ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    น่ากลัวจังโรคอะไรเนี่ย ข่าวทีวีไม่เห็นออก รึว่าเราจะดูพลาดไป ที่จริงก็ไม่ได้เฝ้าจอตลอดเวลา
     
  2. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    พบผู้ป่วยผิวหนัง คล้ายโรคลึกลับ ในเวียดนาม โผล่แปดริ้ว

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 เมษายน 2555

    ฉะเชิงเทรา - พบเด็กหญิงวัย 6 ขวบเศษป่วยเป็นโรคผิวหนังลึกลับ คล้ายอาการของโรคที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศเวียดนาม ขณะผู้ปกครองผวา หวั่นระบาดในไทย หลังเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

    วันนี้ (23 เม.ย.55) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเด็กหญิงวัย 6 ขวบ 5 เดือนมีอาการป่วยเป็นโรคผิวหนัง มีอาการอักเสบแดงโผล่ขึ้นมาเป็นจ้ำๆ คล้ายกับโรคผิวหนังลึกลับที่กำลังเกิดการระบาดขึ้นในประเทศเวียดนาม เข้ามาทำการรักษาอาการอยู่ใน รพ.เมืองฉะเชิงเทรา (พุทธโสธร) โดยที่ผู้ปกครองยืนยันว่า ไม่เคยเดินทางออกไปยังต่างประเทศมาก่อนแต่อย่างใด

    โดยเริ่มต้น ดญ.ปอ (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี 5 เดือน ชาวเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ได้เริ่มมีอาการเป็นจุดแดงเกิดขึ้นที่ผิวหนังซึ่งไม่ใช่บาดแผลจากแมลงกัดต่อย จากนั้นจุดดังกล่าวได้เริ่มขยายตัวขึ้นมาเป็นผื่นแดงอักเสบนูน โดยรอบที่ผิวหนังชั้นนอก ในลักษณะบวมขึ้นมาเป็นจ้ำเลือด

    และมีอาการคันตามรอยอักเสบ ที่บริเวณหลังเท้าและต้นขา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 เม.ย.55 ก่อนที่จะลามขึ้นมาจนถึงหัวเข่าและลุกลามต่อเนื่องขึ้นถึงฝ่ามือในขณะนี้จึงได้นำเข้ามารักษาตัวยัง รพ.เมืองฉะเชิงเทรา รวมเวลาของการเกิดอาการประมาณ 1 สัปดาห์

    ครั้งแรกผู้ปกครองเข้าใจว่าเป็นเพียงโรคผิวหนังทั่วไป คือ ลมพิษ ที่มักจะเกิดขึ้นกับคนไทยโดยทั่วไปในช่วงฤดูร้อนแต่เมื่อใช้ยาทาแก้อาการคันของลมพิษมาทาเพื่อรักษาอาการ

    และให้กินยาน้ำแก้แพ้อากาศสำหรับเด็กแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น จึงได้ตัดสินใจนำบุตรสาวเดินทางไปพบแพทย์ที่คลินิกย่านถนนพานิช เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อวันเสาร์ที่ 21 เม.ย.55 ที่ผ่านมา

    ซึ่งแพทย์ได้ทำการตรวจดูอาการแล้วบอกเพียงเบื้องต้นว่า อาจเป็นอาการของโรคเลือดที่มีผลมาจากตับ พร้อมได้ให้คำแนะนำว่าให้นำบุตรสาวเข้ามารักษาอาการยัง รพ.เมืองฉะเชิงเทรา ในวันทำการปกติ

    เนื่องจากในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นั้นไม่มีแพทย์เฉพาะทางมาเข้าเวรประจำอยู่ภายในโรงพยาบาลจึงได้นำบุตรสาวเข้ามาทำการรักษาอาการในวันนี้

    หลังการตรวจรักษาของ นพ.จารุฉัตร วิบูลย์กุลพันธ์ แพทย์เจ้าของไข้ แล้วยังไม่บ่งชี้สาเหตุของการเกิดอาการที่ชัดเจน โดยได้ส่งเข้าตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของโรค แต่ไม่พบอาการของโรคลุกลามเข้าที่ตับ

    โดยเป็นเพียงอาการภายนอกที่ผิวหนังเท่านั้น จึงได้ให้นอนพักเป็นผู้ป่วยในเพื่อรอดูอาการอยู่ที่ รพ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมกับการรอเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อส่งตรวจหาสาเหตุอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

    www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000050547
     
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>13 รอยเลื่อนมีพลัง และ "กรุงเทพฯ" เสี่ยงแผ่นดินไหวอย่างไร? </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    13 รอยเลื่อนมีพลัง และ "กรุงเทพฯ" เสี่ยงแผ่นดินไหวอย่างไร?


    เหตุการณ์แผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากสังคมไทยเป็นอย่างมาก มีกาiเตรียมตัวรับมือ การนำเสนอข่าว วิเคราะห์ข่าว ตลอดจนคาดการณ์ความเสี่ยงต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพราะนับเป็นแผ่นดินไหวที่เกิดใกล้ตัวกับคนไทยที่สุด

    และที่สำคัญ เกิดขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวขนาด 8.6 ริกเตอร์ บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา เมื่อวันที่ 11 เมษายน เพียงไม่กี่วัน (แม้ในทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ก็ตาม)

    "มติชนออนไลน์" รวบรวมข้อมูลต่างๆที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการรับมือภัยพิบัติ เพื่อเปลี่ยนความตื่นตระหนกมาเป็นตั้งสติ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับโลกใบนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์


    13 รอยเลื่อน เสี่ยงเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทย

    รอยเลื่อน (faults) หรือรอยแตกในเปลือกโลก นี่เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว โดยในประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ มีรอยเลื่อนทั้งหมดนับร้อยรอยเลื่อน แต่ที่กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าเป็น "รอยเลื่อนมีพลัง (active fault)" หมายความว่า เป็นรอยเลื่อนที่จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีกในอนาคต อาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยได้นั้นมีอยู่ 13 รอยเลื่อน ได้แก่

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>1.รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง ครอบคลุม จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่
    2.รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก
    3.รอยเลื่อนเมย ครอบคลุม จ.ตากและ จ.กำแพงเพชร
    4.รอยเลื่อนแม่ทา ครอบคลุม จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.เชียงราย
    5.รอยเลื่อนเถิน ครอบคลุม จ.ลำปางและ จ.แพร่
    6.รอยเลื่อนพะเยา ครอบคลุม จ.ลำปาง จ.เชียงราย และ จ.พะเยา
    7.รอยเลื่อนปัว ครอบคลุม จ.น่าน
    8.รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์
    9.รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และ จ.ราชบุรี
    10.รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และ จ.อุทัยธานี
    11.รอยเลื่อนท่าแขก ครอบคลุม จ.หนองคายและ จ.นครพนม
    12.รอยเลื่อนระนอง ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.ระนอง และ จ.พังงา
    13.รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต

    เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ จ.ภูเก็ต ที่เกิดขึ้นหลายสิบครั้ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ เกิดขึ้นจากรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เคลื่อนตัวนั่นเอง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>"กรุงเทพฯ" ปลอดภัยจริงๆ หรือ?

    กรุงเทพมหานคร แม้จะไม่มีรอยเลื่อนพาดผ่าน แต่คงต้องไม่ประมาทสำหรับการเตรียมรับมือ นั่นเป็นเพราะ กรุงเทพตั้งอยู่ในจุดที่เรียกว่า "แอ่งดินอ่อน" โดยรอยเลื่อนที่อาจส่งผลกระทบหากเกิดแผ่นดินไหวคือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ห่างจากกรุงเทพฯ 200-300 กิโลเมตร

    และที่สำคัญคือเป็น 2 รอยเลื่อนแขนงที่ซึ่งเชื่อมกับรอยเลื่อนหลัก คือรอยเลื่อนสะแกง ในประเทศพม่า

    สิ่งที่นักวิชาการด้านธรณีวิทยาหลายคนเป็นห่วง คือ ปัจจัยหลายประการของกรุงเทพฯ ที่มีความคล้ายคลึงกับกรุงเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2528 จนทำให้ทั้งเมืองถล่มราบเป็นหน้ากลอง มีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 คน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่ม คาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 40,000 คน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับปัจจัยต่างๆ ที่นักวิชาการหลายคนห่วง อาทิ การตั้งอยู่บนชั้นดินอ่อน (ความหนาชั้นดินเหนียวอ่อน เม็กซิโกซิตี้ 70 เมตร - กรุงเทพฯ 30 เมตร ), ระยะห่างศูนย์กลางแผ่นดินไหวจากเมืองหลวงถึงรอยเลื่อนที่ใกล้เคียงกัน (เม็กซิโกซิตี้ ห่าง 350 กิโลเมตร - กรุงเทพฯ ห่าง 200 กิโลเมตร) การไม่มีรอยเลื่อนพาดผ่านจึงคิดว่าปลอดภัย ไม่มีการอออกแบบอาคารรองรับแผ่นดินไหว

    สิ่งที่เม็กซิโกซิตี้เผชิญในคราวนั้นคือ "แผ่นดินไหวระยะไกล" แต่ทว่าสามารถส่งผลเสียหายต่อเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโกได้อย่างมหาศาล

    กรุงเทพมหานครเองก็เช่นกัน ประวัติศาสตร์ของเม็กซิโกซิตี้ น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีไม่น้อยสำหรับการเตรียมรับมือแผ่นดินไหว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> มั่นใจแผ่นดินไหวไม่กระทบอุโมงค์ภูเก็ต </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)

    เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการศึกษาออกแบบก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขั้นตอนขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติสั่งการมอบหมายให้ กทพ.รับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งหลังจากได้รับความเห็นชอบแล้ว กทพ.จะนัดประชุมหน่วยงานจังหวัดภูเก็ตที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทศบาล อบต. ผู้แทนชุมชน เป็นต้น มาประชุมหารือเรื่องรูปแบบ และความเหมาะสม หลังจากทราบข้อมูลความต้องการคนในพื้นที่แล้ว จึงนำมากำหนดเป็นเงื่อนไขการศึกษา ออกแบบโครงการ คาดว่าจะเริ่มขบวน

    การศึกษาออกแบบได้ภายในปีนี้ โดยใช้เวลา1 ปี สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว จังหวัดภูเก็ต

    ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการออกแบบ ก่อสร้างโครงการอุโมงค์ทางลอดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวล เพราะพื้นที่ที่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติ เราต้องคำนึงและพิจารณาออกแบบเป็นพิเศษ ให้สามารถรองรับภัยพิบัติแผ่นดินไหว ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยกำหนดที่ความรุนแรงประมาณ 8 ริคเตอร์ สำหรับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ทางลอด จังหวัดภูเก็ต เจาะภูเขาทะลุเชื่อมอำเภอกระทู้กับ อำเภอป่าตอง ระยะทางประมาณ 3 กม. ขนาด 4 ช่องจราจรไปกลับ วงเงินลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี.


    <!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตะลึง!กู้ภัยเก็บ'ศพลอยน้ำ'กลับฟื้น </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ตำรวจ-กู้ภัยเข้าเก็บศพหญิงร่างอ้วนหลังพบลอยน้ำกลางคูเมืองนานเกือบ 3 ชั่วโมง แต่กลับฟื้นคืนสติ เผยกินยากล่อมประสาทกว่า 30 เม็ดหวังฆ่าตัวตายแต่ไม่เป็นผล


    เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 23 เม.ย. ร.ต.ท.มนตรี พุทธขัน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ รับแจ้งมีผู้พบศพหญิงวัยกลางคนลอยเสียชีวิตในคูเมืองบริเวณหน้าวัดหม้อคำตวง ริมถนนมณีนพรัตน์ ต.ช้าง เผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จึงแจ้งแพทย์เวรโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่และหน่วยกู้ภัยรวมใจร่วมตรวจสอบ
    <!-- inside news -->
    ที่เกิดเหตุพบหญิงร่างอ้วนอายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาล กางเกงขายาวสี น้ำตาลอ่อน

    นอนแน่นิ่งลอยน้ำในท่าหงายท้องมีใบหน้าโผล่พ้นเหนือน้ำ โดยชาวบ้านบริเวณดังกล่าวแจ้งว่า พบศพหญิงรายนี้นอนเสียชีวิตในคูเมืองตั้งแต่เวลา 06.00 น. หลังจากรับแจ้งประมาณ 1 ชั่วโมง แพทย์เวรและเจ้า หน้าที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชมาถึงได้ตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนระบุว่าหญิงรายนี้เสียชีวิตและให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำศพขึ้นมาบนฝั่งเพื่อชันสูตร


    แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้โยนเชือก ลงไปในน้ำเพื่อผูกแขนดึงขึ้นฝั่ง

    ปรากฏว่าร่างหญิงคนดังกล่าวได้กระตุกฟื้นคืนสติและใช้มือลูบหน้าตัวเอง สร้างความตื่นตกใจกับเจ้าหน้าที่และบรรดาไทยมุงที่ไปยืนดูเหตุการณ์นับร้อยคน ขณะที่เจ้าหน้าที่กูภัยได้ กระโดดลงน้ำช่วยกันนำร่างหญิงรายนี้ขึ้นมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยรวมใจ เล่าว่า หลังจากนำขึ้นมาบนฝั่งหญิงรายนี้ได้ฟื้นคืนสติ สอบถามเบื้องต้น ทราบว่าก่อนลงไปในน้ำได้กินยาพาราเซตามอลและยากล่อมประสาทรวม 30 เม็ด และกระโดดลงไปในน้ำ หวังฆ่าตัวตาย แต่มารู้ตัวอีกทีเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ดึงขึ้นฝั่งซึ่งหลังจากปฐมพยาบาลจนฟื้นได้นำตัวส่งรักษาที่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่


    พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ ระบุว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหญิง รายนี้เป็นใครเนื่องจากไม่พบหลักฐานในตัวและอยู่ในอาการสำลักน้ำซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ หากอาการดีขึ้นพนักงานสอบสวนจะเรียกตัวมาสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งหมด



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทั่วทุกภาคมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด - กทม.ร้อนตอนกลางวัน ฝน 20%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 24 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    ความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้าปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับ ทะเลอันดามันและภาคใต้มีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดลำปาง สุโขทัย และตาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทั่วทุกภาคมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด - กทม.ร้อนตอนกลางวัน ฝน 20%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 24 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    ความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้าปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับ ทะเลอันดามันและภาคใต้มีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดลำปาง สุโขทัย และตาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ทั่วทุกภาคมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด - กทม.ร้อนตอนกลางวัน ฝน 20%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 24 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    ความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้าปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อน และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับ ทะเลอันดามันและภาคใต้มีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดลำปาง สุโขทัย และตาก โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชี้ไทยไม่ต้องกังวลผู้ป่วยประหลาดในเวียดนาม-ไม่ใช่โรคระบาดร้ายแรง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 23 เม.ย. น.พ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีประเทศเวียดนามพบผู้ป่วยโรคประหลาดมีแผลพุพองตามผิวหนังและเสียชีวิต ว่า

    จากข้อมูลที่มีการรายงานว่าพบผู้ป่วยในประเทศเวียดนาม เบื้องต้นพบว่า เคยมีรายงานผู้ป่วยดังกล่าวในเดือน มี.ค.2554 มีผู้ป่วย 150 คน และเสียชีวิต 12 ราย และในปี 2555 พบผู้ป่วย 63 ราย เสียชีวิต 7 ราย โดยลักษณะอาการจะมีอาการตามแขนขา ก่อนที่จะมีแผลที่ผิวหนังคล้ายอาการผุพอง เหมือนไฟไหม้ น้ำร้อนลวก และเสียชีวิตเพราะตับถูกทำลาย โดยจากการพิจารณาข้อมูลที่เกิดขึ้น พบว่า โรคดังกล่าวมักจะเกิดในพื้นที่เดิมของเวียดนาม คือ เมือง กวางงาย ในช่วงต้นปี ซึ่งรัฐบาลเวียดนาม ไม่ได้ออกเป็นประกาศเตือนโรคติดเชื้อ ติดต่อแต่อย่างใด เพียงแต่แนะนำประชาชนว่า ให้ล้างมือ ล้างเท้าก่อนขึ้นบ้าน และหลีกเลี่ยงใช้สารเคมี หากมีอาการเจ็บป่วยให้ทายาแก้อักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์เพื่อให้การทำงานของตับดีขึ้น

    “จากการติดตามข้อมูลเชื่อว่าโรคดังกล่าวอาจจะเกิดจากสารเคมีชนิดใด ชนิดหนึ่ง แต่ไม่น่าจะเป็นโรคติดเชื้อ ซึ่งเมืองดังกล่าวไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว และไม่มีรายงานการการเกิดโรคดังกล่าวในพื้นที่อื่นในประเทศเวียดนาม ทำให้ประเทศไทยยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการรับมืออะไรเป็นพิเศษ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เนื่องจากโรคนี้ไม่ใช่โรคติดเชื้อ หรือ มีการติดต่อในวงกว้าง แต่หากประชาชนที่เดินทางกลับจากประเทศเวียดนาม มีอาการผิดปกติหรือไม่สบายใจสามารถปรึกษาสายด่วน 1442 ของกรมควบคุมโรคได้ทันที” นพ.พรเทพ กล่าว

    นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรคได้มีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว

    โดยเบื้องต้นถือว่ายังไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เพราะแม้แต่ในเวียดนามเองก็ไม่พบการระบาดไปยังพื้นที่อื่น พบเฉพาะเมืองกวางงายในช่วงต้นปีเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าวในรายงานอย่างเป็นทางการน้อยมาก อย่างไรก็ตาม จะมีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวจากองค์การอนามัยโลก(WHO) อย่างใกล้ชิด หากมีสถานการณ์ใดเปลี่ยนแปลงจะมีการแจ้งเตือนประชาชนอย่างแน่นอน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    “ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี”

    [​IMG]

    เครื่องหมายแห่งคนดี

    ทุกคนสมควรเป็นผู้ได้รับความกตัญญูกตเวที และทุกคนควรเป็นผู้มีความ กตัญญูกตเวที ไม่มีคนใดเลยที่ยกเว้น ที่ว่าทุกคนสมควรเป็นผู้ได้รับความกตัญญูกตเวที ก็ เพราะอย่างน้อยทุกคนต้องเคยทำคุณต่อผู้อื่นแน่นอน ไม่ต่อคนนั้นก็ต่อคนนี้ ไม่มากก็น้อย แม้จะเป็นผู้ที่เป็นคนพาลเป็นคนชั่วร้ายเหลวไหลมากมายสักเพียงไหนก็ตาม ก็ต้องเคยได้ ทำคุณความดีมีบุญคุณต่อผู้ใดผู้หนึ่งต่อพวกใดพวกหนึ่งมาแล้ว

    เป็นต้นว่าต่อบุตรธิดาหรือ ต่อผู้ที่ตนรักชอบ ซึ่งคงเป็นที่ยอมรับทั่วกันว่า คือผู้ใดเป็นที่รักชอบของตน จะเป็นลูกหลาน พี่น้องหรือไม่ก็ตาม ตนก็ย่อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลเท่าที่มีโอกาสมีความสามารถ นั่นคือบุญคุณ เป็นบุญคุณ ที่สมควรได้รับความกตัญญูกตเวทีจากผู้ได้รับประโยชน์เกื้อกูล บุญคุณนั้น เป็นสิ่งที่คนดีสำนึกอยู่ด้วยความกตัญญู และคนดีย่อมแสดงกตเวทีด้วยการตอบแทนทุก โอกาสและเต็มความสามารถ คือทุกคนต้องเป็นทั้งผู้มีคุณและผู้ต้องตอบแทนคุณ ทุกคนจึง ไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ทุกเวลา เสียอยู่ก็แต่ที่ว่าไม่ทุกคนไปที่ยอมรับความจริงทั้งสองประการ ไปยอมรับเอาแต่ว่าตนเป็นผู้สมควรได้รับกตัญญูกตเวที มิได้ยอมรับว่าตนเอง ก็เป็นผู้ต้องมีกตัญญูกตเวทีด้วย จะเป็นคนดีได้ต้องพร้อมด้วยความสมควรแก่กตัญญูกตเวที และมีกตัญญูกตเวทีด้วย

    พุทธศาสนสุภาษิตที่แปลความว่า “ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี” ไม่ควรตีความหมายของพุทธศาสนสุภาษิตนี้เพียงระดับเดียว คือความสำนึกในพระคุณ และตอบแทนพระคุณท่านเท่านั้น แต่ควรตีความหมายให้ครบสองระดับด้วย คือความเป็น ผู้สมควรได้รับกตัญญูกตเวทีด้วย สรุปก็คือต้องเป็นคนดีด้วยความกตัญญูกตเวที ทั้งสม ควรแก่ความกตัญญูกตเวทีของผู้อื่น และทั้งมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้อื่นครบสองนัยคือ ทำคุณด้วยและตอบแทนคุณด้วยมีกตัญญูกตเวทีครบองค์ทั้งสองจึงเป็นคนดีสมบูรณ์

    ความเดือดร้อนวุ่นวายที่เกิดมีอยู่มากมายนั้น แม้พิจารณาให้ลึกซึ้งจริงแล้วก็เห็น ได้ว่ามีเหตุมาจากความไม่มีกตัญญูกตเวทีเหมือนกัน และน่าจะเป็นเหตุสำคัญเสียด้วยซ้ำ อันผู้จะทำความไม่ดีได้นั้นจะต้องเป็นผู้ขาดความกตัญญูกตเวทีแน่นอน แม้ว่าจะไม่รู้ตัวว่า การทำไม่ดีทั้งหลายเกิดจากความที่ขาดกตัญญูกตเวที พึงพิจารณาให้เข้าใจว่าความกตัญญู กตเวทีทำให้คนไม่ทำความไม่ดีอย่างไร ที่จริงไม่ใช่เรื่องลี้ลับลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ การทำไม่ดีของใครก็ตาม ย่อมกระทบกระเทือนใครต่อใครได้มากหลาย โดยเฉพาะ จะกระทบกระเทือนมารดาบิดาและผู้ที่ห่วงใยมีน้ำใจเมตตาปรารถนาดีต่อเรา

    ท่านเหล่านั้น กล่าวได้ว่า เป็นผู้มีคุณควรแก่ความกตัญญูกตเวทีของเรา ถ้านึกถึงพระคุณของท่าน นึกให้ตลอดไปถึงความกระทบกระเทือนที่ท่านจะได้รับคือเราทำไม่ดีก็จะไม่อาจทำความไม่ดีได้ ถ้าเราเป็นคนดีมีกตัญญูกตเวที แต่ถ้าเป็นคนไม่ดี ไม่มีกตัญญูกตเวที ก็จะไม่นึกถึงพระ คุณใคร ไม่สนใจว่าจะเป็นเหตุให้ผู้มีพระคุณต้องกระทบกระเทือนเดือดร้อนเพียงไรหรือไม่ ลูกที่ทำไม่ดี ไม่ว่ามากน้อยหนักเบา ล้วนแสดงความไม่มีกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา ทั้งนั้น เพราะไม่มีมารดาบิดาคนไหนที่จะมีความสบายใจได้เมื่อลูกไปทำความไม่ดีไม่งาม ยิ่งเป็นความผิดที่หนักที่รุนแรง ความทุกข์ของมารดาบิดาก็จะยิ่งมากขึ้นเป็นนักหนา ในทางตรงกันข้าม ถ้าลูกทำดีได้ดี มารดาบิดาจะมีความสุขความสบายใจ เป็นความดีมากเพียงไร ความสุขสบายใจของมารดาบิดาจะยิ่งมากขึ้นเพียงนั้น

    ที่ยกตัวอย่างมารดาบิดากับบุตรธิดาเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ผู้ทำคุณมียิ่งกว่ามารดาบิดา สถาบันสำคัญต่าง ๆ ล้วนเป็นที่ทรงคุณ มีพระคุณอย่างกว้างขวาง เพียงมี กตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดาเท่านั้นก็จะเป็นกตัญญูกตเวทีสูงขึ้นไปกว้างไกลออกไป ครอบคลุมถึงเป็นการแสดงกตัญญูตเวทีต่อสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ พึงมีสติพิจารณา ให้รอบคอบ มีสติยับยั้งเมื่อจะทำความไม่ดีไม่งามใด ๆ ให้คิดให้ทันว่า นั่นจะเป็นความไม่มีกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ จะทำให้ท่านเดือดร้อน และความเดือดร้อนนั้นจะเป็น ความเย็นของตนเองไม่ได้

    คนในสกุลเดียวกัน ในบ้านเดียวกัน ในประเทศชาติเดียวกัน คนเดียวเป็นคนไม่ดี ทำความไม่ดี คนร่วมสกุล ร่วมบ้าน ร่วมประเทศชาติ ย่อมมีความ เดือดร้อนร่วมด้วยในความไม่ดีนั้น ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ชัดๆ ทั่วไป คนไม่ดีคนเดียวทำ ความเดือดร้อนให้กว้างไกลนัก ในทำนองตรงกันข้าม คนดีคนเดียวทำความร่มเย็นให้อย่างยิ่ง งานไม่ดีที่ใหญ่ยิ่งทั้งหลายมีคนไม่ดีเป็นผู้นำเพียงคนเดียว ก็สามารถทำงานได้สำเร็จ ใน ทำนองตรงกันข้าม งานดีที่ใหญ่ยิ่งทั้งหลายมีคนดีเป็นผู้นำเพียงคนเดียวก็สามารถทำงานได้ สำเร็จ คนทำงานไม่ดีสำเร็จ ทำความเสื่อมเสียให้เกิดแก่ชาติสกุล กล่าวได้ว่าเป็นคน อกตัญญูต่อชาติสกุล

    คนทำงานดีสำเร็จทำชาติสกุลให้รุ่งเรืองมีชื่อเสียงเกียรติยศ กล่าวได้ว่า เป็นคนกตัญญูต่อชาติสกุล ได้เคยกล่าวอยู่เสมอมาว่า ประเทศชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย ์คือมารดาบิดาผู้ยิ่งใหญ่ของทุกคนผู้ร่วมชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ คือประเทศ ให้ที่อาศัยเกิดและอยู่ เช่นมารดาให้ท้องเป็นที่เกิดที่อาศัย ศาสนาให้การอบรมสั่งสอนดีงาม เซ่น มารดา บิดา พระมหากษัตริย์ให้ความคุ้มครองรักษาเช่นเดียวกับบิดา มารดา แต่ทั้ง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นมารดาบิดาที่ยิ่งใหญ่เหนือมารดาบิดาทั่วไป

    เพราะทรงคุณ ยิ่งใหญ่กว่าทั้งการให้ที่เกิดที่อยู่ ก็ใหญ่ยิ่งกว่า ให้การอบรมสั่งสอนก็เลิศยิ่งกว่า ให้การคุ้ม ครองพิทักษ์รักษาก็ด้วยบรมเดชานุภาพที่เหนือกว่าทุกประการ น่าจะพากันคำนึงถึงความจริงนี้ให้มาก ให้เสมอ และแสดงกตัญญูกตเวทีตอบให้อย่างยิ่งทั่วกัน ก็มิใช่ด้วยการทำอะไร ที่ยากลำบากนักหนา เพียงแต่ทำตัวให้เป็นคนคิดดีพูดดีทำดีเท่านั้นก็เพียงพอ และแม้จะพากันตั้งใจว่าต่อแต่นี้เป็นต้นไป แม้ยังคิดดีพูดดีทำดีไม่ได้มาก่อน ก็จะเริ่มทำให้ได้ตั้งแต่บัดนี้ เพียงการตั้งใจจริงดังกล่าวก็จะเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว

    พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ปภ.เตือนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนซัดถล่ม </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันที่ 24 เม.ย. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก เตรียมพร้อมรับมือและป้องกันอันตรายจากพายุฤดูร้อน ซึ่งจะมีลักษณะอากาศของพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรดูแลสิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้บริเวณรอบบ้านให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง จัดเก็บสิ่งของที่สามารถปลิวลมได้ในที่มิดชิด พร้อมจัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ และดูแลพืชผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหายจากพายุลมแรง หลีกเลี่ยงการหลบพายุฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพราะอาจถูกล้มทับได้ ไม่อยู่ใกล้วัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ไม่สวมใส่เครื่องประดับประเภทเงิน นาค ทองแดง รวมถึงงดเว้นการใช้เครื่องมือสื่อสารในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันการถูกฟ้าผ่า



    ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด

    ในพื้นที่เสี่ยงภัยแจ้งเตือนประชาชนเตรียมการป้องกันอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันท่วงที ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1-18 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนร้อนจัดระวังโรคฮีตสโตกเล่นงานถึงตาย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพจาก โพสต์ทูเดย์</TD></TR></TBODY></TABLE>สาธารณสุขเตือนอากาศร้อนจัด ระวังถูกโรคฮีตสโตกเล่นงาน ชี้อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต


    นพ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในหลายพื้นที่โดยอุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้สูงถึง 38 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นสภาพอากาศที่ร้อนจัดเกินระดับอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศาเซลเซียส และยังคงมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก จึงขอเตือนประชาชนให้ระวังโรคฮีตสโตก ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบสมองในช่วงที่ร่างกายได้รับความร้อนเกินกว่าที่จะทนรับได้ ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

    ทั้งนี้โรคดังกล่าวแบ่งได้ 3 ระดับ คือ ระดับแรกเมื่ออุณหภูมิในอากาศสูงกว่าอุณหภูมิของร่างกาย จะทำให้ระบบการระบายความร้อนของร่างกายออกสู่อากาศหรือการขับของเสียออกจากร่างกายในรูปของเหงื่อทำงานหนัก ซึ่งหากร่างกายต้องเผชิญกับแสงแดดและความร้อนเป็นระยะเวลานานจะทำให้มีอากาศหน้ามืดหมดสติ หรือที่เรียกว่าโรคลมแดด

    ระดับที่ 2 ระบบประสาทรวนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และมีอาการชัก สุดท้ายระดับโคม่า ระบบการทำงานของประสาทจะหยุดชะงักไม่มีการสั่งการ ต่อมเหงื่อไม่สามารถทำงานขับเหงื่อออกมาลดอุณหภูมิภายในร่างกายได้ หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทันท่วงทีอาจถึงแก่ชีวิตได้


    "อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นตามระดับแต่สามารถข้ามขั้นและแสดงอาการได้ทันทีทุกระดับ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการของโรคดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่มของผู้ที่ต้องทำงานอยู่กลางแดดตลอดทั้งหมด"นพ.วรัญญูกล่าว


    ส่วนแนวทางป้องกันการเกิดอาการดังกล่าวควรจะดื่มน้ำบ่อยๆเพื่อให้ร่างกายได้ปรับอุณหภูมิ สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี ทางทีดีควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดเป็นระยะเวลานานโดยตรง นอกจากนี้หากมีอาการถึงขั้นโคม่าหรือระบบประสาทหยุดทำงานควรปฐมพยาบาลด้วยการทำให้ร่างกายของผู้ป่วยลดอุณหภูมิให้ได้โดยเร็วที่สุด นำไปตากพัดลม แอร์ หรือแช่น้ำเย็นก็ได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    ขอบคุณ โพสต์ทู
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. wateee

    wateee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +59
    จากFBหมอนิดเมื่อตอนเที่ยง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** น้ำจากหิมาลัย...มาจากไหน ****

    <EMBED height=385 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube-nocookie.com/v/DGDcuEL1NQc&hl=en&fs=1&rel=0&color1=0x402061&color2=0x9461ca allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"><!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
    น้ำมหาศาล
    ไหลลงตาม แม่น้ำโขง
    ผ่านเขื่อนในจีน จะรับไหวไหม
    โขง สะโตง สาระวิน รองรับน้ำ
    เชียงแสน เชียงของ ภูเขาหลุด น้ำวนใหญ่
    ชะล้าง ภาคเหนือ สู่ภาคกลางประเทศไทย อีสาน
    เตรียมแผน เตรียมตัว กันได้แล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สาส์นสำคัญจากแม่พระธรณี

    [​IMG]

    ผมเข้าใจ (เอาเอง) ว่ายังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่ได้อ่านสิ่งที่แม่ฯมาสื่อ ผมเลยถือโอกาสนี้คัดบางถ้อยคำที่ผมถือว่าโดนใจผมเป็นการส่วนตัวมาให้อ่านกันนะครับ
    -----------------<O:p</O:p
    มนุษย์ท้าทายความที่ชีวิตต้องดับสูญด้วยการทำสิ่งที่ไม่เกิดสิ่งที่ดีต่อตัวเอง เจ้าคิดสิ วันหนึ่งมนุษย์สร้างกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วความตายมันจะชะลออยู่ได้อย่างไรล่ะลูก เมื่อเจ้ายังหยุดเวลาไม่ได้ เจ้ายังหยุดสิ่งที่ทำชั่วไม่ได้ แม่ถึงได้มาชี้ให้เห็น มนุษย์อวดตนว่าเป็นผู้ฉลาด อวดตนว่าเป็นผู้คิดค้น แต่ก็ยังมิสามารถที่จะคิดค้นหรือจับต้องสิ่งที่เรียกว่า ความศรัทธาของมนุษย์ ได้ด้วยเครื่องที่ทันสมัย<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แต่เจ้าจำไว้นะลูกนะ เมื่อเจ้าเป็นลูกแม่ เจ้าทำในสิ่งที่เป็นกรรมต่อผู้อื่นโดยที่เจ้ารู้มากกว่าผู้อื่น เจ้าจะได้รับโทษทัณฑ์มากกว่ามนุษย์ผู้อื่นเป็นหลายสิบเท่า อย่างที่กฎมนุษย์มีไว้ ผู้ใดแต่งเครื่องแบบ ทำผิดโดยรู้เท่า เขาจะมีกฎรับโทษทัณฑ์มากกว่าผู้อื่น ใช่มั้ยลูก?<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    สิ่งเร้นลับที่เจ้าเรียก ทำทุกอย่างได้เกินกว่ามนุษย์คิด แต่มันมิใช่กิจของสิ่งเหล่านี้ใช่มั้ยลูก? ที่ต้องมานั่งแปรสิ่งต่างๆเพื่อมาบำเรอความต้องการของมนุษย์ผู้โลภ มิเช่นนั้น เราคงมิต้องให้สิ่งเร้นลับมาดูแลพวกเจ้า มาให้เจ้าให้อาหาร ให้น้ำ ให้เสื้อผ้าสวมใส่ เราจะก็สามารถแปรสิ่งต่างๆให้มาเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีพได้ และแปรสิ่งเหล่านั้นให้กับพวกเจ้าได้รับความสุขสบาย เจ้าคิดเช่นนั้นมั้ย? ถ้าทำเช่นนั้นได้ มนุษย์ก็จะกลายเป็นมนุษย์ผู้ช่างขอใช่มั้ยลูก? ไม่ประกอบกิจอะไร เช้ามาเจ้าก็จุดธูป ขออย่างเดียว เมื่อขอได้ เจ้าก็ไหว้บอกว่าสิ่งเร้นลับเหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเจ้าขอไม่ได้ เจ้าก็บอกว่าสิ่งเร้นลับเหล่านี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์ <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    ที่บางคนมักจะบอกว่า ทำไมคนชั่วจึงได้ดีในสังคมนี้ใช่มั้ย แต่เจ้าอย่าลืมนะลูกนะว่าคนชั่วเมื่อถูกกรรมถาโถม พระแม่คงคาถาโถม มันหนักจนหลับตาไม่ลง มันทรมาน มากกว่าดินโคลนที่อุดปากและจมูก มีแต่เพียงลมหายใจรวยระรินและความทรมาน มิได้หลับตายอย่างที่ผู้มีบุญ จำนะลูก จงตายอย่างสงบ ดีกว่าชีวิตสิ้นด้วยความทรมาน<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    มนุษย์ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ที่เขาเรียกว่ากรรมมีจริงหรือไม่ มนุษย์จึงก่อแต่กรรม ใช่มั้ยลูก เพราะมนุษย์พิสูจน์ไม่ได้ แต่กรรม..แม่จะบอกเจ้าไว้ เหมือนกับประโยชน์ที่อยู่ในดิน เจ้ามองไม่เห็นประโยชน์ในดินใช่มั้ยลูก แต่ดินทำให้หญ้าน้อยใหญ่เติบโต มิมีน้ำ หญ้าก็เติบโตได้ด้วยอาหารในดินใช่มั้ยลูก เช่นกัน กรรมก็เหมือนสิ่งที่อยู่ในดิน ที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่สามารถรู้ได้ว่าดินมีประโยชน์<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แม่ก็ได้แต่หวัง ผู้ใดเชื่อ ผู้นั้นก็จะรอด ผู้ใดมิเชื่อ แต่มิลบหลู่ ก็จะต้องรอด แต่รอดอย่างไรนั้นก็อยู่ที่ตัวเขาเช่นกัน กลับใจได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้อภัยนะลูกนะ แต่ผู้ใดมิเชื่อแต่ลบหลู่ ผู้นั้นแหละลูก จะถูกโทษทัณฑ์ใหญ่หลวง<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับ ลม ฟ้า อากาศ ที่บางครั้งมนุษย์พยายามใช้เครื่องมือในการจัดพยากรณ์ แต่มนุษย์มิเคยได้ล่วงรู้ว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่ เจ้าใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้มั้ย ได้มั้ยลูก? และเจ้าก็พิสูจน์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เช่นกัน ใช่มั้ยลูก? สิ่งที่เจ้าจะพิสูจน์กันได้ คือความเชื่อมั่น และศรัทธา นะลูกนะ ตราบใดที่เจ้าเชื่อมั่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองเจ้า <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    จงยึดมั่น ในสิ่งที่เจ้าเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นเรานะลูกนะ ยึดมั่นสิ่งที่เจ้าเรียกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า แล้วเจ้าจะได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นตอบแทนให้นะ <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    ตราบใดที่มนุษย์มิตาย นั่นแหละเรียกว่ามนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าตราบใดที่วิญญาณออกจากร่างมนุษย์ได้ เจ้าแพ้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จงจำนะลูกนะ แพ้หรือชนะ ไม่ใช่สิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการเพียงอย่างเดียว ความศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในความเป็นธรรม <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    มิมีสัจธรรมอันใดที่อยากได้สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าเงินตรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิได้อยู่ด้วยเงิน เจ้าอย่าซื้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเงิน เหมือนที่มนุษย์ชอบซื้อกันด้วยเงินนะ จำไว้นะลูกนะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มิต้องการเงินตราจากมนุษย์ แต่ต้องการเพียงคำภาวนา และสิ่งที่เจ้าทำความดีสะสมเอาไว้เพื่อตัวเจ้าเอง จำนะลูกนะ อย่าซื้อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเงิน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตีค่ามิได้ แต่จงตีค่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเส้นทางแห่งธรรมะนะลูกนะ <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แม่อยากจะบอกเจ้านะลูกชาวดินเอ๋ย เมื่อเจ้าหิว เจ้าจงกินเข้าไปเพื่อร่างกายที่แข็งแรง เมื่อเจ้าอยากได้ความสุข เจ้าจงแสวงหาความสุขที่ไม่อยู่บนความทุกข์ของผู้ใด เมื่อเจ้าโหยหาธรรมะ เจ้าจงแสวงหาสิ่งที่เป็นสัจธรรมโดยแท้จริง สิ่งที่เป็นสัจธรรมไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมนะลูกนะ มันอยู่ข้างกายเจ้า มันอยู่ในใจเจ้า มันอยู่ในความคิดเจ้า<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    จำไว้นะลูกชาวดิน เหมืองทองทั้งหลายที่แม่เคยให้สัจจะเจ้าไว้ จะไม่ถูกเปิดเลยแม้แต่แห่งเดียว เพราะความโลภกำลังครอบงำลูกชาวดินของแม่ สมบัติแม่พระธรณีจะไม่ให้แก่ผู้ใดทั้งสิ้น ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่ยอมก้มหัวให้กันและกัน ยังไม่ยอมละทิ้งความโลภ ยังไม่กล่าวคำว่าขอโทษซึ่งกันและกัน พ่อภูผาจะเกิดขึ้นมาเพื่อพิพากษาเจ้า แม่คงคาจะม้วนตัวกลับ กลืนชีวิตของพวกเจ้าไป และ ณ บัดนี้ แม่พระธรณีจะแยกร่างเพื่อรับร่างเจ้าให้หายลงไป เพื่อที่จะกลบร่างเจ้าให้หมดไปจากโลกนี้ ให้ฝังความโลภ ความเย่อหยิ่ง ความจองหอง เหลือเพียงความร่ำไห้ ความร้องหาจากกัน <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แต่ถ้าเจ้าเป็นผู้เจริญธรรมในเรื่องของสิ่งที่ต้องการแสวงหาอำนาจ แสวงหาการยอมรับนับถือ เจ้าจะได้รับแค่คำกราบไหว้ เจ้าจะมีใจหม่นหมองยึดต่อทรัพย์สินสมบัติ นั่นคือหนทางพาไปสู่ความฉิบหายของธรรมะ <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แต่จงจำแม่พูดและจงประกาศนะลูกนะ “สิ่งเร้นลับ” เป็นสิ่งที่ดีงามทั้งนั้น แต่สิ่งที่อยู่ที่โล่งแจ้งอย่างที่พวกมนุษย์กระทำ ไม่ว่าจะเป็นการเข่นฆ่า การแสวงหาอำนาจโดยมิชอบ การหาทรัพย์ศฤงคารโดยที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น และทำในที่โล่งแจ้ง ถือเป็นสิ่งที่น่าอายมากกว่าสิ่งเร้นลับที่มิเคยทำอะไรให้ผู้ใดเดือดร้อน เพียงแต่สิ่งเร้นลับมิได้ออกมาโต้ตอบอะไรกับพวกมนุษย์ มิได้ออกมาทำอะไรให้มนุษย์เห็น เพียงแต่รอวันที่มนุษย์ทำร้ายตัวเอง เมื่อการทำร้ายตัวเองเกิดขึ้นก็เหมือนกับกระจกบานใหญ่คือสิ่งเร้นลับ มันก็จะหักเหแสงมุม กลับไปยังเจ้าของที่เป็นผู้กระทำสิ่งเลวร้ายขึ้นมาซึ่งก็คือมนุษย์ไงลูก เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์ของพวกเจ้ามั๊ย?<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    การสื่อทุกครั้งแม่จะผ่านพวกเจ้า หรือเจ้าจะทำเทคโนโลยีอะไรของมนุษย์ก็ตามแต่ แต่แม่ก็จะพูดอยู่ใน ณ ที่นี้นะลูกนะ อย่าให้มนุษย์ยึดถือรูปลักษณ์เป็นเครื่องเชื่อถือ แต่อยากให้มนุษย์ยึดสิ่งที่แม่กล่าว หรือเรียกว่าวจี โดยนำไปคิดตรึกตรองด้วยสมองของมนุษย์ที่เรียกว่าเป็น“นักคิด” มนุษย์คิดได้ทุกอย่าง แต่ทำไมมนุษย์ไม่คิดถึงคำที่สิ่งเร้นลับเปล่งออกไปหละลูก มนุษย์เชื่อมนุษย์ด้วยกันใช่มั๊ยลูก แต่ทำไมมนุษย์จึงไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองไม่สามารถจับต้องได้<O:p</O:p
    ทุกอย่างมันจะเกิดให้มนุษย์จับต้องได้ด้วยความตายและหายนะนะลูกนะ<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    มนุษย์อาจจะถามเจ้าว่า “ที่นี่มีการทรงเจ้ารึ?” เจ้าจงตอบเถอะ “ที่นี่มิมีเจ้า “เจ้า”หมายถึง “ผู้นำ” ที่นี่มีแต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน ที่นี่มีแต่สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า “ดินที่ต่ำต้อย” แต่ดินอันนี้นะลูกนะ พร้อมที่จะให้มนุษย์เดินตาม ผู้ใดเดินตามดิน ผู้นั้นจะรอดและมีความสุข”<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    “การภาวนา”หมายถึงการแลกกับชีวิตเพื่อนมนุษย์หลายๆ ล้านคน แม่มิได้มาบอกเพื่อให้เจ้าสวดเพื่อตัวเจ้าเอง แต่จงภาวนาให้กับเพื่อนมนุษย์ที่มิอาจยอมรับสิ่งเร้นลับ มิอาจที่จะยอมรับในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนานะลูกนะ แม่จะให้ประโยคไว้ จงพิมพ์และเผยแพร่ออกไปเพื่อหยุดยั้งการสูญเสียชีวิตมนุษย์ ใครไม่เชื่อ มิต้องเป็นกังวล แม่จะทำงานเพื่อพวกเจ้า มิให้พวกเจ้าถูกประณามว่าเป็นผู้ที่ไร้สาระ<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    คำภาวนาเท่านั้น ที่จะดับทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด เปรียบแล้วคำภาวนาก็เหมือนการยื่นอุทธรณ์ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมนุษย์ถูกพิพากษา ยังต้องมีการยื่นขอความยุติธรรมซึ่งก็ยังถูกรับไว้ ก็เช่นกัน เมื่อมนุษย์ร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดโอกาสและยอมรับในสิ่งที่มนุษย์ขอเหมือนการยื่นอุทธรณ์<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    เหมือนการที่เจ้าเติมน้ำทุกวันในแก้วใหญ่ เจ้าเติมทุกวันมันก็เต็มจนกระทั่งล้นอย่างไร้ประโยชน์ เจ้าก็ยังพยายามเติมเข้าไป ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันล้น เหมือนการกระทำที่มนุษย์พยายามสร้างกรรมขึ้นมาให้กับสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า “สังคม” สร้างแต่กรรมชั่ว เข่นฆ่ากัน ผิดประเวณี ฉกฉวยเอาของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง มักใหญ่ใฝ่สูง เย่อหยิ่งจองหอง ฯลฯ มนุษย์กระทำขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งนั้น แต่มักจะโทษสิ่งเร้นลับว่าขอแล้วมิได้ จึงต้องกระทำชั่ว ปล้นจี้ด้วยความจน<O:p</O:p
    มิมีมนุษย์ผู้ใดจนนะลูกนะ แต่มนุษย์เอาทรัพย์ศฤงคารเป็นเครื่องตัดสินว่าจนหรือรวย ทำไมมนุษย์ไม่เอาคำว่า“ความเป็นมนุษย์”เป็นเครื่องตัดสินหละลูก<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    มนุษย์มิจำเป็นต้องบวชเหมือนบรรพชิตทั่วไปก็สามารถเป็นผู้สำเร็จศีลได้นะลูกนะ มนุษย์เป็นผู้แสดงธรรมะก็ได้ ไม่ใช่เพศบรรพชิตเท่านั้นที่จะเป็นผู้บรรลุธรรม มนุษย์ไม่ทำกรรมก็คือผู้บรรลุธรรม <O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แม่มิได้ให้เจ้าหลงเฉพาะการที่นำเอาวิญญาณหรือจิตของบุรพกษัตริย์มายึดเหนี่ยว แต่นั่นคือการให้เจ้าไปน้อมนบถึงผู้มีพระคุณที่ได้ยอมสละความสุข มิแสวงหาอำนาจ มิทำให้ลูกหลานเดือดร้อน แต่ยอมสละสิ่งที่สุขสบายที่สุดในชีวิต เพื่อให้พวกเจ้าได้มีดินแดนที่สงบสุข ได้มีความร่มเย็น ได้มีทุกสิ่งทุกอย่างด้วยเลือดเนื้อของพวกเขาที่ได้สูญเสียไป<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    ในยุคหนึ่ง มนุษย์มิต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า “พระเจ้าคือเงินตรา” มาดำรงชีวิตเลยนะลูกนะ ยุคของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยุคของการเห็นใจซึ่งกันและกัน ยุคนั้นเป็นยุคที่มนุษย์มีความสุขที่สุด เป็นยุคที่ไม่รู้จักคำว่า “เข่นฆ่า” และอยู่ร่วมกันโดยสันติ ข้าวไม่ต้องซื้อ น้ำไม่ต้องปันผล ทุกอย่างอยู่อย่างมีความสุขเพราะไม่มีผู้แสวงหาความโลภ ไม่มีผู้อยากมีทรัพย์ศฤงคารเป็นกอง ไม่มีผู้ที่ต้องการเป็นใหญ่กว่าใครทั้งสิ้น ทุกคนใช้ธรรมะในการมีชีวิตอยู่และมันก็เป็นยุคแห่งความสุขโดยแท้จริง<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    แม้กระทั่งผู้ถือเพศบรรพชิต ก็ต้องกราบไหว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า “ยศถาบรรดาศักดิ์” เจ้าจงถามเพื่อนมนุษย์ซิ ในบรรพกาลที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเจ้าไว้ มีพัดอันไหนที่เรียกว่าพัดยศรึ ? พระองค์ใดท่านมียศศฤงคารรึ? บรรพชิตทุกรูปมีศักดิ์เสมอกัน<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    บางคนก็อาจจะถามแม่ ตนไม่ได้ทำผิด ทำไมถึงต้องถูกการลงโทษด้วยการเสียชีวิตปนไปกับผู้อื่นใช่ไหมลูก ?
    <O:p</O:p
    แม่จะยกตัวอย่างให้ฟัง เมื่อไฟไหม้อยู่ในตึกหลังใหญ่ มีพระภิกษุสงฆ์อยู่ในที่นั้น ผู้นั้นถือธรรมะโดยเคร่งครัด แต่เมื่อไฟไหม้ถึง พระภิกษุองค์นั้นตั้งสติภาวนาคิดถึงสิ่งที่ตนเองได้ทำ เพื่อขอให้สิ่งที่ตนเองจะทำต่อจากนี้ไปเป็นการชดใช้ต่อกรรมที่ตนทำขึ้น เจ้ารู้ไหม นั่นก็คืออีกสิ่งหนึ่งที่ทำไมบางสิ่งบางอย่างได้รอดแบบสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์ เช่นกันลูก ความเชื่อมั่นศรัทธาในสิ่งที่เจ้ายึดถือ เจ้าก็จะรอดพ้นนะลูกนะ<O:p</O:p
    -----------------<O:p</O:p
    คนรุ่นเจ้ายังพอที่จะนบนอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่คนรุ่นใหม่ที่มักจะเรียกตนเองว่า “นักคิดค้น” “นักวิชาการ” แต่นักอะไรก็แล้วแต่ มิสามารถที่จะหยุดยั้งความพิโรธของธรรมชาติและสิ่งเร้นลับได้ใช่มั้ยลูก? <O:p</O:p
    แม่มิเคยเห็นนักคิดผู้ใด ที่จะหยุดฟ้ามิให้หลั่งฝนลงมา <O:p</O:p
    ไม่มีนักคิดผู้ใดที่จะหยุดคลื่นในมหาสมุทรและหยุดน้ำมิให้ท่วมท้นขึ้นมาได้<O:p</O:p

    *************************************************************************<O:p</O:p

    รวบรวมไป ๆ มา ๆ ชักเยอะแฮะ อ่านจนเหนื่อยรึยังครับ? รู้สึกเหมือนผมไหมครับว่าคำพูดเหล่านี้ คนธรรมดาคิดเองไม่ได้แน่ ๆ และในฉบับนี้ผมขอแนบสาส์นฉบับสุดท้ายของแม่พระธรณี (อย่างน้อยก็ที่ผมมีในตอนนี้) มาให้อ่านนะครับ นี่คือสิ่งที่แม่ฯได้สื่อกับผู้รับใช้หลังจากกลับจากพิธีบวงสรวงพระนเรศวรแล้ว

    ก็เป็นอันว่า ผมได้ทำหน้าที่สื่อสิ่งที่แม่พระธรณีต้องการจะมาสื่อแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องส่งอานนทวงศ์ซีรี่ส์นี้ให้มิตรรักแฟนเพลงอีกต่อไป หลังจากนี้ถ้าจะมีตอนต่อ ๆ ไป ก็คงจะเขียนเพื่อที่จะให้มีข้อมูลครบถ้วนขึ้นเท่านั้น แต่ผมสัญญาครับว่า ถ้ามีข้อความอะไรที่แม่พระธรณีมาสื่ออีกแล้วผมเห็นว่าสำคัญ จะส่งให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ และอาจารย์ทราบอีกเช่นกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก่อนจะจบอานนทวงศ์ซีรี่ส์แบบบังคับอ่านนี้ ผมขอย้ำว่าเรื่องทั้งหมดไม่มีการแต่งเติมใด ๆ ทั้งสิ้น และผมเชื่อมั่น 99.99% ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมได้พูดถึงนี้มีอยู่จริง และท่านหวังดีกับเราจริงๆ การที่เราเติบโตมาในสังคมแบบนี้ ทำให้เราตั้งแง่และลำบากใจที่จะเชื่อเรื่องเหล่านี้ เพราะพวก "หากิน" มันมีทั่วทุกหนแห่ง แต่ลองถามตัวคุณเองนะครับว่า ถ้าเทพมีจริงๆ และมาสื่อกับเราจริงๆ แต่เราดันใช้อคติส่วนตัว ปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ไป เรายังจะเรียกตัวเองว่ามนุษย์ผู้ฉลาดได้อีกหรือ ผมเชื่อว่าผู้อ่านที่ผมเขียนหาทุกคนมีสติปัญญาเพียงพอที่จะแยกแยะระหว่าง "ของจริง" กับ "ของปลอม" เพราะฉะนั้น ขอเถอะครับ ช่วยอ่านสิ่งที่แม่ฯได้มาสื่ออีกครั้ง ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองและเลือกเชื่อแต่สิ่งที่คุณผู้อ่านคิดว่ามีเหตุผลและน่าทำตาม เท่านี้ หากเกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีขึ้นจริงๆ จะได้ไม่มานั่งรู้สึกผิดหรือเสียดายทีหลังครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หากเห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะมีประโยชน์ต่อคนที่ผู้อ่านรู้จัก ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วยนะครับ Anontawong Series เพียงแค่ได้อ่านคำสอนธรรมะของแม่พระธรณี ผมว่าก็คุ้มแล้วนะครับ ใครที่เชื่อแล้ว อย่าลืมช่วยภาวนานะครับ ใครที่ยังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่อยากรู้ อยากเห็นมากขึ้น ผมอาสาพาไปหาเตี่ยเซียนดำที่กาญจนบุรีได้ ติดต่อผมมาได้เลยนะครับ เอาตังค์ไปสามร้อยบาทพอ ไว้แชร์ค่าน้ำมันกับค่าข้าวครับ
    <O:p</O:p
    ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไงก็ยังไม่เชื่อ - ไม่เป็นไรครับ ยังไงถ้าคุณเป็นคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์และกรรมดีที่คุณได้สร้างไว้ จะคุ้มครองคุณแน่นอน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สวัสดีครับ
    รุตม์

    ************************************************************************

    สาส์นจากแม่พระธรณี ถึงผู้รับใช้ (5)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เอาล่ะ เราจะเล่าถึงการบวงสรวง ณ วันนี้ให้เจ้าฟัง เรามิได้พาเจ้ามาด้วยความสนุก เราจะเล่าให้เจ้าฟังว่าทำไมถึงต้องมาบวงสรวงที่นี้
    <O:p</O:p
    เจ้ารู้ไหม? กว่าเจ้าจะมาอยู่สุขสบาย ณ ธรณีแผ่นนี้ ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าต้องนำผู้คนหลายๆ ร้อยชีวิตมาเสียชีวิต ณ แผ่นดินตรงนี้และศตวรรษของเจ้านี้ แผ่นดินที่เจ้าอยู่ ถูกผู้โลภ ถูกผู้ที่แสวงหาอำนาจต้องการจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ทรัพย์ศฤงคารนั้นมาเป็นของตนเองโดยมิต้องผ่านการที่จะได้มาซึ่งการที่จะต้องเสียแม้แต่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ฉกฉวยช่วงโอกาสจากมนุษย์ผู้ที่ด้อยกว่า ทำให้เกิดทรัพย์ส่วนตัว

    ฉะนั้น วันนี้เราพาเจ้ามาเพื่อให้พวกเจ้าตั้งจิตปณิธาน พวกเจ้าต้องใช้กำลังของพลังจิตที่จะช่วยกู้ชาติบ้านเมืองของพวกเจ้าด้วยการใจไม่โลภ พอใจในสิ่งที่เจ้ามีในทรัพย์สินที่เป็นของเจ้าเท่านั้น เจ้าต้องตั้งจิตจะช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่จะหยุดยั้งความวิบัติ ความฉิบหายได้ด้วยการไม่โลภในอำนาจ ไม่โลภในทรัพย์ศฤงคารผู้อื่น เพียงแต่เจ้าตั้งมั่น ปฏิบัติตามสิ่งที่เจ้าได้ยึดถือไว้
    <O:p</O:p
    แม่บอกเจ้านะ ดวงจิตแห่งบุรพกษัตริย์ที่เจ้าอยู่ ณ ที่นี้ ยังอยู่เป็นดวงจิตที่ผู้นี้เคยตั้งสัตย์ไว้ มนุษย์ชอบศึกษาค้นคว้า เจ้าลองไปค้นคว้าสิ คำสุดท้ายก่อนจะสิ้นนี้ เจ้าองค์นี้ตรัสไว้ว่า :-
    <O:p</O:p
    “กูจะไม่ขอไปเกิดทุกชาติ ทุกชาติไป ถ้าแผ่นดินที่ลูกหลานกูอยู่ยังร้อนเป็นไฟ กูจะอยู่เพื่อที่จะให้ลูกหลานได้อยู่แผ่นดินที่มิร้อน มิยอมเป็นทาสใคร และจะมิขายชาติ ลูกหลานตนใดขายชาติ ขายแผ่นดิน ขอให้มันฉิบหายในบัดดล”
    <O:p</O:p
    นี่คือคำที่บุรพกษัตริย์ผู้นี้ได้พูดไว้โดยที่ตั้งจิตว่าจะไม่ขอไปเกิดถ้าแผ่นดินที่ตนเองหลั่งเลือดไว้มิเป็นสุข แม่ถึงได้พาพวกเจ้ามาตั้งจิต ปลุกวิญญาณอันนี้ให้คุ้มครองผู้ที่กำลังจะยอมเสียสละชีวิตที่จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาครอบครองและใช้อำนาจในการที่จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างของผู้อื่นไปเป็นของตนเอง
    <O:p</O:p
    จำนะลูกนะ พวกเจ้าเช่นกันอย่าโลภ ความโลภคือความหายนะแห่งความฉิบหายแห่งชีวิตที่เป็นสุข ความสุขนั้นมิได้อยู่ที่ทรัพย์ศฤงคารที่เยอะแยะ ความสุขที่แท้จริง คือการแสวงหาธรรมะที่ถูกทาง ข้าวหนึ่งจาน เจ้าก็สามารถประทังชีวิตได้หนึ่งวันใช่ไหมลูก? แล้วทำไมเจ้าจึงต้องแสวงหาข้าวหลายร้อยจาน หนึ่งวันเจ้าก็อิ่มได้ด้วยหนึ่งคำ ถ้าเจ้าพอเพียงในข้าวจานนั้น เจ้าก็มีความสุขนะลูกนะ ดีกว่าเจ้าต้องไปแสวงหาข้าวร้อยพันจาน แล้วทำให้ผู้อื่นต้องเลือดหลั่งริน น้ำตาอาบแก้ม ข้าวหลายร้อยจานนั้น มิส่งความสุขให้พวกเจ้าหรอกนะลูกนะ มันคือความทุกข์ที่เจ้าต้องไปชดใช้ ณ บัดดล
    <O:p</O:p
    จำเราพูดนะ เมื่อความฉิบหายมาถึงตนจากที่เจ้าโลภ มันทรมานยิ่งกว่าหมาที่ถูกน้ำร้อนเดือดๆ ราด จนขนพองอย่างที่เจ้าเห็น ความร้อนจากความโลภ ความร้อนจากความกระหาย มันจะทำให้การตายครั้งสุดท้ายของมนุษย์ทรมานที่มนุษย์มักเรียกว่าการเข้าตรีทูต เพราะอะไรรู้ไหมลูก? ความตายเมื่อมันมาถึง เราจะให้เจ้าเห็นภาพ เจ้าค่อยๆ หลับตาและมองตาม
    <O:p</O:p
    การตายก็เหมือนการที่เจ้าค่อยๆ ดึงสิ่งหนึ่งที่ออกจากปากอย่างช้าๆ สิ่งนั้นมันเต็มปากเต็มคอใช่ไหม มันทรมานกว่าจะดึงออกมาจากปาก เจ้าว่าเจ็บไหม? เมื่อมันเต็มปากแล้วเจ้าต้องค่อยๆ ดึง ดึงอย่างช้าๆ เพื่อให้มันหลุดออกมาจากปากตนเหมือนความตายนะที่มันค่อยๆ ยื่นเข้ามาให้เจ้า แต่เจ้าพยายามที่จะดึงกรรมเหล่านั้นออกให้พ้นการทรมาน แต่มันยากนะลูกนะ เพราะเจ้ากินกรรมเข้าไปจนเกินกว่าที่เจ้าจะดึงมันออกแบบง่ายดาย นี่ล่ะลูก... “กรรม” มิมีใครเคี่ยวเข็ญให้พวกเจ้าสร้าง เจ้าสร้างด้วยมือเจ้าเอง กรรมเกิดจากความโลภ เจ้าโลภอยากจะได้อำนาจก็คือกรรมอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนอยากได้
    <O:p</O:p
    วันนี้แม่พูดกับ“แม่แผ่นเหล็ก” (คุณกาญจน์ลดา มฤคพิทักษ์) เงินที่มนุษย์บอกว่าคือพระเจ้า เจ้าเข้าใจผิด พระเจ้าคือผู้ที่ให้ความสุข แต่เงินที่มนุษย์เรียกว่าพระเจ้านั้น มันให้ความทุกข์มากกว่าความสุขใช่หรือไม่ เจ้าต้องเข่นฆ่ากันด้วยคำว่าพระเจ้า
    <O:p</O:p
    สิ่งที่มนุษย์เรียกว่าพระเจ้านั้นเป็นเพียงการสมมุติขึ้นมาด้วยกระดาษหนึ่งแผ่นบางๆ พร้อมรูปลักษณ์ที่เจ้าบอกว่า “ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย”มนุษย์ แต่พระเจ้าแผ่นนี้ทำให้เจ้าต้องเข่นฆ่ากัน ทำให้เจ้าต้องทำทุกอย่าง เพื่อได้พระเจ้าแผ่นเดียวมาเป็นของเจ้าใช่ไหมเจ้าลูกฮั้ว (คุณสมชาติ ยงพิศาลภพ)
    <O:p</O:p
    แล้วถ้าเป็นพระเจ้าอย่างที่เจ้าบอกกัน มีรึเจ้าจะได้แต่ความทุกข์ พระเจ้าคือผู้ที่ให้ความสุข นี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สมมุติรูปลักษณ์ขึ้นเองใช่ไหมลูก มนุษย์สมมุติขึ้นมาว่านั่นคือพระเจ้า
    <O:p</O:p
    แต่ถ้าเจ้าสมมุติบ้างล่ะลูกว่าธรรมะก็คือพระเจ้า ถ้าเจ้ารู้จักใช้ธรรมะอย่างถ่องแท้ ก็สามารถใช้หนี้ตามกฎหมายได้ กฎหมายแห่งกรรมที่มนุษย์มีอยู่ทุกผู้คน ใช้ธรรมะในการซื้อสิ่งต่างๆ ด้วยใจที่บริสุทธิ์ จำเราพูดนะลูกนะ ธรรมะทุกศาสนาสอนให้มนุษย์หลุดพ้นได้ ถ้าเจ้าแสวงหาธรรมะอย่างจริงจัง มิมีศาสนาใดให้เจ้าเข่นฆ่ากันเอง เพียงแต่ผู้สืบศาสนานั่นแหละที่พยายามจะสื่อให้เกิดการเข่นฆ่ากันด้วยวาจา ในพุทธกาล มีศาสดาองค์ใดบ้างล่ะ ที่มาสอนผู้ที่เดินตามว่า “จงเข่นฆ่ากันนะแล้วพวกเจ้าจะได้ขึ้นสวรรค์” เจ้าเคยได้ยินไหมลูก?
    <O:p</O:p
    แต่ ณ บัดนี้ ทุกศาสนาถือสิ่งที่เรียกว่าเงินตราคือพระเจ้าใช่ไหมลูก สร้างวัตถุต่างๆ เพศบรรพชิตก็มียศถาบรรดาศักดิ์ แม่มิเคยเห็นในบรรพกาล พระพุทธเจ้าไม่เคยมียศถาบรรดาศักดิ์ มีอยู่อย่างเดียวคือการอ่อนน้อมถ่อมตน จากนั้นคือการยกย่องบุรพอาจารย์ให้เป็นผู้นำเท่านั้นเองนะลูกนะ
    <O:p</O:p
    แม่มาทำพิธีมี “พริก” มาหนึ่งถุง ความหมายของพริกคือความร้อนแรงของการรักชาตินะลูกนะ
    <O:p</O:p
    “เกลือ” คือความเค็ม เจ้าจงรักษาความดี รักษาธรรมที่มีอยู่ในใจเจ้า อย่างเกลือที่รักษาความเค็มของมันไว้ ตั้งแต่ต้นขึ้นคำว่า “เกลือ” จนถึงทุกวันนี้ เกลือก็ยังรักษาความเค็มไว้เช่นนั้น
    <O:p</O:p
    “ดิน” ที่เราให้นำมาด้วย ดินก็คือดิน ดินมีแต่ความต่ำต้อย ดินคือสิ่งที่ให้ประโยชน์แบบเร้นลับ มิได้ให้ประโยชน์ที่ทำให้มนุษย์จับต้องและมองเห็นในฉับพลันนะลูกนะ แต่ดินให้ความอบอุ่นกับเท้ามนุษย์ที่เหยียบย่างลงไป เมื่อเจ้าหนาว เจ้าเหยียบดินเจ้าจะได้ไออุ่นที่ร้อน เมื่อเจ้าร้อน เจ้าเหยียบดินเจ้าจะได้ความเย็นจากดิน ดินมีให้เจ้าทุกอย่าง แต่เจ้าจะใช้ดินอย่างไรล่ะลูกที่จะเกิดเป็นธรรมะในใจ จำนะลูกนะ ความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นคือดินที่เจ้าควรจะอ่อนน้อมถ่อมตนในทุกอย่าง
    <O:p</O:p
    “ข้าวเปลือก” ที่แม่เอามานี่คือ “แม่โพสพ” ที่มีแต่ให้กับพวกเจ้า ก่อนจะเป็นข้าวให้เจ้าก็คือข้าวเปลือกที่มนุษย์มิเห็นความสำคัญ แต่เห็นจากประโยชน์เพียงข้าวที่อยู่ในข้าวเปลือกใช่ไหมลูก เหมือนบุคคลที่ต่ำต้อยที่เจ้ามองว่าเขาเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ มิควรช่วยเหลือ แต่จำไว้นะลูกนะ รูปลักษณ์มนุษย์เป็นเพียงภายนอก แต่ภายในข้าวเปลือกนั้นมีข้าวขาวที่มีประโยชน์สำหรับเจ้า
    <O:p</O:p
    เช่นเดียวกันนะลูกนะ อย่ามองมนุษย์เพียงเครื่องแต่งกาย จงมองเข้าไปข้างในอาภรณ์ที่เจ้าประดับ เสื้อผ้าที่เจ้าใส่เป็นเพียงการปิดสรีระที่มนุษย์ถูกเรียกว่า ชาย หรือ หญิง เท่านั้น แต่ธรรมะสิลูก เจ้าควรจะต้องไขว่คว้า หาชุดงามๆ ไว้ใส่ ธรรมะอยู่ในใจเจ้าจะเป็นสุขมากกว่าใส่อาภรณ์สวยงาม แต่จงใส่อาภรณ์ไว้เพื่อปิดสรีระเท่านั้นนะลูกนะ จำเราไว้เถิด ธรรมะจะทำให้เจ้าเป็นสุขทั้งกายและใจตลอดไป เทพจะแซ่ซ้องสรรเสริญ มนุษย์จะคบหาสมาคม แม้กระทั่งก็จะเข้าใกล้เจ้า เจ้าลองดูสิลูก มนุษย์ผู้มีใจอ่อนโยน แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานที่เหล่ามนุษย์เรียกว่าไม่มีสมอง แต่มันสามารถที่จะบอกเจ้าได้ว่าผู้ใดใจดีหรือผู้ใดใจร้ายใช่ไหมลูก?
    <O:p</O:p
    ก็เปรียบเช่นเดียวกันนะลูกนะ ธรรมะจะให้แต่ความสุขเจ้าตลอดไปถ้าเจ้าเดินทางในสายธรรมที่เป็นพอประมาณสำหรับตนเองนะลูกนะ
    <O:p</O:p
    วันนี้เราขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่นี้จงให้พรกับพวกเจ้าที่มา ผู้ใดคิดสิ่งใดในความพอประมาณที่เจ้าจะยังชีพ ขอให้เจ้าจงได้มีสิ่งนั้น ความพอประมาณจงเกิดกับพวกเจ้าทุกคนด้วย
    <O:p</O:p
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หมายเหตุ : ถอดความจากการสนทนาระหว่างแม่พระธรณีกับผู้รับใช้ และผู้มาร่วมพิธีบวงสรวง ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 20.14 น. วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2549

    ที่มา http://armtired.multiply.com/journal/item/19
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2012
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประวัติและความเป็นมาของ"สามร่มโพธิ์ศรี"

    [​IMG]

    Aunyasit สมาชิก

    ครูบาอาจารย์ท่านเล่าว่า ในอดีตกาล ในยุคนึงสามโพธิสัตว์จุติลงมาใช้ชาติ ทั้งสามคนหมั่นทำบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล ภาวนา เมื่อถึงวาระนึง สามพี่น้องได้ไปรวมกันที่ริมฝั่งแม่น้ำ ก็ปรึกษากันว่าควรจะทำบุญอะไรกันดี เลยตกลงกันว่าจะสร้างพระกันคนละหนึ่งองค์ แต่จะสร้างด้วยอะไรดี

    เมื่อปรึกษาหารือกันแล้ว ก็ตกลงว่าช่วยกันหารังผึ้งตามราวป่าใกล้แม่น้ำ เมื่อได้ขี้ผึ้งมาแล้ว แต่ละคนก็ปั้นพระกันคนละองค์ พี่คนโตได้ปั้นเป็นพระนั่งปางมารวิชัย(แบบหลวงพ่อโต) คนกลางได้ปั้นเป็นพระอุ้มบาตร(แบบหลวงพ่อบ้านแหลม) ส่วนคนน้องสุดได้ปั้นเป็นพระปางนั่งสมาธิ(แบบหลวงพ่อโสธร) เมื่อได้พระมาแล้วทั้งสามคนจึงชวนกันไปที่ริมน้ำ พี่ชายคนโตได้อธิษฐานว่า ถ้าบุญกุศลมีจริงก็ขอให้พระที่ปั้นด้วยขี้ผึ้งนี้กลายเป็นพระสัมฤทธิ์

    ว่าแล้วก็อธิษฐานทิ้งพระที่ทำด้วยขี้ผึ้งลงไปในน้ำฝากแม่คงคาไป ในระหว่างนั้นพระอินทร์ได้เล็งเห็นและรับรู้มาโดยตลอด จึงได้บันดาลให้พระขี้ผึ้งกลายเป็นพระสัมฤทธิ์สมปรารถนา ส่วนคนกลางและคนน้องสุดท้อง ก็ได้ทำแบบเดียวกันแล้วก็ทิ้งพระขี้ผึ้งลงไปในน้ำ พระขี้ผึ้งก็กลายเป็นพระสัมฤทธิ์สมปรารถนาทั้งองค์ และสามโพธิสัตว์นี้ก็จะเกิดมาใช้ชาติในปัจจุบัน องค์นึงจะเป็นสังฆราชของโลก องค์นึงจะได้เป็นพระจักรพรรดิ์ และอีกองค์นึงจะได้เป็นนายกปกครองโลก ซึ่งทั้งสามพระองค์นี้ได้รับพุทธบัญชา มาทำหน้าที่ทำนุบำรุงพระศาสนาในกึ่งพุทธกาล

    ผมเองมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อโสธร ท่านจึงให้ไปวัดหลวงพ่อโสธร เพื่อไปแบ่งญาณจากหลวงพ่อโสธร ไปที่พุทธสถานฯ ครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่าพระศักดิ์สิทธิ์ส่วนมากในประเทศไทยจะสร้างโดยพระโพธิสัตว์และเป็นเนื้อโลหะ รวมทั้งจะมีขนาดไม่ใหญ่ ปัจจุบันเราสร้างพระกันมากมายแต่ความศักดิ์สิทธิ์สู้คนโบราณสร้างไม่ได้ เนื่องด้วยบุญฤทธิ์ที่แตกต่างกันนั่นเองครับ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมตัว-เตรียมใจ-ไปสู่ยุคภัยพิบัติ.330377/page-58
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3kings.jpg
      3kings.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.1 KB
      เปิดดู:
      1,502
  10. ทิพย์วิมาน

    ทิพย์วิมาน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +0
    พิษณุโลกตื่น! ธรณีระอุไฟลุกพื้นลวกชาวบ้าน


    24 เมษายน 2555

    25 เม.ย. - เกิดปรากฏการณ์ไฟระอุใต้พื้นดินที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก กินพื้นที่ 100 ตารางวา ทำให้ชาวบ้านถูกไฟลวกเท้า และสัตว์เลี้ยงล้มตาย

    เจ้าหน้าที่ป้องกันและป้องกันสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 เข้าตรวจสอบบริเวณหมู่ 9 บ้านเนินตาโนน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จุดที่เกิดไฟระอุอยู่ใต้พื้นดินกินพื้นที่กว้าง 100 ตารางวา ริมถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย พบซากสุนัขถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม และพบรอยแยกของพื้นดินความลึก 50 เซนติดเมตร ถึง 1 เมตร เมื่อนำเศษไม้และกระดาษโยนลงไปเกิดไฟลุกไหม้ทันที นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้าน 3 คน ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟลวกที่ฝ่าเท้า วัวตาย 1 ตัว รวมทั้งสุนัขและแมว

    สำหรับพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นโรงเลื่อย คาดว่าขี้เลื่อยที่ทับถมกันมานาน ประกอบกับอุณหภูมิโลกสูงขึ้น อาจทำให้เกิดการปฏิกิริยาสันดาปจากคลื่นความร้อนกระทบกับขี้เลื่อย จนเกิดประกายไฟ

    ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกะท้าวได้นำเชือกมาล้อมกันพื้นที่ พร้อมเขียนป้ายห้ามเข้าเขตอันตราย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์ถึงสาเหตุของการเกิดไฟระอุใต้พื้นดินครั้งนี้ - สำนักข่าวไทย
     
  11. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> อุตุฯเตือนพายุฤดูร้อน ประเทศไทยตอนบน 26-29 เม.ย.-กทม.อากาศร้อนฟ้าหลัว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 25 เมษายน 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ประกอบกับมีลมใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้าปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อน และระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนกระจายในระยะนี้

    อนึ่ง ในช่วงวันที่ 26-29 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางแห่ง


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดน่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ และสุโขทัย โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-41 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดอุดรธานีและหนองบัวลำภู โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดนครสวรรค์กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 28-29 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>14อำเภอ "เชียงใหม่" แล้ง! ผู้ว่าฯ มั่นใจ2เขื่อนสำรองน้ำเพียงพอ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 เมษายน ว่า

    จ.เชียงใหม่ ประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้วรวม 14 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอดอยหล่อ จอมทอง แม่แจ่ม สันกำแพง สะเมิง แม่ออน ฝาง ดอยเต่า อมก๋อย ฮอด แม่ริม เวียงแหง พร้าว และไชยปราการ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

    "การประปาส่วนภูมิภาคเปิดให้บริการน้ำฟรีตั้งแต่เวลา 11.00 – 15.00 น.ทุกวัน หากพื้นที่ใดประสบปัญหาให้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือและนำรถน้ำไปรับบริการได้ทันที ส่วนหน่วยงานอื่นที่มีศักยภาพขอความร่วมมือรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะประชาชนต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด" ผู้ว่าฯเชียงใหม่กล่าวและว่า สถานการณ์น้ำโดยรวมของ จ.เชียงใหม่ อยู่ในเกณฑ์เพียงพอต่อการสนับสนุนการเกษตรในช่วงฤดูแล้งนี้ โดยเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 142 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 53% ของความจุเขื่อน มีการปล่อยน้ำลงเสริมในลำน้ำปิงประมาณ 5 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำปิงอยู่ที่ 1.25 เมตร พื้นที่รับน้ำเพื่อการเกษตรที่รับน้ำจากลำน้ำปิงจาก จ.เชียงใหม่ และ จ.ลำพูน ไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด

    ขณะที่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด นั้นม.ปนัดดา กล่าวว่า

    ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 121 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 46% ของความจุเขื่อน คาดว่าจะสามารถนำไปบริหารน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยเมื่อสิ้นฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 79% ของความจุเขื่อน ซึ่งจะทำให้การเพาะปลูกพืชฤดูถัดไปจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำเช่นกัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2012
  12. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64

    ในหัวมีแต่ขี้เลื่อยนี่เอง ถึงสรุปแบบนี้:boo::boo::boo::boo:
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อะไรเป็นสัญญาณก่อนเกิดภัยพิบัติครั้งรุนแรง ?


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->karan20<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6035335", true); </SCRIPT> สมาชิก​

    ในปี 2553 ผู้เขียนได้พบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า สัญลักษณ์อาร์เธอร์นอล (Arternall Symbol) เขียนโดยผู้ใช้นามว่า อริอโศก ในหนังสือดังกล่าวได้เล่าถึงประสบการณ์เร้นลับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมและเรื่องเร้นลับต่างๆ ซึ่งหลายเรื่องเป็นความเชื่อส่วนบุคคลในหนังสือได้กล่าวถึงพระอาจารย์ดำ เจ้าอาวาสแห่งวัดป่ารัตนพรชัยว่าพระอาจารย์ดำเป็นครูบาอาจารย์ของท่านผู้ที่ใช้นามว่า อริอโศก​

    เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือของผู้ที่ใช้นามว่า อริอโศก ดังกล่าว ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด ขอเชิญท่านผู้อ่านใช้วิจารณญาณ

    สัญลักษณ์อาเธอร์นอล นั้นหมายถึงสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี และอำนาจทำลายล้าง ถ้าคนดีได้ครอบครองก็จะเป็นประโยชน์แก่โลกและบุคคลทั้งหลาย แต่หากคนชั่วได้ครอบครองก็จะเป็นอาวุธทำลายล้างโลก เป็นหายนะแก่โลกและชีวิต​

    ลักษณะของสัญลักษณ์อาเธอร์นอล มีลักษณะเป็นดวงแก้วกลมใสสว่างภายในมีรูปปิรามิด และมีรูปดวงตาอยู่ตรงกลางปิรามิด สัญลักษณ์นี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อประเทศทั่วโลกถึงกาลวิบัติ และเกิดความวุ่นวาย ผู้คนล้มตาย โรคระบาดอย่างรุนแรง แผ่นดินทรุดตัว น้ำท่วมโลก​

    สัญลักษณ์อาเธอร์นอลจะปรากฏพร้อมกับผู้มีบุญญาธิการสูงส่ง ซึ่งเป็นผู้ที่จะครอบครองสัญลักษณ์อาเธอร์นอล เพื่อช่วยเหลือโลกและสร้างเมืองขึ้นมา ในยุคแห่งพระเจ้าจักรพรรดินั้น บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองวิวัฒนาการเจริญก้าวหน้ากว่าทุกยุคสมัย ในช่วงนั้นจะบังเกิดผู้มีบุญ 2 ท่านสำคัญคือ อาญาสิทธิ์และอาญาธรรม​

    อาญาสิทธิ์ คือพระเจ้าจักรพรรดิผู้มีอำนาจเด็ดขาดเป็นผู้ปกป้องศาสนาและสร้างโลก สร้างเมืองใหม่ ขจัดความอยุติธรรมทั้งหลายและยังเป็นผู้ทำลาย​

    อาญาธรรม นั้นคือผู้นำศาสนาที่นำความเจริญแห่งพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสู่โลก ก่อนจะถึงศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย​

    ท่านทั้งสองนี้จะบังเกิดขึ้นแก่โลกในระยะเวลาไม่นานนับจากนี้ ก่อนที่บุคคลทั้งสองจะปรากฏตัว ทุกๆประเทศในโลกจะต้องได้พบกับภัยพิบัติ และมีการสูญเสียดินแดนและสูญเสียประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศ ผู้คนทั่วโลกจะล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะน้ำมากถึงสามส่วน ดินมีแค่ส่วนเดียว​

    มนุษย์ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ แต่บุคคลที่จะรอดได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีศีลธรรม หรือทำความดีไว้มากกว่าทำความชั่ว จึงจะรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ เฉพาะประเทศไทยนั้นจะมีผู้เสียชีวิตถึงสามสิบล้านคน น้ำจะท่วมตั้งแต่เกาะสิงค์โปร์ ประเทศมาเลเซีย ภาคใต้ทั้งหมดถึงกรุงเทพมหานคร จะจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด เนื่องมาจากคลื่นยักษ์ที่มีความเร็วมากกว่าที่เคยมีมาและสูงมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและจะทำลายล้างทุกพื้นที่ในทางใต้ของประเทศทั้งหมด​

    สำหรับภาคเหนือนั้นจะเกิดพายุหมุน ที่มีความรวดเร็วรุนแรงและสูงมากกว่าร้อยเมตร หรือจะเรียกว่ามหาซุปเปอร์ทอร์นาโดเช่นเดียวกัน อีกทั้งแผ่นดินจะเกิดการทรุดตัว ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอันมาก พายุลมและคลื่นน้ำจะมาบรรจบรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพินาศราบเป็นหน้ากลอง​

    บุคคลที่ขาดคุณธรรมความดีจะถูกทำลายล้าง
    ผู้มีคุณธรรมความดีจะอยู่รอดจากภัยพิบัติ

    ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ สิ่งที่จะต้องพบภายในประเทศบ้านเมืองนี้คือ ผู้คนภายในประเทศจะขาดความสามัคคี ใส่ร้ายป้ายสียุยงให้แตกแยก แย่งชิงอำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ใครที่ขัดผลประโยชน์ก็คิดหาทางกำจัดออกไป เกิดการเปลี่ยนแปลง แย่งชิงอำนาจในระดับผู้นำทำให้บ้านเมืองเสียหายนำมาสู่ความล่มจม ส่วนประชาชนต่างแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีความสามัคคี จนเกิดเหตุการณ์บานปลาย ก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากมาย นอกจากนี้ยังเกิดโรคระบาดร้ายแรงตามมาอีก ก่อให้เกิดความสูญเสียเป็นอันมาก

    ภายหลังจากเกิดสงคราม ผู้คนล้มตายจำนวนมาก จากการแย่งชิงอำนาจแล้วบ้านเมืองขาดผู้นำ ในช่วงนั้นก็จะเกิดภัยพิบัติที่เกิดขึ้นใหญ่โต ด้วยพายุลมและคลื่นน้ำที่บังเกิดขึ้นพร้อมกัน และพัดทำลายทุกสรรพสิ่งในสภาวะอันน่าสะพรึงกลัวนั้น

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเดินทางและความคิดของกาขาว-เตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ.335895/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2012
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    <TABLE id=post1292838 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>20-06-2008, 10:08 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #8786 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1292838", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,558
    พลังการให้คะแนน: 5271 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1292838 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** โลกกับผู้มีอำนาจ ****

    เมตตาประชาชนและสัตว์โลก
    ไม่คิดครองโลก

    แผ่นดินใด ยิ่งเบียดเบียนมาก
    แผ่นดิน จะล่มจมหายไป
    เป็นไปตาม "หลักสัจจะธรรม"
    ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

    มนุษย์ทุกคน ควรมีสัจจะ
    ผู้มีสัจจะ คือผู้รอดพ้นกรรม พ้นภัย

    แผ่นดินใด คนไม่มีสัจจะอยู่มาก
    แผ่นดินจะลุกเป็นไฟเผาตัว ฟ้าดินจะลงโทษ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    <TABLE id=post1292496 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>20-06-2008, 07:55 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #8782 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1292496", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,559
    พลังการให้คะแนน: 5271 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1292496 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** บ้านเมือง ****

    กำลังจะนองเลือด ...ลุกโหมเป็นไฟ
    อะไร....จะหยุดการกระทำ ของคนได้ ???
    อะไร...จะหยุดความคิด ของคนได้ ????

    สัจจะ
    หยุดสั้นๆ...เป็นชั่วโมง เป็นกำหนดเวลา
    หยุดถาวร....คือ ตลอดชีวิต

    สัญญาใจตนเอง
    ใครทำได้ ... เจริญ
    ใครทรยศ .... ดินฟ้าอากาศ ลงโทษ

    สัจจะ เป็นประกาศิต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    <TABLE id=post3791275 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>15-09-2010, 10:53 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#157 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3791275", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 12,561
    พลังการให้คะแนน: 5272 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3791275 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->*** หมดเวลาผ่อนผันแล้ว...ยุคมิกสัญญี ****

    ตอนนี้หมดยุคไปแล้ว กำลังเข้ายุคใหม่
    จึงเกิดเป็นมิกสัญญีขึ้นมา เพราะความชั่วที่มนุษย์ได้ทำลงไป
    พระพรหมผู้สร้างโลก ท่านก็ดูอยู่
    ถือไม้อยู่อัน ที่นอสตราดามุสพูดถึง ไม้เคาะหัวคน สอนคนได้
    ขีดเส้นว่า ประเทศไทยจะเหลือเป็นกลมๆ
    เรือวิ่งไปก็ต้องหยุดแถวบางประกง เพราะเขามาเอาสามจังหวัดไป
    ทางใต้มาถึงระนอง มีธงปักไว้ เป็นรัฐอิสระ เขมรก็สูงขึ้นมาหน่อย
    พม่าก็เอาลึกเข้ามาในตาก เชียงรายก็ขาดหายไป
    ประเทศไทยก็ไม่เป็นรูปขวาน เหลือเป็นกลมๆลูกตระกร้อ
    ศึกนามิไม่เท่าไหร่ ต่อไปจะเกิด ศึกประลัยกัลป์ อีกไม่นาน
    คนนี่จะวิ่งลุกเป็นไฟ คลอง แม่น้ำเจ้าพระยา จะไม่มีน้ำสักหยด
    ปราสาทราชวังต่างๆ วัดอรุณ สองริมตลิ่ง จะทลายไหลลงแม่น้ำหมด
    เจ้าพระยาจะมีแต่ลาวา หินละลายลุกเป็นไฟ ไหลลงทะเล
    ตอนนี้ หมดเวลาแล้ว ไม่มีใครผ่อนผันอะไรได้แล้ว
    คนที่เหลือรอดไปได้ เป็นคนที่มีสัจจะ
    เพราะสัจจะ เป็นเหง้าการกระทำของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ศีล
    ศีลพาไปนิพพานไม่ได้ นี่โลกุตตระประกาศไว้
    สัจจะเป็นนิยามของการหลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    คุณหนุมาร..........เจ้าขา..........ทำไม่ประเทศไทยโดนอยู่ที่เดียวละ..........ประเทศพม่าใหญ่ขึ้น เำืพื่อนบ้านมีที่ดินเพิ่ม แต่ไทยที่ดินลดลง..........มันจะจริงเหร๊อ...............
     
  18. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ขอค้านคุณหนุมานหน่อย ศีลนำทางไปสู่นิพพานได้ เพราะศีลเป็นบาทฐานแห่งสมาธิและ ปัญญา ตามมา สััจจะมีทั้งทางดีและทางชั่ว แต่ศีลคือไม่ทำบาปชั่วช้า
     
  19. ทะเลลึก

    ทะเลลึก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +80
    งมงายทายทัก ลุ่มหลงนิมิต ศรัทธาความเชื่อประหลาด ยิ่งทำให้ชีวิตระทมทุกข์ในท่ามกลางยวกับมหันตภัยต่างๆ

    โลกก็เป็นไปอย่างนั้นเองมิใช่หรือ แม้ไม่มีมนุษย์มาทำความชั่วหรือความดี โลกก็ยังต้องเป็นไปตามไตรลักษณ์ จะหวั่นไหวไปทำไม ในเมื่อมันเป็นเพียงความธรรมดาของสรรพสิ่ง และไม่มีผู้ใดสามารถกอบกู้โลกได้ เพราะโลกไม่ต้องการการกอบกู้ เช่นเดียวกับคน ก็ยากจะห้ามความป่วยไข้และความตายได้

    แม้พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถ ถ้าพระองค์ทำได้ก็ทำไปนานแล้ว ใช้พุทธานุภาพเสกคนให้ดีได้ไหม เสกไม่ให้วันคืนผันผ่านได้ไหม ทำให้ไม่แก่ ไม่ป่วยได้ไหม ไม่ตายได้ไหม ไม่ให้มีลมได้ไหม พระเจ้าก็ไม่อาจทำได้

    ด้วยความอ่อนแอของจิตใจเราเองต่างหาก ที่หวังคอยความช่วยเหลือจากผู้อื่นอยู่เสมอมา ก็ตั้งแต่แรกลืมตาดูโลกหนั่นแหละ จวบจนแก่ชราก็ยังเรียกร้องหาความช่วยเหลือไม่หยุดหย่อน มันเป็นนิสัยที่แก้ยาก มันฝังรากไว้ลึก ยากไถ่ถอน เมื่อคนกลัว ก็พยายามหาบุคคลอันยิ่งใหญ่ บุคคลในจินตนาการ บุคคลาธิษฐาน ปั้นแต่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อประโลมหัวใจอันอ่อนแรง ไร้ที่พึ่ง

    ถ้าชาวพุทธหยุดความตระหนกและงมงาย ฟังคำสอนที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ของพระพุทธองค์บ้าง เชื่อว่าเรื่องราวต่างๆ คงยากจะทำให้เราตระหนกได้

    คำสอนของพระองค์ที่ไม่เหมือนใคร ไม่หวังพึ่งพาผู้ใด แต่เราพาลลืมเลือนไปหรือเปล่า ว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" นั่นมันงดงามทรงพลังเพียงใด
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146

    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>บุกพิสูจน์! ไฟลุกพื้นดินที่ อ.นครไทย เจาะชั้นดินตรวจ ชี้เกิดจากแก๊สมีเทน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักงานทรัพยากรธรณีส่งเจ้าหน้าที่เจาะชั้นดินพิสูจน์หลุมไฟอ.นครไทยจ.พิษณุโลก ระบุเป็นแก๊สมีเทน ไม่มีกลิ่น ติดไฟได้เอง

    เกิดจากการสะสมของเศษขี้เลื่อยและถ่านเก่า และเจอน้ำท่วมประจำทำให้เกิดปฏิกิริยาลุกเป็นไฟเมื่อเจออากาศร้อน ทั้งนี้ เวลา 13.00 น. วันที่ 25 เมษายน ที่บริเวณหลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมถนนบ้านแยง-นครไทย หลังจากเกิดปรากฏการณ์พื้นดินเนื้อที่ประมาณ 1 งาน เกิดไฟลุกไหม้ในชั้นใต้ดิน มีความร้อนระอุ คนและสัตว์ลงไปเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต จนชาวอำเภอนครไทยแตกตื่นกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก


    นายสมบุญ โฆษิตานนท์ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรณี เขต 1 ( ลำปาง ) พร้อมเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณี ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

    เพื่อพิสูจน์ทราบว่า บริเวณที่ไฟลุกไหม้ใต้ดินนั้น เกิดจากสาเหตุอะไร และต้องหาวิธีการจัดการป้องกันแก้ไขอย่างไร เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง ได้ใช้เหล็กแหลม ขุดเจาะสำรวจบริเวณดังกล่าว 3 จุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร เพื่อตรวจสอบว่าชั้นใต้ดินว่ามีเชื้อเพลิงอะไรบ้าง โดยขุดเจาะบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้ลงไป 1 จุด เบื้องต้นพบว่า มีชั้นเถ้าถ่าน ที่เป็นเชื้อเพลิงของไฟลุกไหม้หน้าประมาณ 1 เมตร อยู่บริเวณผิวดิน ขณะที่ลึกลงไป เป็นชั้นผิวดินเดิมปกติ และอีก 2 จุด ทำการขุดเจาะบริเวณทุ่งนา รอบ ๆ จุดที่ไฟปะทุใต้ดิน เพื่อนำไปเปรียบเทียบ


    นายสมบุญ เปิดเผยว่า จากการสอบถามผู้อยู่ในพื้นที่เดิมเบื้องต้นทราบว่า พื้นที่ที่ไฟกำลังลุกไหม้ใต้ดินขณะนี้นั้น

    ในอดีตเคยเป็นเตาเผาถ่านเก่า จำนวน 3 เตา ด้านหลัง เป็นโรงเลื่อยเก่า ในอดีต เคยมีการประกอบกิจการเผาถ่านบริเวณนี้ และมีการนำขี้เลื่อยมาทิ้งไว้ แต่ได้เลิกกิจการเตาเผาถ่านไปนานแล้วร่วม 30 ปี ขณะพื้นที่บริเวณนี้ ได้เกิดน้ำท่วมทุกปี จากน้ำแควน้อยล้นตลิ่งในช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ และชั้นทราย ชั้นดินไปปิดทับ ทำให้เกิดปฏิกิริยาสันดาป ก่อให้เกิดแก๊สชีวภาพ ที่คาดการณ์เบื้องต้นว่า เป็นแก๊สมีเทน ที่สามารถติดเป็นไฟได้เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เป็นแก๊สที่ไม่มีกลิ่น เป็นธรรมชาติที่เกิดได้ในหลายพื้นที่ ลักษณะคล้าย ๆ กับไฟไหม้ป่าพลุในเขตภาคใต้ ที่จะเกิดไฟลุกไหม้ใต้ดิน


    "ในวันนี้ได้เจาะชั้นดิน 3 จุด ทั้งจุดที่ไฟลุกไหม้ และพื้นที่รอบ ๆ เพื่อนำไปพิสูจน์ สถานการณ์ขณะนี้ เชื่อว่ายังคงลุกไหม้ต่อไป และไม่รุนแรง เพียงแต่ต้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้าไปใกล้บริเวณดังกล่าว หรือต้องขุดเปิดหน้าดิน เพื่อให้ไฟได้เผาไหม้ได้หมด และจะดับไปเอง"นายสมบุญระบุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ตื่น!ถนนคอนกรีตระเบิดกลางหมู่บ้าน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ชาวบ้านอุตรดิตถ์ แตกตื่นตกใจ ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กใจกลางหมู่บ้าน เกิดระเบิดแตกออกตามความกว้างของถนน 4 ม. ลึก 15 ซม. มองเห็นเหล็ก เส้นลวด คาดสภาพอากาศร้อนจัดเหล็กโก่งตัว ดันพื้นซีเมนต์จนแตกออก


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 เม.ย. 55 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านเจริญสุข หมู่ 7 ต.หาดหล้า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์

    ว่าถนนคอนกรีตเสริมเหล็กของหมู่บ้าน สร้างมาเกือบ 20 ปี อยู่ ๆ เกิดระเบิดเสียงดังกึ่งก้อง รับรู้ได้ไกลกว่า 100 เมตร และสามารถสัมผัสถึงแรงสั่นไหวได้ด้วย ชาวบ้านต่างตื่นตกใจวิ่งหนีออกจากบ้านเรือน นึกว่าแผ่นดินไหว สุดท้ายพบถนนคอนกรีตแตกเป็นรอยยาวตามความกว้างของถนน ลึก 15 เซนติเมตร แรงระเบิดทำให้ผิวถนนแตกเป็นชิ้นส่วนขนาดต่าง ๆ ตกกระจัดกระจายเต็มผิวถนนและไหล่ทาง

    <!-- inside news -->
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อไปถึงพบชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงดูสภาพถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านค่าย-ท่าปลา

    บริเวณใจกลางหมู่ 7 บ้านเจริญสุขตามที่ได้รับแจ้ง ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปต่าง ๆ นานา เพราะไม่เคยประสบมาก่อน จากนั้นจึงช่วยกันเก็บเศษแผ่นคอนกรีต หรือ ผิวถนน ที่กระจัดกระจายตามถนนลงไหล่ทาง ผิวถนนบางจุดแตก เส้นรอบวงกว่า 45 เซนติเมตร ต้องใช้คน 2 คนยก จากนั้นเขียนป้ายเตือนให้ผู้ใช้สัญจรเพิ่มความระมัดระวัง เพราะหวั่นเกิดอุบัติเหตุ




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นายสมพล พรมแสน อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 45 หมู่ 7 ต.หาดหล้า ซึ่งบ้านตั้งอยู่ติดถนนและบริเวณจุดเกิดเหตุมากที่สุดคือ ห่างประมาณ 15 เมตร

    กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนกำลังซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ลูกค้า ได้ยินเสียงดัง “ตู้ม” ขวดน้ำมันเครื่องที่ตั้งอยู่ชั้นวางในร้านสั่น จนสามรถรับรู้ได้ ตอนนั้นคิดว่าต้องเกิดแผ่นดินไหวแน่นอน ประกอบกับกำลังฟังข่าวจากสถานีวิทยุเรื่องแผ่นดินไหวและรอยเลื่อน จึงรีบวิ่งเข้าบ้านปลุกแม่ที่กำลังนอนกลางวันพร้อมลูกชาย วิ่งออกจากบ้านทันที

    "เมื่อมายืนอยู่หน้าบ้าน ใจเต้นแรงมาก จากอาการกลัว พบว่ามีเศษแผ่นปูนขนาดต่าง ๆ ตกกระจัดกระจายเต็มผิวถนน จึงเรียกเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่ในละแวกเดียวกัน มาดูถนนคอนกรีตเสริมเหล็กของหมู่บ้าน บริเวณรอยต่อของแผ่นถนน แตกตามความกว้างของถนน 4 เมตร ลึก 15 เซนติเมตร มองเห็นเส้นลวดที่ใช้ยึดผิวถนน จึงแน่ใจว่าเสียงดัง เกิดจากถนนระเบิด แต่ไม่รู้สาเหตุเกิดจากอะไร เพราะเพื่อนบ้านช่วยกันสำรวจแล้ว ไม่มีวัตถุใด ๆ แปลกปลอม"


    นางสำรวย พิศดี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 กล่าวว่า บ้านตนอยู่ห่างประมาณ 100 เมตร ยังรับรู้ถึงเสียงดัง คิดว่าจุดพลุงานศพของใคร

    ตั้งแต่อพยพมาจากการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ กว่า 40 ปี เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เห็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระเบิด โชคดีที่ขณะระเบิดไม่มีรถวิ่ง และชาวบ้านผ่านไปมา มิเช่นนั้นอาจมีคนได้รับบาดเจ็บ นอกจากเสียงจะดังมากแล้ว แรงดันยังทำให้ผิวถนนแตกแยกเป็นชิ้นส่วนกระเด็น ไปไกลกว่า 10 เมตร


    นายสุพรรณ วงศ์ชัย กำนันตำบลหาดหล้า กล่าวว่าหลังรับแจ้งรีบมาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เห็นแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดระเบิด

    ทั้ง ๆ ที่ไม่มีวางทุ่นระเบิดไว้ หลังจากนี้แจ้งเรื่องให้จังหวัดทราบเพื่ออยากให้ประสานผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้มาตรวจพิสูจน์ถึงสาเหตุที่แท้จริง ตอนนี้ชาวบ้านตำบลหาดกล้า ต่างกังวล หวาดกลัว และล่ำลื่อไปต่าง ๆ นานา ทั้งเกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลก แผ่นดินไหว หรือเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวติดต่อกันนานสัปดาห์ ทำให้ใต้ดินเกิดแรงดันปะทุขึ้นถนนจึงระเบิด ยิ่งไปกว่านั้น ชาวบ้านกลัวเพราะพื้นที่ตั้งอยู่เหนือเขื่อนสิริกิติ์ หากเป็นไปได้ควรมีเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญมาตรวจพิสูจน์เพื่อความปลอดภัยของประชาชน


    นายอนุรักษ์ เอื้ออนุวงษ์ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า

    สภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาฯ ติดต่อกันหลายวันที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะให้ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กจะระเบิด และได้รับความเสียหายได้ เนื่องการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กจะมีช่องไฟ หรือช่องรอยต่อของแผ่นซีเมนต์ไว้ เพื่อให้เกิดการระบายความร้อน แต่เมื่อถนนสร้างและใช้งานมานาน ประกอบกับสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้เหล็กเกิดการโก่งตัว ดันซีเมนต์หรือผิวถนน แรงปะทุออกตามช่องไฟ หรือรอยต่อของแผ่นถนน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> อะจึ๋ย...ตับแลบแน่ กฟน.จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าในหลายพื้นที่ 25-29 เมษานี้ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ประกาศการไฟฟ้านครหลวง

    การไฟฟ้านครหลวง มีความจำเป็นต้องทำงานเกี่ยวกับสายป้อนไฟฟ้าแรงสูง ทั้งนี้เพื่อพัฒนาและบำรุงรักษาระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิด ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การไฟฟ้านครหลวง จึงจำเป็นต้องงดจ่ายกระแสไฟฟ้าเป็นการชั่วคราวบางพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวดังต่อไปนี้

    วันพุธที่ 25 เมษายน 2555 กรุงเทพมหานคร
    เวลา 09.00 - 11.00 น.
    - บริเวณก่อสร้างปั๊มแก๊ส ซอยไอซีดี ถนนเจ้าคุณทหาร

    วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555 กรุงเทพมหานคร
    เวลา 09.00 - 11.00 น.
    - บริเวณปากซอยวชิรธรรมสาธิต 3
    เวลา 09.00 - 13.00 น.
    - บริเวณคลองบางเลา, คลองหลอแหล ถนนราษฎร์พัฒนา
    และบริเวณโรงเรียนสามแยกหลอแหล


    วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555 กรุงเทพมหานคร
    เวลา 09.00 - 15.30 น.
    - บริเวณหมู่บ้านสุภาวัลย์ ซอยรามคำแหง 176 ถนนรามคำแหง


    วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 กรุงเทพมหานคร
    เวลา 08.00 - 12.00 น.
    - บริเวณซอยพระรามเก้า 6 (ดับตลอดซอย)
    เวลา 08.30 - 15.30 น.
    - บริเวณถนนเพชรบุรี 38/1 ถึงแยกอโศก
    เวลา 08.30 - 16.30 น.
    - บริเวณซอยอ่อนนุช 17 แยก 17, 19 และ 20
    นนทบุรี
    เวลา 08.30 - 15.30 น.
    - ซอยข้างโรงงานหอม - กระเทียม ถนนเลียบคลองนาหมอน
    - ซอยสุเหร่ายามาลุดดีน ถนนบางกรวย - ไทรน้อย
    - บริเวณชุมชนหลังวัดไชยทิศ ถนนจรัญสนิทวงศ์


    วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 กรุงเทพมหานคร
    เวลา 08.00 - 15.30 น.
    - บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 43 ถนนจรัญสนิทวงศ์
    เวลา 08.00 - 16.30 น.
    - ตั้งแต่ปากซอยสุขสวัสดิ์ 78 ถึง ซอยสุขสวัสดิ์ 78 แยกซอย 2 (ดับตลอดซอย)
    เวลา 08.30 - 15.00 น.
    - บริเวณซอยปรีดีพนมยงค์ 43 (ดับตลอดซอย)
    เวลา 08.30 - 15.30 น.
    - ตั้งแต่ซอยจันทน์ 7, 9, 11, 13, 15 ถนนจันทร์
    - บริเวณตั้งแต่ปากซอยลำกอไผ่ ถึง สน.ฉลองกรุง
    และ บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
    - ตั้งแต่วัดใหม่พิเรนทร์ ถึง หน้าโรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย ถนนอิสรภาพ
    - บริเวณตั้งแต่สี่แยกประดิษฐ์มนูธรรม (ศูนย์ฮอนด้า)ถนนพระรามเก้า
    (ฝั่งทิศเหนือ) ถึง สี่แยกรามคำแหง(ซอยทองประเสริฐ)
    - บริเวณซอยเพชรบุรี 35 ถึง ซอยเพชรบุรี 37
    เวลา 08.30 - 16.30 น.
    - บริเวณซอยอ่อนนุช 17 แยก 13 ,15 และ 18
    นนทบุรี
    - ถนนเลียบคลองลากค้อน ด้านวัดลากค้อนแยกจาก ถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี ฝั่งขาเข้า
    - ตั้งแต่คลองตาคล้าย ถึง คลองเจ๊ก ถนนบางกรวย - ไทรน้อย เฉพาะฝั่งหมู่บ้านชวนชม
    - หมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์รีเจนท์ ซอยวัดใหญ่สว่างอารมณ์
    - บริเวณซอยสันติธรรม 1 และ 2, ซอยเทศบาลตำบลบางม่วง, คลองโสนน้อย, ถนนบางม่วง - บางคูลัด


    ดังนั้น ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟจากสายป้อนไฟฟ้าแรงสูงตาม ถนน ซอย และคลองที่แยกจากที่แจ้งข้างต้น จะไม่มีกระแสไฟฟ้าตามวันและเวลาดังกล่าว


    การไฟฟ้านครหลวง จึงขออภัยท่านผู้ใช้ไฟฟ้ามา ณ โอกาสนี้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่การไฟฟ้านครหลวงทุกเขต ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ด้านหลังใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าหรือสามารถสอบถามผ่าน Call Center ของการไฟฟ้านครหลวง หมายเลขโทรศัพท์ 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงและนอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบประกาศดับไฟฟ้าล่าสุดได้จาก www.mea.or.th

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...