" ผู้ที่ทรงอารมณ์ได้นาน ดูแบบไหน แล้วทำอย่างไรให้ทรงได้นานๆ"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ฝันนิมิต, 31 กรกฎาคม 2011.

  1. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    <dd><center>[​IMG]</center><center> วงที่ 1 </center>
    </dd><dd> 1. หมู เป็นสัตว์ที่กินไม่พิจารณา ตะกละกินไม่เลือก กินแล้วนอนได้ตลอด อิ่มแล้วใจ ยังหิว ยังอยากกินอยู่ เปรียบได้กับ ความโลภ คือ โลภะ
    </dd><dd> 2. งู เป็นอสรพิษร้าย มีพิษขบกัดศตรู เป็นตัวพยาบาท เปรียบได้กับ ความโกรธ คือ โทสะ
    </dd><dd> 3. ไก่ เป็นสัตว์ที่หลงตัวว่าสวยงาม มักชอบอวดความงามของตัว สำคัญตัวเองดีไปทุกอย่าง และมักชอบคุยเขี่ย เปรียบเหมือนกับการสร้าง ความปรุงแต่งอารมณ์ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เปรียบได้กับความหลง คือ โมหะ
    </dd><dd> สัตว์ทั้ง 3 กัดกันเป็นวงกลม เปรียบได้กับตัวจิตที่เกิดดับอยู่ในวง ปฎิจจสมุปบาท คือ สันตติติดต่อสืบเนื่องทำให้เกิดกรรมและไปรับผลเป็นวิบากได้รับสุขทุกข์จาก ความโลภ โกรธ หลง พุทธะ (วิชชาคือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) เท่านั้นจะทำลายให้กิเลสดับไปได้ และจึงออกจากวงกลมได้ พุทธะจึงชี้ทางองค์มรรค 8 อริยสัจ 4 ให้ออกไปจากวงปฎิจจสมุปบาท (นิพาน)

    <center>[​IMG]</center><center> วงที่ 2 </center>
    </dd><dd> ธรรมดำ ธรรมขาว
    </dd><dd> ธรรมดำ คือกรรม เป็นการกระทำด้วยกายวาจาใจ ทีไม่ดีเนื่องมาจากอวิชชา (ผู้ไม่รู้) หลงไม่รู้เช่นกินไม่พิจารณาว่าเป็นธาตุ หรือสักว่าเป็นธาตุ ยืนเดินนั่งนอน ไม่มีสติพิจารณา กิน ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นตัว เป็นตน โดยไม่รู้กายใจ ว่าสืบเนื่องหรือต่อเนื่อง ผู้ที่อยู่ในกรรมดำจึงเหมือนอยู่ในที่มืด เปลือยเปล่า สกปรก ไร้ประโยชน์
    </dd><dd> ธรรมขาว คือกรรม เป็นการกระทำด้วยกายวาจาใจที่ดี ที่มีพุทธะ (วิชชา ผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) มีสติพิจารณาในอิริยาบททั้ง 4 ยืน เดิน นั่น นอน พูดคิดนึก มีสติต่อสืบเนื่อง พิจารณากายใจเป็นสักว่าธาตุ ไม่ใช่ตัวตนเราเขา โดยเป็นผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา จึงเหมือนผู้ที่อยู่ในที่สว่าง มีการประกอบคุณงามความดี เป็น เครื่องอาภรณ์ประดับตกแต่ง สะอาด บริสุทธ์

    </dd><dd> ธรรมดำ ทำชั่วได้ชั่ว = กรรมดำ = อกุศลกรรมนำไป นรก เช่น จิตที่เศร้า หมอง เร่าร้อน ไม่ฉลาด โง่

    </dd><dd> ธรรมขาว ทำดีได้ดี = กรรมขาว = กุศลกรรมนำไป สู่สุคติ เป็นจิต ที่ผ่องใส สงบ เย็น ฉลาด

    <center>[​IMG]</center><center> วงที่ 3 </center>
    </dd><dd> เกี่ยวเนื่องมาจากวงที่ 2 ใน 3 ข้อแรก เมื่อมีวิชชาสร้างกรรมดีแล้วในเบื้องต้นส่งผลให้
    </dd><dd> 1. มีศีลห้า จิตเป็นมนุษย์ มีการรักษาศีลเจริญภาวนาก็จะไปสวรรค์ จิตรื่นเริง ผ่องใส จิตเป็นเทวดา
    </dd><dd> 2. เมื่อมีการภาวนารักษาศีลก็จะมีจิตอยู่ในสวรรค์เป็นจิตเทวดา
    </dd><dd> 3. เมื่อจิตภาวนามากขึ้นเข้าณานขั้นสูงก็ถึงขั้นพรหม จิตเป็นพรหม (มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)

    เมื่อสร้างกรรมชั่วส่งผลให้ (เป็นจิตของมนุษย์ที่มีความโลภ โกรธ หลง สืบเนื่องติดต่อกันไป
    </dd><dd> 1. แสดงภพ ภูมิของสัตว์นรก จิตไปนรก คือ จิตโกรธ พยาบาทปองร้ายผู้อื่น
    </dd><dd> 2. แสดงภพภูมิของเปรต จิตเป็นเปรต คือ จิตที่มีความโลภ อยากได้ของเขา มิใช่ของตน </dd><dd> 3. แสดงภพภูมิของเดรัจฉาน จิตเป็นเดรัจฉาน คือ จิตที่มีความหลงไม่ มีสติ ให้ความโลภโกรธหลงควบคุมจิตใจ ถูกทุกข์ครอบงำจิตใจ จนถึงวันตาย ความหลงเผาผลาญมาก จิตใจตกต่ำมาก จะลงนรกลึกไปเรื่อยๆ ตกต่ำไปตามภาวะของจิต พุทธะ(วิชชา)จะเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อผู้ใดคิดถึงพุทธะได้ จึงจะหนีไปจากนรก เข้าสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น

    <center>[​IMG]</center><center> วงที่ 4 </center>
    </dd><dd> 1. อวิชชาเปรียบเหมือนคนตาบอด อวิชชาเป็นจิตที่มีโมหะครอบงำ เป็นจิตที่เห็นผิด หลงรูปนาม หลงกายและจิต ยึดติดรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ ไม่มีปัญญา พิจารณาแยกฐาตุขันธ์ ยึดกองแห่งรูปมั่นคง หลงตัวว่าไม่เสื่อมสลาย ไมาสามารถแยก กายใจได้ว่าเป็นคนละอัน ไม่รู้ที่เกิดของจิตและที่ดับของจิต หลงความคิดของตัวเชื่อมั่นว่า เป็นเราเป็นเขา ไม่พิจารณาสักแต่ว่าเป็นธาตุ 4 ดิก น้ำ ไฟ ลม สักว่าเป็นสังขารวิญญาณ อวิชชา จึงเป็นความหลง คือ โมหะ ไม่รู้ความจริง เปรียบเหมือนคนตาบอด ไปไหนไม่รู้ทาง มองไม่ เห็นอะไรทำอะไรไม่ถูกต้อง ทำให้หลงผิดทุกอย่างเมื่อมีอวิชชามาครอบงำ

    </dd><dd> 2. สังขาร เปรียบเหมือนคนปั้นหมอ พยายามปรุงแต่งสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เป็นรูป เป็นร่างขึ้นมา เป็นผู้ปรุงแต่งรูป รส กลิ่น เสียง โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์ กระทบทางใจ สังขาร เป็นจิตที่มีเจตสิกปรุงแต่งให้เกิดความคิดนึกต่างๆนานาเมื่อมีอะไรมากระทบ อารมณ์ กระทบทางทวารทั้ง 6 ก็จะปรุงแต่งไปตามความชอบของใจ ชอบใจก็เป็นบุญ ไม่ชอบใจก็เป็นบาป ทั้งชอบก็เฉย ทั้งไม่ชอบก็เฉย เป็นอเนญชาภิสังขาร ไม่ปรุงเป็น บุญเป็นบาป เรียกว่าเป็นกลาง สังขารจึงเป็นตัวปรุงแต่งอารมณ์ทุกอย่างให้เกิด เรียกว่าสังขาร

    </dd><dd> 3. วิญญาณ เปรียบเหมือนลิงได้แก้ว ลิง หมายถึง จิตที่ไม่นิ่งเฉย จิตมีเกิดดับตลอดเวลา แก้ว หมายถึง คุณธรรม คุณธรรมดีแก้วก็จะใส ไม่มีคุณธรรม แก้วก็จะเศร้าหมอง วิญญาณเป็นผู้รู้แจ้งในสิ่งที่เห็นและกระทบที่เกิดขึ้น ในอายตนะทั้ง 5 วิยญาณเป็นผู้รู้แจ้งในสิ่งที่กระทบสัมผัส เรียกว่า วิญญาณ

    <center>[​IMG]</center>
    </dd><dd> 4. รูป-นาม (กาย-จิต) เปรียบเหมือนชายหญิงที่นั่งอยู่ในเรือ รูปเปรียบเหมือนเรือ นาม เป็นผู้อาศัย ร่างกายเหมือนเรือจิตวิญญาณ คือ คนนั่ง กายกับจิตเป็นคนละอย่าง แต่ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน รุปนามเปรียบเหมือนคนนั่งเรือ

    </dd><dd> 5. สฬาตนะ เปรียบเหมือนบ้าน มีประตูหน้าต่าง มีทางเข้าออกของทวารทั้งหก มีร่างกาย คือ บ้าน ใจคือเจ้าของบ้าน ตาหูจมูกลิ้น คือหน้าต่าง

    </dd><dd> 6. ผัสสะ เปรียบเหมือนชายหยิงกอดกัน หมายถึงการกระทบเป็นจิตที่มีความรู้สึกว่าเป็นชายเป็นหญิง เป็นจิตปรุงแต่งจะเกิดขึ้นมา เกิดกิเลสตัณหาอุปาทาน มีอารมณ์พอใจไม่พอใจ ยินดียินร้าย เป็นการกระทบสัมผัสในอายตนะทั้ง 6 เรียกว่าผัสสะ

    </dd><dd> 7. เวทนา เปรียบเหมือนคนที่ถูกลูกศรเสียบตา มีความเจ็บปวดมากเป็นจิตเสวยอารมณ์รุนแรงที่ได้สัมผัส เสวยอารมณ์ พอใจและไม่พอใจ ยินดียินร้าย (สุขเวทนา ทุกขเวทนา อุเบกขาเวทนา)

    </dd><dd> 8. ตัณหา เปรียบเหมือนคนสูบเฮโรอีน หรือยาเสพติด ติดแล้วต้องการอยู่ตลอดเวลา เป็นจิตปรุงแต่งต้องการเพิ่มอยู่เรื่อยๆไม่รู้ปล่อยวาง ไม่รู้จักคำว่าพอใจในการสูบและเสพ เป็นความอยากที่ถมไม่เต็ม เป็นความบกพร่องอยู่เป็นนิตย์

    </dd><dd> 9. อุปาทาน เปรียบเหมือนลิงเก็บผลไม้ ยึดติดยึดมั่นถือมั่น ยึดว่าเป็นของตัว ขาดปัญญาพิจารณาเหตุผลเสียสละปล่อยวาง

    <center>[​IMG]</center>
    </dd><dd> 10. ภพ เปรียบเหมือนคนท้องแก่ หมายถึงที่อยู่ เด็กในท้องที่มีอยู่แล้ว ภพที่ได้รับ หมายถึงที่อยู่ของกายใจ(รูปนาม) จิตยึดติดว่าเป็นที่อยู่ของเราพวกเรา ติดยึดความคิดว่าเป็นเรา ติดยึดในอารมณ์ที่พอใจรักใคร่และไม่พอใจรักใคร่ ติดอยู่ในความมีความเป็น คือภพ

    </dd><dd> 11. ชาติ เปรียบเหมือนคนคลอดลูก หมายถึงจิตที่ปฎิสนธิได้กำเนิดได้รับชีวิตแล้วว่าเป็นอะไร เป็นชายหรือหญิง สัตว์ บุคคล และความเกิดของจิตสืบเนื่องในภพต่างๆ โดยการเกิด ชาติคือความเกิดทั้ง 3 ภพ เป็นจิตที่มีเจตสิกสังขารปรุงแต่งเกิดดับ ยินดียินร้าย รักชอบชิงชังในอารมณ์ทั้ง 6 มีความเกิดอยู่ตลอดเวลามิได้ขาดทั้งภพและชาติ จิตที่ติดอยู่ในอารมณืต่างๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน ติดในอารมณ์นั้น

    </dd><dd> 12. ชรา มรณะ เปรียบเหมือนคนทิ้งบ้าน สะพายของออกไปด้วย หมายถึงทิ้งร่างกายแล้วไม่กลับมาอีก ส่วนที่นำไปด้วยคือบุญและบาป บ้านทั้งหลังคือ กองแห่งรูปและทรัพย์สมบัติก็เอาไปไม่ได้ ชรามรณะอยู่กับโสกปริเทวทุกขโทมนัสเศร้าโศกเสียใจ ผิดหวังอาลัยอาวรณ์ พลัดพรากจากกัน เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต คือความตาย มรณะคือความตาย จิตที่ตายแล้วจากความดี และตายจากความชั่ว ตายจากโลกนี้โลกหน้า ตายจากสมมุติ จิตที่เกิดกับดับ ตายทุกขณะจิตเกิดดับเรียกว่าตายในปัจจุบันตายกองแห่งรูปเรียกว่าตายในภพทั้ง 3 ตายของจิตเกิดดับตายในปัจจุบันอารมณ์ ตายอยุ่ทุกขณะจิตเกิดและดับ (นิพพาน)
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    </dd>


    ที่มาจาก
    http://www.vimokkha.com/paticcat.htm
     
  2. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ไปเสียแล้ว....เปลี่ยนจากสถานภาพผู้ตั้งคำถาม

    ไปเป็นผู้ค้นหาคำตอบมาให้ผู้อื่นเสียเอง

    ด้วยความเร็วลม 1500 ตัวอักษร /ตาราง ซม.วินาที

    [​IMG]
     
  3. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    [​IMG]

    สาธุ จัดหนักเลยคะ

    ขอบพระคุณท่านพี่หม้อมากเลยคะ

    " อย่างที่หัวข้อกระทู้ได้ตั้งขึ้น "
    จงมองอย่าง"เป็นกลาง"
    ใครหยิบจับ เพิ่ม หรือ ลด
    รึไม่ก็ปรุงแต่ง ตาม อันนี้ล้วนแล้วแต่
    จะพิจารณา

    อิอิ
     
  4. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547

    55555555 สะงั้น .......
     
  5. dalmat

    dalmat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,456
    การทรงอารมณ์ใจให้เป็นปกติ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  6. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ภาษาไทย ดิ้นได้
    คนอ่าน ดิ้นได้
    คนเขียน ดิ้นได้
    มาจับ แล้ว วางไว้
     
  7. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    ............เช่นนั้นเอง............
     
  8. forgiveness

    forgiveness Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2010
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +43
    ขอบพระคุณท่านตาปลา ชัดเจน เข้าใจง่าย ครับ และขออนุโมทนา สาธุ กับทุก ๆ ท่าน ๆ ด้วยครับ สาธุ
     
  9. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
  10. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    มณีน้อย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4946672", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    มณีน้อย......นายแน่มาก......
    จากเริ่มบทนำ.....จนนำไปสู่บทสรุปด้วยตนเอง.....เห็นชัดว่า...ความรู้ท่านนั้นเยี่ยมยอด...
    เหลือเพียงแต่........ความเข้มข้นในการปฏิบัติให้สมกับธรรมที่ท่านรู้เพียงเท่านั้น....
    ...................โมทนา สาธุ ด้วยครับ...._/|\_ ..............................
    [​IMG]
     
  11. โชแปง

    โชแปง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    851
    ค่าพลัง:
    +63
    สไนเปอร์มือซุ่มพลแอ๊บแบ๊ว

    เข้ามาแก่วเก็บข้อมูลหรือไฉน

    มณีน้อยแบ๊วมารับกลับโดยไว

    มือคว้าไมค์ไปร้องโอเกะกัน


    โชแปง, แอ๊บแบ้ว
     
  12. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    [​IMG]

    บันไดเลื่อนนี่หาก วิ่งลงหัวขมำไม่รู้ด้วย

    กิเลสต้องสวนกระแส

    แต่ถ้าจะลงบันไดเลื่อน ด้วยการลัดขั้นตอน
    ด้วยการสวนทาง สวนกระแสของบันได ลงไม่ดีมีหวังหัวขมำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  13. oakclub

    oakclub Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +57
    ขอโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ
    ผมว่าดูจิตไปเรื่อยๆให้เห็นกิเลส แค่สำรวมไม่ให้ออกทางกายและวาจาด้วยศีล พอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆเมื่อถึงเวลามันจิตมันเบื่อมันหน่ายเอง และมันก็จะไม่ไปใส่ใจกับกิเลสเอง เพราะถ้าบังคับมากมันก็จะเป็นทุกข์เพราะ อยากไม่ให้มันเกิด หรือ อยากให้มันดี สภาวะมันเลยแสดงออกให้เห็นว่า เราบังคับมันไม่ได้ จริงๆ ^^
    (ถ้าความคิดไม่ตรงกับใคร หรือทำให้ใครเป็นทุกข์ ผมต้องขอโทษขออโหสิกรรมเป็นอภัยทานซึ่งกันและกันถวายแด่พระรัตนไตยมาในที่นี้ด้วยครับ)
     
  14. k_pe

    k_pe สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +18
    จัดไป...ให้หนักๆไปเลยครับพี่น้องญาติธรรมทั้งหลาย

    ไม่เคยเจอกระทู้ไหนที่สะใจและสานุ๊กเท่ากระทู้นี้เลยอ่าครับ :cool::cool: 555+++

    งานนี้ขอยกให้ นางฟ้าน้อย มณีน้อย และท่าน หม้อหุงข้าว..!เป็นไฮไลท์ในกระทู้นี้
    นะขอรับ 555

    จงรื่นเริงบันเทิงในธรรมกันเถิดครับพี่น้องญาติธรรม วันข้างหน้าขอให้เราท่านทั้งหลายได้ถึงฝั่ง
    พระนิพพานกันถ้วนหน้าโดยเร็วพลันด้วยเถิ๊ด สาธุ! ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เวลาตอบ อย่าไป ออกตัว ขอโทษขอโพย ครับ

    ให้ กระทำไว้ในใจก็พอ เพราะหาก ตอบคำถามมา แล้วคำตอบมันดี
    แต่เราไป ขอโทษของโพย นี่เท่ากับเรา ไม่มั่นใจตัวเองว่า ทำถูกมาเรื่อยๆ
    เนืองๆ หรือเปล่า จะมีผลเสียต่อผู้ตอบเอง

    ดังนั้น กระทำปรารภขอโทษได้ แต่ให้ทำไว้ในใจ หากมีการกระทบ เรา
    ก็รู้ของเราไปว่า เราปรารภไว้ในใจแล้ว อะไรเกิดขึ้น ให้เอาใจเราเป็น
    ประทานมากกว่า คำพูดหรือวาทะ วาทะนั้นพูดออกมาแล้วก็สลัดออกไป
    เลย ไม่ต้องยึดหน่วงเอาไว้ เพียงแต่ว่า เวลาเกิดกรรมขึ้นมา ก็ให้ยอมรับ
    ไปโดยดุษฏี คัมภีรภาพ(ภายใน) เนาะ
     
  16. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ตอบไปแล้ว

    อ่านเอาเถิด
     
  17. Kra-Tai

    Kra-Tai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2011
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +7
    ถูกใจ มากเลยค่ะ ขออนุญาตินำข้อความนี้เผยแพร่นะคะ
     
  18. ฝันนิมิต

    ฝันนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +547
    ...อนุโมทนาสาธุคะ....

    ซึ้งใจที่พี่ๆเมตตา มณีน้อย

    [​IMG]
     
  19. boonsongma

    boonsongma สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +11
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ..เป็นคำถามที่ดีมาก เลยอยากเล่าประสบการณ์เล็กน้อย
    นานมาแล้วผมเคยถามคำถามนี้กับครูอาจารย์ท่านหนึ่ง..เป็นครูทางธรรมและครูกรรมฐานคนแรกของผม ท่านตอบว่า....
    ถ้าเรายังมีอาการเหล่านี้อยู่ แสดงว่าเรายังมีอัตตาอยู่ ความที่ยังมีตัวตนอยู่นี้จึงมีดีมีชั่ว มีสูงมีต่ำ มีชอบใจหรือไม่ชอบใจ เมื่อมีสิ่งใดๆมากระทบ....ถ้าดับอัตตาได้เมื่อไรก็หมดปัญหาเมื่อนั้น....
    ดังนั้นเราต้องฝึกเจริญสติจนเป็นมหาสติที่จะคุ้มครองทวารทั้งหก เมื่อมีสิ่งใดๆมากระทบ ก็ให้ดับตรงผัสสะนั้น ให้ทันก่อนที่จะกลายเป็นเวทนา ตัณหา..อุปาทานฯ
    อาจารย์ท่านเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านได้ไปกราบพระรูปหนึ่ง หลังจากสนทนาธรรมเสร็จแล้วจะลากลับ สิ่งที่ท่านทำเป็นประจำทุกครั้งเลยคือกราบขอขมากรรม (มหาเถเร ปมาเทนะฯ ) หลังกล่าวคำเสร็จ หลวงพ่อท่านพูดแบบกระซิบกับอาจารย์ให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า "ก็ในเมื่อมันเป็นอนัตตาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องขอขมาอีก" อาจารย์บอกผมว่า หลวงพ่อท่านถึงธรรมแล้วจริงๆ
     
  20. ศัตรู

    ศัตรู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +49
    อย่าไปยึดติดเลยว่าจะได้นานเท่าไรมันจะเป็นปัญาอยากให้ทำเรื่อยๆบ่อยๆทำโดยไม่ต้องหวังผลแล้วจะได้ผลเร็วกว่าที่คิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...