ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พณ.ยันข้าวไทยเพียงพอบริโภคในประเทศ ขู่แทรกแซงตลาดข้าวถุง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body style="FONT-SIZE: x-small; MARGIN: 0px; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: rgb(204,102,0); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>23 กรกฎาคม 2554 22:29 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    พณ.ยันข้าวในประเทศไม่ขาดแคลน ฝากวอน ประชาชนอย่าวิตกกังวล - กักตุนสินค้า พร้อมสั่งรับมือผลกระทบนโยบายรับจำนำข้าว พท.“ยรรยงค์” ว้ากใส่ผู้ประกอบการ หากฉวยโอกาสขึ้นราคา เจอข้าวถุงราคาต้นทุนขายแข่งแน่

    นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ปริมาณข้าวในประเทศจะมีเพียงพอต่อการบริโภค โดยยืนยันว่า ไทยจะไม่เกิดภาวะข้าวขาดตลาดแน่นอน เพราะปริมาณข้าวในประเทศขณะนี้มีมากกว่า 4.4 ล้านตัน แบ่งเป็นสต็อกของเอกชน 3.2 ล้านตัน สต๊อกของรัฐบาล 1.2 ล้านตัน

    นอกจากนี้ ปริมาณข้าวเปลือกนาปรังช่วงปลายฤดูที่จะออกสู่ตลาดภายใน 1-2 เดือน มีถึง 2 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นข้าวสาร 1.7 ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก โดยประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล หรือซื้อกักตุนไว้ เพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

    ส่วนปัญหาเรื่องราคาจำหน่ายข้าวถุงที่เป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ที่อาจกำหนดราคาจำนำอยู่ที่ 15,000 บาทต่อตัน อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนข้าวถุงนั้น ได้สั่งการไปยังกรมการค้าภายในไปหามาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบให้กับผู้บริโภค ผู้ผลิตข้าวถึง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้มีการช่วยเหลือ หากข้าวถุงมีราคาแพง พร้อมที่จะผลิตข้าวถุงในราคาต้นทุนเพื่อจำหน่ายในประเทศให้กับประชาชน

    “กรณีผู้ประกอบการข้าวถุงร้องเรียนว่า ขาดแคลนวัตถุดิบเพราะโรงสีกักตุน เราจึงให้โรงสีข้าวและผู้ประกอบการข้าวถุงไปเจรจากัน และไม่มีเหตุผลที่โรงสีข้าวทั่วประเทศจะสต็อกข้าวเพื่อต้องการราคาใหม่ และผู้ประกอบการผลิตข้าวไม่ควรขอปรับราคา”

    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูเรื่องต้นทุนราคาข้าวทั้งระบบอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกฝ่ายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม แต่หากผู้บรรจุถุงถูกโก่งราคาจากโรงสีใด ก็ให้ร้องเรียนมาที่กรมการค้าภายใน โดยจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เพราะเข้าข่ายทำให้ตลาดปั่นป่วน เป็นการกักตุน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    “ผมได้สั่งการกรมการค้าภายในไปหามาตรการช่วยเหลือ ลดผลกระทบให้กับผู้ผลิตข้าวถุง โดยให้เจรจากับห้างสรรพสินค้า ลดการคิดค่าธรรมเนียมวางจำหน่ายสินค้า หรือมาตรการอื่นๆ รวมทั้งทางสมาคมโรงสีข้าวยืนยันกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะเข้ามาช่วยเหลือ หากราคาข้าวถุงมีราคาแพง พร้อมที่จะผลิตข้าวถุงในราคาต้นทุนเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนทั่วประเทศ”

    สำหรับต้นทุนการผลิตข้าวถุงอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 14-15 บาท ขนาดถุง 5 กก.เฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาท เมื่อบวกค่าบริการและอื่นๆ อยู่ที่ประมาณ 15 บาทต่อถุง ต้นทุนต่อถุงจะอยู่ที่ 85-89 บาท ขณะนี้ข้าวขาว 5% ในตลาดขายอยู่ 95-110 บาทต่อถุง นับว่า ผู้ประกอบการยังมีกำไรพอสมควร จึงไม่ควรขอปรับราคาอีก ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลกมีทิศทางดีขึ้น โดยเฉลี่ยการส่งออกข้าวขาว 5% ส่งออกอยู่ที่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน และเชื่อว่า โอกาสที่เกษตรกรจะจำหน่ายข้าวได้ราคาสูงต่อไป

    ที่มา http://www.manager.co.th/business/viewnews.aspx?NewsID=9540000090984
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 13646-2.jpg
      13646-2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.6 KB
      เปิดดู:
      1,969
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  2. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    นี่เป็นการเตือนรอบที่ 2 คนที่รู้ก็รู้ คนที่ไม่รู้ก้อพยายามค้นหา คนที่รู้ บัดนี้ก็คงรู้ว่าต้องทำอะไร ต้องไปอยู่ที่ไหน แล้วที่ไหนคือดินแดนพิเศษ คนเก่งในนี้ก็เยอะคงพอเดาออกนะคับ นาลแกก็เหมือนกัน แต่ทุกอย่าง มันก็ คือ ดังบ่ดี ดีบ่ดัง สิ่งที่จะทำให้เรารอดได้ ก็คือ ศีล และธรรม บวกด้วยบุญเก่า ไม่ใช่มานั่งรอ นารีกับจักรพรรดิ์ แล้วจะไปเกาะพลังเขา ทำให้เรารอด ถ้าเขายื่นมือมาแล้ว เราไปเกาะไม่ได้ มันก็ตายเหมือนกัน
     
  3. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    มีคนมากมายที่ต้องการเป็นใหญ่ มีคนมากมายที่ต้องการพลัง มีคนมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ มีคนมากมายที่ต้องการล้างโลก มีทั้งฝ่ายธรรมมะ มีทั้งฝ่ายอธรรม มีทั้งเทวดาที่ดี มีทั้งเทวดาที่เลว มีหลายกลุ่มที่ต้องการช่วยโลก แต่มีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง และผู้ครอบครองย่อมถูกคัดสรรมาอย่างดีจาก พรหมและเทวดา เพื่อผดุงศาสนา บำรุงบ้านเมืองและแผ่นดิน และคนที่ถูกเลือกย่อมซ่อนเก็บงำพลังนั้นไว้ จากผู้ที่ไม่มีหน้าที่และไม่มีประโยชน์ที่จะครอบครอง และขอยอมรับว่า คนเก่งในนี้เยอะจิง ๆ
     
  4. ZeusInw

    ZeusInw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +333
    สงสารประเทศไทย สงสารเมืองหลวง สงสารคนที่ตาย สงสารคนที่ตายทั้งเป็น และที่สงสารที่สุดคือในหลวง
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บัว ๔ เหล่า

    [​IMG]

    เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แต่เนื่องจากพระธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นมีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่านได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกนี้มีหลายจำพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดังนั้นแล้วจึงดำริที่จะแสดงธรรมเพื่อมวลมนุษยชาติต่อไป

    บัว ๔ เหล่า ได้แก่

    ๑.พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที (อุคฆฏิตัญญู)

    ๒.พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป (วิปจิตัญญู)

    ๓.พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอยด้วยศรัทธา ปสาทะ ในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อยๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง (เนยยะ)

    ๔.พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธาปสาทะ ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่าปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน (ปทปรมะ)

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/bigbabe/2009/02/04/entry-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2011
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เหตุของความเสื่อม คือไม่มีความเคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน

    [​IMG]

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันใกล้เมืองกิมิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมพิละได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

    พระพุทธเจ้า:

    ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในศาสดา
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในธรรม
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสงฆ์
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในสิกขา
    เป็นผู้ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงกันและกัน

    ดูก่อนกิมพิละนี้ แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมไม่ดำรงอยู่นาน
    ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    กิมพิละ:

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมดำรงอยู่ได้นาน
    ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    พระพุทธเจ้า:

    ดูก่อนกิมพิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พวกภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในศาสดา
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในธรรม
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสงฆ์
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในสิกขา
    เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงกันและกัน

    ดูก่อนกิมพิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้พระสัทธรรมดำรงอยู่นาน
    ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.

    ที่มาจาก:-
    กิมพิลสูตร : พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ – หน้าที่ ๔๔๖
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1282973696.jpg
      1282973696.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.1 KB
      เปิดดู:
      1,611
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2011
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผลกรรมของผู้ที่ใช้พลัง(ฤทธิ์อภิญญา)ในทางที่ผิด...

    [​IMG]

    คุยกับผีตัวที่ ๒๐ ผีพระเทวทัตผู้กำเนิดอยู่ในอเวจีมหานรก

    เรื่องราวของผีตัวที่ ๒๐ เป็นประสบการณ์จริงของผู้เขียนเมื่อหลายปีก่อน เป็นเรื่องราวของผู้ที่ได้เคยเป็นถึงพระญาติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาตลอดจนได้เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ตายในผ้าเหลือง แต่เนื่องจากได้ทำความชั่วอย่างมหันค์ที่เรียกว่า อนันตริยกรรม ตามพระพุทธบัญญัติ ที่ทรงพระบัญญัติไว้ อนันตริยกรรม...คือ (ครุกกรรม) กรรมที่หนักที่สุดของฝ่ายบาปอกุศลมีผลเป็นทุกข์โทษฉับพลันทันทีห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานอย่างเด็ดขาด...อันประกอบด้วย :มาตุฆาต ฆ่ามารดา ๑ :ปิตุฆาต ฆ่าบิดา ๑ :อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์ ๑ :โลหิตุปบาท ยังพระโลหิตพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ห้อ ๑ :สังฆเภท ยังสงฆ์ให้แตกจากกัน ๑

    คำว่า อนันตริยกรรม เป็นคำยืมจากภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า อนนฺตริย ซึ่งแปลว่า ไม่มีช่องว่าง กับคำว่า กมฺม ซึ่งหมายถึง การกระทำที่ทำด้วยความจงใจ คำว่า อนันตริยกรรม มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า การกระทำที่ไม่มีช่องว่าง หมายถึง การกระทำที่ไม่มีช่องว่างระหว่างกรรมที่กระทำลงไปแล้วกับวิบากหรือผลที่จะตามมา ปกติโดยทั่วไปแล้วกรรมที่ไม่ถึงอนันตริยกรรม เมื่อทำลงไปแล้วมักจะมีช่องว่างที่ห่างจากวิบากคือผลของกรรมที่ได้กระทำ คือผู้ที่กระทำกรรมอันเป็นบาปหรือกรรมชั่วนั้น เมื่อทำแล้วจะยังไม่ได้รับผลในทันที อาจจะต้องให้เวลาอีกสักระยะหนึ่งจึงจะให้ผล

    คนที่ทำกรรมอันเป็นบาปหรือกรรมชั่ว จึงมักได้ใจว่าทำแล้วไม่เห็นเป็นอะไรจึงไม่เชื่อ บางทีกว่าที่กรรมนั้นจะให้ผลก็นานจนลืมไปเลยว่าตนได้เคยทำไว้ เราจึงเห็นกันบ่อยๆว่า คนทำชั่วบางทีทำไมเค้ายังมีความสุขความเจริญอยู่ได้ไม่เห็นได้รับผลของกรรมเลย อย่าชะล่าใจมันเป็นแค่การเว้นช่องของกรรมกับวิบากเท่านั้น เมื่อมันถึงเวลาของมัน ที่มันให้ผลเมื่อไหร่มันก็จะสนองทันที ส่วนผู้ที่ประกอบแต่กรรมดีก็เช่นกัน ก็มักจะคิดกันไปว่าทำแต่ความดีอยู่เสมอทำไมไม่เห็นได้รับความสุขความเจริญบ้างเลย อันนี้ก็เป็นเพราะช่องว่างของกรรมกับวิบากเช่นกัน ที่บางครั้งคนทำความดีแล้วมักจะเดือดร้อนนั้นนั่นเป็นเพราะ ขณะที่ทำกรรมดีหรือความดีนั้น ระหว่างช่องว่างมีวิบากคือผลของกรรมชั่วเก่าที่เคยกระทำไว้เข้ามาสนอง

    คนทั้งหลายไม่เข้าใจ จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าทำความดีแล้วกลับได้รับผลชั่ว ตรงนี้ต้องโทษความไม่รู้โดยฝ่ายเดียวเลย ดังนั้นท่านผู้อ่านทั้งหลายควรเร่งทำความเข้าใจในส่วนของกรรม คือการกระทำและวิบากกรรมคือผลของกรรมที่ตนได้เคยกระทำไว้ให้มากๆ จะได้มีสติยั้งคิดก่อนที่จะลงมือกระทำกรรมอะไร และจะได้ไม่ตีโพยตีพายกลายเป็นคนขาดสติไป การขาดสติเป็นการซ้ำเติมความไม่รู้อย่างร้ายกาจเลยทีเดียว ดังนั้น อนันตริยกรรมจึงมิได้หมายถึงกรรมโดยทั่วๆ ไป แต่หมายเอาเฉพาะกรรมชั่วที่ร้ายแรงที่สุดเท่านั้น กรรมนั้นเป็นกรรมที่ต้องได้รับผลกรรมอย่างฉับพลันไม่มีช่องว่างให้กรรมอื่นใดมาแทรกให้ผล เพราะเป็นการกระทำที่มีผลกระทบถึงศรัทธาของมหาชน มีผลทันทีแน่แท้ในภพชาติปัจจุบัน ไปอบายภูมิอย่างเดียว

    วันนี้ผู้เขียนจึงขอเอาเรื่องหลังความตายของพระเทวทัต ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้ทำอนันตริยกรรมเอาไว้ จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปพบเจอท่านในอเวจีมหานรกมาเล่าให้ฟัง เมื่อครั้งในสมัยพุทธกาล พระเทวฑัตที่ผู้เขียนกำลังพูดถึงนี้ได้กระทำอนันตริยกรรมไว้ ๒ อย่างคือ ๑.กระทำโลหิตุปบาทยังพระโลหิตให้ห้อที่พระบาทพระพุทธเจ้า โดยการกลิ้งหินจากยอดเขาคิชกูชลงมาหมายประหารพระพุทธเจ้า ๒.ทำสังฆเภทยังหมู่สงฆ์ให้แตกกันแบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ผู้เขียนแนะนำว่าให้อ่านเรื่องอัตตชีวประวัติของพระเทวทัตประกอบไปด้วยจะยิ่งทำให้เข้าใจหลักของกรรม ที่พระเทวทัตได้กระทำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผู้เขียนได้แนะนำให้อ่านประวัติโดยย่อได้ที่ พระเทวทัต - วิกิพีเดีย

    ลำดับต่อไปผู้เขียนก็จะเริ่มเล่าเรื่องราวของพระเทวทัต ที่ได้พบกันในอเวจีมหานรก ให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันต่อไป มันเป็นความตั้งใจที่ผู้เขียนต้องการที่จะรู้ว่าคนที่ทำอนันตริยกรรมอย่างพระเทวทัต ซึ่งใน ๑ พุทธกาลนั้นจะมีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่จะกระทำได้ ดังนั้นในทุกพุทธุบาทกาล ก็จะมีพระอย่างเทวทัต ๑ คนเท่านั้น ที่ทำร้ายพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตได้ คือกระทำชั่วที่สุด นี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนอยากรู้ เมื่อคิดอย่างนั้นผู้เขียนจึงทำสมาธิยังจิตให้บริสุทธิ์ เข้าสมาธิอันเป็นฌาน ทำญาณอันเป็นตัวรู้ให้บังเกิดขึ้น แล้วไปสู่อเวจีมหานรกอันเป็นแดนที่พระเทวทัตต้องอยู่ในปัจจุบัน แต่จากที่เราท่านทั้งหลายได้เคยได้ยินได้ฟังได้รู้กันมาบ้างว่า อเวจีมหานรกนั้นเป็นที่สุดของการลงโทษคนที่ทำบาปร้ายแรงกันสุดๆ เป็นมหานรกขุมที่ร้อนระอุ แห้งแล้ง อุดมไปด้วยกระแสธารแห่งเปลวเพลิง พวกสัตว์ที่อยู่ที่ ณ ที่นี้นั้นต้องอยู่กันอย่างสุดแสนจะทรมานและนานแสนนาน

    รูปร่างของสัตว์นรกเหล่านั้นก็สุดแสนที่จะน่าอัปลักษณ์ น่าเกลียดน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ นี่เป็นความรู้ความเข้าใจที่ผู้เขียนก็มีความเข้าใจอย่างนั้นตลอดมาเช่นกันก่อนที่จะเข้าไป และเมื่อผู้เขียนได้เข้าไปจริงๆ มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ขณะที่ผู้เขียนได้ผ่านนรกขุมต่างๆ กว่าจะไปถึงขุมนรกที่เรียกว่าอเวจีมหานรกนั้น ได้พบได้เห็นความทุกข์ทรมานของสัตว์นรกอย่างมากมาย ในขุมนรกต่างๆ สัตว์นรกเหล่านั้นช่างน่าสมเพช ทำเอาผู้เขียนนั้นสลดหดหู่ใจ และเกิดความเกรงกลัวต่ออำนาจของบาป กรรมอันชั่ว อย่างมากและไม่มีความปรารถนาที่จะมาอยู่ ณ ที่นี้เลย เรื่อยไปๆ จนกระทั่งมาถึงปากทางเข้าอเวจีมหานรก ซึ่งกอรปไปด้วยเปลวเพลิงของไฟนรกร้อนแรง กระแสลมที่พัดผ่านเอาความร้อนของเปลวเพลิงพัดผ่านผู้เขียนไปนั้นร้อนแรงมาก แต่ด้วยอำนาจของฌาน ความร้อนนั้นจึงไม่ระคายผิวแห่งกายทิพย์ แต่ก็ไม่วายที่จะรับรู้อำนาจความร้อนแห่งเปลวเพลิงนั้น บรรยากาศภายในนั้นมีลักษณะ พื้นที่สูงๆต่ำๆ พื้นผิวขรุขระไปทั่ว

    สัตว์นรกรวมตัวกันเป็นฝูงบ้าง กระจายกันไปบ้าง ต่างพากันร้องโหยหวน ด้วยความลำบาก โดยเฉพาะจากความหิวโหยอย่างยาวนานจากความอดอยากที่ได้รับ มีการฆ่ากินเนื้อกันเองนอกเหนือจากการถูกลงทัณฑ์อย่างหนักแล้ว ยังต้องระวังภัยจากพวกสัตว์นรกด้วยกัน เรียกว่า อยู่ด้วยความหวาดกลัวกันทุกเวลา ไหนจะต้องรับโทษทัณฑ์ที่ตนกระทำด้วย บางพวกก็มีเพลิงเผาตัวเองตลอดเวลา บางพวกก็มีหอกแหลมของมีคมทิ่มแทงตลอดเวลา เรียกว่าเป็นปกติ และยังต้องโดนลงทัณฑ์ควบไปอีกตามความผิดของตน มันถึงได้ทรมานกันอย่างแสนสาหัส ผู้เขียนได้แต่แผ่เมตตาด้วยความสงสาร แต่ไม่อาจห้ามหรือยับยั้งอะไรได้ เพราะเป็นอำนาจของบาปอกุศลกรรมของสัตว์เหล่านั้นที่จักต้องได้รับ เรื่อยไปๆ ผ่านช่วงต่างๆไปลึกลงไป ลึกลงไป ลึกลงไป เรื่อยๆเรื่อยๆเรื่อยๆ จนมาถึงแดนหนึ่งที่ไม่เคยอยู่ในการรับรู้ เพราะในโลกไม่เคยมีใครเอ่ยหรือเล่าขานให้ได้ยินมาก่อนเลยนอกจากพระพุทธเจ้า

    สุดเขตแดนที่สว่างไสวไปด้วยเพลิงอันร้อนแรง ฉับพลันกลับมืดมิดไม่มีแสงสว่างแม้แต่แสงเดียว นอกจากแสงแห่งกายทิพย์ที่ทำให้มองเห็นทางไป โดยไม่กระทบกระทั่งต่อสิ่งใด ขณะเดียวกันนั้นกระแสลมเอื่อยก็พัดพาความหนาวเย็นยะเยือกกว่าจุดเยือกแข็ง หรือที่เรียกว่าติดลบก็ว่าได้ สถานที่ต่างๆในขุมนรกที่มาถึงนี้นั้น มีลักษณะสูงๆต่ำๆ และปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งที่มีความหนา ความหนาวเย็นจัดจับขั้วหัวจิตหัวใจ นี่ถ้าไม่ได้ความอบอุ่นของฌานที่ห่อหุ้มกายทิพย์และพลังแห่งจิตแล้วผู้เขียนคงต้องหนาวตายที่นั่นอย่างแน่นอน ยิ่งลึกเข้าไปยิ่งมืดยิ่งหนาว คงได้แต่อาศัยอำนาจทางจิตนำทางแต่เพียงอย่างเดียว เพราะอาศัยอย่างอื่นภายนอกไม่ได้ จึงมา ณ ที่นี้ได้ ความมืดชนิดที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอ ความมืดในโลกในคืนเดือนมืด ยังมีระดับความเข้มอ่อนของวัตถุที่แตกต่างกันให้สังเกต แต่ที่นี่เท่ากันหมดไม่มีเข้มอ่อน มีเข้มข้นอย่างเดียวเท่านั้น

    ดวงตาธรรมดาของสัตว์มืดมอดสนิททันที มีแต่ดวงตาแห่งฌานเท่านั้นที่จะมองเห็นได้ในสถานที่นี้ และในที่แห่งความยากลำบากในการมาก็มาหยุดลง ณ สถานที่หนึ่ง เท่าที่จะรับรู้ได้นั้น มันมีลักษณะเป็นห้องไม่ใหญ่นัก พอที่คนคนหนึ่งหรือสัตว์นรกตัวหนึ่งนั้นจะพำนักอยู่ได้เท่านั้น โดยการรับรู้ทางจิตพึงรู้ได้ว่ามาถึงแล้ว จึงหยุดอยู่แล้วพิจารณาไปในความมืดอย่างช้าๆ รับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งอยู่เบื้องหน้า จึงเพ่งกระแสจิตลงไปเพื่อให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้านั้น ภาพที่ผู้เขียนได้เห็นอยู่นั้นเป็นภาพของสัตว์นรกตนหนึ่ง อยู่ในลักษณะที่ถูกตรึงด้วยโซ่ล่ามเอาไว้อยู่กลางอากาศ กลางห้องนั้น โดยที่แขนสองข้างถูกโซ่ขึงไว้ซ้าย-ขวา ส่วนขาก็ถูกโซ่ขึงไว้ซ้าย-ขวาเช่นกัน ลักษณะเป็นตัว X ลอยอยู่กลางอากาศ

    สัตว์นรกนั้นหัวโล้น มีผ้ากาสายะอันขาดวิ่นคลุมกาย เนื้อตัวเต็มไปด้วยมูตรคูถ และน้ำเลือดน้ำหนอง มีแต่เพียงหนังหุ้มกระดูก สัตว์นรกตนนั้นไม่รู้เลยว่าบัดนี้มีมนุษย์คนหนึ่งมาอยู่ในที่เดียวกับเขา ขณะที่ผู้เขียนกำลังพิจารณาสัตว์นรกตัวนั้นอยู่ ท่ามกลางความมืดมิดและความเหน็บหนาวอยู่นั้น พลันได้ยินเสียง “ฟึ๊บ” เสียงนั้นผ่านไปเร็วมาก พร้อมเสียง “อึบ” ที่น่าจะเป็นเสียงของสัตว์นรกนั้น มันคืออะไร ผู้เขียนถามตัวเอง แล้วเสียงที่ว่าก็ดังขึ้นอีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องและคาดว่าน่าจะยาวนานที่เป็นอยู่อย่างนี้แล้วจะยังคงดำเนินต่อไป

    ในที่สุดผู้เขียนก็มั่นใจว่านี่คงเป็น ท่านพระเทวทัตแน่แล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นไปว่า “ท่านคือพระเทวทัตหรือ” "ใครนั่นใคร ใครมาที่นี่ นานมากแล้วที่เราไม่ได้พบใครที่ไหนเลย ท่านเป็นใคร ถึงมาถึงที่นี่ได้" “ท่านคือพระเทวทัตใช่หรือไม่” สัตว์นรกตัวนั้นพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ เราคืออดีตพระเทวทัต ที่ก่อกรรมหนัก อันเรียกว่าอนันตริยกรรมแล้วท่านเป็นใคร ทำไมมาถึงที่นี่ได้” “กระผมเป็นผู้แสวงหา” “แสวงหาอะไร”พระเทวทัตถาม “แสวงหาความจริงแห่งสิ่งทั้งหลายภายใน อันอาศัยพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะและเป็นเครื่องนำทาง” “สาธุ สาธุ สาธุเป็นความเห็นอันชอบแล้ว” พระเทวทัตกล่าวชื่นชม “ขึ้นชื่อว่าความจริงอันประเสริฐจักหาได้จากพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ เท่านั้นข้อนี้ประเสริฐแล้ว” พระเทวทัตกล่าวต่อ “เราคิดว่าท่านก็คงไม่ใช่ผู้แสวงหาธรรมดาเป็นแน่ถึงมาถึงที่นี้ได้” ผู้เขียนตอบว่า “ส่วนกระผมคิดว่ากระผมยังเป็นแค่ผู้แสวงหาธรรมดาคนหนึ่งที่มีหนทางดำเนินอีกไกล ซึ่งอาจจะไกลกว่าท่านในกาลข้างหน้าก็ว่าได้” “เอาเถอะท่านจะเป็นใครก็ช่าง แต่เราก็ถือว่าท่านต้องไม่ใช่ธรรมดา เพราะท่านมาถึงที่นี่ได้

    ตั้งแต่ที่เราถูกธรณีสูบคราวนั้นที่ตรงหน้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม เราก็มาอุบัติอยู่ที่นี่ และตั้งแต่นั้นเราไม่เคยได้พบเจอใครอีกเลย แม้กระทั่งพวกนายนิริยะบาล ก็เพิ่งมีท่านนั่นแหละที่มา ไม่ว่าท่านจะมาด้วยเหตุผลใดเราก็ซาบซึ้งที่ท่านมา ว่าแต่ว่าท่านมาทำไมที่นี่” พระเทวทัตพูดทั้งน้ำตา “ที่นี่มืดมาก และหนาวเย็นมาก ท่านหนาวและมองเห็นอะไรบ้างมั้ย” “เราหนาวมากหนาวจนขาดใจตายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว การเกิดดับของเรายังมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการมองเห็น เรามองไม่เห็นมาตลอดยาวนาน มันชินเสียแล้ว ทุกวันนี้เราอยู่ได้ด้วยสามัญสำนึกอันดีที่มีต่อพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นเท่านั้น เราจึงอยู่ได้ เราเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสยากเกินกว่าที่จะมีใครเข้าใจ เราเหน็บหนาว เราหวาดกลัวภัยที่เรามองไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นเพราะบาปหนักที่เราได้ทำเอาไว้กับพระพุทธเจ้า” “ท่านเทวทัต ที่ท่านว่าท่านหนาวกระผมเข้าใจ ที่ท่านว่าท่านมืดบอดกระผมก็เข้าใจ แต่ที่ท่านว่าท่านเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นกระผมไม่เห็นว่าท่านจะได้รับโทษทัณฑ์ในเรื่องนั้นเลย แล้วท่านเจ็บปวดเพราะอะไร” “ชูวว์ ท่านลองเงียบและฟังดู” พระเทวทัตบอก ผู้เขียนจึงเงียบและทำตามคำบอก

    ในความเงียบนั้นผู้เขียนก็ได้ยินเสียง “ฟึ๊บ” และ “อึบ” ดังเป็นระยะ ห่างกันพอสมควร ผ่านไปหลายครั้ง พระเทวทัตก็พูดขึ้นว่า “ได้ยินเสียงนั้นหรือเปล่า” “ได้ยิน แล้วมันคืออะไร” ผู้เขียนถาม “เสียงแรกคือเสียงของวัตถุที่พุ่งมาเสียบทะลุร่างของเรา เสียงที่สองคือเสียงความเจ็บปวดที่เราอดกลั้นเอาไว้ซึ่ง มันเจ็บปวดทรมานมาก โดยเฉพาะในช่วงแรกๆเราร้องโหยหวน จนขาดใจตายไปแล้วเกิดขึ้นมาในลักษณะเดิมซ้ำซากอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะครบระยะเวลาแห่งการลงทัณฑ์” “แล้วทำไมตอนนี้จึงไม่โหยหวนและขาดใจตายไปแล้วหล่ะ” “ก็เพราะพุทธานุภาพที่เราระลึกเป็นสติอย่างต่อเนื่องน่ะสิ จึงทำให้หนักเป็นเบาได้ ความเจ็บปวดยังเหมือนเดิม แต่จิตเข้มแข็งขึ้น การข่มจิต การยอมรับโทษทัณฑ์ด้วยความเต็มใจ” พระเทวทัตตอบ “แล่วท่านรู้หรือเปล่าว่าวัตถุที่วิ่งเข้ามาเสียบทะลุรางของท่านมันคืออะไร” “รู้สิ มันคือเข็มเล็กๆจำนวนมากมายนับไม่ได้ ที่ลอยไปมาอยู่ในอากาศไม่มีที่มาที่ไป พุ่งเข้ามาทุกทิศทุกทาง ผ่านร่างของเรา ทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวดมหันต์ เกินกำลังที่ใครจะทนได้ และจักเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน ท่านเอ้ยนี่แหละที่สุดแห่งความทรมาน ท่านลองคิดดูเถอะขนาดเข็มเล่มเดียวทิ่มเรา ยังทิ้งความเจ็บปวดเอาไว้ให้ นี่เข็มจำนวนนับไม่ได้ เสียบแทงทะลุร่างของเรา มันจะเจ็บปวดแค่ไหน”

    เมื่อท่านพระเทวทัตพูดดย่างนี้ ผู้เขียนก็คิดตามถึงเข็มเย็บผ้าที่แทงเรามันปวดจริงๆ แสดงว่าที่ท่านได้รับอยู่ตอนนี้น่าจะเจ็บปวดเป็นที่สุด “ความมืดมนอนตกาล ความมืดบอด คือโมหะ ความหลงผิด ความเหน็บหนาวแทบขาดใจ คืออุบายแยบคายที่จิตคิดชั่วในบาปอกุศล เข็มจำนวนมากไม่มีทิศทาง คือ ความคิดประทุษร้ายในท่านที่ไม่ประทุษร้าย ความเจ็บปวดที่ได้รับที่เกินประมาณ คือ อาการเจ็บจากการห้อพระโลหิตของพระพุทธเจ้า ความที่อดทนอยู่ได้ คือการสำนึก การยอมรับในบาปที่ได้ก่อเอาไว้ บัดนี้การลงทัณฑ์ที่เราได้รับ ได้ทำให้เราได้รู้ตามความเป็นจริงในบาปอกุศลทั้งหลาย เวลานี้เราทำได้เพียงอดทนรอเวลาไปจนกว่าที่เราจะได้พ้นโทษ และไปค้นหาทางออกที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง และวันนี้เราเองได้ผ่านความเสียใจมาสู่ความไม่เสียใจแล้ว และเฝ้ารอวันที่เราจะได้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้าตามพุทธพยากรณ์

    ในครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะถูกธรณีสูบให้จมดิ่ง จากการที่เราสำนึกผิดและประกาศเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกตลอดไป จนถึงการที่ได้ถวายคางจรดศีรษะของเราเป็นพุทธบูชา กุศลกรรมในครั้งนั้น ทำให้เรามาอยู่ที่นี้ ไม่ต้องอยู่ด้วยเพลิงแห่งไฟโลกันต์ ซึ่งความหนาวก็น่าจะสบายกว่าความร้อนเป็นแน่แท้ นี่คือความเข้าใจในกรรมและผลของกรรมอันเกิดจากการกระทำของเรา

    บัดนี้เราจึงเชื่อว่า กฎแห่งกรรมนั้นเที่ยงตรง ตัดสินด้วยความเป็นธรรมที่สุด ท่านพอเข้าใจใช่มั้ย” ผู้เขียนพยักหน้ารับพร้อมกับพูดว่า “สาธุ สาธุ สาธุ ท่านมีความเห็นชอบแล้ว การที่กระผมมาที่นี่ก็เพื่ออยากจะรู้ว่า ผู้ที่ได้ทำอนันตริยกรรมไว้ แต่กลับได้รับการพยากรณ์ว่า จักได้เป็นพระปัจจเกพระพุทธเจ้า มันหมายความว่าอย่างไร วันนี้กระผมได้ประจักแก่ใจแล้ว อนึ่งในเมื่อกระผมได้มาถึงที่นี่ก็หวังจะอุทิศความดีที่กระผมได้กระทำมาแล้วไม่มากก็น้อยมายังท่าน ผู้ที่เคยได้ชื่อว่าพระที่ชั่วที่สุดในครั้งพุทธกาลนี้ด้วย” “ขอบใจ ขอบใจท่านมากๆที่อุตส่าห์มีใจคิดระลึกถึงเรา ไม่เท่านั้นยังมาสู่สถานอันไม่น่ารื่นรมย์แห่งเรา ที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ท่านนับว่าเป็นบุรุษที่หาได้ยาก ชั่วชีวิตแห่งเรามิค่อยได้เคยพบเจอเลย ขอท่านจงเป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญอยู่ในฐานะอันประเสริฐตลอดกาล และได้สมประสงค์ตามความปรารถนาที่ตั้งไว้ทุกประการเถิด”

    ผู้เขียนน้อมรับคำของสัตว์นรกผู้ที่จะได้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้านั้น พร้อมกับคำว่าขอบคุณ “ก่อนที่ท่านจะจากไปเรามีเรื่องให้ช่วย” พระเทวทัตกล่าว “เรื่องอะไรหรือท่าน” “เราขอให้ท่านช่วยเปิดเผยเรื่องราวของเรา ณ ที่นี่ ให้ชนทั้งหลายได้รับรู้ด้วย เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ชนทั้งหลาย ตลอดไปถึงฝ่ายนักบวชว่าอย่าประพฤติชั่ว ที่ผิดไปแล้วให้แล้วไป กลับตัวกลับใจประพฤติให้ถูกให้ตรงทั้งโลกและธรรม ความเห็นผิดย่อมนำไปสู่ความย่อยยับ ความเห็นถูกนำพาไปสู่ชัยชนะ ทั้งภายในและภายนอกกรรมคือการกระทำให้ผลทั้ง ๒ ฝ่ายมีผลเป็นสุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่ที่เหตุที่กระทำ ให้ดูเราเป็นตัวอย่าง อีกเรื่องการบุญกุศลใดๆก็ตามที่ท่านจักพึงกระทำในกาลนี้หรือกาลใดๆต่อไป เราขอมีส่วนร่วมในกุศลกรรมเหล่านั้นด้วย ท่านจะให้เราได้มั้ย” “ได้สิท่าน กระผมจะนำเรื่องราวของท่าน ณ ที่แห่งนี้ไปบอกแก่ชาวโลกเมื่อถึงเวลาอันควร และจะอุทิศความดีมายังท่าน และเสมอเหมือนว่าท่านได้ร่วมในการประกอบกุศลกรรมอันดีไปพร้อมกับกระผมไปตลอด” “สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณในความเมตตาของท่านมากๆเลยนะ” พระเทวทัตกล่าวขอบคุณผู้เขียน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความหวัง

    ไม่น่าเชื่อใช่หรือเปล่าครับ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ว่าสัตว์นรกตนหนึ่งที่ต้องตกระกำลำบากรับชะตากรรม จากผลกรรมของตนที่ได้กระทำกรรมอันที่เรียกว่า อนันตริยกรรมไว้ จักอยู่กับความลำบากของตนอย่างไม่สะทกสะท้านและมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีความหวัง กับผลบุญที่ได้ถวายคางเพื่อบูชาในพระพุทธเจ้า จนได้รับพุทธพยากรณ์ว่า ต่อไปในภายภาคหน้าพระเทวทัตผู้นี้จักได้อุบัติเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ในชาติสุดท้าย นับว่าพระเทวทัตเองก็มีหัวใจแห่งยอดคนที่ไม่ย่อท้อ กล้าเผชิญโชคชะตาของตน แล้วท่านผู้อ่านหล่ะครับมีหัวใจอย่างไร “ถึงเวลาที่กระผมต้องกลับแล้ว” ผู้เขียนบอกกับพระเทวทัต “ขอให้ท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงอำนวยพรแก่ท่าน” พระเทวทัตกล่าวและผู้เขียนกล่าวต่อ “กระผมก็ขอให้ท่านพึงรักษาจิตของตนให้อยู่ในความไม่ประมาทตลอดไป” ผู้เขียนออกจากสถานที่นั้นที่ที่มีแต่ความมืดมิด กลับมาสู่สภาวะปกติในเวลาไม่นาน พร้อมทั้งระลึกเรื่องราวที่ไปประสบมาตลอดจนระลึกถึงท่านพระเทวทัต พระภิกษุผู้ได้ชื่อว่าชั่วร้ายที่สุดในศาสนานี้ ด้วยความสงสาร พร้อมทั้งระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ

    วันนี้คนที่จะทำอนันตริกรรมที่จะเทียบเท่าพระทวทัต ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าไม่มีแล้ว แต่บาปที่ชื่อว่าอนันตริยกรรมยังมีอยู่อีก ๔ ข้อนะครับ คือ ฆ่ามารดา๑ ฆ่าบิดา๑ ฆ่าพระอรหันต์๑ ทำสังฆเภท๑ ยังมีอยู่ ขอฝากท่านผู้อ่านทั้งหลายว่า อย่าได้หลงไปกระทำเด็ดขาดนะครับ ถ้าหลงไปทำแล้วอาจจะไม่โชคดีอย่างพระเทวทัตก็ได้ คนที่เดือดร้อนที่สุดอย่างพระเทวทัตตอนนี้ยังมีใจต่อสู้ แล้วท่านผู้อ่านที่คิดว่าตัวเองลำบากเหมือนตกนรกคิดท้อแท้สิ้นหวังกับอุปสรรค ขอให้คิดใหม่ ผู้เขียนคิดว่าคงไม่มีใครลำบากเท่าพระเทวทัตแล้วหล่ะในเวลาอย่างนี้ ฉะนั้นอย่าท้อแท้สิ้นหวังนะครับตราบใดที่เรายังมีความหวัง สักวันหนึ่งชัยชนะจักเป็นของเราท่านทั้งหลายเองนะครับ ก็คงจะต้องขอจบเรื่องราวของผีตัวที่ ๒๐ ไว้ตรงนี้ แล้วพบกันใหม่ในคุยกับผีตัวที่ ๒๑ นะครับ

    JeTo2008 สมาชิก 02-05-2011, 08:48 AM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/คุยกับผีตัวที่-๒๐-ผีพระเทวทัตผู้กำเนิดอยู่ในอเวจีมหานรก.290049/

    อ่านกระทู้ทั้งหมดของ jeto PaLungJit.com - ผลการค้นหา<!-- google_ad_section_end -->

    หมายเหตุ

    ภิกษุทั้งหลาย ทูลถามพระศาสดาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ พระเทวทัตเกิดแล้ว ณ ที่ ไหน พระเจ้าข้า” พระศาสดาตรัสว่า

    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตเกิดในอเวจี ถูกตรึงด้วยหลาวเหล็ก พระเทวทัตนั้นจมดินไปแล้วเกิดในอเวจี และเธอเป็นผู้ไหวติงไม่ได้ ถูกไฟไหม้อยู่ เพราะเป็นผู้ผิดในพระพุทธเจ้าผู้ไม่ไหวหวั่น สรีระของเธอสูงประมาณ ๑๐๐ โยชน์ เกิดในก้นอเวจี ซึ่งมีประมาณ ๓๐๐ โยชน์ ศีรษะสอดเข้าไปสู่แผ่นเหล็กในเบื้องบนจนถึงหมวกหู เท้าทั้งสองจมแผ่นดินเหล็กลงไปข้างล่างจนถึงข้อเท้า มีหลาวเหล็กมีปริมาณเท่าลำตาลขนาดใหญ่ออกจากฝาด้านหลัง แทงกลางหลังทะลุหน้าอก ปักฝาด้านหน้า อีกหลาวหนึ่งออกจากฝาด้านขวา แทงสีข้างด้านขวา ทะลุออกสีข้างด้านซ้าย ปักฝาด้านซ้าย อีกหลาวหนึ่งออกจากแผ่นข้างบน แทงกระหม่อมทะลุออกส่วนเบื้องต่ำ ปักลงสู่แผ่นดินเหล็ก พระเทวทัตนั้นเป็นผู้ไหวติงไม่ได้อันไฟไหม้ในอเวจีนั้น ด้วยประการอย่างนี้”

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ – หน้าที่ 199

    สภาพของพระเทวทัตในอเวจีมหานรก ตามที่มีบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฏก กับสภาพของพระเทวทัตในฌานสมาธิของคุณ jeto2008 แม้จะไม่ตรงกัน แต่ก็ให้แง่คิดคติธรรมสอนใจในเรื่องบาปบุญคุณโทษได้เป็นอย่างดี ส่วนสภาพของพระเทวทัตในความเป็นจริงนั้นจะเป็นอย่างไร ท่านที่อยากรู้จริงๆ คงต้องปฏิบัติธรรมในด้านสมาธิจิตให้ได้ถึงระดับฌาน 4 แล้วถอดกายทิพย์ไปรู้ ไปเห็นด้วยตนเองจึงจะดีที่สุดครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • p57.jpg
      p57.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.4 KB
      เปิดดู:
      1,546
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2011
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926


    *** ชนวนศึกประลัยกัลป์ ถูดจุดไปแล้ว ****

    คนที่จุดชนวน... ก็คือ คนไทยคนหนึ่ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** คำเตือน...ด้วยความปรารถนาดี ไม่หวังผลตอบแทน ****

    ระวัง...แม่น้ำเจ้าพระยา
    แรงดัน ก้อนน้ำเหนือ ลงใต้
    จะชนกับ แรงดันน้ำจากทะเล ขึ้นเหนือ

    เสมือน แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นท่อ
    ออกแรงดัน เข้าที่ปลายท่อ ๒ ข้าง
    ตรงกลางท่อ จะปริ แตก ฉีก ขาด ระเบิด ได้ง่าย
    จะอันตรายมาก

    คนอยู่ใกล้ ท่อน้ำเจ้าพระยา
    ให้รีบเก็บกระเป๋าออกห่างท่อ....ด่วน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    ***เมืองอันตราย***

    เมืองที่มีคนโกงกินมาก ไม่ซื่อสัตย์ไม่รักษาสัญญา ไม่รักษาคำพูดกันมาก
    เมืองมีผู้คนเบียดเบียนกันมาก มีอบายมุขมาก
    เมืองที่ค้าขายพระมาก เอาศาสนามาหากินกันมาก
    เมืองที่เอาความเชื่อนอกศาสนา มาบดบังสัจจะคำสอน


    แม้ดูมั่นคงเพียงใด ก็ล่มจม ล่มสลายได้
    แม้กุฏิที่อยู่บนเขาสูง แต่ไม่ปฏิบัติดีไม่ปฏิบัติชอบ น้ำก็ท่วมถึงได้
    แม้เมืองไม่เคยแผ่นดินไหว แผ่นดินก็แตกแยก ไหลไปตามลาวาได้
    วัดจะไม่ใช่ที่ปลอดภัย เมื่อคนดีเขาไปหมดแล้ว
    แต่คนที่เชื่อสัจจะแล้วทำได้จริง อยู่ตรงไหนก็ปลอดภัย
    เป็นปฏิหาริย์คลาดแคล้ว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "

    เมืองอันตราย | watnai.org<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE class=tborder id=post5270579 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial" width=175>Falkman
    พลังจิตนานาชาติ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 13,049
    พลังการให้คะแนน: 5268[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    </TD><TD class=alt1 id=td_post_5270579 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial">ข่าวเพิ่มเติมจากพระอาจารย์รัตน์

    พระอาจารย์บอกว่า น้ำจะเข้า กทม.เห็นชัดๆ ประมาณวันที่ 25 ตุลาคม 2554
    และสูงมากๆ 28-29 ตุลาคม 2554

    น้ำเหนือ จะมาประมาณ 2 เมตร
    น้ำทะเลหนุน เพิ่มมาอีกอาจถึง 5 เมตร
    แล้วทางชายฝั่งให้ระวังสตอมเสริช

    จบข่าว

    ไปเก็บของต่อก่อนนะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประวัติและผลงานของพระอาจารย์รัตน์-รตนญาโณ.269042/page-7
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 83872.jpg
      83872.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.8 KB
      เปิดดู:
      3,723
    • l2-198.jpg
      l2-198.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.9 KB
      เปิดดู:
      131
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2011
  12. อวทม45

    อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832

    ใครกันหนอ คือคนนั้น จุดยังไงเหรอ บอกให้อีกหน่อยสิครับ จะเอาเป็นแนวทาง
     
  13. loguttara

    loguttara Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +39

    ตามสติปัญญาของผม
    พิจารณาได้ว่า
    ปุ่มกดจุดชนวน
    ได้เริ่มมาเป็นแรมเดือนแล้วครับ

    ตอนนี้ก็รวมรวมข้อมูล
    ลำดับเหตุการณ์ที่อาจเกิด ก่อน-หลัง
    เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ

    หลังน้ำท่วม กทม.ลดเมื่อไร
    กรรมการเป่าสัญญาณนกหวีดเร่ิมเกมส์
     
  14. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    ปีใหม่ "..." คนไทยเมา
     
  15. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    ภัยพวกนี้เวลาจะเกิดมักไม่แน่นอน จะเกิดก็เกิดไม่ทันให้ตั้งตัวเลย
     
  16. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    เวลาน่าจะใกล้เคียงกันกับ สิ่งที่ผมเพิ่งจะได้ข่าวมาเมื่อตอนเย็นวันนี้เอง สด ๆ ร้อน ๆครับ

    คือพี่ที่ทำงานผม เค้าไปบวชเข้าพรรษาอยู่วัดแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ (เกศาของท่านเจ้าอาวาสรวมเป็นก้อนกลมแล้วครับ ) พี่เค้าเพิ่งจะสึกมาเมื่อ 2-3 วันก่อน พี่เค้าโทรมาคุยกับผม พี่เล่าให้ฟังว่า พี่ถามพระอาจารย์ว่า "น้ำจะท่วมกรุงเทพ ฯ หรือไม่ ท่านตอบมาว่า "ให้คอยดูวันศุกร์ ที่ 28 ต.ค"
    รู้สึกว่าจะเป็นวัน ขึ้น 15 ค่ำด้วย
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td bgcolor="#454545"><table border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top">ปฏิทินเดือนตุลาคม ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ปีเถาะ <sup>1</sup> จุลศักราช ๑๓๗๓
    คริสตศักราช ๒๐๑๑ , มหาศักราช ๑๙๓๓ , รัตนโกสินทร์ศก ๒๓๐ ปกติสุรทิน ปกติมาส ปกติวาร ตรีศก
    วาร(วัน)กาลโยค ธงชัย : ๖ , อธิบดี : ๖ , อุบาทว์ : ๕ , โลกาวินาศ : ๑ , ยาม(เวลา)กาลโยค ธงชัย : ๕ , อธิบดี : ๑, อุบาทว์ : ๔ , โลกาวินาศ : ๕</td> <td align="right" valign="top">ตุลาคม ๒๕๕๔ </td> </tr> <tr> <td colspan="2" height="2">
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td background="image/dot_h2.gif" height="1">
    </td> </tr> <tr> <td><table bgcolor="#dfdfdf" border="0" cellpadding="3" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr style="text-align: center;"><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันอาทิตย์</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันจันทร์</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันอังคาร</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันพุธ</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันพฤหัสบดี</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันศุกร์</td><td bgcolor="#c1c6cc" width="14%">วันเสาร์์</td></tr><tr><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๔ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td></tr><tr><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๕ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๖ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๗ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">[​IMG]</td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๘ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๙ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๐ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๑ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td></tr><tr><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center"></td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๒ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๐</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๓ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๑</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๔ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td background="image/moon_puk/day_buddhist.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">วันออกพรรษา</td></tr><tr><td height="16" width="16">[​IMG]</td><td align="center">๑๒</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑๕ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๓</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๔</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๒ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๕</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๓ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td></tr><tr><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๖</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๔ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๗</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๕ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๘</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๖ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๑๙</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๗ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">[​IMG]</td><td align="center">๒๐</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๘ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๑</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๙ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๒</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑๐ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td></tr><tr><td background="image/moon_puk/day_holiday.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">วันนี้ , วันปิยมหาราช</td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๓</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑๑ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td background="image/moon_puk/day_holiday.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">วันหยุดชดเชย วันปิยมหาราช</td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๔</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑๒ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๕</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑๓ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">[​IMG]</td><td align="center">๒๖</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>แรม ๑๔ ค่ำ
    เดือนสิบเอ็ด(๑๑) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๗</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๑ ค่ำ
    เดือนสิบสอง(๑๒) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๘</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๒ ค่ำ
    เดือนสิบสอง(๑๒) ปีเถาะ



    </center></td><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๒๙</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๓ ค่ำ
    เดือนสิบสอง(๑๒) ปีเถาะ


    </center></td></tr><tr><td background="image/moon_puk/day_weekend.gif" bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๓๐</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๔ ค่ำ
    เดือนสิบสอง(๑๒) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="137"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3" align="center" height="16">
    </td></tr><tr><td height="16" width="16">
    </td><td align="center">๓๑</td><td width="16"> </td></tr></tbody></table><center>ขึ้น ๕ ค่ำ
    เดือนสิบสอง(๑๒) ปีเถาะ


    </center></td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td><td bgcolor="#ffffff" height="0" width="137">
    </td></tr></tbody></table></td> </tr> </tbody></table> 12 วันออกพรรษา , 23 วันปิยมหาราช , 24 วันหยุดชดเชย
     
  18. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    โทษทีครับ รีบโพสไปหน่อย ไม่ทันดูปฏิทิน แต่วันที่รู้มาไม่ผิดนะครับ

    ขอบคุณมากครับที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง

    ต้องกราบขออภัยด้วยครับ ผมรีบโพสไปหน่อย สงสัยดูปฏิทินผิดปีน่ะครับ แต่วันที่รู้มาไม่ผิดนะครับ คือวันที่ 28 ต.ค. ตามที่พี่เค้าเล่าให้ฟัง
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline style="FONT-WEIGHT: bold; FONT-SIZE: medium; COLOR: rgb(0,0,153); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=baseline align=left>เตือน!! น้ำทะเลหนุนสูงปลายเดือนนี้ - 13 เขตใน กทม.เสี่ยง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body style="FONT-SIZE: x-small; MARGIN: 0px; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: rgb(204,102,0); FONT-FAMILY: Tahoma; TEXT-DECORATION: none" vAlign=center align=left>8 ตุลาคม 2554 15:10 น</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40>กรมอุทกศาสตร์ เตือนสถานการณ์น้ำทะเลหนุนช่วงเดือนตุลาคมนี้ 12-16 ต.ค.และ 28-30 ต.ค. ขณะที่พื้นที่กรุงเทพน่าห่วงได้รับผลกระทบจากมวลน้ำก้อนใหญ่จากพื้นที่ภาคกลางตอนบน สั่งเฝ้าระวัง 13 เขต นอกคันกั้นน้ำสุ่มเสี่ยง

    วันนี้(8 ต.ค.) กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ได้รายงานสถานการณ์น้ำทะเลโดยจะหนุนสูงในช่วงกลางเดือนตุลาคม ระหว่างวันที่ 12-16 ตุลาคม 2554 และอีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคม ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2554 ขณะที่ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้เฝ้าระวังภาคกลางตอนล่าง ระหว่างวันที่ 13-17 ตุลาคม และช่วงปลาย เดือนตุลาคม ระหว่างวันที่ 26-31 ตุลาคม และภาคตะวันออก รวมทั้ง กรุงเทพมหานคร

    สำหรับพื้นที่น้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในเขตภาคกลาง ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ จ.นครสวรรค์ สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา และ จ.สุพรรณบุรี เฉพาะ จ.ลพบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่า สถานการณ์น้ำท่วม จะขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และระดับน้ำจะสูงขึ้นจากปริมาณน้ำฝนและน้ำเหนือที่จะไหลมาสมทบ

    ขณะที่ข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ ระบุว่า เวลานี้มีบ้านเรือนประชาชนมากกว่า 1,200 ครัวเรือน ใน 27 ชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ 13 เขตในกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ สุ่มเสี่ยงที่จะจมบาดาล โดยได้แบ่งพื้นที่อันตรายออกเป็น 6 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มวิภาวดี มี 1 เขต คือ เขตบางซื่อ กลุ่มรัตนโกสินทร์ มี 3 เขต เป็นเขตดุสิต เขตพระนคร และเขตสัมพันธวงศ์

    กลุ่มเจ้าพระยา มี 3 เขต เป็นเขตบางคอแหลม เขตยานนาวา และเขตคลองเตย กลุ่มกรุงธนบุรี มี 4 เขต คือ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตธนบุรี และเขตคลองสาน กลุ่มตากสิน มี 1 เขต คือเขตราษฎร์บูรณะ ส่วนกลุ่มมหาสวัสดิ์ มี 1 เขต คือ เขตทวีวัฒนา

    นอกจาก 13 เขตเสี่ยงริมเจ้าพระยาแล้ว ยังมีจุดเสี่ยงพื้นที่ด้านฝั่งตะวันออกที่อาจได้รับผลกระทบหากน้ำจาก จ.ปทุมธานี ไหลทะลักเข้ามา คือ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง คลองสามวาบางส่วนที่ติดคลอง และสายไหมด้านเหนือ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000128262
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2011
  20. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    <TABLE id=post702964 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>13-09-2007, 04:02 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#16 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เกษม<!-- google_ad_section_end --> [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_702964", true); </SCRIPT>
    ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 6,826
    พลังการให้คะแนน: 4781 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_702964 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร [​IMG]

    *** เกาะ ****

    ต่อไป...
    อังกฤษ จะท่วมไปครึ่งเกาะ
    ประชาชน ต้องอพยพหนี

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ช่วยขยายภาพให้ดูกันชัดๆ จ้า<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...