ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ลำใยแห้งกับเก๋ากี้ต้มก็อร่อยเหาะไปสิคะอ.สุวิ แล้วถ้าใส่ ฮ่วยซัว (ขาวๆ ต้มแล้วเนื้อแน่นๆ เหมือนรากสาคู) แปะฮะ (เป็นกลีบคล้ายกระเทียม แต่มีแป้งมาก เคี้ยวแล้วสัมผัสคล้ายเม็ดบัว) พุดทราจีนแห้ง เม็ดบัวทั้งเยื่อ เพิ่มด้วยจะเป็นยังงัยน้า
     
  2. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ถามเรื่องสามีของแม่บ้านที่ช่วยงานบ้านอยู่ อายุ ๕๐ ปี น้ำหนักประมาณ ๖๔ ก.ก. สูงประมาณ ๑๖๐ ซ.ม. อาชีพทำไร่ทำนา ขยันขันแข็ง ไม่อยู่เฉย มีการใช้ยาฆ่าเพลี้ย ชื่อประมาณว่า โพลิดอน มีอาการป่วยนานๆเป็นทีปีละหนเดียว คือหมดสติ (ช็อคมั้ง) ต้องเข้านอนร.พ. ครั้งสุดท้ายหมดสติไปวันกว่า เข้าไปนอนที่ร.พ.ตั้งแต่ ๘ ต.ค. จนถึงบัดนี้ หมอไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร วรรณนันท์ให้เขาต้มยาแมวทองทานได้ไหมคะ ทานอย่างไร นานแค่ใหน และต้องเสริมยาอะไรอีก
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    หย่อย พะยะคับ

    เอามาให้หม่ำด้วยนะ
     
  4. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    อยากทราบเรื่อง แห้ม นะครับ ว่ามีคุณสมบัติดีอย่างไร มีข้อห้ามไหมครับ ทานเยอะจะเป็นอะไรหรือเปล่า

    พอดีที่บ้านเอามาทานเป็นแคปซูลนะครับ แล้วไม่ทราบว่า แห้ม มีชื่อไทยชื่ออื่นไหมครับ อาจารย์
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ลำพังแมวทอง เอาไม่อยู่
    ให้เอา เถา ใบ ย่านางแดงผสมลงไปด้วย สักกำมือใหญ่
    จะแก้ได้ ดีมากด้วย
    ต้ม ๓ เอา ๑ กินวันละ ๒-๓ ครั้งๆละ ๑ ถ้วยกาแฟ
    กินสัก ๓-๕ วัน

    แมวทองประกอบด้วยยา ๕ ตัว (ตัวที่ ๖ ให้ใช้ ย่านางแดงผสมลงไป-เป็นยาต้ม )
    ๑.หญ้าหนวดแมว
    ๒.ทองพันชั่ง
    ๓.ขิงแห้ง
    ๔.ใบ+กิ่งมะกรูด
    ๕.ตะไคร้

    สูตรนี้เคยให้ไว้นานมาแล้ว ตอนไข้หวัด ๒๐๐๙ ระบาดใหญ่
    แก้โลหิตเป็นพิษอันเนื่องจาก เชื้อโรคทั้งไวรัส และเชื้อโรคทั่วไป

    ตอนแรกตั้งชื่อให้เพราะพริ้งว่า "แมวทองพันชั่ง"
    แต่มันยาวไปเลยเหลือเพียง "แมวทอง" นะ

    เห็นแมวทองโผล่ออกมา เดี๋ยวจะว่าไม่บอกสูตรยาอีก

    หมายเหตุ
    ห้ามจับแมวตัวสีเหลืองมาต้มกินเด็ดขาดนะ
    มันโหดเกินไปนะ
     
  6. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407

    ขอบพระคุณครับ ท่านอาจารย์
    ...


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ตุลาคม 2009
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    แห้ม(แฮ้ม) เป็นสมุนไพรยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง
    มีชื่อเป็นทางการว่า "ขมิ้นเครือ"
    กินมาก บางคนท้องจะอืดมีลมมาก มึนศีรษะ(ในบางคน)
    ให้กินแต่พอดี กินติดต่อกันนานไม่ดี ให้หยุดกินบ้างสักระยะแล้วกินต่อ

    คำว่าขมิ้นทั้งสาม จะหมายถึง
    ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน และขมิ้นเครือ

    ที่โฆษณากันว่า ชงน้ำ หรือต้มกิน (เทสพลังยาแล้ว ได้ผลดังนี้)
    แก้ความดันสูง มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๓๕-๔๐ องศา
    แก้เบาหวาน มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๕๐ องศา
    แก้โรคตับ มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๑๕-๒๐ องศา
    แก้โรคไต มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๕-๑๐ องศา
    โรคหัวใจ มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๐ องศา (รักษาไม่ได้เลย)

    หมายเหตุ
    ยาที่จะรักษาโรคได้ ต้องสามารทำให้องศาโรคลดลงอย่างน้อยสุด มากกว่า ๔๕ องศาขึ้นไป
    ถ้าน้อยกว่า ใช้ได้เพียงป้องกัน
    และถ้าน้อยมากเพียง ๑๐-๓๐ องศา เราจะไม่ใช้เป็นยาหลักในการรักษาเลย
    แต่อาจใช้เป็นยารองเพื่อการกระตุ้น บางประการ

    จากที่กล่าวไว้ จะเห็นว่า แห้มช่วยเรื่องเบาหวานได้ดี ระดับหนึ่ง
    ส่วนโรคอื่นๆ ไม่ค่อยมีผลเท่าใด
    การแก้เบาหวานง่ายๆที่ดีกว่าแห้ม คือ
    ใช้ยอดสะเดา(ที่มีขายกันตามตลาดนะ มีดอก ใบ กิ่ง มัดอยู่ด้วยกัน)
    ใช้สัก กำมือหนึ่ง เอามาใส่น้ำต้ม สามเอาหนึ่ง
    น้ำสะเดาต้มตัวนี้มีองศาโรคลดลง มากกว่า ๗๕ องศา
    ดีกว่าแห้มเยอะ

    หญ้าไผ่น้ำ แก้โรคไต มีสรรพคุณ องศาโรคลดลง ๗๕-๘๐ องศา
    ยาตัวนี้รักษาโรคไตได้ดีมาก
    แต่กินมากระวัง ตับเย็นเกิน มีโทษอีก รักษายากด้วย
    ให้ใช้ยาร้อนกินควบเพื่อปรับสมดุลย์ เช่น ยาปลูกเตโช ฯ

    ยาทุกตัวที่สุวิผสมทำขึ้น จะต้องสามารถรักษาโรค มีองศาโรคลดลงมากกว่า ๘๗ องศาขึ้นไป(เป็นอย่างน้อย)
    และต้องผ่านการทดสอบการปรับสมดุลย์ ร้อน เย็นแล้ว
    ดังนั้นยาทุกตัวที่หมอสุวิทำ จะค่อนข้างแรงทุกตัว
     
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปวดหัวไมเกรน
    ปกติคนเป็นไมเกรน การไหลเวียนของเลือดจะไม่ค่อยดี
    ความดันตัวบนจะปกติหรือค่อนข้างต่ำ แต่ตัวล่างจะสูงทำให้ช่วงกว้างระหว่างตัวบนตัวล่างน้อยกว่าปกติ
    เลือดจะถูกปั้มไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้ดี แต่เลือดไหลเวียนกลับน้อย(ค้างอยู่ในเส้นเลือดดำ) โดยเฉพาะศีรษะ

    นานไป เลือดดำจะตกตะกอนเป็นปะระเทหะ สะสมอยู่ในหลอดเลือดฝอย(ทั้งแดง-ดำ) ทำให้โลหิตหมุนเวียนไม่ดี
    พอเครียด เลือดจะถูกหัวใจปั้มให้ขึ้นสมองมากขึ้น แต่ขึ้นไปแล้วเลือดไหลเวียนกลับได้น้อยกว่า
    ทำให้เกิดแรงดันเลือดในสมองสูงขึ้น เส้นเลือดจะบวมเป่ง เกิดอาการปวดหัวมาก

    ในการแพทย์แผนไทย เหตุที่ทำให้เลือดดำเหนียวข้นขึ้น(น้ำเหลืองด้วย)เกิดจากกิมิชาติ(เชื้อโรค)และไขมัน
    ดังนั้นจึงต้องใช้ยาพวกแก้ภูมแพ้ระบบเลือดและน้ำเหลือง
    และยาช่วยเผาพลาญไขมัน และยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น

    ดังนั้น ยาที่ต้องใช้มี
    ๑.ยาอายุวัฒนะพระนารายทรงจักร์ / ยาปลูกเตโช (เพิ่มการเผาพลาญพลังงาน-ร้อน ผู้กินควรอาบน้ำเย็น ทั้งเช้าเย็น ลาดหัวด้วยยิ่งดี)
    ๒.ยาแก้ภูมิแพ้เบอร์ 1 (แก้ภูมิแพ้ที่ทำให้เลือดและน้ำเหลืองข้นเหนียว)
    ๓.ยากระชายทอง (ขยายเส้นโลหิตฝอยในสมอง)
    ๔.หาซื้อน้ำมันปลาที่มีโอเมก้า 3 มากินเสริมด้วย (ทำให้เลือดไหลเวียนได้คล่องตัวขึ้น)
     
  9. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    ขอบพระคุณมากครับ ได้ความรู้เยอะมากครับ
     
  10. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ตอนนี้วรรณนันท์ใช้บริการแขนงใหม่ของหมอสุวิ รักษาโรคแบบ self service ตกบันไดพลอยโจนให้ต้องส่งพลังยาไปรักษาด้วยคนไข้ไม่ใช่ใครอื่นไกล แม่แท้ๆของวรรณนันท์เอง ทั้ง อ.สามตา และ อ.สุวิ ใช้ไม้เด็ดกล่อมให้ทำ วันนั้นคนไข้รับประทานได้แต่ข้าวต้ม มื้อละประมาณถ้วยกาแฟเดียว ทานเร็วหรือทานมากเกินกว่านั้น ลมก็จะตีจนอาเจียนออกมา อ.สุวิเลยให้หยุดยารับประทานทั้งหมด แล้วให้ดึงพลังยาพระนารายณ์ทรงจักร และกระชายทองส่งไปให้วันละ 3 มื้อแทน ทำไปได้ 2 วัน หมอให้เติมพลังยาวัชรธาตุอีกหน่อยก่อนนอน คนไข้แข็งแรงขึ้นเห็นทันตา และดูมีสติสัมปชัญญะดีขึ้นจริงๆ

    ในระหว่างนี้เราก็ทำบุญทำกุศลโดยสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่ทำก็ให้คนไข้อนุโมทนา อุทิศบุญกุศลให้แก่ตนเอง ให้แก่โรคและที่มาของโรค เขาว่าถ้าจะให้ดีต้องเป็นเงินของคนไข้เอง เราก็เอาเงินให้คนไข้ก่อนเนอะ มันก็กลายเป็นเงินของคนไข้แล้ว

    ระหว่างนี้หมอสุวิจัดยาให้รับประทานใหม่ แล้วให้ส่งพลังยาตัวใหม่ชื่อปลาหมอทองไปให้วันละ 3-4 เวลา คราวนี้ท้าทายกว่าเก่า คือไม่มียาจริงๆมาให้ดึงพลังเจ้าค่ะ เพราะท่านหมอท่านเอาพลังยามาใส่มือเรา (หนเดียว) แล้วบอกให้เอาไปส่งให้คนไข้ ครั้งแรกก็ส่งไปตะกุกตะกัก ครั้งต่อๆไปชักแปลกใจ เอ.... พออธิษฐานส่งพลังยาไป มันทำไมยังมืดๆหว่าสักเดี๋ยวแล้วจึงค่อยสว่าง รีบโทรไปถามหมอสุวิ ได้ความว่ายาจริงยังผลิตไม่เสร็จ มันเลยมี delay ทำยังกะระบบ digital แน่ะ
     
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ไม่น่าเชื่อนะ
    ด้วยความตั้งมั่นในกตัญญูต่อมารดา ทำให้ วรรณนันท์ รวมพลังได้เข้มข้น
    สามารถดึงพลังยา ส่งข้ามฟ้าไปรักษาให้คุณแม่ตัวเองได้ดีมาก
    เห็นว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตนะ

    และยังสามารถดึงพลังยาที่ยังไม่มีจริงมาใช้ได้อีกด้วย
    (ยาปลาหมอทอง-เป็นยาที่หมอสุวิเพิ่งปรุงเสร็จ(ด้วยจิต) และยังไม่เสร็จเป็นเม็ดตัวยาออกมา-ไม่มียาจริง)

    วิธีการนี้ มังกรบูรพาเอบมาเห็นเข้า เลยขอเอาไปใช้ (ได้ผลยังไงบอกด้วย)
    ยังมีที่ชอบรักษาโรคให้ชาวบ้านอีก สองสามคน เช่นดาวทะเลทราย
    ชอบส่งพลังไปรักษาโรคให้ชาวบ้าน

    วิธีการนี้จะทำให้ทุ่นแรงได้มากโข
    แต่ยาที่จะดึงพลัง ต้องรักษาโรคนั้นๆได้นะ
    ยาต้องถูกกับโรคจึงจะรักษาได้
    ไม่ใช่ยาอะไรก็ได้

    ยาแผนปัจจุบันยังใช้ได้เลย
     
  12. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    แล่วกันคุณหมอ เล่นให้เราเป็น messenger ส่งยาทิพย์เลยนะนี่ เดี๋ยวคนอื่นเค้าบอกไม่ต้องใช้ยาจริงหรอก หมอสอนว่า .... (เลียนแบบ แม่สอนว่า...) กายทิพย์ได้ยาแล้วก็จะดีขึ้น แต่ก็ต้องตามด้วยการให้ยารักษากายเนื้อด้วย (จำถูกต้องหรือเปล่าคะ)

    ยาจริงใกล้ผลิตแล้วหรือยังคะ
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    จริงๆแล้ว กายทิพย์กับกายเนื้อจะเกี่ยวถึงกัน

    เมื่อกายทิพย์ป่วย ก็จะดึงกายเนื้อให้ป่วยตามด้วย
    และเมื่อกายเนื้อป่วยไปนานๆ ก็จะดึงให้กายทิพย์ป่วยด้วย เช่นกัน
    (แต่ผู้ฝึกที่วางอุเบกขาได้-โดยเฉพาะสายพุทธะ-กายอยากป่วยก็ป่วยไป กายในฉันไม่ป่วยด้วย)

    การรักษาโรคของหมอสุวิในปัจจุบัน จึงต้องรักษาโรคทั้งสองมิติ ทั้งกายในและกายนอก โรคจึงจะหายเร็วทันตาเห็น

    พลังยาที่ดึงขึ้นมา ใส่ให้คนไข้จะรักษากายทิพย์ เมื่อกายทิพย์ดีขึ้นและหายจากโรค ก็จะดึงให้กายเนื้อ ดีขึ้นด้วย
    แต่กายเนื้อจะดีขึ้น ต้องอาศัยเวลาและมีปัจจัยเสริมอีกหลายอย่าง จึงจะหายจากโรค
    ผู้ที่ผ่านการฝึกสมาธิและพลังมา จะจัดรูปแบบการถ่ายทอดภาวะสุขภาพ จากกายทิพย์ ถอยพืดลงสู่กายเนื้อได้เร็ว
    แต่ในผู้คนธรรมดา จะต้องใช้เวลาบ้าง

    ดังนั้นในคนทั่วไป ยาจริงจึงยังสำคัญ เพื่อใช้รักษากายเนื้อ


    ยาตัวใหม่ที่สุวิวิทำ ที่ให้ชื่อว่า ปลาหมอทอง มีชื่อเต็มๆว่า
    "ยาเกล็ดปลาหมอทอง"
    แต่มันยาว เลยเรียกย่อๆว่า
    หมอทองบ้าง
    ปลาหมอทองบ้าง

    ถ้าคนตามอ่านมาเรื่อยๆ จะนึกรู้ทันทีว่า
    ยาตัวนี้ ยาหลักที่ใช้ก็คือ หญ้าเกร็ดปลา หรือเหงือกปลาหมอนา

    ยาตัวนี้เข้าสูตรแล้วจะมีสรรพคุณ
    ชำระปะระเมหะในระบบเลือดและน้ำเหลือง อันเกิดจากมธุระเมหะและกิมิชาติทั้งปวง
    การแก้น้ำเหลืองเสียได้ดังกล่าว จึงทำให้ยาตัวนี้แก้โรคได้กว้าง เช่น
    โรคเรื้อรังที่ฝังตัวอยู่ในอวัยวะต่างๆ ทำให้ระบบร่างกายทำงานรวน เช่น
    ความดันโลหิต
    แผลเรื้อรัง ทั้งภายในภายนอก มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม เช่น
    แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหารและลำใส้ แผลตามผิวหนัง รวมทั้งแผลมะเร็งที่เกิดทั้งภายในภายนอกด้วย
     
  14. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    อ.สุวิคะ แล้วถ้าเรายิ่งรู้สึกปวดศีรษะมากเท่าไหร่ คนเขายิ่งทักว่าหน้าผ่องมากขึ้น แปลว่าอะไรคะ
     
  15. ลุงชิด

    ลุงชิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +218
    มีใครอยู่บ้างหนอ.
     
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ปกติคนเราจะมีเลือดลมหมุนเวียน ไปเลี้ยงศีรษะ
    คำว่าหมุนเวียน หมายถึง มีส่งขึ้นไปที่ศีรษะ และต้องมีไหลกลับ ด้วยจำนวนที่พอๆกัน
    ถ้าเมื่อไหร่ มีเข้าไปที่ศีรษะ แต่ไหลกลับน้อยกว่า สักพัก (และระบบร่างกายยังคงปั้มเลือดลมขึ้นไปอีก)
    บอกได้เลยว่าจะเริ่มมึนศีรษะ และเริ่มปวด

    การฝึกพลังเราสามารถบังคับเลือดลมให้ไหลไปยังจุดที่ต้องการได้
    บางครั้งก็เป็นไปตามจิตใต้สำนึก (ชินกับการฝึก พอนิ่งปั้บ ลมปราณเดินทันที)
    และมันจะพาเลือดลมไปอั้นที่ศีรษะมากขึ้น
    แน่นอนปวดหัวแน่

    แต่เลือดลมที่ไปเลี้ยงมากขึ้นย่อมทำให้ร่างกายบริเวณนั้น ถูกบำรุงเลี้ยงมากขึ้น
    ปิ้งปั้งมากขึ้น(ต้องมีการไหลเวียนบ้างนะ แม้อาจจะไม่สมดุลยนักก็ตาม)
    แต่ถ้าเลือดลมอั้นนานเกินบ่อยๆ ผิวพรรณแทนที่จะปิ้ง มันจะกลับเ่ย่ลงนะ

    มีคุณก็มีโทษจะ
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    พูดถึงเรื่องคุณและโทษ นึกได้เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องใหญ่มากๆๆๆๆๆ

    เมื่อเกือบ สิบปีก่อน สมุนไพร เริ่มเป็นที่นิยม
    มีสมุนไพรอยู่ตัวหนึ่งยอดฮิตติดตลาด ขณะนั้นมีผลงานวิจัยรับรองคุณภาพด้วย

    "ใบขึ้เหล็ก"

    ผู้สูงอายุกินแล้ว จะทำให้เจริญอาหาร ช่วยให้นอนหลับดี
    วัยกลางคนก็กินได้
    สุดท้ายนิยมกินกันทุกเพศทุกวัย

    กาลเวลาผ่านมาหลายปี สาธารณะสุข ได้รับรายงานหนาหูขึ้น ถึงโรคตับวาย(ตับไม่ทำงานนะ) ด้วยอาการแบบต่างๆ
    และผู้ที่มีอาการ ส่วนใหญ่ล้วน กินใบขี้เหล็กแคปซูลกันเป็นยาอายุวัฒนะประจำวัน และกินมานานแล้ว

    ดังนั้น สธ. จึงทำการวิจัย พิษสะสมเรื้อรังจาก ใบขี้เหล็ก ต่อการทำงานของตับ
    ได้ผลว่า ใบขี้เหล็ก ไปยับยังการทำงนของตับบางอย่างและเร่งบางอย่าง
    ซึ่งมีผลทำให้ เจริญอาหารและนอนหลับดี
    แต่พอกินไปนานๆ จะมีพิษบางประการสะสมที่ตับ ทำให้ตับวายได้

    พอผลวิจัยนี้ออกมา ก็มีผู้ทำวิจัยซ้ำอีกหลายครั้ง ผลก็เหมือนเดิม
    สธ. จึงมีประกาศ ห้ามกินใบขี้เหล็ก และเป่าประกาศโทษของใบขี้เหล็กซะเละตุ้มเปะ ไม่เป็นชิ้นดี
    ทุกวันนี้ใข้เหล็ก ยังนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำอยู่ในหลุม รอผู้ที่จะปลุกชีพอีกครั้ง
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ตามภูมิปัญญาชาวบ้านไทยเราแต่เดิม
    ชาวบ้านจะเอาใบขี้เหล็ก มาทำอาหารกินกันเอร็ดอร่อยเหาะ กันช่วนาตาปี
    ไม่เห็นมีใครเป็นอะไร กินกันมากๆซะด้วยในแต่ละมื้อ

    ก็กินใบขี้เหล็กแคปซูล อาทิตย์หนึ่ง ยังน้อยกว่ากินแกงขี้เหล็กมื้อหนึ่งซะด้วยซ้ำ
    นี่มันอะไรกัน
    กินขี้เหล็กแคปซูล วันละ ๓-๔ แคปซูล โรคตับถามหา
    แต่กินแกงขี้เหล็กมื้อหนึ่งทีละมากๆ แถมทำกินกันบ่อยๆซะอีก แต่ไม่ยักเป็นไร

    เรามาดูกรรมวิธีการปรุงกินกัน

    ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน เราเก็บยอดขี้เหล็กมา ต้มก่อน แล้วบีบน้ำออก หนึ่งถึงสามครั้ง
    นัยว่า เอาความขมออกซะบ้างจะได้กินอร่อย
    แล้วเอาใบขี้เหล็กที่ต้มบีบน้ำออกแล้วนี้ ไปทำอาหารกินกัน

    แต่ใบขี้เหล็กแคปซุล เวลาทำ
    เขาเก็บมาจากต้น ทั้งใบอ่อนใบแก่ (ใบอ่อนจะมีให้เก็บสักเท่าไหร่เชียว)
    ตากแดดแห้งปั้บ บดผงทันทีแล้วใส่แคปซูลออกวางขายกัน

    เห็นไหม มันต่างกัน

    เอ้าท่านผู้มีพลังจิตได้ล่ำเรียนการเช็คพลังยาจากสุวิไปแล้ว ลองตรวจเช็คดูวิว่า

    ๑. ใบขี้เหล็กดิบ บดผงใส่แคปซูล มันผลต่อตับอย่างไร
    ๒.ใบขี้เหล็กต้มสุก บีบให้สะเด็จน้ำ อบแห้ง บดผง ใส่แคปซูล มีผลต่อตับอย่างไร

    หมายเหตุ
    องศาโรคต่อตับ ของใบขี้เหล็ดดิบเพิ่มขึ้น +๔๐-๕๐ องศา (โรคเพิ่มขึ้น)
    องศาโรคของใบขี้เหล็กต้มสุกต่อตับ ลดลง -๗๐ องศา (โรคลดลง)
     
  19. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    และในวันนี้(ปัจจุบัน) วัฏจักรกำลังจะซ้ำรอยเดิมกับ สมุนไพรยอดนิยมอีกตัวหนึ่ง
    รอผลการวิจัย อยู่ (ผู้วิจักยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก ว่าสมุนไพรตัวนี้มีผลเสียอะไร)
    ถ้าผลวิจัยออกมาแล้ว
    ผู้ที่กำลังบ้ากินกันอุตตะลุด จะหนาวสะท้าน
    สมุนไพรตัวนั้นคือ

    "มะรุม" จ้า

    ทั้ง ต้น เปลือกลำต้น ใบ เมล็ด
    ล้วนทรงคุณเป็นอนกประการ
    และมีโทษมหันต์
     
  20. kungfuloma

    kungfuloma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2009
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,011
    สวัสดีครับ อ.สุวิ
    ผมมีคำถามที่คาใจมานาน
    เห็นแต่ว่าเขาบอกต้องดื่มน้ำให้พอ ดื่มน้ำให้มากๆ
    สงสัยว่าถ้าดื่มน้ำมากๆๆๆจนเกินไป ไม่ทราบว่าจะมีผลเสียอะไรบ้างไหมครับ
    ไม่แน่ใจว่ามีใครเคยถามบ้างหรือเปล่า ถ้าซ้ำก็ขออภัยด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...