ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

นรกลาบุตตา เมืองมรณะ-ไซโคลนนาร์กิส‏
<TABLE width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD width="100%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD width="100%"><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD> <TR vAlign=top><TD>ภาพถ่ายวันที่ 7 พ.ค.2551-- ศพเหยื่อพายุนาร์กิสยังคงให้เห็นเกลื่อนกลาดตามท้องทุ่งนาใกล้กับหมู่บ้านต่างๆ รอบๆ เมือลาบุตตา 'เมืองมรณะ' ที่เจ้าหน้าที่ทหารในท้องถิ่นกล่าวว่ามีคนราว 80,000 ถูกคลื่นยักษ์กวาดหายไปวันศุกร์ที่แล้ว (ภาพ: AFP) </TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TR vAlign=top><TD colSpan=2> <TR vAlign=top><TD colSpan=2> <TR vAlign=top><TD colSpan=2>ภาพถ่ายวันที่ 5 พ.ค.2551 เขตชนบทใกล้กับกรุงย่างกุ้งที่นี่อยู่ห่างจากเมืองลาบุตตาราว 200 กม. แต่สภาพไม่ต่างกันคือน้ำนองไปทั่วต่างกันก็ตรงที่นี่ไม่เกิดน้ำท่วมฉับพลัน (ภาพ: Reuters) <TR><TD vAlign=top> <TD> <TR><TD vAlign=top>ภาพถ่ายวันที่ 7 พ.ค.ศพของเหยื่อพายุนาร์กิสยังคงให้เห็นตามท้องทุ่งรอบๆ เมืองลาบุตตาขณะที่ชาวบ้านในท้องถิ่นเดินผ่านไปมาจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เนื่อง <TD> <TR vAlign=top><TD colSpan=2>
<TABLE width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD width="100%"><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD> <TR vAlign=top><TD>'คนกับควาย' เพื่อนชีวิตทั้งในยามที่มีลมหายใจอยู่และสิ้นลมแล้ว ภาพเช่นนี้มีให้เห็นเกลื่อนกลาดในท้องนารอบๆ เมืองลาบุตตา เอเอฟพีเผยแพร่ภาพนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ (7 พ.ค.)</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TR vAlign=top><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD> <TR vAlign=top><TD>ภาพที่สำนักข่าวเอเอฟพีได้รับและนำออกเผยแพร่ในวันพุธ (7 พ.ค.) นี้ ระบุว่าเป็นศพคนและสัตว์เลี้ยงที่ลอยขึ้นอืดตามท้องนาในเขตเมืองลาบุตตา (Labutta) ปากแม่น้ำอิรวดี </TD></TR></TBODY></TABLE>



ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้คนล้มตายและสูญหายเป็นจำนวนมาก ในวันเสาร์ (3 พ.ค.) ที่ผ่านมา ในเขตเมืองลาบุตตา (Labutta) เมื่อไซโคลนนาร์กีสทำให้เกิดฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำในแม่น้ำอิรวดีเอ่อล้นขึ้นสูง 20 ฟุต หรือ 6 เมตรเท่าๆ กับความสูงของอาคาร 2 ชั้น ซึ่งได้กวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง

กระแสน้ำที่เอ่อสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ได้เอ่อขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎร ท่วมทุกสิ่งทุกอย่างสูงถึงยอดไม้ ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เล่าเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในพื้นที่

เมืองลาบุตตา ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำสายหลักของประเทศ ก่อนวันเสาร์ที่ผ่านมา เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรราว 90,000 คน บัดนี้ได้กลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนส่วนใหญ่ไร้ที่อยู่และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมา

ผู้รอดชีวิต กล่าวว่า เคยมีทหารเดินทางเข้าไปยังเขตเมืองลาบุตตา โดยเรือ นำสิ่งของไปแจกจ่ายเพียงเล็กน้อย แต่เรือก็ไปจอดตายอยู่ที่นั่นเนื่องจากน้ำมันหมด

มีเจ้าหน้าที่ขององค์การเวิลด์วิชัน (World Vision) เดินทางไปถึงที่นั่นเช่นเดียวกัน แต่ทำได้เพียงแค่แจกจ่ายสารสำหรับกวนน้ำให้ใส ให้เป็นน้ำสะอาด

ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า มีผู้รอดชีวิตอยู่ในเขตเมืองนี้จำนวนเท่าไร ในขณะที่ผู้คนนับพันๆ ได้ตัดสินใจทิ้งเมือง มุ่งหน้าสู่เมืองอื่นเพื่อหาอาหารและน้ำดื่มประทังชีวิต

สำนักข่าวเอเอฟพี ได้เผยแพร่ภาพศพคนและสัตว์เลี้ยงในสภาพที่กำลังขึ้นอึดลอยอยู่ตามท้องนาที่น้ำท่วมขังใกล้กับเมืองลาบุตตา ศพเริ่มเน่าเปื่อย และส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ


<TR vAlign=top><TD>
<TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD> <TR vAlign=top><TD>ผู้รอดชีวิตที่เมืองลาบุตตากำลังรอการช่วยเหลือ เอเอฟพีได้รับและเผยแพร่ภาพนี้ในวันพุธ (7 พ.ค.) โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นภาพถ่ายในวันใด (ภาพ: AFP) </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TR vAlign=top><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
รอบๆ ตัวเมืองเต็มไปด้วยร่างคนกับสัตว์ตายที่เริ่มกลายเป็นสีดำ ส่วนใหญ่เริ่มเน่าเปื่อย ใต้แสงแดดที่แผดร้อน หลายศพขึ้นไปติดค้างตามริมทางเดินเมื่อน้ำเริ่มลดระดับลงหลังพายุผ่านไปเมื่อ 5 วันก่อน​

 

ชาวนาอุทัยฯ ช้ำใจหลังฝนตกหนักน้ำท่วมนาข้าวหลายพันไร่

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

อุทัยธานี 18 พ.ค. - ชาวนาในจังหวัดอุทัยธานี ต้องช้ำใจอีกครั้ง หลังฝนตกหนักจนทำให้น้ำท่วมนาข้าวหลายพันไร่

นางสำเภา ทองมี ชาวนาบ้านเนินแจง อำเภอเมืองอุทัยธานี ชี้ให้ดูเส้นทางน้ำที่ไหลทะลักคันกั้นน้ำ เข้าท่วมนาข้าว กว่า 20 ไร่ ของตนเอง รวมถึงบ้านเรือนของชาวบ้านอย่างฉับพลันเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะหวังว่าจะนำผลผลิตข้าวที่ได้ครั้งนี้ไปขาย เพื่อนำเงินไปใช้หนี้และใช้จ่ายในครอบครัว แต่เมื่อเจอสภาพเช่นนี้ก็ต้องทำใจ

นางสำเภา บอกว่า เพื่อนบ้านก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน น้ำท่วมพื้นที่นาเสียหายรวมแล้วหลายพันไร่ ตอนนี้ชาวนาได้แต่นั่งรอให้น้ำลด เพื่อรอลงมือเพาะปลูกข้าวอีกครั้ง แต่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางราชการ ในเรื่องค่าชดเชย ก็ยิ่งเดือดร้อนหนัก เพราะหลังน้ำลดจะมีปัญหามาก โดยเฉพาะปัจจัยการผลิตที่มีราคาแพงขึ้น ทั้ง ปุ๋ย สารเคมีเกษตร และเมล็ดพันธุ์ข้าว

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี ล่าสุดมีน้ำท่วมบริเวณกว้างใน 3 อำเภอ คือ อำเภอสว่างอารมณ์ ทัพทัน และอำเภอเมืองอุทัยธานี.- สำนักข่าวไทย

2008-05-18 13:00:37

ไข้เลือดออกปีนี้ส่อเค้ารุนแรง พบผู้ป่วยแล้วกว่า 1 หมื่นคน

ยุงลาย พาหะของไข้เลือดออก​

อุบลราชธานี 18 พ.ค. - สถานการณ์ไข้เลือดออกปีนี้ส่อเค้ารุนแรง ล่าสุดพบผู้ป่วยแล้วกว่า 1 หมื่นคน สูงกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 70

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยไข้เลือดออกในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคอีสาน แล้ว 500 คน พบที่จังหวัดศรีสะเกษมากที่สุด แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ส่วนยอดผู้ป่วยทั้งประเทศ มีทั้งสิ้น 14,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถึงร้อยละ 70

สาเหตุสำคัญที่ทำให้แนวโน้มไข้เลือดออกปีนี้อาจจะรุนแรง มาจากภาวะโลกร้อนทำให้ยุงมีการเจริญเติบโตเร็ว มีวงจรชีวิตสั้นลง และยังพบเชื้อในยุงตัวผู้ด้วย การป้องกันที่ดี คือ กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย.- สำนักข่าวไทย

2008-05-18 10:11:34

พ่อเมืองพิจิตรออกโรงเตือน ปชช.เฝ้าระวังดินโคลนถล่ม

​

พิจิตร 17 พ.ค.-ภายหลังกรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานสภาพอากาศ ว่า ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับร่องความกดอากาศต่ำยังคงพาดผ่านพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักและลมกรรโชกแรงหลายพื้นที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร จึงสั่งกำชับแต่ละอำเภอเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 17-20 พฤษภาคมนี้

โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกของลุ่มแม่น้ำน่านที่มีพื้นที่ติดเทือกเขาเพชรบูรณ์ คือ อ.สากเหล็ก อ.วังทรายพูน อ.ทับคล้อ และ อ.ดงเจริญ ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ราบลุ่ม ริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่เสี่ยงภัยก็ไม่ควรประมาท เพราะอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ซึ่งขณะนี้ได้แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

2008-05-17 19:13:53

สสจ.เชียงรายสั่งทุกพื้นที่เร่งป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออก

​

เชียงราย 17 พ.ค.- นพ.เทพนฤมิตร เมธนาวินทร์ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยพบผู้ป่วยในจังหวัดเชียงรายแล้ว 17 ราย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ในพื้นที่หมู่บ้านซาเจ๊ะ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน ซึ่งเป็นพื้นที่โรคไข้เลือดออกแพร่ระบาดอย่างรุนแรงเมื่อปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยแล้ว 6 ราย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มเหมือนปีที่ผ่านมา

จึงสั่งการให้หน่วยแมลงลงฉีดพ่นหมอกควัน และจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย แบบปูพรมทั้งหมู่บ้าน และพื้นที่ข้างเคียง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด ให้เร่งฉีดพ่นตามโรงเรียนอนุบาล และศูนย์เด็กเล็กอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมพร้อมรับเปิดภาคเรียน พร้อมเตือนประชาชนที่มีอาการป่วยในระยะนี้ให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจเลือดวินิจฉัยโรค อย่าซื้อยาแก้ไข้มากินเอง เพราะหากเป็นโรคไข้เลือดออกอาจทำให้เสียชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย

2008-05-17 12:22:27

ปศุสัตว์อุตรดิตถ์คุมเข้มโรคระบาดในโค-กระบือ ​

​

อุตรดิตถ์ 17 พ.ค.-นายพนม มีศิริพันธ์ ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง ประเภทโค-กระบือมากเป็นพิเศษ ภายหลังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลง อาจส่งผลให้เกิดโรคปาก-เท้าเปื่อย และโรคคอบวม ทั้งนี้จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นตลาดนัดโค-กระบือแหล่งใหญ่ของภาคเหนือ มีการเคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกวันละกว่า 10,000 ตัว

จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบใบอนุญาตเคลื่อนย้าย ใบกำกับการฉีดวัคซีน และออกทำการฉีดพ่นสารเคมีก่อนนำสัตว์เข้าสู่จังหวัด หากพบสัตว์ป่วยจะกักบริเวณทันที ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เข้าสู่ตลาดนัด เพื่อซื้อขายโดยเด็ดขาด พร้อมแนะนำให้เกษตรกรหมั่นทำความสะอาดคอกให้แห้งและสะอาด อย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตากฝน เพราะอาจทำให้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะโรคปอดบวม และไม่ควรปล่อยให้โค-กระบือกินหญ้าอ่อนมากจนเกินไป จะทำให้ท้องอืดได้ง่าย.-สำนักข่าวไทย

2008-05-17 17:04:58

ผู้ว่าฯ ชุมพร ตรวจสะพานขาด-ดินถล่มปิดถนน​

​

ชุมพร 17 พ.ค. - ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เร่งตรวจสอบคอสะพานทรุด ดินโคลนถล่มปิดกั้นถนน หลังฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน

นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ได้ไปตรวจสอบบริเวณคอสะพานบ้านปากตอน หมู่ 4 ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร หลังถูกน้ำกัดเซาะจนคอสะพานขาด รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังใช้เครื่องจักรหนัก เพื่อเปิดเส้นทางเดินรถ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง จึงสามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้

นอกจากนี้ ยังมีดินโคลนจากภูเขาสไลด์ลงมาถล่มปิดเส้นทางถนนสายหลังสวน-ราชกรูด อีก 1 ช่องทาง เจ้าหน้าที่รีบเปิดเส้นทางอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่าง จ.ชุมพร กับ จ.ระนอง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน

ผู้ว่าฯ ชุมพร เตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ ที่ทางจังหวัดได้ประกาศเตือนไว้ ให้ระมัดระวังดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งการเดินเรือก็ขอให้เฝ้าติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด. - สำนักข่าวไทย

2008-05-17 07:10:27

ที่มา http://news.mcot.net/local/index.php?page=4

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตัวเลขสหรัฐฯ จริง หม่องยอมรับตายกว่าแสน!!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 พฤษภาคม 2551 06:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพถ่ายวันที่ 16 พ.ค.2551 ครอบครัวนี้ในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีกำลังช่วยเหลือตัวเองอย่างสิ้นหวังหลังจากบ้านช่องห้องหับถูกพายุะพัดทำลายพินาศสิ้น ความช่วยเหลือจากรัฐบาลไม่เคยเข้าไปถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมา 2 สัปดาห์แล้ว ทางการพม่ายังคงยืนกรานอย่างดื้อรั้นไม่รับผู้เชี่ยวชาญด้านกู้ภัยจากต่างประเทศเข้าไปช่วยเหลือ ทั้งๆ ที่ขาดแคลนยานพาหนะที่จำเป็นทุกอย่าง และ ตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงกว่า 100,000 คนแล้ว (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการออนไลน์ - หลังงมโข่งมานาน 2 สัปดาห์ในที่สุดทางการพม่าก็ออกยอมรับว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 77,738 คนกับอีก 55,917 คนยังสูญหาย ในเหตุการณ์พายุนาร์กิสพัดถล่มเขตอู่ข้าวอู่น้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันที่ 2-3 พ.ค.ที่ผ่านมา

สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงย่างกุ้ง เปิดเผยตัวเลขผลการสำรวจและประเมินขององค์การช่วยเหลือนานาชาติที่ปฏิบัติงานพม่า ระบุว่าผู้เสียชีวิตจากไซโคลนนาร์กีสอาจจะมีสูงกว่า 100,000 คน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษแถลงตัวเลขใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คนเสียชีวิตอาจจะสูงถึง 200,000 คน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ชายสองคนในภาพซึ่งถ่ายวันที่ 16 พ.ค.2551 ใกล้กับเมืองจ๊อกทัน (Kyauktan) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำฯ ช่วยกันหามลำไม้ไผ่ต้นยาวเพื่อไปสร้างที่พักพิงขึ้นมาหลังบ้านถูกพายุทำลายไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนและรอคอยความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างสิ้นหวังมาตลอด (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> บางฝ่ายได้แสดงความกังขามาตลอดต่อตัวเลขของสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยระบุว่าเป็นความพยายามในการสร้างตัวเลขเพื่อกดดันให้พม่าเปิดรับความช่วยเหลือจากโลกภายนอกเท่านั้น

แต่สิ่งที่โทรทัศน์พม่ารายงานในคืนวันศุกร์นี้เป็นการปรับจำนวนผู้เสียชีวิตขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากจำนวนผู้เสียชีวิตและสูญหายราว 60,000 เศษ ที่รายงานในวันก่อน

การแถลงเมื่อวันศุกร์นี้ โทรทัศน์พม่าแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 19,359 คน จากภัยพิบัติดังกล่าว

เจ้าหน้าที่สหประชาชาติประมาณว่าปัจจุบันยังมีเหยื่อพายุนาร์กีสอีกราว 2.5 ล้านคนกำลังหิวโหย รอการช่วยเหลือจากภายนอกทั้งอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด ตลอดจนที่พักพิง เนื่องจากสองสัปดาห์สองสัปดาห์ที่ผ่านมาพม่าปิดกั้นมิให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉิน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติเองเดินทางเข้าประเทศ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพถ่ายวันที่ 16 พ.ค.2551 จากหมู่บ้านใกล้กับเมืองจ๊อกทัน ครอบครัวนี้เหลือเพียง 3 ชีวิตพ่อแม่ลูก สหประชาชาติกล่าวว่ามีชาวพม่าที่ตกเป็นเหยื่อภัยพิบัติครั้งนี้รอความช่วยเหลืออีกราว 2.5 ล้านคน ขณะที่ทางการดำเนินการเรื่องนี้อย่างอืดอาดล่าช้าและยังปฏิเสธการช่วยเหลือจากภายนอกอีกด้วย (ภาพ: AFP) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> คณะปกครองทหารในพม่ายืนกรานอย่างดื้อรั้นว่าสามารถรับมือกับสถานการณ์เองได้ ทั้งๆ ที่ขาดเครื่องมืออุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตภัยพิบัติส่วนใหญ่ซึ่งพื้นที่ห่างไกลในเขตที่ราบปาแม่น้ำอิรวดีอันกว้างใหญ่ พาหนะที่จะขนส่งของช่วยเหลือเข้าไปได้ก็มีเพียงเรือกับเฮลิคอปเตอร์ ขณะที่พม่าเองขาดแคลนทุกอย่าง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000057678

 

จีนระทึกซ้ำ! เกิดอาฟเตอร์ช็อก 6 ริกเตอร์ ในมณฑลเสฉวน

หนุ่มสาวชาวจีน วิ่งหนีตายกันกระเจิดกระเจิงหลังเกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อก

​

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ว่า เกิดเหตุ อาฟเตอร์ช็อกขนาด 6 ริกเตอร์ เฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองจิงเยา ของมณฑลเสฉวน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเบ่ยฉวน

จุดพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากเหตุแผ่นดินไหว และนับเป็นอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงที่สุด หลังเกิดขึ้นกว่า 20 ครั้ง และมีระดับสูงกว่า 5 ริกเตอร์ ในมณฑลเสฉวน แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตใดๆ


ที่มา http://hilight.kapook.com/view/24050

 

*** พระพุทธเจ้า ทรงพบ ****

หลักสัจจะธรรม...หลักธรรมเที่ยง
... "ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"....

โลกุตตระธรรม....นำพาสัตว์หลุดพ้นทุกข์
สัจจะ...การปฏิบัติขจัดกิเลสนิสัยสันดาน ให้หมดสิ้นไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

อนามัยโลกเตือนโรคระบาดคุกคามผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวจีน

​

เจนีวา 18 พ.ค. - องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือนว่า จะเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ที่มณฑลเสฉวนในจีน หลังประสบภัยแผ่นดินไหวขนาด 7.9 เมื่อวันจันทร์

แถลงการณ์ระบุว่า ควรรีบดำเนินการป้องกันโรคระบาด ด้วยการจัดสรรน้ำดื่มสะอาด กำจัดซากเน่าเปื่อยโดยเร็ว และจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ผู้ประสบภัย พร้อมระบุว่า จีนกำลังเสี่ยงกับโรคระบาดในหมู่ประชาชนมากที่สุดในเวลานี้ ขณะที่คาดว่าผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวอาจมีจำนวนกว่า 50,000 คน และไร้ที่อยู่อาศัยอีกราว 5 ล้านคน.-สำนักข่าวไทย

2008-05-18 10:13:25

ผู้นำจีนขอบคุณนานาประเทศที่ช่วยเหลือจากเหตุแผ่นดินไหว

​

ปักกิ่ง 18 พ.ค.- ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน แถลงขอบคุณประเทศต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในจีนนับตั้งแต่ที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันจันทร์

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างถ้อยแถลงของประธานาธิบดีหูว่า จีนต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งต่อรัฐบาลนานาประเทศและมิตรต่างชาติที่หลั่งไหลความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เหยื่อแผ่นดินไหวในจีน ทั้งนี้นายหู กล่าวในการแถลงข่าวระหว่างอยู่ที่มณฑลเสฉวน พื้นที่ประสบแผ่นดินไหว 7.9 ริกเตอร์เมื่อวันจันทร์ พร้อมกันนี้ ผู้นำจีนยังขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอย่างสุดความสามารถ และว่าการช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก หลังจากที่พบผู้เสียชีวิตราว 29,000 คน และไร้ที่อยู่อาศัยเกือบ 5 ล้านคน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากต่างชาติ แต่ต่อมายินยอมให้หน่วยกู้ภัยญี่ปุ่นเข้ามาเป็นชุดแรก ตามมาด้วยสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และรัสเซีย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จีนยอมให้คณะผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยบรรเทาทุกข์ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เสนอความช่วยเหลือมาให้ได้แก่เกาหลีเหนือ ที่มอบเงินบริจาคราว 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสหรัฐส่งเงินบริจาคมาราว 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านกาชาดสากลมาให้จีน.-สำนักข่าวไทย

2008-05-18 10:09:16

พบผู้รอดชีวิตรายล่าสุดในเหตุแผ่นดินไหวจีน​

​

จีน 18 พ.ค. - ทีมกู้ภัยในจีนสามารถช่วยชีวิตเด็กวัยรุ่นชายขึ้นมาได้จากซากตึก ถือเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่รอดชีวิต หลังจากติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานกว่า 123 ชั่วโมง

เด็กวัยรุ่นคนดังกล่าวอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานถึง 123 ชั่วโมง ในเมืองหยิงซิว ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว ทีมกู้ภัยช่วยเหลือเขาได้เมื่อวานนี้ ถือเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตไม่กี่คนที่ทีมกู้ภัยช่วยเหลือขึ้นมาได้จากซากตึก ภายหลังเกิดแผ่นดินไหว 5 วัน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่พบร่างไร้วิญญาณเพิ่มขึ้นอีกหลายพันรายในมณฑลเสฉวน

โดยโฆษกคณะรัฐบาล เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถดึงร่างผู้ประสบภัยขึ้นมาจากซากปรักหักพังได้ 2,538 ราย ทั่วมณฑลเสฉวน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้รอดชีวิตเพียง 165 คน ทั้งนี้ ความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลงเรื่อย ๆ และอาจมียอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้เกิน 50,000 คน. - สำนักข่าวไทย

2008-05-18 07:50:33

พายุฮาลองกระหน่ำภาคเหนือฟิลิปปินส์ ​

​

มะนิลา 18 พ.ค.- พายุโซนร้อนฮาลองพัดกระหน่ำบริเวณภาคเหนือของฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วลมกว่า 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มจนมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยแล้วราว 6,000 คน

รายงานของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ระบุว่า ขณะนี้ชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนเกิดปัญหากระแสไฟฟ้าถูกตัดขาดหลายพื้นที่ เจ้าหน้าที่ยังประกาศห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง แม้เบื้องต้นยังไม่มีการประกาศตัวเลขผู้เสียชีวิตแต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า อิทธิพลของพายุส่งผลให้เกิดคลื่นสูงพัดทำลายที่อยู่อาศัยไป 10 หลังคาเรือน เป็นผลให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยแล้ว 780 คนในเมืองโบโตลานห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 145 กิโลเมตร

ด้านสำนักงานบรรเทาทุกข์แถลงว่า พายุที่พัดผ่านตอนกลางของประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนยังส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในเกาะปาเนย์ โดยพบผู้ไร้ที่อยู่อาศัยแล้วมากกว่า 5,000 คน และว่า กระแสน้ำยังได้ตัดขาดถนนสายหลักในเกาะปาเนย์ มินดาเนา และลูซอน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดถนนบริเวณเชิงเขาในภูมิภาคคอร์ดิลเลรา เพื่อซ่อมบำรุงชั่วคราว

ด้านสำนักพยากรณ์อากาศระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา (03.00 น.) เช้าวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย ศูนย์กลางของพายุได้พัดอยู่ห่างจากชายฝั่งมืองบากุยโอ ทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 80 กิโลเมตร โดยคาดว่าพายุจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านเขตคคอร์ดิลเลรา ก่อนพัดออกสู่ทะเลจากชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนในช่วงเช้าพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) พร้อมกันนี้ ได้เตือนประชาชนในบริเวณที่ลุ่มและเชิงเขาในเกาะลูซอนให้ระวังเหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

2008-05-18 10:28:10

ลายเซ็นบ่งบอกบุคลิกผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ

​

วอชิงตัน 18 พ.ค.- บรรดาผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ลายเซ็น ได้ลองวิเคราะห์ลายเซ็นของนางฮิลลารี คลินตัน นายบารัค โอบามา และนายจอห์น แมคเคน เพื่อตรวจสอบบุคลิกลักษณะของ 3 ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ

ผลการวิเคราะห์ลายเซ็นของผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐ พบว่า นางฮิลลารี คลินตัน เป็นคนฉลาด หนักแน่น และมีความน่าเชื่อถือ เห็นได้จากลายเซ็นที่มีความสมดุลกันหมดทุกตัวอักษร ลักษณะของตัวอักษร ยังบ่งชี้ว่า นางคลินตัน เป็นพวกที่ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์ และชอบความสมบูรณ์แบบ

ส่วนนายจอห์น แมคเคน เป็นคนหยิ่ง ทะนงตน และอารมณ์ค่อนข้างผันผวน สังเกตได้จากลายเซ็น ที่จะเห็น ตัว

 

*** เดา และ เตือนใจ ****

ถ้า... เขื่อนในจีน พัง !!!!

ไหลลงตาม.... แม่น้ำโขง
ให้รีบขึ้นภูเขา ขึ้นที่สูง
น้ำ...แรง เร็ว สูงมาก

...ขอให้เชื่อสัจจะมีผลตอบแทน....
- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ความจริงจะปรากฏ ****

หาก...แผ่นดินสั่นไหว ณ นครเมกกะ
ก็จะเป็นเรื่องดีของคนทั้งโลก

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เราคือคนไทย ****

คนคิดขายแผ่นดิน...อยู่ไม่สงบ

คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์...คือ ผู้รักสงบ คือ ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ไม่หลงกล ถูกหลอกไปเป็นเครื่องมือ....สร้างความวุ่นวาย ในบ้านเมือง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ธรรมนำบ้านเมือง ****

พระมหากษัตริย์ จอมทัพไทย...รักษาสัจจะ
เราประชาชนคนไทย....ต้องรักษาสัจจะ ตามเช่นกัน
บ้านเมือง...จึงจะรอดพ้นวิกฤติ
เราประชาชนคนไทย....คือ ผู้ตาม
ตามพระผู้นำ ผู้ทรงสัจจะ...ในกิจทั้งมวล

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** คนไทยตัวอย่าง ****

เวลาเหลือน้อย....
สัจจะ สร้างบารมี....สร้างปฏิหาริย์สู่ประเทศไทย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ****

สงสาร เมตตา กรุณา
ชาวนา ชาวไร่ไทย...เป็นข้าราชการได้ไหม
ฐานะจะได้มั่นคง มีสวัสดิการ
ผลิตข้าวให้ หลวงบริหารจัดการ
แก้ปัญหาความจน ทั้งประเทศ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

*** ความฝันอันสูงสุด ***

ชาวนา ชาวไร่...พร้อมรับราชการ
ขอเป็นคนของหลวงบ้าง
จะได้ไม่ต้องเดินขบวน ตั้งด่านเรียกร้อง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คำเตือน สำหรับคนที่มีเจตนาไม่ดีกับกระทู้นี้ คนที่มีเจตนาดีไม่เกี่ยวนะครับ

มารน้อยเอ๋ย....เจ้าสร้างตัวละครขึ้นมาหลายตัว ให้เล่นบทพระเอกบ้าง ให้เล่นบทผู้ร้ายบ้าง ล่อหลอกผู้คนทั้งหลายให้เชื่อถือไปตามเจ้า หยิบยืมคำพูดของผู้ทรงศีล ทรงธรรม ที่ท่านแสดงไว้ในที่อื่น เอามาด่าว่ากระทบกระแทกผู้อื่น ทั้งๆ ที่ผู้ทรงศีล ทรงธรรมเหล่านั้นก็ไม่ได้มีส่วน ร่วมรู้เห็นดีงามอะไรกับเจ้าด้วยเลย....

กรรมแห่งการปรามาส พระอริยะเจ้าทั้งหลายนั้นใหญ่หลวงนัก !!!

มารน้อยเอ๋ย....ยิ่งเจ้าพยายามมากเท่าไหร่.....บาปกรรมนั้นก็พอกพูน.....มากขึ้น....มากขึ้นทุกที......สักวันหนึ่ง.....เมื่อผลแห่งกรรมนั้นมาถึง.....เจ้าจะสำนึกเสียใจ.....ในการกระทำที่ได้ทำลงไป....ว่าเรานี้ไม่ควรสร้างกรรมเหล่านี้ขึ้นมาเลย.......

 

*** กรรมตัวอย่างปรากฏ ****

พม่า...ภัยพายุ น้ำ
จีน....ภัยแผ่นดิน น้ำ
ไทย...ทุกคนต้องเร่งศึกษา
เตรียมการ วางแผน ประกาศ ซักซ้อม
ภัยคน ภัยน้ำ ภัยลม ภัยไฟ ภัยแผ่นดิน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

IOD : หายนะจากมหาสมุทร

​

เบื้องใต้มหาสมุทรอินเดียแผ่นน้ำใหญ่อันดับ 3 ของโลก ทิศเหนือติดกับตอนใต้ของทวีปเอเชีย ทิศตะวันตกติดกับคาบสมุทรอาหรับและทวีปแอฟริกา ทิศตะวันออกติดกับคาบสมุทรมลายู หมู่เกาะซันดา

และประเทศออสเตรเลีย ส่วนทิศใต้ติดกับมหาสมุทรใต้ มหานทีแห่งนี้กินพื้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของผืนน้ำทั่วโลก และเป็นแหล่งกำเนิดมหันตภัยจากผืนน้ำนำหายนะอันน่าสะพรึงกลัวมาสู่ผู้คนบนพื้นโลก

"นาร์กีส" พายุไซโคลนจากอ่าวเบงกอลแห่งมหาสมุทรอินเดียอาจเป็นแค่สัญญาณเตือนภัย !


​

​

"ตำแหน่งที่เกิดพายุนาร์กีสเป็นบริเวณเดียวกับที่เกิดปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole และยังเป็นบริเวณเดียวกันกับที่ก่อพายุที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มใน จ.อุตรดิตถ์ เมื่อปี 2549" ดร.วัฒนา กันบัว ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา ตั้งข้อสังเกต

Indian Ocean Dipole (IOD) คือ อะไร ?

Indian Ocean Dipole คือ ปฏิสัมพันธ์ของอากาศกับทะเลในมหาสมุทรอินเดีย เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะโลกร้อน ปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole จะเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงขยายให้พายุมีความรุนแรงขึ้น


​

​

ตามสภาวะของ IOD เริ่มต้นจากการเย็นตัวลงอย่างผิดปกติของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลทางฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียเขตร้อน แถบบริเวณชายฝั่งชวา ประเทศอินโดนีเซีย เชื่อว่าเป็นผลมาจากลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ หรือลมที่พัดจากหย่อมความกดอากาศสูงบริเวณเส้นทรอปิก ออฟ แคบริคอร์น เข้าหาหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณเส้นศูนย์สูตรทวีความรุนแรง ขณะเดียวกันอุณหภูมิของผิวน้ำทะเลฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดียอุ่นขึ้นอย่างผิดปกติ

หมายถึงน่านน้ำสองฟากฝั่งของมหาสมุทรอินเดียมีสภาพความแตกต่างกันของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลอย่างชัดเจน ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ IOD นั่นเอง !?!

"เมื่อดูจากโมเดล Indian Ocean Dipole พื้นที่สีฟ้าเป็นกระแสน้ำเย็น ส่วนสีแดงเป็นกระแสน้ำอุ่น ช่วงที่เป็น Positive Dipole หรือบวก มีการก่อตัวของเมฆเป็นพายุและเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่ง พออีกปีมันจะเป็น Negative Dipole หรือเป็นลบ ทิศทางการเคลื่อนที่จะเลื่อนลงด้านล่าง" ดร.วัฒนา อธิบายการเกิด IOD ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย


​

​

ปรากฏการณ์ IOD ค้นพบโดยสถาบัน JAMSTEC ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยศึกษาสภาวะความแปรปรวนบางประการของมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2537 โดยเชื่อว่าปรากฏการณ์ IOD เกิดขึ้นจากความผิดปกติของลมพื้นผิวเหนือมหาสมุทรอินเดียเขตร้อน และเมื่อวิจัยต่อยอดก็สามารถพยากรณ์การเกิดปรากฏการณ์ IOD ได้สำเร็จ อีกทั้งยังพบว่าปรากฏการณ์ IOD มิได้มีความสัมพันธ์กับปรากฏการณ์เอ็นโซ่ (ENSO) ด้วย

เอ็นโซ่ (ENS0) เป็นคำที่ใช้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรและความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดปรากฏการณ์ "เอลนีโญ่" และ "ลานีญ่า"

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์มักใช้คำว่า "สภาวะอุ่นของเอ็นโซ่" เพื่ออธิบายปรากฏการณ์เอลญีโญ่ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรอุ่นขึ้นผิดปกติ ทางกลับกัน "สภาวะเย็นของเอ็นโซ่" ก็ใช้อธิบายปรากฏการณ์ลานีญ่าที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรเย็นกว่าปกติ


​

​

หากช่วงปีที่เกิดปรากฏการณ์ IOD จะส่งผลกระทบต่อความแปรปรวนของมรสุมเขตร้อนและปริมาณฝนในกลุ่มประเทศต่างๆ ที่ตั้งอยู่รายรอบมหาสมุทรอินเดีย อาจเป็นสาเหตุของสภาพฝนตกหนักอย่างผิดปกติ ตั้งแต่บริเวณแอฟริกาฝั่งตะวันออกจนถึงเอเชียใต้ และตอนบนของคาบสมุทรอินโดจีน รวมถึงภาคเหนือและภาคกลางของไทยด้วย

ขณะเดียวกัน การเกิดสภาวะของ IOD เมื่อปี 2540 ยังเป็นสาเหตุในการเกิดปรากฏการณ์ ปะการังฟอกขาวตลอดแนวชายฝั่งทะเลอันดามันของไทยเนื่องจากมวลน้ำส่วนหนึ่งถูกพัดพาไปทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ทำให้ระดับน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งอันดามันลดต่ำลง รังสียูวีและอนุภาคโฟตอนจากแสงอาทิตย์มีโอกาสถ่ายทอดผ่านน้ำทะเลสู่ตัวปะการัง ทำให้สาหร่ายที่อาศัยอยู่บนปะการังตาย เช่นเดียวกับปรากฏการณ์สัตว์น้ำในแนวปะการังตายแถบ จ.กระบี่ จ.ตรัง และ จ.สตูล เมื่อต้นปี 2550 ก็คาดว่าเกิดจากสาเหตุเดียวกัน

ปรากฏการณ์ IOD หากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเลบอกว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการศึกษาและวิจัย ที่ผ่านมาเคยรายงานผลกระทบจากปรากฏการณ์ IOD ต่อความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยถึงผู้บริหารกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีที่แล้ว เพื่อหาแนวทางลดความเปราะบางต่อภัยธรรมชาติเมื่อคนไทยต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม มหันตภัยร้ายจากมหาสมุทรอินเดียในรูปของพายุจะพัดเข้าสู่พม่าและไทยเป็นประจำทุกปี


​

​

วันที่ 4 พฤษภาคม 2544 ดินถล่มที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีผู้ชีวิตและสูญหายร่วม 50 คน วันที่ 20 พฤษภาคม 2547 ดินถล่มที่ ต.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด จ.ตาก มีผู้เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บร่วม 400 คน และวันที่ 23 พฤษภาคม 2549 อ.ลับแล อ.ท่าปลา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และ อ.เมือง จ.แพร่ เกิดดินถล่มมีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 100 คน

โศกนาฏกรรมจากภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้นกับคนไทย อาจเป็นผลพวงจากปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole (IOD) จากมหาสมุทรอินเดีย เช่นเดียวกับโศกนาฏกรรมหมื่นศพในประเทศพม่าจากฝีมือ "นาร์กีส" อสูรร้ายแห่งมหาสมุทรอินเดียนั่นเอง

"แหล่งกำเนิดพายุจะเป็นตัวประเมินความรุนแรงของพายุได้ ซึ่งการเกิดพายุได้นั้นอุณหภูมิน้ำทะเลต้องอยู่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พายุส่วนใหญ่จึงเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเยอะมาก หากมองถึงการเกิดพายุในบ้านเราก็เหมือนบอลโลกมี 4 ปีครั้ง บ้านเราพายุเกิดขึ้นไม่บ่อย เพราะอุณหภูมิน้ำทะเลสูงกว่าระดับที่จะก่อตัวเป็นพายุได้ แต่หากอุณหภูมิวิกฤติจนก่อให้เกิดพายุจะทวีความรุนแรงมากกว่า เพราะเมื่อพายุเคลื่อนผ่านน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงก็จะเป็นเสมือนน้ำมันเชื้อเพลิงในการสะสมพลังงานของพายุนั่นเอง" ดร.วัฒนาอธิบายการเกิดพายุ และชี้ชัดว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นของน้ำทะเลทำให้พายุมีความรุนแรงมากขึ้น

คล้ายๆ การเคลื่อนที่ของพายุหมุน "นาร์กีส" ซึ่งเริ่มก่อตัวเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2551 บริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง ระยะเริ่มแรกนาร์กีสเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้าๆ และมีการสะสมพลังงานความร้อนแฝงจากมหาสมุทร ส่งผลให้พายุมีกำลังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่วันที่ 29 เมษายน สภาพอากาศแห้งแล้งทำให้นาร์กีสอ่อนกำลังลง และเปลี่ยนทิศทางไปยังภาคตะวันออกของโลก ก่อนจะกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง โดยมีความเร็วลมสูงสุด 160 กม./ชม. และเพิ่มระดับเป็น 190 กม./ชม. ก่อนจะขึ้นฝั่งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี ประเทศพม่า คร่าชีวิตผู้คนนับแสนคนแต่ยังไม่ทำลายสถิติความรุนแรงของ "ไซโคลนโบลา" ที่เคยคร่าชีวิตชาวบังกลาเทศไปราว 5 แสนคน เมื่อ 38 ปีก่อน

IDO ปรากฏการณ์ความแปรปรวนของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรอินเดีย อาจเป็นปฐมเหตุแห่งการก่อกำเนิดพายุนาร์กีสและพายุอีกหลายๆ ลูกที่กำลังจะเกิดขึ้น

"พายุมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้เราต้องหันกลับมาดูว่า มีอะไรเปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อม ป่าไม้ เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะป่าไม้คือตัวรักษาสมดุลของธรรมชาติทุกรูปแบบ ตอนนาร์กีสขึ้นฝั่งที่พม่าเราต้องขอบคุณพม่า เพราะบ้านเขามีป่าไม้จำนวนมาก พายุจึงมาไม่ถึงประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ทุกเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูพายุที่ก่อตัวขึ้นบริเวณ Indian Ocean Dipole พอดี ตำแหน่งการเกิดพายุหรือเทรนด์การเกิดพายุเรารู้หมดแล้ว แต่เราจะเตรียมรับมืออย่างไร" ดร.วัฒนาตั้งคำถาม

มหันตภัยทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบกำลังถาโถมทำลายสรรพชีวิต เพียงเพื่อปรับสมดุลให้แก่โลก แล้วมนุษย์เคยสร้างสมดุลให้โลกใบนี้บ้างหรือเปล่า ?

พายุหมุนทั่วโลก

ในรอบ 62 ปี (พ.ศ.2488-2550) เคยเกิดพายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 ซึ่งมีพลังทำลายสร้างสูงสุด 224 ลูก ดังนี้

- บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกตอนเหนือ มีซูเปอร์ไต้ฝุ่น ระดับ 5 มากที่สุดอันดับ 1 ของโลก ทั้งสิ้น 161 ลูก คิดเป็น 71.87%

- บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ มีเฮอริเคน ระดับ 5 รวม 26 ลูก คิดเป็น 11.60%

- บริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ มีไซโคลน ระดับ 5 รวม 11 ลูก คิดเป็น 4.91%

- บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกตอนเหนือ มีเฮอริเคน ระดับ 5 รวม 10 ลูก คิดเป็น 4.46%

- บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มีไซโคลน ระดับ 5 รวม 9 ลูก คิดเป็น 4.01%

- บริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนเหนือ มีไซโคลน ระดับ 5 รวม 4 ลูก คิดเป็น 1.78%

- บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกกลางตอนเหนือ มีเฮอริเคน ระดับ 5 รวม 3 ลูก คิดเป็น 1.33%

เมื่อกางแผนที่โลกออกมาจะพบว่า แหล่งกำเนิดพายุหมุนจะตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกมากที่สุด มีอัตราการเกิดพายุหมุนเฉลี่ย 30 ลูก (38%) มหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันออก 14 ลูก (17%) มหาสมุทรแอตแลนติก 9 ลูก (11%) มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ฝั่งตะวันตก 8 ลูก (10%) มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ฝั่งตะวันออก และมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ 7 ลูก (9%) เท่ากัน อ่าวเบงกอล 4 ลูก (5%) ทะเลอาหรับ 1 ลูก (1%)

ย้อนมาดูสถิติการเกิดพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยในคาบ 57 ปี (พ.ศ.2494-2550) รวม 182 ลูก เช่น เมษายน 1 ลูก พฤษภาคม 7 ลูก มิถุนายน 7 ลูก กรกฎาคม 12 ลูก สิงหาคม 20 ลูก กันยายน 45 ลูก ตุลาคม 51 ลูก พฤศจิกายน 30 ลูก และธันวาคม 9 ลูก

เป็นไปได้หรือไม่ ? ที่ปรากฏการณ์ IOD มิได้เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดียเท่านั้น แต่ IOD ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงของพายุกำลังก่อตัวขึ้นทั่วโลก ในอนาคตพายุหมุนเขตร้อนอาจไม่ใช่แค่พายุดีเปรสชัน พายุโซนร้อน แต่จะทวีความรุนแรงเป็นพายุไซโคลน พายุไต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน เกิดขึ้นถี่และรุนแรงเพิ่มขึ้นทั่วโลก !!​

 

เอ่อ.. เวลานําข่าวมาโพสต์ ใส่ลิงค์ที่มาด้วยก็จะดีนะครับ
ให้เครดิตเขาหน่อยครับ เขาพิมพ์มานานๆก็เหนื่อยนะครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จีนประกาศ 19-21 ไว้อาลัยทั่วประเทศ ผู้เสียชีวิตพุ่งพรวดทะลุหลัก 30,000</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 พฤษภาคม 2551 19:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=380 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=380> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นกที่ถูกพับเพื่อไว้อาลัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ซินหัวเน็ต - คณะทำงานเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินจากเหตุธรณีพิโรธ สังกัดคณะรัฐมนตรีจีน ได้รายงานล่าสุดเมื่อเวลา 18.14 น.(ตามเวลาปักกิ่ง) ว่า ในขณะนี้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากกรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอำเภอเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 32,477 คน และมีผู้บาดเจ็บ 220,109 คน และคาดว่า น่าจะมีผู้ที่ยังอยู่ในซากปรักหักพังอีกราว 9,500 คน หลังจากการรายงานตัวเลขดังกล่าว เท่ากับว่า ในระยะเวลา 2 วัน ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นถึง 10,408 คน

พร้อมกันนั้น เว็บไซต์ของรัฐบาลจีน ได้เปิดเผยอีกว่า คณะรัฐมนตรีจีนได้ออกประกาศเพื่อแสดงความไว้อาลัยของคนทุกคนทุกชนชาติทั่วประเทศ ต่อผู้ประสบภัยในเหตุแผ่นดินไหวอำเภอเวิ่นชวน มณฑลเสฉวน ทางคณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้มีการไว้อาลัยทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 19-21 พ.ค.2008

โดยในช่วงเวลาดังกล่าวให้หน่วยงานทั้งหมดทั้งในและต่างประเทศลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัย หยุดกิจกรรมบันเทิงของทางการทั้งหมด กระทรวงต่างประเทศและกงสุลจีนในประเทศต่างๆ ให้จัดวางสมุดลงนามไว้อาลัย และในเวลา 14.28 น.ของวันที่ 19 พ.ค.ขอให้ประชาชนทั่วประเทศไว้อาลัยเป็นเวลา 3 นาที และในเวลาเดียวกันขอให้รถยนต์ รถไฟ เรือ และเครื่องบินต่างร่วมกดแตรเป็นแสดงความไว้อาลัย

ทั้งนี้ ยอดเงินบริจาคจากทั้งในและต่างประเทศในขณะนี้ก็มีจำนวน 8,900 ล้านหยวนแล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000057954</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ผมว่าวิธี "ชนบทล้อมเมือง" ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ เพราะโดยธรรมชาติ ผู้ที่ควรจะมีความจงรักภักดีมากที่สุดไม่ใช่คนเมืองหรือคนที่มีการศึกษาสูงๆ ครับ แต่น่าจะเป็นคนชนบทมากกว่า เพราะที่ผ่านมากลุ่มคนที่สถาบันมองลงไปมากที่สุดยาวนานที่สุดก็คือคนชนบท ไม่ใช่คนเมือง คนชนบทได้ประโยชน์มากที่สุดจากโครงการต่างๆ ได้รับการปกป้องจากทุนนิยมที่เอารัดเอาเปรียบ(หมายถึงสังคมที่ไม่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ) (ในความเป็นจริงความจงรักภักดีอยู่ภายในใจของแต่ละคนไม่สามารถวัดกันได้ ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ (ยกตัวอย่าง ภายในครอบครัว ถึงแม้ว่าเราจะเคารพรัก พ่อแม่ เรามากขนาดไหนก็ตาม แต่ก็มีบางครั้งที่ตัวเราเองยังไม่เชื่อฟัง แถมเถียงพ่อเถียงแม่อีกต่างหาก) ผมก็เลยไม่เห็นด้วยที่จะเอาเรื่องที่วัดกันไม่ได้มาทำให้เกิดปัญหา

ส่วนเรื่อง "แตกต่าง แตกแยก แตกหัก" ถ้าเรามอง "แตกต่าง" เป็นเรื่องธรรมดา ยอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่าง ความแตกแยกและแตกหัก ก็ย่อมไม่มี

ถ้าเรามองสังคมไทยให้ดี สังคมไทยก็เป็นเสมือนครอบครัวขนาดใหญ่ ถ้าคนในครอบครัว หาเรื่องเล็กๆ น้อย มาเป็นประเด็นเพื่อทะเลาะกันทุกวันก็อยู่ไม่ได้ ถ้ามีความ "แตกหัก" เกิดขึ้นคิดว่าผลสรุปสุดท้ายจะใช้คำว่า "ชัยชนะ" ได้หรือครับ
เรื่องบางเรื่องถ้าไม่เอามาขยายเป็นประเด็น ความขัดแย้งก็ไม่เกิดขึ้นนะครับ
"เมตตา" เป็นธรรมค้ำจุนโลก