ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กัมพูชา..ยกเลิกงานประเพณีเล่นน้ำ

    [​IMG]

    กัมพูชายกเลิกงานบุญประเพณีแข่งเรือ หรือเทศกาลน้ำในปีนี้เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม ซึ่งล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 250 คน

    นายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นของกัมพูชาประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะยกเลิกงานบุญประเพณีแข่งเรือในปีนี้ ซึ่งมีกำหนดจัดในกรุงพนมเปญวันที่ 9-11 พฤศจิกายน เนื่องจากกัมพูชากำลังเผชิญภัยน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบสิบปี ล่าสุดทำให้มีผู้เสียชีวิต 247 คน ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็น

    รัฐบาลกัมพูชาเผยว่า ขณะนี้มีงานสำคัญเร่งด่วนกว่า นั่นคือการรักษาชีวิตประชาชน และจะต้องนำสิ่งของและเงินบริจาคเอกชนที่ใช้ในการจัดงานบุญประเพณี ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งในกรุงพนมเปญและจังหวัดห่างไกลที่ขณะนี้เกิดน้ำท่วมรุนแรง 12 จังหวัด ขณะที่โรงเรียน 1,132 แห่งทั่วประเทศ ต้องยุติการเรียนการสอนเพื่อใช้เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว

    ส่วนที่เวียดนาม ก็เผชิญกับภัยน้ำท่วมเช่นกัน โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 คน ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนเกือบ 70,000 หลังใน 5 จังหวัด และทำให้นาข้าวกว่า 2,400 ไร่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก คิดมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท

    ขณะที่ CNN รายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม 283 คน และอีกกว่า 8 ล้านคนได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังมีปริมาณน้ำจากเขื่อนในภาคเหนือกว่า 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลลงสู่ภาคกลางต่อวัน และคาดว่าในแต่ละวันจะมีปริมาณน้ำกว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ แต่โฆษกรัฐบาลย้ำว่า ได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว และเชื่อว่าพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

    CNN ยังรายงานด้วยว่า ช้างที่วังช้างเพนียดหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 20 เชือก รวมถึงช้างแม่ลูกอ่อน ต้องหนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่บนเพนียดหลวง เพราะไม่สามารถขนย้ายไปได้ อีกทั้งยังขาดแคลนอาหารและยารักษาโรคด้วย

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    เฮอริเคนโฮวาถล่มเม็กซิโกเสียชีวิตแล้ว 5 คน

    [​IMG]

    เฮอริเคนโฮวา พัดถล่มชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคของเม็กซิโก เมื่อวานนี้ ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน

    เฮอริเคนโฮวา พัดถล่มชายฝั่งตะวันตกที่เมืองท่า Manzanillo และเมืองชายหาด Barra de Navidad โดยก่อนขึ้นฝั่งเฮอริเคนมีความเร็วลม 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามหลังจากขึ้นฝั่งแล้วก็อ่อนกำลังลงเป็นโซนร้อน แต่อิทธิพลยังทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ รวมไปถึงรัฐ Jalisco ซึ่งในปีนี้ปริมาณน้ำฝนทั้งปีต่ำมาก


    พายุโฮวา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คนบาดเจ็บ 6 คน รายงานระบุว่า ถนนหลายสายในเมือง Manzanillo ต้องปิดการจราจร เนื่องจากน้ำท่วมสูง 1 เมตร

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พายุโซนร้อนลูกใหม่เริ่มก่อตัวนอกชายฝั่งทางใต้ของเม็กซิโกใกล้พรมแดนกัวเตมาลา ผู้นำกัวเตมาลา เผยว่า อิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนักและมีผู้เสียชีวิตไป 13 คนทั้งถูกไฟฟ้าดูดและดินถล่ม

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    กษัตริย์ภูฏานเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส

    [​IMG]

    พสกนิกรภูฎานต่างปลื้มปีติกับพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กับ สาวสามัญชน ซึ่งจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในวันนี้

    สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชวงศ์ภูฎาน ทรงเข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส กับ นางสาวเจ็ตสัน เปมา สาวสามัญชนวัย 21 ปี ที่ป้อมปราการปูนาคา กรุงเก่าแห่งภูฏาน ตามพระราชประเพณีในวันนี้ ท่ามกลางสมาชิกราชวงศ์และบุคคลสำคัญของภูฎานเท่านั้น โดยไม่ได้ทรงเชิญพระราชวงศ์จากต่างประเทศ และคนดังจากวงการต่างๆมาร่วมในงาน ขณะที่พสกนิกรชาวภูฎานราว 700,000 คน จะได้ชมพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

    สำหรับงานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส มีหัวหน้าคณะสงฆ์ของภูฎาน เป็นผู้ประกอบพิธีให้กับทั้งสองพระองค์ ภายในพระราชพิธีมีการตกแต่งและประดับประดาอย่างสวยงาม แต่ก็น้อยกว่าพระราชพิธีเสกสมรสของสมาชิกราชวงศ์ทั่วโลกที่เกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามวิถีของชาวภูฎานที่เน้นความพอเพียง และเรียบง่าย แต่ชาวภูฎานก็มีการเฉลิมฉลองรูปแบบต่างๆตามท้องถนน

    หลังจากประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงสวมมงกุฎให้กับพระราชินี กลายเป็นสมาชิกพระองค์ใหม่แห่งราชวงศ์ทันที ทั้งนี้สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้เคยมีพระราชดำรัสว่าจะมีพระราชินีเพียงพระองค์เดียว ซึ่งนั้นก็หมายความว่าชาวภูฎานจะไม่ได้เห็นพระราชพิธีที่สวยงามอย่างนี้ไปอีกนาน

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1318548979.jpg
      1318548979.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.9 KB
      เปิดดู:
      2,293
    • 1318492498.jpg
      1318492498.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      2,281
    • 1318492333.jpg
      1318492333.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.1 KB
      เปิดดู:
      2,287
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เราจะรับมือน้ำท่วมอย่างไร !

    เนื่องจากปัจจุบันนี้สภาพอากาศแปรปรวน ...ประกอบกับน้ำบ่าเข้ามามาก จะรับมือกันอย่างไร?...

    [​IMG]

    เราจะปรับตัวอย่างไรให้อยู่ได้ในยามน้ำท่วม?


    คงไม่มีใครอยากอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เราจึงต้องมาเรียนรู้ว่า จะปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับธรรมชาติ

    [​IMG]

    ที่อยู่อาศัย กับ ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

    .....ในสมัยก่อนนั้นภูมิปัญญาท้องถิ่นชาวไทยคือว่า..อยู่กันแบบ บ้านทรงไทย คือ ใต้ถุนสูง น้ำมาเมื่อไร อยู่ข้างบนได้ไม่เดือดร้อน ข้างล่างสูง 3-4 เมตร น้ำมาเมื่อไร ถ้ามีสัตว์เลี้ยงก็ต้อนวัวต้อนควายมาอยู่ที่ดอน แล้วทุกบ้านก็จะมีเรืออยู่ทั้งนั้น ไม่รู้สึกทุกข์ยากอะไร เพราะเมื่อรู้ธรรมชาติแล้วปรับตัวเองให้เข้ากับสภาวะธรรมชาติได้

    [​IMG]

    มีเรือไว้ใช้กันทุกบ้าน ไม่ทุกข์ร้อนยามน้ำท่วม

    .....แต่ในยุคปัจจุบันนั้น เราอยู่ในภาวะ ครึ่งๆ กลางๆ กล่าวคือ..มนุษย์ไปปรับธรรมชาติส่วนหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่ามีตึกสูงๆ มีอาคารสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สร้างติดกับพื้นดิน ซึ่งเมื่อเกิดน้ำท่วมมาข้าวของที่อยู่ชั้นล่างถูกน้ำท่วมหมด

    [​IMG]

    ที่อยู่อาศัยแบบติดพื้นดิน กับ ปัญหาน้ำท่วมขัง

    .....ก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดย ทำพนังกั้นน้ำ หาประตูน้ำคอยควบคุม หาเขื่อน มาช่วย เพื่อจะระบายน้ำไป ซึ่งถ้าหากควบคุมได้อยู่หมัด ก็ป้องกันได้ แต่ถ้าเกินการควบคุมเมื่อไรก็อาจเดือดร้อน

    [​IMG]

    น้ำท่วม 2554 ที่เกินการควบคุม ก็ต้องหาทางป้องกันไว้

    น้ำท่วมปี 2554.....เขื่อนทุกเขื่อนน้ำเต็มเกือบหมด เนื่องจากมีพายุเข้ามาหลายลูก ซึ่งมากกว่าปีก่อนๆ ที่ยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ แต่ปัจจุบันนี้ฝนตกใต้เขื่อนก็มีน้ำทะลักมา ค่อนข้างมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังดีที่ยังไม่มีน้ำทะเลหนุน จึงค่อนข้างระบายได้เร็ว กรุงเทพยังพอรอดตัว แต่จังหวัดอื่นๆ ที่เหนือขึ้นไปค่อนข้างย่ำแย่จากภาวะน้ำมากเกินไป...ในสภาวการณ์เช่นนี้ สำคัญคือต้องมี “สติ” ขอให้เรามองโลกในแง่ดีไว้ว่า “ในดีมีเสีย...ในเสียมีดี”...

    [​IMG]

    ยังคงมีหวังเสมอว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น

    ขอให้เราเข้าใจในธรรมชาติหน่อยก็แล้วกัน...จะขอยกตัวอย่างประเทศหนึ่งซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมหนักกว่าเรา (เจตนาให้มองเพื่อสร้างกำลังใจ) เพื่อให้มองภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ..

    [​IMG]

    ชาวบังกลาเทศ ใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางปัญหาน้ำท่วม

    “บังกลาเทศ” ประเทศทางเอเชียใต้ ทางตะวันออกของอินเดีย เป็นพื้นที่ที่ไม่ใหญ่ มีอาณาบริเวณ 140,000 กว่าตารางกิโลเมตร เป็นประเทศเล็กๆ (เล็กกว่าไทยถึง 3 เท่า) แต่มีประชากรถึง 170 ล้านคน

    [​IMG]

    ในดีมีเสีย..ในเสียมีดี ทุ่งนาสีทองผลผลิตหลังน้ำท่วม

    ซึ่งวิถีชีวิตของชาวบังกลาเทศคือ ปลูกข้าวเลี้ยงประชากร เนื่องจากพื้นที่ของประเทศดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อยู่บริเวณปากแม่น้ำคงคากับแม่น้ำพรหมบุตร แต่ก็มี น้ำท่วมทุกปี พายุไซโคลนก็เข้าบ่อย...

    ในช่วงที่น้ำท่วมนั่นเอง น้ำก็พาปุ๋ยมาด้วย พื้นที่บริเวณนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ทำนาได้ตลอดทั้งปี..ในเสียก็มีดี หากรู้จักใช้ประโยชน์ของธรรมชาติได้ ลองนึกดูว่า ถ้าหากไม่มีน้ำท่วมในบังกลาเทศ อยู่อย่างปกติสุข ผลคือประชาชนอยู่อย่างอดอยาก ทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง ให้เราเข้าใจและปรับเอาข้อดีมาใช้ ขณะเดียวกันก็ปรับตัวเองให้เข้ากับธรรมชาติได้จะดีทีเดียว

    [​IMG]

    แต่ ณ ตอนนี้ของไทยเราจะทำอย่างไรเพื่อจะรับมือกับ ภาวะน้ำท่วมหนักครั้งนี้ได้ !

    ...ปัจจุบัน เราได้มีสิ่งปลูกสร้างมาก ซึ่งเป็นการขวางทางน้ำ ประกอบกับเมื่อน้ำบ่ามาก็ท่วมขัง ไม่สามารถไหลได้อย่างคล่องตัว...แต่ก็ไม่มีอะไรจะสุดโต่งตลอดสาย เราสามารถปรับได้ หากพื้นที่บ้านเราต้องท่วมบ่อยๆ เราก็สามารถปรับสิ่งปลูกสร้างให้เข้ากัน และฤดูการเก็บเกี่ยวก็พยายามทำให้สอดคล้องกัน ก่อนน้ำจะมาให้เกี่ยวข้าวให้เสร็จเรียบร้อยและลงตัวก่อน

    อีกทางหนึ่ง หากจะต้องปรับสภาวธรรมชาติให้เข้ากับเรา หลักการใหญ่มีอยู่ 3 อย่างคือ

    1. วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เราจะต้องแก้ปัญหาระยะยาวแบบบูรณาการ เช่นมานั่งศึกษาถึงเส้นทางการไหลผ่านของน้ำ ว่ามาทางไหน แล้วไปทางไหนได้บ้าง เราจะควบคุมทิศทางได้อย่างไร ถ้าหากดูอย่างเป็นระบบ เราจะต้องแก้ปัญหาระยะยาวแบบบูรณาการ

    2. สื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจว่า มันมีเหตุ มีผลที่มาที่ไปอย่างไร ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาจะไปกระทบกับคนอีกส่วนหนึ่ง พอจะทำเขื่อนก็มีคนคัดค้าน พอจะขุดคลองระบายน้ำก็มีคนขวาง สุดท้ายทำอะไรไม่ได้เลย ในภาวะเช่นนี้จำเป็นต้องมีการ "เสียสละ" เพื่อประโยชน์ส่วนรวมบ้าง

    3. ขอความเห็น จากหลายๆ ส่วนงาน โดยใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เช่นผ่านทาง Social เน็ทเวิร์ค (เช่น Facebook) แล้วถ้าหากมีการแชร์ความรู้กันจนกระทั่งตกผลึก สรุปและนำเสนอต่อผู้มีอำนาจช่วยกันขับเคลื่อน เพราะคนเดียวอาจจะคิดได้ไม่หมด เพราะฉะนั้นคนทุกคนมีส่วนในการ “ช่วยกันแก้ปัญหาและรับผิดชอบร่วมกัน” เราจะไม่ผลักภาระให้ใคร

    "...ที่สุดแล้ว "เราทุกคน" จะผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้ด้วยดี..."

    .....ทุ่มเทสติปัญญาแรงกายแรงใจช่วยกันแก้ปัญหา ผลแห่งความพากเพียรพยายามที่เราได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไป เจอเรื่องร้ายๆ มา ไม่ต้องไปหวือหวา คร่ำครวญ เศร้าโศกเสียใจ ตั้งใจตั้งหลักของเราเองได้ ในขณะเดียวกันให้หาทางแก้ไขด้วยกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญาของทุกๆ คน สุดท้ายก็จะแก้ได้ อย่างเรื่องข้าวในนาที่เสียหายนั้น...จะแก้ไขอย่างไร ในเรื่องนี้..พลเอกพิเชษฐ์ วิสัยจร นายทหารนักพัฒน์ ท่านเคยเจอปัญหาเหล่านี้และหาทางแก้ไขได้ว่า...

    [​IMG]

    จุลินทรีย์ EM แก้ปัญหาข้าวตายเพราะน้ำท่วม ได้ผลผลิตกลับมา 80%

    ...ข้าวเมื่อน้ำท่วมจะเน่าเสียหมด เมื่อน้ำลดข้าวก็จะเหลือแต่ตอเน่าๆ ให้แก้ปัญหาโดย ให้ตัดตอ ให้ฉีดจุลินทรีย์ EM ลงไป ปรากฏว่าข้าวมันจะค่อยๆ แทงยอดใหม่ขึ้นมา ซึ่งเดิมก็มีรากอยู่แล้ว ไม่ต้องรอถึง 3-4 เดือน แต่จะโตภายใน 1 เดือน เนื่องจากรากมันแข็งแรงอยู่แล้ว... เราก็จะได้ข้าวกลับมาถึง 80% ของข้าวปกติ นั่นแปลว่ายังดีกว่าต้องเสียหายทั้งหมด... แล้ว..ก็ต้องขยายผลต่อ...จุลินทรีย์จะหาได้ที่ไหน? จัดอบรมต่อ วิธีทำจะต้องทำอย่างไร? หลังจากน้ำลดนี้เราก็เริ่มฟื้นฟูกัน...เมื่อได้ยินอย่างนี้ทุกคนก็จะเริ่มยิ้มออก กันแล้ว

    ฝากข้อคิดสำหรับผู้ที่กำลังประสบอุทกภัยขณะนี้...ปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอ...ให้ถามตัวเองว่า “กลุ้มไปแล้วได้ประโยชน์อะไรไหม” มีแต่ทุกข์ใช่ไหม..แล้วเรื่องอะไรจะต้องมาเพิ่มความทุกข์ให้ตัวเอง รับรู้สภาพความเป็นจริงอย่างมีสติ ! ตั้งโจทย์อย่างเดียวว่า เราจะทำอะไร จะแก้ปัญหาอย่างไร บางเรื่องก็ต้อง “เสียสละ” บ้างเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

    เสียสละ กำลังกาย กำลังใจ เรี่ยวแรง แม้ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ก็ไม่สำคัญเพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กัน ในภาวะวิกฤตเช่นนี้เพียงน้ำใจเล็กๆ ก็เป็นเสมือนขุมพลังทรัพย์แห่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้มวลมนุษยชาติแล้ว เช่น สละพื้นที่ของตัวเองเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นทางไหลผ่านของน้ำเพื่อแก้ปัญหาส่วนรวม....ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือ ถ้าจะรักษาเมือง ก็ต้องทำเขื่อนล้อมตัวเมือง ถึงคราวน้ำจะเข้าเมื่องก็อพยพชาวบ้านเข้ามาอยู่ในเมือง แล้วก็ให้เขื่อนเป็นกำแพงกั้นน้ำไว้ห้ามเข้าเมือง

    [​IMG]

    ...สถานการณ์ อาจทำให้ใจเราหวั่นไหวบ้าง แต่ ทุกข์สุข จริงๆ อยู่ที่ใจ...

    ...แล้งก็อยู่ได้...หน้าน้ำก็อยู่ได้...ขอให้เราเข้าใจธรรมชาติ เท่านั้นเอง เราจะพบว่าไม่มีทางตัน ทุกอย่างมีทางออกเสมอ...ต้องผ่านพ้นได้ด้วยดีแน่นอน

    ที่มา วิธีแก้ปัญหาน้ำท่วม-ข้อคิดรอบตัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 333.JPG
      333.JPG
      ขนาดไฟล์:
      38.1 KB
      เปิดดู:
      2,084
    • i.jpg
      i.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.7 KB
      เปิดดู:
      2,032
    • i 1.jpg
      i 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      2,116
    • i 2.jpg
      i 2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.8 KB
      เปิดดู:
      2,069
    • i 3.jpg
      i 3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.5 KB
      เปิดดู:
      2,066
    • i 4.jpg
      i 4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.3 KB
      เปิดดู:
      2,040
    • i 5.jpg
      i 5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37 KB
      เปิดดู:
      2,076
    • i 6.jpg
      i 6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.4 KB
      เปิดดู:
      2,067
    • i 7.jpg
      i 7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.1 KB
      เปิดดู:
      2,107
    • i 8.jpg
      i 8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.8 KB
      เปิดดู:
      2,052
    • i 9.jpg
      i 9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21 KB
      เปิดดู:
      2,021
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2011
  3. taonoy

    taonoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +215
    การป้องกันรถจากน้ำท่วมด้วยผ้าคลุมรถ 1 ผืน
    เนื่องจากใช้เพียงผ้าคลุมรถผืนเดียวเป็นอุปกรณ์หลักแนะนำให้ศึกษาและนำไปประยุกต์ใช้ครับ
    ผู้ผลิตท่านใดที่สนใจสามารถนำหลักการนี้ไปพัฒนาผลิตเป็นสินค้าได้ครับ
    (เนืองจากมีการเผยแพร่แล้วไม่สามารถเอาความคิดนี้ไปจดสิทธิบัตรได้นะครับ)
    หลักการ : http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94-%E2%80%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E2%80%9D.309187/page-3#post5237010

    วิธีที่หนึ่ง
    นำผ้าคลุมรถมาต่อเชื่อมวัสดุชนิดใดๆก็ได้ให้ความยาวเลยลงไปบริเวณล้อและให้ล้อเป็นตัวกดทับ
    หรือผลิตผ้าคลุมรถให้มีรูปร่างตามนี้
    และต้องมีการช่วยดึงชายผ้าด้านหน้าและหลังเชื่อมกับบริเวณใต้ล้อ
    [​IMG]

    วิธีที่สอง
    นำวัสดุมามัดหรือต่อเชื่อมบริเวณด้านล่าง
    หรือผลิตผ้าคลุมรถให้มีส่วนต่อเพิ่มที่เชื่อมต่อได้
    [​IMG]

    สิ่งสำคัญ
    ผ้าคลุมรถต้องกันน้ำและอากาศได้ 100 % และต้องมีความทนทาน ไม่ขาด ไม่รั่ว
    ใส่ของหนักไว้ในห้องโดยสารเพื่อกันรถลอย
     
  4. taonoy

    taonoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +215
    การมัดรถอาจจะใช้เทปกาวพันหลายๆรอบแทนฟิล์มได้ครับ

     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุหมุนจะพัดถล่ม...

    [​IMG]

    ข่าวสารจากจิตจักรวาล

    สิ่งที่กรุงเทพฯและคนกรุงเทพฯจะต้องเผชิญและให้เตรียมตัวไว้

    พายุหมุนจะพัดถล่ม ไม่น้อยกว่าสามลูก อาจวันเดียวกันเลยหรือทะยอยถล่ม เพื่อให้คนดีๆได้มีโอกาสตั้งตัวปรับสภาวะจิต และเปิดโอกาสให้บางคนได้มีจิตสำนึกด้านบวกขึ้นมาได้บ้างจากภัยพิบัติที่เผชิญในครั้งครานั้น หากไม่ดันสติแตกกันเสียก่อน...ตึกสูงๆจะไม่ปลอดภัย ป่่าคอนกรีตที่เป็นป่าใหญ่ๆ คือที่หมายของการชำระหมู่บ้านย่านอาศัยของคนไม่ดี ไม่มีธรรมะ จะโดนพายุทำลาย จะจมอยู่ใต้ธารน้ำสีดำสกปรกอยู่นานวัน สะพานแขวนสะพานสูงจะมีการขาดโค่นพังลงมาเช่นกัน ​

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุงวงช้างสูบน้ำทะเลลุยซ้ำทุกพื้นที่ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD height=40><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>14 ตุลาคม 2554 15:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ศูนย์ข่าวศรีราชา - พายุงวงช้างสูบน้ำทะเลนานหลายชั่วโมง โดยสามารถเห็นได้ไกลจากจุดชมวิวเขาสามมุก จ.ชลบุรี ก่อนหอบเอาน้ำทะเลขึ้นฟ้ากลายเป็นน้ำฝนที่หล่นลงซ้ำเติมทุกพื้นที่ในประเทศไทย

    วันนี้ (14 ต.ค.) ที่บริเวณจุดชมวิวเขาสามมุก ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจกับการดูพายุงวงช้าง ก้อนมหึมา กำลังดูน้ำทะเลขึ้นท้องฟ้ากับกลายเป็นน้ำฝนนานกว่า 3 ชั่วโมง และไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดสูบด้วย ชาวบ้านเชื่อว่าน้ำฝนที่ตกหนัก ในหลายๆพื้นที่ของประเทศไทย นั้นน่าจะมาจากภาพที่พวกตนเห็น คือ น้ำทะเลนั่นเอง และในช่วงวันนี้อากาศมืดครึ้มทั่วทุกพื้นที่ใน จังหวัดชลบุรีด้วย​

    อย่างไรก็ดี ขออวยพรให้ฝนก้อนนี้อย่าไปซ้ำเติมที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และในหลายๆ พื้นที่เลย เพราะพายุงวงช้างก้อนนี้นั้นสูบน้ำก้อนมหาศาลน่ากลัวจริงๆ ถึงแม้จะอยู่ในระยะไกลจากที่พวกตนเห็นก็ตาม​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2011
  6. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    กทม.ฝั่งตะวันออกในแนวคันกันน้ำเย็นนี้เมฆฝนดำทมึน ลมแรง ท่านที่อยู่พื้นที่โล่งโปรดใช้ความระมัดระวังด้วย
     
  7. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ต้องขออภัยอย่างยิ่งที่แจ้งข่าว...คลาดเคลื่อนครับ

    จะเช็คข่าวให้แม่นยำกว่านี้...ครับผม



     
  8. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
    เป็นกำลังใจให้ท่าน ZZ (y)


     
  9. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    ต้องมีหนูอยู่ในถังด้วยไม๊ พอดีที่บ้านมีหลายตัวจะได้จับใส่ถังไว้
     
  10. gun2555

    gun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ท่าน zz ท่านไม่ได้คาดเคลื่อนหรอก มันก็แตกจริงๆ ป่านนี้ปิดได้ยัง
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เป็นกำลังใจให้ท่าน ZZ ครับ

    [​IMG]

    ทำงานแบบปิดทองหลังพระก็เป็นแบบนี้แหละครับท่าน ZZ ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจให้ท่าน ZZ ทำงานเพื่อส่วนรวมต่อไปนะครับ คนที่ไม่เคยทำผิดพลาดอะไรเลย ก็คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยนั่นเองครับ

    <TABLE class=ts><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 8px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 7px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top>โปรดช่วยกันดูแลคนดี - ตั๊กแตน ชลดา - YouTube
    4 นาที - 8 มิ.ย. 2009
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=ts><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 8px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 7px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 5px" vAlign=top>โฆษณา - โครงการคุณธรรมนำไทย(สามัคคี) - YouTube
    1 นาที - 4 พ.ย. 2010



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อวานตลอดมาจนถึงวันนี้กรุงเ<wbr>ทพชั้นใน ฝนตกหนักมากจนแทบเป็นพายุ แถวบ้านผมย่านวงเวียนใหญ่ ฟ้าลงแรงจนไฟฟ้าดับ ซึ่งทำให้น่าเป็นห่วงการระบายน้<wbr>ำลงสู่ทะเล เพราะปริมาณน้ำฝน มาเพิ่มน้ำโดยรวม ทั้งมวลน้ำเหนือ น้ำฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุนสูงในช่วง 14-16 ตค. นี้

    บางครั้งธรรมชาติก็เหมือนมีชีวิ<wbr>ต จิตใจ เกิดมาพร้อมๆกัน

    และที่กำลังจะ ติดตามมาในอีกไม่กี่วันนี้ คือ ลมหนาว ซึ่งแน่นอนปีนี้ จะค่อนข้างหนาวกว่าปีอื่นๆ รวมทั้งมีการพาฝนและพายุมาด้วย

    ดังนั้นสิ่งที่เราควรจะต้องเตรี<wbr>ยมตัวรับมือต่อไปก็คือ การหาเสื้อผ้า แห้งๆหนา อุ่น(ซึ่งหายากมากในภาวะน้ำท่วม<wbr>แบบ นี้) รวมทั้งการระมัดระวังเรื่อง โรคหวัด อากาศเปลี่ยน ไปจนถึง ปอดบวม หากทั้งหนาว ทั้งน้ำท่วมแบบนี้ ที่น่าห่วงมากคือ ที่ นครสวรรค์

    ส่วนเรื่องที่เตือนมาโดยตลอดเรื<wbr>่องอาหารการกินจะขาดแคลน ก็เริ่มปรากฏผลแล้ว อาหารสดเริ่มราคาสูงขึ้น เพราะพื้นที่เพาะปลูกเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่น้ำ<wbr>ท่วม คืออู่อาหารของโลก เลยก็ว่าได้ หากจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมจะเร่งก<wbr>ารปลูกพืชกินได้ เร่งผลิตอาหาร ชดเชยก็จะพอช่วยผู้คนในชาติโดยส<wbr>่วนรวมได้ครับ

    ขอให้รักษาสุขภาพและเฝ้าระวัง เหตุการณ์ เตรียมความพร้อมเพื่อที่จะพึ่งพาตนเองได้แม้ในยามวิกฤต



    ขอเป็นกำลังใจและขอให้ปลอดภัยกันทุกๆคนครับ
     
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วิธีสร้าง แนว กันน้ำจากกระสอบทรายที่ถูกต้อง


    โดย Nongluck Kowatana เมื่อ 14 ตุลาคม 2011 เวลา 1:14 น.

    วิธีสร้าง แนว กันน้ำจากกระสอบทรายที่ถูกต้อง
    แนวกระสอบทรายซึ่งวางก่อเป็นรูปสามเหลี่ยมปิรามิด ให้่ฐานกว้างกว่าความสูง 3 เท่า
    และในขั้นสุดท้ายให้วางแผ่นพลาสติกทับโดยไม่ให้ตึงเกินไป แล้ววางกระสอบทรายทับปลายแผ่นพลาสติกทั้ง 2 ด้าน

    [​IMG]
    พี่น้องชาวไทยในหลายพื้นที่กำลังเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม และเมื่อเกิดภัยธรรมชาติเช่นนี้เราจะได้เห็นการระดมกำลังสร้างแนวกระสอบทราย ขึ้นมาเป็นคันน้ำ แต่หลายครั้งที่ปราการป้องน้ำท่วมที่สร้างขึ้นมานั้นพังทลายลงและทำให้กระแส น้ำไหลบ่าสร้างความเสียหายอย่างรวดเร็ว มีวิธีวางกระสอบทรายที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันคันกั้นน้ำถล่มหรือไม่
    [​IMG]
    พบข้อมูลแนะนำวิธีการวางกระสอบทรายของมหาวิทยาลัยนอร์ธ ดาโกตา สเตท (North Dakota State University) สหรัฐฯ ซึ่งระบุไว้ว่าการวางกระสอบทรายที่ไม่ถูกวิธีจะทำให้คันกั้นน้ำพังทรายลงได้ โดยกระสอบทรายที่นำมาใช้นั้นควรเติมทรายให้มีปริมาตรครึ่งหนึ่งของขนาด กระสอบทรายและให้มีน้ำหนักอยู่ระหว่าง 15-18กิโลกรัม เพื่อสะดวกต่อการขนย้าย
    [​IMG]

    ส่วนทำเลสำหรับวางกระสอบทรายควรเป็นทำเลที่ช่วยให้เราวางแนวกั้นได้สั้นและ เตี้ยที่สุด ซึ่งช่วยประหยัดการใช้กระสอบทรายได้ และต้องระวังสิ่งกีดขวางที่จะทำลายคันกั้นน้ำ อีกทั้งอย่าทำแนวกั้นพิงผนังสิ่งกอ่สร้าง เพราะจะเกิดแรงจากแนวกระสอบทรายกระทำต่อผนังสิ่งก่อสร้างได้ และควรทิ้งระยะห่างระหว่างคั้นกั้นน้ำกับสิ่งก่อสร้างประมาณ 2.5 เมตร เพื่อให้เราสังเกตเห็นการรั่วซึมของคันกั้นน้ำ และยังเป็นพื้นที่ให้เราวิดน้ำที่รั่วซึมออกมาหรือใช้เพื่อกิจกรรมอื่นๆ

    [​IMG]
    เนื่องจากการเสียดสีระหว่างกระสอบทรายช่วยป้องกันการลื่นไถลของคันกั้นน้ำ ดังนั้น เราต้องทำให้เกิดการยึดกันอย่างดีระหว่างพื้นดินและคันกั้นน้ำ ระวังอย่าให้มีการไหลของน้ำใต้แนวคันกั้นน้ำ เคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ที่จะทำให้เกิดการลื่นไถล ถ้าคันกั้นน้ำสูงกว่า 1 เมตร ให้ขุดคูตรงแนววางกระสอบทราบเพื่อให้เกิดความมั่นคงระหว่างแนวกระสอบทรายและ พื้นดิน โดยคูดังกล่าวนั้นควรลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 45- 60เซนติเมตร หรือเป็นความลึกประมาณความหนาของกระสอบทราย 1 กระสอบ และกว้างเท่ากระสอบทราย 2กระสอบ

    [​IMG]
    ความสูงของแนวกระสอบทรายควรสูงกว่าระดับน้ำประมาณ 1 ฟุต โดยความกว้างของฐานคันกั้นน้ำนั้นควรมากกว่าความสูงของคันกั้นน้ำ 3 เท่า เช่น คันกั้นน้ำสูง 1 เมตร ฐานควรกว้าง 3 เมตร เป็นต้น ทั้งนี้ จากการคำนวณเมื่อใช้กระสอบทรายที่หนา 10 เซนติเมตร กว้าง 25 เซนติเมตร และยาว 35 เซนติเมตรนั้น ทุกความยาว30 เซนติเมตรของแนวกั้นจะใช้กระสอบทราย 1 กระสอบ และทุกๆ ความสูงของแนวกั้น 30 เซนติเมตรต้องใช้กระสอบทราย 3 กระสอบ และทุกๆ ความกว้างของแนวกั้น 80 เซนติเมตรต้องใช้กระสอบทราย 3 กระสอบ

    หรือใช้สูตรต่อไปนี้เพื่อคำนวณหาจำนวนกระสอบทรายที่ต้องใช้ทุกๆ ความยาว 1 ฟุต (เมื่อวัดความสูงเป็นหน่วยฟุต)
    ดังนี้
    จำนวนกระสอบทราย = {(3 x ความสูงคันกั้นน้ำ) + (9 x ความสูงคันกั้นน้ำx ความสูงคันกั้นน้ำ)} / 2

    ตัวอย่างเช่น
    เมื่อใช้กระสอบทรายหนา 10 เซนติเมตร กว้าง 25 เซนติเมตร และยาว 35 เซนติเมตร สร้างคันกั้นน้ำสูง 3ฟุต (ทุกๆ ความยาว 1 ฟุต ฐานกว้าง 3 ฟุต)
    ต้องใช้กระสอบทราย = {(3X3) + (9X3X3)} /2 = 45 กระสอบ
    หรือ ตัวอย่างที่ได้คำนวณแล้วทุกความยาวแนวคันกั้นน้ำ 100 ฟุต จะใช้จำนวนกระสอบทราย ดังนี้
    คันกั้นน้ำสูง 1 ฟุต ใช้กระสอบทราย 600 กระสอบ
    คันกั้นน้ำสูง 2 ฟุต ใช้กระสอบทราย 2,100 กระสอบ
    คันกั้นน้ำสูง 3 ฟุต ใช้กระสอบทราย 4,500 กระสอบ
    คันกั้นน้ำสูง 4 ฟุต ใช้กระสอบทราย 7,800 กระสอบ





    เมื่อทราบจำนวนกระสอบทรายที่ต้องใช้แล้วก็มาถึงการวางกระสอบทราย ทั้งนี้ ต้องให้คันกั้นน้ำขนานไปกับทิศทางการไหลของน้ำ และวิธีวางกระสอบทรายคือวางกระสอบทรายทับบริเวณที่ไม่ได้เติมทรายของอีก กระสอบทรายให้สนิทเป็นแนวเช่นนี้ไปเรื่อยๆ และให้ปากกระสอบหันในทิศทางตรงข้ามกับกระแสน้ำ แล้วขึ้นไปเดินบนกระสอบทรายในชั้นที่วางเสร็จเพื่อให้แนวกั้นน้ำหนาแน่นและ มั่นคง ส่วนชั้นต่อมาให้วางกระสอบทับรอยต่อของกระสอบชั้นล่างและใหเชั้นล่างเหลือ พื้นที่โผล่ออกมาประมาณครึ่งกระสอบ

    [​IMG]
    หลังจากเรียงกระสอบสอบทรายจนได้เป็นคันกั้นน้ำแล้ว ให้หาแผ่นพลาสติกมาวางทับแนวกั้นน้ำแล้วใช้กระสอบทรายวางทับที่ปลายแผ่น พลาสติกทั้งสองด้าน และอย่าให้แผ่นพลาสติกตึงเกินไป เพราะแรงกระแทกของน้ำจะทำลายแนวกั้นได้ นอกจากนี้ยังต้องระวังไม่ให้พลาสติกเป็นรูหรือถูกเจาะจากของมีคมด้วย
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วิธีเตรียมน้ำดื่ม"ปลอดภัย"<wbr> ในภาวะวิกฤตน้ำท่วม !

    สิ่งที่ต้องเตรียม

    1.ขวดน้ำพลาสติคใส ที่ดื่มน้ำหมดแล้วพร้อมฝาที<wbr>่ปิดได้แน่นสนิท ขนาดไม่เกินสองลิตร เมื่อวางนอนแล้วความหนาที่แ<wbr>สงอาทิตย์ผ่านไม่เกิน 10 ซม. ขวดยิ่งชลูดยิ่งดี รังสีดวงอาทิตย์จะได้ทะลุทะ<wbr>ลวงได้มาก พลาสติคไม่เก่าหรือมีรอยขีด<wbr>ข่วนมากเกินไป เพราะรังสีจะผ่านได้ไม่ดี ภายในขวดสะอาด แกะพลาสติคภายนอกออกหมด

    2. แหล่งน้ำสะอาดที่สุดเท่าที่<wbr>จะหาได้ วิธีนี้ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ดี<wbr> แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาสารเคม<wbr>ีปนเปื้อนในภาวะปกติ ครัวเรือนที่ดื่มน้ำฝน ถ้าต้องการประหยัดพลังงานแล<wbr>ะทุกคนในบ้านแข็งแรงดี อาจจะใช้วิธีนี้แทนการต้มก็<wbr>ได้

    3. ถ้าน้ำขุ่นควรมีผ้ากรองตะกอ<wbr>นดิน เช่น ผ้าขาวบาง หรือผ้าขาวม้าสะอาดหลายๆ ชั้น เมื่อกรองได้ที่บรรจุน้ำเต็<wbr>มขวด เปิดฝาวางทับหนังสือพิมพ์รา<wbr>ยวันหน้าแรก ควรจะสามารถมองลงไปก้นขวด อ่านพาดหัวข้อข่าวรองได้ (ตัวอักษรในแนวหลักขนาด 3.5 ซม.)

    4. บริเวณที่จะวางขวดตากแดดที่<wbr>ร้อน โดยเฉพาะถ้ามีโลหะเช่นแผ่นส<wbr>ังกะสีลูกฟูก หรือ อะลูมิเนียมจะดีมาก

    วิธีการเตรียม

    1.กรองน้ำที่หาได้ กรอกลงขวดให้ได้ประมาณ 3 ใน 4 ขวด

    2.เขย่าแรงๆ อย่างน้ำ 20 ครั้ง ให้อากาศ (ออกซิเจน) ผสมกับน้ำให้ทั่ว

    3.เติมน้ำให้เต็มขวด ปิดฝาแน่นสนิท

    4.วางขวดในแนวนอน ตากแดดตามข้อ 4 ข้างบนทิ้งไว้ อย่าพยายามขยับขวดโดยไม่จำเ<wbr>ป็น เพื่อให้ออกซิเจนไม่แยกตัวจ<wbr>ากน้ำ ตากแดดโดยใช้เวลา

    - 2 ชั่วโมงถ้าแดดจัด พื้นที่วางเป็นโลหะและน้ำค่<wbr>อนข้างใส

    - 6 ชั่วโมงบนพื้นกระเบื้องหรือ<wbr>ซีเมนต์

    - 2 วันถ้ามีเมฆมาก

    ถ้าฝนตกตลอดแดดไม่ออกเลย ให้รองน้ำฝนดื่มแทน

    น้ำในขวดดังกล่าวนำไปดื่มได<wbr>้เลย หรือจะเก็บไว้ดื่มในภายหลัง<wbr>ก็ได้ แสงแดด ความร้อน และออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากั<wbr>นฆ่าเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิ 99.9% แต่อาจจะมีสาหร่ายเซลเดียวซ<wbr>ึ่งทนรังสียูวีและความร้อนซ<wbr>ึ่งอาจจะจับตัวเป็นตะไคร่น้<wbr>ำในขวดได้ถ้าเก็บขวดไว้นาน แต่น้ำที่มีสาหร่ายเหล่าไม่<wbr>มีอันตรายต่อผู้ดื่มทั่วไปท<wbr>ี่มีภูมิคุ้มกันปกติ

    หมายเหตุ

    1.เทคโนโลยีง่ายๆ ที่วิจัยและพัฒนาโดยองค์การ<wbr>นานาชาติ www.sodis.ch นี้ ฆ่าเชื้อโรคโดยพลังแสงแดด ซึ่งมี รังสียูวี + รังสีความร้อน + อนุมูลออกซิเจนและโอโซน ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาร<wbr>ะหว่างออกซิเจนที่เราผสมน้ำ<wbr>ระหว่างเขย่าขวด เหมือนน้ำบรรจุขวดขายซึ่งผ่<wbr>านรังยูวี หรือ โอโซน ในระดับที่เข้มข้น

    2.ขวดน้ำใส PET หรือ Poly Ethylene Terephthalate (โพลีเอทธิลีนเทเรฟทาเลต) ที่ตากแดดในระดับนี้ ปลดปล่อยสารเคมีน้อยมาก ได้รับการยอมรับจากองค์การอ<wbr>นามัยโลกว่าอยู่ในระดับที่ป<wbr>ลอดภัย ไม่เหมือนวัสดุประเภท PVC ทุกวันนี้เราก็ดื่มน้ำบรรจุ<wbr>ขวด PET กันอยู่แล้ว

    เรียบเรียงสำหรับชาวบ้านโดย<wbr> ศ.นพ.ดร.วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ หัวหน้าหน่วยระบาดวิทยา และผู้อำนวยการสถาบันและพัฒ<wbr>นาสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    ที่มา: มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
     
  15. taonoy

    taonoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +215
    น้ำรั่วจากรอยตะเข็บผ้า
    ผ้าคลุมรถหรือผ้าใดๆที่มีรอยตะเข็บจะไม่สามารถใช้กันน้ำท่วมได้เลยไม่ว่าวิธีใดๆ
    เนื่องจากน้ำจะซึมผ่านเข้ามาทางตะเข็บได้


    วิธีแก้ไข
    1. ยาแนวรอยตะเข็บของผ้าด้วยเทปกันน้ำจากด้านนอก ไล่อากาศให้เรียบ
    2. ยาแนวรอยตะเข็บของผ้าด้วยเทปกาวทั้งจากด้านในและด้านนอก ไล่อากาศให้เรียบ
    2. เปลี่ยนไปใช้ผ้าชนิดอื่นที่ไม่มีรอยต่อและกันน้ำได้ 100%
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ตุลาคม 2011
  16. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    เขื่อนตอนบนลดปล่อยน้ำ ข่าวดีที่ช่วยคลายเครียดได้ระดั<wbr>บหนึ่ง กทม.จะรอดแล้ว ?
     
  17. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ยินดีให้อภัยครับ ขอเป็นกำลังใจแก่ท่านนะครับ
     
  18. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    AIS-DTAC-TrueMove ช่วยน้ำท่วมครั้งละ 10 บาท

    พิมพ์ 3 ส่งมาที่หมายเลข 4567899 ทั้งแบบรายเดือน-เติมเงิน
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ประโยชน์ของสารส้ม

    [​IMG]

    สารส้ม ใช้ทำให้น้ำตกตะกอนสำคัญ อย่าลืมซื้อพกติดตัวกันไว้สัก 2-3 ก้อน ถึงน้ำที่แกว่งสารส้มแล้วจะยังใช้ดื่มไม่ได้ แต่ก็นำมาใช้อาบน้ำ ซักเสื้อผ้า ล้างจานชามได้และน้ำที่แกว่งสารส้มแล้วสามารถนำมาต้มฆ่าเชื้อโรค แล้วนำมาใช้ดื่ม หรือทำอาหารรับประทานได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะสะอาดพอหรือยังก็ควรนำน้ำที่แกว่งสารส้มแล้ว มาผ่านเครื่องกรองน้ำอีกชั้นหนึ่ง

    ประโยชน์ของสารส้มมีกว้างขวาง ในทางอุตสาหกรรมก็ดังกล่าวข้างต้น ส่วนที่เกี่ยวกับร่างกายเรา ใช้ดับกลิ่นตัวได้ทุกส่วนโดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขนและ เท้าได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ นานถึง 24 ชั่วโมง ทั้งยังหน่วงการเกิดกลิ่นได้ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ทาหลังโกนหนวดก็ได้ ไม่ทำให้ระคายเคือง ช่วยห้ามเลือดและสมานบาดแผลที่เกิดจากมีดโกนบาด หรือบาดแผลเล็กน้อย ทาที่ส้นเท้ารักษาและป้องกันส้นเท้าแตก ทาแก้คันตามผิวหนังเมื่อถูกยุงกัดหรือคันจากสาเหตุอื่น

    สารส้มเป็นหนึ่งในส่วนผสมของยาสีฟันโบราณ ด้วยสรรพคุณแก้โรครำมะนาด ตำรับยาท่านว่าให้เอาเกลือทะเล 2 ส่วน การบูร 1 ส่วน สารส้ม 1 ส่วน ตัวยาทั้ง 3 อย่างนำมาผสมตำให้ละเอียด ใช้สีฟันหลังแปรงฟันทุกเช้า โรคฟันเป็นรำมะนาดจะหายขาด

    จาก ต้อง api [21 มกราคม 2549]

    ที่มา http://www.arsadusit.com/1639
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2011
  20. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    As Thailand Floods Spread, Experts Blame Officials, Not Rains

    นิวยอร์ก ไทม์ส หนังสือพิมพ์รายวันเก่าแก่ของสหรัฐฯระบุ เหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษของไทย มีสาเหตุหลักมาจากการกระทำข
    องมนุษย์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในไทยจากภัยพิบัติครั้งนี้ตามรายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนักเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 283 ราย ...



    [​IMG]


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ว่า นิวยอร์ก ไทม์ส หนังสือพิมพ์รายวันเก่าแก่ของสหรัฐฯ ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1851 ระบุ เหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษของไทย มีสาเหตุหลักมาจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้ภัยธรรมชาติตามปกติกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในไทยจากภัยพิบัติครั้งนี้ตามรายงานของสื่อต่างประเทศหลายสำนักเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 283 รายแล้ว


    รายงานของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของสหรัฐฯ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรน้ำรายหนึ่งระบุว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 50 ปีในไทย เกิดจากหลายสาเหตุที่ล้วนแล้วแต่มีที่มาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การเพิ่มจำนวนของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ที่ควรสงวนไว้สำหรับรองรับน้ำตามธรรมชาติ การผันน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติไปใช้ประโยชน์แบบขาดความเหมาะสม การขยายตัวของเขตเมือง และการบริหารจัดการที่ย่ำแย่จากภาครัฐ


    ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างรายงานว่า เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยซึ่งกินพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 26 จังหวัดจาก 77 จังหวัด ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 283 ราย นอกจากนั้น คนไทยอีกมากกว่า 110,000 ราย ต้องหนีออกจากบ้านเรือนของตนไปอาศัยอยู่ตามศูนย์อพยพชั่วคราวต่างๆ ขณะที่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของไทยที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 12 ล้านคน กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะถูกน้ำจากตอนบนของประเทศไหลเข้าท่วม



    http://palungjit.org/threads/นิวยอร์ก-ไทม์ส-ชี้-น้ำท่วมใหญ่ในไทยเกิดเพราะฝีมือมนุษย์.310083/

    http://www.nytimes.com/2011/10/14/w...isaster-in-thailand-guided-by-human-hand.html

    ที่มา : Thairath mobile site
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...