ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

อนาถใจไทยแลนด์ สลดกับสงกรานต์สีลม ปี 54 สุดๆ

เมื่ออุบาทว์เกิร์ลจำนวนหนึ่ง ทำลายภาพลักษณ์วัฒนธรรมที่เคยดีงาม จนป่นปี้ เลอะเทอะเละเทะ

ชวนให้คิดถึงบันทึกในพระคัมภีร์ชาวคริสต์ ว่าด้วยเมืองแห่งความชั่วช้าอุลามก ที่ถูกทำลายล้างด้วยภัยธรรมชาติ


Mthai News





Belong to the Truth Jesus Christ • View topic - เมืองโสโดม โกโมรา ของจริง


ปฐก18:20 พระเจ้าได้ตรัสว่า

"เสียงร้องกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดังเหลือเกินและบาปของเขาก็หนักมาก :21 เราจะลงไปดูว่าพวกเขากระทำผิดจริงตามคำร้องทุกข์ที่มาถึงเรานั้นหรือไม่ ถ้าไม่เราก็จะรู้"

ปฐก18:22 บุรุษเหล่านั้นจึงออกจากที่นั่น เดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าพระเจ้าอยู่

ปฐก18:23 อับราฮัมได้เข้ามาใกล้กราบทูลว่า

"พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมหรือ สมมุติว่า มีคนชอบธรรมห้าสิบคนอยู่ในเมืองนั้น

พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้น ไม่ยับยั้งอาชญาเพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ในเมืองนั้นหรือ

ปฐก18:25 ขอพระองค์อย่าคิดที่จะกระทำเช่นนั้นเลย อย่าคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม ทำกับคนชอบธรรมอย่างเดียวกับคนอธรรม

ขอพระองค์อย่าทรงทำเช่นนั้นเลย พระองค์ผู้พิพากษาสากลโลก จะไม่กระทำสิ่งที่ยุติธรรมหรือ"

ปฐก18:26 พระเจ้าตรัสว่า

"ที่โสโดม ถ้าเราพบคนชอบธรรมในเมืองห้าสิบคน เราจะไม่ลงอาชญาในเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะเห็นแก่เขา"

ปฐก18:27 อับราฮัมทูลตอบว่า

"ขอประทานโทษที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูลต่อพระเจ้า ข้าพระองค์ผู้เป็นเพียงผงคลีและขี้เถ้า

ปฐก18:28 สมมุติ ว่าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดห้าคนหรือ"

และพระองค์ตรัสว่า

"เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น"

ปฐก18:29 ท่านก็ทูลพระองค์อีกว่า

"สมมุติว่าพระองค์ทรงพบสี่สิบคนที่นั่น"

พระองค์ตรัสตอบว่า

"เพราะเห็นแก่สี่สิบคนเราจะไม่กระทำ"
ปฐก18:30 ท่าน จึงทูลว่า

"ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์จะขอกราบทูล สมมุติพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น"

พระองค์ตรัสตอบว่า

"เราจะไม่ลงอาชญา ถ้าเราพบสามสิบที่นั่น"

ปฐก18:31 ท่าน ทูลว่า

"ขอประทานโทษที่ข้าพระองค์บังอาจกราบทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า สมมุติว่าทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น"

พระองค์ตรัสตอบว่า

"เพราะเห็นแก่ยี่สิบคน เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น"

ปฐก18:32 ท่านทูลว่า "ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่าทรงพระพิโรธเลย ข้าพระองค์ขอกราบทูลอีกครั้งนี้ครั้งเดียว สมมุติว่าทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น"

พระองค์ตรัสตอบว่า "เพราะเห็นแก่สิบคนเราจะไม่ทำลายเมืองนั้น"

ปฐก18:33 เมื่อพระองค์ตรัสกับอับราฮัมจบลงแล้วพระเจ้าก็เสด็จไปส่วนอับราฮัมก็กลับไปบ้าน

ปฐก19:1 ฝ่ายทูตสวรรค์สององค์นั้นมาถึงเมืองโสโดมในเวลาเย็น โลทกำลังนั่งอยู่ที่ประตูเมืองโสโดม เมื่อโลทเห็นท่านทั้งสอง เขาก็ลุกขึ้นไปต้อนรับและกราบลงถึงดิน

ปฐก19:2 กล่าวว่า "เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ขอท่านแวะไปบ้านข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ค้างสักคืนหนึ่งล้างเท้าของท่าน แล้วค่อยลุกขึ้นแต่เช้าเดินทางต่อไป"

ท่านทั้งสองตอบว่า "อย่าเลยเราจะค้างคืนที่ลานเมือง"

ปฐก19:3 แต่โลทก็รบเร้าชักชวนท่านทั้งสอง ท่านจึงไปกับเขา เข้าไปในบ้านของเขา โลทก็จัดการ เลี้ยงปิ้งขนมไร้เชื้อ ท่านทั้งสองก็รับประทาน

ปฐก19:4 ท่านทั้งสองยังไม่ทันเข้านอน พวกผู้ชายเมืองนั้น คือ ชายชาวเมืองโสโดมทั้งหนุ่มและแก่หมดทั้งเมืองจนถึงคนสุดท้าย พากันมาล้อมเรือนนั้นไว้

ปฐก19:5 พวกเขาร้องเรียกโลทว่า "ชายที่เข้ามาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน จงนำเขาออกมาให้เรา เราจะได้สมสู่กับเขา"

ปฐก19:6 โลทก็ออกทางประตูไปหาชายเหล่านั้น แล้วปิดประตูเสีย

ปฐก19:7 กล่าวว่า "พี่น้องของข้าเอ๋ย ข้าขอเสียทีเถอะ อย่ากระทำการโหดร้ายเช่นนี้เลย ดูเถิดข้ามีลูกสาวสองคน ยังไม่เคยสมสู่กับชายเลย ข้าจะนำออกมาให้ท่าน ท่านจะทำแก่เขาอย่างไรก็ได้ตามใจชอบเถิด แต่ขออย่าทำอะไรกับชายเหล่านี้เลย เพราะเขามาอยู่ใต้ร่มชายคาของข้าแล้ว"

ปฐก19:9 แต่พวกนั้นร้องว่า "ถอยไป" และขู่ว่า "เจ้าคนนี้มาขออาศัยอยู่ แล้วยังมาตั้งตัวเป็นตุลาการ เราจะทำกับเจ้าให้เจ็บเสียยิ่งกว่าทำแก่คนเหล่านั้นอีก" พวกนั้นผลักโลทโดยแรงและเข้ามาใกล้จะพังประตู

ปฐก19:10 แต่แขกทั้งสองนั้นยื่นมือออกไปดึงตัวโลทเข้ามาในบ้าน แล้วปิดประตูเสีย

ปฐก19:11 ท่านทั้งสองทำให้พวกคนที่อยู่หน้าประตูบ้านนั้นตาบอดหมด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็เที่ยวคลำหาประตูจนอ่อนใจ

ปฐก19:12 แล้วแขกทั้งสองจึงพูดกับโลทว่า "ที่นี่เจ้ามีใครอีกหรือ บุตรเขยบุตรชายบุตรหญิงคนของเจ้าในเมืองนี้ จงนำออกไปจากที่นี้ให้หมด

ปฐก19:13 เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย"

ปฐก19:14 โลทจึงออกไปพูดกับบุตรเขยผู้ที่จะแต่งงานกับบุตรหญิงของตนว่า

"ลุกขึ้นออกจากที่ นี้เถิด เพราะพระเจ้ากำลังจะทำลายเมืองนี้"

แต่บุตรเขยของเขากลับหาว่าโลทล้อเล่น

ปฐก19:15 ครั้นเวลารุ่งเช้า ทูตสวรรค์จึงชักชวนโลทว่า "ลุกขึ้นพาภรรยาของเจ้าและบุตรหญิงทั้งสองของเจ้า ผู้อยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเมื่อเมืองนี้ถูกลงอาชญาให้พินาศ เจ้าจะเสียชีวิตไปด้วย"

ปฐก19:16 แต่โลทยังรีรอ ดังนั้น ชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยาและบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง

ปฐก19:17 เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า

"หนีเอาชีวิตรอดเถิดอย่าเหลียวหลังหรือหยุด ณ ที่ใดในลุ่มน้ำ หนีไปที่เนินเขา มิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต"
ปฐก19:18 โลทเรียนท่านทั้งสองว่า

"อย่าเลยนาย ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านแล้ว และท่านได้สำแดงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าจะหนีไปที่เนินเขาไม่ได้ เกรงว่าภัยพิบัตินั้นจะตามทันและข้าพเจ้าจะตายเสีย

ปฐก19:20 ดูซิ เมืองโน้นอยู่ใกล้พอที่จะหนีไปถึงได้และเป็นเมืองเล็ก ขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่น เมืองนั้นเป็นเมืองเล็กๆ แล้วชีวิตของข้าพเจ้าจะรอด"

ปฐก19:21 ทูตสวรรค์พูดกับเขาว่า

"เราอนุญาตเรื่องนี้ คือ เราจะไม่ทำลายเมืองที่เจ้าพูดถึงนั้นเสียรีบเถิด หนีไปที่นั่น เพราะเราจะทำอะไรไม่ได้จนกว่าเจ้าจะไปถึงที่นั่น"

ฉะนั้น เขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่า โศอาร์ (แปลว่าเล็กน้อย)

ปฐก19:23 เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ ตะวันก็ขึ้นแล้ว

ปฐก19:24 แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้าตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์

ปฐก19:25 และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้น และพืชต่างๆ

ปฐก19:26 ส่วนภรรยาของโลทผู้อยู่ข้างหลังโลท เหลียวกลับไปมองดู นางจึงกลายเป็นเสาเกลือไป

ปฐก19:27 เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฝ้าพระเจ้า

ปฐก19:28 ท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์และตรงดินแดนในลุ่มน้ำ ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาไฟใหญ่


การค้นพบเมืองโสโดมและโกโมราห์


ตามรอยเมืองโสโดม โกโมราห์


สิ่งที่ค้นพบเป็นมากยิ่งกว่าชั้นของหิน

ในต้น ค.ศ.1980 Ron Wyatt (ผู้รู้และค้นคว้า) ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์น่าอัศจรรย์ในบรรดา “การก่อตัว” ผ่านตามฝั่งทะเลของทะเลตาย (Dead Sea)


พวกเขามุ่งหวังอยากเห็นกำแพงเมืองและตึก แต่พวกเขาพบแต่เพียงสีที่เป็นสี


ขาวๆ เท่านั้น เป็น ระยะเวลาหลายปีที่เขาทำไปโดยสูญเปล่า


ในเรื่องที่เขาได้ตั้งข้อสังเกตไว้

แต่ในปี ค.ศ.1989 Ron Wyatt ได้ค้นพบอะไรบางอย่าง


สิ่งนั้นทำให้เขามั่นใจว่าการก่อตัวสีขาวๆ นั้น ไม่เป็นเพียงแค่การก่อตัวของชั้นหิน

Ron อ้างถึง เส้นทางที่ผ่าตลอดบางส่วนของส่วนเนื้อชั้นหินสีขาวนั้น และมันเพิ่งเกิดขึ้น ความอ่อนแอภายในของส่วนเนื้อสีขาวนั้นแสดงให้เห็นว่า ชั้นของหินได้รับผลกระทบจากการคลื่อนที่ของน้ำ เช่นเหตุนี้เป็นต้น

ทำให้นำไปสู่ความชัดเจนนั้น ว่าชั้นของหินเหล่านี้เป็นมากกว่าชั้นของหิน

ในการค้นหาพระคัมภีร์สำหรับร่องรอยไปสู่สถานที่ของพวกเขา

Ron และภรรยาของเขา Mary Nell ได้อ้างอิงถึงหลักฐานตามในพระคัมภีร์ที่อ้างถึงสี่เมืองแยกออกเป็นส่วนๆ ในดินแดนของคนคานาอัน :

เขตของคนคานาอันยื่นจากเมืองไซดอน ไปทางเมืองเก-ราร์ จนถึงเมืองกาซา และไปทางเมืองโสโดม โกโมราห์ อัดมาห์ และเศโบยิมจนถึงเมืองลาชา


ปฐมกาล 10:19


เมืองเหล่านี้ไม่เคยพบมาก่อนเลยสำหรับ เมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ เมืองอัดมาห์ และเมืองเศโบยิม

ถึงแต่ละเมืองจะเคยได้ยินมา ตามที่ผู้กำหนดเขตแดนได้
กำหนดไว้ ถ้าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในที่ตั้งทั่วๆไป เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้บรรยายไว้ อยู่ทางใต้สุดของทะเลตาย (Dead Sea) นั้น

มันเป็นหลักว่า ที่ตั้งของเมืองนั้น กำหนดทำเลที่ตั้งระยะจากเมืองแต่ละเมืองอยู่เป็นระเบียบ เพราะเป็นสิ่งที่แน่นอนตรงกับทุกๆ อย่างของพวกเขา เหมือนตามที่ผู้กำหนดเขตดินแดน
Ron หาที่ตั้งของที่นี่ เขายืนยันหลักฐานนั้น ที่จริงนานๆ ถึงจะพบหลักฐานที ระยะทางที่กว่าจะพบหลักฐานทีมากกว่าห้าสิบไมล์ หนึ่งในเมืองทั้งสี่ที่เขาหา อยู่ทางเหนือของเยรีโค ซึ่งที่นั่นมีความสมบูรณ์แบบมาก

ในความตรงกันความถูกต้องตามพระคัมภีร์ ทำให้แสดงว่ามีเมืองเศโบยิมจริง ตามที่ตั้งที่ควรอยู่ทางเหนือของทะเลตาย (Dead Sea)




ต่อมาใน ปี ค.ศ.1989 Ron และ Mary Nell Wyatt ได้กลับมาที่ที่ตั้งของเมืองอีกครั้ง แต่เพียงแค่ตอนล่างของ Masada เท่านั้น และได้มาเอาตัวอย่างของเนื้อของชั้นหินสีขาว ซึ่งมันแตกในมือของเขาทันที และกระจายเข้ามาในเล็บเหมือนกับแป้งฝุ่นโรยตัว


ในตอนนั้น Mary Nell กล่าวถึงสิ่งนึงที่เป็นอยู่ในเวลานั้นของกำมะถัน นำส่วนย่อยๆเล่านั้นมาตรึงกันเป็นก้อน โดยทำเถ้าถ่านให้แข็งโดยวิธีใดก็แล้วแต่ ไม่สามารถจะบรรยายทั้งหมดได้ ในตอนนั้นมันเป็นไปอย่างนั้น





ในเดือนตุลาคม ของ ปี ค.ศ.1990 Ron Wyatt และ Richard Rives ย้อนกลับมาในพื้นที่อีกครั้ง และเพราะพวกเขาได้ตรวจสอบพื้นที่ตอนล่างของ Masada สิ่งที่พวกเขาค้นพบที่นั่นมันมีเพียงแค่น้ำฝน

ดังนั้น พวกเขาจึงเคลื่อนฝ่ากลางพื้นที่ไป Richard นึกที่อยากจะเจออะไรสักอย่างเมื่อเปิดช่องหรือถ้ำสักที่ที่ไกลออกไป และขณะที่พวกเขาใกล้จะถึงตำบลใกล้เคียงของถ้ำนั้น พวกเขามาถึงบนก้อนของเถ้าถ่านขนาดใหญ่


นั่นเป็นเพียงแค่ ส่วนๆ หนึ่ง ที่แตกแยกตกมาจากที่สูงเมื่อไม่นานมานี้ เป็นไปได้ว่าเกิดจากการที่มีฝนตกในช่วงนี้ ขณะที่ Ron หยุดชมก้อนเถ้าถ่านพวกนี้เขาสังเกตเห็นก้อนสีออกเหลืองๆ มากมายอยู่ภายในของก้อนเถ้าถ่าน ที่แตกตกลงมา


ล้อมรอบก้อนทั้งหมดด้วยสิ่งที่เป็นเหมือนเปลือกสีแดงแกมดำเป็นวงๆ เห็นปุ๊บเขาก็จำได้มันเหมือนกับกำมันถัน ในการตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้แสดงให้รู้ว่าสิ่งที่มีอยู่คืออะไร สิ่งที่เป็นหลักฐานอ้างถึงทั้งหมดมาตลอด ของก้อนเถ้าถ่าน ที่ยังคงต้องตรวจสอบคือเกลือซัลเฟต (เกลือกำมะถัน)




ภายหลักการค้นพบของกำมะถัน Wyatt ค้นคว้าวิจัยทางโบราณคดี และเริ่มวิเคราะห์จนพบว่า

ถ้ากำมะถันที่อ้างถึงในที่นี้มาจากที่อื่นๆ Ron และ Mary Nell Wyatt ร่วมด้วย Richard Rives ไปที่สถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institute) ในกรุงวอชิงตัน

และตรวจสอบของพวกเขาแสดงให้เห็นว่ากำมะถันต่างๆในที่อื่นๆ

ผงกำมะถัน สภาพเป็นบวก และไม่มีเกลือกำมะถันในพวกมันเลย

โดยสถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institute) นั้น ขอสนับสนุนก้อนกำมะถันตัวอย่างเหล่านั้นมาตรวจสอบและเปิดเผย กำมะถันของสถาบันนี้นั้นนำมาจากทั่วโลก รวมมากกว่าห้าสิบก้อนกำมะถันตัวอย่าง

ไม่มีเลยที่แสดงถึงลักษณะพิเศษอื่นๆ ของก้อนกำมะถัน ที่จะใกล้เคียงกับก้อนกำมะถันที่เป็นหลักฐานจาก “เมืองในบริเวณที่ราบนั้น”





รายงานล่าสุดของก้อนกำมะถัน

Ron Wyatt ไม่ได้เป็นบุคคลแรกที่เปิดเผยเรื่องของก้อนกำมะถันที่ใกล้กับทะเลตาย (Dead Sea) เมื่อ William Albright และ Melvin Kyle ออกเดินทางไปสู่การค้นหาเมืองโสโดม และเมืองโกโมรา

ใน ค.ศ.1924 พวกเขาพบเหมือนกัน




หลักฐานชิ้นกำมะถันเหล่านี้ อยู่ทางใต้สุดของทะเลตาย (Dead Sea)

“….บนดินแดนหนึ่งซึ่งฝนกรดจะเปิดเผยก้อนกำมะถัน มันน่าจะทำให้ฟอกพวกเราสะอาดขึ้น ในก้อนที่ใหญ่เท่ากับหัวแม่มือของฉัน มันผสมกับดินเหนียวปนปูนของภูเขาทางทิศตะวันตกด้านข้างของทะเล

และนี้นำไปสู่หลักฐานที่กระจัดกระจายอยู่ตามฝั่งทะเลของทะเลที่สงบด้านทิศ ตะวันออก ระยะทางสักสี่หรือห้าไมล์ จากแนวแร่หินมีชั้นนั่น คือมันกระจายอย่างไรไม่ทราบได้ ไกลและกว้างมากเกินกว่าที่ีราบนี้”




คนแรกที่สังเกตสีของเถ้าที่มีอยู่ บันทึกอื่นๆ ของเมืองเหล่านี้มาจาก Josephus ในหนังสือของเขา “Wars of the Jews” เล่ม 4,บทที่ 8

“เวลานี้ประเทศ ในสมัยนั้นน่าเศร้าใจที่มีการเผาผลาญเกิดขึ้น ไม่มีใครใส่ใจมาที่……..มันคือของโบราณเมืองแห่งความสุขทั้งการเก็บเกี่ยว พืชผล
และความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ของประเทศ แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างถูกเผา มันมีความเกี่ยวพันอย่างไรสำหรับความไม่เคารพของพลเมือง
มันเป็นการเผาโดยไฟ ในสภาพซึ่งตามมาด้วย ที่นั่นยังคงมีไฟของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ และร่องรอยของห้าเมืองยังคงมีอยู่ให้เห็น”

Josephus บรรยายอย่างสมบูรณ์ บรรยายว่าได้เห็นอะไรที่เมืองสีขี้เถ้า “…….ตอนนี้มันทั้งหมดถูกเผา”

เรื่องราวของการทำลายเมืองโสโดม โกโมราห์ และ “ ทั้งหมดในที่ราบ ” ไม่ ได้เป็นนิทาน มันเป็นเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอนตามที่ปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังคงมีเครื่องแสดงให้เห็นอยู่

ดังที่ Peter ได้เขียนไว้ว่า “ensample แก่พวกที่ภายหลังนั้นจะอยู่อย่างบาปชั่ว” พวกเขา ธรรมบัญญัติจริงแท้ของโลก กับสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน
เหมือนที่ Jude เขียนไว้ว่า “การแก้แค้นด้วยไฟที่ไม่รู้ดับและไหม้อยู่เป็นนิจ”

 

คำทำนายเมื่อปี พ.ศ.2551 เรื่องน้ำจะท่วมกรุงเทพและปริมณฑล​

​

คัดลอกมาฝากเพื่อนสมาชิก อ่านแล้วอย่าตกใจบางเรื่องน่าสนใจ จะได้เตรียมตัวกันไว้บ้าง ให้ระวังกันด้วยนะครับ

จะเกิดภัยพิบัติใหญ่ ช่วงปลายเดือน สิงหาคม และเดือนกันยายน ตุลาคม เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภัยพิบัติแห่งชาติ ที่เป็นลูกศิษย์ของพระเกจิอาจารย์ (วัดเสาธงเรียง) ที่เพชรบุรีเตือนมา และ พระท่านก็ย้ำตอนไปถวายผ้าขาวห่อศพจำนวน 200 ผืน (มีผู้มีจิดศัทธาร่วมบริจาคด้วย) ที่วัดที่เพชรบุรีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากท่านได้นั่งสมาธิ เพราะท่านเป็นพระปฎิบัติและได้นิมิตว่ามีศพลอยเกลื่อน ซึ่งสอดรับกับหน่วยงานราชการเกี่ยวกับการเตือนภัยพูด

ท่านเลยขอรับบริจาคผ้าขาวห่อศพ เพราะคนจะตายจำนวนมากครับ และให้เราเตรียมตัว ว่าจะเกิดท่วมและโดนพายุไชโคลนยิ่งกว่าพายุนากิช สอง หรือ สามเท่า และดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจะทรุด (แถวๆ ตึก state Tower) ให้ระวังเรื่องแผ่นดินทรุด น้ำท่วมอย่างฉับพลันด้วยครับ หลังโดนพายุเข้าทาง ' อ่าวไทย ' น้ำท่วมสูงเท่าตึกสองชั้นครับ 4-6 เมตร

คิดว่ากรุงเทพปริมณทลคงไม่รอดแน่ รวมถึงจังหวัดที่โดนด้วย ถ้าขนาดนั้นผมคิดว่าไฟฟ้าคงดับ น้ำประปาคงไม่ไหล ธนาคารไม่เปิด ห้างไม่เปิด ตลาดไม่มีของขาย แล้วเราจะทำตัวอย่างไร ในภัยพิบัติครั้งนี้ครับ เพราะคิดว่าถ้าเกิดจริงก็น่าจะลำบากไปอีกหลายเดือนครับ

การเตรียมการดังนี้ครับ (สำหรับความลำบากเป็นเวลาเดือนหรือ สองเดือน)

1. เตรียมแสงสว่าง ซื้อเทียน ไม้ขีดไฟ ตุนไว้ครับไฟฟ้าดับแน่นอน
2. เตรียม น้ำสะอาดไว้ดื่ม และ ชำระร่างกาย เช่น ถังน้ำตุนน้ำไว้
3. เตรียม ข้าวสาร อาหารแห้ง แก๊ชสำหรับหุงต้ม
4. ถุงดำเล็ก ใหญ่ ไว้ทิ้งขยะและปลดทุกข์
5. เก็บของขึ้นที่สูงไว้ป้องกันน้ำท่วม
6. เตรียมกระสอบทรายไว้กั้นเวลาน้ำจะเข้าบ้าน หรือทรัพย์สิน
7. อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ เช่น นกหวีด ชูชีพ
8. อยู่ห่างตึกหรืออาคารสูงถ้าเกิดแผ่นดินทรุดครับ
9. ติดตามข่าวสารเรื่องภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง

เตรียมตัวไว้ดีกว่าครับถ้าไม่เกิดก็เอาที่ตุนไว้มาใช้มากิน ไม่เสียหาย อาจจะคิดว่าบ้า ไปเชื่อพระ แล้วที่เจ้าหน้าศูนย์เตือนภัยแห่งชาติเตือนละควรฟังเขาไหม ถึงแม้ว่าเขาคาดการก็ตาม ถ้าจริงขึ้นมาละ คุณๆจะเอาตัวรอดกันยังไง เตรียมตัวไว้ดีกว่าครับไม่เสียหาย ถึงตอนนั้นก็คงต้องช่วยตัวเองและครอบครัวตัวเองแล้วครับ ถ้าจะให้ดีก็อย่าเดินทางไปแถวชายทะเลกันตอนปลายๆเดือนสิงหาคมละกันครับ อยู่ใกล้บ้านจะได้ช่วยเหลือครอบครัวและทรัพย์สิน

โทรสอบถามเรื่องภัยพิบัติต่างๆในประเทศ
CALL Center 1860 ทั่วประเทศ

สมิทธ ฟันธง ส.ค.-ต.ค. พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย

ทำให้กทม.จมบาดาล ระบบประปาพินาศ คนเมืองหลวงไม่มีน้ำใช้ จี้หน่วยงานรัฐเร่งหามาตรการรับมือโดยด่วน ขณะที่อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานฯ หวั่น วัดพระแก้ว เสียหายหากเกิดน้ำท่วมพระบรมมหาราชวัง

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกมาแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ในการเสวนาเรื่อง แผนรับมือวิบัติภัยในมหานครกรุงเทพ ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร การเสวนาครั้งนี้มี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเสวนา

ดร.สมิทธ กล่าวว่า จากการศึกษาและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด พบว่า ภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อน โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมาก ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน ซึ่งการเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลงมาได้

ดร.สมิทธ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ กทม.อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก และทำให้ น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม.

กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินเลน เมื่อได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว ระยะสั่นสะเทือนจะขยายตัว 2-3 ริกเตอร์ ทำให้อาคารที่สูงไม่เกิน 6 ชั้น อาจแตกร้าวและพังทลายลงมา ส่วนอาคารสูงไม่น่าเป็นห่วง เพราะวิศวกรได้ออกแบบอาคารไว้รองรับอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีความพร้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหว โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงอาจทำให้เกิดความเสียหายมาก ดร.สมิทธ กล่าว

ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง เนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้นนั้น จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า พายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดีย จะมีแรงลมสูงมากถึงขนาดเป็นไซโคลน แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว คือ พายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความรุนแรงถึงระดับ 4

'ผมขอทำนายว่าในเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคมนี้ จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้านอ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ สตรอม เสิร์ช (Strom Search) หรือ น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าว จะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค' ดร.สมิทธ กล่าว

ด้าน นายต่อตระกูล กล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่าหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นจริง จะทำให้อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญหลายแห่งเสียหายโดยเฉพาะวัดพระแก้ว ซึ่งก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ไม่ได้มีการฝังเสาลงดิน หากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่พระบรมมหาราชวังก็จะทำให้เสื่อมความแข็งแรงลงอย่างรวดเร็ว

หลังการเสวนา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการฝ่ายอุตุนิยม วิทยาทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพายุใหญ่พัดถล่ม ประเทศไทยตามที่ ดร.สมิทธ กล่าวในการเสวนา ดร.วัฒนา ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ช่วงเดือนสิงหาคม - ตุลาคม อาจจะเกิดพายุใหญ่ถล่มประเทศไทย เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็ เกิดขึ้นในช่วงนี้

ดร.วัฒนา กล่าวต่อว่า สภาวะโลกร้อนอาจส่งผลให้ความรุนแรงของพายุเพิ่มมากขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า หากพายุพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นเมืองก็อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะหากพายุเคลื่อนเข้าประเทศไทยทางฝั่งภาคตะวันออกจะทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ กทม.โดยตรง ซึ่งมีความเป็นห่วงว่า หากมีพายุพัดเข้าบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้แก่ กทม. เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีการสร้าง เขื่อนกั้นริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายจุด แต่การสร้างเขื่อนที่ผ่านมาทำเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำเหนือไหลหลาก ไม่ได้มีไว้รองรับพายุที่พัดเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้บริเวณปากแม่น้ำยังไม่มีการก่อสร้างเขื่อน หากเกิดพายุพัดกระหน่ำจริง เขื่อนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้

ดร.วัฒนา กล่าวด้วยว่า มีความเป็นห่วงว่าหากช่วงเวลาที่เกิดพายุตรงกับช่วงที่ระดับน้ำ ทะเลขึ้นสูงสุดจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์พัดกระหน่ำบริเวณชายฝั่ง หากอาคารบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งไม่แข็งแรงก็จะสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยามีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องในการอพยพผู้ประสบภัย เพราะขณะเกิดเหตุภัยพิบัติหากมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยได้รวดเร็ว ความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนก็จะลดน้อยลง

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=303040

 

การดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดด้วยกันทั้งสองฝ่าย..ฝ่ายใดอ่อนแอกว่าก็คือ..จุดจบของชีวิต..

 

ทำไม ?..ต้องเป็นเช่นนี้ด้วย..

 

ปัญหาน้ำท่วมในทัศนะของพระอริยะเจ้า​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->VANCO<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4595599", true); </SCRIPT> ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้)

หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม พูดถึง อดีตนายกเศรษฐี และน้ำท่วม กทม. และโลก

หลวงปู่เพ็ง พุทธธัมโม เป็นพระลูกชายของหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ท่านก็เคยพูดไว้ เมื่อตอนที่อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐีนายทุนกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ตอนนั้นหลวงปู่ท่านมาพักที่บ้าน ท่านเรียกเข้ามาดูทีวี แล้วชี้ไปที่นายทุนคนนั้น ท่านบอกว่า

'มึงจำคำกูไว้นะ ไอ้คนนี้ เมื่อไหร่ที่ไอ้คนนี้ขึ้นมาครองเมือง เมื่อนั้นคนจะตายเป็นเบือ ยังกับใบไม้ร่วง และไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย จะเป็นไปทั่วโลก เพราะว่าฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมันมาเจอกันพอดี๊พอดี'

ท่านว่า อย่างนั้น และเมื่อนายทุนรายนั้นขึ้นเป็นนายกฯ ครั้งแรก ก็ทราบว่า ที่อเมริก็กาจอร์จ ดับเบิ้ลยูบุช อังกฤษก็โทนี่ แบลร์ ก็รู้สึกว่าบ้าอำนาจพอๆ กัน (ตรงตามคำที่หลวงปู่พูดหน้าทีวีเป๊ะ)
ทีนี้หลวงปู่ท่านก็พูดอีกว่า 'ไอ้คน นี้มันบ้าอำนาจ มันจะพยายามหาคนมาแทนพระสังฆราช จ้างก็ไม่มีทาง มันช่างไม่รู้เอาเสียเลย ว่าพระสังฆราชกว่าจะมาเป็นได้นั้นมาจากไหน หวังจะล้มพระเจ้าแผ่นดิน เมินเสียเถอะ กว่าจะมาได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เขาคัดเลือกมาเพื่อคู่กันกับพระสังฆราชแล้ว' (หลวงปู่ท่านอธิบายให้ฟัง ตามทัศนะของผู้มีอตีตังสญาณ)

ตอนนั้นผู้เขียนก็กราบเรียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านเมตตาเล่าให้ฟังจนจบ ไม่ขอเล่าตรงนี้มันยาว และเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมาย
ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า 'น้ำจะท่วม เมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตายใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่าลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา

แต่คนปัจจุบันนี้ หาดียากมาก และไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน 'คน' จริงๆ คนกันอยู่นั่นะแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตก แยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด'

'ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่'

'มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาด ก็เอาใหม่เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึง ให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไปอย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย'

'ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ'

'คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้มันก็อยากได้ลัดๆ เลย'

'ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่'

'มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่า จะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะ เหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ'

'คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่'

'รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง....จนถึงปี 2555 วิกฤตสุด'

ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย

และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกันหลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน
อีกครั้งหนึ่งเคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ท่านบอกกับผู้เขียนว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ
'เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย'
'หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม'
' ใช่ '
'กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย'
'กองที่ 2 ไปบ้างก็รอดบ้างหรือคะ'
'ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏฺบัติธรรมมีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น'
'ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ'
'ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ'

ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถาวิรูปักเขเอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่องฯ ท่านว่าอย่างนั้น

มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ล่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย

ที่มา ปัญหาน้ำท่วมในทัศนะของพระอริยะเจ้า

 

จำลองเสียน่ากลัว เคยดูฝายกั้นน้ำขาด จริงๆมันไม่ขาดทีเดียว มันจะเริ่มที่รอยเล็กก่อนและค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น สำคัญที่ จนท. เมื่อเห็นแล้วต้องรีบแก้ไขและต้องรีบแจ้งเตือนให้คนอพยพ ไม่ใช่พยามยามแก้จนสุดความสามารถแล้วเอาไม่ไหวถึงแจ้งคนอย่างนี้แย่ มีแต่พินาศ

 

​

ภาพจำลองของเขื่อนอื่นๆ ไม่มีครับ มีแต่ภาพน้ำท่วมกรุงเทพของจริงเมื่อหลายปีก่อน มาให้ดูเป็นเครื่องเตือนใจไปก่อนก็แล้วกันครับ

 

​

พายุฤดูร้อนถล่ม "น่าน-นครพนม" บ้านเรือนราษฎรเสียหายนับร้อยหลังคาเรือน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 เม.ย. นายธวัช เพ็ชรวีระ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน นำคณะออกสำรวจความเสียหายหลังพายุฤดูร้อนและลูกเห็บ พัดกระหน่ำนานกว่า 1 ชั่วโมง ในพื้นที่ อ.เมืองและอ.เพียง เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (16 เม.ย.) โดยความรุนแรงพายุทำให้บ้านเรือนและยุ้งฉางข้าวชาวบ้านเสียหาย บางหลังถึงกับหลังคาหายไปหมด

โดย นายเอี่ยม ศรีสิง อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 57 หมู่ 8 บ้านวุฒิมาราม ต.กองควาย อ.เมือง เผยว่า ขณะกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ได้เกิดลมแรงมาก จึงพากันวิ่งขึ้นไปปิดหน้าต่างชั้นบนของบ้าน แต่ปรากฏว่ากระแสลมได้พัดเอาหลังคาบ้านปลิวหลุดออกไปทั้งแถบ โดยไปตกฝั่งตรงข้ามถนนห่างจากบ้านออกไปกว่า 20 เมตร ทำให้ฝนตกลงมาเปียกข้าวของ เครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายหมด

ขณะที่นางบานเย็น มาหล้า อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 137 หมู่ 1 บ้านธงหลวง ต.กองควาย อ.เมือง เล่าว่า พายุฝนรุนแรงมาก พัดเอาหลังคาบ้านหลุดออกไป ไม่สามารถเก็บข้าวของได้ทัน เปียกเสียหายหมด ตอนนี้ตนต้องเอาผ้าใบมามาขึงคลุมแทนหลังคา เพื่อไว้เก็บของและอาศัยนอนจนกว่าจะซ่อมแซมหลังคาเสร็จ แต่หากยังมีลมฝนตกมาซ้ำอีก ผ้าใบคงเอาไม่อยู่ คงต้องไปอาศัยบ้านญาตินอนแทน

ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าพายุฝน ลูกเห็บ ได้ความเสียหายที่ บ้านดอนน้ำครก หมู่ 2 บ้านวุฒิมาราม หมู่ 8 บ้านธงหลวง หมู่ 5 ต.กองควาย ประมาณ 30 หลังคา ส่วนที่บ้านนาซาว หมู่บ้าน 1 บ้านก้อด หมู่ 4 บ้านก้อดใหม่ หมู่ 7 ตำบลนาซาว 80 กว่าหลังคาและที่บ้านน้ำลัด บ้านสบแก่น ต.นาปรัง อ.ภูเพียง กว่า 30 หลังคาเรือน รวมกว่า 150 หลังคาเรือน
นอกจากนี้ยังมีเต็นท์ของวัดน้ำลัด หมู่ 1 ต.นาปัง อ.ภูเพียง ที่เตรียมจัดงานสืบชะตาของหมู่บ้านพังเสียหาย พร้อมของที่เตรียมไว้ หลังคาพระเจ้าทันใจภายในวัดปลิวหายไปทั้งหมด เหลือแต่องค์พระเท่านั้น ที่สำคัญพืชผลการเกษตรต้นลำไย มะม่วงที่กำลังออกช่อดอกและผลเสียหายกว่า 100 ต้น รวมทั้งต้นยางกว่า 100 ไร่ ของเกษตรกรใน ต.นาซาว ถั่วเหลืองที่เก็บเกี่ยวผึ่งแดดไว้ก็พลอยถูกน้ำฝนทำให้เสียหาย อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เช่นเดียวกับที่ จ.นครพนม ได้เกิดพายุฝนฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนชาวบ้านในพื้นที่ บ้านนาหัวบ่อ หมู่ 7 ต.อาจสามารถ อ.เมือง เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 30 หลังคา ซึ่งทางผู้เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสำรวจ เพื่อรายงานไปยังส่วนกลาง เพื่อพิจารณาช่วยเหลือต่อไป.




ชิคาโก 17 เม.ย. สื่อท้องถิ่นในสหรัฐรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน จากพายุทอร์นาโดกำลังแรงพัดกระหน่ำทั่วพื้นที่ภาคใต้ ตอนกลาง และตะวันออกของประเทศเป็นวันที่สามแล้ว
นอกจากนี้ พายุยังทำให้ต้นไม้หักโค่น ตัดระบบไฟฟ้า หลังคาบ้าน และรถบรรทุกพ่วงปลิวตามทางหลวง ศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติมีรายงานทอร์นาโดกระหน่ำในรัฐมิสซิสซิปปีและ แอละแบมา เมื่อวันศุกร์ รวมทั้งพายุรุนแรงที่รัฐโอคลาโฮมา แคนซัส และเทกซัส ขณะเดียวกันที่รัฐนอร์ทดาโคตากำลังเผชิญวิกฤติน้ำท่วมจากแม่น้ำแดงเกือบถึง ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์.
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/7qYfsPxfnfE?fs=1&hl=th_TH allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=480 src=http://www.youtube.com/v/VBbBUkJN0zE?fs=1&hl=th_TH allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">
สำนักข่าวไทย
ขอบคุณภาพจากทีวีไทย

 

ช่วงนี้ ต้องระวังพายุฤดูร้อน อาจเป็นอันตรายได้ การสังเกตดินฟ้าอากาศอย่างรอบคอบ จะช่วยลดความเสี่ยง





ลักษณะ อากาศก่อนเกิดพายุฤดูร้อน คือ มีอากาศร้อนมาแล้วหลายวัน โดยวันที่จะเกิดพายุ จะยิ่งอบอ้าวมากขึ้น ลมสงบ ท้องฟ้ามัว มีเมฆมาก

จาก นั้น ลมจะพัดแรงในทิศใดทิศหนึ่ง และกระโชกขึ้นเป็นครั้งคราว เมฆก่อตัวหนารวดเร็ว มีฟ้าแลบ ฟ้าคะนองระยะไกล

ขณะ เกิดพายุ ควรอยู่ในสถานที่แข็งแรง ห่างแหล่งน้ำ ในรถยนต์ เป็นอีกแห่ง ที่ปลอดภัย แต่ต้องจอดรถ ไกลจากบริเวณที่น้ำท่วมถึง และอย่าอยู่ใกล้ป้ายโฆษณา ซึ่งอาจพังลงมาได้

หากอยู่ในป่าหรือที่โล่ง ให้คุกเข่าโน้มตัวไปข้าง หน้า อย่านอนราบกับพื้นเปียก ซึ่งเป็นสื่อไฟฟ้า ไม่ควรอยู่จุดที่สูงกว่าสภาพแวดล้อมอื่น เพราะเสี่ยงต่อฟ้าผ่า

ข้อสำคัญ ออกห่างวัตถุสื่อไฟฟ้าทุกชนิด เช่น โลหะ ต้นไม้สูง งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า รวมถึงโทรศัพท์ด้วย

 

คิวบาแล้งสุดในรอบ 50 ปี รัสเซียหิมะตกหนัก​

​

คิวบาต้องเผชิญกับภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีขณะที่รัฐนอร์ธ ออสเซ็ตเทียของรัสเซียก็มีหิมะตกหนัก ตัดขาดกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา

ชาวคิวบากว่า 1 แสนในกรุงฮาวาน่าต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนทั้งน้ำดื่มและน้ำใช้ หลังจากที่คิวบาต้องเผชิญกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 50 ปี โดยภัยแล้งครั้งนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังจากที่ฝนไม่ตกมานาน ส่งผลกระทบต่อชาวคิวบากว่า 1 ล้านคนในกรุงฮาวาน่าจากทั้งสิ้น 2.2 ล้านคน ทางการต้องเร่งส่งรถบรรทุกน้ำขนจากพื้นที่อื่นเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องชาวบ้านไม่มีแม้แต่น้ำจะหุงต้มอาหาร พร้อมเรียกร้องให้ชาวบ้านประหยัดการใช้น้ำให้มากที่สุด โดยกล่าวว่าน้ำที่จะได้จากฤดูฝนที่จะถึงนี้ก็ไม่เพียงพอและไม่สามารถชดเชยภัยแล้งที่รุนแรงได้

ขณะที่รัสเซียก็เผชิญกันพายุหิมะครั้งเลวร้ายที่รัฐนอร์ธ ออสเซ็ทเทียซึ่งอยู่ในพื้นที่คอเคซัส โดยเกิดหิมะตกหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากที่ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมากลับไม่มีหิมะ หิมะที่ตกหนักได้ตัดขาดกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา รวมทั้งสร้างความเสียหายให้กับเสาอากาศของสถานีโทรทัศน์อแลนเนียซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ทำให้ต้องสั่งอพยพพนักงานออกจากอาคารเนื่องจากเกรงว่าเสาจะพังถล่มลงมาทับ และต้องทำให้หยุดออกอากาศเป็นเวลาหลายวัน

ข่าวทีวีช่อง 3 พฤหัสบดี ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

โคลนถล่มทับรถบัสที่โคลอมเบีย​

​

เกิดเหตุโคลนภูเขาถล่มลงมาทับรถลบัสโดยสารในโคลอมเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน

หลังจากที่เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยว่า โคลนได้ถล่มใส่รถบัสที่ออกมาจากเมืองมานิซาเลส ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในการปลูกกาแฟ จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถกู้ศพออกมาได้แล้ว 12 ศพ ขณะที่อีก 8 ศพติดอยู่ใช้โคลนและก้อนหิน

อุทกภัยที่เกิดขึ้นในโคลอมเบียตั้งแต่กลางปี 2010 อันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ลานิญญ่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจหลายพันล้านดอลล่าร์ คร่าชีวิตประชาชนไปหลายร้อยคน และไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 2 ล้านคน นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโคลอมเบีย ขณะที่พยากรณ์อากาศระบุว่า ลานิญญ่าจะมีต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายนนี้

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ทอร์นาโดถล่มสหรัฐฯตาย 26 คน​

​

พายุทอร์นาโดที่พัดถล่มพื้นที่ทางใต้ของสหรัฐฯได้เคลื่อนตัวขึ้นเหนือมายังพื้นที่ตะวันออกแล้ว เมื่อวานนี้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 26 คน

รายงานระบุว่า พายุในฤดูใบไม้ผลิครั้งรุนแรงนี้เคลื่อนตัวพัดถล่มรัฐนอร์ท แคโรไลนา เมื่อวานนี้ บ้านเรือนและย่านธุรกิจพังราบเป็นหน้ากลอง พยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯเผยว่า เมื่อวานนี้เกิดพายุหมุนกว่า 100 ลูก รายงานระบุว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ที่เกิดทอร์นาโดในพื้นที่ทางใต้ของสหรัฐฯตั้งแต่โอกลาโฮมา อาร์คันซอ มิสซิสซิปปี และจอร์เจีย และเคลื่อนตัวมาทางพื้นที่ภาคตะวันออกเมื่อวานนี้ ทำให้ผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 26 คนแล้ว ขณะที่รัฐเซาท์ แคโรไลนา มีผู้บาดเจ็บ 6 คน

พยากรณ์อากาศสหรัฐฯยังได้ประกาศเตือนหลายพื้นที่ในกรุงวอชิงตันดีซี. รวมทั้งที่รัฐเวอร์จิเนียและแมรี่แลนด์ให้เฝ้าระวังพายุทอร์นาโด เป็นพื้นที่ต่อไป

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่น- ระดับรังสีเพิ่มอย่างรวดเร็ว​

​

ระดับกัมมันตรังสีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในน้ำทะเล ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ โรงที่ 1 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เป็นสัญญาณว่าอาจจะเกิดการรั่วไหลใหม่ขึ้นที่โรงไฟฟ้า

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเรื่องนี้หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 5.9 ริกเตอร์ขึ้น เมื่อเช้าวานนี้ ไม่กี่ชั่วโมงหลังสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น สั่งให้บริษัทเทปโก้ ผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มระบบเตรียมพร้อมรับแผ่นดินไหวของตน เพื่อป้องกันการซ้ำรอยของวิกฤตนิวเคลียร์

ไม่มีรายงานความเสียหายจากอาฟเตอร์ช็อค และไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิตามมาเช่นเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริคเตอร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 เดือนนี้
หนังสือพิมพ์อะซาฮีชิมบูน ของญี่ปุ่น รายงานว่า ขณะนี้แผนลับที่จะรื้อทำลายบริษัทเทปโก้ถูกแจกจ่ายให้คนในรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว โดยแผนดังกล่าวเสนอให้นำเทปโก้ บริษัทไฟฟ้าเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาไว้ใต้การควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดของรัฐบาล ก่อนจะนำบริษัทเข้าสู่ภาวะล้มละลายและการปรับปรุงโครงสร้างทรัพย์สินของบริษัทโดยตลอด

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งเทปโก้จ่ายค่าชดเชย​

​

รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งเทปโก้จ่ายค่าชดเชย 12,000 ดอลล่าร์แก่ผู้ประสบภัยที่ต้องอพยพหนีสารกัมมันตรังสี ขณะที่พรรคฝ่ายค้านออกมาเรียกร้องนายกรัฐมนตรีให้ลาออกหลังล้มเหลวแก้ปัญหานิวเคลียร์

กระทรวงพาณิชย์ญี่ปุ่นได้สั่งให้การไฟฟ้าญี่ปุ่นหรือเทปโก้จ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ประสบภัยที่ต้องอพยพหนีการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี 12,000ดอลล่าร์ต่อครอบครัว และ 9,000 ดอลล่าร์ต่อคน โดยผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับเงินชดเชยมีประมาณ 48,000 ครอบครัวซึ่งมีบ้านอยู่ภายในรัศมี 30 กิโลเมตรโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะหมายเลข 1 และว่าเทปโก้จะต้องจ่ายเงินโดยเร็วที่สุด

ขณะที่สำนักงานความปลอดภัยด้านอุตสาหกรรมและนิวเคลียร์ญี่ปุ่นเผยผลการนำตัวอย่างน้ำจากบ่อบรรจุแกนนิวเคลียร์จากเตาปฎิกรณ์หมายเลข 4 ไปตรวจวัดสารกัมมันตรังสีก่อนหน้านี้ พบว่าระดับสารกัมมันตรังสีสูงกว่าปกติไม่มาก ทำให้เชื่อว่าแกนนิวเคลียร์ในเตาหมายเลข 4 ไม่ได้รับเสียหาย เพราะหากเสียหายระดับสารกัมมันตรังสีในน้ำจะต้องสูงกว่านี้มาก

ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่ารายงานสารกัมมันตรังสีที่ว่ามีระดับสูงใกล้เตาหมายเลข 4 ก่อนหน้านี้น่าจะมาจากซากอาคารคุมเครื่องปฎิกรณ์ที่พังเสียหายด้านนอกมากกว่า แต่ที่ยังน่าเป็นห่วงคือเตาปฎิกรณ์หมายเลข 2 ที่เชื่อว่าน่าจะมีรูรั่วจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ทำให้น้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีราว 2 หมื่นตัน รั่วไหลลงสู่ชั้นใต้ดินของอาคารคุมเครื่องรวมทั้งอุโมงค์ใต้อาคารหมายเลข 2 ซึ่งคนงานกำลังหาทางหล่อเย็นเตาหมายเลข 2 ด้วยวิธีการอื่นแทนการพ่นน้ำ เพราะไม่ต้องการให้มีปริมาณน้ำขังมากขึ้น

และจากการยืดเยื้อของวิกฤตนิวเคลียร์ที่ล่วงเลยนานกว่า 1 เดือนทำให้ล่าสุดพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัน ลาออกจากตำแหน่งแล้ว โดยยืนยันจะไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการอนุมัติร่างกฎหมายเพิ่มงบประมาณเพื่อให้เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจนกว่านายคันจะลาออก

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เชื่อว่านายคันจะไม่ยอมลาออกในเวลานี้และว่าพรรคฝ่ายค้านจะเสียคะแนนเองหากใช้ผู้ประสบภัยเป็นเครื่องมือในการกดดันนายคันให้ลาออก

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

เกิดอาฟเตอร์ช็อค 5.9 ริกเตอร์ที่ญี่ปุ่น​

​

เกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาดรุนแรงปานกลางขึ้นที่ชายฝั่งทางเหนือกรุงโตเกียวเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาแต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ขณะที่ญี่ปุ่นสั่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศซ่อมแซมอุปกรณ์พร้อมรับมือแผ่นดินไหวครั้งหน้า

โดยอาฟเตอร์ช็อคครั้งล่าสุด 5.9 ริกเตอร์เกิดขึ้นเมื่อรุ่งเช้าที่ผ่านมาที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นหรือทางเหนือกรุงโตเกียว แต่เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหายหรือการเตือนภัยสึนามิ อาฟเตอร์ช็อคเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่สำนักงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นได้มีคำสั่งให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศตรวจสอบระบบความปลอดภัยและความแน่นหนาของระบบไฟฟ้าที่เชื่อมต่อทั่วญี่ปุ่นเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในที่ทางที่ปลอดภัยรวมทั้งให้ซ่อมแซมจุดบกพร่อง เพื่อรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งต่อไปและป้องกันไม่ให้เกิดไฟดับโดยอุปกรณ์จะต้องถูกปิดหุ้มป้องกันน้ำอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันสึนามิเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะหมายเลข 1 โดยจะต้องแจ้งผลการตรวจสอบภายในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้

ขณะที่หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุนของญี่ปุ่นเผยว่าได้มีการหารือกันภายในคณะรัฐบาลญี่ปุ่นเกี่ยวกับอนาคตของเทปโก้ โดยกล่าวว่าอาจจะต้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลจัดการ ก่อนดำเนินการล้มละลายและแบ่งแยกทรัพย์สิน

และวันนี้เทปโก้ก็ได้เริ่มปฎิบัติการทิ้งถุงบรรจุแร่ซีโอไลท์ แร่ธาตุที่มีคุณสมบัติดูดซับสารกัมมันตรังสีซีเซี่ยมลงสู่ทะเล ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในปริมาณสูงหวังลดระดับกัมมันตรังสี และในวันเดียวกันนี้เทปโก้ก็ได้เผยภาพล่าสุดของด้านในเตาปฎิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะหมายเลข 1 เป็นภาพขณะคนงานส่งภาชนะหย่อนลงไปเก็บตัวอย่างน้ำจากบ่อบรรจุแท่งนิวเคลียร์จากเตาปฎิกรณ์หมายเลข 4 ขึ้นมาเพื่อตรวจวัด

ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มผู้ประท้วงชาวญี่ปุ่นกว่าร้อยคนออกมาเดินขบวนในกรุงโตเกียวเรียกร้องให้รัฐบาลของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัน แสดงความรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุทางนิวเคลียร์และการรั่วไหลของกัมมันตรังสีลงสู่ทะเล

วันเสาร์ ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

*** สัญญาใจตนเอง ซื่อสัตย์เด็ดขาด พูดจริงทำจริง ****

เมืองโลกีย์ ไปไม่รอด
ผู้มีสัจจะ คือ ผู้รอดพ้นภัย

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<iframe title="YouTube video player" width="640" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/fTPw-g8WkCM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe title="YouTube video player" width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/63aAzGgoHiw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

“โบ สุนิตา” เบรกมีลูกคนที่ 2 หวั่นภัยพิบัติธรรมชาติ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="middle"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 เมษายน 2554 20:28 น.</td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td>
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom"></td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="160"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="4" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="center" valign="baseline">
</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ลูกสาวน้อง "ฮานิ"</td> </tr> </tbody></table>
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" height="1" valign="middle" width="165"></td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td background="/images/linedot_vert3.gif" width="4"></td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> “โบ สุนิตา” อยากมีลูกคนที่สอง แต่หวั่นภัยบัติพิธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อย

เผยมีแพลนเตรียมมีทายาทคนที่สองภายในปีนี้แต่หวั่นภัยธรรมชาติคุกคาม จึงขอแตะเบรกไว้ก่อน
"จริงๆ แล้วมีแพลนที่จะมีนะ แต่ถ้ามีคนเดียวก็ไม่เป็นไร คือที่บ้านโบค่อนข้างจะกังวลเรื่องภัยธรรมชาติกันมันเริ่มน่ากลัวขึ้น เรื่อยๆ

ตอนนี้มันเริ่มมาโซนเอเชียเข้ามาเรื่อยๆ จีน พม่า แผ่นดินไหวสะเทือนมาถึงเมืองไทยกันน่ากลัวมากก็ขอดูไปก่อนสักพักดีกว่า

คือ เราก็มานั่งคิดๆ ถ้ามีอีกคนแล้วมันจะยังไงมันน่ากลัว ก็เลยดูสถานการณ์กันไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้เราคิดกันอยู่หลายเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันและเรื่องลูกเรื่องอะไรด้วยที่จะต้องคิดไปถึงวันข้างหน้า ถ้ามันไม่มีอะไรให้กังวลก็ตั้งใจว่า จะมีอีกคนภายในปีนี้ให้ได้ค่ะ”
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

เผื่อจะเป็นประโยชน์ครับ

Check Your UV

 

ใต้ดินกรุงเทพหรือภาคกลางของเราเป็นอะไร...น้ำ,ดิน,หิน ? ​

​

อยากทราบน่ะครับ เห็นตรงโน้นของโลกเดี๋ยวก็ยุบ,ถนนหาย เมืองหาย (มีป่าวหว่า?) ก็เลยนึกเล่นๆว่ามีโอกาสไหมน๊ะ ถ้ามีแผ่นดินไหวอยู่เส้นข้างๆบ้านเรา ( เส้นอินโด , พม่า, กาญจน์, ตาก...) แล้วถ้าใต้ดินของกรุงเทพเป็นน้ำ มันจะหล่นตุ๊บลงไป นี่คิดเล่นๆเน้อ ว่ามีโอกาสเป็นไปได้แค่ไหนครับ ว่าเกิดแผ่นดินไหวที่เส้นนี้แล้วทำให้แผ่นดินมันยุบ เอาแบบวิทยาศาสตร์ครับมาอธิบายความห่วงของคนแก่

โดยคุณ ริมน้ำ 21 มี.ค. 54 17:14:53

ใต้กรุงเทพฯ เป็นชั้นดินอ่อน จากนั้นค่อยเป็นหินแข็งอีกที ชั้นน้ำบาดาลก็ (เคย) มีเหมือนกัน แต่โดนสูบไปซะเยอะแล้ว ตอนยุคที่เมืองกำลังขยายจนการประปาให้บริการไม่ทัน บ้านจัดสรรแถวชานเมืองย่านหัวหมาก สูบน้ำบาดาลมาใช้กัน ทำให้แผ่นดินแถวนั้นทรุดไปเลย พอถึงฤดูน้ำหลากที น้ำท่วมประจำ

โดยคุณ เกียรตินำ 21 มี.ค. 54 17:14:53

บ้านเราค่อย ๆ ยุบครับ พื้นมันก็ทรุดลงตลอดเวลา อัตราทรุดหนัก ๆ ก็ตรงแถว ๆ บางกะปิ ถ้าเป็นบนพื้นหินปูน แล้วหินปูนโดนน้ำใต้ดินกัดกร่อน อันนั้นน่ากลัวกว่า เพราะโพรงมันจะใหญ่ขึ้น ๆ แล้วเมื่อหินมันบางลง ๆ รับน้ำหนักข้างบนไม่ไหว มันก็พังร่วงลงไปในโพลงครับ

โดยคุณ J 21 มี.ค. 54 18:21:45

เรื่องของรอยเลื่อนมีกำลัง แนวรอยต่อแผ่นเปลือกโลก ที่กรุงเทพ(ภาคกลางตอนล่างเลยละกัน)คงไม่มี แต่ถ้าจะต้องตระหนักคงเป็นเรื่องของชั้นดินเหนียวที่หนาครับ เพราะดินเหนียวจะเป็นตัวขยายคลื่น(แผ่นดินไหว)ให้แรงขึ้น และเนื่องจากเป็นชั้นดินอ่อน ทำให้ฐานรากของตึกบางตึกไม่แน่นครับ

โดยคุณ Ys_LiliaChan 21 มี.ค. 54 19:14:52

ที่มา http://www.pantip.com

เตือนภัยสึนามิที่ภาคใต้
จากพระสงฆ์ที่ชุมพร

ระลอกที่ ๑ ช่วงวันที่ ๔ - ๑๕ มิถุนายน ๕๔ โดยจะเกิดแผ่นดินไหวแถบทะเลอันดามันประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ ๕ ทุ่ม และเกิดคลื่นยักษ์ซึนามิที่มีความรุนแรงมากกว่าปี ๔๗ คลื่นเดินทางถึงชายฝั่งประเทศไทย เวลา ตี ๒:๕๐ นาที จังหวัดที่ได้รับการปะทะโดยตรงจากคลื่นซึนามิ ในระลอกแรก
๑.กระบี่ ๔.ภูเก็ต
๒.ตรัง ๕.พังงา
๓.สตูล ๖.ระนอง
จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวโดยเกิดแผ่นดินถล่ม,ยุบตัว และน้ำที่ดันขึ้นมาจากโพรงใต้ดิน (โพรงหรืออุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่เกิดจากแรงแผ่นดินไหว และการเคลื่อนของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งปัจจุบันแหล่งข่าวกล่าวว่าเกิดขึ้นแล้วเป็นแนวยาวผ่านตั้งแต่ภาคใต้จนถึงภาคกลางของประเทศไทย) โดยมีความเสียหายหลายจังหวัด คือ
๑. นครศรีธรรมราช
๒. สงขลา (หนักที่หาดใหญ่)
๓. พัทลุง
๔. ชุมพร
แผ่นดินไหวครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง สู่หลาย ๆ ประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย พม่า รวมถึงประเทศรอบ ๆ ทะเลอันดามัน ประเทศไทยจะเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินมาก เนื่องจากความประมาทของเจ้าหน้าที่และประชาชน แต่บางประเทศเช่นอินเดียสามารถอพยพได้ทันเพราะมีเวลาเตรียมตัวหลังจากทราบเหตุการแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์ซึนามิ

*** แหล่งข่าวบอกว่าระบบแจ้งเตือนภัยซึนามิที่ติดตั้งไว้ในทะเลอันดามัน ถึงเวลาจริง ๆ ไม่ได้แจ้งเตือนเพราะระบบขัดข้อง

คำทำนาย“หลวงปู่เณรคำ ปัญญาพโล”
วัดป่าสามัคคีธรรม บ้านคำไฮ ตำบลหาดแพง อำเภอศรีสงครามจังหวัดนครพนม​

คำทำนาย ปี 2554 – 2555 ที่หลวงปู่เณรคำ ปัญญาพโล ได้ทำนายให้ท่านทั้งหลายได้เตรียมตัวและรู้ก่อนจะเกิดมหันตภัยภัยพิบัติอย่างร้ายแรงในช่วงพุทธศักราช 2554 ถึง 2557(คริสต์ศักราช 2011 - 2014)

ในระหว่าง พุทธศักราช 2554 เดือน 1 ถึง เดือน 5 อันตรายร้ายแรงมากที่สุดในเอเชียและประเทศไทย ทุกประเทศจะเกิดภัยพิบัติที่มนุษย์โลกจะได้รู้ถึงชะตากรรมของโลก ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวจะสลายในระหว่างแกนกลางโลกขยับเปลือกโลกทรุดตัวลง ในระหว่างดินน้ำลมไฟเกิดปั่นป่วน ทำให้ดินน้ำลมไฟลงโทษชาวโลกทำให้เกิดแก่ความตาย เจ็บป่วย เกิดความร้อนอย่างร้ายแรงและเกิดความหนาวอย่างร้ายแรง ประเทศร้อนจะกลายเป็นหนาว ประเทศหนาวจะกลายเป็นร้อน ประเทศน้ำจะกลายเป็นแห้งแล้ง ประเทศแห้งแล้งจะกลายเป็นน้ำ น่าตกใจพะวงกลัว

ในระหว่างช่วงเดือน 1-7 ของ พ.ศ 2554 จะเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรงในเอเชียและประเทศต่าง ๆ ในโลกพร้อมทั้งประเทศไทย และหลายประเทศในโลก ช่วงเดือน 4-7 จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ตึกสูงทรุดตัว น้ำท่วมในระหว่างภาคกลาง และต่างจังหวัด เช่น ลพบุรี โคราช และภาคใต้ และในระหว่างภาคกลางต่าง ๆ

จะเกิดคลื่นยักษ์ใหญ่สึนามิในภาคใต้ และพายุจะพัดบ้านเรือนหายไป ภาคเหนือและภาคอีสานจะเกิดแผ่นดินทรุดตัว และพายุอย่างร้ายแรง ลูกเห็บตกเท่าลูกมะพร้าว ในระหว่างภาคอีสานให้ระวังลมใหญ่ฝนใหญ่น้ำท่วม ภาคเหนือน้ำท่วมแผ่นดินถล่ม แผ่นดินไหวอย่างร้ายแรง และเกิดวิกฤติมนุษย์และการบ้านการเมืองอย่างร้ายแรงอีกครั้ง ให้ท่านทั้งหลายพากันรักษาศีลห้าแล้วจะเป็นเครื่องป้องกันภัยได้อย่างดี<!-- google_ad_section_end -->

ข้อมูลจาก http://palungjit.org/threads/เตือนภัยซึนามิที่ภาคใต้-จากพระสงฆ์ที่ชุมพร-ครับ.287248/<!--MsgIP=2--><!--MsgFile=0-->

 

คำเตือนจากกลุ่มเขากะลา โดยคุณ nuckaraoke
<iframe title="YouTube video player" width="480" height="390" src="http://www.youtube.com/embed/UiMQxveKnpc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุมไทยทำให้ทุกภาคมีพายุฝนฟ้าคะนอง-ลูกเห็บตก </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 18 เมษายน 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ในเช้าวันนี้ (18 เม.ย.54)

ในขณะที่ประเทศไทย มีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 18-20 เมษายนนี้ไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาคมีอากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

​

แผ่นดินไหว 3.4 ริคเตอร์ ในพม่าแต่สะเทือนถึงไทย ชาวแม่สาย เชียงรายรู้สึกได้ ไร้เสียหาย
เมื่อเวลา 21.18 น. วันที่ 17 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนขนาด 3.4 ริกเตอร์ ที่ ละติจูด 20.45 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.02 องศาตะวันออก บริเวณชายแดนไทย-พม่า จุดศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ห่างจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปทางทิศเหนือประมาณ 15 กม.

ซึ่งทำให้ชาว อ.แม่สาย รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเล็กน้อย เนื่องจากความสะเทือนน้อยมากและลึกลงไปใต้ผิวดิน จึงไม่มีรายงานความความเสียหายเกิดขึ้นแต่อย่างไร.

 

=====================================



17 เม.ย. 54


เรียนหน่วยเหนือ

เมื่อคืนผมได้เรียนถามหน่วยเหนือเรื่อง คุณหมอจะขอแบ่งซื้อที่จากผมและจะ
จัดสร้างเรือนนอนยาวค่อมพื้นที่ทั้งสองให้ทันที ทางหน่วยเหนือจะอนุญาตหรือ
ไม่?หรือมีความเห็นอย่างไรขอให้แจ้งให้ผมทราบด้วย ผมพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
ทันที

ภาพในนิมิต ผมเหิรลอยลงไปที่หน้าธนาคารแห่งหนึ่ง ในธนาคารนั้นผมเห็นตัว
เองกำลังใช้ไขควงขันยึดขาเหล็กติดกับคานปูน ช่างอื่นก็ทำงานของตัวเอง
ช่างแอร์ก็ทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ผมเห็นนักเรียนหญิงหลายคนกำลังหิ้ว
กระถางต้นไม้เข้าไปประดับข้างในตัวตึกและยังเห็นผู้บริหารหญิงของธนาคาร
อยู่ในนั้นด้วย

ความหมายของภาพคือ ตัวอาคารธนาคารจะสื่อถึงฐานผาแบ่น ตัวผม ช่างอื่น
ที่ช่วยกันทำงานในนั้นรวมทั้งนักเรียนหญิงทั้งหมดจะสื่อถึงผู้ร่วมงานที่เป็นแนว
ร่วม ส่วนผู้บริหารหญิงจะสื่อถึงหน่วยเหนือที่จะคอยปกป้องเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น

สัญญาณโดยรวมคือให้ทุกท่านเข้ามาช่วยเหลือกันโดยมิให้แบ่งแยก ผู้ที่ตัดสิน
ใจว่าจะทำอะไร?คือหน่วยเหนือแม้แต่ตัวผมเองที่เป็นเจ้าของที่ก็ไม่มีสิทธิ์
ตัดสินใจเองได้




องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"