ผู้อยู่เบื้องหลังการสำเร็จอรหันต์ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย matakalee, 5 มิถุนายน 2008.

  1. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    มหาโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มเปี่ยม เกินกำลังแห่งพระอรหันต์คะเนได้ นั้นมีหรือไม่

    ลองถามครูอาจารย์ที่เชี่ยวชาญอภิญญา ที่ทรงสมาบัติแปดดู และท่านสมควรได้มรรคผลขั้นสูงด้วยนะครับ


    มหาโพธิสัตว์ระดับนั้น จิตสะอาดมาก ทรงสภาวะคล้ายอรหันต์มาก



    พอจะเข้าใจในสิ่งท่จะบอกหรือไม่....
     
  2. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    http://gotoknow.org/file/truedhamma/view/133342




    [​IMG]
    ดาวน์โหลด

    ภาพขยาย
    ลิงก์ของตัวไฟล์: <INPUT class=common id=url value=http://gotoknow.org/file/truedhamma/sod2.jpg name=url>
    คำสำคัญ: สัทธรรมปฏิรูป หลวงพ่อสด เลิกฝึกวิชชาธรรมกาย
    โดย TrueDhamma ลิงก์ถาวร ความคิดเห็น (4)
    สร้าง: จ. 03 ธ.ค. 2550 @ 10:58 แก้ไข: จ. 03 ธ.ค. 2550 @ 10:58

    ความคิดเห็น
    [​IMG] 1. หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่เคยเลิกฝึกธรรมกาย
    เมื่อ อ. 17 มิ.ย. 2551 @ 14:05
    704136 [ลบ]


    เหตุผลที่หลวงพ่อสดเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ ก็ เพราะว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง (สมัยนั้นมีสังฆมนตรีเพียง๔ รูป) ผู้มีอำนาจมาก มีบารมีมาก มีบริวารมาก และมีสมณศักดิ์เกือบสูงสุด ท่านเจ้าประคุณ มีความดำริจะส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะท่านเชื่อว่าการสอนวิปัสสนาธุระที่เป็นระบบถูกต้องมีเฉพาะในประเทศพม่าเท่านั้น ทั้งที่ตอนนั้นสายพระอาจารย์มั่นและสายวัดปากน้ำได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีระบบแล้ว
    หลวงพ่อวัดปากน้ำและพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายจึงถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอ
    สำหรับหลวงพ่อสดนั้นถูกขอร้องเป็นพิเศษ ด้วยหลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก น่าจะมากที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น ให้ช่วยเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯให้ด้วย ไม่ใช่เป็นอย่างคำบิดเบือน “ที่กล่าวว่าหลวงพ่อปฏิบัติไป ๆ แล้วติดตันขึ้นมา ต้องไปขอให้ให้อาจารย์วัดมหาธาตุแนะทางให้ จึงรู้ว่าที่ท่านปฏิบัติมานั้นผิดทาง” ซึ่งยุทธการกล่าวบิดเบือนดังกล่าวมีมาตลอด แต่ที่เขียนบิดเบือนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือมักกะลีผล
    ในการเกณฑ์ให้เรียนนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี(โชดก ญาณสิทธิ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรต้องไปถวายการสอนที่ในโบสถ์วัดปากน้ำตอนบ่าย หลายวัน โดยปิดประตูโบสถ์ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปฟัง หลวงพ่อวัดปากน้ำและท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนีถกอะไรกันบ้าง นั้นไม่มีใครทราบ พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต ท่านเล่าว่าตอนนั้นท่านยังเป็นสามเณรมีหน้าที่ปูอาสนะสองที่หน้าพระประธาน เมื่อหลวงพ่อ และท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี เข้าไปในโบสถ์แล้ว หลวงพ่อสั่งให้ท่านปิดประตู ห้ามใครเข้าใกล้
    แต่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(ครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม) มีประสงค์จะให้หลวงพ่อเปลี่ยนการปฏิบัติกรรมฐานจากวิชชาธรรมกายเป็นแบบวัดมหาธาตุ ซึ่งหลวงพ่อไม่ยอม(พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต, ๒๕๔๕, ใต้บารมีหลวงพ่อ ใน ที่ระลึกงานมุทิตา ฉลองพัดยศ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท พระครูมงคลพัฒนคุณ เจ้าอาวาส วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง นนทบุรี, หน้า ๓๗)
    หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และท่านยังได้บอกศิษย์ว่า สามเณรที่ทางวัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ๑๖แล้ว(เข้าใจว่าเป็นรูปแรก) ที่บอกใครๆว่าสามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ทุกที่นั้น ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น จะไม่สามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ และเป็นจริงตามที่หลวงพ่อพูด ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึกแล้วเป็นหัวขโมย [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร) , ......, เรื่องจริงอิงนิทานเล่ม๑, น.๑๖๙- ๑๗๒. ]
    -->> หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เขียนรับรองให้จริง แต่เขียนให้ในฐานะที่ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษา เขียนรับรองวิทยานิพนธ์ของศิษย์ เพราะคนที่จะเขียนรับรองอะไรได้นั้น จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้น ๆ ใช่หรือไม่
    (หลวงพ่อสดวัดปากน้ำเทศน์...ที่วัดมหาธาตุ) หลวงพ่อสดท่านเป็นพระผู้ใหญ่กว่าอย่างไร ท่านได้รับการไว้วางใจจากเจ้าคุณพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺต มหาเถร) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ องค์ที่ ๑๕ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง และปฐมสภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ พิจารณาในกระทู้นี้...
    http://topicstock.pantip.com/religio.../Y5650448.html
    การที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯ ตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองขอร้องแกม..... และตามคำขอของเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ท่านทั้งสองเสียหน้า หลวงพ่อได้เขียนรับรองไว้ใต้ภาพถ่ายของท่านที่มอบให้วัดมหาธาตุฯ มีใจความดังต่อไปนี้ :
    “ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ” พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘
    [วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, ไม่ระบุปีที่พิมพ์, ประวัติและผลงานพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, กรุงเทพมหานคร หน้า ๑๓. (คณะ๕ โทร ๐๒ ๒๒๒-๖๐๑๑)] แต่หลวงพ่อไม่ยอมเขียนว่าวิชชาธรรมกายไม่เป็นวิปัสสนา
    จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อวิชชาธรรมกายนำไปบิดเบือน คือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ยอมบอกใครๆว่า ที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองให้นั้นเป็นการเขียนรับรองตามคำขอ เพราะเจ้าประคุณพระพิมลธรรม(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้นใหญ่มาก มีอำนาจมาก เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้วเล่าให้ฟัง
    วิชชาธรรมกายนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา ผู้ปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย สามารถบรรลุนิพพานได้เช่นเดียวกัน แถมยังมีฤทธิ์ประดับบารมีด้วย ต่างกับการปฏิบัติวิปัสสนาแบบวัดมหาธาตุฯ ซึ่งโดยปรกติแล้วการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯจะไม่มีฤทธิ์ประดับบารมี เว้นแต่เป็นของที่ติดภพเก่ามา หลักฐานที่ยืนยันได้แน่นอนว่าการปฏิบัติวิชชาธรรมกายนั้น สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้จริง คือตัวของหลวงพ่อเอง หลวงพ่อวัดปากน้ำได้บอกศิษย์บรรพชิตให้ทราบว่าท่านบรรลุญาณ ๑๖ มานานแล้ว ก่อนที่วิธีปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอัฐิธาตุศิษย์วิชชาธรรมกายบางท่านกลายเป็นพระธาตุก็มีให้เห็นแล้ว
    หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่า “ต้นธาตุสั่งให้ท่านมาเกิดเพื่อปราบมาร” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ (นางแฉล้ม อุศุภรัตน์, ๒๔๙๙, โอวาทเจ้าคุณพ่อ, ใน เรื่องธรรมกาย ของพระมงคลราชมุนี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ,หน้าธ–ป.) ซึ่งหลวงพ่อสดเทศน์ภายหลังจากที่ท่านเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วประมาณ ๕ เดือนครึ่ง นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าหลวงพ่อเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกาย
    การที่หลวงพ่อสดได้พยากรณ์ว่าสมเด็จป๋าจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในหมู่สงฆ์เมื่อปี ๒๔๙๗ นั้น เพราะหลวงพ่อหยั่งทราบว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดีจนหมดสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทั้งๆโดยตำแหน่งแล้วสมเด็จพระพุฒาจาย์ฯจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก่อนสมเด็จป๋าอย่างแน่นอน
    สมมุติว่าถ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว สมเด็จป๋าหมดสิทธิ์ที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ก่อนสมเด็จพระพุฒาจารย์ถึง ๑๖ ปี คือสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่๗ ธันวาคม ๒๕๑๖ ส่วนสมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพ เมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๒ นั้นแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    หลวงพ่อสดหยั่งรู้อยู่แล้วว่าในปี ๒๔๙๘ ท่านจะต้องถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุ ท่านผู้มากไปด้วยความเมตตา ทราบดีว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดี ยากที่หาหลักฐานมาแก้ต่าง แต่ถ้าได้คำรับรองของท่านไปใช้แก้ต่างก็สามารถช่วยให้ชนะคดีได้ ซึ่งทนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ใช้ข้อเขียนของหลวงพ่อสดที่เขียนรับรองว่าการปฏิบัติกรรมฐานวัดมหาธาตุถูกต้องตามสติปัฏฐาน ๔ ใช้เป็นหลักฐานหักล้างในการต่อสู้ จนชนะคดีในที่สุด (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,ประวัติการสถาปนา เลื่อนชั้น ลดตำแหน่ง แต่งตั้ง ถอดถอน คืนสมณศักดิ์ พระพุทธาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรม สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ , (๒๐๘) ๒๕๓๒, หน้า ๒๐๗)
    “ระหว่างต้องคดี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ต้องถูกคุมขังอยู่ที่ห้องสันติบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ถึงวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเวลา ๕ พรรษา” (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,หน้า๑๑๙) โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯนุ่งห่มผ้าขาวแบบสบงและอังสะ และมีจีวรห่มคลุม และท่านถือวัตรอย่างพระภิกษุ’ ( .....มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๓, หน้า ๒๑๕ )
    “บั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อมีอายุสูงขึ้นได้ถูกโรคาอาพาธเบียดเบียน จนมือและเท้าด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ ต้องอาศัยศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์คอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด ทุก ๆ อย่างในช่วงนี้เอง ศิษย์บางคนจำพวกได้ถูกความโลภเข้าครอบงำจิตสันดาน จึงอาศัยเกียรติคุณและตำแหน่งการงานของท่าน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งภายในและภายนอกวัดมหาธาตุ ฯ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์ปลอมของสมีเจี๊ยบ ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒


    สมีเจี๊ยบหรือพระครูสมุห์สรศักดิ์(เจี๊ยบ) คมฺภีรปญฺโญเป็นพระฐานานุกรม ที่พระครูสมุห์ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระหนุ่มและเป็นเลขานุการประจำตัวของเจ้าประคุณ และในระหว่างที่เจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆ ราช ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ถึงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้ถูกความโลภครอบงำ โดยเห็นแค่เงินสินจ้างรางวัลเลยถูกจับในคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราช ทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ ตลอดจนมั่วกับสีกา มีเมียเกือบ ๑๐ คนทั้งที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่ สร้างความเสื่อมเสียให
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2008
  3. guitargun

    guitargun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2007
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +137
    ธรรมะคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติ
     
  4. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    เรียนคุณเจ้าของกระทู้...ดังนี้นะครับ

    สำหรับการนำเรื่องท่านวัดป่ามะม่วงมาโพสนั้น นั่นก็เป็นการค้นหาข้อมูลของผู้นำเสนอท่านนั้นกันไป เพราะความจริงเป็นเช่นไรถ้าเราท่านขวนขวายเราย่อมเข้าถึงความจริงของเรื่องราวนั้นๆ ได้ตามสมควร ที่นำเสนอถือว่าให้เกียรติกันมากแล้ว เพราะเรื่องจริงซับซ้อนและน่าละอายมากกว่านี้นัก


    อันที่จริงคุณเจ้าของกระทู้พึงพิจารณาและประคับประคองกระทู้นี้ด้วยความรอบคอบให้มากที่สุด เพราะผมทราบดีว่ากระทู้ตั้งขึ้นเพื่ออะไรบางอย่าง แต่ความจริงอาจไม่เป็นดังตั้งใจ


    หลวงพ่อวัดปากน้ำนั้นมีประวัติอย่างไร มีความรู้อย่างไร หลวงพ่อบรรลุคุณธรรมชั้นสูงอย่างไร ท่านที่ไม่เคยได้สัมผัสย่อมไม่ทราบชัด ท่านอาจประมาทและคิดว่าหลวงพ่อเป็นดังที่บางสำนักโฆษณาชวนเชื่ออยู่ แต่เมื่อท่านรับรู้มาท่านต้องศึกษาโดยรอบด้านให้ดีเสียก่อน ถ้าท่านไม่รอบคอบบาปโทษภัยจักเกิดแก่ท่านได้ ไม่ทราบว่าเจ้าของกระทู้จักเข้าใจหรือไม่...


    ผมเรียนมาเพื่อให้เห็นเจตนาอันดีต่อกัน ในเมื่อท่านเจ้าของกระทู้ออกตัวเช่นนั้น ก็ควรจักสงวนคำพูดและรักษาความสงบของศรัทธาด้วย ในเมื่อเราเป็นผู้เริ่มต้นก่อน ใครเขาว่าความอย่างไร เรามิควรถือโกรธมิควรตอบโต้ไปในเชิงปกป้อง ตรงนี้หมายความว่า กระทู้นี้สมควรยกเฉพาะเนื้อหามานำเสนอ ไม่ควรนำอารมณ์และความคิดเห็นส่วนตัวมาโจมตีกันนะครับ ผมเห็นว่ากระทู้นี้คุณเจ้าของกระทู้กระทำกรรมอันไม่บังควรอยู่ จึงขอเสนอวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยเจตนาดีต่อกัน ดังนี้




    ๏ บทสวดขอขมาโทษพระรัตนตรัย


    คำขอขมาโทษ

    ตั้ง นโม ๓ หนแล้ว ขอขมาโทษดังต่อไปนี้


    อุกาสะ อัจจะโย โน ภันเต อัจจัคคะมา ยะถาพาเล ยะถามุฬเห ยะถาอะกุสะเล เย มะยัง กะรัมหา เอวัง ภันเต มะยัง
    อัจจะโย โน ปะฏิคคัณหะถะ อายะติง สังวะเรยยามิ.





    ๏ บทสวดขอขมาโทษพระรัตนตรัย (แปล)


    ข้าพระพุทธเจ้า ขอวโรกาส ได้พลั้งพลาดด้วยกาย วาจา ใจ ในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

    เพียงไรแต่ข้าพระพุทธเจ้า เป็นคนพาล คนหลง อกุศลเข้าสิงจิต ให้กระทำความผิด ต่อพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์

    ขอพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ จงงดความผิดทั้งหลายเหล่านั้นแก่ข้าพระพุทธเจ้า จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพระพุทธเจ้าจักขอสำรวมระวังซึ่งกาย วาจา ใจ สืบต่อไปในเบื้องหน้า ฯ



    ปล. หยุดเป็นตัวสำเร็จนะครับ หยุดอย่างไร หยุดอย่างหยาบในเรื่องนี้ก็คือ หยุดการตอบโต้หรือเพิ่มเติมเนื้อหาอันเป็นส่วนแห่งบาปเถิดครับ คุณเจ้าของกระทู้ครับ



     
  5. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
    โมทนาสาธุ

    ผมเห็นว่ากระทู้นี้คุณเจ้าของกระทู้กระทำกรรมอันไม่บังควรอยู่

    ขอน้อมรับทุกอย่างเจ้าคะ ผิดตั้งแต่แรกที่ได้นำกระทู้นี้มาลง ที่ไม่ได้คิดใคร่ครวญให้รอบคอบเสียก่อน ดังที่ว่าผิดวัตถุประสงค์จริง ๆ สมควรที่จะทำการขอขมาพระรัตนตรัยดังที่คุณสมถะแนะนำมา ขอบคุณในความหวังดีในครั้งนี้นะคะ ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นมิได้เป็นการเจตนาเลยสักนิดเดียว คงจะผ่อนหนักเป็นเบาได้นะคะ ดิฉันเองก็เพิ่งปฏิบ้ติธรรมมาสมควรแก่ธรรม ยังมิได้บรรลุธรรมเบื้องสูง ยังมี ความนึกน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นธรรมดาของปุถุชน เมื่อได้อ่านข้อความที่กระทบความรู้สึก ยิ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่เรานับถือก็ยิ่งกระทบมากเป็นธรรมดา เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งว่าเราจะหวั่นไหวในโลกธรรม 8 หรือเปล่า
    ท้ายนี้ดิฉันจะยุติทุกอย่างในการโพส ในกระทู้นี้ เพราะเห็นว่า ไม่มีประโยชน์อันไดแก่เพื่อน ๆ พี่ ๆ สมาชิกทุกคน ไม่รู้เป็นอย่างไร ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งเห็นความเลวของตนเองมากขึ้น คงต้องทบทวนตัวเองให้มาก ว่าควรจะเอาเวลาในการเล่นอินเตอร์เน็ต มาปฏิบ้ติธรรมให้มากขึ้นกว่านี้


     
  6. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOวิปัสสนา อย่างลัดOO
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]




    วิธีเจริญวิปัสสนาอย่างลัด

    โดย...พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง , ปธ. 6)
    วัดป่าเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น

    { คัดลอกมาจาก : หนังสือ “ทิพยอำนาจ” เรียบเรียงโดย พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง , ปธ. 6)
    หน้าที่ 490 – 492 และ 500 พิมพ์ครั้งที่ 9 /2535 ของ มหามงกุฏราชวิทยาลัย}

    *** ข้อมูลโดยย่อเกี่ยวกับ พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง , ปธ. 6) ***
    1. ท่านเป็นลูกศิษย์โดยตรงของ…
    1) สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (พระอุปัชฌายะของท่าน)
    2) ท่านเจ้าคุณ พระอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ
    3) ท่านเจ้าคุณ พระปัญญาพิศาลเถระ (หนู) วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
    4) หลวงปู่ เสาร์ กันตสีโล
    5) หลวงปู่ มั่น ภูริทัตโต
    2. ท่านอยู่รุ่นเดียวกับพระครูบาอาจารย์หลายองค์ เช่น
    1) พระอาจารย์ กงมา จิรปุญโญ
    2) หลวงปู่ ชอบ ฐานสโม
    3) ท่านพ่อ ลี ธัมมธโร
    3. ลูกศิษย์องค์สำคัญของท่าน เช่น
    1) หลวงพ่อ พุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
    2) พระอาจารย์ จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก จ.หนองคาย
    4. หนังสือ”ทิพยอำนาจ” นี้ เกิดจากการที่ท่านถูกอาราธนาโดย หลวงปู่ เสาร์ กันตสีโล
    5. หนังสือ”ทิพยอำนาจ” นี้ สำเร็จได้เพราะได้รับความร่วมมือจากบุคคลสำคัญ คือ
    1) สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (พระอุปัชฌายะของท่าน)
    2) พระพรหมมุนี (ผู้อำนวยการของมหามงกุฏราชวิทยาลัย)
    ********************************************************************************


    วิธีเจริญวิปัสสนาอย่างลัด

    วิธีวิปัสสนาแบบนี้ ผู้ปฏิบัติมุ่งทำลายอาสวะให้เด็ดขาดเลยทีเดียว ไม่พะวงถึงคุณสมบัติพิเศษส่วนอื่นๆ ( ผู้ที่มีอัธยาศัยแบบสุกขวิปัสสโก :-ผู้คัดลอก ) โดยเชื่อว่าถ้ามีวาสนาเคยสั่งสมอบรมมา เมื่อบรรลุถึงอาสวักขัยแล้ว คุณสมบัตินั้นๆ จะมีมาเองตามสมควรแก่วาสนาบารมี และเชื่อว่าคุณสมบัติพิเศษนั้นเป็นผลรายทางของการปฏิบัติ เมื่อเดินตามทางอย่างรีบลัดตัดตรงไปถึงที่สุดแล้ว ก็จะต้องได้คุณสมบัตินั้นๆ บ้างพอสมควร ไม่จำเป็นต้องไปห่วงใยให้เสียเวลา รีบรุดหน้าไปสู่เป้าประสงค์สูงสุดทีเดียว มีวิธีปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

    (๑) อาศัยสมาธิชั้นใดชั้นหนึ่ง เป็นฐานทำการพิจารณาอารมณ์ของวิปัสสนาไปตามลำดับๆ จนได้ความรู้กระจ่างแจ้งในอารมณ์นั้นๆ เป็นอย่างๆ ไป

    **** สมาธิที่มีกำลังเพียงพอ คือฌาณที่ ๔ ถ้าต่ำกว่านั้นจะมีกำลังอ่อน จะไม่เห็นเหตุผลแจ่มชัด จะเป็นความรู้กวัดแกว่ง ไม่มีกำลังพอจะกำจัดอาสวะได้

    **** ผู้มีภูมิสมาธิชั้นต่ำ พึงทำการเข้าสมาธิสลับกับการพิจารณาเรื่อยไปจึงจะได้ผล อย่ามีแต่พิจารณาหน้าเดียว จิตจะฟุ้งในธรรมเกินไป แล้วจะหลงสัญญาตัวเองว่า เป็นวิปัสสนาญาณไป

    (๒) ตีด่านสำคัญให้แตกหัก คือทำการพิจารณาขันธ์ ๕ อันเป็นที่อาศัยของอาสวะนั้นให้เห็นแจ้งชัดโดยไตรลักษณ์ แจ่มแล้วแจ่มอีกเรื่อยไปจนกว่าจะถอนอาลัยในขันธ์ ๕ ได้เด็ดขาด จิตใจจึงจะมีอำนาจเหนือขันธ์ ๕ รู้เท่าทันขันธ์ ๕ ตามเป็นจริง อาสวะก็ตั้งไม่ติด จิตใจก็บรรลุถึงความมีอิสระเต็มเปี่ยม ชื่อว่าบรรลุอาสวักขยญาณด้วยประการฉะนี้

    *****************************************

    วิธีการเจริญอาสวักขยญาณอย่างรวบยอด สำหรับผู้ปฏิบัติจริงๆ คือ

    เข้าฌาณอันเป็นที่ตั้งของวิปัสสนา ทำใจให้บริสุทธิ์สะอาดผ่องแผ้ว (ณาณที่4 :- ผู้คัดลอก) แล้วกำหนดสำเหนียกสิ่งที่ปรากฎในจิตใจขณะนั้นโดยไตรลักษณ์ เมื่อเกิดความรู้เห็นโดยไตรลักษณ์แจ่มแจ้งขึ้น จิตก็ผ่องแผ้วพ้นอาสวะทันที

    ***** การสำเหนียกพิจารณา”ในฌาณ” เช่นนี้ จะเป็นไปโดยอาการสุขุมประณีตแผ่วเบา ไม่รู้สึกสะเทือนทางประสาทเลย ไม่เหมือนการคิดการอ่านโดยปกติธรรมดา (นอกณาณ :- ผู้คัดลอก) ซึ่งต้องใช้ประสาทสมองเป็นเครื่องมือ

    ***** ฉะนั้นผู้ปฏิบัติพึงทุ่มเทกำลังใจลงในการเจริญฌาณมาตรฐาน (ณาณที่4 :- ผู้คัดลอก) ให้ได้หลักฐานทางจิตใจก่อนแล้ว จึงสำเหนียกไตรลักษณ์ดังกล่าวแล้ว “จะสำเร็จผลเร็วกว่าวิธีใดๆ “

    ********************************************************************************

    จบ วิธีเจริญวิปัสสนาอย่างลัด

    โดย….พระอริยคุณาธาร (ปุสโส เส็ง , ปธ. 6)

    ********************************************************************************

    ขอชี้แจงเพิ่มเติมโดย”ผู้คัดลอกมานำเสนอเป็นกระทู้นี้” :

    การฝึกวิปัสสนามีหลายวิธีและสามารถทำได้ทั้งนอกฌาณหรืออยู่ในฌาณ ดังนั้นวิธีของแต่ละท่านก็อาจแตกต่างกันไป

    - ผู้ที่มีอัธยาศัยแบบสุกขวิปัสสโก หลายท่านก็จะฝึกนอกฌาณ (จิตยังมีนิวรณ์ 5 อยู่)

    ******** ผู้ที่มีอัธยาศัยแบบสุกขวิปัสสโก หลายท่านก็จะฝึกในฌาณ เพราะท่านเห็นว่า การฝึกในฌาณนั้นเป็นการฝึกในขณะที่จิตปราศจากนิวรณ์ 5 อย่างแท้จริง ดังนั้นการที่จะตัดกิเลสและบรรลุธรรมย่อมเป็นไปได้ง่ายมากๆอย่างยิ่ง สมดังข้อความข้างต้น (2 บรรทัดสุดท้ายก่อนจบ) ที่ว่า “ฉะนั้นผู้ปฏิบัติพึงทุ่มเทกำลังใจลงในการเจริญฌาณมาตรฐาน (ณาณที่4 :- ผู้คัดลอก) ให้ได้หลักฐานทางจิตใจก่อนแล้ว จึงสำเหนียกไตรลักษณ์ดังกล่าวแล้ว จะสำเร็จผลเร็วกว่าวิธีใดๆ ”
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
  7. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,169
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG] OOGเรื่องวิปัสสนาญาณ ที่หลวงปู่สดฯ เคยกล่าวกับ หลวงพ่อฤาษีฯOO
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และ ...........



    จาก

    [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร) , ......, เรื่องจริงอิงนิทานเล่ม๑, น.๑๖๙- ๑๗๒. ]
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
  8. matakalee

    matakalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +367
     
  9. ลูกตถาคต

    ลูกตถาคต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +7
    ยึดตามที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอก ในหนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน

    เป็นหลักครับ อิอิ
     
  10. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    ไม่ควรเชื่อถือพวกฝึกวิชชาจนเพี้ยนไปเห็นภาคมาร
    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/08/Y5705521/Y5705521.html


    ควรให้ความสำคัญกับ
    พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างหลวงพ่อจรัญ-เจ้าคุณโชดก-หลวงพ่อภัททันตะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2008
  11. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ใจเย็นๆ เถิด...คุณแคมเปน ใจเย็นเป็นพระเป็นกุศล ใจรุ่มร้อนคือกิเลสคือมารคืออวิชชา

    ท่านเจ้าคุณโชดก หลวงพ่อจรัญ ท่านภัททันตะ ท่านก็ปฏิบัติกรรมฐานตามแบบอย่างของท่าน ตัวท่านเองเมื่อดึงหลวงพ่อวัดปากน้ำมาฝึกหนอได้เพียงนั้น หลังจากรับการฝึกด้วยความเกรงใจเจ้าคุณอาส...สังฆมลฑลปกครองวัดปากน้ำ เมื่อหลวงพ่อกลับวัดปากน้ำก็ยิ่งสอนสั่งสมาธิแนวธรรมกายกวดขันยิ่งขึ้น ดังคำเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นเครื่องยืนยัน


    เมื่อพิจารณาด้วยใจเป็นกุศลจะเห็นได้ว่า...การที่หลวงพ่อวัดปากน้ำรับคำเชิญของท่านโชดกในการไปรับรู้กรรมฐานจากพม่าที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทยก็ถือว่าดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือได้รู้เขารู้เรา หลวงพ่อวัดปากน้ำก็ได้รับการร้องขอให้วิจารณ์การฝึกแบบหนอเพราะเพิ่งเข้ามาในแผ่นดินไทย หลวงพ่อท่านก็เมตตาเขียนรับรองให้ แปลว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไม่ต่อต้านให้ร้ายใคร ถือว่าท่านช่วยให้กรรมฐานจากพม่าคือฝึกสมาธิแบบบริกรรม ว่า หนอ...เป็นที่ยอมรับในวงการพระศาสนาในประเทศไทย หลวงพ่อท่านช่วยโฆษณาให้เห็นถึงปานนี้ เราก็ควรจะสมานฉันท์กัน ใครสนใจและมีจริตศรัทธาการฝึกปฏิบัติแบบหนอก็เชิญไปฝึกที่วัดมหาธาตุเถิด ส่วนฝึกแบบหนอของท่านภันทันตะก็เชิญไปที่ชลบุรีคนละแห่งกันเขาแยกกันชัดเจน หรือจะไปฝึกแบบหนอประยุกต์ก็เชิญที่วัดของหลวงพ่อจรัญ สิงห์บุรีเถิด

    ส่วนท่านใดประสงค์จะฝึกสมาธิแนวธรรมกายเชิญที่วัดปากน้ำเถิด วัดหลวงพ่อสดที่ราชบุรีก็ได้ กลุ่มศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่อสดก็ได้ ถ้าเรามีใจแยกแยะได้เช่นนี้ ปัญหาจะไม่เกิด และเราจะอยู่ด้วยกันด้วยความสงบสุข สงบกาย สงบใจ ใจก็เข้าถึงพระรัตนตรัย คนที่มีใจเข้าถึงพระรัตนตรัยจะไม่คิดเบียดเบียนใคร ดังเช่นหลวงพ่อวัดปากน้ำนั้นแล...
     
  12. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    คุณสมถะไม่ควรเที่ยวไปทึกทักอะไรเอาเอง

    หลวงพ่อสดท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่แล้ว และท่านเ็ป็นคนจริง มีสัจจ์ มีศีล
    เช่นเดียวกับ ท่านภัททันตะ เจ้าคุณโชดก และหลวงพ่อจรัญ

    ลายเซ็นของหลวงพ่อสด
    และข้อมูลยืนยัน ของท่านภัททันตะ เจ้าคุณโชดก และ หลวงพ่อจรัญ
    ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไรเป็นที่สุด โดยไม่ต้องอาศัยคนรุ่นหลังตีความเอาเอง
    พระทั้ง 4 ท่าน เป็นพระสงฆ์ปฏิบัติดี มีศีล มีสัจจ์ ทำอะไรเป็นกิจลักษณะ ชัดเจน
    ไม่ใช่ท่านจะไปเที่ยวแสดงอะไรเล่นๆ หรือโฆษณาอะไร

    พระอริยะเจ้า ไม่ได้แบ่งแยกเชื้อชาติหรือประเทศ จะพม่าหรือ จะไทย

    ประเด็นปัญหาคือรุ่นหลังหลวงพ่อสด พวกศีลขาดเป็นประจำ ไม่มีสัจจะ
    จนเขารู้กันทั้งเว็บพันทิพว่า บิดเบือนและทำลายพระพุทธศาสนาอย่างไร

    ทั้งนักบวช ทั้งไม่ใช่นักบวช ทั้งปทุมธานี ทั้งจันทบุรี ทั้งราชบุรี
    พวกที่เอาชื่อท่านไปอ้างทำมาหารับประทาน หนักเข้าก็เอาท่านไปอ้างบิดเบือนพุทธธรรม

    พวกที่ยังมีกิเลส แต่โอ้อวดรู้เห็นเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีค่ามีราคาอะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2008
  13. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
  14. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
  15. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
  16. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    อืม...เอาล่ะซี ๆ เรื่องเขายุติไปแล้ว ก็มาสร้างกระแส ข้อมูลผมอธิบายไปชัดเจนหมดแล้วนะครับ ทีนี้การจะไปมีมองมุมอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของคุณ คุณเป็นศิษย์หลวงพ่อสดหรือเปล่า คุณเคยรับรู้ความจริงฝ่ายหลวงพ่อสดหรือเปล่า ผมเองนำเสนอพยานและข้อมูลชัดเจนหมดแล้วในกระทู้นี้...


    ข้อมูลที่คุณนำเสนอเป็นข้อมูลที่เขียนโดยท่านโชดก และเพิ่งพิมพ์ออกมาเผยแพร่หลังหลวงพ่อสดมรณะภาพ หลวงพ่อสดยังอยู่ท่านก็สอนสมาธิตามแนววิชชาธรรมกายมาตลอดชีวิต ทำไมไม่เขียนออกมาตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ แต่ท่านก็ฉลาดไปหมกเม็ดว่าหลวงพ่อสดพูดเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นอย่างนี้ซึ่งก็ไม่จริงเช่นนั้น ผมไปพิสูจน์หาข้อมูลมาหมดแล้ว การที่ท่านไปฝึกวัดมหาธาตุก็เพราะคำเชื้อเชิญ ส่วนทางวัดมหาธาตุจะแต่งเรื่องให้ดูแนบเนียนอย่างไร เช่นว่าหลวงพ่อเกิดติดขัดจึงมาเชิญเจ้าคุณโชดกไปที่วัด นั่นไม่เป็นความจริง ท่านจะเขียนแนวนี้เพื่อให้เนื้อเรื่องดูน่าเชื่อถือ แต่นั่นคือพิรุดทั้งนั้น ยิ่งนำข้อมูลจากปากหลวงพ่อสดที่เทศน์เอาไว้เราก็ถึงบางอ้อว่าอะไรเป็นอะไร


    ผมพยายามพูดให้รอมชอมแล้วนะครับ ทางที่ดีผมว่า คุณจะเชื่ออย่างไรเป็นสิทธิของคุณ เพราะคุณเองก็ไม่ชื่นชอบวิชชาธรรมกายเป็นทุนอยู่แล้ว ก็จะพยายามค้านหัวชนฝาอยู่แล้ว พยายามทำลายกันอยู่แล้ว การที่ไปว่ากระทบคนอื่นแบบเหวี่ยงแหเช่นนั้นนั่นก็แสดงถึงเจตนาของคุณอยู่แล้ว...


    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่ควรหยิบยกมาโจมตีกัน ความจริงหาได้ที่วัดปากน้ำ เทปเสียงเทศนาของหลวงพ่อสดโดยเฉพาะกัณฑ์เทศน์หลังจากกลับมาจากวัดมหาธาตุ มีมากมายหลายกัณฑ์ไปฟังหรือหาอ่านที่ทำเป็นหนังสือดูได้ ท่านจะได้ความกระจ่างในปฏิปทาของหลวงพ่อสดว่าท่านไม่เคยเลิกฝึกสมาธิแนวธรรมกาย ท่านต้องฟังข้อมูลจากหลวงพ่อสดโดยตรง ไม่ใช่นำเสนอข้อมูลจากฝ่ายที่เขาอ้างหลวงพ่อสดไปฝึกกับเขาอย่างนั้นอย่างนี้ วัดมหาธาตุมีเรื่องมีราวหลายครั้ง ส่วนหนึ่งถ้าไม่ได้รูปถ่ายลายเซ็นของหลวงพ่อสดคอยช่วยเป็นพยานเรื่องวิธีปฏิบัติจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องศึกษาประวัติการนำสมาธิแบบหนอเข้ามาในเมืองไทยว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง อย่ามองโลกด้านเดียว ความจริงในหน้าประวัติศาสตร์ไม่มีใครบิดเบือนได้ คนเราต้องมองโลกด้วยใจเปิดกว้างอย่าทำตัวเป็นคนใจแคบคิดค้านหัวชนฝาจะเอาชนะกันอย่างเดียวนะครับ


    ขอให้คุณขจัดความเคียดแค้นในจิตใจของคุณออกไปให้มากที่สุด ทำใจให้สงบ ณ ปัจจุบันไม่มีใครไปกระทบกระทั่งใคร วัดมหาธาตุท่านก็ปฏิบัติดีอยู่แล้ว วัดปากน้ำท่านก็ปฏิบัติดีอยู่แล้ว คุณจะมาเสี้ยมให้ชนกันไปทำไม จะมีประโยชน์อะไร ที่จะมานั่งเอาชนะกัน หลักฐานพยานในฝ่ายวัดปากน้ำที่มาจากปากหลวงพ่อสดก็มีอยู่ชัดเจน ลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีอยู่ชัดเจน


    ขอให้ชั่งใจสักนิด การที่ทำอะไรด้วยความมุทะลุหวังผลทางปะทะคารมกันนั้นอย่าได้กระทำเลย พิจารณากันให้ดีๆ ท่านต้องการอะไร หลวงพ่อสดท่านอยู่ของท่านปกติที่วัดปากน้ำ แม้ตอนนี้ก็ยังอยู่ไปดูที่โลงทองไปกราบท่านไปขอขมาท่าน


    ไม่มีใครดีในสายตาของคุณดอก ใครที่คุณไม่พอใจเขาคุณก็จ้องมองเขาในแง่ร้าย คุณพยายามนำเสนอข้อมูลเพื่อกระทบกระทั่งคนอื่น เพื่อทำลายความสงบสุขของสังคมนักปฏิบัติ ผมก็มีหน้าที่นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนตามความเป็นจริงในทุกทิศทาง เพื่อความกระจ่าง เพื่อความสงบสุข และผมไม่เห็นว่าจะต้องมานั่งต่อความยาวสาวความยืดไปเพื่ออะไรในประเด็นนี้


    หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับ พฤติกรรมของคุณเข้าออกพันธุ์ทิพย์มาหลายครั้งแล้วเขาก็ยึดล็อกอินทุกครั้ง เพราะมีพฤติกรรมรุนแรงก่อกวน และไม่รู้จักว่าเด็กว่าผู้ใหญ่คุณด่าเขาทั่วไปหมด สำหรับผมไม่ใช่คนดีอะไรก็จริง ผมอาจจะมีพฤติกรรมที่ไม่ดีในสายตาของคุณ ไม่เป็นไรผมยอมรับ และจะขอปรับปรุงตนเองเรื่อยไป ผมผิดผมรับฟังและยอมแก้ไขตนเองเสมอ คุณก็ควรจะกระทำตนให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ด้วยนะครับ


    ด้วยความปรารถนาดีจากใจจริง...
     
  17. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    คุณสมถะ

    เรื่องหลวงพ่อสดได้ อุทยัพพยญาณนั้น ชัดเจนที่สุดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร
    ส่วนท่านจะไปสอนสมาธิอะไรต่อ นั้นอีกเรื่อง

    คุณสมถะย่อมจะค้านหัวชนฝา ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับความจริงกับสิ่งที่ชาวพันทิพทั้งหลายได้ตักเตือน
    ทั้งดีก็แล้ว ทั้งรุนแรงก็แล้ว

    ที่สำคัญ
    คุณสมถะได้เคยแพร่สิ่งบิดเบือนพระธรรม ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ลามปามถึงพระพุทธเจ้า
    อีกทั้งยังมีนิสัยเที่ยวปรามาสการปฏิบัติของผู้อื่นเป็นประจำ


    ทั้งยังมีพฤติกรรม หลายล๊อกอินไปเชลียร์ตัวเอง แถมมุสาซ้ำซาก

    ขาดทั้งศีล ผิดทั้งธรรม ลามปามพระรัตนไตร จนถูกคนเขาเห็นทั่วพันทิพ ว่าอะไรเป็นอะไร
     
  18. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ขอขอบคุณที่ได้ตักเตือนกันนะครับ สิ่งใดที่ผมอาจจะทำผิดทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ตาม ผมยินดีแก้ไขปรับปรุงตนเอง และสิ่งใดที่อาจมองกันในแง่ร้ายเกินไปและไม่เป็นความจริงผมก็ได้ชี้แจงไปตามที่ต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระกันไปหมดแล้ว ผมสบายใจแล้ว และยินดีที่จะแก้ไขปรับปรุงตนเองอยู่เสมอครับ


    หลวงพ่อวัดปากน้ำบรรลุธรรมมานานแล้วก่อนที่จะได้รับเชิญไปวัดมหาธาตุเสียอีก เรื่องนี้ขอให้ไปถามศิษย์ผู้ใกล้ชิดที่วัดปากน้ำ เจ้าคุณภาวนาก็ได้ท่านเป็นพระภิกษุ หรือแม่ชีในยุคนั้นซึ่งยังมีชีวิตอยู่ที่วัดปากน้ำอีกหลายท่าน ท่านเหล่านั้นมีศีลมีธรรม และเข้าถึงธรรมกายชั้นสูง ท่านไม่โกหกดอกครับ ไปรับฟังความจริงที่วัดปากน้ำดีกว่า


    และถ้าคุณได้รู้จักหลวงพ่อวัดปากน้ำอย่างแท้จริงเหมือนผม คุณจะไม่กล้าไปปรามาสหลวงพ่อเช่นนั้น ผู้ที่ได้ธรรมกายชั้นสูงสามารถติดต่อกับหลวงพ่อได้ รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน ใครที่เคยว่าร้ายหลวงพ่อตายแล้วไปอยู่ที่ไหน ฟังแล้วท่านต้องขนลุก ผมมิได้ขู่ดอกครับ ไปฟังผู้มีรู้มีญาณที่วัดปากน้ำท่านเล่าเถิด ถ้าไม่เชื่อท่านก็จะสอนให้เราปฏิบัติเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้เอง พอเราทำได้แล้วเราไปรู้ไปเห็นเองโดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่นเลย แค่นี้ก็สิ้นสงสัยแล้ว


    ก็หวังว่าคุณdhammashare<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1540317", true); </SCRIPT> จะได้ปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น ขอให้ยกเอาความเคียดแค้น ความอคติ ความจงเกลียดจงชัง ความไม่พอใจกันออกไปจากจิตใจให้หมดนะครับ ถึงแม้คุณจะมีอคติต่อผู้ฝึกวิชชาธรรมกาย แต่สำหรับผม...ผมให้อภัยเสมอ ยิ่งเรามีจิตใจที่ไม่พึงพอใจใครเราต้องยิ่งแก้ไขตนเองเป็นการด่วน ถ้าเราเอาอกุศลออกจากจิตใจของเราได้ เราจะไม่ขุ่นเคืองและไม่กระทบกระทั่งกัน

    <DL class="smallfont list_no_decoration profilefield_list"><DT class=shade>ยังไงคุณก็เพิ่งเข้ามาในเว็ปพลังจิตที่นี่เขาก็มีกฏกติกาของเขาทำอะไรก็ระมัดระวังด้วยนะครับ ผมตรวจดูแล้วเพิ่งเข้ามาเมื่อ วันที่สมัคร 12-08-2008 Total Posts 164 ผมเองปรารถนาดีต่อคุณ คุณจะมองเห็นหรือไม่ผมไม่ทราบ คุณยังเด็กอยู่ขอให้ค่อยๆ ศึกษาหาความรู้กันไป ในเว็ปพลังจิตนี้มีให้ศึกษามากมาย แต่ถ้ากลับไปพันธุ์ทิพย์อีกก็ช่วยทักทายกันบ้างนะครับ ผมอยู่พันธุ์ทิพย์ตอนนี้มีชื่อเดียวเท่านั้นคือสมถะ แต่ที่นี่ผมใช้ชื่อสมถะและปราชญ์ขยะนะครับ สมถะนี่ใช้มานานแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อบ่อยๆ ผมเองก็เรียนรู้จากข้อผิดพลาด เราไม่ใช่คนสมบูรณ์ไม่ใช่คนดีเลิศกว่าใครๆ ผมคิดเช่นนี้ เมื่อผิดแล้วก็ต้องแก้ไข หวังว่าคุณเองก็จะคิดได้เช่นกัน คุณกล่าวว่าแต่คนอื่นคุณก็ต้องกล่าวว่าตำหนิตนเองได้ด้วยนะครับ คนอื่นตำหนิเราไม่สู้เราตำหนิตนเองแปลว่าเราพร้อมที่จะรับฟังและแก้ไขปรับปรุงตนนั่นเอง</DT></DL>
    เอาล่ะครับกระทู้นี้เจ้าของกระทู้กับผมเข้าใจกันดีแล้ว คุณmatakalee<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1256106", true); </SCRIPT> เป็นคนรู้รักสงบไม่คิดว่าร้ายใคร และตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้มีการพูดคุยกัน เมื่อค่อยๆ คุยกันก็ถือว่าเข้าใจกันได้ ผมจบล่ะนะครับ...ขอบคุณ
     
  19. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อยู่ที่ไหนละครับ หากลูกศิษย์ยังไปหาได้ ก็แปลว่า

    วัดที่ปทุมธานีที่ทำกิจกรรมอย่างนั้นอยู่ คุณสมถะก็คง

    ต้องยินดีในกุศลเช่นนั้นด้วย

    เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่วัดนั้นจะทำอะไรโดยที่ไม่มี

    การบอกกล่าวเล่าสิบ
     
  20. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    อืม...คิดว่าคงจบได้แล้ว คุณบุคคลทั่วไปก็มาถามประเด็นใหม่อีก ไม่คิดว่าจะสนใจเรื่องนี้เหมือนกันนะครับ ถ้าสนใจเรื่องนี้จริงก็ไม่น่าตกข่าว กรณีวัดพระธรรมกายที่ผมกล่าววิจารณ์ไปในกระทู้อื่นแล้วนะครับ นี่เว็ปสาธารณะผมไม่ต้องการให้กระทบกระทั่งกันมาก


    ประเด็นมันอยู่ที่หลักการเดินวิชชาว่า สิ่งที่รู้เห็นเราจะตรวจสอบว่าเห็นจริงอย่างไร เรื่องนี้ต้องคุยกับผู้ฝึกสมาธิธรรมกายด้วยกันจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่กรณีของวัดพระธรรมกายนี่เป็นเรื่องที่เกินพอดี ไม่ใช่เรื่องพอดี แปลว่าอย่าไปเหมารวมว่าหลวงพ่อท่านเห็นชอบด้วย เห็นแต่อ้างหลวงพ่อวัดปากน้ำเพื่อโฆษณาหาเงิน แต่ทำไมไม่สอนหลักวิชชาและเนื้อหาความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายกันบ้างเลย


    เราต้องศึกษาปฏิปทาของหลวงพ่อวัดปากน้ำให้จงดี หลวงพ่อมีคติว่า ให้สร้างพระในใจคน จะไปสนใจงานก่อสร้างอิฐ หิน ปูน ทรายทำไม ทำมากไปก็สิ้นเปลืองงบประมาณ ประโยชน์น้อย ไม่ควรหลงกับงานเช่นนี้ มาสร้างพระในใจคนดีกว่า พระที่ว่าคือสอนให้เขาเป็นธรรมกาย แล้วคุณธรรมจะเกิดในใจของเขา ลงทุนน้อยแต่คุ้มค่ามากนัก บ้านเมืองเราวุ่นวายทุกวันนี้เพราะด้อยคุณธรรม การศึกษาล้มเหลวเพราะเราสอนแต่วิชาทางโลก เราไม่สอนวิชาที่ทำให้เกิดหิริโอตตัปปะ คนของเราก็เอาแต่เบียดเบียนกัน เมื่อคนมีคุณธรรมแล้วเขาจะคิดได้เองว่าควรทำอย่างไรเพื่อจรรโลงพระศาสนา โลกก็เจริญ ธรรมก็เจริญ ให้เขาเข้าถึงธรรมก่อน แล้วธรรมที่เข้าถึงจะเป็นตัวสืบต่อพระศาสนา ไม่ใช่ไปบอกเขาให้เอาเงินมาสร้างวัตถุแล้วจะเป็นการสืบต่อพระศาสนา แปลว่าไม่ตรงใจหลวงพ่อเลย สิ่งที่ควรไม่ทำสิ่งที่ทำไม่ควร ผมสรุปให้ฟังได้เท่านี้นะครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...