พระกินเณร...จากวัดในอำเภอวิเศษชัยชาญ

อาจจะเป็นกลอุบายให้เด็กหรือคนรุ่นหลังไม่ให้ดื้อและทำชั่วกระมังคะ

 

เคยอ่านอยู่เหมือนกัน เขาสันนิษฐานไว้หลายกรณีดังนี้

๑. เณรอาจแอบชอบสาวบ้านอื่นแต่พ่อแม่ไม่อยากให้ลาสึกจึงสร้างเรื่องขึ้นโดยเอาเลือดป้ายพระพุทธรูปและทิ้งเศษจีวรไว้แล้วแอบสึกหนีไป

๒. อาจจะมีคนมาขโมยพระแต่บังเอิญเณรมาเห็นจึงฆ่าปิดปากแล้วเอาศพไปทิ้งที่อื่น และสร้างเรื่องขึ้น

๓. มีคนใส่ร้ายพระพุทธรูปเพราะเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน

๔. สร้างเรื่องให้พวกขโมยพระกลัวจะได้ไม่มายุ่งกับพระพุทธรูปเหล่านั้นเพราะกลัวว่าจะถูกกินไปด้วย

๕. มีพระทำปรอทสำเร็จเลยใช้เณรไปหยิบตัวยาสำคัญที่ผสมปรอท ที่ซ่อนอยู่หลังพระพุทธรูปแต่บังเอิญทำเณรทำหก ปรอทพิษเลยซึมเข้าไปในพระพุทธรูปเมื่อเณรไปถูกเลยถูกปรอทพิษดูดกินชีวิตจนไม่เหลือซาก

๖. องค์พระนั้นสร้างไม่ถูกต้องตามพิธีกรรมจึงถูกอสุรกายมาแฝงแทน และแอบกินเณร

จะเชื่อตามข้อสันนิษฐานใดก็ตาม ควรใช้หลักกาลามสูตร ๑๐ ประการวินิจฉัยด้วยเพราะอาจเป็นการปรามาสพระพุทธรูปอันเป็นองค์แทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะกลายเป็นบาปเปล่าๆ

 

แล้วโยนความผิด ที่พระเนี่ยนะ ..... นี่หรือเมืองพุทธ

 

โอ้ว พึ่งเคยได้รู้นะนี่ ...

 

ผมว่าน่าจะเป็นพวกมารศาสนาที่จ้องจะทำลายความเคารพนับถือพระพุทธรูปของคนละแวกนั้น เพื่อหวังผลบางอย่าง อาจจะสร้างเรื่องไม่ดี ใส่ร้ายพระพุทธรูป ให้คนมอง
ว่าพระพุทธรูปองค์นั้นไม่ดี แล้วมาแอบขโมยไปภายหลัง ชาวบ้านจะได้ไม่สนใจว่า
พระพุทธรูปหายหรือถูกขโมยไปไหน (ความคิดเห็นส่วนตัวอ่ะครับ)

 

วิธีสร้างเรื่องหลอกคนมากกว่าครับ กลัวพระโดนขโมย ไม่ก็โดนขโมยพระไปแล้วกลัวคนอื่นจะตามสืบ ก็สร้างเรื่องให้มันน่ากลัวไปเลย ไม่มีทางหรอกครับพระกินเณร นี่พระพุทธรูปนะครับท่าน

 

ลึกลึกดีค่ะ น่ากลัว อ่านแล้วขนลุกเลย

 

อาจจะเป็นการใส่ปรอท อาจทำให้พระมีอิทธิฤทธิ์

 

ไม่มีทางหรอก ใครเชื่อก็เสียทีที่เกิดมาในพระพุทธศาสนา แผนการทำลายพระพุทธศาสนาครั้งนี้ยังมีชาวพุทธหลายคนที่หลงเชื่อแล้วคนนอกพระศาสนาจะคิดยังไง? หัดพิจารณากันหน่อย พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้แล้วนำธรรมที่ทรงตรัสรู้มาสั่งสอนโลก และมีเทวดาอารักษ์สถิตรักษาอยู่จะกินเลือดกินเนื้อมนุษย์ได้อย่างไร คิดว่าผีสางจะมีกำลังเหนือกว่าพระพุทธคุณหรือ!!? สรุปเลยว่าไอ้เรื่องนี้มันโกหก จุดประสงค์ของผู้เล่าเรื่องนี้คือต้องการทำลายพระศาสนา ผู้ดูแลเว็บกรุณาอย่าลบนะครับแม้จะดูรุนแรงไป เพราะหลายคนในนี้จำเป็นต้องถูกเตือนสติ.

 

เตือนสติคนที่ยังงมงายหน่อย คุณเพชร์... ดีแล้ว
หูตาจะได้สว่างกันขึ้นมาบ้าง.....เดี่ยวจะเป็นวจีกรรม เพิ่มขึ้นอีก

...........................
สมัยนี้มีแต่เณรกินพะ......แล้ว
............................... พะโล้...ไงอร่อย

 

จริงๆแล้วนั้น

พระกินเณรที่อ้างไว้

เปนมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ครับ

 

นำพระเกจิหลายๆรูปมาปลุกเสกใหม่

เพื่อล้างอาถรรพ์ได้ไหม

 

เคยได้ยินแต่ผีที่สิงในพระพุทธรูป โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่ไม่เคยมีคนกราบไหว้สวดมนต์ มันก็เลยล้างแล้วก็เก่า บางครั้งก็เคยได้ยินเรื่องปอบที่แรงๆที่เค้าเอาไว้ไม่ได้ ก็แอบมาซ่อนไว้ในโบสถ์หรือในวัดร้าง หรือบ้างก็พวกอวิชชา เอากระดูกผีตายโหง เอาวิญญาณปอบ หรือสมิง ใส่ขณะหล่อ แล้วก็ไม่เคยสวดมนต์ระลึกถึงพระพุทธคุณเลย เหมือนทำไว้แก้อะไรสักอย่าง

ส่วนเรื่องพระกินเณร ขอตอบว่า 1.คนฆ่า(ฆาตกร) 2.สัตว์ร้าย พวกเสือ 3. พวกเล่นอาคม(เสือสมิง หรือเสือเย็น) ที่เป็นพระอยู่ในวันนั้นแหละ แต่ทำเรื่องใส่ร้าย พระพุทธรูป

 

ถ้าผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟังบ้างล่ะครับ

ย้อนหลังไป 50 ปีที่ผ่านมา ... แถวอำเภอวิเศษชัยชาญ มีวัดอยู่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าอันรกครึ้มและเงียบสงัด ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการปฏิบัติธรรมของเหล่าภิกษุและสามเถร เหล่าไม้ใหญ่ไม่ว่าเต็ง รัง ตะแบก ยูง ยาง สูงเสียดฟ้า เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ อยู่ที่ด้านหลังของวัดแห่งนี้ และใกล้ๆ กันนั้น เป็นสถานที่ที่มนุษย์กลัวและไม่ค่อยมีผู้อยากก้าวย่างเข้าไปคือป่าช้า อันเงียบสงัด

ไม่ห่างกันนักคือโบสถ์และศาลาหลังเก่าริมน้ำที่ถูกทิ้งร้างไว้ มีพระพุทธรูปในนั้นสองสามองค์เนื่องจากการสร้างโบสถ์หลังใหม่เสร็จสิ้นพร้อมกับสร้างพระประธานองค์ใหม่ ที่นี่จึงไม่มีใครเข้ามามากนักจึงดูเงียบและครึ้มลง การสร้างโบสถ์หลังใหม่เนื่องจากทางการได้ทำการตัดถนน การสัญจรทางน้ำเริ่มลดลงเปลี่ยนมาเป็นการสัญจรทางบกแทน วัดแห่งนี้จึงมีมติกันว่าสร้างโบสถ์หลังใหม่ให้อยู่ใกล้ถนนเพื่อรองรับความเจริญที่กำลังจะเกิดต่อไป

สามเณรเสมือน เป็นเณรที่เรียกได้ว่าแก่นแก้วที่สุดในบรรดาเณรรุ่นเดียวกัน ถือกันได้ว่าเป็นหัวโจ๊กของกลุ่มเณรทั้งหลาย หลังจากเล่นสนุกมาจนทุกทีแล้ว จึงชวนสมัครพรรคพวกเณรด้วยกันเข้ามาเที่ยวเล่นกันบริเวณโบสถ์เก่าหลังนี้ เณรหลายคนอิดออด และหนีไป เหลือเพียงเณรจุก กับพวกอีกองค์เท่านั้น ทั้งสามได้มาเที่ยวเล่นซุกซนตามประสาเณร โดยหารู้ไม่ว่าอันตรายกำลังรอพวกเขาอยู่ในโบสถ์เก่าหลังนี้

"มึงกล้าไหม ไอ้จุก ถ้ามึงกล้า มึงเข้าไปเลย " เสมือนบอกกับจุก
"ไม่เอากูกลัว มึงกล้ามึงก็เข้าไปคนเดียวเด่ะ กูไม่เอาด้วยหรอก ไปกลับกันดีกว่า" ว่าแล้วคว้าแขนเณรอีกองค์วิ่งออกไป
"ไอ้พวกขี้ขลาด กูไปคนเดียวก้อได้" ว่าแล้วเณรเสมือนจึงเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าหลังนี้ ด้วยความไม่กลัวอะไร

ในโบสถ์นั้น มืด เงียบ และวังเวงเหลือใจ แสงตกลงมาบางจุดเนื่องจากหลังคาแตก ทำให้น่ากลัวมากกว่าเดิม เณรเสมือนเดินไปยังที่หน้าพระพุทธรูปองค์ที่มีหน้าตาไม่สวยนักเนื่องจากการสร้างโดยช่างชาวบ้านทั่วๆ ไป ปั้นองค์พระขึ้นจากดิน พระองค์นี้รวมถึงพระองค์ประธานจึงไม่ได้ถูกนำออกไปบูชากันโดยเหตุผลเดียวกัน อีกทั้งโบสถ์หลังใหม่มีญาติโยมได้นำพระประธานสวยงามจากในเมืองมาถวายพระประธานองค์เก่าจึงหมดคุณค่าลง

เณรเสมือนเดินลึกเข้ามาอีกเล็กน้อย ที่หางตาเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งกำลังขยับอยู่ ในขณะที่หันกลับไปดูนั้น ร่างสีเหลืองปนดำลอยลิ่วเข้ามาปะทะร่างกายพร้อมกับกลิ่นสาบสางปลิวเข้าจมูก พร้อมคมเขี้ยวของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้นปะทะเข้าร่างกายเต็มที่ เลือดสดๆ ไหลออกมาพร้อมจีวรที่ขาดวิ่น ตกอยู่ที่พื้น ร่างเล็กๆ นั้นได้ตะเกียกตะกายหนีตายมายังพระรูปร่างไม่สวยองค์นั้น เพื่อจะได้เป็นเกาะป้องกันตัวเอง เมื่อร่างสัมผัสกับพระพุทธรูป มือซ้ายที่เปื้อนเลือดเกาะที่ใบหน้าพระองค์นั้น เจ้าเสือโคร่งขนาดใหญ่ก็ตามเข้ามาซ้ำเหยื่อของมันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่พลาด ร่างเล็กๆ ของเณรเสมือนลอยละลิ่วอยู่บนหลังของเจ้าเสือตัวนี้ มันวิ่งทะยานออกจากโบสถ์ไป เมื่อได้จังหวะมันจึงเอาเหยื่อของไปซุกไว้คาคบไม้ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของสัตว์นักล่าตัวอื่น

ถ้าผมจะเล่าเรื่องของพระกินเณรเป็นแบบนี้ โดยใช้การอ่านข้อความข้างต้นแล้วนำมาเรียบเรียงขึ้นใหม่โดยใช้หลักความเป็นจริงผสมลงไปด้วยละครับ

1. ภาคกลางย้อนหลังกลับไป 50 ปี รับรองได้ว่ามีเสือโคร่งแน่นอนครับ มีมาถึงทุ่งรังสิตครับ ทางด้านตะวันออกใกล้ที่สุดก็เป็นช่วงคลองด่านครับ เลยบางปูไปหน่อยเดียวเราก็จะเจอเสือโคร่งแล้ว บริเวณอ่างทอง สุพรรณ ชัยนาท ส่วนใหญ่เป็นป่าทั้งนั้นครับ และที่ยังเห็นอยู่ก็คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่<wbr>นเรศวร-ห้วยขาแข้ง ที่จังหวัดอุทัยธานี ก็ไม่ไกลมากนักครับ

2.ทำไมชาวบ้านและพระไม่หาศพเณรด้านนอกมากนัก เพราะความเชื่อและหลักฐานที่ปรากฏว่ารอยกองเลือดในโบสถ์ รอยเลือดที่หยดเป็นทางไปยังพระองค์นั้น และที่องค์พระทั้งตัวและหน้าตามีแต่เลือด จึงรีบสันนิษฐานว่า พระกินเณร

3. เสือนำซากเณรขึ้นไปขัดไว้คาคบไม้ส่วนตัวเสือเองก็หลบไปนอน แล้วจึงย่องกลับมากินอีกครั้ง ส่วนการยกซากเณรนั้นทำโดยการตวัดซากเณรขึ้นบ่าแล้วเอาปากคาบไว้ ถ้าใครได้เคยอ่านนิยายเกี่ยวกับป่าดงพงไพรและการล่าสัตว์จะเข้าใจได้ดีครับว่าเสือทำได้แน่นอน

4. โบสถ์เก่านั้นมืดไม่มีคนเข้ามา เป็นสถานที่หลบภัยได้เป็นอย่างดี คล้ายๆ กับถ้ำเลยนะครับ ซึ่งสัตว์นักล่าชอบอย่างยิ่ง ยิ่งสถานที่นี้ใกล้กับป่าช้า ป่าช้าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สัตว์นักล่าชอบมาก เป็นแหล่งอาหารอันดีเลิศของเหล่าสัตว์เหล่านี้
อ่านกันพอสนุกๆ นะครับ แล้วลองจินตนาการดูว่าเรื่องนี้สามารถเกิดได้หรือไม่ครับ ผมเชื่อว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าพระกินเณรครับ และไม่ว่าพระที่ไหนกินเณรลองเอานิยายของผมไปประกอบดูสิครับ เข้าได้ทุกๆ องค์ครับ นี่คือหลักความจริงที่เป็นไปได้จริง มากที่สุดครับ