" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ส่วนปอบที่เกิดที่หมู่บ้าน กาลีนะ ตอนนั้นเป้นปอบที่มีเจ้าของคะ คือ มีคนเลี้ยงไว้คะ .. ทำให้ตอนที่ทำพิธีจับนั้นเจ้าของเขาได้ทำพิธีกันของตนเองไว้ ทำให้ไม่สามารถจับตัวหัวหน้ามาทำลายได้ .. มีแต่พวกลูกกระจ๊อกที่ถูกจับ .. ซึ่งเคยเล่าฝันที่โดนปอบมาข่มขู่ให้แม่ฟังว่าลักษณะแบบนี้นะ .. พอวันที่ทำพิธีแม่บอกว่าแม่เห็นยายคนนี้มาบ้านของคนที่ถูกสงสัยว่าเลี้ยงปอบไว้คะ แกบอกมาคล้ายแม้แต่การม้วนผมกันเลยทีเดียว ... อันนี้ก็ว่ากันไป

    ... ส่วน " เจ้าห่าก้อม " เคยเกิดที่แถวอำเภอหนึ่งในสารคามคะ .. เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณย่าของ กาลีนะ ตายไปคะ .. และ ย่าคนนี้เองที่เคยมาดูแล กาลีนะ ตอนเป็นเด็กในความฝัน และ สอนเรื่องการดูแลตัวเองเวลาเจอผีในฝัน ทุกวันนี้แกก็ยังอยู่ไม่ไปเกิดรวมทั้งญาติฝ่ายพ่ออีกหลายคนที่ยังคงไม่ไปเกิด .. เคยถามพ่อแล้วพ่อบอกว่าก่อนจะขายบ้านแกได้เชิญทุกตนให้ไปอยู่กับแกที่บ้านแกคะ ..
     
  2. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ไปเจอตัวนี้มาจาก เรื่องผีๆ-ภูติ-ผี-ปีศาจ-ตำนานผีปอบ-กำเนิดความเชื่อการนับถือผี

    .. " ผีปอบ คือ ผีสายยักษ์ "

    .... อยู่ในสายการปกครอง ของ " ท้าวเวสสุวัณ " ที่เข้าสิงร่างมนุษย์ ก็เพื่ออาศัยร่างมนุษย์กินอาหาร โดยเฉพาะอาหารดิบๆ หรือ สัตว์เป็นๆ เช่น ไปหักคอเป็ด ไก่ ในเล้ากิน หรืออาศัยร่าง เหมือนเป็นร่างทรง เพื่อยกระดับตัวเองว่ามีผู้นับถือมากๆ หรือเพื่อทำร้ายให้เจ็บป่วย หรือตาย เพื่อว่า ตายแล้วจะได้ไปเป็นบริวาร หรือสานุศิษย์ หรือตายแทนเพื่อตนจะได้ไปเกิดใหม่ ไม่ใช่ว่าจะเข้าสิงได้ทุกคน จะเข้าสิงร่างมนุษย์ที่มีวิบากกรรมทางนี้ คือ อดีตเคยนับถือผีเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกยามมีทุกข์ จนเป็นประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา มีจิตผูกพันกับผี และกรรมทำปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ เช่น ไหว้ผี บางทีก็ฆ่าสัตว์เล็ก เช่น เป็ด ไก่ บางทีก็ฆ่าสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ควาย เป็นต้น จึงทำให้พวกนี้มาเข้าสิงร่างได้ การเข้าสิงเขาจะกดทับด้วย มนต์ ทำให้ขาดสติ หรือ หมดสติไป ขึ้นอยู่กับว่า ทับครึ่งตัว หรือว่าเต็มตัว ถ้าครึ่งตัวก็จะขาดสติ แต่พอรู้บ้าง แต่บังคับตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเต็มตัวนี่จะหมดสติไม่รู้ตัวสึกตัว
     
  3. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    กำเนิดความเชื่อการนับถือผี เซ่นไหว้ผี

    ..... ทำไมคนเราจึงเกิดมาต่างกัน ทำไมบางคนจึงต้องไปเกิดในหมู่บ้านที่มีนับถือผี เลี้ยงผีที่ไปเกิดตรงนั้นเพราะมีวิบากกรรมหลายอย่าง เช่น ทำทานมาน้อย มีความตระหนี่ อวดดื้อ ถือดีจัดจนเป็นนิสัย เลยทำให้ไปเกิดในหมู่บ้านชาวป่าที่นับถือผีมีการฆ่าสัตว์เซ่นไหว้ผี ตามความเชื่อถือของบรรพบุรุษ

    .... ที่จริงการฆ่าสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก เซ่นไหว้ผีนั้นเป็นความไม่รู้ว่าจะไปพึ่งอะไรในยามที่มีทุกข์ เช่น เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งอะไรในยามที่มีทุกข์ เช่น เจ็บไว้ได้ป่วยก็ไม่รู้สาเหตุมาจากอะไร ก็เลยคิดว่าผีทำ จึงทำการเซ่นไหว้ผี ซึ่งบางทีก็หาย บางทีก็ไม่หาย ที่หายเพราะว่าโรคมีน้อย กับหมดกรรม จึงคิดว่าผีช่วย จิตก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องผีๆ ตายแล้วก็กลายเป็นผีบ้าง ปีศาจบ้าง ก็หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้

    ซึ่งแต่เดิมก็ไม่ได้รู้ว่ามีผี หรือไม่มี เมื่อมีความทุกข์ก็คิดว่าผีแกล้ง จะต้องเซ่นไหว้แล้วผีจะช่วย นานวันเข้า เมื่อนับถือผีแล้วใจก็ผูกพันอยู่กับผี ตายแล้วก็ไปเป็นผี ต่อมาจึงกลายเป็นเลี้ยงผีจริง แต่เดิมผียังไม่มีแต่คิดว่ามี พอคิดว่ามี ใจก็ผูกพันกับความไม่รู้ ตรงนี้เอาของมาเซ่นไหว้ แล้วยิ่งบังเอิญ เซ่นแล้วหายป่วย ก็เซ่นไหว้ด้วยการฆ่าสัตว์ทำปาณาติบาตเข้าไปอีก ก็ยิ่งเป็นผิดเข้าไปอีก พอตายไปแล้ว วิบากกรรมทำให้ไปเกิดเป็นผีอยู่แถวนั้น

    เมื่อความเชื่อสืบทอดมาถึงชนรุ่นหลังคราวนี้ก็ได้นับถือผีจริงๆ แต่ผีก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะตัวเองก็ลำบาก อดๆ อยากๆ ต่อมาผู้ที่ตายก็กลายเป็นผี มีผีบางตนไปพบกับวิทยาธรก็ขอเรียนมนต์ เรียนไสวเวท ซึ่งส่วนมากมักจะเรียนเพื่อมุ่งทำลายล้างกันเป็นส่วนใหญ่ ก็จะมีวิชาพวกนี้ มากระซิบข้างหู ให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วก็นับถือสืบต่อๆ กันเรื่อยมา

    เพราะฉะนั้น คนที่ถูกผีเข้า ผีสิง หรือ เกิดในครอบครัวนับถือผี จะพ้นจากกรรมพวกนี้ได้ ต้องเลิกนับถือผี แล้วให้ตั้งมั่นใน พระรัตนตรัย ทำบุญ ทุกบุญ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ให้สม่ำเสมอจนตลอดชีวิต ก็จะพ้นจากกรรมเหล่านี้ได้

    ... เพราะใจผูกพันกับอะไรก็จะไปอยู่กับสิ่งนั้น ผูกพันกับคนก็จะไปอยู่กับคน ผูกพันกับสิ่งของผูกพันกับสัตว์ ผูกพันกับวิชหรือผูกพันกับสิ่งที่ตนนับถืออย่างไร มันก็จะไปอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพรงองค์ จึงสอนให้ ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ไม่ให้ผูกพัน กับสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร แต่ให้ผูกพันกับ พระรัตนตรัย เพราะพระรัตนตรัยเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง

    .... เดี๋ยวพรุ้งนี้จะมาวิเคราะห์บทความนี้จาก ประสบการณ์ และ แง่มุมในแบบ กาลีนะ นะคะ .. ส่วนใครคิดแบบไหนเราเองก็อยากรู้คะ อิอิ
     
  4. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อืม

    จาก ประสบการณ์ ในฝันนะคะ

    ผี น่ากลัวน้อยกว่าคน บ้าหน่อยนึงค่ะ ที่เคยเจอในฝัน นะคะ

    แต่ปอบ นี้ ไม่เคยฝันถึงค่ะ โชคดีมาก ไม่งั้น ข้าน้อยอาจช๊อคตาย ๕๕๕๕
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ... เพราะใจผูกพันกับอะไรก็จะไปอยู่กับสิ่งนั้น ผูกพันกับคนก็จะไปอยู่กับคน ผูกพันกับสิ่งของผูกพันกับสัตว์ ผูกพันกับวิชาหรือผูกพันกับสิ่งที่ตนนับถืออย่างไร มันก็จะไปอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงสอนให้ ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ไม่ให้ผูกพัน กับสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร แต่ให้ผูกพันกับ พระรัตนตรัย เพราะพระรัตนตรัยเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง


    แม่กาลีนะ คลำมาถูกทางแล้วนิ...ใกล้ถึงจุดที่ถูกเข้าไปทุกที...ยิ่งเข้าใกล้ถูก ก็ยิ่งเสี่ยงจะผิดได้ง่ายเหมือนกัน...อีกนิดนึงจะไปถึงจุดที่กำเนิด นรก สวรรค์ เหล่าทวยเทพต่างๆแล้วนะ...เล่าต่อๆ...หลุมดำเนี่ย...ปลอดภัยจ้า...
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ลองมาอยู่แถวอีสานสิคะ .. หรือ แถวสารคาม รับรองได้เจอได้ยินเรื่องแบบนี้บ่อยแน่คะ 555555 เพราะพอเขามีพิธีไล่ปอบหมู่บ้านนี้มันจะหนีไปอีกหมู่บ้าน หรือ ไปอยู่แถวท้ายหมู่บ้าน ไร่ นา .. รอเวลา รอเหยื่อที่พอจับได้มันก็จัดเลยคะ 555 ส่วนคนบ้านแถวสารคามก็เยอะคะ ... ส่วนมากเล่นยาบ้ามากไปจนเอ๋อ .....
     
  7. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    *** แม่กาลีนะ คลำมาถูกทางแล้วนิ...ใกล้ถึงจุดที่ถูกเข้าไปทุกที...ยิ่งเข้าใกล้ถูก ก็ยิ่งเสี่ยงจะผิดได้ง่ายเหมือนกัน...อีกนิดนึงจะไปถึงจุดที่กำเนิด นรก สวรรค์ เหล่าทวยเทพต่างๆแล้วนะ...เล่าต่อๆ...หลุมดำเนี่ย...ปลอดภัยจ้า...

    ... เอิ่ม จริงเหรอคะพี่ ... หนูยังไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่คะ เพียงแค่ประสบการณ์ที่ผ่านมากับข้อมูลที่ศึกษามันบ่งชี้ไปทางเดียวเลย

    .... คือ สิ่งที่เรียกว่า " ดวงจิต " อันเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง เหมือนว่าทุกอย่างจะมีดวงจิตเป็นส่วนสำคัญเป็น ตัวควบคุม + แหล่งพลังงาน .. ดวงจิตนี้จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ( นิสัยนะคะ ถ้าแบบไม่สุภาพ คือ สันดาน ) .. ความทรงจำที่จะฝังลึกอยู่ในดวงจิต .. มีอายุยืนยาว หรือ ไม่มีการดับสูญ .. ความตายเป็นเพียงแค่การ " ย้ายพาชนะ " เท่านั้น .. มันจะเปลี่ยนไปตามภาชนะที่มันอยู่ .. มีความละเอียดสูงมาก ๆ ..

    .... สิ่งที่ผูกพันธ์แต่ละดวงจิตไว้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น คือ กรรม .. อันได้แก่

    1. กรรมที่เกิดจากคำพูด เช่น สัญญา สาบาน สาปแช่ง หรือ คำพูดอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ชะตาชีวิตของคนอื่นเปลี่ยนแปลงไปจากที่ควรจะเป็น .. เหล่านี้ล้วนเป็นกรรมที่จะทำให้ผูกพันธ์กันขึ้น ยิ่งถ้ามีตัวกลาง กรรมการ หรือ พยายาน .. งานนี้ยาวคะ เป็นเหมือนเครื่องพันธะนาการไว้นั้นเอง.

    2. กรรมที่เกิดจากการกระทำ เราไปทำใครให้เกิดความรู้สึกทางกาย จิตใจ ไม่ว่าดี หรือ ร้าย .. ล้วนเป็นกรรมที่จะนำพาเราไปตามสิ่งที่เราได้กระทำนั้นเอง

    3. กรรมที่เกิดจากความผูกพันธ์ เช่น จิตใจเราเกิดความรักความผูกพันธ์ หรือ อาฆาตแค้น กับ สิ่งใดก็เมื่อตายจิตจะพุ่งตรงไปยังสิ่งนั้นเป็นอันดับแรก และ ความจำที่หายไปชั่วขณะจะกลับมาทำให้สัมผัสที่ถูกจำกัดด้วยกายหยาบสามารถใช้การได้เต็มที่ ... .. ส่วนประมาณนี้คะ ..

    .... แต่สิ่งที่จะนำเราไปยังที่ไหนก่อนนั้น คือ ข้อ 3 คะ เพราะจิตนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจลำบากมาก ยากยิ่งหยั่งลึกสุดจะพรรณาได้ .. และ ทรงพลังมหาศาล .. ตามด้วยกรรมข้อ 2 .. และ กรรมข้อ 3 ตามลำดับ ดวงจิตจะไปตามนั้น

    ... อันนี้ตอบได้ไม่เหมือนอย่างที่ใจคิดนะคะ .. แต่สิ่งที่ยืนยันและทำให้คิดแบบนี้ คือ เรื่องของตนเองที่เจอมาหลาย ๆ อย่าง .. เรื่องของคนรัก ฯ มันเลยทำให้หนูสนใจเรื่องของ กรรม + ดวงพื้นฐาน + จิต ตอนนี้คงตอบพี่ได้ประมาณนี้เพราะยังสับสนเรียบเรียงไม่ได้ดีพอคะ
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อย่างแฟนเก่าแม่กาลีนะที่เสียชีวิตไป ถ้าจะว่าไปแล้ว ก็ต้องไปเป็นสัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อน แต่กลับว่า ไปอยู่ยังหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีการดำรงชีวิตคล้ายกับคนชนบท
    หากจะว่าเป็นเมืองลับแล หรือเมืองบังบดแล้วนั้น ก็ดูจะไม่คล้าย เนื่องจากเมืองลับแล หรือเมืองบังบด เป็นลักษณะกึ่งเทพกึ่งผี แต่ว่ามีการรักษาศีลเป็นอย่างดี ส่วนแฟนเก่าแม่กาลีนะนั้น ยังไม่ได้สนใจศีลสักเท่าไรนัก ...

    สถานที่ที่ว่านั้น ไม่มีปอบ ไม่มีตำรวจ มีแต่หัวหน้าเหมือนผู้ใหญ่บ้าน คอยดูแล มีต้นไม้มาก บ้านก็ไม่มีทาวเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว หรือคอนโดฯ จะเป็นแต่บ้านทรงไทย ใต้ถุนสูงบ้าง หรือเป็นบ้านไม้ ยกใต้ถุนสัก 1 เมตรบ้าง ไม่มีดวงอาทิตย์ขึ้น หรือตก แต่มีสว่าง มีมืด...
    มันคือสถานที่อะไร? ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่มีป้ายเขียนบอกเอาไว้ จะว่าอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ใกล้ๆเรานี่เอง เหมือนมันคั่นกันอยู่ด้วยมิติของเวลา ...
    แต่ก็ไม่ได้เป็นมิติเวลาเดียวกันกับป่าหิมพานต์ เพราะวิญญาณแฟนเก่าแม่กาลีนะ ไม่สามารถไปป่าหิมพานต์ได้ ...
    ตกลงเลยไม่รู้ว่า จะเรียกว่าอะไรดีเหมือนกัน...
     
  9. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... หนูก็ไม่รู้ว่าเรียกอะไร .. แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่นั้นเพราะไม่รู้จะเรียกว่าอะไรให้คนเข้าใจเหมือนกัน .. แต่ลักษณะเป็นตามที่พี่พูดไม่ผิดเพี้ยนคะ หัวหน้านั้นเป็นชายมีอายุแก่ผมสั้น .. ที่นั้นถือว่าสวยงามคะมีน้ำตกสูง อากาศดีคะ .. คิดอยู่ว่าจะพูดถึงที่นี้ดีไหม๊เพราะหลังจากช่วงนั้นไปก่อเรื่องไว้วุ่นวายพอสมควร .. เมื่อวานนี้ก็มีมาเยี่ยมเหมือนกัน .. แต่อีกนัยหนึ่งนั้นด้วยพวกเขาเป็นผู้นับถือผีบรรพบุรษ ผีมดผีเม็ง .. ส่วนเรื่องศีลธรรมนี้ไม่ต้องพูดถึงคะตามนั้นแหละพี่ .. แต่พลังของพวกเขานั้นหนูไม่รู้คะแต่คงมีเยอะมากพอสมควร แล้วตั้งแต่หย่าศึกกันไปนั้นก็ไม่ค่อยได้ไปคะ เขาว่าหนูขี้บ่น ... มีแต่แฟนคนปัจจุบันคะที่ได้ไป .. ส่วนทำไมพวกเขาถึงสื่อกันได้นั้นก็คงละในฐานที่เข้าใจว่าหนูไปทำยังไงไว้แล้วกันนะคะ ..
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    คนถ้ามันไม่รัก มันไม่บ่น มันไม่จ้ำจี้จ้ำไช ให้วุ่นวายขายปลาช่อนหรอกนะ สิบอกให้...
    ที่เล่าบรรยากาศให้ฟังได้น่ะ ก็เพราะเคยไปอยู่มาก่อนอ่ะจ่ะ...ตอนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อย สัก 5-6 ขวบ อยู่กะยายที่นั่น ...

    สมัยหนุ่มๆก็เคยหลงทางเข้าไปทีนึง ตอนยังฝึกกรรมฐานอยู่ที่วัด ไปเจอพี่สาวคนหนึ่ง สวยงามมาก พูดจาก็ไพเราะน่าฟัง ไปถึงที่เรือน เธอมีหนังสือหลายเล่ม เป็นตั้งเลยนะ เล่มบนสุด เป็นหนังสือปกเก่าแล้ว เป็นรูปพระสงฆ์รูปนึง เขียนว่า หลวงพ่อคง...พี่สาวคนนี้บอกว่า ให้เอาหนังสือเล่มนี้ไปสิ...มารู้เอาทีหลังว่า เป็นรูปหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม...

    ตอนหลังแวะไปใหม่ สงสัยว่า เขากินอะไรกัน ... ที่นั่นมันก็แปลกนะ เขาเอาข้าวจากรวงมาใส่หม้อ ใส่น้ำ ต้มเลย สุกหอม น่ากิน หม้อก็เป็นหม้อดิน ไม่ต้องซาวน้ำทิ้ง ไม่ต้องกะเทาะเปลือกออก... เราก็งึดสินะ...(เฮ้อ..เจ๊กอยากจะหัดว่าวลาว...เด้..ล่ะ)

    ส่วนพวกผีสางคางแดง ที่มีฤทธิ์แรงๆนั้น แม่กาลีนะ ต้องลองท้าออกไปเลย...
    "แน่จริง...พวกแกมาช่วยฉันขายเนื้อวัวนี้ให้หมดแต่หัวค่ำสิ...ฉันจะซูฮก ยกน้ำแดงให้หนึ่งขวด"
    มุกนี้เขาเรียกว่า มุกหลอกผีอีกทีนึง...ให้ผีมาช่วยขายของ...ทำได้มันน่าจะดีนะ...
    อย่างสมัยนึง ตากผ้าเอาไว้ ไปข้างนอก ฝนเกิดตกขึ้นมา ผีที่นั่นก็เฮี้ยนมากเหมือนกันนะ ผมก็เลยลองท้าให้ช่วยเก็บผ้าไว้ให้หน่อย จะได้ไม่เปียกฝน...พอกลับมาถึงบ้านเท่านั้นแหละ...ฮ่วย...ซักใหม่หมด..จบกัน...
     
  11. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ช่วงนี้มีปัญหาเยอะคะ .. เกิดจากเขาเตือนอะไรหลายอย่างแต่ทุกคนก็ดื้อไม่ฟังจนเขาเบื่อบ่นอยากกลับบ้านบนเขาแล้ว ... แต่รู้สึกช่วงนี้จะเป็นน้ำแข็ง .. หนูโดนเทศนาไปครึ่งชั่วโมงคะ .. คอตกไปเลยทีเดียว.. ที่หายไปเมื่อกี้ไปฟังเขาบ่นมาคะ .. แบบว่าเขาโกรธมากโกรธจนตัวสั่นเลยคะ .. เมื่อวานก็ไปวัดพลังกับใครมาไม่รู้มาบอกว่า " มือกลายเป็นขี้เถ้าเลยตอนนี้ ไปตีกับเขามา " วันก่อนแฟนก็ฝันว่าเขามาพาแฟนไปไหนไม่รู้เหมือนจะมีเรื่องกันคนเยอะแยะ .. แล้วเขาก็ผลักแฟนให้ไปต่อยกับเขา .. ผลออกมาว่าแฟนต่อยไปหมัดเดียวอีกฝ่ายน็อคไปเลย .. วันก็เหมือนไปทำเรื่องยื่นเอกสารอะไรไม่รู้แต่พอเอารูปถ่ายติดเป็นรูปคนรักไม่ใช่แฟนคะ 555555 แฟนโวยวายเจ้าหน้าที่ที่นั้นก็บอกเขาว่านี้แหละรูปคุณ นี้ห็หน้าของคุณคะ หนูบอกเขาว่าทำใจเถอะ

    ... วันนี้ก็มีรีเควสจากพวกที่มาเดิน ๆ แถวหน้าบ้านมารอกินของไหว้ " สั่งลาบสุก " มายืนรอกินเลยคะ .. บอกว่าเป็นเพื่อนหนูคะ 5555555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2014
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ก่อนจะกินลาบ...บอกมาซะดีๆ...งวดนี้ 3 ตัวบน กะ 2 ตัวล่าง คืออะไร...
    เอ้า..ทุกคนรอฟังนะ...
    อ้อ..เอาเต็ง ไม่ต้องโต๊ดนะ...ขี้เกียจกลับ ไม่เอาหักลบ...ของตรงๆเลย..
     
  13. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... โหหหหหหห เล่นงี้เลยเหรอคะ ... จะบอกว่าความจริงก้ถามทุกวันคะหวยนะ 5555555 เขาบอกว่าบอกตรง ๆ ไม่ได้เขาห้ามบอก ... แต่ไม่รุ้ว่าเขานี้ใครนะพี่ .. รู้แต่ว่าถ้ารู้อะไรมาแล้วบอกใครตรง ๆ แล้วจะถูกลงโทษรัศมีจะหดหาย พลังจะลดลง .. แต่ว่าใบ้ได้คะ 5555555 ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคะ 5555555555555 ถ้าใบ้มาละคงต้องมาช่วยกันตีหวยละคะ .. อิอิ แต่ที่บ้านก็ได้เรื่อย ๆ คะ
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ตะปูที่ว่าหน้าตาประมาณนี้ไหม๊คะพี่ ...

    ... ตะปูสังฆวานร .. หรือ ที่เรียกกันว่า ชินสังฆวานร เดิมเป็นวัสดุที่สร้างขึ้นจากโลหะผสมตระกูลดีบุก ซึ่งอาจจะมีตัวโลหะเจือที่เป็นกลุ่มของสังกะสี ตะกั่ว ปรอทและอื่นๆ นำมาใช้ประโยชน์เป็นตัวยึดโครงสร้างไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโครงสร้างของวัด หรือปราสาทราชวัง ในสมัยอยุธยายังไม่มีตะปู หรือ น๊อตในการสร้างโบสถ์ วิหาร สมัยนั้นจึงใช้ชินเขียวทำเป็นตะปู นำมาเป็นตัวตอกสลัก โดยเทและทำเป็นแท่งกลม แท่งเหลี่ยม ปลายแหลม เรียกว่า ตะปูสังฆวานร
    ใช้ตอกยึดเสนานะและถาวรวัตถุในวัด
    ตลอดอายุการใช้งานอันยาวนาน ตะปูสังฆวานรได้ผ่านศาสนพิธีการสวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น สวดพระปาติโมกข์ และการสวดญัตติเวลาที่มีการบวชพระ
    อีกทั้งหลวงพ่อ หลวงปู่ ในสมัยนั้นก็มักจะนิยมปลุกเสกวัตถุมงคลในโบสถ์สม่ำเสมอ
    เมื่อเสนานะโบสถ์ วิหาร ชำรุด ปรักหักพังลง โบราณจารย์ผู้ชาญฉลาดเล็งเห็นว่า
    ตะปูสังฆวานร นั้นได้ผ่านกาลเวลา และผ่านการปลุกเสกตลอดมา รวมถึง ได้ผ่านพิธีการทางสงฆ์ต่างๆ มาเป็นระยะเวลายาวนาน
    จึงเชื่อว่าน่าจะเต็มไปด้วยพลังพุทธคุณต่างๆ นั่นเอง จึงได้นำมาหลอมละลายเพื่อผสมผสานในการสร้างพระเนื้อชิน ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังนิยมนำมาตอกสะกดภูติผีปีศาจได้ผลยิ่งนัก ต่อมาจึงใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างมีดหมอ หรือ มีดอาคมต่างๆ
    เนื่องจากสมัยก่อนไม่นิยมนำของวัดเข้าบ้านโดยตรง ต้องแปรสภาพ หรือ สร้างขึ้นใหม่เสียก่อน เป็นมีดหมอหรือพระเครื่องเนื้อชิน จึงจะสบายใจกันทุกวันนี้ ถ้าใครมีไว้ติดตัว ติดบ้าน ก็มั่นใจได้ว่า มีของดี ที่ทรงคุณค่าและอานุภาพในตัวพร้อมสรรพ ทีเดียว



    [​IMG]
     
  15. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ครูติงมาอ่าน เรื่องเจอปอบ ครับ

    ตอนนั้น กลับจากฝึกงานใหม่ๆ กลับเข้ามหาลัย เตรียมเอกสารรายงาน

    หลังมหาลัย มีร้านขายอาหารป่า พวกผัดเผ็ดกบ รสชาติป่าๆ สมุนไพร ที่ไม่ค่อยรู้จัก

    คนก็ไม่ค่อยเยอะ แต่ไปบ่อย ไปก็ไปตีชีกับแม่ครัวบ้างเผื่อได้ของแถม ก็ดูเหมือนจะคุ้นกันอยู่แต่ไม่ได้ถามชื่อแก ไปมาหลายรอบแต่ก็ไม่มีอะไร จนตอนที่กลับจากฝึกงานอยู่ ตอนสายๆก็มากินข้าวกับเพื่อน แต่แปลก วันนีมียายแก่ๆ มานอนอยู่ใต้ถุนบ้าน ข้างๆร้านอาหาร แต่อยู่ในรั่วเดียวกัน

    ไอ้ผมก็คนขาดสติ อยู่เป็นประจำ ด้วยจิตที่ไม่ปกติชักเท่าไหร่ ก็เลยไปคิดไม่ดีเข้า
    ทันใดนั้น ยายแกก็ประคองตัวขึ้นมาจากแคร่ แล้วหันหน้ามาทางผม เพื่อจะดูว่าใคร
    แล้วก็ล้มตัวลงนอน ตามปกติ

    ผมก็ท่านอาหารเสร็จแล้วก็กลับบ้านพัก

    ที่บ้านพัก ประมาณ๓ทุ่ม ตอนนั้นยังไม่เปิดเทอม เงียบกำลังดี ผมก็อ่านหนังสือทั่วๆไปอยู่คนเดียว ในห้องนอน ก็ได้ยินเสียงหมาหอนมาแต่ไกล ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา
    มาหยุดตรงหน้าบ้าน

    ส่วนผมก็รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ก็เลยนอนหลับตานับลมหายใจ นับได้เท่าไหรไม่รู่

    ขนะหลับตาอยู่นั้น ความสว่างก็เกิดขึ้นขณะหลับตาแต่รู้สึกตัวชัดเจน นอนอยู่บนตักผู้หญิง ผมยาว สีขาวแต่ไม่เห็นหน้า มือนี้ชีดเหมือนศพ เล็บสีดำ ยาวและเเหลมมาก จับที่ขาผม ทันใดนั้นได้ยินเสียงแคะประตู เรียก แม่ แม่ อย่างรีบร้อน แล้วก็แว๊บมายืนอยู่หน้าเตียง มองหน้าผม ผมก็มอง รูปร่างเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณ๑๐ปี สูง๑๒๐ ประมาณนี้ จ้องหน้าผม อย่างนิ้ง เงียบงัน แล้วก็หายไป พร้อมๆกับผมลืมตาขึ้นได้สติ


    พอผ่านไปได้ ๒ ๓วันผมก็ไปกินข้าวร้านเดิมอีก ที่นี้พี่สาวคนทำกับข้าวมองหน้าผม
    แล้วแกก็ไม่พูดอะไร ผมสังเกตุแถวนั้น แคร่ที่เป็นที่นอนของยาย พร้อมกับยายก็โดนย้ายหายไปด้วย

    ผมก็เดาเอานะบางที่อาจจะไม่ใช่ อย่างที่ผมคิดก็เป็นได้
    จบแล้วครับ คุณครู ประสบการณ์ผีๆ ที่มีอยู่น้อยนิด

    ใครที่พอจะมีบุญกุศล ก็นึกอธิฐานบุญให้คุณยาย และลูกของคุณยายด้วย เผื่อช้วยคุณยายได้หลุดพ้นจากสิ่งที่เป็น อยู่ เพราะเรื่องบังเอิญ มันไม่ค่อยได้เกิดบ่อยๆนะครับ
     
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... วันนี้ไปถวายผ้าสังฆาติพระอาจารย์บุญชู .. เลยลองถามท่านว่าตะปูนั้นอยู่ตรงไหน .. ท่านก็หลับตาสวดอะไรไม่รู้สักพัก .. ท่านก็บอกว่ามันอยู่ทางทิศตะวันออก .. แต่ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วอาถรรพ์มันคลายแล้ว .. ขอแค่ให้หมั่นสวดมนต์ไหว้พระก็พอ ... ส่วนลูกชายตอนนี้มีเหมือนอมนุษย์คอยชักจูงไปในทางไม่ดี คอยทำร้ายอยู่ตามนั้นจริง .. ท่านก็บอกวิธีแก้มาให้คะให้ กาลีนะ มาทำเอง ...

    .... ด้วยความสงสัยเรื่องลูกชายนั้นวันนี้ได้ไปลองเสี่ยงทายยกพระที่วัดเก่าแก่ประจำจังหจังหวัด ( ไปบ่อยมาก ๆ ) ถามไป 3 รอบ คำตอบ.. ว่าพวกนี้มาจากไหน .. ประมาณว่ามาจากที่ กาลีนะ ได้ไปช่วยเพื่อนคนหนึ่งไว้แล้วอมนุษย์พวกนั้นเลยยังตามจ้องเล่นงานอยุ่ .. แต่มันชั่วมาก .. ไม่มีศักดิ์ศรีทำได้แม้กระทั้งเด็ก .. สัตว์นรกจริง อย่างที่คนอื่นกล่าวหา ... เคยปล่อยไปนานแล้วไม่ยุ่งไม่อะไรนึกว่าจบไปแหละเพื่อนคนนั้นพวกเขาก็ได้ไปแล้วทั้งร่างกาย และ วิญญาณ .. ทำไมต้องบังคับให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำ ..
     
  17. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    พระอาจารย์บุญชูท่านเก่งนะ...ที่ท่านว่ามาก็ถูกของท่านตามนั้นจริงๆนั่นแหละ...

    น่าจะมีใครสงสัยบ้างนะว่า ทำไมผมซึ่งฝึกกรรมฐานมา เรียกตัวเองเป็นพุทธบริษัทฯ ไม่ด่าแม่กาลีนะ ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับผีสางคางแดง เทพของอินเดีย รวมถึงเรื่องไสยศาสตร์ต่างๆ แถมยังร่วมด้วยช่วยกันเฮๆฮาๆ บ้าๆบอๆไปด้วยอีกคนนึง....

    แต่กับบางกระทู้ที่ไปหยิบยกเอาพระไตรปิฎกบางตอนมากล่าวอ้าง เพื่อทิ่มแทงครูบาอาจารย์นั้น ผมกลับไปด่าเอามากมาย...

    ทั้งนี้ก็เพราะว่า สิ่งที่แม่กาลีนะไปคลุกคลี ยุ่งเกี่ยวด้วยนั้น ไม่ได้ทำให้สังคมส่วนรวมเดือดร้อน ไม่ได้ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน ส่วนตัวเองจะเดือดร้อนบ้างก็พอเอาตัวรอดได้ด้วยตัวของตัวเอง และแม่กาลีนะ ไม่เคยเอาเรื่องราวเหล่านี้ ไปย่ำยี พระพุทธ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ครูบาอาจารย์แต่อย่างใด...
    อีกอย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่า คนเรามันต้องโง่มาก่อนจะฉลาด...มันต้องหลงทางกันมาก่อนเป็นธรรมดา เมื่อมันยังไม่ถึงเวลาจะหาหนทางที่ถูกต้องได้เจอ มันก็ต้องหลงทางกันอยู่อย่างนั้นเอง ทั้งๆที่รู้ว่าหลงทางอยู่ ยังโง่อยู่ แต่มันยังหาทางออกที่ถูกไม่เจอ ด้วยเหตุปัจจัยนานานั้น ผมก็เห็นว่าไม่แปลกอะไร...มันยังดีกว่าพวกที่อวดรู้ อวดเก่ง อวดฉลาด แต่แล้วไปกราบเปรตกู้บ้าง ไปกินฉี่ท่านยันตระบ้าง พวกนั้น ปริญญาเอกทั้งน้าน..น...

    ส่วนพวกที่เอาคำสอนในพระไตรปิฎกมากล่าวอ้าง เพื่อหาทางด่าครูบาอาจารย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในเรื่องสร้างวัตถุมงคลก็ดี หรือการสร้างพระพุทธรูป และการกราบพระพุทธรูป พวกนี้ผมต้องออกมาด่า... ทั้งนี้หากผมไม่ด่า ผมก็ถือว่าตัวผมนี่มันอกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ครับ และที่ด่านี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าครูบาอาจารย์ผมท่านจะเดือดร้อนก็หาไม่ แต่ที่ต้องด่าออกไป ทั้งๆที่ดูใจแล้วไม่ได้มีอาการของโทสะ ก็เพราะเห็นว่าท่านผู้ที่ด่าครูบาอาจารย์ผมนี่จะได้รับโทษคืออเวจีมหานรก...และใครที่ตามมาอ่านเข้าแล้วไปเห็นด้วย อันนี้ก็จะพากันฉิบหายไปด้วยเหมือนกัน...จึงต้องด่าออกไป ด่าด้วยความเมตตา แต่ว่าด่าแรง ที่แรงเพราะว่าพระรัตนตรัยไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาล้อเล่น หรือสักแต่ว่าลูบๆคลำๆเท่านั้น...

    แทนที่จะเอาคำสอนในพระไตรปิฎกหรือคำสอนของครูบาอาจารย์ไปเที่ยวทิ่มแทงผู้อื่นนั้น ผมเห็นว่าเอามาขจัดสิ่งชั่วในดวงใจตัวเองให้ได้เสียก่อนจะดีกว่า...ครูบาอาจารย์ท่านศึกษาพระไตรปิฎกมาดีแล้ว ท่านปฏิบัติมาดีแล้ว การไปเพ่งโทษเอาผิดกับท่านนั้นเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ไม่ใช่สิ่งที่พุทธบริษัทฯจะพึงกระทำกัน....

    แม้ว่าบางคนจะพกตะกรุด เครื่องรางของขลัง พระผง พระเหรียญ รูปหล่อ รูปไม่หล่อ ฯลฯ อันนี้ผมก็ไม่เคยว่ากล่าวออกไป...ใครจะพกไอ้งั่ง อีเป๋อ อันนี้ผมก็ไม่ยุ่งด้วย...จะนับถือเทพ นับถือพรหม จะบนบานศาลกล่าว จะแก้บน แก้ล่าง อันนี้ผมก็ไม่ว่ากันหรอกครับ...

    จริตมี 6 ประการ กรรมฐานมี 40 กอง พระธรรมมีอีก 84000 พระธรรมขันธุ์ ก็ด้วยนิสัยสัตว์นั้นแตกต่างกัน การจะให้ธรรมบทเดียวเป็นเหตุให้ทุกคนบรรลุธรรมได้นั้น ย่อมเหมือนกับการใช้ยาเพียงชนิดเดียวรักษาได้ทุกโรค ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เว้นเสียแต่นั่นจะเป็นยาพิษ แต่เรื่องการรักษาย่อมไม่มีทาง...แต่ไม่ว่าจะเดินทางไหนอย่างไร ในท้ายที่สุดวันหนึ่งย่อมไปถึงจุดหมายเดียวกัน จะเรียกว่าใครถูกใครผิดนั้นยังเรียกไม่ได้ ด้วยจริตแต่ละคน วาสนาแต่ละท่านมีมาแตกต่างกัน...แม่กาลีนะจะชอบทางสายเทพ ชอบเรื่องลี้ๆลับๆ ภพภูมิต่างๆ...ก็ต้องว่าไปตามนั้นก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลา แต่ก็เห็นว่าไม่ได้ทิ้งจากพระสงฆ์ที่ตนเคารพอยู่...

    แต่ถ้าเป็นครูติง จะสอนก็ต้องสอนแบบมีเมตตา บอกให้ทำไปเป็นลำดับ พูดจาดีๆต่อกัน แนะนำด้วยปัญญา เธอจะไปได้...
    ถ้าเป็นหนูพายุ จะสอนธรรมดาๆอย่างครูติง เธอไม่เอา ต้องมีการท้าทาย ท้าให้ลอง ออกจะหมิ่นๆหน่อย เธอจะฮึดสู้ เอาสิวะ...จะลองกันดูสักตั้งหนึ่ง...เป็นอย่างนี้...

    ดังนั้นเมื่อนิสัยเดิมมีมาไม่เหมือนกัน ใครจะเลือกทางไหนผมก็ไม่เคยไปว่าสักคำนึง...เพียงขอว่าอย่าเอาครูบาอาจารย์ผมมาปรามาส มาด่า หรือคาดโทษท่าน อันนี้ผมก็ต้องขอออกตัวรับหน้าเสื่อแทนเหมือนกัน...หรือว่าจะเอาคำสอนของครูบาอาจารย์มาดัดแปลงเพื่อให้เข้ากับผลประโยชน์ของตนในการเรี่ยไร อันนี้ก็ต้องไปออกแรงด่าสักหน่อย...จะว่าปากจัดก็ปากจัดนะ เพราะสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ผมทำผิดเล็กๆน้อยๆท่านด่าเอาเป็นสัตว์นรกเลยทีเดียว เป็นอันว่าผมด่านี่ไม่ร้ายแรงเหมือนหลวงพ่อ จะให้ผมพูดแบบเนิบๆคงไม่ได้...แต่ก็จะพยายามนะ ไม่เข้าไปยุ่งกับกระทู้ชาวบ้านสักเท่าไร...อยู่มันเงียบๆเนี่ยแหละ...ดีเหมือนกัน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  18. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... หงายเงิบ .. มาแบบออกแนวอารมณ์ล้วน ๆ อิอิ แซวนะพี่อย่างอลหนูนะ ...

    ... ถามว่าจริง ๆ อยากยุ่งกับเรื่องพวกนี้ตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยคะว่า " ไม่อยาก " พยายามหนีจากสิ่งเหล่านี้มาหลาย ๆ ครั้ง .. แต่เหมือนยิ่งหนีก็ยิ่งเหมือนถูกบีบให้กลับมาเจอ .. ที่เขาเรียกว่า " กรรมกำหนดมาให้เป็นไปแบบนี้ " ถามว่ารู้ไหม๊ว่าชาตินี้เกิดมาทำไม ก้ตอบได้อีกเช่นกันว่า " รู้คะ " เพราะว่ารู้จึงพยายามหลีกหนีมันมาตลอด .. แต่ก็อย่างที่รู้กันไม่มีใครจะหนีกรรมพ้น .. เมื่อหนีไม่พ้นจึงทำใจหันกลับมา " รับกรรมนั้น " ยอมรับว่าโชคดีกว่าหลายที่ที่สามารถรู้ว่าชีวิตตนจะต้องดำเนินไปอย่างไรจนถึงวันสิ้นสุดลมหายใจ .. แต่ก็โชคร้ายที่หาคนจะมาเป็นครูสั่งสอนได้ยาก ( แต่อาจไม่หนักเท่าพี่ระมิงนะคะที่ครูถึงกับต้องตายไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ) .. ถึงแม้อ. ต๋อง จะเคยให้กำลังใจว่า " เธอโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้ชะตาชีวิตตนเองตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ .. และ มีเทพแขกที่เป็นคนคอยสอน " เคยถามท่านว่าทำไมชีวิตของ กาลีนะ ต้องมาเจอแต่เรื่องแบบนี้ท่านก็เมตตาตอบว่า " เธอมีกรรมเป็น กรรมมะพันธุ " ซึ่งแม้แต่ อ.บุญชู ท่านก็บอกแบบนี้เช่นกัน .. แล้วการที่พระสองรุปนี้ท่านได้มาเมตตาคนอย่าง กาลีนะ ก้เพราะ .. รูปหนึ่งนั้นมาจาก " คำอธิฐานขอ " จากเทพแขก .. อีกรูปหนึ่งนั้นมีกรรมสัมพันธ์กันในฐานะ " ศิษย์อาจารย์เดียวกัน " ท่านไม่ได้เคยออกปากว่ารับ กาลีนะ เป็นศิษย์ท่านหรอกนะคะ .. แต่ กาลีนะ นับถือท่านเองคะ .. หนึ่งท่านนั้นได้บอกว่า " หากมีวาสนาได้พบกันอีกครั้งถึงจะรับเป็น ศิษย์ "

    .... เมื่อได้บอกตัวเองว่าจะไม่หนีกรรมเหล่านั้นอีก .. ก็เลยหันหน้ามาศึกษาทุกอย่างเพื่อชดใช้สิ่งที่ตัวได้กระทำในช่วงที่ได้หลีกหนีกรรมเหล่านั้น .. ผลพวงของการฝืนชะตากรรมที่เขากำหนดมาแล้วก้ยังคงต้องชดใช้อยู่จนทุกวันนี้ด้วยความเข้าใจ และ เต็มใจไม่ทรมานเหมือนแต่ก่อน .. เพียงแค่ไม่ได้ก้มหน้ารับมันอย่างเดียว .. หนูก็ทำคล้ายกับที่พี่ระมิงทำในการหลบกรรมนั้นแหละคะ ... อิอิ พอดีเพิ่งไปอ่านเจอมา .. ใช้ทุกศาสตร์ที่หาได้มาทำการปรับปรุงให้เข้ากับสิ่งที่ตัวเองเจอ .. จนทุกวันนี้เอามาใช้เพื่อช่วยคนอื่นด้วย .. แต่หนูเลือกคนที่จะช่วยเพราะเราไม่ได้มีความสามารถมากมายเหมือนคนอื่น .. เอาสีข้างถู ๆ ไปก่อนคะ 555555 .. ทำเป็นขำไปงั้นแหละคะ เพราะชีวิตจริงมันขำไม่ออก ..

    ... สำหรับ กาลีนะ ชีวิต คือ บทเรียน และ เป็นครูที่ดีที่สุด ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2014
  19. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... ส่วนคนที่ไม่ชอบในสิ่งที่ กาลีนะ เล่า หรือ กาลีนะ เป็นอันนี้คงห้ามเขาเหล่านั้นไม่ได้ .. มันคือ " สิทธิ์ " ของเขาเราให้อภัยได้ ... ตราบใดที่ไม่ล้ำเส้นเข้ามาอันนี้ " ยอมได้จะยอมให้ แต่ถ้ามากไปก็ค่อยว่ากันไปตามกรณี " เช่น เพื่อนของ กาลีนะ บางคนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไสยย์ศาสตร์จนตัวเองต้องหลุดเข้าไปอยู่ในวงจรที่ดำมืดของมัน .. มีชีวิตก้เหมือนไม่ใช่ของตัวเอง .. ตายก็ยังไม่ได้ .. แถมตายแล้วนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่พอยังได้ตั๋วด่วนลงนรกไปอีกหลายใบ

    .... มีหลายครั้งที่ท้ออยากหยุดเขียนเหมือนกันคะ .. จากที่ตอนแรกอยากใช้สิ่งที่ตัวเองเคยเจอเคยทำมาลงให้คนอื่นได้เป็นเคสตัวอย่าง เพื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่เจอแบบนี้แล้วไม่รู้จะทำยังไงดีกับเรื่องที่เจอจะได้พอมีแนวทางให้ตนเองบ้าง ... ไม่ใช่คลำทางไปเหมือนคนตาบอด .. ได้เป็นแค่แสงเทียนเล็ก ๆ ก็ยังดี .. แต่บางที่ก็เหมือนมันจะกลายเป็นดาบกลับมาทิ่มแทงตัวเอง
     
  20. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อืม....


    ขอบคุณค่ะ

    คือ

    จากแพแร กราฟ นี้ แสดงว่า คุณกาลีนะ เธอ เข้มแข็งมากที่ มีธรรมประจำใจ และอ่อนน้อมถ่อมตน

    พี่ติง นั้น มีปัญญา มีความละเอียด ปราณีตของจิตใจ จึงสามารถเข้า ธรรม ความเป็นไป ได้ด้วยปัญญา สาธุ สาธุ สาธุ


    แต่ข้าพเจ้า พายุ นั้น ผู้คืบคลาน มาจากนรก

    มาสู่ภพภูมิมนุษย์ในที่สุด

    ก็ได้รับคำทำนาย (จากครู)

    ชวนให้คิดว่า

    ผู้นี้มีบุญแต่ไร้ซึ่งวาสนา (แปลว่าไรเด็กไม่เข้าใจ)หรือ มีตาแต่หามีแววไม่ ทำนองนี้

    ก็เลย สวดมนต์ ไหว้พระ ไปตามประสา ทำบุญ ไปตามยถากรรม


    ในที่สุดพอเริ่มโตขึ้น

    แม่หมอดูตาบอด (มีพรายกระซิบมั้ง)ก็ได้ทำนายว่า

    แม่หนูนั้น เป็นผู้มี วาสนา แต่ไร้ซึ่งปัญญา

    มาคิดๆดู แม่นอาไรเช่นนี้


    พอท่านผู้อาวุโสระมิงค์ ได้ มีคำเฉลย เช่นนี้ จึงจับใจข้าน้อยนัก

    จริงๆ เจ้าค่า เอ๋ย


    หนูน่ะใครท้าทาย หรือใครมาดูหมิ่น นี่ จากที่ ปกติ ไม่มีความคิด ความอ่านอะไร ใจลอย เรื่อยเปื่อย จะรวบรวมสมาธิ สติ เข้าประลองสู้ (แล้วอาจถอย) เลยทีเดียว


    ดังนั้น

    สรุปว่า

    กรุณา เชิญสั่งสอน ดูหมิ่น ท้าทาย ข้าน้อย ได้ตามแต่จะเมตตา(ของท่าน) ตามแต่วาสนา(ทว่าไร้ซึ่งปัญญา)ของข้าน้อย จักเป็นพระคุณ อย่างยิ่งค่ะ /[COLOR]
     

แชร์หน้านี้

Loading...