ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. rubpy

    rubpy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2009
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +264
    มาลงชื่อรอยามณีนพเก้าค่ะ ^^

    มีเรื่องมาถามอีกแล้วค่ะ
    ตอนนี้กำลังสนใจอยากทำน้ำหมักเอนไซม์ชีวภาพ
    ถ้าเราเอากระชาย หรือสมุนไพรอื่นที่มีประโยชน์
    มาหมักกับน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง ทิ้งไว้สักสามเดือนขึ้นไป
    แล้วเอาน้ำนั้นมากินหรือใช้เป็นส่วนผสมของสบู่ โลชั่น ครีม
    สรรพคุณจะดีกว่าสมุนไพรที่ใช้สดๆ ไหมคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  2. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    ยาปลูกเตโชนี่สนนราคาเท่าไร ซื้อได้ยังไงครับ ต้องไปที่ อ. หรือ สั่งทาง ป.ณ. ครับ

    ช่วงหลังๆผมมีอาการเย็นๆ ที่ด้านหลังศีรษะ เป็นพักๆ ทั้งเวลาปกติ
    ส่วนตอนสวดมนต์ นั่งสมาธิจะเป็นเยอะหน่อย

    ปกติจะรู้สึกเย็นๆที่บริเวณต้นคอขึ้นมาเท่านั้น

    นี่เป็นอาการผิดปกติทางร่างกาย หรือเป็นอาการจากการทำสมาธิครับ
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ยาทุกตัวของหมอสุวิ ขายอยู่ซองละ ๑๕๐.- บรรจุประมาณ ๖๒-๖๕ เม็ด กินได้ประมาณ ๑/๒-๑ เดือน
    ยกเว้นยาครู ๒ ขนาน
    ๑.ยามิรู้อยู่ ราคา ๑๓๘.- แก้ลมเพลมพัดทั้งปวง
    ๒.ยาวัขรธาตุ ราคา ๒๘๘.- แก้แขนขาอ่อนแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต

    อาการที่คุณรู้สึกเย็นๆที่หลังหรือคอ
    อยาไปวิตกวิจารณ์ (ใส่ใจ)กับมันมากนัก

    คุณธาตุไฟไม่สมประกอบ มีอะไรนิดหน่อย ก็ทำให้เลือดลมถูกขวาง มีไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าวน้อย ก็จะรู้สึกเย็นๆ
    อย่าให้ความสนใจในเหตุให้มากนัก
    แก้โดยการหายาปลูกไฟธาตุ(ปลูกเตโช - ก็ได้)มากินซะ
    และเพิ่มยาขจัดไขมันที่แทรกตามเนื้อเยื่อ อีกนิดก็สิ้นเรื่อง
     
  4. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    แนะนำให้ใช้น้ำตาลทรายแดงครับ
    ส่วนน้ำผึ้งเอาไว้แต่กลิ่นและรส ในภายหลัง

    ไม่ค่อยเห็นใครเขาเอาน้ำหมักมาทำโลชั่นหรือสบู่ (ยกเว้นยาประสะผิวบางชนิด)
    อาจเป็นเพราะในน้ำหมักมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ อาจทำให้เกิดสิวหนองได้หรืออาการแพ้ข้างเคียงได้
    แต่ถ้าขจัดเชื้อได้สะอาดดี คุณอาจลองทำดูก็ได้
    เห็นเขาเอามากรอง บ้างใช้ความร้อนขจัดเชื้อจุลินทรีย์ ทิ้งให้ตกตะกอน และนำมากินได้
     
  5. พลังไฟ

    พลังไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +845
    ผมขอเล่าประสบการณ์ก่อน ที่จะมาเจอ วิชา เกศา โลมา

    ผมเคยฝึก จี้กงแบบ เดินลมผสมท่าร่าย ผมฝึกวิชาของย่าเยาวเรศ ขั้นพัฒนาจักร
    โดยพื้นฐานจะฝึกอานาปานสติ
    การหายใจ จะเป็นแบบ ความรู้สึกไปที่ไหน ลมไปที่นั้น
    หายใจเป็นแบบลูกโป่ง คือ หายใจไม่ว่า สั้นเบา หรือยาวเบา
    ความรู้สึกจะไปถึงหัวตลอดปลายเท้า บางครั้งสติก็ไปจับอยู่ที่เส้นผม เหมือนไป
    จับเส้นผมจริงๆ หรือขนอ่อนตามผิวหนังรู้สึกถึงลมที่ระบายออกทางขนอ่อน
    บางครั้งมีความรู้สึกว่าเราสามารถทำความรู้สึกไปนอกกายได้ รอบๆตัว
    แต่ไม่ได้ทำอะไรกับสิ่งที่เป็นอยู่

    เมื่อมาเจอ วิชา เกศา โลมา จืงรู้สึกตื่นเต้น แล้วเริ่มปฎิบัติตาม และเริ่มศึกษา
    เส้น 10 พิศาดาร ได้เห็นความมหัศจรรย์ ของเส้น10
    ผมไม่ค่อยเคยเดินลมปราณ เป็นวงกลมภายในตัว
    ผมขอถามอาจารย์ ดังนี้ครับ

    การเดินลมปราณ แบบเกศา โลมา แล้วไป นขา ปราณ วิ่งต่อไปที่ ทันตา
    แล้วเลยเข้าไปในสมอง ในช่อง ตะโจ ให้ดึงความรู้สึกจากทันตาลงไปที่ฝีเย็บ

    และในช่องเกศา ให้ดึงความรู้สึกจากฝีเย็บ ขึ้นไปผ่านสมองออกไป
    กระจายเป็นวงคลุมร่างกายลงมาพร้อม โลมา แล้ววนเข้ามาที่ก้น
    ที่นขา เป็นวงกลมเหมือนเดิม

    สำหรับ แบบนี้ผมทำได้ และระลึกได้ทั้ง เกศา โลมา นขา ทันตา ตะโจ เป็นความ
    รู้สึกที่ระลึกได้ทั้งภายในภายนอก เหมือนผลของแอปเปิล

    แต่ถ้าผสมอานาปาเข้าไป ผมไม่แน่ใจ เพราะ ต้องมีลมหายใจเข้าและออก
    ที่ผมทำอยู่ ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่า คือ

    เวลาที่ปราณพร้อมอานาปา หายใจเข้าทาง นขา ไปทันตา ลมเข้าไปในสมอง สุดลมหายใจที่นั้น พร้อมลมหายใจออก ในช่วง ตะโจ นำปราณและลมหายออก ลงมา
    ผ่านหน้าอก ท้อง มาทางฝีเย็บ สิ้นสุดที่ฝีเย็บ
    พร้อมปราณและลมหายใจเข้า ดึงขึ้นมาพร้อมกับ คำภาวนา เกศา ลมออกทาง จักรเจ็ด กระจายไปรอบตัวคลุมลงมา พร้อม-ภาวนา โลมา สื้นสุดลมหายใจออก
    วนเป็นวงกลม

    ขอให้อาจารย์ช่วย อธิบาย การหายใจย้อนกลับ เกศา ตะโจ ทันตา นขา ผมยังไม่รู้วิธี แบบมีอานาปาผสม

    ผมพึ่งเข้าใจ ความหมายของกายศักดิสิทธิ และจิตศักดิสิทธิ ก็คราวนี้
    ผลการปฎิบัติ

    ที่ฝีเย็บ มี่การเต้นแบบถี่ๆ เป็นช่วงตลอดทั้งวัน
    รู้สึกว่าร่างกายเหมือนมีลมยางมากขึ้น รู้สึกกระปรีกระเปร่าขึ้น
    วันก่อน ขณะนั่งสมาธิ ทำความรู้สึกที่ กำดัน เพิ่งรู้จักคำนี้เป็นครั้งแรก
    แบบไม่เพ่ง ดูอยู่เฉยๆ แต่เหมือนมองออกไปทางหน้าผาก
    ก็เกิดแสงไม่รูปทรงสีม่วงอ่อน ดูอยู่เฉยๆ แสงเริ่มรวมตัวเป็นวงกลม
    แล้วอยู่กลายไปเป็นเหมือนลูกกระตาลอยอยู่
    แล้วลูกกระตาก็ลอยมาแตะอยู่บริเวณหน้าผาก เป็นแสงนวลๆ สีม่วงอ่อน
    เหมือนดูทีวีไม่มีภาพ ความรู้สึกเหมือนสว่างเข้ามากลางสมอง แต่ก็ดูอยู่เฉยๆ
    ไม่รู้ว่า จะทำอะไรกับเขา ได้สักพักแสงก็หายไป

    ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายขั้นตอนการปฎิบัติต่อไป จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
    เป็นความโชดดีที่ได้มาเจออาจารย์ เหมือนมาเจอทางออก อย่างหน้าอัศจรรย์
     
  6. จตุรานนท์

    จตุรานนท์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1
    สอบถามหน่อยครับ
    แม่ผมอายุ 77 เป็นอัมพฤกษ์ข้างซ้าย มา 4 เดือน ปัจจุบันทำกายภาพ พอเดินได้(ใช้ไม่เท้า) ขาข้างซ้ายยังไม่ค่อยมีแรง แต่ยังมีอาการปลายนิ้วมือ นิ้วเท้ามึนชา เบื่ออาหาร อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์มียาอะไรที่แนะนำได้ครับ
     
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ใช้ยาวัชรธาตุ เพียงขนานเดียวก่อนครับ
    ทานครั้งละ ๓ เม็ด(เท่าเม็ดพริกไทย) วันละ ๓ ครั้ง เช้า เย็น ก่อนนอน

    พออาการดีขึ้นแล้วค่อยหายาอื่นเสริม เพื่อปรับสภาพและบำรุงร่างกาย
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ผมมีคนไข้มาหา และติดประชุมด้วย
    ขอเวลานอก สักพักนะ
    ว่างแล้วจะมาเล่าให้ฟัง นิทานเรื่องนี้ มันยาว
     
  9. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    คุณพลังไฟ ลองศึกษาคำตอบของผม ที่มีผู้ถามมานี้ดูซิ
    และลองพิจารณาซิว่า มันสัมพันธ์กันกับสิ่งที่คุณได้รู้ได้เห็นได้สัมผัสอย่างไร
    และจะเอาไปใช้คู่กับ อาณาปราณสติอย่างไร
    สุวิ

    อ้างอิง:

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาย เอ [​IMG]
    สวัสดีและรบกวน คุณอาสุวิครับ
    ไม่ทราบว่าจะยังพอจำผมได้บ้างหรือเปล่า
    ช่วงนี้ผมค่อนข้างฝึกสมาธิบ่อยๆ รวมต่อวันวันละ ประมาณ 1-3 ชั่วโมง
    เวลาทำสมาธิก็ ว่าง เบา สบาย ปกติ แต่เวลาที่ไม่ทำสมาธิก็จะปวดหน่วงๆด้านหลังศรีษะ ไม่โล่ง
    กำหนดจิตก็หายหากเผลอก็จะปวด หน่วงๆ อาจเป็นเพราะเพ่งกำหนดจิตมากไปหรือเปล่า
    รบกวนคุณอาช่วยแนะนำวีธีดีๆครับ
    ขอบคุณและอนุโมทนาบุญล่วงหน้าครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ suwi
    เกิดจากกำหนดจิตไว้ที่ ๖ เวลาออกจากสมาธิ จิตเคลื่อนมาที่ระหว่าง ๖ กับ ๕
    และติดค้างอยู่ตรงนั้น
    บางคนติดค้างที่ด้านหน้า(ดั้งจมูก -ฟันหน้า) บางคนติดค้างที่ด้านหลัง(ท้ายทอย-กำด้น)
    พลังจึงมาออกันอยู่ที่ตรงนั้น เพียงกำหนดจิต ชักนำพลังให้เคลื่อนไปที่อื่นก็หายแล้ว

    วิธีแก้
    ก่อนออกจากสมาธิ ให้เปลี่ยนจุดกำหนดจิต ไปอยู่ที่ ๗
    และกำหนดให้มีทิศทาง เคลื่อนที่ขึ้นทะลุ ๗ ขึ้นไปบนฟ้า
    แล้วให้กำหนดดึงพลังลงมาที่ ๗ ๖ ๕ ๔ ๓ ๒ สัก แล้วให้พลังวนรอบตัวสักสามสี่รอบ
    ลืมตาออกจากสมาธิ โดยกำหนดจิตอยู่ที่ ๓ ๔ หรือ ๕ โดยรู้รอบตัวเป็นทรงกลม


    คำตอบที่ให้ไว้นี้ ดูเผินๆ มันน่าจะลงตัวไม่มีอะไรซ่อนเงื่อนอยู่
    ครั้นกลับมาพิจารณาอีกที กลับเป็นว่าเราตอบไม่หมดเปลือก
    และคล้ายกับว่า เราหมกเม็ด ดึงให้เขาเขว ดึงให้เขาล่าช้าในการฝึกสู่จุดสูงสุด

    ให้ผู้ถามพิจารณาสิ่งที่จะกล่าวนี้ให้ดีๆ
    เวลาฝึก ตั้งสติไว้ที่ ๖ แบบนิ่งๆ (ไม่เพ่ง) แต่เวลาออกจากสมาธิ จิตจะเคลื่อนลงมานิดหน่อย อยู่ระหว่าง ๖ กับ ๕

    ในการฝึกสมาธิแบบ เกสา โลมาฯ ของสุวิ ตำแหน่งภวนา ว่า "ทันตา" ก็คือจุดนี้นั่นเอง
    เมื่อภาวนาว่าทันตา บริเวณนี้จะถูกคลุมหมดด้วยแสงสว่าง(มากน้อยตามกำลังจิต)

    ณ จุดนี้ตำแหน่งจะอยู่ที่ เพดานอ่อน สูงลึกขึ้นไปใน ศีรษะ
    ตรงนี้จะมีต่อมอยู่ ๒ ต่อม ไพนีล และต่อม x(จำชื่อไม่ได้) เรียงเป็นแนวเส้นตรง ล่าง บน
    หนึ่งคือ ตาที่สาม อยู่ข้างบน และอีกหนึ่ง อยู่ต่ำลงมาคือ ตำแหน่งนั่งขับเคลื่อนหุ่นย์ยนต์มนุษย์

    ณ ตำแหน่งระหว่าง ๖ ๕ นี้ คือตำแหน่งขับเคลื่อนหุ่นย์มนุษย์
    ๑.สูงขึ้นไปเป็นตาที่สาม เราภวนาว่า เห็นหนอ
    ๒.ในทิศเบื้องหน้า เราจักภวนาว่า ได้กลิ่นหนอ หอมหนอ เหม็นหนอ ฯ
    ๓.ในทิศ เบื้องซ้ายและขวา เราจักภวนาว่า ได้ยินหนอ เสียงเพราะหนอ หนวกหูหนอ ฯ
    ๔.ในทิศเบื้องล่าง เราจักภวนาว่า รสหนอ อร่อยหนอ เค็มหนอ หวานหนอ ฯ
    ๕.ในทิศเบื้องหลัง เราจักภวนาว่า สัมผัสหนอ ร้อนหนอ เย็นหนอ เจ็บหนอ ปวดหนอ ฯ
    ในจุดที่ ๕ นี้ อยู่บริเวณกำด้น เป็นจุดเชื่อมถ่ายทอด แลกเปลี่ยน กระแสประสาทระหว่างสมอง และกล้ามเนื้อ และอวัยวะส่วนล่างทั้งหมด
    และมีการกลับสลับซ้ายขวา ในบริเวณนี้
    ยาวัชรธาตุ ที่สุวิทำขึ้น จะทำงานเชื่อมกระแสประสาทในส่วนนี้ ทำให้อาการแขนขาอ่อนแรง และอัมพฤกษ์อัมพาตดีขึ้น
    ๖.ในทิศเบื้องล่าง ต่ำลงมาอีก บริเวรอก เราจักภาวนาว่า รู้หนอ รู้หนอ
    จุดนี้ เป็นจุดที่รวมสิ่งที่เห็น ได้ยิน กลิ่น รส สัมผัส ทั้งหมดมาประมวลผลด้วยสัญญาเดิมที่ฝังอยู่ในใจ แล้วสรุปผลว่ารู้หนอ

    ในคนทั่วไป ประสาทสัมผัสทั้งหกดังกล่าว ก็ทำงานประสานกันได้ดี ในทุกผู้ทุกคน
    ในผู้ฝึกสติ เราก็แยกเข้ารับรู้ ในแต่ละประสาทสัมผัส
    ในแต่ละสัมผัส โบราณท่านเรียกจิต จิตรับรู้(ประสาทสัมผัสนั่นเอง)
    แยกแต่ละจิตสัมผัส ให้ทำงานให้โดดเด่น เป็นตัวของตัวเอง
    แล้วจึงรวมกลับเป็นหนึ่งอีกครั้ง

    ในจิตทั้งหกที่แยกกันรับรู้ จะสามมารถมีความนึกคิดเป็นตัวของตัวเอง
    ส่งสิ่งที่รู้ที่เห็น ฯ ทั้งหมดให้ผู้ควบคุม ประมวลผลที่รับมา และเซพเก็บเอาไว้เป็นสัญญา ฝังลงในส่วนลึก
    ผู้ควบคุม ผู้เก็บสัญญา ก็คือจิตตัวที่เจ็ด

    ทั้งหมดนี่คือคำตอบที่ว่าทำไม จิตที่ทะเลาะกันของสุวิ จึงมีถึง เจ็ด
    ผู้ปรารถนาก้าวเดินตามรอบบาทแห่งพุทธะ
    ในขบวนการฝึกทั้งปวง ไม่จำเป็นต้องรู้จัก จิตครบทุกตัว
    แต่ต้องหาจิตตัวที่เจ็ดนี้ให้เจอ และเข้ารับรู้ขบวนการสร้าง และทำลาย สัญญาที่ฝังลึกในจิต
    และวางลงสู่ อุเบกขาตัวสุดท้าย คือความว่าง<!-- google_ad_section_end -->



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    อ.สุวิ ที่บ้านผมกำลังจะโละสมุนไพรหนุมาณประสานกายที่ผมปลูกออกบางส่วน เพราะปลูกมานานแล้วเริ่มรกที่ อ.จะเอาหรือเปล่าครับ ผมให้ฟรีๆ เอาไปทำยาได้ครับ จะได้นัดเวลากันอีกที คงได้เป็นสิบกิโลมั้งครับ บ้านผมอยู่ในซอยจรัลฯ13 ครับ

    พอดีเมื่อกี้ผมโพสผิดกระทู้ครับ
     
  11. พลังไฟ

    พลังไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +845
    ขอบพระคุณอาจารย์ สุวิ ครับ
    ในคำตอบที่อาจารย์ให้ไปพิจารณา
     
  12. atidtarn

    atidtarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +4,168
    ขออนุญาตยกเอาคำตอบของคุณสุวิ ที่ตอบไว้ใน PM ส่วนตัวของดิฉัน มาแปะไว้
    เพื่อช่วยไม่ให้คุณสุวิต้องพิมพ์อธิบายเรื่องนี้หลายรอบ
    และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านคนอื่นๆ ดังนี้ค่ะ

    เรื่องการฝึกสมธิที่ถามมา การภาวนาจะมีในระยะแรกๆที่เริ่มฝึก เกสา โลมาฯ เท่านั้น
    เมื่อกำหนดรู้การเคลื่อนไหวของพลังคล่องแล้ว คำภวนาจะหายไปเหลือเพียงกำหนดรู้การเลื่อนไหลของพลังเท่านั้น

    และเมื่อฝึกไปเรื่อยๆการกำหนดการเคลื่อนไหวจะอยู่ใน สามรูปแบบคือ

    ๑. นิ่งบนความเคลื่อนไหว ช่วงแรกที่กำหนดรู้การเลื่อนไหลของพลัง จะอยู่ในข้อนี้
    ๒. นิ่งในนิ่ง หยุดความเคลื่อนไหวทั้งปวง จิตนิ่งเฝ้าดู อยู่บนฐานใดฐานหนึ่งเหมือนที่คุณฝึกดูลมหายใจ
    ๓. เคลื่อนไหวบนความนิ่ง เมื่อนิ่งจนเบื่อแล้วให้ดูการเคลื่อนของพลังในฐานที่เฝ้าดูอยู่ ใน
    ข้อนี้อาจแปรไปสู่การวิปัสนาธรรมได้

    การช๊าทร์พลังเต็มแบบที่คุณเล่ามา จะอยู่ในหัวข้อที่ ๑ คือนิ่งบนความเคลื่อนไหว แน่นอน ไม่มีทางหลับ เมื่อเลิกฝึก ให้ย้ายฐานจิตการฝึก มาเป็น นิ่งในนิ่ง พลังทุกชนิดไม่มีการเคลื่อนไหว แล้วกดจิตลงให้ปลิ่มน้ำ

    (ตรงนี้ จิตจะเหมือนดวงแก้วสว่างใสลอยเด่นอยู่ ให้ดึงจิตให้ดิ่งลง เหมือนกดลูกบอลลงให้จมน้ำ จะหลับทันที คล้ายๆให้สัมประชัญญะ ปิดสวิท จิต(สติ) อธิบายยากเนาะ แต่คุณคงเข้าใจ – ด้วยวิธีการเหมือนตอนที่คุณฝึกดูลมหายใจอยู่ แล้ววูป หลับไป – หาความลับตรงที่วูปหลับไปให้เจอ)

    สุวิ
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543


    ขอบคุณมากครับ

    แต่ที่บ้านผมก็มีอยู่ สามกอ ไม่ค่อยได้ใช้ทำยาสักเท่าใด
    ตอนปลูก เขาว่ามันแก้โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ดี

    หลังจากได้เรียนรู้คัมภีร์เล่มที่ 5 จึงรู้ว่า
    คุณสมบัติเด่นของ หนุมานประสานกาย(สังกรณี)นี้ กลับไม่ใช่แก้ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (มันพออนุโลมใช้ได้)

    แต่มันกลับมีสรรพคุณสูงในทาง แก้อาการเลือดคั่งจาก โอปักมิกาพาต (ช้ำใน จากการถูกทุบถองโบยตี พลัดตกหกล้ม)
    ใช้ได้ดีกว่า ใบบัวบกซะด้วซ้ำ

    ใช้ใบหนุมานประสานกายสัก ๑-๒ กำมือ
    ตำให้แหลก เจือเหล้านิดหน่อย(๑/๒-๑ ช้อนชา) + น้ำตาลทรายแดงนิดหนึ่ง
    คั้นเอาน้ำ(อาจผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย) กินแก้ช้ำใน พลัดตกหกล้ม เลือดคั่ง
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
     
  15. พลังไฟ

    พลังไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +845
    การเดินปราณประกอบลมหายใจ เป็นไปตามปัญญาที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์บางประการ (พิจารณาเองเก็บประโยชน์เอง)

    เมื่อคืนไปนั่งสมาธิตามที่อาจารย์แนะนำ คิดว่า ต้องขอเวลา ศิษย์ผู้โง่เขลาหน่อย

    แต่ที่มาเล่าให้อาจารย์ฟังก็คือบางส่วนที่น่าจะเป็นประโยชน์
    และอยากให้อาจารย์ ช่วยชี้แนะด้วยว่าต้องไหมก็คือ

    การติดค้างของลมปราณในจุด ต่างๆ ในร่างกายที่แต่ก่อน เราไม่เคยรู้เลย
    คิดแต่ว่า ปราณมีแต่ประโยชน์ หารู้ไม่ว่า มันก็มีโทษ เหมือนกัน

    ปรกติ การนั่งสมาธิ เมื่อเสร็จสี้น มีแผ่เมตตา ก็จบ
    ผมก็ทำแบบนี้ มาตลอด
    แต่เมื่อมาเจอ เกสา โลมา ถึงได้พบ ความมหัศจรรย์ ของ เกสา โลมา
    ตามที่อาจารย์แนะนำ
    ไม่ว่าจะในช่วง เดิน ลมปราณ อย่างเดียว
    หรือ ลมปราณประกอบ ลมหายใจ แบบ ความรู้สึกไปใหน ลมไปถึงนั้น

    ในช่วงเสร็จกิจของสมาธิ นำจิด มาไว้ ระหว่าง จักร ห้า กับ จักรหก
    แล้วทำความรู้สึก ไปที่ เกสา เหมือนลูกแก้วครอบหัว โลมา คลุมตัว นขา ทันตา ตโจ

    เราจะเห็นการ กระจุกตัวของลมปราณ ในจุดต่างๆ ตามร่างกาย
    เห็นว่ามันสำคัญ จริงๆที่เราต้อง คลายตัวเอง คลาย ปราณที่กระจุก
    ออกจากจุดต่างๆ ด้วย อานาปา

    บางทีลำพังลมปราณอาจมีกำลังไม่พอ
    แต่ถ้ามีอานาปา ประกอบ มันเหมือน น้ำประปาจากสายยางเข้าไปฉีด สิ่งสกปรก
    ที่ติด ค้างใหหลุดออกไป

    ขออาจารย์ช่วยขยายความและชี้แนะด้วย
     
  16. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ....ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ...ครับสาธุชน
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ในช่วงเสร็จกิจของสมาธิ นำจิด มาไว้ ระหว่าง จักร ห้า กับ จักรหก
    แล้วทำความรู้สึก ไปที่ เกสา เหมือนลูกแก้วครอบหัว โลมา คลุมตัว นขา ทันตา ตโจ

    เราจะเห็นการ กระจุกตัวของลมปราณ ในจุดต่างๆ ตามร่างกาย
    เห็นว่ามันสำคัญ จริงๆที่เราต้อง คลายตัวเอง คลาย ปราณที่กระจุก
    ออกจากจุดต่างๆ ด้วย อานาปา
    ตอบ
    สิ่งที่กระจุกตัวอยู่
    บ้างเป็นปราณเสียของตัวเราเอง อันเกิดจาก อาหารที่กิน
    และของเสียอันเกิดจากการสันดาปในกาย แล้วขับถ่ายทิ้งไม่หมด ถูกตีย้อนกลับขึ้นมา
    บ้างเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่แทรกเข้ามา อาจเป็นลมเพลมพัด หรือสัตว์ประหลาด หรือจิตวิญานอืนๆ


    บางทีลำพังลมปราณอาจมีกำลังไม่พอ
    แต่ถ้ามีอานาปา ประกอบ มันเหมือน น้ำประปาจากสายยางเข้าไปฉีด สิ่งสกปรก
    ที่ติด ค้างใหหลุดออกไป
    ตอบ
    การกลั้นลมหายใจ เป็นจังหวะ และอัดพุ่งสู่จุดมุ่งหมาย เป็นอีกเทคนิค ในการชะล้าง
    บางครั้งต้องมีการขยับเคลื่อนกาย ประกอบลมหายใจ ผ่อนคลายลมสั้น ยาว อัด กระแทก
    นี่ล้วนเป็นเทคนิค ชะล้างปราณเสียที่กระจุกตัวอยู่ รวมทั้งลมเพลมพัด เหล่าสัตว์ประหลาดและ จิตวิญญานที่เข้ามาแทรกอยู่
    การเคลื่อนกายดังกล่าว สุวิตั้งชื่อว่า ฤๅษีลีลา
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ประกาศจ้า

    สุวิ ได้ตั้งขบวนการล่า ปลาหมอนา มาพักใหญ่แล้ว
    ตอนนี้จับปลาหมอนาได้หลายเข่งใหญ่

    กำลังชำแหละ ทำความสะอาด ตากแห้งอยู่

    ใครที่ต้องการเหงือกปลาหมอนา โปรดแสดงตัวด่วน
    ประมาณการ ตากแห้งบดผงแล้ว น่าจะอยู่ที่ กก.ละ ๑,๐๐๐.-
    และผสมกับดีปลีและพริกไทยแล้ว น่าจะไม่เกิน กก ละ ๑,๒๐๐-๑,๕๐๐

    หมายเหตุ
    ท่านหนึ่งๆ จะใช้อยู่ประมาณ ๒-๓ ขีด ก็กินได้เป็นเดือนๆแล้ว
     
  19. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    เย้ ..... ปลาหมอนามาแล้ว
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    โรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ

    โรคนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ

    โรคนี้ทางแพทย์แผนไทยและสุวิพบว่า เกิดจากกระบังลมและพังผืด(กิโลมะกัง)พิการ คือ ทำงานแปรปรวน

    หรือถ้าอธิบายในหลักของวิทยาศาตร์ ก็เกิดจากประสาทกึ่งอัตโนมัติ(จากก้านสมอง) ที่มาหล่อเลี้ยงลิ้นไก่ และกระบังลม ทำงานขัดข้อง(โบราณเรียกพิการ)

    การที่ประสาทกึ่งอัตโนมัติ ทำงานได้ไม่ดี เกิดจาก เลือดลมไปหล่อเลี้ยงระบบประสาทที่ก้านสมองได้ไม่พอ
    เหตุที่ไปเลี้ยงไม่พอ อาจเกิดจากโรคปัสสะตึก หรือมีปะระเมหะของไขมัน หรือมะธุระเมหะของน้ำตาล ไปขวางทางของเลือดลมที่ไปเลี้ยงก้านสมอง
    จึงทำให้ระบบประสาทกึ่งอัตโนมัติทำงานรวน(พิการ)

    การรักษาทำได้ง่ายๆ
    ๑. หาทางส่งเลือดลมเข้าไปเลี้ยงก้านสมองเพิ่มขึ้น โดย
    ๑.๑ ใช้พลัง เข้าไปหมุนวนบริเวนก้านสมอง และนวดที่บ่า
    ๑.๒ ใช้ยาขยายทางเลือดลม เช่น ยาวัชรธาตุ ของหมอสุวิ

    ๒.หาทางลดและสลายปะระเมหะที่คั่งค้างในกาย โดย
    ๒.๑ ใช้พลัง โดยเฉพาะ เตโชและอาโป เข้าไปสลายและล้างปะระเมหะดังกล่าว
    ๒.๒ ใช้ยาตะกูลลดไขมัน และลดเบาหวาน เช่น ยาตระกูลผลาธิกะ+ยาตระกูลทองนพคุณ ของหมอสุวิ

    ทำเพียงเท่านี้ โรคเหล่านี้ก็จะค่อยๆลดลงจนหายในที่สุด<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...