ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    พระมหาเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ !!!

    [​IMG]
    อ้างอิงข้อความบางส่วนจากพุทธทำนายในศิลาจารึก

    "มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ ทั้งสององค์นั้นจะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมาในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์จะเกิดในสมัยของอาตมาล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปีเมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะมาเกิด ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้ สมณชีพราหมณ์จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป"

    ********************************************************
    เกษม สมาชิก

    ผมคิดว่าช้างเผือกหนุ่มที่หลวงปู่มั่น ได้เคยทำนายเอาไว้ คงจะหมายถึงพระมหาเถระโพธิสัตว์ในพุทธทำนาย ซึ่งน่าจะหมายถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เพราะพระองค์ท่านทรงอภิญญาสมาบัติ และเป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีในหมู่นักปฏิบัติธรรมโดยทั่วไปครับ ส่วนพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์นั้น จะทรงอยู่ในความอุปถัมป์ของรัชกาลที่ 9 และทั้งสองพระองค์ จะเสด็จเข้าบำรุงพระพุทธศาสนาให้เที่ยงแท้ ในปี พ.ศ.2561-2562 ครับ

    do re mi สมาชิก

    เรื่องของพุทธทำนาย ผมขอยกมาจากเว็บ metteya.org ที่ได้คัดลอกมาจากต้นฉบับดั้งเดิม (พ.ศ. 2484) และจะไม่ถือว่าข้อมูลที่นำมานั้นถูกหรือถือว่าผิด และไม่ต้องการให้ท่านใดเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่ที่ผมนำมาลงไว้เพื่อให้บางท่านที่อาจสนใจ และยังเพื่อความเป็นธรรม ด้วยสัจธรรมอันประเสริฐยิ่ง ท่านโปรดพิจารณากันเองครับ

    ก่อนอื่น สิ่งหนึ่งที่ท่านผู้อ่านควรยอมรับข้อเท็จจริง ในเรื่องภาษาที่ใช้ี่เขียนในสมัยพระพุทธเจ้าู่นั้น เป็นภาษาเก่าที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงมาหลายทอดหลายสมัย กว่าจะมาถึงปัจจุบัน ความชัดเจนของการแปลความอาจ ไม่ตรงทีเดียวกับความเข้าใจดั้งเดิม

    พระพุทธทำนายต้นฉบับจะสังเกตุได้จาก พระพุทธเจ้าตรัสปี พ.ศ. ที่จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ กำกับไว้อย่างชัดเจนในทุกๆตอน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธทำนายต้นฉบับนี้ มีพระผู้ใหญ่และผู้ใหญ่ระดับสูงหลายท่าน ได้จัดทำตามฉบับที่ไปคัดลอกมาจาก ประเทศอินเดีย และเว็บ metteya.org ได้แสดง พ.ศ. ตามด้วยปี ที่แก้ไขแล้วกำกับไว้ด้วย ท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมีการแก้ไข พ.ศ. ก่อนที่จะอธิบายเรื่องพุทธทำนาย

    เหตุผล: เนื่องจาก พ.ศ.ไทยใช้ 543 + กับปี ค.ศ. นั้นมีหลักฐานปรากฏอยู่เฉพาะในสีหฬภาษาไหม่จริง แต่ไมมี่ปรากฏในสีหฬภาษาเก่า และยังมีหลักฐานอื่นๆที่ขัดกับ พ.ศ. ไทย เรื่องนี้ทำให้องค์การวิชาการด้านพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์หลายแห่งไม่ยอมรับ พ.ศ. ไทยว่าถูกต้อง

    ที่เวบ metteya.org มี ปธ.๙ และ อาจารย์หลายท่าน ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวในพระไตรปิฎก ในพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์อินเดียและกรีก หลักฐานโบราณคดีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเกิดเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว สรุปจากการศึกษาวิจัยได้พบ พ.ศ. ที่ควรมีความถูกต้อง และได้ทดลองนำไปใช้ในพุทธทำนาย เห็นว่ามีความสอดคล้องกันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันจริง และเป็นเหตผล นอกจากนี้ยังมีความสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของมายันและอเมริกันอินเดียนเมื่อ ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว และสอดคล้องกับพยากรณ์โลกอื่นๆ จึงยิ่งมีศรัทธาพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้น แต่เรื่องนี้ใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นก็เป็นสิทธิของแต่ละท่าน

    เรื่องที่ผมนำมาลงนี้ พอให้เป็นตัวอย่าง สำหรับการแปลความ การเข้าใจเรื่อง ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้าใจเหมือนกัน

    1. ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปไกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่ตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี

    เมื่อโลกไปไกล้กึ่งจำนวนที่ตถาคตทำนาย ไว้ (๒๕๐๐ ปี หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง ( สิ่งนี้ถ้าจะเดา น่าจะหมายถึง ก่อนปี พ.ศ. 2548 มาแล้ว ผู้คนครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง )

    จากการวิเคราะห์คือระหว่าง พ.ศ. 2533 – 2563 : ในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป (คนไม่ดี มีจิตใจเช่นยักษ์) ให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะรบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต

    ( อธิบาย : ผูู้้มีพระภาคตรัสเกี่ยวกับก่อนกึ่งพุทธกาล หรือปี 2500 หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ผู้คนนอกศาสนาพุทธ ได้สู้รบกัน และที่รู้จักดีคือทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้การต่อสู้ทางอากาศ มีลูกระเบิดจากเครื่องบินทำให้เกิดเป็นเพลิงเผาพลานไปทั่ว ทางพื้นน้ำก็มีการสู้รบกันทางเรือ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นอันมาก และแล้วก็เลิกรากัน)

    เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี (พ.ศ. 2533) เป็นต้นไปไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม (หมายความถึงความเสื่อมตามทีพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศาสนาและลัทธิอื่นเข้ามาเผยแพรในแดนพระพุทธศาสนา่ เดียรถีย์เพิ่มพูล) สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ คนบ้านจะเข้าป่า (คนในเมืองไปหาผลประโยชน์ในป่า) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง (สัตว์ป่าไม่มีทีหากิน เข้ามารบกวนผู้คน) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ (เกิดมลพิษต่างๆ)

    สงครามจะทั่วทิศ (สงครามในรูปแบบต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย) ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง (คอร์รัปชั่นจักเกิดมาก) ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ (คนดีไม่มีปากเสียง) ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาต (อธรรมจะได้รับการยกย่อง เชื่อถือ)

    2. ทางสองแพร่ง (ได้มาจากการศึกษาวิจัยในตัวบทพุทธทำนายและข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง)

    2.1. พ.ศ. 2555 : เมื่อศาสนาของตถาคตล่วงมาได้ ๒๕๐๗ (ปีมะโรง พ.ศ. 2555) คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน (ถ้าผู้คนสนใจพิสูจน์ความจริงในพระธรรมมิกราช (พระศรีอารย์) ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในส่วนล่างต่อไป (พระศรีอารย์ เป็นพระจักรพรรดิ ไม่ใช่ศาสดา ศาสนาพระศรีอารย์จึงไม่มี) พระศรีอารย์จะ มานำผู้คนสร้างสันติสุข และช่วยให้เป็นคนดีมีศีลธรรม ทุกคนจักมีกินมีใช้ มีที่อยู่อาศัยไม่ลำบาก กิจการงานก็ไม่ต้องแข่งขัน มีการชวยเหลือซึ่งกันและกันตามพรหมวิหาร 4

    เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนก็จะทำอะไรไม่รีบร้อน ไม่ต้องแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน (ตามที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า "คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน") แต่ ถ้าผู้คนไม่สนใจพระธรรมมิกราช สิ่งดีงามไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ปี พ.ศ. 2556 ก็จะเกิดโลกาวินาศ ซึ่งตรงกับคำทำนายโลกต่างๆ และมายันยังทำนายละเอียดถึงวันโลกาวินาศไว้ที่ วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งคงไม่ได้ต่างอะไรมากนักกับปี พ.ศ. 2556 ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เรื่องนี้ไม่สนับสนุนให้ใครเชื่อ แต่นำมาแสดงไว้ตามข้อมูลของพุทธทำนาย อาจเข้าใจถูกหรือผิด ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นได้)

    พ.ศ. 2556 : ล่วงได้ ๒๕๐๘ (ปีมะเส็ง พ.ศ. 2556) ตลิ่ง จะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล(โลกาวินาศ ซึ่งเวลาตรงกับคำทำนายอื่นๆ และยังถูกซ้ำเติม ใน พ.ศ. 2560)

    พ.ศ. 2560 : ล่วงได้ ๒๕๑๒ (ปีระกา พ.ศ. 2560)เมืองมนุษย์จะมืด ๗ วัน ๗ คืน โลกดิ่งสู่ความหายนะ บุคคลเจริญด้วยเมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาทและไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน ประพฤติตน อยู่ในศีลธรรม และยึดถือคาถาของตถาคตจะพ้นภัยพิบัติ

    3. ส่วนนี้เป็นการกล่าว ถึงพระมหาเถรโพธิิสัตว์ และพระธรรมมิกราช ดังมีความดังนี้

    มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์ องค์หนึ่งจะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ (การตีความ แสดงว่า พระธรรมมิกราช นั้นอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหาเถรโพธิสัตว์) ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของตถาคต ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" (ตรงกับคำทำนายอื่นๆ แม้แต่สมเด็จพุฒาจารย์ [โต] พรหมรังสี ไดทำนาย ร.10 ศิวิไล )

    พ.ศ. 2502 : พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิดในสมัยของตถาคตล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี (พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงแสดงถึงความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ และในเวลาปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร.9 ทรงเป็นพระมหาเถรโพธิสัตว์โดยสมบูรณ์)

    พ.ศ. 2515 – 2534 : เมื่อล่วงได้ ๒๔๖๗ ถึง ๒๔๘๖ (พ.ศ. 2515 - 2534) พระมหากษัตริย์ธรรมิกราชจะเกิดขึ้น ทั้งสองพระองค์นั้นสถิตอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชฌิมประเทศ (พระโพธิสัตว์สองพระองค์จะอยู่ ณ เบื้องทิศตะวันออกของมัชณิมประเทศ หรือกล่าวว่าเป็นไปในภาคกลางของประเทศเขตชมพูทวีปทางตะวันออก ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เมืองดังกล่าว คือกรุงเทพมหานครของประเทศไทย )

    พ.ศ. 2561 – 2562 : ระหว่างปีจอปีกุน เมื่อศักราช ๒๕๑๓ กับ ๒๕๑๔ (พ.ศ. 2561 – 2562 : เหล่าประชาราษฎรขอถวายพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จงพระองค์จงทรงพระเจริญ ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงขึ้นเป็นพระประมุขของแผ่นดิน ยิ่งยืนนานตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ) ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้นจะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้สมณชีพราหมณ์ จะเสด็จมา ๘๔,๐๐๐ รูป

    พ.ศ. 2563 : ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด พ.ศ. 2563 ) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี (จาก พ.ศ. 2533 - 2563) พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด (เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2563)

    4. ดูกรอานนท์ ตถาคตสงสารสัตว์ เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที(ยกของเดิมมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2556 - 2563 พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้นจะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก นี่คือคำตอบของพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที เพราะคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมหมดไปจากโลก)

    สรุปเท่าที่พอเข้าใจตอนนี้ พระจักรพรรดิมีจริงตามที่ผมมีศรัทธาพระผู้มีพระภาค ถ้าผู้คนยอมรับพระจักรพรรดิ ก็น่าจะเป็นหนทางดีที่สุด ในการนำสันติสุขมาสู่โลก แต่ถ้าผู้คนไม่สนใจ โลกาวินาศคงเป็นเรื่องที่มนุษย์อาจได้เห็น ผมไม่มีอะไรจะอธิบาย ไม่มีคำตอบ รอเมื่อเวลานั้นมาถึง เราทุกคนย่อมรู้คำตอบ และที่สงสัยว่า ทำไมคนดีถึงรอด คนไม่ดีทำไมถึงถูกกำจัด หรืออาจจะตายไปเสียก่อนที่จะได้รู้ได้เห็นอะไร

    ที่มา http://palungjit.org/threads/แปลกแต่จริง-ของดีอยู่ตรงหน้าไม่เอา-ไปเอาของเสียที่อยู่ไกลออกไป.241171/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  2. rainbow 12

    rainbow 12 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +49
    4.ประเทศไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก......จากบารมีในหลวงของเรา......เผื่อแผ่ทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียง.....ต่างชาติยอมรับนำไปปฏิบัติ.....ไปเป็นแหล่งทำมาหากินของคนทุกชาติทั่วโลก......https://www.facebook.com/photo.php?...67945938.95422.381607171894901&type=1&theater
    ข้อความจาก facebook
    Grow Food, Not Lawns


    A vision of self-sufficiency in Thailand. Agrarian values and the self-reliance they engender are the hallmarks of real freedom. — กับ Africa Roots, Alfonso Contreras Castillo และ Annemieke van Eijkeren
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    จีนสั่งปิดตลาดค้าสัตว์ปีกในนครเซี่ยงไฮ้ ยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส H7N9 !!!

    [​IMG]

    จีน 5 เม.ย.- ทางการจีนสั่งปิดตลาดค้าสัตว์ปีกที่มีชีวิตทั้งหมดในนครเซี่ยงไฮ้ และฆ่าสัตว์ปีกกว่า 20,000 ตัว เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส H7N9 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 6 คนในจีน

    ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นเกษตรกรวัย 64 ปี ในเมืองหูโจว มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งเชื่อว่าเป็น 1 ใน 14 คนที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ และนับเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ในมณฑลเจ้อเจียง ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 4 คน ล้วนอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ในวันนี้มีการสั่งปิดตลาดค้าสัตว์ปีกที่มีชีวิตทั้งหมดในนครเซี่ยงไฮ้เป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน หลังพบไวรัส H7N9 ในตัวอย่างนกพิราบจากตลาดแห่งหนึ่งชานนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งต่อมามีการสั่งฆ่าไก่ เป็ด ห่าน และนกพิราบในตลาดดังกล่าวกว่า 25,000 ตัว

    ด้านองค์การอนามัยโลกระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานการแพร่ไวรัสเอช 7 เอ็น 9 จากคนสู่คน แต่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบว่าผู้ป่วยเหล่านี้ได้รับไวรัสชนิดนี้มาได้อย่างไร.- สำนักข่าวไทย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 5 เม.ย. 2556 17:05 |

    ที่มา จีนสั่งปิดตลาดค้าสัตว์ปีกในนครเซี่ยงไฮ้ ยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส H7N9 | MCOT.net | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • h7n9.jpg
      h7n9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.5 KB
      เปิดดู:
      674
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ !!!

    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก

    ทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยล้ามากๆและบ่อยเหลือเกิน?
    โดย: Celia Fenn ที่มา:Ascension | Facebook


    ผู้ที่กำลังเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงจาก Indigo ไปสู่ Crystal จำนวนมาก กำลังพบว่าความอ่อนล้าและความเหน็ดเหนื่อย คืออาการสองอย่าง ที่พบได้มากที่สุด ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่ตลอดเวลา และอยากจะนอนอย่างเดียวเลย และเมื่อพวกเขาได้นอนแล้ว พวกเขาก็จะนอนหลับลึก และไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย

    แล้ว..มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทำไมพวกเราถึงรู้สึกแบบนั้นได้

    ท่านมหาเทพมิคาเอลได้อธิบายว่า มันมีกระบวนการอยู่ 3 กระบวนการ ที่เป็นสาเหตุของความเหนื่อยล้าดังกล่าวนี้ ซึ่งได้แก่:

    - กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ (Emotional Body Clearing)
    - กระบวนการล้างสารพิษของกายหยาบ และกายละเอียด
    (De-toxification of the Physical and Subtle Bodies)
    - กระบวนการเข้าสู่การมีจิตสำนึกแบบหลากมิติเต็มรูปแบบ
    (Full Multi-Dimensional Consciousness)

    ซึ่งแต่ละกระบวนการดังกล่าวมานี้ ก็จะมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันไป ดังนี้

    1). กระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ (Emotional Body Clearing)

    ในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการฯ พวกเราจะต้องผ่านขั้นตอนการชำระล้างกายแห่งอารมณ์เสียก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะรวมถึง การชำระสะสางความบอบช้ำในจิตใจ และพฤติกรรมที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตนเองทั้งหลายแหล่ ที่เก็บสะสมอยู่แต่เก่าก่อน ให้ออกไปจากจิตใจและจิตใต้สำนึกเสีย ซึ่งความเข้มข้นรุนแรงของกระบวนการนี้ก็จะขึ้นอยู่กับว่า ก่อนหน้านี้ คือในช่วงระหว่างการเตรียมการเพื่อการยกระดับขึ้นนี้ คุณได้ชำระสะสางสิ่งเหล่านี้ออกไปได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว

    ฉันเองก็เป็นนักบำบัดคนหนึ่ง และฉันก็ได้ช่วยเหลือผู้คนไปมากมายแล้ว ในกระบวนการเตรียมการที่ว่านั้น แต่ว่า..ฉันก็ยังไม่เคยพบเลยจริงๆว่า กระบวนการฯสำหรับตัวฉันเองนั้น จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงซะที ดังนั้น เมื่อใดที่ฉันต้องปะทะกับกระบวนการเปลี่ยนสภาพเข้า ฉันก็จะประสบกับกระบวนการชำระสะสางกายแห่งอารมณ์ของฉันเอง อย่างเข้มข้นรุนแรง และเป็นอยู่นานหลายเดือนเลยทีเดียว และสิ่งเหล่านั้น ก็จะหลั่งไหลออกมาจากจิตใต้สำนึกของฉัน และฉันก็จะฝันแปลกๆ และมีความวิตกกังวลด้วย เพราะว่าฉันจะต้องต่อสู้กับการชำระสะสางความบอบช้ำทางจิตใจ ของความเป็นเด็กที่อยู่ภายในตัวฉันเอง (inner child)

    การปลดปล่อยความบอบช้ำทางจิตใจออกไปแบบนี้ จะทำให้เกิดอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างมาก แต่ว่าคนบางคนก็จะไม่มีสติรับรู้ ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้หรอก เพราะว่าพวกเขาจะทำการปลดปล่อยสิ่งเหล่านี้ออกไป ในตอนกลางคืน ในช่วงที่พวกเขากำลังหลับฝันซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าสำหรับผู้ที่ประสบกับภาวะวิตกกังวล มักจะเป็นผู้ที่ทำการชำระสะสางในช่วงตอนกลางวัน

    ณ.จุดนี้ คุณอาจจะต้องการความช่วยเหลือ เพื่อที่จะปลดปล่อย “แพทเทิ้น” เก่าๆทั้งหลาย ที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในความเป็นเด็กที่อยู่ภายในตัวคุณเอง (inner child) ออกไป จุดนี้แหละคือจุดที่คุณจำเป็นจะต้องปฏิบัติการกับ inner child ของคุณอย่างจริงจังหละ โดยการไปพบนักบำบัดที่ดีๆซักคน หรือโดยการทำ workshop หรือโดยการหาหนังสือดีๆซักเล่มมาอ่าน เพื่อเป็นแนวทาง แต่จงปลดปล่อยแพทเทิ้นแห่งความเจ็บปวดทั้งหลาย ให้ออกไปจาก inner child ของคุณให้ได้!

    และจงเข้าใจไว้ด้วยว่า ในระหว่างที่คุณกำลังกระทำการชำระสะสางอยู่นี้ คุณก็จะรู้สึกอ่อนเพลียด้วย เพราะว่าคุณได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของคุณ เพื่อกดข่มพลังงานเหล่านี้เอาไว้ตลอด ดังนั้น การชำระสะสางพวกมันออกไปจึงเป็นงานที่ยากลำบากด้วย แต่มันก็คุ้มค่า! เพราะว่าเมื่อใดที่คุณทำสำเร็จแล้ว คุณก็จะมีจิตใจที่ปลอดโปร่งจากแพทเทิ้นของพฤติกรรม ที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตัวเอง ที่ฝังอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกของคุณเอง แล้วคุณก็จะสามารถปฏิบัติการอยู่ภายใต้ขอบเขตของความตั้งใจ อันบริสุทธิ์และใสสะอาดหมดจดได้

    2). กระบวนการล้างสารพิษของกายหยาบ และกายละเอียด
    (De-toxification of the Physical and Subtle Bodies)


    กระบวนการชำระล้างในระดับลึกนี้ จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆที่ได้กล่าวถึงไปแล้วข้างบนนั้น ซึ่งเมื่อใดที่แพทเทิ้นของพลังงานและสิ่งกีดขวางด้านอารมณ์ทั้งหลายๆถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว แพทเทิ้นของพลังงานและสิ่งกีดขวางด้านความคิด/จิตใจ และด้านกายภาพเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงอยู่กับพวกมัน ก็จะถูกปลดปล่อยออกมาตามไปด้วย พลังงานที่เป็น “พิษร้าย” เหล่านี้ จะถูกส่งผ่านไปยังกายละเอียดชั้นต่างๆ แล้วก็จะถูกกำจัดออกไปทางกายหยาบ นอกจากนี้ “ความเป็นพิษ” ใดๆก็ตาม ที่ร่างกายเนื้อได้เก็บสะสมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะถูกกำจัดออกไปพร้อมๆกันนี้ด้วย

    กระบวนการชำระล้าง และกระบวนการล้างพิษที่ว่านี้ จะทำให้อวัยวะภายในที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสารพิษทั้งหลาย เกิดอาการตึงเครียดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ไต และ ตับ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เอง พวกคุณหลายคนจึงอาจจะมีอาการต่างๆเกิดขึ้น เช่น มีถุงอยู่ใต้ดวงตาทั้งสองข้าง, มีอาการตรึงเครียดเกี่ยวกับไต, มีอาการตรึงเครียดเกี่ยวกับตับ และระบบทางเดินอาหารปั่นป่วน เช่น เกิดอาการจุกเสียดแน่นท้อง หรือเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น

    นอกจากนี้ คุณอาจจะมีอาการปวดตามข้อต่อต่างๆด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอาการพิเศษเฉพาะอย่างหนึ่งของการล้างสารพิษด้วย เพราะว่ากรดต่างๆที่เป็นส่วนเกิน ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากจุดที่มันสะสมอยู่ในร่างกายของเรา ไม่เพียงแค่นั้น กระบวนการกำจัดสารพิษเหล่านี้ ยังจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าได้อีกด้วย และก็เป็นไปได้มาก ที่คุณจะมีอาการปวดศรีษะอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ คืออาการของการกำจัดสารพิษ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคุณจึงจำเป็นจะต้องดื่มน้ำสะอาดและบริสุทธิ์ให้มากๆ และทำไมคุณจะต้องพยายามรับประทานแต่อาหาร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย

    3). กระบวนการเข้าสู่การมีจิตสำนึกแบบหลากมิติเต็มรูปแบบ
    (Full Multi-Dimensional Consciousness)


    ส่วนนี้เป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นมากที่สุด และมันก็เกิดขึ้นอยู่ตลอด ทั่วทั้งกระบวนการนี้อีกด้วย มันคือสาเหตุของความรู้สึก “เวิ้งว้างว่างเปล่า” (spaciness) ที่พวกคุณจำนวนมากมายกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้ ท่านมหาเทพมิคาเอล ได้ขอให้ฉันอธิบายให้พวกคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้ ตามนัยยะของคลื่นความถี่ของสมอง ซึ่งก็คือ เมื่อใดที่ความตระหนักรู้ของคุณ ขยายตัวเข้าไปสู่ความตระหนักรู้แบบหลากมิติ (multi-dimensional awareness) แล้ว จิตสำนึกของคุณ ก็จะขยายตัวออกไปนอกขอบเขต ที่ร่างกายเนื้อของคุณจะสามารถรับมือได้ และขยายตัวออกไปนอกวิถีทางที่มันจะรับมือได้ ตามไปด้วย

    ปกติความถี่ของคลื่นสมองของคนเราจะมีดังต่อไปนี้:

    - เบต้า (Beta): คือคลื่นความถี่ในสภาวะยามตื่นตามปกติ
    - แอลฟ่า (Alpha): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาวะสมาธิแบบอ่อนๆ
    - ธีต้า (Theta): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังอยู่ในสภาวะสมาธิแบบลึก
    - เดลต้า (Delta): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังหลับ หรือกำลังอยู่ในสภาวะถูกสะกดจิตขั้นลึก
    - แกมม่า (Gamma): คือคลื่นความถี่ในขณะที่กำลังหลับลึกที่สุด หรือที่เรียกว่าช่วง rapid eye movement ซึ่งเป็นช่วงที่ดวงตาจะกรอกไปมาอย่างรวดเร็ว หรือเป็นคลื่นความถี่ในขณะที่ถูกสะกดจิตขั้นลึกมากๆจนสามารถทำการผ่าตัดได้โดยไม่รู้สึกเจ็บเลย

    ปกติแล้วรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 3 จะปฏิบัติการอยู่ในช่วงคลื่นความถี่ระดับ Beta และจะเปลี่ยนไปเป็นระดับ Alpha เมื่อกำลังอยู่ในสภาวะแห่งการสร้างสรรค์ และในขณะที่กำลังสวดมนต์/อธิษฐาน ส่วนรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 5 ในสภาวะยามตื่นปกติ จะปฏิบัติการอยู่ในช่วงคลื่นความถี่ ซึ่งคาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง คลื่นความถี่ระดับ Beta/Alpha/Theta ความตระหนักรู้แบบหลากมิติ (multi-dimensional awarenss) ของคุณ จะทำให้จิตสำนึก (consciousness) ของคุณ เปลี่ยนระดับไปอยู่ในช่วงคลื่นเหล่านี้ (ระดับ Beta/Alpha/Theta – ผู้แปล) ในขณะที่คุณกำลังตื่นอยู่!!

    และนี่แหละคือสาเหตุของความอ่อนล้าหละ เพราะว่าร่างกายเนื้อของคุณ คุ้นเคยมาตลอดว่า คลื่นความถี่ระดับ Theta คือคลื่นความถี่ของการผ่อนคลายอย่างที่สุด ก่อนที่จะหลับลงไป ดังนั้น เมื่อใดที่คลื่นสมองของคุณเปลี่ยนไปอยู่ในระดับ Theta ร่างกายของคุณก็จะส่งสัญญาณออกมาว่า ตอนนี้คุณกำลังเหนื่อยล้า และก็กำลังจะหลับแล้ว! และเพราะว่าเราถูกกำหนดมาให้ตอบสนองต่อสัญญาณดังกล่าวนี้ ไปในแบบนี้ว่าให้เหนื่อยล้าและจะต้องหลับ ดังนั้น เราจึงรู้สึกว่าเราจำเป็นต้องไปนอนแล้วนั่นเอง

    รูปธรรมชีวิตในมิติที่ 6 ที่กำลังฝึกฝนที่จะมีระดับจิตสำนึกแห่งพระคริสต์อันพิสุทธิ์ของมิติที่ 9 แบบเต็มรูปแบบอยู่ จะต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนความถี่ของคลื่นสมอง ให้ไปอยู่ในระดับ Delta หรือ Gamma ในสภาวะยามตื่นปกติ!! คราวนี้หละ.. ร่างกายเนื้อของคุณก็จะหลงคิดไปว่ามันกำลังหลับอยู่จริงๆ!! เคล็ดลับก็คือ ให้เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนไปสู่สภาวะเหล่านี้ โดยไม่ตกใจกลัว หรือไม่หลงอยู่ในสภาวะที่คล้ายกับความฝันนี้

    พวกเราหลายคนที่กำลังฝึกฝนขั้นตอนนี้อยู่ มักจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังอาศัยอยู่ในโลกแห่งความฝัน ที่ทุกอย่างมีการเคลื่อนไหวแบบเชื่องช้าอยู่ ซึ่งมันก็เป็นความจริงจริงๆซะด้วย เพราะว่าพวกเรากำลังอาศัยอยู่ในสภาวะแห่งความฝัน ในจิตสำนึกยามตื่นของเรา มันจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ถึงจะสามารถควบคุมมันได้ แต่เมื่อใดที่เราสามารถควบคุมมันได้แล้ว มันก็จะกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์ และการเนรมิต “ปาฏิหาริย์” ต่างๆมากมาย ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้เลยทีเดียว

    เพราะว่าในขณะที่เรากำลังอยู่ในระดับจิตสำนึกขั้นลึก (deep state of consciousness) อยู่นี้ เราจะสามารถโค้งงอ และ กำหนดรูปร่างให้กับกาลเวลา และสสารได้จริงๆ โดยอาศัยเพียงแค่ความคิดของเราเท่านั้นเอง ดังนั้น จงเข้าใจไว้ด้วยว่า ร่างกายเนื้อของคุณกำลังเรียนรู้ที่จะปรับตัว ให้เข้ากับช่วงคลื่นความถี่ของคลื่นสมองที่แตกต่างกันอยู่

    คำแนะนำ

    เมื่อใดที่คุณกำลังอยู่ในสภาวะใดสภาวะหนึ่ง ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น
    โปรดให้ความใส่ใจว่า คุณกำลังตระหนักรู้ถึงเรื่องต่อไปนี้อยู่:

    - คุณสามารถแยกแยะอาการเหน็ดเหนื่อยจริง ออกจากอาการเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากการขยายตัวของจิตสำนึกได้ จงอ่อนโยนต่อตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อย ก็จงพักผ่อนเสีย เพราะว่าคุณจะจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ในขณะที่คุณกำลังผ่านกระบวนการนี้อยู่ แต่ถ้าคุณพยายามที่จะทำอะไรเกินกำลังตัวเอง คุณก็จะไปไม่ไหว และคุณก็จะล้มเหลวเพราะความอ่อนล้าได้อีกด้วย

    - จงใช้ความระมัดระวัง ถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ จงตั้งใจและมีสมาธิในการขับรถ เพราะว่ามีผู้คนมากมาย ที่ประสบอุบัติเหตุเพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสมองของพวกเขาเปลี่ยนระดับคลื่นความถี่ไป ประเด็นมันอยู่ที่ความมีสติแน่วแน่ และการมีสมาธิจดจ่อเท่านั้นเอง จงบอกกับร่างกายของคุณ และบอกกับเหล่าทวยเทพผู้นำทางของคุณว่า ในช่วงที่กำลังเดินทางอยู่นี้ คุณจำเป็นจะต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างเต็มที่ อยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่

    - จงผ่อนคลาย เพราะว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเอง แล้วไม่นานคุณก็จะเริ่มคุ้นเคยกับการทำงานภายใต้คลื่นความถี่ที่แตกต่างกันแบบนี้ ตัวฉันเองก็เริ่มที่จะรู้สึกสนุกกับสภาวะคล้ายความฝัน และสภาวะเวิ้งว้างว่างเปล่าแบบนี้แล้ว และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ที่บังเกิดขึ้นจากมันอยู่ และฉันก็กำลังเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนคลื่นความถี่ให้ได้ดังใจอยู่อีกด้วย ใช่แล้ว..พวกเรากำลังจะกลายเป็น Crystal หรือ Christed จริงๆแล้ว -www.starchildglobal.com

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-352
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2013
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ระดับพลังงานแสงสว่างและความรักในชั้นบรรยากาศโลก จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ !!!

    [​IMG]

    waterydis สมาชิก

    สาส์นประจำสัปดาห์จากฮิลาริออน ปี 2556
    วันที่ 31 มีนาคม – 6 เมษายน 2556


    ถึงท่านอันเป็นที่รักทั้งหลาย,

    ขณะที่เธอค่อยๆ ปลดปล่อยรูปแบบความคิดและวิธีการคิดแบบเดิมๆ รวมถึงพฤติกรรมเก่าๆ ออกไปเรื่อยๆ เธอจะพบว่าเธอรู้สึกแน่ใจและมั่นใจในตัวเธอเอง และในความสามารถของเธอมากกว่าแต่ก่อน พวกเราเห็นว่าเธอเตือนตัวเองให้ระลึกถึงแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา แสงอันสว่างอย่างที่เธอเป็นและความพยายาม ที่จะประคองแสงสว่างนี้ไว้อย่างสุดความสามารถ การที่เธอทำเช่นนี้มันเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันช่วยเสริมกำลังให้แก่สนามพลังงานแห่งแสง ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบโลกของเธออยู่ ณ ขณะนี้ และทำให้เธอสามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสนามพลังงานนี้ได้

    พวกเธอบางคนที่ได้รับกระแสพลังงานจักรวาล จำนวนมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังอยู่ในกระบวนการนำเอาพลังงานเหล่านี้ เข้าสู่ระบบพลังงานของเธออย่างสมบูรณ์ นี้คือลักษณะการดำเนินงานของแต่ละขั้นตอน (รับพลังงานก่อน แล้วนำเข้าระบบที่หลัง) เพื่อที่จะให้มนุษย์ทุกคนได้มีโอกาส ที่จะรับเอาพลังงานใหม่และพลังงานที่สูงกว่า ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะทำให้การเปลี่ยนแปลงในแต่ละคนสามารถเกิดขึ้นได้

    หลังจากนี้ระดับพลังงานแสงสว่างและความรัก ในชั้นบรรยากาศโลกจะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ จากพลังงานนี้ได้แล้ว ซึ่งมันขาดแต่เพียงความตั้งใจและคำพูดที่ปรารถนาจะใช้มันเท่านั้น ในฐานะครอบครัวแห่งแสง พวกเราได้ช่วยเหลือพวกเธอแต่ละคน ให้สามารถใช้พลังงานนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อเปลี่ยนแปลงและปรับสภาพสิ่งที่ยังยึดเหนี่ยวให้เธออยู่ในมิติที่สาม และมิติที่สามเองก็กำลังเลือนหายไป ร่างกายของเธอจะเบาขึ้นและสว่างไสว ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ซึ่งคนรอบๆ ตัวเธอจะสังเกตเห็นได้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ที่ทำให้เธอแปลกไป แต่พวกเขารู้ว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ

    ยิ่งเธอสามารถรักษาและเก็บเอาพลังงานที่สูงกว่า ที่เข้ามาได้มากเท่าไหร่ สนามพลังงานแห่งแสงรอบๆ ตัวเธอก็ยิ่งมีอิทธิพลกว้างขวางมากขึ้น ขอเพียงเธอเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะไปที่ไหน เธอได้ประทับรอยพลังงานของเธอไว้ ซึ่งมันจะมีผลต่อทุกคนและทุกสรรพสิ่งอย่างอัศจรรย์ สัตว์เลี้ยงของเธอก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอได้ และอยากที่จะเข้ามาใกล้ๆ เมื่อมีโอกาสเพื่อมารับเอาพลังงาน สิ่งมีชีวิตทั้งหลายสังเกตเห็นแสงสว่างของเธอ ซึ่งแสงสว่างดึงดูดให้พวกมันเข้ามาหาเธอ ถ้าเธอสงสัยว่าทำไมมีสัตว์ต่างๆ มาอยู่ในบริเวณบ้านของเธอละก้อ ขอให้เธอรู้ไว้ว่าเธอกำลังให้ความหวัง และความปลอดภัยแก่สัตว์เหล่านั้น ในช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้อยู่

    พวกเราบอกเธอไปแล้วว่า วิธีการที่ทำให้การเลื่อนระดับของเธอ ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมั่นคงที่สุดในคือการฝึกฝนจิต โดยการเผชิญหน้ากับตัวเธอเอง ทั้งด้านดีและร้ายอย่างซื่อตรง และจงให้อภัยแก่ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เธอได้พบขณะฝึกฝนจิต ให้อภัยแก่ตัวเธอเองและ่ทุกๆ คนไม่ว่ามันจะเคยเกิดอะไร ที่ไหน ในช่วงชีวิตของเธอ การให้อภัยนี้จะยกระดับความถี่ของเธอให้สูงขึ้น ซึ่งจะทำการรักษาระดับความถี่ง่ายขึ้น ในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึง การให้อภัยสลายความโกรธและความลำเอียง ได้เร็วกว่าวิธีอื่นๆ ที่เธอเคยได้ทำมัน ทำให้หัวใจและจักระอื่นๆ สะอาด ซึ่งทำให้เธอเปิดรับเอาแสงสว่างที่เข้ามาหาได้มากขึ้น

    เธอยังจะมีความรู้สึกอยากนอนนานๆ สลับกับความรู้สึกกระปรี้ประเปร่า อยากจะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ต่อไปเรื่อยๆ ปรับตัวให้ชินกับการผลัดเปลี่ยนของความรู้สึกทั้งสองนี้ ให้เธอหาเวลาพักผ่อนเมื่อต้องการ การพักผ่อนนี้เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการอย่างมาก เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซมตัวมันเองในจุดต่างๆ เมื่อเธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามีกำลัง นี้คือช่วงเวลาที่เธอจะทำให้ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่มาจากสนามพลังแห่งความเป็นไปได้ อันไร้ขีดจำกัดสำเร็จเป็นผล และเธอสามารถทำหลายๆ อย่างให้สำเร็จได้ในช่วงนี้

    จงใช้อำนาจในการตัดสินใจที่ดีของเธอในทุกๆ เรื่อง ขณะที่เธอเลือกว่าจะให้ความสนใจแก่เรื่องไหน นี้คือการเลือกว่าอะไรจะถูกสร้างสรรค์ขึ้นในโลกของเธอ (ให้ความสนใจแก่เรื่องที่ดี ก็จะมีแต่สิ่งดีๆ ปรากฏในโลกของเธอ) จงเรียกหาพวกเราบ่อยๆ เพื่อที่เราจะสามารถช่วยเหลือเธอได้มากขึ้นในแต่ละวัน

    เจอกันสัปดาห์หน้า…
    เราคือฮิลาริออน

    waterydis สมาชิก

    อันที่จริงเราได้เริ่มแปลข้อความนี้ตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ข้อความออกมาช้าเพราะติดช่วงอีสเตอร์ ตั้งใจว่าจะแปลให้เสร็จในวันนั้นเลย ขณะที่แปลพารากราฟที่สองอยู่นั้น เกิดอาการหมดแรง คือมันเหมือนถูกดูดพลังงาน ออกจากร่างกายไปจนหมด พยายามที่จะแปลส่วนที่เหลือของพารากราฟนั้นให้เสร็จ แต่แปลไม่ออก เรียบเรียงคำไม่ถูก สมองตัน ไม่มีสมาธิ พยายามอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก็ยกเลิกความตั้งใจ รู้สึกเหนื่อยมากทำให้อารมณ์เสียไปด้วย ต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกประคองสติ เมื่อวานอาการเพิ่งดีขึ้น วันนี้เกือบเป็นปรกติหลังจากนอนไปรวดเดียว 12 ชั่วโมง แต่มันแปลกไปเพราะพลังงานที่มาแทนความอ่อนเพลียนั้น มันเบาและเย็นกว่าแต่ก่อน มันเหมือนการหายใจที่ละเีอียดมาก จนเหมือนไม่มีอากาศแต่มันเต็มเปี่ยมอยู่

    Chayutt สมาชิก

    ความรู้สึกที่ผมบอกว่า "มันแปลกไป" นั้น ก็คงราวๆกับความรู้สึกที่คุณ waterydis กระมังครับ ของผมมันจะรู้สึกไม่มาก แต่ก็พอรู้ว่ามันแปลกไป เวลานั่งสมาธิ พอถึงจุดๆหนึ่ง มันจะเหมือนเราเปิดประตู ออกไปรับเอาพลังงานที่แปลกออกไป ที่เราไม่เคยไปถึงมาก่อน แต่ว่าทั้งร่างกายและจิตใจ จะตอบสนองต่อจุดๆนั้นอย่างมาก คือจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างมาก แสงสว่างที่เห็นในจิต ก็จะสว่างขึ้นกว่าเดิม และมันเหมือนอารมณ์ความรู้สึก จะกำลังสั่นสะเทือนอยู่ด้วยท่วงทำนองที่แผ่วเบา นุ่มนวล แต่ก็ปิติสุขนิดๆ ไม่ถึงกับดื่มด่ำอะไรมากมาย บรรยายลำบากครับ แต่ก็ราวๆนี้แหละครับ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-352
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2013
  6. ลูกคุณพระ

    ลูกคุณพระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +94
    ขอบคุณมากกกกกก ที่แปลให้อ่านเป็นเช่นนั้นจริงจริงขอบคุณค่ะ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    แผ่นดินไหวเชียงใหม่ 2.9 ริกเตอร์ รับรู้แรงสั่นสะเทือนหลายพื้นที่ !!!

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหว ที่ จ.เชียงใหม่ ขนาด 2.9 ริกเตอร์ แรงสั่นสะเทือนทำให้ประชาชนหลายพื้นที่รับรู้ได้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    เมื่อวันที่ 6 เมษายน สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. ของวันที่ 5 เมษายน ได้เกิดแผ่นดินไหว ที่ จ.เชียงใหม่ ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวลึกราว 5 กม. อยู่บริเวณ ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นมีรายงานว่า ประชาชนในหลายพื้นที่ที่ อ.แม่วาง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ โดยกระจกตามบ้านเรือนสั่นไหว ขณะที่ อาคารเฉลิมพระบารมี โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ อ.เมือง ก็สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้เช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่า พบความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้รับทราบถึงการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้แล้ว และประชาชนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.แม่วิน สามารถรับรู้แรงสั่นได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่มีรายงานผลกระทบความเสียหายใด ๆ

    สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น

    ที่มา แผ่นดินไหวเชียงใหม่ 2.9 ริกเตอร์ รับรู้แรงสั่นสะเทือนหลายพื้นที่
     
  8. natthaphon2526

    natthaphon2526 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +43
    มีใครคิดแบบผมหรือเปล่าครับ ว่าเหตุการณ์ร้ายๆ(ที่รุนแรงอย่างไม่เคยเห็น)จะคงยังไม่เกิดภายใน20-30ปีนี้แน่นอน เพราะประเทศเรามีพระโพธิสัตว์อยู่เยอะแยะมากมายที่ช่วยประเทศเราอยู่ แต่ถ้าจะเกิดจะหลังจากนี้ อีก 45 ปี เพราะอะไรที่ผมมั่นใจ เพราะพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตได้ประกาศแล้วว่า จะอยู่ช่วยโลก อีก 45 ปี จะเป็นใครนั้นหลายๆคนอาจจะพอรู้แล้ว แต่ผมไม่กล้าเอยเดียวจะโดนว่าเอาได้ เอาเป็นว่าลองเอาเวลาตั้งปีนี้ 2556 แล้วนับเพิ่มไปอีก 45 ปี จะรู้ว่าเป็นใคร ท่านๆนั้นแหละครับที่ผมว่า เป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตและทรงยิ่งใหญ่เสมอมา
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นครเซี่ยงไฮ้ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในตลาดอีก 2 แห่ง !!!

    [​IMG]

    เซี่ยงไฮ้ 6 เม.ย. - สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบร่องรอยเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในตลาดอีก 2 แห่ง หลังจากเจ้าหน้าที่กำจัดนกกว่า 20,000 ตัว ในตลาดค้าสัตว์ปีกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้

    รายงานระบุว่า พบตัวอย่างเชื้อไวรัสสายพันธุ์ H7N9 ที่ตลาด 2 แห่ง ซึ่งจำหน่ายสินค้าเกษตรในย่านมินฮางของนครเซี่ยงไฮ้ ตลาดทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ใกล้กับตลาดสัตว์ปีกหูหวย ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตรวจพบนกพิราบติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว และได้ดำเนินการกำจัดนกกว่า 20,000 ตัว ทั้งนี้ ทางการนครเซี่ยงไฮ้ได้สั่งห้ามนำสัตว์ปีกจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศเข้ามาในนครเซี่ยงไฮ้ และได้ปิดตลาด 3 แห่ง เพื่อสกัดกั้นการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้

    จนถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในจีนแล้ว 16 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกของจีน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย และการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ยังสร้างความกังวลในต่างประเทศ ทั้งยังส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นสายการบินในยุโรปและฮ่องกง อย่างไรก็ตาม ไวรัสสายพันธุ์นี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดจากคนสู่คน แต่หน่วยงานต่างๆ ในแผ่นดินใหญ่ของจีนและฮ่องกง กล่าวว่า ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ. - สำนักข่าวไทย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 6 เม.ย. 2556 11:40 |

    ที่มา นครเซี่ยงไฮ้ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกในตลาดอีก 2 แห่ง | MCOT.net | MCOT.net
     
  10. 123go

    123go เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +302
    ภัยเศรษฐกิจจะต้องเกิดอย่างแน่นอน มิช้าก้เร็ว เพราะว่า หนี้มันท่วมโลกแล้วขณะนี้ แฮๆๆๆ ไทยเราก็ใช่ย่อยนะ

    The single greatest problem we face is that we borrow constantly with no intention of paying anything off. In fact, if we tried to pay off the debts that all nations are creating, there would be massive revolution and the rivers would turn to blood...... Martin armstrong
     
  11. 123go

    123go เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +302
    สถานะ หนี้ของประเทศไทย อ่า.....อันนี้ยังไม่รวมไอ้ สองล้านล้านนะ
    :boo: ตอนนี้ดอกเบี้ยก็ปีละมหาศาลแล้ว คำนวนเอาเองจะเป็นเท่าไหร่ ในอนาคต

    Thailand Debt Clock :: National Debt of Thailand
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2013
  12. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ยอมแบบนี้ ดีกว่า เป็นหนี้ขนาดนั้น
    [​IMG]
     
  13. diowcnx

    diowcnx Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +46
    แล้วรัสเซียก็เงียบไป
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
  15. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ตอนนี้อากาศที่บ้านกำลังเย็นสบาย (ไม่ต้องเปิดพัดลม) ประมาณ 28 องศา แต่คนไม่ค่อยสบาย กำลังรู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างไรไม่รู้ เมื่อคืนลมแรงมากตอนเช้าเลยอากาศเย็น และวันนี้ก็อากาศดีทั้งวัน ทั้งที่วันก่อนหน้าร้อนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ({)
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เตรียมการรองรับภัยพิบัติ...ของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา !!!

    [​IMG]

    วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

    จริง ๆ แล้ว เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องการมาติดต่อสื่อสาร การมาเตรียมการ การมาแจกอุปกรณ์เพื่อสะดวกในการสื่อสารกับมนุษย์มากขึ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากทั้งสิ้น

    ดังนั้น แม้แต่มนุษย์ต่างดาวที่ให้ทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ออกสู่สาธารณะให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ ก็ยังมิได้มีจุดมุ่งหมายให้เชื่อในทันที เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก จึงเป็นการ" แจ้งเพื่อทราบ " เท่านั้น

    เปรียบเสมือนหน่วยดับเพลิง เมื่อไม่ใช่เวลาปฏิบัติงาน เขาก็ใช้ชีวิตเป็นปกติ เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แต่เขาย่อมมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงมากกว่าบุคคลธรรมดา มีการฝึกซ้อม มีความพร้อม ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ซึ่งดูภายนอกเราอาจมองไม่เห็นความแตกต่างอะไร

    เมื่อมีการแจ้งให้ทราบว่า หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่นี่ แจ้งเหตุฉุกเฉินได้ตามหมายเลขนี้ เราก็ได้รับทราบ รับรู้ แม้จะไม่ได้สนใจก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในหมู่บ้าน สิ่งที่เราจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ หน่วยดับเพลิง เพราะรู้ว่าเขาทำหน้าที่อะไร และแจ้งได้ที่ไหน

    ในขณะที่ทุกคนต้องวิ่งหนีออกจากไฟ แต่นักดับเพลิงต้องวิ่งเข้าไปหาไฟ ต้องเข้าช่วยคนที่ติดอยู่ข้างใน เข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง ในวินาทีนั้น เขาต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือโดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง และมันก็เป็นอัตโนมัติของผู้ทำหน้าที่เช่นนี้ โดยมีอุปกรณ์คือชุดป้องกันไฟในการเข้าไปช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในกองไฟ ภายในอาคารนั้น

    ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปรับรู้ก็ได้ว่า เขามีขั้นตอนการทำงานกันอย่างไร เขาต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง เขาเตรียมการอย่างไรเมื่อไฟไหม้ วิธีการช่วยเหลือต้องทำอย่างไร หรือเขามีวิธีการฝึกซ้อมกันมาอย่างไรจึงไม่กลัวที่จะเข้าไปในกองเพลิงนั้น สิ่งเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทราบก็ได้ในบุคคลโดยทั่วไป แค่รับทราบผ่าน ๆ ก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ มี หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่ตรงนี้ และทำหน้าที่ดับเพลิงเมื่อเกิดไฟไหม้เท่านั้นก็พอ

    ซึ่งสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยเปรียบเทียบให้ฟัง ซึ่งใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม

    ทางโลกก็คือได้ " แจ้งเพื่อทราบ " ไว้ว่า กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่รับข้อมูลการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งภารกิจนี้ก็เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างมนุษย์ต่างดาว กับมนุษย์โลก และเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือในเวลาที่เกิดวิกฤตกับโลกใบนี้ ดัวยเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งโลกใบนี้ วิกฤตการณ์เรื่องของภัยพิบัติ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมของมนุษย์โลก

    ดังนั้น คนที่จะต้องมาทำงานเรื่องของภัยพิบัติ ก็ย่อมต้องมีจำนวนมากด้วย มิใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดียว แต่ทำอย่างไรจึงจะสามารถให้คนกลุ่มใหญ่สามารถรับทราบข้อมูล รับทราบข่าวสาร รับทราบกระบวนการช่วยเหลือภัยพิบัตินี้ได้โดยทั่วถึงกันได้ เพราะมีมากถึง 5,000 คนทั่วโลก ดังนั้น จึงต้องมีการตั้งทีมงานไว้ก่อนล่วงหน้า มีการวางแผน มีการเตรียมการ มีการแจกงานกันมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาเกิดแล้ว มีการขันอาสามาทำงานเฉพาะกิจในครั้งนี้ ซึ่งมนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้แล้วว่า เขาเตรียมการเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติไว้เป็น 3 ช่วง คือตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และฟื้นฟูหลังการเกิดภัยพิบัติ จะนำมาอธิบายซ้ำอีกครั้ง
    .................................................

    ก่อนเกิดภัยพิบัติ

    ก็มีการมาวางแผนงาน วางโครงการ เตรียมกลุ่มบุคคลที่ต้องสื่อสาร เตรียมสถานที่ไว้หลายแห่งโดยการสร้างเครื่องป้องกันรังสี สำรวจแหล่งอาหารเพื่อเตรียมการช่วยเหลือ บางแห่งอาจต้องมีการช่วยเหลือที่มากกว่าจุดอื่น ๆ เช่นบริเวณริมทะเล ที่จุดอื่นต้องจมไป แต่จุดช่วยเหลือจุดนั้นต้องตั้งอยู่ไม่ได้จมตามจุดอื่น ๆ ก็เพราะต้องมีการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเข้าไปเสริม มีการสร้างระบบป้องกันที่ต้องมากกว่าจุดอื่นทั่ว ๆ ไปนั่นเอง เพื่อป้องกันมิให้จม มิให้กระทบ และสามารถตั้งอยู่ตรงจุดนั้นได้

    และมนุษย์โลกก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่าทำอย่างไร เพราะถึงบอกไปก็ไม่อาจเข้าใจได้เพราะเทคโนโลยีของมนุษย์ยังไปไม่ถึง ซึ่งบางท่านที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของภัยพิบัติ ก็จะพอทราบว่า มีบางจุดเตรียมสร้างจุดให้ความช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติที่ริมทะเลบ้าง สมุทรปราการบ้าง ชลบุรีบ้าง ภาคใต้ชายทะเล หรือแม้แต่ราชบุรี กาญจนบุรีก็ตาม ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นที่ปลอดภัย แต่ทำไมคนสร้างจึงได้รับการสื่อสารมาว่า ที่นี่ปลอดภัยให้สร้างเป็นจุดหลบภัยได้ ทั้ง ๆ ที่มองภายนอกย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอดภัย

    แต่สิ่งเหล่านี้ ผู้ที่ได้รับการสื่อสารเพื่อสร้างที่แต่ละแห่งในจุดเสี่ยงภัยนั้น ย่อมตระหนักดี และมีความมั่นใจว่าจะปลอดภัยได้จริง และจุดเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นที่รองรับบุคคลในส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น และไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังจุดอื่นในภาคต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ในระยะนี้ จะเห็นการสร้างสถานที่หลบภัยขึ้นจำนวนมาก ในจุดเสี่ยงภัย และจุดที่คิดว่าปลอดภัย และในแต่ละจุด มนุษย์ต่างดาวก็จะมีการเตรียมการให้การช่วยเหลือไว้แล้วแทบทั้งสิ้น แม้ว่าจุดนั้น เขาจะไม่รู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาวเลยก็ตาม

    ขณะเกิดภัยพิบัติ

    มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ ในรูปแบบต่าง ๆ จะเห็นจานบิน บินกันให้ว่อน เพราะมนุษย์ไม่สามารถมียานพาหนะใด ๆ ไปช่วยเหลือกันเองได้แล้ว จะอยู่กันเป็นจุด ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ตามแหล่งต่าง ๆ ตามป่าเขา กลางทะเล เมื่อเกิดพร้อมกันทั่วโลก ก็จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือใครได้ เขาก็ต้องให้การช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน

    ไม่ว่ามนุษย์จะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยกล่าวไว้แล้วเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับที่สื่อสารกับมนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งได้แจ้งให้มนุษย์โลกได้รับทราบผ่านทางต่างประเทศไปแล้ว ในบทความบางส่วนจากหนังสือจานบินวิเคราะห์ ในเรื่องการเตรียมการลงจอดโดยสื่อสารจาก ”ทอม”
    ...............

    "ในการเตรียมงานตามแผนที่หนึ่งคือการลงจอดบนพิภพโลก กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานใหญ่ได้เข้าสำรวจสภาวะและสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้วเรื่องยูเอฟโอที่พวกมนุษย์ตกใจและพากันสงสัยนั่น คือยานของพวกที่มาทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการประเมินผลการทดลองและทดสอบข้อมูลต่าง ๆได้กระทำสำเร็จไปแล้วหลายเรื่องเราเตรียมการทุกอย่างเพื่อดำเนินเข้าสู่แผนที่หนึ่ง เมื่อเวลานั้นมาถึง ปฏิบัติการลงสู่พื้นพิภพจะทำให้มนุษย์ส่วนหนึ่งตกใจและเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรง เราได้ศึกษาแล้วว่าช่วงเวลานั้นจะไม่กินเวลานานเท่าใดความกระทบกระเทือนจะไม่ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงมากถึงกับเกิดการเสียหายหรือเกิดสภาพที่เรียกว่า "สังคมช้อค" มนุษย์จะยอมรับพวกที่มาลงโดยดี"

    "พูดถึงจานบินผมอยากทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่"ดร.แอนดริจาถามต่อไป

    "ส่วนใหญ่แล้ว ยานบินที่มาปรากฎบนโลกของท่านเป็นยานบินของพวกสมาชิกกลุ่มสากล มาจากดวงดาวหลายแห่งยานพวกนี้มาในรูปแบบของวัตถุที่เป็นมวลสารแต่มียานบินของพวกเราบางครั้งได้ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง ยานพวกนี้เป็น "เครื่องจักรไร้มวลสาร" (Non physical)

    " ในการติดต่อครั้งนี้ จุดประสงค์ใหญ่คือเราต้องการทำโครงการเพื่อเตรียมมนุษย์โลกให้พร้อมเพื่อรับการลงสู่พิภพ..... การลงจอดของยานที่พวกท่านเรียกว่า "จานบิน" ...ตามโครงการนี้ การลงจอดจะใช้เวลา 9 วัน ตามเวลาบนโลกของท่าน ในช่วงเวลา 9 วัน ท่านจะเห็นยานบินของพวกเราลงจอดทั่วไปตามจุดกำหนดที่จะบอกให้ทราบต่อไป การลงสู่พื้นพิภพโลกจะกระทำด้วยยานบินหลายประเภทยานส่วนมากจะอยู่บนผิวพื้นโลกเพื่อดำเนินงานตามโครงการแผนขั้นที่ 2 คือการติดต่อกับผู้นำของพวกท่านทั่วโลก เพื่อดำเนินการตามแผนขั้นที่ 3 ต่อไป"
    .................................

    นี่เป็นข้อความบางส่วนจากการบันทึกของการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับเขากะลานี้ โดยได้ทำการติดต่อกับทั่วโลก มีการแจ้งให้ทราบไว้เป็นหลักฐานแล้วก่อนหน้านั้นนับสิบๆปี

    ดังนั้นใน ขณะเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ และผู้ที่จะต้องเข้าร่วมงานกับมนุษย์ต่างดาวในขณะนั้น ก็คือผู้ที่ได้รับการสื่อสารผ่านอุปกรณ์ที่มนุษย์ต่างดาวติดตั้งไว้ให้นั่นเอง ไม่ว่าผู้นั้นจะทราบหรือไม่ทราบ แต่ในเวลาที่เกิดวิกฤต ก็จะสามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งการรับข้อมูลนั้นจะมีความเข้าใจในข้อมูลได้เลย โดยไม่ต้องใช้การแปล และเป็นผู้นำในพื้นพิภพ ที่จะนำผู้อื่นไปยังจุดปลอดภัยยังที่ต่าง ๆ ที่ได้มีการตระเตรียมเอาไว้แล้ว

    มนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้นานแล้วว่า จะต้องมีผู้นำบนพื้นพิภพโลก ในการให้ความช่วยเหลือบุคคลอื่น และรับข้อมูลเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน เพราะมนุษย์ต่างดาวจะไม่สามารถเดินลงมาจากยานอวกาศได้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ได้ในเวลานั้น แต่ต้องใช้มนุษย์ที่ขันอาสามานี้เป็นผู้รับข้อมูล รับอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ให้มนุษย์ด้วยกัน

    ดังนั้น หลายคนที่มาสัมผัสกับกลุ่มเขากะลา ก็เริ่มพบเจอเรื่องแปลก ๆ เรื่องมิติ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว การเห็นวัตถุแปลก ๆ การฝันเห็นจานบิน เห็นมนุษย์ต่างดาว ซึ่งคนที่ได้เคยมีประสบการณ์การพบเรื่องราวแปลกๆต่าง ๆหลากหลายรูปแบบนั้น ก็อาจเป็นผู้ที่ได้ขันอาสามาทำงานในโครงการนี้ และอาจจะเป็นผู้นำบนพื้นพิภพในช่วงเวลาวิกฤตนั้นก็เป็นได้

    เพราะบางคนก็จะเริ่มมีการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารเพื่อทดลองใช้งานในแต่ละรูปแบบ จึงได้มีการพบเจอเรื่องแปลก ๆ กันบ่อยมากขึ้น แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ไม่เกินไปจาก การทำตัวอย่าง ไว้ให้ดูแล้วกับกลุ่มที่ถูกฝึกให้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวโดยตรงนั่นก็คือกลุ่มเขากะลา

    ดังนั้น ทุกคนที่มีประสบการณ์เช่นว่านี้ก็สามารถสอบถาม และเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นตัวอย่างกับท่านอื่น ๆ ที่เริ่มพบเจอด้วยตัวเอง มากขึ้น และบ่อยขึ้น เพื่อผู้คนต่าง ๆ เหล่านั้นจะได้รับทราบและนำไปเทียบเคียง ดีกว่าคิดว่าตนเองเพี้ยนอยู่คนเดียว นี่เป็นขั้นตอนขณะเกิดภัยพิบัติ ที่มนุษย์ต่างดาว ก็ยังอยู่ให้ความช่วยเหลือ และสื่อสารผ่านบุคคลจำนวนมาก เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นเป็นตัวแทนของมนุษย์บนโลกนี้ ยิ่งได้ฟัง ก็ยิ่งยากจะเชื่อได้ นอกจากบางท่านที่ได้เคยพบเห็นจานบินมากก่อน พบเจอปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อธิบายไม่ได้บ่อยครั้งเข้า ก็เริ่มที่จะสังเกต และค้นหาว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร เพราะสิ่งเหล่านี้หากไม่ได้ประสบด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเชื่อได้ เพราะไม่สามารถหาสิ่งใดมาเทียบเคียง จึงลงความเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องจริง มนุษย์ต่างดาวจึงทำได้เพียง ให้ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น
    .........................................

    หลังการเกิดภัยพิบัติ

    จะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง จนสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ก่อนที่จะกลับไปยังดวงดาวของเขา เพราะเขาบอกไว้แล้วว่า ไม่สามารถอยู่ได้บนโลกใบนี้ เมื่อหมดภารกิจ ก็จะกลับไปเพื่อช่วยเหลือยังดาวดวงอื่น ๆ ต่อไป

    และมนุษย์ผู้ที่จะรับการถ่ายทอดทั้งด้านเทคโนโลยี และพัฒนาทางจิตควบคู่กันไปนั้น จะเป็นผู้ฟื้นฟูดาวดวงนี้ในรุ่นต่อ ๆ ไป จะเห็นว่าผู้ที่ยังเป็นเด็กอยู่ในขณะนี้ หรือเด็กรุ่นหลังนี้ หลายต่อหลายคน เราจะพบว่าบางคนมีความพิเศษเฉพาะตัวมาตั้งแต่เกิด มีการพบเห็น มีการรับรู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาว มีเซ้นท์มาตั้งแต่เกิด และสามารถรับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเห็นจานบิน เห็นวัตถุแปลก ๆ สนใจวาดภาพจานบิน สนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว ฝันเห็นมนุษย์ต่างดาว หรือรับข้อมูลเองได้เลย มาตั้งแต่เด็ก ๆ

    เด็กที่มีเซ้นท์พิเศษต่าง ๆ เหล่านี้แหละจะเป็นรุ่นต่อไปที่จะได้รับการถ่ายทอดทั้งทางเทคโนโลยี และทางจิตควบคู่กันไป นี่เป็นการแจ้งเพื่อทราบ ในขั้นตอนการช่วยเหลือ ตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิด ซึ่งคุณจะเชื่อหรือไม่ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงดำเนินโครงการต่อไปอยู่นั่นเอง

    และที่มนุษย์ต่างดาวให้ "แจ้งเพื่อทราบ" ไว้ล่วงหน้า เพราะในขณะนี้เขาได้เริ่มมีการเปิดตัวมากขึ้น จึงมีการพบเห็นจานบินของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก มีการพบเจอปรากฏการณ์แปลก ๆ มากขึ้น มีการฝันซ้ำ ๆ ในเรื่องเดียวกันบ่อยครั้ง มีการรับการสื่อข้อมูลเข้ามาในบางท่านได้ มีการพบเจอมิติหลากหลายรูปแบบ จึงได้มีการทำตัวอย่าง ไว้มากมายในหลายกลุ่ม หลายบุคคล และหลายสถานที่ เพราะเมื่อท่านใดพบเจอเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ทราบว่าจะไปถามใคร ณ จุดนี้ที่เขากะลาและกลุ่มประสานงานฯ ก็เป็นจุดที่สามารถอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่านได้ ดังนั้นจึงต้องทำการแจ้งให้ทราบในเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนเป็นเบื้องต้น

    ที่มา UFOKAOKALA: เตรียมการรองรับภัยพิบัติของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    มนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี..กำลังช่วยโลกจากระเบิดนิวเคลียร์ !!!

    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก

    สรุปสิ่งที่รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติ บอกมาก่อนดีกว่านะครับ เอาแบบสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ก็แล้วกันนะครับ..เพื่อเป็นการทบทวน และเพื่อปูพื้นให้กับผู้ที่ยังใหม่กับข้อความจากต่างมิติอยู่

    พวกเขาบอกว่า...

    1). ดาวเคราะห์โลกใบนี้ และระบบสุริยะทั้งระบบนี้ กำลังจะเข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว เพราะว่ามีสาเหตุมาจากหลายเหตุปัจจัยด้วยกัน ได้แก่จุดที่ระบบสุริยะของเราโคจรไปอยู่ในกาแล็กซี่นี้หนะ มันเป็นจุดที่มีพลังงานแตกต่างไปจากเดิม ก็เหมือนกับที่โลกของเราโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 1 ปีหนะแหละครับ ซึ่งถ้าท่านยังจำบทเรียนสมัยประถมได้ ท่านก็จะรู้ว่า "ฤดูกาล" ของโลกก็จะเปลี่ยนไป ตามจุดที่มันโคจรไปอยู่ด้วย..จำได้ไหมครับ?

    ดังนั้น ระบบสุริยะของเรา ที่กำลังโคจรไปรอบๆกาแล็กซี่นี้อยู่ก็คล้ายๆกันครับ คือแต่ละจุดที่มันไปอยู่ ฤดูกาลก็จะเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกันครับ แต่เขาไม่เรียกว่าฤดูกาล เขาเรียกว่า "ยุค" แทนครับ และแต่ละยุคก็กินเวลาราวๆ 26,500 ปีครับ ยุคใหม่นี้ บางข้อมูลก็เน้นว่าเกี่ยวข้องกับ Photon zone ด้วย แต่บางข้อมูลก็ไม่เน้น เพราะว่าจะไปเน้นที่ปัจจัยอื่นๆแทน

    2). จังหวะที่จะถึงวันสิ้นยุคเก่า และเข้าสู่ยุคใหม่นี้ คือช่วงปลายปี 2012 ตามที่ปฏิทินชาวมายันได้ระบุเอาไว้ ดังนั้น รูปธรรมชีวิตทั้งหลายในจักรวาล ซึ่งพวกเขาก็มีระบบระเบียบการบริหารจัดการ และปกครองอยู่เหมือนกัน จึงพากันลงมาช่วยกันเปลี่ยนยุคของโลก ให้เป็นยุคที่หมดจากยุคมืด หมดจากความชั่วร้ายทั้งหลาย อะไรแบบนั้นหนะนะครับ..ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ มันก็ต้องจัดการหลายๆอย่าง เช่น

    2.1). กำจัดเผ่าพันธุ์ต่างมิติฝ่ายมืด คือพวกอะนุนนากิ (Annunaki) ออกไปจากโลกใบนี้
    2.2). กำจัดลูกสมุนของ Annunaki คือพวก Illuminati ให้หลุดออกไปจากอำนาจ

    3). ยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์โลกให้สูงขึ้น โดยการ (ตัวอย่างเฉยๆนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้วิธีการทั้งหมดหรอก)

    3.1). ยกโครงข่ายแม่เหล็กโลกให้สูงขึ้น แล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นโครงข่ายพลังงานแบบใหม่ที่ดีกว่า, มีประสิทธิภาพมากกว่า และเอื้ออำนวยต่อการรู้แจ้งของมนุษย์โลกมากกว่า

    3.2). เปลี่ยนโครงสร้างร่างกายเนื้อของมนุษย์โลก จากเซล Carbon base ไปเป็นแบบ Crystal base โดยการ upgrade DNA ของมนุษย์ขึ้น จากที่มีชั้นเดียว อยู่ในมิติเดียว ให้กลายเป็นมี 12 ชั้น 12 มิติ

    3.3). เปลี่ยนโครงสร้างกายละเอียดและกายทิพย์ของมนุษย์โลก จากระบบ Mer-Ka-Ba ไปเป็นระบบ Mer-Ka-Va และ Mer-Ka-Ra ซึ่งก็คือระบบที่ดีกว่า upgrate กว่า และเอื้ออำนวยต่อการรู้แจ้งของมนุษย์มากกว่า เช่นเดียวกันครับ

    3.4). เปลี่ยนระบบสนามพลังออร่าของมนุษย์โลก จากระบบจักระพื้นฐาน 7 จักระ ไปเป็นแบบระบบ 12 จักระ และประสานรวมกันกลายเป็นระบบ 13-20-33 ในที่สุด

    ข้อมูลทั้งหมดที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ มีรายละเอียดอยู่ในกระทู้ต่างๆที่พวกเราแปล และโพสต์ไปแล้วทั้งนั้นแหละครับ..ถ้าท่านใดสนใจก็ค้นดูเอาเองนะครับ และอย่าลืมว่าการที่จะเปลี่ยนอะไร ให้ได้ตามที่ระบุมาแต่ละข้อนั้น มันก็ต้องมีเทคนิคและวิธีการครับ อย่างเช่นประเด็นการเปลี่ยนโครงข่ายพลังงานโลก ไปเป็นโครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ 144 มันก็ต้องอาศัย พลังงานจากการกระตุ้นคริสตัลแม่ ขนาดใหญ่ของชาวแอตแลนติส บวกกับ Golden Sun disc และ Pyramid ต่างๆทั่วโลกด้วย..ซึ่งส่วนนี้ก็คือเนื้อหาในกระทู้นี้ และในกระทู้อื่นๆด้วยหนะนะครับ

    แต่ประมาณว่า กุญแจสำคัญทั้งหมดของเรื่อง จะอยู่ที่ "พลังงาน" ครับ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานในร่างกายเนื้อ กายทิพย์ และกายอื่นๆก็ตาม รวมถึงระดับจิตสำนึกจะสูงได้ ก็เมื่อ "การตระหนักรู้มากขึ้น" หรือพูดอีกอย่างก็คือสามารถตระหนักรู้ออกมานอกขอบเขตของมายาการได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีระดับจิตสำนึกยิ่งมากเท่านั้นด้วย จนถ้าใครสามารถรู้แจ้งเห็นจริงได้ว่า อะไรคือมายาการ และอะไรคือความจริงที่จริงแท้ระดับปรมัตถ์ได้ ก็จะเข้าสู่สภาวะ "เป็นผู้รู้แจ้ง" นั่นเอง

    กระบวนการด้านพลังงานทั้งหมดนี้ทำมาหลายปีแล้ว และแต่ละปีก็จะมีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และจะเสร็จสิ้นในปี 2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นยุคเก่า และเริ่มยุคใหม่ คือจะเริ่มมีระบบโครงข่ายพลังงานโลกแบบใหม่ใช้แล้ว ซึ่งโครงข่ายพลังงานแบบใหม่นี้แหละ จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆทั้งหลาย โดยเฉพาะด้านการตระหนักรู้ และการยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์เกิดขึ้นตามมา ทีละน้อย ทีละน้อย

    4). ตอนนี้รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลาย กำลังแบ่งงานกันทำเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้านอื่นๆอยู่ด้วย ทั้งด้านเศรษฐกิจ - สังคม - ศาสนา - การศึกษา - วิทยาศาสตร์ - การเมืองและการปกครอง และด้านอื่นๆอีกมากมาย สรุปว่าทุกๆด้านหนะแหละ ซึ่งส่วนหนึ่งของวิธีการที่พวกเขาใช้ก็คือ "ใช้คนมาเปลี่ยนคน" หรือ ใช้คนเป็นคนมาเปลี่ยน หมายความว่า

    - อาสาลงมาเกิดเป็น starseed เป็น lightworker เป็น indigo เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก อย่ามองข้ามคำพวกนี้ไปนะครับ เพราะว่า "พวกท่านบอกว่า" ศาสดาทั้งหลาย, พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย, ปูชนียบุคคลสำคัญๆของโลกทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มาจากมิติที่สูงกว่า และมาเพื่อช่วยเหลือหรืออนุเคราะห์โลก และมนุษย์โลกทั้งนั้นแหละ พวกท่านเหล่านี้ก็คือ Starseed, lightworker หรือ indigo นั่นเอง

    - แปลงกายลงมา แอบแฝง และปะปนอยู่กับคนธรรมดาๆนี่แหละ

    - มีฐานปฏิบัติการอยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ คอยช่วยเหลือด้านต่างๆอยู่

    - อยู่บนยานอวกาศ ลอยอยู่ในโหมดพรางตัวเหนือโลก และไกลโพ้นจากโลก แต่ส่งความช่วยเหลือมาโดยตลอด เช่น คอยปัดลูกอุกกาบาตออกไป ให้พ้นโลกอยู่เป็นเนืองนิจ

    คอยส่งคลื่นพลังงานมาบล็อก หรือทำให้หัวอาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายมืด ใช้การไม่ได้ เป็นต้น ฯลฯ

    - ส่งกระแสจิต สื่อสารลงมาแจ้งข่าวต่างๆ ให้มนุษย์โลกที่สามารถรับสาส์นได้ทราบอยู่ตลอด รวมถึงสอน หรือ อธิบาย ข้อมูล ความรู้ใหม่ๆให้มนุษย์ได้ทราบด้วย ประเด็นนี้ก็อย่าเพิ่งดูถูกไปนะครับ เพราะว่าลองถาม "ผู้รู้" ดูสิครับ ว่าเวลานั่งสมาธิแล้ว ความรู้ทั้งหลายมันจะผุดขึ้นมา รู้เอง เห็นเอง จริงหรือเปล่า ?

    แล้วความรู้พวกนั้นมันมาจากไหน ทราบไหมครับ? จากรูปธรรมชีวิตต่างมิติบ้าง (ทั้งฝ่ายมืด และสว่าง เช่นครูบาอาจารย์ของเราเองเป็นต้น) จากตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเราเองบ้าง จาก collective consciousness ของจักรวาลเองบ้างก็มี

    - ส่งกระแสจิตมาดลใจให้มนุษย์โลกบางคน "รู้" และ "คิดออก" และ "หาเจอ" ฯลฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเลื่อนระดับขึ้น หรือ Ascension ของโลกใบนี้

    แต่ทั้งหมดนี้ พวกเขาก็มีกฎที่พวกเขาเคารพอยู่นะครับ ก็คือ "กฎแห่งทางเลือกอิสระ" ของมนุษย์โลก ที่พวกเขาจะไม่ละเมิดอย่างเด็ดขาด ถ้ามนุษย์ไม่ร้องขอเอง หรือ ถ้าพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนมา หรือถ้าพวกเขาไม่ทำเพื่อปกป้องอะไรบางอย่าง พวกเขาก็จะไม่ละเมิดเด็ดขาด

    ดังนั้น เวลาท่านนั่งสมาธิ ท่านจึงควรจะอาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มาช่วยท่านไงหละครับ หรือทางคริสต์ ก็ถึงต้องมีพิธีมอบกายถวายตัวให้เป็นคนของพระเจ้า อะไรแบบนั้น เอ..พุทธก็มีนี่ครับ..พุทธัง สรนัง คัจฉามิ และต้องพูดถึงสามครั้งด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเราตั้งใจ ขอพึ่งท่านจริงๆ ท่านถึงจะช่วยได้

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...้-and-ยุคแห่งพลังงานคริสตัลไลน์.312853/page-5
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013
  18. วิมุติสุข

    วิมุติสุข สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +23
    ประเทศไทย ไม่ควรกู้หนี้ ก้อนใหญ่ เพื่อ ซื้อรถไฟ ....

    นี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ คนไทย และลูกหลานไทย ลำบาก มากๆ ในอนาคต

    การเป็นหนี้ ไม่ดี อาจทำให้ประเทศชาติต้องเสียหาย หรือถึงกับ เสียดินแดนได้ ดังที่ประเทศ เกือบลำบากเพราะ IMF มาแล้ว

    รถไฟนี้ คนส่งผักคนไทย คงไม่ได้ใช้ คงเป็นชาติอื่นมากกว่า คนขนของผิดกฏหมายผ่านรถไฟนี้ จะมีมากขึ้น คนร้าย ก็หนีง่ายขึ้น ปล้นตรงนี้ แล้วหนีไปอีกที

    ถ้าไม่ต้องเป็นหนี้ หาเงินอื่น มาซื้อรถไฟ ไม่เป็นไร แต่ถ้า หาเรื่องเป็นหนี้ ไม่ดีมากๆ

    เศรษฐกิจพอเพียง เป็นหนทางที่ลูกหลานไทย ควร กระทำ
    มีเพียงพอแค่ไหน ทำแค่นั้นก่อน

    สุขก่อน ย่อม ลำบากทีหลัง

    บรรพบุรุษไทย เสียเลือดเนื้อเพื่อรักษาดินแดนไทย มาเหนื่อยยากแค่ไหน
    ถ้าลูกหลานไทย ไม่ช่วยกันรักษาแผ่นดินไทย ก็น่าละอายมาก
    เดี๋ยวนี้ แผ่นดินไทย ต่างชาติ เขาซื้อกันได้ ด้วยเงินแล้ว ไม่ต้องรบเลย
    หลายๆ ธุรกิจ ก็เป็นของต่างชาติหมดแล้ว
     
  19. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    ต้องขอรบกวนท่านเกษม ขอข้อมูลหรือเรื่องระเบิดนิวเคลียร์ในอดีตลูกที่ ลงที่ฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นน่ะครับ มีข่าวภายหลังว่ามีสุดยอดแม่ชีชาวไทย ใช้พลังอำนาจจิตปัดระเบิดลูกนั้นจากเป้าหมายแถบประเทศไทยไปตก ที่ญี่ปุ่นแทน มีอ้างผลว่ามีคุณกับเมืองไทยเป็นอันมาก..ภายหลังท่านสิ้นชีพลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิด จัดงานศพตอบแทนยิ่งใหญ่ใกล้เคียงกับงานพิธีเปิดโอลิมปิคเลยครับ ลุกศิษย์ท่านยังคงอยู่สืบทอดความสามารถนี้นะครับ ทราบและได้ยินมาอีกว่าไปได้ใกล้หรือเทียบเท่ากว่าท่านแม่ชีอีกคือสามารถไปกลั่นถวายข้าวพระพุทธเจ้าที่อายตนนิพานอะไรนี่แหละทุกๆสิ้นเดือน-ต้นเดือน ไทยเราคงไม่ต้องพึ่งมนุษย์ต่างดาวหรอกครับเชื่อผมเถอะ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ผู้นำจีนระบุเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหม่ !!!​

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 7 เม.ย.-ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระบุวันนี้ว่าเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหม่ พร้อมกล่าวเตือนว่า ไม่ควรยอมให้ใครก็ตามทำให้ภูมิภาคนี้ ประสบปัญหาความวุ่นวาย ท่ามกลางความตึงเครียดหลังจากเกาหลีเหนือขู่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์แก้ปัญหาความขัดแย้ง

    การกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุมประจำปีระหว่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นที่เกาะไห่หนาน ทางภาคใต้ของจีน ผู้นำจีนไม่ได้ระบุโดยตรงถึงวิกฤติการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หรือความขัดแย้งในการอ้างกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นและประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ผู้นำจีนกล่าวว่า นานาชาติไม่ควรนิ่งเฉยต่อผู้ใดก็ตามที่สร้างความวุ่นวายขึ้นในภูมิภาค เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและความเห็นแก่ตัว พร้อมกล่าวย้ำว่า จีนจะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของจีนอย่างแข็งขัน ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีปะทุขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากสหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือที่ทดสอบด้านปรมาณู ขณะที่สหรัฐและเกาหลีใต้ร่วมกันฝึกซ้อมทางทหารรอบใหม่ โดยเกาหลีเหนือขู่จะก่อสงครามนิวเคลียร์ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งกับเกาหลีใต้และสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 7 เม.ย. 2556 14:53 |

    ที่มา ผู้นำจีนระบุเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหม่ | MCOT.net | MCOT.net
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...