พระกรุ พระเกจิอาจารย์ เครื่องรางของขลัง พระสังกัจจายน์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง

พระสมเด็จ วัดไหนหนอ สีเหลืองสุกปลั่ง ดั่งเอาทองมาทา

หลวงพ่อรับนิมนต์ ไปจำพรรษาย่านท้องทุ่งบางกระปิ

ถ้าหาเอง..คงต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี อาจจะใด้พบเจอ หรืออาจจะไม่เจอเลยก็ใด้ จริงๆเจอน่ะเจอแน่ๆ แต่ปัญหาปวดใจคือ..เจอแล้วเช่าพระออกมาไม่ใด้ เพราะวันนี้ไม่เหมือนวันนั้น ที่คนรู้จักพระของท่านมีเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น แต่..สมัยนี้คนรู้จักพระของท่านไปทั่วโลกแล้ว สมัยนั้น 20 กว่าปีที่แล้วคนที่รู้จักพระของท่าน ก็เดินหาเช่าพระของท่านเพลินไปเลย บางที่เจ้าของพระเป็นรุ่นลูกหลาน ก็ไม่รู้ว่าเป็นพระสมเด็จสร้างใหม่ๆ ของวัดไหน ก็เลยขายให้ในราคาถูกๆ แต่..ก็อีกแหล่ะครับสมัยนั้นพระของท่านพอหาใด้ก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ใด้มีราคาเช่าบูชาแพงมหาศาล เหมือนดั่งเช่นทุกวันนี้

สรุป..เลยต้องขอยืมพระองค์นี้..ของน้องชายมาก่อน จริงๆเนื้อสวยงามมากๆ เต็มไปด้วยผงสมเด็จเก่าๆ แร่วิเศษ มวลสารที่หายากที่สุดในโลกนี้หลายชนิด แต่ท่านก็เที่ยวดั้นด้น เสาะหามาจนใด้ และใส่ลงไปในพระสมเด็จชุดนี้ไม่น้อย ท่านจึงหวงพระชุดนี้มากที่สุด ท่านจะมอบให้เป็นบางคนเท่านั้น เสียดายกล้องไม่ดี จึงถ่ายทอดออกมาให้เห็นมวลสาร เศษพระสมเด็จเป็นก้อนๆ และแร่วิเศษต่างๆ ใด้ไม่ค่อยชัดเจนนัก เดี๋ยวผมจะไปขอถ่ายรูปชัดๆ มาให้ชมใหม่ครับ

บายๆๆ ไปก่อนครับ เจ้านายตะโกนถามว่า งานน่ะจะเคลียเสร็จก่อนปีใหม่ไหม เฮ้อๆๆ ห่วงไปใด้ ถ้างานไม่เสร็จ คนก็เสร็จ แหล่ะครับ



พระทุกองค์ ท่านมีเจ้าของที่แท้จริง

ผม..เป็นเพียงสะพานบุญ ครับ

 

พระขุนแผนเมืองสรรค์ เนื้อผงใบลาน หลวงพ่อกวย

พระขุนแผนเมืองสรรค์ เป็นพระขุนแผนยุคเก่า พิมพ์ทรงอาจจะไม่สวยงามนัก แต่..ถ้าท่านต้องการพระหลวงพ่อกวย ที่มีพระพุทธคุณสุดยอดไม่ผิดหวังครับ เช่าบูชาแล้วสบายใจ เพราะว่าพระพิมพ์นี้ยังไม่มีของเก๊ทำออกมา พระขุนแผนเมืองสรรค์ น่าจะสร้างประมาณปี พ.ศ 2490 กว่าๆ มวลสารหลักประกอบไปด้วยผงพระพุทธคุณ ผงวิเศษทั้ง 5 ประการ ผงอิธะเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และ ผงตรีนิสิงเห ทรายเสก แร่อุกาบาต ข้าวตอกพระร่วง พระเนื้อดินกรุเมืองสรรค์ที่แตกหักชำรุด ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพระสรรค์นั่ง พระสรรค์ยืน

ผงใบลาน ตำหรับตำราหัวใจพระคาถาต่างๆ ที่จารลงในใบลาน และเมื่อชำรุดผุพัง ก็คัดลอกใส่ไว้ในใบลานชุดใหม่ หรืออาจจะคัดลอกใส่สมุดกระดาษสมัยใหม่ ส่วนสมุดใบลาน หรือใบลานที่จารพระคาถาอักขระเลขยันต์ต่างๆ ก็นำไปเผาไผ เพื่อนำมาทำเป็นมวลสารผสมในเนื้อผงพระพุทธคุณสีขาว เพื่อให้กลายเป็นพระเนื้อผงใบลานสีเทา สีดำ นั่นเองครับ

พระพุทธคุณ มีครบถ้วน องค์เดียวเที่ยวทั่วไทย โดยแท้จริงแล้วพระเนื้อผงใบลานเป็นเนื้อที่มีดีในตัวเองไม่ต้องปลุกเสก ก็มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง ด้วยใบลานที่นำมาเผาไฟเพื่อนำมาเป็นมวลสารหลักของพระเนื้อผงใบลานนั้น คือใบลานที่จารอักขระเลขยันต์ หัวใจพระคาถาต่างๆ จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง และผู้ที่จะเรียนมนต์คาถาก็ต้องมาหัดท่องพระคาถาต่างๆ ต่อหน้าใบลานในคือการปลุกเสกใบลาน ด้วยพระคาถาต่างๆในใบลาน ดังนั้นพระเกจิอาจารย์ในยุคโบราณ ท่านรู้คุณค่าว่าใบลานเผาไฟ เป็นของดีของวิเศษ ท่านจึงนิยมทำพระเนื้อผงใบลาน ควบคู่กับพระเนื้อผงขาวไปด้วย

ส่วนพระเนื้อผงใบลานสีเทา สีดำ ในทุกวันนี้ เขาจะใช้ใบลานดังกล่าวเผาไฟ เพื่อนำมาเป็นมวลสารผสม หรือจะใช้วัตถุสิ่งใดมาทดแทน ผมก็ไม่มีความรู้ตรงนี้ครับ

บูชาองค์ละ 1500 บาท ครับ

 

กุมารทอง เนื้อดินอาถรรพ์ หลวงพ่อเต๋ คงทอง

ขนาด กว้าง 3.5 ซม สูง 8 ซม.

ตุ๋กตาทอง น้องกุมารทอง เนื้อดินอาถรรพ์ พิมพ์นี้ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก คงเนื่องมาจากน่าจะมีการสร้างในจำนวนที่ค่อนข้างน้อย มวลสารสำคัญที่สร้างกุมารทอง เนื้อดินอาถรรพ์ จะเป็นดินเจ็ดป่าช้า ดินเจ็ดทุ่ง ดินเจ็ดท่าน้ำ ดินเจ็ดโปร่ง ดินเจ็ดป่าอาถรรพ์กลางดงลึก และมวลสารอถรรพ์ต่างๆอีกมากมาย พร้อมผงตามสูตรการสร้างที่ท่านได้ร่ำเรียนมา จากนั้นก็นำไปคละเคล้ารวมกับดินที่จะปั้นเป็นตุ๋กตา หรือน้องกุมารทองพิมพ์ต่างๆ ต่างนั้นผึ่งจนแห้งแล้วนำไปสุมไฟอ่อนๆ

จากนั้นจึงนำมาทำพิธีตามขั้นตอนต่างๆ ที่ละเอียดอ่อนซับซ้อนของท่าน ด้วยฤกษ์ยามที่ถูกต้องเหมาะสม กุมารทอง ของหลวงพ่อเต๋ คงทอง จึงปรากฏความเข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วทุกทิศทุกแดน แม้แต่ชาวต่างชาติต่างภาษา ก็ยังนับถือบูชากราบไหว้กุมารทองของหลวงพ่อเต๋ เลียครับ



ตุ๋กตาทอง กุมารทอง เนื้อดินอาถรรพ์ ของหลวงพ่อเต๋ ดีทางทำมาค้าขาย เป็นเมตตามหานิยม โชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ ทำมาค้าขายเงินทองลื่นไหลคล่องตัว เรียกลูกค้าเข้าร้านเข้าบริษัท ช่วยเฝ้าดูแลเลือกบ้านเรือน ผู้คนในเรือนชาน เรือกสวน ไร่นา บ้านช่องห้องหอเคหะสถาน ฯ

บูชาองค์ละ 2500 บาท

ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
โทร 08 6454 0353
LINE ID : prathai9
ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง

 

หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พิมพ์ฐานอะระหัง หลังจารยันต์ตรีนิสิงเห

หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา สุดยอดพระพระอรหันต์ 7 แผ่นดิน ตั้งแต่รัชกาลที่ 2 ถึงรัชกาลที่ 8 (พ.ศ. 2363 - พ.ศ. 2480) โดยหลวงปู่ท่านท่านมีอายุยืนยาวถึง117 ปี 96 พรรษา หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงของ ขรัวตาแสง วัดมณีชลขันธ์ ลพบุรี ท่านเป็นศิษย์รุ่นน้อง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) แห่งวัดระฆัง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ขรัวแสงมาก่อน และท่านเป็นผู้พาหลวงปู่ทอง เดินธุุดงค์ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ขรัวตาแสง วัดมณีฃลขันธ์ โดยเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับท่าน ต่อมาภายหลังเมื่อสิ้นขรัวตาแสง หลวงปู่ทองท่านก็มาเป็นลูกศิษย์ศึกษาพระเวทย์วิทยาอาคมกับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

หลวงปู่ทอง ท่านมีสหธรรมิก ที่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำเพื่อแลกเปลี่ยนวิชาอาคมศาสตร์เล้นลับ ซึ่งกันและกันเช่น ลพ.เงิน วัดบางคลาน ลป.ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ลพ.ปู่ พริ้ง วัดบางปะกอก ลพ.ภู วัดอินทร์ ลป.เอี่ยม วัดหนัง ลพ.แช่ม วัดท่าฉลอง ลป.ปั้น วัดเงินบางพรหม ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม

ท่านเป็นพระอาจารย์ ของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลพ.จาด วัดบางกะเบา ลพ.จง วัดหน้าต่างนอก ลพ.คง วัดบางกะพ้อม ลพ.อี๋ วัดสัตหีบ ลพ.เหลือ วัดสาวชะโงก ลพ.แช่ม วัดตาก้อง ลพ.สด วัดปากน้ำ ลพ.คล้าย วัดสวนขันธ์ ลพ.อยู่ วัดใหม่หนองพระองค์ ลพ.เผือก วัดกิ่งแก้ว ลป.เผือก วัดลาดพร้าว ลพ.ภักตร์ วัดบึงทองหลาง ลพ.หุ่น วัดบางขวด ลป.ทอง วัดลาดกระบัง ลพ.วิง วัดสะพาน ลพ.ทอง วัดตะกล่ำ และที่ไม่สามารถระบุชื่อได้อีกมากมาย ด้วยหลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระยุคโบราณที่มีอายุยืนยาว จึงมีพระเกจิอาจารย์ มาสมัครเป็นศิษย์ท่านมากมาย ยิ่งถ้าเรานับถึงปัจจุบันนี้ จะแตกแขนงออกไปเป็นหลานศิษย์ เหลนศิษย์ของหลวงปู่ทอง แห่งวัดราชโยธา...อีกมากมายจนไม่รู้จะนับอย่างไรครับ

พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา นับใด้ว่าเป็นวัตถุมงคลที่มีพระพุทธคุณสูงล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง น่าเก็บสะสมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยท่านเป็นพระยุคโบราณที่สืบทอดพระเวทย์วิทยาคม ไสยศาสตร์อันเล้นลับเก่าแก่ต่างๆ มาจากพระเกจิอาจารย์ระดับปรมาจารย์ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระเครื่องที่ทานสร้างและปลุกเสกจึงมีพระพุทธคุณเข้มขลังครบถ้วน นานัปการ ฯ

บูชาองค์ละ 3000 บาท

ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
โทร 08 6454 0353
LINE ID : prathai9
ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง

 

ข่าวดีครับ ท่านนับถือศรัทธา ลพ.องค์ไหน จองไว้ก่อนใด้ครับ

ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค 2567 ท่านจึงค่อยโอนเงินให้ผม ก็ใด้ครับ

ท่านใด จะโอนให้ผมเลยผมก็ยินดีครับ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง ผมจะใด้พอมีเงินหมุนเวียน น่ะครับ

 

พระร่วง พิมพ์เศียรโต เนื้อชินเงิน หลวงปู่คำ วัดหน่อพุทธางกูร

องค์พระมีขนาดความกว้าง 2.4 ซ.ม สูง7.7 ซ.ม

หลวงปู่คำ วัดหน่อพุธางกูร ท่านสร้างล้อพิมพ์ พระร่วงกรุวัดปู่บัว จ.สุพรรณบุรี โดยหลวงปู่คำท่านใช้เนื้อพระตะกั่ว พระร่วงกรุปู่บัว ที่ชำรุดแตกหักมาเป็นมวลสาร จากนั้นท่านเติมตะกั่วเติมปรอทลงไป แล้วเทหล่อออกมา ส่วนแม่พิมพ์ผมคาดเดาเอาว่าท่านคงจะถอดพิมพ์มาจากพระร่วง กรุปู่บัว และแต่งพิมพ์เพิ่มเติมให้คมชัดสวยงาม ปีที่ท่านสร้างพระร่วงพิมพ์นี้ออกมา น่าจะประมาณปี พ.ศ 2490 กว่าๆ พระองค์นี้เจ้าของเดืมท่านเก็บรักษาไว้ดี ผิวปรอทจึงยังคงอยู่ ผมใด้ใด้มาหลายองค์ ส่วนใหญ่เนื้อจะดำ หมองคล้ำลงไปหมดแล้ว เนื่องจากเก็บไว้ไม่ดีพอ และพระถูกเลี่ยมใช้งาน ผิวพระบางองค์จึงดูดำๆคล้ำๆ ไปหมดแล้ว


พระพุทธคุณ คงจะหนักไปทางมหาอุตม์ แล้วคลาด คงกระพัน น้องๆพระร่วงกรุวัดปู่บัว จ.สุพรรณบุรี ที่องค์ละหลายแสนบาทล่ะครับ เนื่องจากว่ามีเนื้อตะกั่วจากพระร่วงกรุวัดปู่บัว ที่ชำรุดแตกหักเป็นมวลสารหลัก และหลวปู่คำ วักหน่อพุทธางกูร ผู้สร้างผู้ปลุกเสกพระร่วงองค์นี้ ท่านก็เป็นพระสงฆ์ เมืองสุพรรณบุรี ที่เก่งมากๆ อีกรูปหนึงเหมือนกัน

บูชาองค์ละ 3000 บาท

ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
โทร 08 6454 0353
LINE ID : prathai9
ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง

 

พระนาคปรกแสงอรุณ วัดบรมนิวาส กรุงเทพ 2495

องค์พระมีขนาดนิ้วกลาง สูงประมาณ 1 ข้อนิ้วกลาง

พระนาคปรกแสงอรุณ วัดบรมนิวาส (วัดบรมสุข) วัดที่จัดใด้ว่าเป็น เสาหลักใหญ่ของพระกรรมฐานพระป่า สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในกรุงเทพ มูลเหตุแห่งการสร้างพระนาคปรกแสงอรุณ เพื่อฉลองอายุให้กับเจ้าประคุณสมเด็จมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) เนื่องในวาระอายุครบ ๗ รอบในปี พ.ศ 2495 ในการดำเนินการจัดสร้างมี ท่านพ่อลี วัดอโศการาม เป็นประธานในพิธี หรือเป็นแม่งานในการจัดสร้าง

ในพิธีการปลุกเสกนั้น เป็นการปลุกเสกครั้งที่ยิ่งใหญ่มาก ของพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น เรียกใด้ว่าพระกรรมฐานพระป่า สายพระอาจารย์มั่น ลงมากรุงเทพเพื่อมาช่วยปลุกเสก พระนาคปรกแสงอรุณมากมาย จนวัดบรมนิวาส แทบไม่มีที่ว่าง แต่ผู้ที่จดบันทึกซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในสมัยนั้น จำใด้และรู้จักชื่อ จะมีตามรายการข้างล่าง

รายชื่อพระอาจารย์ สายกรรมฐานที่มาร่วมปลุกเสก
อาจารย์สิงห์ วัดป่าสาลวัน
หลวงปู่ดูลย์ วัดบูรพาราม
ท่านพ่อลี วัดอโศการาม
หลวงปู่กินรี วัดกัณตะศิลาวาส
หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ วัดประสิทธิธรรม
หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง
หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง
หลวงปู่อ่อน วัดป่านิโครธาราม
หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล
พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร
หลวงปู่ตื้อ วัดป่าอรัญญวิเวก
หลวงปู่สาม วัดป่าไตรวิเวก
พระอาจารย์จวน วัดเจติยาคิรีวิหาร



พระเครื่องที่ทำพิธีปลุกเสกหมู่ ย่อมจะมีพระพุทธคุณครบถ้วนทุกด้านอย่างแน่นอนที่สุด เพราะว่าพระที่มาร่วมในพิธีแต่ละองค์ท่านก็เก่งไปคนละแบบ สำเร็จมาคนละวิชากัน แต่พระนาคปรกแสงอรุณ หรือพระนาคปรกวัดบรมนิวาส ซึ่งปลุกเสกหมู่โดยพระกรรมฐานสายอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระกรรมฐานที่มีว้ตรปฏิบัตที่เงียบสงบ พระชุดนี้จึงมีพระพุทธคุณหนักไปในทางเมตตามหานิยม โชคลาภ ความร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุขมากกว่าครับ

ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
โทร 08 6454 0353
LINE ID : prathai9
ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง

 

พระสังกัจจายน์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง

พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง จ.ระยอง ถือว่าเป็นที่สุด สุดยอดของพระสังกัจจายน์หล่อโบราณเหมือนกัน เป็นพระสังกัจจายน์ เนื้อทองผสม หล่อแบบโบราณ องค์พระมีขนาดประมาณนิ้วชี้ของเรา ถ้าจะใหญ่กว่าก็นิ๊ดเดียว


พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง เป็นพระที่แขวนแล้วมีประสพการณ์ทางด้านโชคลาภสูง เงินทองสูง เจ้าของพระแต่ละท่านทีมีจึงหวงแหน จึงทำให้พระของท่านมีราคาค่อนข้างแพงมาก อนึ่ง..พระสังกัจจายน์ ของหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทองนั้น หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ลูกศิษย์องค์หนึ่งของท่าน มาช่วยปลุกเสกพระสังกัจจายน์รุ๋นนี้ด้วย จึงทำให้พระสังกัจจายน์ของหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ต้องการของประชาชน และนักนิยมสะสมพระเครื่อง

 

เหรียญหล่อ นารายณ์ทรงครุฑ หลวงพ่อเพิ่ม วัดแค

เหรียญหล่อนารายณ์ ทรงครุฑ หลวงพ่อเพิ่ม วัดแค เหรียญหล่อพิมพ์นี้เป็นพิมพ์นิยมที่สุดของท่าน เหรียญนี้ต้องถือว่าสวยสมบูรณ์ เนื่องจากพระพิมพ์นี้จำนวนไม่น้อย ส่วนใหญ่ใบหน้าพระนารายณ์ จะเทหล่อไม่ติด ใบหน้าจะหายไป จะเป็นแอ่งเป็นหลุมโบ๋ลงไป พระของท่านเป็นเนื้อโลหะทองผสม โดยท่านใช้ทองเหลือง ที่ท่านขอรับบริจาคจากชาวบ้านเช่นขันลงหิน ถาดทองเหลือง และใช้เศษชิ้นส่วนพระพุทธรูปที่ชำรุดปรักหักพัง ตามวัดร้างต่างๆที่ถูกทิ้งขว้างเป็นส่วนผสมในพระนารายณ์ ทรงครุฑ และพระเนื้อทองเหลืองพิมพ์ต่างๆของท่าน

ข้อมูลด้านล่าง คัดลอกมาจาก..พระเกจิ แเดนสยาม

ประวัติ หลวงปู่เพิ่ม วัดแค (อยุธยา)

(หลวงปู่เพิ่ม วัดแค) ท่านถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๔ ที่บ้านคลองทราย ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อคุณพระชัยปริญญา เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสมัยนั้น โยมมารดาชื่อ เต่า ตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งถึงวัยหนุ่ม ท่านเป็นคนเรียบๆ ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีไม่ชอบเที่ยวเตร่ ชอบแต่จะเล่าเรียนเขียนอ่าน และช่วยงานทางบ้าน ทั้งๆที่บ้านมีฐานะ ท่านเรียกได้ว่าร่ำรวย เมื่ออายุถึงเกณฑ์ทหาร ท่านก็ได้เข้าไปเป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ ๗ ปี เมื่อปลดจากทหาร ท่านจึงได้เข้าอุปสมบทที่ (วัดสระเกศ) กรุงเทพฯ (ไม่ทราบนามพระอุปัชฌาย์) ได้ฉายาว่า "ฐิติญาโน" และต่อมาท่านก็ได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่ (วัดแค)

"วัดแค" เดิมมีชื่อว่า "วัดราชานุวาส" ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวดพระนครศรีอยุธยา สันนิฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ สมัยอยุธยาตอนต้น ตามประวัติวัดที่เล่ากันต่อมาว่า (หลวงปู่ทวด) เหยียบน้ำทะเลจืด แห่งวัดช้างไห้ เคยมาจำพรรษาอยู่ เพื่อเล่าเรียนธรรมกับพระสัมฆราชในสมัยนั้น จนต่อมาเป็นที่นับถือแก่ชาวบ้านและได้รับการแต่ตั้งให้เป็น “พระราชมุณีคุณปรมาจารย์” กิตติศักดิ์ของท่านยิ่งระบือลือเลื่องออกไปเมื่อโรคห่าระบาด ท่านได้ทำน้ำมนต์ ให้ชาวบ้านดื่มรักษาโรคห่าได้ ชาวบ้านจึงพร้อมกันสร้างวิหารถวายท่านที่ (วัดราชานุวาส) หรือ (วัดแค) ในปัจจุบันนี้เอง

หลวงปู่เพิ่ม ท่านเป็นเกจิยุคเก่า ที่ชอบเล่นแร่ แปรธาตุ เก่งเรื่องคาถาอาคมเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่สมถะเคร่งครัดอยู่ในพระธรรมวินัย กิจวัตรของท่านก็คือวิปัสนากรรมฐาน ทุกวัน ภายในวัดมีต้นตะเคียนเต็มไปหมด และมีการลือกันว่ามีผีดุ บ้างก็เคยถูกหลอกมา วัดนี้เป็นที่สงบวิเวกเป็นที่พอใจของท่าน และท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวเท่านั้น

ครั้งหนึ่ง ท่านนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ และถอดกายทิพย์ไปยืนอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ในตอนเช้ามืด มีแม่ค้าขายผักพายเรือผ่านมาเห็นท่านเข้า ก็ยกมือไหว้ท่านและเอ่ยถามท่านว่า "หลวงพ่อจะออกรับบาตรหรือเจ้าคะ" ท่านก็ไม่ตอบอะไรแค่วักน้ำสาดหัวเรือ และโบกมือไล่ให้ไป แม่ค้าคนนั้นก็รีบไปตลาด ปรากฏว่าผักที่แกนำมาขาย ขายดีผักหมดในเวลารวดเร็ว ยังไม่สว่างเลยก็หมดแล้ว จากนั้นแม่ค้าคนนั้น ก็เลยแวะซื้อหวย ก.ข. พอตอนสายหวยออกก็ถูกหวยอีก จึงซื้อของเพื่อจะนำมาถวายท่าน พอมาถึงวัดก็สอบถามถึงหลวงพ่อ พระในวัดก็บอกว่า หลวงพ่อยังไม่ได้ออกมาจากกุฏิเลย ตั้งแต่เช้า แม่ค้าก็บอกว่าเมื่อเช้ามืดเจอหลวงพ่อที่ท่าน้ำ พระที่วัดก็ยืนยันว่า หลวงพ่อยังไม่ได้ออกจากกุฏิเลย และเห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิตั้งแต่ตี ๔ ยังไม่ได้ไปไหนเลย แม่ค้าจึงมองเข้าไปในกุฏิเห็นหลวงพ่อนั่งสมาธิหลับตาอยู่ แล้วหลวงพ่อก็ได้ลืมตาขึ้นและถามแม่ค้าว่า "ถูกหวยมาละซี" และหลวงพ่อก็บอกต่อว่า "ทีหลังอย่าไปเล่นหวยอีกนะ คราวนี้เรามีโชคก็ควรจะพอ ข้าวของที่เอามาก็ให้เอาไปฝากลูกหลานที่บ้านเถอะเอาก๋วยเตี๋ยวแห้งไว้ห่อเดียวพอ" แม่ค้าก็แปลกใจ เพราะแกได้ซื้อก๋วยเตี๋ยวแห้งมาถวายหลวงพ่อด้วยพอดี

อีกเรื่องหนึ่ง ในปี พ.ศ.๒๔๙๔ นายจัน ซึ่งเป็นผู้อพยพมาจากเชียงราย มาเป็นกรรมกรสร้างทางรถไฟ ตั้งเพิงพักอยู่ใกล้ๆ กับ (วัดพนัญเชิง) วันหนึ่งได้ออกไปถ่ายทุกข์ในป่ารก ก็ไปเจองูจงอางกำลังเข้าคู่เกี้ยวกันอยู่ พองูเห็นนายจันก็คลายเกี้ยวเข้าไล่นายจันทันที นายจันวิ่งหนีกลับเพิงพัก งูทั้งสองตัวก็ยังไล่ติดตามมา คนงานคนอื่นๆ ที่เห็นก็ตกใจวิ่งหนีกันเป็นการใหญ่ นายจันวิ่งหนีเข้าไปในห้องเอาเสื้อคลุมหัว พองูเข้าไปถึงตัว กลับเลื้อยหนีออกมา นอกห้องและหายไปเลย พวกคนงานก็เข้าไปดูนายจัน ทุกคนก็งงกันพักใหญ่ เนื่องจากนายจันไม่ถูกงูกัดเลย ปรากฏว่า มีเหรียญหล่อหลวงปู่เพิ่ม ตกจากกระเป๋าเสื้อของนายจัน มาอยู่ข้างๆตัวนายจันเท่านั้น เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันมากในสมัยนั้น

วัตถุมงคล ของท่านเริ่มสร้างในราวปี พ.ศ.๒๔๙๐ โดยจะเป็นเหรียญหล่อโบราณ พิมพ์นารายณ์ทรงครุฑ ด้านหลัง เป็นยันต์ตรีนิสิงเห มีอุณาโลม ๓ ตัวบนหัวยันต์ หลวงปู่ท่านจะแกะแม่พิมพ์เองและทำทุกทุกอย่างด้วยตัวท่านเอง เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ท่านก็แจกไปตามศิษยานุศิษย์ และผู้เคารพนับถือที่มาขอท่าน หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว วัตถุมงคลของท่านไม่เคยนำออกให้เช่ามีแต่แจกกฟรีเท่านั้น ชาวอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง ต่างเชื่อถือกันมากว่า กันเขี้ยวงาและศาสตราวุธ ได้ชะงัดนัก ท่านสร้างจำนวนน้อยมาก ปัจจุบันก็หาชมได้ยากเช่นกัน