พญานาคราช 4 ตระกูล นครคำชะโนด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Ajarn Pithak, 23 พฤศจิกายน 2009.

  1. องค์บูชา

    องค์บูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +149
    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้า ช่วยตีความฝันให้หน่อยจ้า ฝันเห็นพญานาคสีเขียวอยู่ในน้ำคายลูกแก้วสีขาวขุ่นออกมาจากปาก แล้วลูกแก้วลอยมาหาจึงรีบรับไว้แล้วค่ะแต่ว่าได้กลืนลูกแก้วลงไปในท้องตัวเอง ฝันแบบนี้หมายถึงอะไรค่ะ รบกวนผู้รู้ทำนายให้หน่อยค่ะ
     
  2. suphattra

    suphattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +19
    สายปู่พญานาคาธิบดีสีสัตตนาคราช ก็มาจ้าา อิอิ
     
  3. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ครับยินดีต้อนรับนะครับ
     
  4. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ผมขอตอบผ่าน Pm นะ ครับ
     
  5. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126

    สบายดีนะครับ ยินดีต้อนรับครับ
     
  6. B_S

    B_S Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +98
    หวัดดีจ้าน้องยา พี่ส่งข้อความไปหาด้วยล่ะ ^_^
     
  7. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    สบายดีนะครับ ยาตอบคำถามไปแล้วนะครับ
     
  8. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    คติพจน์

    • การทำความดี มีได้ทุกโอกาส ความประมาททำให้พลาดจากความดี
    • ความดี ให้ความอิ่มใจในเบื้องหลังให้ความสมหวังในเบื้องหน้า
    • ความชั่ว ให้ความขุ่นใจในเบื้องหลังให้ความผิดหวังในเบื้องหน้า
    • ถ้าเมตตาเกินประมาณ จะพบคนพาลทั่วเมือง
    • ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนอาภัพอับโชคที่สุด
    • ถ้ากล้าจนเกินงาม จะพบรักความเดือดร้อน
    • มัวเมาในสิ่งที่ตนเองได้ หลงไหลในสิ่งที่ตนมี คือการสร้างเรือนจำขังตัวเอง
    • ถ้าทำมักง่าย จะวุ่นวายภายหลัง
    • ถ้าทำใจร้อน จะร้อนใจภายหลัง
    • เห็นโทษในสิ่งที่ตนได้ เห็นภัยในสิ่งที่ตนมี คือความเป็นอิสระในโลก
    • ถ้าเห็นแก่ได้ จะเสียใจภายหลัง
    • ถ้าเห็นแก่กิน จะถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
    • ถ้าพูดพล่อย ๆ จะเสื่อมถอยความนับถือ
    • ถ้าสบายเมื่อหนุ่ม จะกลุ้มใจเมื่อแก่
    • ถ้าทำตามใจชอบ จะได้รับสิ่งที่ไม่ชอบใจ
    • ถ้าทำบาปแลกบุญ จะขาดทุนเรื่อยไป
    • ถ้าเห็นแก่ธรรม สุขเลิศล้ำตลอดกาล
    • คนที่ไม่รักษาเวลา คือคนฆ่าตัวเอง
    • อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือภาพมายา อนาคตคือความไม่แน่นอน
    • ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
    • โกรธคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
    • เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
    • อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
    • ชีวิตไม่พอกับตัณหา เวลาไม่พอกับความต้องการ
    • ที่พักครั้งสุดท้ายของชีวิต คือป่าช้า
    • ถ้าทำตัวแข่งกับสังคม ความล่มจมจะตามมา
    • ถ้าทำงานเห็นแก่หน้า จะพบกับปัญหาเรื่อยไป
    • ถ้าทำตัวเห็นแก่ได้ อย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
    • ถ้ากลัวเกินไป จะทำอะไรไม่สำเร็จ
    • ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมีเป็นคนโชคดีที่สุด
    • ถ้าขาดความพอดี จะเป็นหนี้ตลอดกาล
    • ถ้าหวังแต่ความสนุก จะพบความทุกข์มหันต์
    • ถ้าขาดความยั้งคิด ชีวิตจะหมดความหมาย
    • ถ้าทำใจให้สงบ จะพบรักความสุขเยือกเย็น
    • ถ้ามีความพอดี จะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
    • ถ้ามีแต่ความงก จะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
    • ถ้ามีเมตตาจิต จะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
    • จงพอใจในชีวิตของตัวเอง โดยมิต้องไปเปรียบเทียบชีวิตของผู้อื่น
    • ถ้าคิดถึงแต่ความหลัง จะพบรังแห่งความเศร้า
    • ถ้ามีแต่ความมัวเมา จะพบความปวดร้าวภายหลัง
    • ถ้าทำดีเพื่อเด่น จะถูกเขม่นจากญาติมิตร
    • ถ้าทำความดีด้วยน้ำจิต จะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
    • ถ้าหวังพึ่งแต่คนอื่น จะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
    • อย่าทำตัวเป็นผู้รับฝ่ายเดียว จงทำตัวเป็นผู้ให้ด้วย
    • อย่าพยายามทำคนอื่นให้เหมือนใจเรา เพราะเราก็ทำให้เหมือนใจคนอื่นไม่ได้
    • ถ้ารู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
    • อย่าทำตัวให้เด่นกว่างาน จงพยายามทำงานให้เด่นกว่าตัว
    • อย่าทำบ้านให้แข็งแรงกว่าพื้นฐาน จงทำพื้นฐานให้แข็งแรงกว่าบ้าน
    • อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ให้เท่ากับใจ จงพยายามทำใจให้เท่ากับสิ่งที่ได้
    • ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
    • ถ้ามั่วสุมกับอบายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
    • ถ้าทำหูเบาเอาเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
    • ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
    • ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
    • ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะตัวเอง
    • ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะพบกับความสุขได้ที่ไหน
    • ถ้าไม่ยอมปล่อยวาง จะพบกับความว่างได้อย่างไร
    • ถ้าหาความสุขจากความมัวเมา เท่ากับจังเงาในกระจก
    • ถ้าอยากเป็นคนงาม อย่าวู่วามโกรธง่าย
    • ถ้าอยากเป็นคนสบาย อย่าเบื่อหน่ายความเพียร
    • ถ้าอยากเป็นคนมั่งมี อย่าเป็นคนดีแต่จ่าย
    • ถ้าอยากเป็นคนนำสมัย อย่าทำลายวัฒนธรรม
    • ถ้าอยากเป็นคนมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น
    • ถ้าอยากมีความรู้ อย่าลบหลู่อาจารย์
    • ถ้าอยากหาความสำราญ อย่าล้างผลาญสมบัติ
    • ถ้าอยากเป็นคนมีอำนาจ อย่าขาดความยุติธรรม
    • ถ้าอยากเป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ
    • เป็นอยู่เท่าที่มี ดีกว่าเป็นเศรษฐีเงินผ่อน
    • ทำการงานอยู่กับบ้าน ดีกว่าสุขสำราญในบ่อน
    • แสวงลาภจากการงาน ดีกว่าบนบานบวงสรวง
    • ไม้เท้าของคนเฒ่า ดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู
    • รักกันฉันท์พี่น้อง ดีกว่าเงินทองเป็นไหน ๆ
    • ปิดปากไว้ไม่พูดจา ดีกว่านินทาเพื่อนบ้าน
    • ยอมลำบากเมื่อหนุ่ม ดีกว่าจะกลุ้มเมื่อแก่
    • อยู่คนเดียวอย่างสงบ ดีกว่าคบคนพาล
    • คอยตักเตือนตัวเอง ดีกวาเพ่งโทษคนอื่น
    • ทำความดีแล้วดัง ดีกว่าถูกชังเพราะทำชั่ว
    • ถ้ากินอยู่เกินฐานะ ชีวิตจะขรุขระเดือดร้อน
    • ยอมลำบากเมื่อตอนต้น ดีกว่ายากจนทีหลัง
    • เป็นอยู่อย่างหมดหวัง คือการขุดหลุมฝังตัวเอง
    • ชีวิตคือการต่อสู้ จงเป็นอยู่ด้วยความอดทน
    • ถ้าตกอยู่ใต้อำนาจยาเสพติด เท่ากับเผาชีวิตทั้งเป็น
    • ถ้ามัวเมาเอาแต่ดัง ชีวิตจะพังเพราะชื่อเสียง
    • ถ้าจะเป็นผู้ใหญ่ อย่าเชื่อง่ายหูเบา
    • อำนาจวาสนา คือที่มาของความกังวล
    • โลกจะลุกเป็นไฟ เพราะใจขาดธรรมะ
    • ชีวิตจริง ไม่เหมือนฝัน
    • ถ้าชนะด้วยอาวุธ จะสิ้นสุดด้วยความแค้น ใช้ธรรมะชนะแทน ความขุ่นแค้นจะหายไป
    • ถ้าเสรีไม่มีเขต จะเป็นเหตุให้วุ่นวาย ถ้าเสรีตามกฎหมาย ความวุ่นวายสงบลง
    • ถ้าผู้ใหญ่ตามใจว่า จะชักพาให้เดือดร้อน ถ้าผู้น้อยฝืนคำสอน จะเดือดร้อนไปทั่วเมือง
    • ถ้าทำงานมุ่งเพื่อตัว จะหมองมัวชั่วชีวิต ถ้าทำงานเพื่ออุทิศ สิ้นชีวิตชื่อยังอยู่
    • เป็นพระไม่สังวร จะถ่ายถอนความศรัทธา เป็นชาวบ้านไม่เสาะหา จะนำพาให้ล่มจม
    • ประชาธิปไตยตามใจว่า คือที่มาแห่งความวุ่นวาย
    • สังคมจะเป็นธรรม เพราะไม่เหยียบย่ำคนอื่น
    • คนไม่เคารพกฎหมาย เหมือนวัวควายไม่มีคอก
    • ดูบ้านเมืองดูที่ความสะอาด ดูประชาชาติดูที่ความสามัคคี
    • ดูคนดี ดูที่งาน ดูลูกหลาน ดูที่ความเคารพ
    • ดูหญิง ดูที่ความอาย ดูชาย ดูที่ความกล้าหาญ
    • ดูพระดูที่กิจวัตร ดูคฤหัสถ์ ดูที่ความขยัน
    • เพ่งโทษตนเป็นบัณฑิต เพ่งความผิดคนอื่นเป็นพาล
    • เสียเงินทองไม่เป็นปัญหา เท่ากับเสียเวลาและเสียใจ
    • ถ้าใช้กฎหมู่ จะอยู่อย่างรำคาญ ใช้อำนาจทางศาล จะสำราญทั่วเมือง
    • เห็นผู้ใหญ่ว่าโง่ เห็นนักเลงโตว่าฉลาด เห็นพ่อแม่ไม่สามารถ คืออุบาทว์บ้านเมือง
    • เห็นคุกเป็นบ้าน สุราบานเป็นเพื่อน บ้านเรือนเป็นศาลา คือที่มาของความวิบัติ
    • ส่งเสริมการพนัน แข่งขันความมั่งมี ไม่เชื่อคนแต่เชื่อผี จะมั่งมีได้อย่างไร
    • ความสุขโลกีย์ มีได้ชั่วคราว ความสุขยืนยาว ต้องเข้าหาธรรม
    • ปฏิรูปจะได้ผล ประชาชนต้องร่วมใจ
    • ถ้าจะทำงานเพื่อชาติ อย่าแสวงหาอำนาจเพื่อตัว
    • ถ้าจะทำงานเพื่อศาสนา อย่าแสวงหาอามิส
    • อยากให้ไทยคงเป็นไทย อย่าทำลายวัฒนธรรม
    • ความวิบัติของชาติ คือผู้มีอำนาจแตกสามัคคี
    • สังคมมากกว่าส่วนตัว ชีวิตครอบครัวจะเดือดร้อน
    • เป็นทุกข์เพราะความจน ดีกว่าทนทุกข์เพราะเป็นหนี้
    • ประดับกายด้วยความดี มีราศีกว่าประดับเพชร
    • ฆ่าสัตว์ได้โทษ ฆ่าความโกรธได้บุญ
    • อยากจะหนีความทุกข์ อย่าหวังความสุขทางกาย
    • ปฏิวัติดัดนิสัย เป็นการแก้ไขที่ถูกต้อง
    • ถ้ารักประเทศชาติ อย่าถือโอกาสร่ำรวย
    • ถ้าอยากเป็นคนก้าวหน้า อย่ามัวอิจฉาคนอื่น
    • อยากเป็นชายจริงหญิงแท้ อย่าเปลี่ยนแปรประเพณี
    • คุณค่าของสัตว์อยู่ที่กาย คุณค่าหญิงที่ชายอยู่ที่ความประพฤติ
    • ภัยใหญ่ของชีวิต คือความคิดลุ่มหลง
    • ถูกบัณฑิตนินทา ดีกว่าถูกพาลายกย่อง
    • ถ้าไม่อยากให้ผิดหวัง ให้ระวังอย่าโลภ
    • ถ้าไม่อยากให้จิตวุ่นวาย ให้นึกถึงตายไว้บ้าง
    • ถ้าไม่อยากจะเศร้าโศก ให้มองโลกเป็นอนิจจัง
    • เป็นอยู่อย่างเกียจคร้าน จะล้างผลาญสมบัติ เป็นอยู่อย่างประหยัด จะได้สมบัติจากตัวเอง
    • เจริญทางวัตถุ จะคุกรุ่นเป็นไฟ เจริญทางจิตใจ จะแจ่มใสสงบ
    • มีธรรมเป็นอำนาจ จะปราศจากเวรภัย มีอธรรมเป็นใหญ่ เวรภัยจะตามมา
    • ความสุขแบบชาวโลก มีทุกข์โศกเป็นผล ความสุขอริยชน มีผลเป็นความสงบ
    • เลิกเห็นแก่ตัวได้เมื่อไร จะสุขใจเมื่อนั้น
    • ไม่ทำการงาน คบอันธพาล มั่วสุขสำราญ ไม่นานหมดตัว
    • มัวเมาอามิส หลงยาเสพติด ทำการทุจริต ยาพิษสังคม
    • อวดดื้อถือตน ไม่ฟังเหตุผล ยุแยงแฝงกล คือคนทำลาย
    • แก้ด้วยการเพิ่ม จะเสริมปัญหา แก้ด้วยปัญญา ปัญหาจะลด
    • โลกนี้สับสน เพราะคนมุ่งรบ โลกนี้สงบ เพราะเคารพธรรม
    • ขยันหมั่นไว้จะได้ดี แต่อย่ามีความโลภ
    • หวังได้ทรัพย์จากการพนัน คือความเพ้อฝันของคนสิ้นคิด
    • ความหลงไหลอบายมุข คือความทุกข์ของครอบครัว
    • ปัญหาเศรษฐกิจและจิตใจ ต้องแก้ไขพร้อมกัน
    • ทางพัฒนาที่ถูกทาง คือการเสริมสร้างคนดี
    • ดูคนดี ดูที่การกระทำ ดูผู้นำ ดูที่การเสียสละ
    • ศัตรูของประเทศชาติ คือประชาราษฎร์ขาดสามัคคี
    • ความคิดริษยา เหตุที่มาของการแตกแยก
    • ชีวิตที่ยุ่งยาก เพราะมีความอยากมากเกินไป
    • ทุกข์ยากที่อุปาทาน สุขสำราญที่ปล่อยวาง
    • หมั่นนึกถึงความตาย คืออุบายแห่งความไม่ประมาท
    • คนเกียจคร้านไม่ทำงาน เป็นคนพิการสากล
    • คนที่หวังพึ่งโชคชะตา เป็นคนปัญญาอ่อน
    • คนที่ท้อถอยเบื่อหน่าย เป็นคนตายก่อนหมดอายุ
    • คนที่มัวเมาเอาแต่เงิน จะห่างเหินจากญาติมิตร
    • กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม เป็นค่านิยมที่ผิด
    • ภัยที่น่ากลัวคือความตาย ทางแห่งความฉิบหายคือ อบายมุข
    • ไม่หลงของเก่า ไม่เมาของใหม่ เป็นหัวใจการพัฒนา
    • คนเก่ง ๆ มีมาก คนที่หายากคือคนดี
    • ความวิตกกังวลใจ เป็นโรคร้ายของชีวิต
    • ความยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นอุบายสร้างสันติ
    • ตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม สร้างค่านิยมที่ให้โทษ
    • ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    • ทำดีไม่มีประมาณ ก่อความรำคาญให้คนอื่น
    • สู้รบแบบพุทธะ คือการเอาชนะตัวเอง
    • ระวังหูของเรา ดีกว่าเฝ้าปิดปากคนอื่น
    • เหนื่อยกายหลับสนิท เหนื่อยจิตหลับไม่ลง
    • ไม่หยุดไม่ถึงพระ ไม่ละไม่ถึงธรรม
    • ลำบากเพราะการงาน ดีกว่าสำราญแล้วกลุ้ม
    • มั่งมีเพราะประหยัด อัตคัตเพราะฟุ่มเฟือย
    • คุณความดีมีมาก ส่วนที่หายากคือคนทำดี
    • ทำอะไรตามใจว่า สร้างปัญหาให้ตัวเอง
    • อามิสเป็นเพียงสิ่งอาศัย ความสุขใจอยู่ที่ความสงบ
    • ความสุขที่ได้จากตัณหา มีค่าเท่ากับความทุกข์
    • สะดวกนักมักง่าย สบายนักมักลืมตัว
    • การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางสงบสุข
    • เวลาไม่ได้ทำให้คนเสียคน คนต่างหากทำให้เสียเวลา
    • เหล้าไม่ได้ทำให้คนเมา คนต่างหากเมาเหล้า
    • สัตว์ไม่ได้โหดร้ายกว่าคน คนต่างหากโหดร้ายกว่าสัตว์
    • ศีลธรรมไทยได้เสื่อม คนต่างหากเสื่อมจากศีลธรรม
    • ความสุขไม่ได้อยู่ที่ความสมปรารถนา การรู้จักทำใจ เมื่อไม่สมปรารถนาต่างหากเป็นความสุข
    • สังคมวุ่นวาย เพราะอบายมุข
    • ทำแล้วไม่พูด ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ
    • มีทรัพย์อับปัญญา จะพาให้เดือดร้อน
    • เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย คืออุบายการประหยัด
    • แต่งแต่กายไร้ค่า ถ้าไม่แต่งใจ
    • คิดเอาแต่ได้ จะเสียใจภายหลัง
    • เป็นอยู่อย่างบัณฑิต จะมีชีวิตอย่างปลอดภัย
    • จงทำตามความถูกต้อง อย่าทำเพราะความถูกใจ
    • ทำอารมณ์ให้ผ่องใส เป็นอุบายแก้ทุกข์
    • พัฒนาไปจะไร้ผล ถ้าทุกคนหวังแต่เงิน
    • อยู่นานไปจะไร้ชาติ ถ้าขาดความสามัคคี
    • คิดไปก็ไร้คุณ ถ้ามัววุ่นอยู่แต่คิด
    • ทำไปก็ไร้ค่า ถ้าไม่กล้าจะทำจริง
    • ยิ่งทำไปยิ่งได้บุญ ถ้าเกื้อกูลกันและกัน
    • ภาวนาให้ใจสงบ จะได้พบสันติภาพ
    • บอกบุญบ่อย ๆ จะถอยศรัทธา บอกถูกเวลา ศรัทธาเจริญ
    • ถ้าผูกใจเจ็บ จะเจ็บใจเรา ถ้าเมตตาเขา ใจเราสบาย
    • ความคิดริษยา พาใจให้วุ่น เมตตาการุณ อบอุ่นไมตรี
    • ความกังวลใจ เป็นภัยเป็นพิษ สำรวมความคิด ชีวิตเบิกบาน
    • โลกที่สับสน เพราะคนวุ่นวาย จะสุขสบาย เป็นเรื่องของคน
    • ถ้าปล่อยก็ว่าง ถ้าวางก็เบา ถ้าเอาก็หนัก
    • ถ้าจะพัฒนาเขา ให้พัฒนาตัวเราก่อน
    • ขยันไม่สันโดษ ทุกข์โทษจะตามมา
    • บ้างเมืองจะพินาศ เพราะคนในชาติกอบโกย
    • ระฆังดังเมื่อคนตี คนดีไม่ต้องตีก็ดัง
    • ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าหลงใหลลืมตัว
    • ทำอะไรตามอารมณ์ ทุกข์ระทมจะตามมา
    • หลงทางเหนื่อยกาย หลงงมงายให้แต่โทษ
    • ความดีอยู่ที่การเสียสละ ชัยชนะอยู่ที่ขันติธรรม
    • ดูตัวเราคอยเฝ้าดูความคิด ดูญาติมิตรให้พินิจความดี
    • หลงอามิสมืดมิดมัวตา หลงปริญญาเพิ่มมานะทิฐิ
    • ขับรถช้า ๆ เทวดาคุ้มครอง ขับรถคะนองผีจองเฝ้าป่าช้า
    • หญิงชายจะไร้เพศ ถ้าปฏิเสธศีลธรรม
    • โลกนี้ไม่มีปัญหา ถ้าศึกษาให้รู้ความจริง
    • สิ่งที่ได้มาเปล่าคือความเฒ่าชรา สิ่งที่ต้องแสวงหาคือคุณค่าของชีวิต
    • โลกนี้ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง
    • ความร้อนอบอ้าวจะมาก่อนฝน ความลำบากยากจนจะมาก่อนความสุข
    • โลกนี้แจ่มใสสำหรับคนใจกว้าง โลกนี้เวิ้งว้างสำหรับคนใจดำ
    • วาจาอ่อนหลานลูกหลานใกล้ชิด วาจาเป็นพิษญาติมิตรห่างไกล
    • อดีตจะหมดจดอนาคตจะสดใส ต้องแก้ไขที่ปัจจุบัน
    • ถ้าถือคนบ้า ถ้าท้าคนเมา ถ้าเข้าคนผิด จะเป็นพิษแก่ตัว
    • อุปสรรคปัญหา เป็นที่มาของความสำเร็จ
    • ทำดีไม่ได้ผล เพราะทำตนลุ่ม ๆ ดอน ๆ
    • มีเงินล้นฟ้า ไม่เท่าค่าของคน
    • ทำความดีแล้วตาย ดีกว่าอยู่สบายไม่ทำประโยชน์
    • คนดียินดีทำทาน คนอันธพาลระรานทำลาย
    • ผู้ใหญ่หลงลืมตัว น่ากลัวกว่าเด็กดื้อ
    • สัตว์ตายเพราะเหยื่อ คนถูกเบื่อเพราะอามิส
    • ขับรถซิ่งซิ่ง จะวิ่งไปตาย ขับรถมักง่าย จะตายฟรีฟรี
    • เห็นคนเมา เท่ากับเห็นคนบ้า เห็นคนขี้ยา เหมือนเห็นคนตาย
    • ถ้าไม่อยากยากจน อย่างทำตนเป็นคนมั่งมี ถ้าอยากเป็นเศรษฐี ให้ทำทีเป็นคนจน
    • เมาสุราพาให้ประมาท เมาอำนาจพาชาติล่มจม
    • ความดังไม่คงที่ ความดีไม่เปลี่ยนแปลง
    • ไม่ระวังปาก ได้ศัตรู ไม่ระวังหู ขาดหมู่ญาติมิตร
    • ชีวิตจะผิดหวัง ถ้ามัวแต่นั่งนอนคอย
    • คนฉลาดที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้นำที่ดีไม่ได้
    • ความหรูหราของชาวสังคม เป็นค่านิยมที่เสื่อม
    • พูดตั้งพันคำ สู้ทำให้ดีไม่ได้
    • อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร อย่าทำบัณฑิตให้เป็นศัตรู
    • ความงามอยู่ที่ความดี ความมั่งมีอยู่ที่ความสันโดษ
    • แมลงวันชอบของเน่า คนโง่เขลาชอบทำบาป
    • การรักษาศีลห้า ช่วยแก้ปัญหาโรคเอดส์
    • ถ้าไม่ได้ทำความดี มีชีวิตอยู่ร้อยปีก็ไร้ค่า
    • ฟังมากได้ปัญญา ไม่ระวังวาจาได้โทษ
    • โอกาสที่ดีของคน ขึ้นอยู่กับความสนใจ
    • วิชาให้ความฉลาด ถ้าขาดธรรมก็ให้โทษ
    • คนฉลาดขาดความดี เป็นคนอัปรีย์สังคม
    • ถ้าจะทำตัวให้เหมือนเขา ให้ดูเงาตัวเราก่อน
    • ทุกสิ่งดูน่ารัก ถ้ารู้จักดูส่วนดี
    • สุริยุปราคา พระอาทิตย์มืดมัว จะดีจะชั่ว อยู่ที่ตัวเราเอง
    • เศษกองขยะ เกะกะทั่วบ้าน เศษคนอันธพาล รำคาญทั่วเมือง
    • พูดให้เขารัก ยากนักยากหนา พูดให้เขาด่า ว่าง่ายนิดเดียว
    • ติดคุกมีเวลาพ้นโทษ คนที่มักโกรธ ถูกทำโทษตลอดกาล
    • ความสุขมิได้อยู่ที่ความมั่งมี การทำใจให้พอดี คือยอดความสุข
    • คนดี ดีกว่าของดี มีคนดี ดีกว่ามีของดี อยากเป็นคนดี ต้องทำความดี
    • ชีวิตจะมีค่า เพราะทำเวลาให้มีคุณ
    • คุณสมบัติประจำชีวิต คือสุจริตประจำใจ
    • ความเจริญทางวัตถุ ยั่วยุให้คนลืมตัว
    • อย่าเป็นทุกข์ในสิ่งที่เสียไป จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่
    • พระดังอาจจะไม่ดี พระดีอาจจะไม่ดัง
    • ความขยันเป็นคุณสมบัติของคน ความอดทนเป็นคุณสมบัติของพระ
    • ชีวิตคือสนามรบ จะต้องพบทั้งความแพ้ความชนะ
    • ถึงยากจนก็เหมือนมั่งมี ถ้ายินดีในสิ่งที่มีอยู่ ถึงมั่งมีก็เหมือนยากจน ถ้าไม่พอใจในสิ่งที่มีอยู่
    • ร่างกายนี้เป็นโลกอนิจจัง เป็นเรือนของโรค เป็นที่อยู่โรค
     
  9. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    จิต…กับใจ ต่างกันอย่างไร?

    จิตคืออะไร? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจตรงนี้เสียก่อน กับความหมายของคำว่าจิต...
    จิตคือธาตุรู้ที่ติดตัวมาตั้งแต่ดั้งเดิมเริ่มแรก รวมอยู่ในหมวดวิญญาณธาตุอันเป็นองค์ประกอบหนึ่งของธาตุ 6 ซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องมี...
    มนุษย์ประกอบด้วย
    1. ธาตุดิน 2. ธาตุน้ำ 3. ธาตุลม 4. ธาตุไฟ 5. อากาศธาตุ และ 6. วิญญาณธาตุ...
    ธาตุดิน คือเนื้อหนังมังสา กระดูกทั้งหลายที่เป็นอวัยวะของเรา
    ธาตุน้ำ คือกลุ่มเลือด น้ำลาย น้ำเหลือง ฯลฯ
    ธาตุลม ก็คืออากาศที่เราสูดเข้าทางระบบหายใจ และซ่านไปตามทุกอณูของเซลล์ในร่างกาย
    ธาตุ ไฟ คือธาตุที่เกิดจากลมเข้าไปทำการสันดาป ให้ร่างกายสามารถประกอบธาตุอื่น ๆ ให้ดำรงอยู่เป็นตัวตนเป็นรูปร่างอย่างเรา ๆ ที่เห็นกันอยู่.. ถ้าหากลมหายใจหยุด ธาตุไฟในร่างกายดับก็เท่ากับ ‘ตาย’ ดินและน้ำในตัวเราก็จะสลายลง เนื้อหนังกระดูกจะกลายเป็นดิน... น้ำในตัวก็จะละลายออกเป็นน้ำหนองน้ำเหลืองไปตามลำดับ...

    อากาศธาตุ บางท่านพอได้ยินคำว่าอากาศธาตุ ก็นึกถึงอากาศที่เป็นก๊าซหรือ...พวกแก๊สทั้งหลาย หากความจริงหมายถึง ‘ความว่าง’ ที่อยู่ในร่างกายของพวกเรา ยกตัวอย่างง่าย ๆ เมื่อเรามองผิวหนังของตัวเองด้วยตาเปล่า เราจะเห็นว่า ‘ทึบตัน’ แต่ถ้าเราเอากล้องจุลทรรศน์ขยายขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นหมื่นเป็นแสนเท่า เราจะเห็นว่าความจริงส่วนประกอบของผิวหนังหรือกล้ามเนื้อทั้งหมด ประกอบขึ้นจากเซลล์ทั้งสิ้น และเซลล์ทั้งหมดจะมีช่องว่างพรุนคล้ายลอยตัวเรียงกันเป็นระเบียบ...โดยยึด โยงกันด้วยพลังงานที่เราจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป

    วิญญาณธาตุ ในข้อสุดท้ายเป็นส่วนสำคัญที่จะกล่าวเนื่องไปจนถึงหัวข้อซี่งจั่วหัวไว้ ตั้งแต่ต้น วิญญาณธาตุ คือ ‘ธาตุรู้’ ดั้งเดิม เป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์

    วิญญาณ ธาตุ เป็นธาตุที่กำหนดวิถีของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ยศศักดิ์ รวมทั้งผลกรรมทั้งหมดของแต่ละภพชาติจะถูกบันทึกอยู่ในวิญญาณทั้งสิ้น และเมื่อเราตายลง วิญญาณจะ ‘จุติ’ หรือที่เรียกว่า การเคลื่อนที่ไปหาผลกรรมที่กระทำ...ผลกรรมที่ปนอยู่ในวิญญาณนั้นเราเรียก ว่า... ‘ภวังคจิต’ ล้วน ๆ...

    และภวังคจิตตัวนี้แหละเป็นตัวกำหนดรูปร่างสูงต่ำดำขาว โง่เขลาหรือฉลาดของมนุษย์ที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะสงสาร จนกว่าจะถึง ‘นิพพาน’

    ฉะนั้น! ธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงสอนมนุษย์ให้รู้จัก การควบคุมจิตของตนไม่ให้มุ่งกระทำความชั่ว...หากให้ทำแต่กรรมดี และเมื่อจิตถูกอบรมให้อยู่ในความดีเป็นนิจแล้ว จิตจึงสะอาดบริสุทธิ์ เมื่อดับขันธ์ลงจิตจะไปปฏิสนธิในภพภูมิที่ดี...มีรูปร่างและสติปัญญางดงาม

    หรือถ้าสามารถอบรมจิตให้อยู่ในสภาวะเป็นกลางปราศจากกิเลสตัณหาราคะครอบงำ ก็จะหลุดการเวียนว่ายตายเกิด อันเรียกว่าสภาวะนิพพานได้

    ...ในความคิดของภูเตศวรจึงมั่นใจว่า...

    ธรรมะของศาสนาพุทธสอนคนให้รักษา ‘จิต’ มิให้ปรุงแต่งไปตามสิ่งเร่งเร้าของตัณหาทั้งหลายทั้งสิ้นทั้งปวงเป็นหลัก...

    เซียนสู เชยพรหมธีระ...ที่เป็นอาจารย์ของ ‘ทมยันตี’ คนหนึ่ง ซึ่งคุณทมยันตีเรียกว่า ‘อาเตีย’ อย่างสนิทปาก เคยบอกไว้ว่า...

    ‘จิต เดิมแท้ของมนุษย์บริสุทธิ์...ไม่มีอะไร’ แต่ รูป...รส...กลิ่นเสียงทั้งหลายที่กระทบวิถีวิญญาณทาง หูตาปากลิ้นจมูกกายใจ ที่เรียกว่า อายตะนะ 6...และเข้าไปปรุงแต่งในจิต...ทำให้เกิดความหมองทางวิญญาณ...

    ...อาการ ที่เกิดจากการปรุงแต่งของจิตเรียกว่า ‘ใจ’ ยกตัวอย่างเช่น...มีคนนินทาว่าร้ายเรามาแล้วถึงสองสามวัน แต่เราไม่รู้...เราก็ไม่โกรธ...แต่พอมีคนมาเล่าให้ฟังว่า นาย ก. นินทาด่าว่าเรา... พอได้ยินก็เกิดความโกรธขึ้น... ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์นั้นผ่านมาแล้ว และถ้าไม่ได้ยินจะเอาตัวโกรธมาจากไหน...จริงไหม?

    ฉะนั้น...‘จิต’ จึงเป็นสภาวะกลาง ๆ ถ้าไม่มีอะไรมากระทบ... ถ้าไม่เห็น... ก็ไม่รู้ว่าสวยหรือน่าเกลียด ไม่ได้ยินก็ไม่รู้ว่า เสียงไพเราะหรือไม่ไพเราะ ถ้าไม่กินก็ไม่รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย...

    อาการนั้นคือ อาการของ ‘จิต’ ที่ยังไม่กระทบและปรุงแต่ง...

    แต่ ถ้าจักษุวิญญาณมองเห็น... รายงานเข้าไปในจิต... และจิตปรุงแต่งแล้วรายงานออกมาว่า ‘สวย’ พอเห็นว่าสวยก็เกิดความชอบ... อาการเช่นนี้เรียกว่า ‘ใจ’

    สรุป ก็คือ จิตคือธาตุรู้เดิม... ใจคืออาการของจิตที่ถูกกระทบแล้วนำมาปรุงแต่ง

    ก็ คงต้องเอวังลงตรงนี้... ด้วยประโยคที่ว่า...“อยากพ้นทุกข์ พ้นกรรม ต้องรักษา... จิต ไม่ให้ฟุ้งซ่านไปตาม รูป...รส...กลิ่น เสียงที่กระทบอายตะนะ 6 อันมี หู ปาก ลิ้น ตา กาย ใจ... เป็นสื่อ...”

    และถ้าทำลำบากก็ต้องขอแนะนำง่าย ๆ
     
  10. B_S

    B_S Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +98
    ยา ตอบจดหมายพี่หน่อยจ้ะ
     
  11. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    :cool: เรียบแล้วครับผม
     
  12. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา กับทุกๆท่านด้วยนะครับ

    ไม่เคยรู้เรื่องนพวกนี้เลย แต่ผมก็ขอกราบสักการระ

    บารมีองค์พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช องค์พระแม่ย่านาคีศรีปทุมมาเทวี

    และองค์พ่อปู้ศรีสัตตนาคาราช พร้อมถึงบริวารของท่านทุกๆพระองค์
     
  13. ผู้เลื่อมใสศรัทธา

    ผู้เลื่อมใสศรัทธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +2,082
    อนุโมทนา กับทุกๆท่านด้วยนะครับ

    ไม่เคยรู้เรื่องนพวกนี้เลย แต่ผมก็ขอกราบสักการระ

    บารมีองค์พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช องค์พระแม่ย่านาคีศรีปทุมมาเทวี

    และองค์พ่อปู้ศรีสัตตนาคาราช พร้อมถึงบริวารของท่านทุกๆพระองค์
     
  14. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ถึงกายท่านจะตาย แต่จิตทิพย์กายทิพย์ท่านยังอยู่ที่เมืองบาดาลครับ กับท่านปู่ศรีสุทโธนาคราช ครับ
     
  15. องค์บูชา

    องค์บูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +149
     
  16. ุเพตารี

    ุเพตารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,048
    ค่าพลัง:
    +800
    วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 ปีนี้ตรงกับวันที่ 2 ตุลาคม ที่พระธาตุพนม ลองไปถามคนแถวนั้นได้คำตอบแน่ครับ:d
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2011
  17. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
     
  18. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
     
  19. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2011
  20. Ajarn Pithak

    Ajarn Pithak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,367
    ค่าพลัง:
    +2,126
    คุณ User SuperSaiya อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรอีกไหมครับ ผมจะนำเสนอให้ทราบครับ สามารถแลกเปลี่ยนได้นะครับ หากคุณสนในผมก็จะเล่าครับ ผมขอแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อ ยา ครับ คุณชื่อไรครับจะได้เรียกชื่อถูก ครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...