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

สำคัญที่สติ : พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)​

สำ คั ญ ที่ ส ติ
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

สติเป็นธรรมอันเอก
ที่จะคอยประคององค์สมาธิให้เดินไปในแนวสัมมาปฏิปทา

ข้อนี้หลวงพ่อท่านเน้นไว้หนักหนา

 

เริ่มรายการด้วย ผักขมอบชีส ปลาแซลมอล +ปูอัด 1จานเต็ม และตบท้ายด้วยซุปกา 3กา+บราวนี่1ชี้นครับ ไม่ทราบว่า อย่างนี้เรียกว่าเจ้าโดทานเผื่อ อ่ะเปล่าครับ หุ หุ

 

คุณgnip รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ต้องทำหลายๆทางครับ อีกทั้งยาปัจจุบัน และทานผลไม้ที่มีวิตามิน C กันให้เยอะๆครับ
.[/quote]

ขอบพระคุณและโมทนาสาธุค่ะ
วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญแล้วนะคะ รายละเอียดทาง PM ค่ะ

ส่วนเมื่อวานได้พาคุณยายไปไหว้เจ้า(เสี่ยเซ้ง)มาค่ะ และช่วงเย็นได้ไปงานเจียไต๋แฟร์มาค่ะ อ่าวันแรกคนเยอะมากๆๆ รถติดมากๆเลย งานจัดไม่ใหญ่ค่ะเดินไม่นานมาก ดอกไม้และต้นไม้สวยดีค่ะ สนุกไปอีกแบบ...