ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

======================================


7 ม.ค. 54


คนละเรื่องเดียวกัน

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านเปรียบเทียบดูว่าสัญญาณที่มาจากหลายๆแห่ง ทำไม
ได้กล่าวถึงการโจมตีของดาวดวงอื่นต่อโลก?

แหล่งที่มาเช่น
จากในเว็บนี้ของกลุ่มเขากะลา
จากคุณมุนินท์ที่ได้มาจากหลวงปู่โกศลพระทางใต้
และ 26 เมษายน 2547 จานบินประจัญบาน จากภาพที่ผมได้เห็น เป็นการ
ต่อสู้ของมนุษย์โลกกับยูเอฟโอ ในเวลาต่อมาก็ได้เห็นอีกมาเป็นกองทัพเลย
ไม่ทราบว่าจะมาช่วยเหลือหรือทำลายเพราะในภาพเป็นอากาศยานคล้ายที่พัก
ลอยเต็มท้องฟ้าไปหมด

แล้วท่านผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรว่าจะเป็นจริงหรือไม่?





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=477 height=287>
























<embedtype="application/x-shockwave-flash" width="477" height="287" src="http://www.youtube.com/v/aO_-gwiteFE?fs=1&hl=en_US" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></OBJECT></P>ประหลาด แม่น้ำในแคนาดา เปลี่ยนเป็นสีเขียว เรืองแสง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่อุทยานโกลด์สตรีม โพรวินเชียล เมืองวิคตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบียของประเทศแคนาดา เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อแม่น้ำโกลด์สตรีม จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ท่ามกลางความงงงวยของประชาชนที่พบเห็น
โดยแม่น้ำดังกล่าวกลายเป็นสีเขียวประมาณ 500 เมตรจากทางเข้าอุทยานฝั่งเมืองวิคตอเรีย และใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ก่อนที่มันจะค่อยๆไหลลงสู่บริเวณปากแม่น้ำ แล้วกลับคืนสู่ภาวะปกติ

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงเร่งตรวจสอบถึงสาเหตุทันที โดยมีการเก็บ ตัวอย่างน้ำนำมาวิเคราะห์ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีสิ่งมีชีวิตตายเนื่องจากปรากฏการณ์ดังกล่าว จึงเกิดสันข้อนิษฐานว่า อาจจะเป็นฝีมือมนุษย์
เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
<LI class=news_src_item>

ปทุมธานี 7 ม.ค. – พระลูกวัดตะวันเรืองถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตที่ริมถนนมอเตอร์เวย์ ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
เหตุเกิดขึ้นบริเวณริมถนนคู่ขนานทางด่วนสายมอเตอร์เวย์ ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบตะวันออก ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบศพพระมหามนัส แย้มมี พระลูกวัดตะวันเรือง ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ และตามลำตัวรวม 6 นัด
สอบพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถแท็กซี่สีชมพูเข้ามารับพระมหามนัสที่วัด โดยพระมหามนัสบอกว่าจะไปหาโยมพ่อ และห่างออกไปจากวัดประมาณ 1 กิโลเมตร พบแท็กซี่สีชมพูอีกคันจอดรถอยู่ พร้อมกับวัยรุ่นชายหลายคน โดยมีการลงไปพูดเจรจากับพระมหามนัส แต่ตกลงกันไม่ได้ กลุ่มวัยรุ่นจึงไล่ยิงพระมหามนัสจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน
<LI class=news_src_item>

MThai SMS News : ข่าวด่วนถึงมือคุณ ทันทุกเหตุการณ์ ไม่พลาดทุกข่าวร้อน
สนใจรับข่าวกด *48259080066 แล้วโทรออก ทดลองใช้ฟรี 15 วัน
สอบถามเพิ่มเติมโทร 02-1007000

 

"บ่อโข้ง"บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อำเภอสบปราบ​

​

บ่อโข้ง “โข้ง” มาจากคำว่า โข่ง ซึ่งเป็นชื่อหอยโข่ง เป็นหอยฝาเดียวและบ่อมีลักษณะเหมือนหอยโข่ง บางคนก็เรียกว่า บ่อค้ง มาจากคำว่า “บ่อคง” คือ คงทน ถาวร (ไม่แห้งจะมีน้ำอยู่ตลอดเวลา) บางคนก็สันนิษฐานว่า บ่อค้ง คือ มุ้ง เป็นภาษาเหนือซึ่งแปลว่า หลุม บ่อ

บ่อโข้ง อยู่ในท้องที่ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง อยู่ทางทิศตะวันออกของ ๓ หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ ๓ บ้านวังพร้าว หมู่ที่ ๖ บ้านวัฒนาและหมู่ที่ ๗ บ้านสบเรียง ถนนทางเข้าเข้าได้ ๓ ทาง คือ ตรงหน้าโรงเรียนบ้านวังพร้าว-สบเรียง หน้าวัดศรีบุญเรืองและทางบ้านวัฒนา

บ่อโข้งเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอสบปราบ ซึ่งคนสมัยก่อน ๆ เล่าให้ฟังว่า ในสมัยพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้เสด็จธุดงค์เพื่อโปรดสัตว์มาจากบ้านแม่ไทย อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง อยู่ทางทิศเหนือของตำบลสมัย อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง และได้มีสิงห์สาราสัตว์หลายชนิดได้ติดตามพระองค์มา เช่น เสือ ช้าง ม้า วัว ควาย สุนัข ไก่ ฯลฯ

พอเดินทางมาถึงสถานที่บ่อโข้งในปัจจุบัน บรรดาสัตว์ทั้งหลายหิวน้ำ เพราะบริเวณนั้นเป็นภูเขา สัตว์ทั้งหลายได้ทูลต่อพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ด้อยซึ่งความรู้และปัญญา ไม่สามารถจะเสาะแสวงหาแหล่งน้ำดื่ม เพื่อประทังชีวิตได้ จึงขอพึ่งพระบารมีของพระโพธิสมภาร พระพุทธเจ้าได้ทรงฟังแช่นนั้น จึงเกิดพระเมตตายิ่งนัก จึงทรงสำแดงปาฏิหาริย์มีพระวรกายสูงใหญ่ และทรงใช้พระอังคุฐ (หัวแม่มือ) กดลงบนแผ่นหินขนาดใหญ่

ปรากฏว่าแผ่นหินที่พระองค์ทรงกดลงนั้นขยายออกและเป็นบ่อ ทันใดนั้นตรงก้นบ่อก็มีน้ำทิพย์พุ่งออกมาจนเต็มบ่อ บรรดาสัตว์ทั้งหลายเห็นดังนั้นเกิดความปิติยินดีอย่างท่วมท้น จึงกล่าวคำว่า “สาธุ” พร้อมกันถ้วนหน้า และตรงรีเข้าไปแย่งกันดื่ม เพื่อบรรเทาความกระหายน้ำ สัตว์บางชนิดก็ไม่ค่อยสบายก็กลับมีสุขภาพแช็งแรง ในขณะที่พระองค์ทรงใช้พระอังคุฐกดลงบนแผ่นหินนั้น พระองค์ทรงท่าประทับคร่อมเพื่อใช้แรงกด พระองค์ใช้พระบาทยันกับหินอีกก้อนหนึ่ง จึงเกิดรอยพระบาทขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับบริเวณบ่อโข้ง มีปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนี้ บรรดาสัตว์ป่าและชาวบ้านที่ไปเลี้ยงวัว ควาย ไปทำไร่ ทำนา ก็ใช้น้ำนี้ดื่ม น้ำจะไม่แห้งจะเต็มบ่อตลอดไม่ว่าฤดูไหน ๆ ประชาชนที่เห็นก็เล่ากันต่อ ๆ มา มีชาวบ้านต่างตำบลก็พากันนมัสการ นำไปดื่ม-อาบเพื่อป้องกันโรคสืบกันมาจนถึงปัจจุบันนี้

ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ (เหนือ) จะมีประชาชนไปทำบุญกันบริเวณบ่อโข้งทุกปี ตอนเช้าพิธีทางศาสนา ตอนบ่ายจะมีการจุดบ้องไฟแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน ตอนจะกลับบ้าน ทุกคนจะนมัสการ และนำน้ำจากบ่อโข้งไปเผื่อแผ่ให้ครอบครัวและลูกหลานทางบ้าน เพื่อนำไปอาบ- ดื่ม เป็นสิริมงคลและป้องกันโรค-รักษาโรค ชาวอำเภอสบปราบจะมีความเชื่อว่า บ่อโข้ง เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอสบปราบ ดังคำขวัญอำเภอสบปราบ “อุทยานแห่งชาติดอยจง มั่นคงวัฒนธรรม งามล้ำน้ำตกแม่ไซงู เชิดชูบ่อน้ำทิพย์ อ่างนับสิบรอบเมือง”

โดย พรทิวา ขันธมาลา

ที่มา http://culturelampang-chit130512.blogspot.com/2010_10_01_archive.html

หมายเหตุ

สำหรับท่านที่มีอาการแพ้พลังงานแกนโลกใหม่จากตัวสฟิงซ์ จนเกิดอาการอาเจียร ปวดแก้วหู ท้องเสีย หรือมึนงงในศรีษะ ผมแนะนำให้ท่านกำหนดจิตแยกเอากายทิพย์ของท่าน ไปดื่มกินและอาบน้ำทิพย์จากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ บ่อโข้ง ที่ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง แห่งนี้ดูนะครับ ผมเชื่อว่าอำนาจแห่งน้ำทิพย์ที่เกิดจากบารมีของพระพุทธเจ้าแห่งนี้ จะช่วยปรับธาตุขันธ์ของท่านให้เป็นปรกติได้ในไม่ช้าครับ

 

<OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,40,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=480 height=385>
























<embedtype="application/x-shockwave-flash" width="480" height="385" src="http://www.youtube.com/v/3BzHjdIGqrA?fs=1&hl=en_US" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></OBJECT></P>คลิปวิดีโอเครื่องบินล่องหนต้นแบบ ถูกผยแพร่ผ่านเว็ปไซต์ยูทูบ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ของญี่ปุ่น รายงานอ้างแหล่งข่าวทางทหารของจีนระบุว่า ประเทศจีนอาจประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์เครื่องบินรบล่องหนลำแรกแล้ว
ทั้งนี้ ความสำเร็จครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความทันสมัยทางการทหารอีกขั้นของจีน

ขณัที่ หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า มีการนำคลิปวิดีโอปฏิบัติการทดสอบเครื่องบินขับไล่ต้นแบบรุ่น J20 บนลานบินของสนามบินทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ดี คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นแค่ขณะที่เครื่องบินวิ่งอยู่บนรันเวย์ ไม่ได้แสดงการล่องหนแต่อย่างใด

เรียบเรียงข่าวโดยMthainews
<LI class=news_src_item>

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนใต้ฝนตกชุก-หนักบางพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน กทม.เย็นลงอีก1-2องศา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 8 มกราคม 2554 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
ฉบับที่ 12 (12/2554) เรื่อง คลื่นลมแรงในทะเลจีนใต้และอ่าวไทยตอนล่าง
--------------------
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยตอนล่าง
มีกำลังแรงต่อเนื่อง ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้ สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก ที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีฝนเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา กับมีลมแรง
ทางตอนบน: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ทางตอนล่าง: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา กับมีลมแรง โดยมีฝนบางแห่ง
ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา กับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ
ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศากับมีลมแรง
อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

======================================


8 ม.ค. 54


การเปลี่ยนแปลงแกนโลกและผลกระทบต่อมนุษย์

นอกจากน้ำมนต์ผมอยากจะให้ลองอัญเชิญพระคาถา มงกุฏพระพุทธเจ้า นำมา
ครอบไว้บนศีรษะในยามออกจากบ้านเพื่อป้องกันภยันอันตรายต่างๆดู พระคาถา
บทนี้ผมเคยลองใช้ดูกับวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดที่ผมประสบมาในวัด
แห่งหนึ่งแถวนนทบุรีในช่วงที่ผมเข้าไปทำธุระ

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งผมต้องเข้าไปติดต่อธุระกับวัดแห่งนั้น เมื่อผมอยู่ในกุฏิชั้น
ล่างของเจ้าอาวาส ผมจะปวดหัวมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ต่อมาจึงรู้ว่าบนกุฏิ
เป็นที่เก็บอัฐิของคนตายอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาผมต้องเข้าไปที่วัดนี้อีก ผม
จึงท่องพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าที่ครูบาอาจารย์เคยบอกไว้ ผมกลั้นใจแล้ว
ท่องพระคาถาเก้าคาบแล้วพ่นลมขึ้นเหนือศีรษะ ในจิตจะวาดภาพมงกุฏแล้วยก
ขึ้นครอบศีรษะตัวเอง ให้พิสูจน์ด้วยจิตตัวเองว่ามีวงแหวนล้อมรอบศีรษะตัวเอง
หรือไม่ ถ้ามีก็แสดงว่าได้ผล เมื่อผมเข้าไปที่กุฏิอีกทีก็ไม่ปวดหัวเลย ที่ใดเป็นที่
อโคจร หัวผมจะปวดทุกครั้ง

พระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ

ลองดูนะครับ พุทธานุภาพของพระคาถาบทนี้มากมายเหลือเกิน




องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

"อิลูมินาติ"
คือมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์เกรย์​

​

​

เรื่องของมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์เกรย์
แปลโดย คุณ jesdath​

---การ ลักพาตัว จะเกิดมากที่สุดในอเมริกา เพราะการยินยอมจากรัฐบาล เหตุผล เพื่อการวิจัยยีนส์ และการผสมข้ามพันธุ์--ว่ากันว่า ชาวเกรย์ ให้ทุนสถาบันในอเมริกา 10 แห่ง เพื่อการวิจัยโคลนนิ่งอย่างเดียว--เพราะพวกเขาต้องพึ่งการสืบพันธุ์แบบนี้ --แต่มีข้อเสียคือรุ่นหลังจะอ่อนแอลง ชื่อของพวกเขา มาจากสีผิวที่เราจะเห็นเป็นสีเทา--แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ ​

1. มาจากกลุ่มดาว โอเรี่ยน เป็นโอเรียนเกรย์ชนิดที่ 1
2. โอเรียนเกรย์ชนิดที่ 2
3. เกรย์สปีชี่ย่อย​

นอกจากนี้จะมีพวก เกรย์สปีชี่ย่อยลงไปอีก 22 แบบ จากดาว ริเกล -Rigel,เออร์ซ่า เมเจอร์-Ursa Major ,ดราโคนิส- Draconis และ ซีต้า เร็ตติคิวลั่ม-Zeta Reticulum​

--เราต้องพยายามเข้าใจพวกเขา เพราะพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อเข้าครอบครองโลก โดยเหตุผลของความเห็นแก่ตัว-โลภ เกรย์จากโอเรี่ยน มี 2 แบบ แบบตัวใหญ่ และอีกแบบตัวเล็ก ตัวเล็กจะถูกโคลนนิ่งจากพวกตัวใหญ่ ซึ่งเรามองดูจะเหมือนกันราวกับตุ๊กตา-หรือปั๊มออกมาเป็นล็อตๆ ​

--เกรย์ จะมีจุดอ่อนในระบบทางเดินอาหาร และมีจิตสำนึกร่วมกัน ต่างกันกับพวกเราที่มีจิตสำนึกเดี่ยวเฉพาะบุคคล​

--ศาสนาของเกรย์ คือวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ทางจิตวิญญาณ​

--โครงสร้างทางสังคม คือการเคารพเชื่อฟัง และทำหน้าที่​

--การยึดครองโลก จะใช้การควบคุมจิตมนุษย์มากกว่าใช้กำลัง ตามความเห็นของผม ในอเมริกาน่าจะเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ที่เขาควบคุมได้ บางประเทศแถบฝรั่งเศส ถึง 100 เปอร์เซนต์-ที่มีอุปกรณ์ฝังอยู่ในตัวคน​

---ตาม ข้อมูลล่าสุด เค้าได้ขายประเทศให้กับเกรย์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในภาวะจำยอม เนื่องจากเทคโนโลยี่ทางอาวุธ ยังห่างชั้นจากเกรย์มากนัก ประมาณว่า ด๊อกเตอร์กับเด็กอนุบาล​

---ในโครงการ รัดจ์ ได้เกิดการวิวาทกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นพวกเกรย์เอาคนไปผ่าทำเป็น มนุษย์แมงมุมหกขา อะไรต่างๆ(จะมองมนุษย์เหมือนคนใจบาปมองดูเป็ดไก่ เตรียมชำแหละ) จนหน่วยเอ็มเจ-12 ได้เข้ามาเคลียร์ อาวุธทุกชนิดทำอันตรายพวกเขาไม่ได้ หน่วยเอ็มเจ 60 คน เสียชีวิตทั้งหมด--องค์การลับได้สั่งหยุดการทดลองร่วมทันที- -นักวิทยาศาสตร์ ได้กลับบ้าน และแอบเอาเอกสารลับออกมา บอกญาติว่าถ้าพวกเขาถูกฆ่าตาย-ให้แฉเอกสารทันที​

---นี่คือที่มาของการ รั่วไหลของข่าวจาก แอเรีย 51 และที่อื่นๆ​

--โดย ที่อเมริกามีกฏหมายใหม่ ให้คนทั่วไปสามารถขอดูเอกสารของทางการได้ แต่เอกสารเกี่ยวกับยูเอฟโอ จะถูกลบด้วยหมึกสีดำ ดูได้ที่เวป The black Vault แต่ก็พอมีเค้าเงื่อนให้ติดตามได้ ว่ามีจานบิน และเอเลี่ยนอยู่จริง​

---อำนาจ และเทคโนโลยี่เป็นสิ่งจำเป็น ในที่สุดองค์กรลับ ที่ชื่อเหมือนสีทาบ้าน ก็ยอมกลับไปทำงานกับพวกเกรย์อีก ทิ้งช่วงไป 2 ปี​

--ใต้ดินแถวแอเรีย 50 มีฐานใต้ดิน 7 ชั้น มีชาวต่างดาวกว่าหมื่นคน ทำงานวิจัยร่วมกับมนุษย์ เช่นการสร้างเครื่องบินเร็วกว่าเสียง 8 เท่า วิศวพันธุกรรมอะไรต่างๆ โดยมีงบลับ ที่ถ้ารู้ตัวเลขแล้วจะสลบ มะกันทุ่มสุดตัว--เพราะอยากเป็นเจ้าโลก-ทั้งงบที่มาจากกลุ่มเศรษฐียุโรป เงินที่ได้จากการขายยาเสพติด--ให้กับคนในชาติของตัวเอง​

--นักวิทยาศาสตร์ ที่เคยทำงานในนั้นถึงกับบอกว่า หมดหวังกับอนาคตของโลกแล้ว เพราะพวกนี้(อิลูมินาติ มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์เกรย์) เข้าคุมทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องเงินทอง-ไอเอ็มเอฟ แม้กระทั่งรายได้จากเว็ปโป๊-ที่มากมายมหาศาล​

--เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ออกมาโวยวายบอกว่า เพื่อนหล่อนทั้ง 7 คน น่าจะเป็นตัวโคลนนิ่งทั้งหมด--อีกคนเคยทำงานองค์กรลับ บอกว่าพ่อเค้าก็เป็นตัวโคลนนิ่งเหมือนกัน​

--จานบินตกที่รอสเวลล์ เป็นการจัดฉาก เพื่อจะอ่อยเหยื่อให้องค์การลับ เข้ามาดูแลเรื่องนี้ และก็สมใจ เกรย์สยายปีกไปทั่วโลกแล้ว​

--เกรย์ ได้ติดต่อลับๆกับรัฐบาล ของมหาอำนาจประมาณ 5 ชาติ เพื้อแลกเปลี่ยนในแบบเดียวกัน--- เทคโนโลยี่กับชีวิตมนุษย์ตาดำๆ ​

--การ กินอาหารของเกรย์ จะใช้เครื่องชูรส และต่อมต่างๆ ที่มีฮอร์โมน ได้จากการสกัดจากอวัยวะมนุษย์ และสัตว์ โดยจะอมไว้ใต้ลิ้น บางข่าวบอกว่าเกรย์จะลงอาบในสารละลายที่ว่านี้ เพื่อให้ซึมเข้าในตัว​

--เดิมที เกรย์ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ แต่เนื่องจากการรบกันเอง โดนรังสีโดยตรง และตกค้างหลายพันปี จนยีนส์เสื่อม--นอกจากนั้น อะตอมที่รับรังสีอย่างแรงนานๆ ทำให้เกิดการบิดเบี้ยวของเวลา-อวกาศ ทำให้ดวงดาวของพวกเขาเหมือนยานอวกาศ ที่สามรถวาร์ปผ่านรูหนอนเข้ามาใกล้โลก มากขึ้น--เนื่องจากการแบ่งแยกอัตตา ทำให้เกิดสงคราม พวกเขาจึงสร้างจิตสำนึกร่วมโดยใส่ไว้ในยีนส์--รวมทั้งเกรย์บางพวกก็ใส่ ยีนส์ของพืชเข้ามาด้วย--จึงกินอาหารน้อยมาก ใช้พลังงานน้อยแบบพืช--มีแร่ในหินแถบเนวาด้า ที่เป็นพวกเหล็ก ที่เขาต้องใช้เป็นอาหาร จึงนับว่าเหมาะสมที่อยู่แถบนั้น​

--เกรย์ คิดว่า รักร่วมเพศแบบโฮโมเซ็กชวล-ชายรักชาย ได้ประโยชน์ จึงร่วมกับองค์กร์ คิดเชื้อโรคเอดส์ขึ้นมาสำเร็จ และทดลองในเขตสงวนของอินเดียน 4 จุด นอกนั้นส่งให้เป็นวัคซีนของ องค์การอนามัยโลก จนแพร่มากในแถบอัฟริกา ซึ่งไม่ได้มีสังคมมั่วเพศ จนคนที่นั่นสังเกตว่า คนที่ไปหาหมอถูกฉีดยามา จะเป็นเอดส์ทุกคนและอเมริกาก็ขายยาต้านเอดส์แพงๆอีก จริงๆแล้วเอดส์หายได้โดยไม่ต้องใช้ยา--ใช้สนามไฟฟ้าแรงสูง ความถี่สูงหลายจิกะเฮิทซ์ วันละ 2 ชั่วโมง ประมาณ 10 ครั้ง เอดส์จะหายไปเอง ข้อมูลจากเว็ปอังกฤษเกี่ยวกับ เอเลี่ยนเบส บอกไว้ละเอียดว่า ไรส์ไทม์ ฟอลล์ไทม์เท่าไหร่ --ข้อมูลที่ผมหายไปแล้ว​

---แล้วไวรัส หวัดนก หวัดหมู ซาร์ โรคสมองฝ่อ ซึ่งมนุษย์เรายังไม่มีเทคโนโลยีดัดแปลงไว้รัสได้ จุดประสงค์คือทำลาย มนุษย์และแหล่งอาหาร คือ เนื้อวัว เนื้อไก่ ให้พวกเราอดตาย (เพื่อลดประชากรโลก-การจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order) ​

---มีเทคโนโลยีการถอดวิญญาณของมนุษย์ออกมาขังไว้ เก็บข้อมูลความทรงจำและดีเอ็นเอ ไว้ในเครื่องคล้ายๆคอมพิวเตอร์ -สร้างตัวโคลนนิ่งได้ใน 3 ชั่วโมง แล้วอัดความจำและวิญญาณกลับไป โดยจะฝังพวกชิป และฉีดยาบล็อคสมองไว้ (การฝังมี 2 แบบ ฝังเป็นวัตถุ และ ไม่มีวัตถุ เป็นก้อนพลังงาน)ร่างเดิมเอาไว้ทดลองต่อไปได้อีก- -รีไซเคิ่ล ​

เกรย์ ชั่วร้ายก็ร้ายจริงๆ แต่เป็นเพียง 5 เปอร์เซนต์ของชาวต่างดาวที่เราได้พบนะครับ บางพวกอยู่ในโลกมาเป็นแสนปี โดยอยู่ใต้ทะเล เป็นเมืองมีประชากรเป็นแสนๆ คนที่ได้พบมนุษย์ต่างดาว จะถูกข่มขู่โดยชายชุดดำ บางพวกก็มีนามบัตรของ ทางนาซ่า หรือเอ็นเอสเอ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่อยู่ใต้ทะเล พวกนี้จะโหดเหี้ยมมาก ​

พวกที่มาจากดาวพลีอิดเดี้ยนจะดี เป็นผู้หญิงก็จะสวยน่ารัก อายุยืนราว 400 กว่าปี​

--เดิมที ในสมัยของทรูแมน ได้พบยานบินตกที่เม็กซิโก แต่ทางการอเมริกาได้ขอเอาซากยานและศพมาดื้อๆ พบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายแมลง และพบว่าไม่มีความรู้พอที่จะวิเคราะห์ระบบขับเคลื่อนของยานได้​

--ต่อมา ได้พบยานตกอีก มีสิ่งมีชีวิตรอดตายมา 1 ตัวพบว่าไม่ค่อยกินอาหาร ใช้พลังงานน้อย ได้พา ดร.ด้านสัตว์ไปวิเคราะห์ ปรากฏว่า งง ครับ ดร.ว่า ระบบเหมือนพืช จึงให้ ดร.ทางพืชเข้าไปดู พบว่า โอเค เหมือนพืชมาก ปีแรกๆ พยายามสื่อสาร แต่เขาจะพูดไปอีกทาง หรือหลบเลี่ยง ปีที่ 2 พูดมากขึ้น ตั้งชื่อว่า EBE(extra-terrestrial biological entities)​

-- สิ่งมีชีวิตทางชีววีทยาจากต่างดาว ซึ่งก็คือ เกรย์ตัวแรกนั่นเอง ปีที่ 3 EBE ตายเรียบร้อย อาจจะ ทดลองกะเค้ามากมาก เฉามือตายเลย​

ข้อมูลของมนุษย์ต่างดาวยังมีอีกมากมาย อ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ​

ที่มา http://palungjit.org/threads/สายพันธุ์มนุษย์ต่างดาวต่างๆ~-reptilian-คือ-ซาตาน-ส่วน-greys-คือ-เทพ.226774/
<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3><TBODY><TR><TD style="FONT-WEIGHT: normal" class=vbmenu_control>หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 5 หน้า</TD><TD class=alt2>1</TD><TD class=alt1>2</TD><TD class=alt1>3</TD><TD class=alt1>4</TD><TD class=alt1>5</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

เกิดแผ่นดินไหวสองระลอกตอนใต้อิหร่าน มีผู้บาดเจ็บ​

​

เตหะราน 8 ม.ค.- สถานีโทรทัศน์ไออาร์ไอบีของอิหร่านรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวสองระลอกทางตอนใต้ของอิหร่านเมื่อเช้าตรู่วันนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน และอาคารหลายหลังเสียหาย

แผ่นดินไหวทั้งสองครั้ง มีขนาด 5.0 และ 5.1 ริกเตอร์ เกิดขึ้นในเมืองนูราบัด ซึ่งเป็นเมืองขนาดเล็กในจังหวัดฟาร์ส พื้นที่เดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 5.3 ริกเตอร์ในหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 16 คนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

อิหร่านเผชิญแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง โดยล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน และเมื่อปี 2546 มีผู้เสียชีวิตถึง 30,000 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในเมืองบาม ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ.- สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 8 ม.ค. 2554

เกาหลีใต้-สโลวะเกีย สั่งระงับการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ที่มาจากเยอรมนี​

​

8 ม.ค. - เกาหลีใต้และสโลวะเกีย สั่งระงับการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ทุกชนิดที่ส่งมาจากเยอรมนี หลังเกิดเหตุไข่ปนเปื้อนสารพิษไดออกซินด์ในเยอรมนี และแพร่กระจายไปในหลายประเทศในยุโรป

ส่วนที่ประเทศเยอรมันเองได้มีการปิดฟาร์มเลี้ยงสัตว์ 4,700 แห่ง เพื่อตรวจสอบสารไดออกซินด์ หลังพบสารพิษดังกล่าว ปนเปื้อนในอาหารสัตว์หลายชนิด เช่นเดียวกับอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ที่สั่งสอบสวนการปนเปื้อนของสารไดออกซินด์ ในไข่ที่นำเข้ามาจากเยอรมนี กระทรวงเกษตรของเยอรมันรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานปัญหาด้านสุขภาพเกิดขึ้น กับไข่ปนเปื้อนไดออกซินด์ดังกล่าว แต่ต้องระงับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในฟาร์มเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน

โดยจะมีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เนื้อและนมในฟาร์มว่า มีสารพิษไดออกซินด์ปนเปื้อนหรือไม่ หลังเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาหารเลี้ยงสัตว์ปีกและหมู ถึง 1 แสน 5 หมื่นตัน ปนเปื้อนกรดไขมันที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ถูกส่งไปยังฟาร์มปศุสัตว์ทั่วประเทศเยอรมัน ทั้งนี้กรดไขมันดังกล่าวมีสารไดออกซินด์ปนเปื้อนซึ่งอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้. -สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 8 ม.ค. 2554

เกาหลีใต้ระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากเยอรมนี​

​

บรัสเซลส์ 8 ม.ค.- โฆษกสหภาพยุโรป หรืออียู กล่าววันนี้ว่า เกาหลีใต้ระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากเยอรมนี นับเป็นประเทศแรกที่ดำเนินมาตรการดังกล่าวหลังพบการปนเปื้อนสารไดออกซิน แต่คณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม

เจ้าหน้าที่ของทางการเยอรมนีแถลงเมื่อวานนี้ว่า ทางการได้สั่งปิดฟาร์ม 4,700 แห่ง และทำลายไข่กว่า 100,000 ฟอง ขณะที่วิกฤตอาหารสัตว์ปนเปื้อนสร้างความหวั่นวิตกไปทั่วประเทศ

โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปด้านสาธารณสุขกล่าวว่า เกาหลีใต้ได้แจ้งว่าได้ระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากเยอรมนีแล้ว นับเป็นประเทศแรก และว่า ทางอียูยังไม่เห็นว่ามีเหตุผลใดที่จะประกาศห้ามการส่งออกเนื้อและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากเยอรมนี เนื่องจากได้มีการสั่งปิดฟาร์มและระงับการจัดส่งผลิตภัณฑ์จากฟาร์มแล้วขณะรอการตรวจสอบ โฆษกรัฐมนตรีเกษตรเยอรมนีกล่าวว่า การปิดฟาร์มจะดำเนินไปจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าปลอดจากการปนเปื้อนสารไดออกซิน ซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมีมีพิษ สามารถก่อให้เกิดมะเร็งหากได้รับในปริมาณมาก.- สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 8 ม.ค. 2554

อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 28 ปี ของบราซิล ยังดำเนินต่อไป​

​

บราซิล 8 ม.ค. - อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 28 ปีของบราซิลยังดำเนินต่อไปขณะที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 35 คน และต้องอพยพหนีภัยน้ำท่วมถึงกว่า 3 หมื่นคน

ที่เมือง ปีราซีซาบา ในรัฐเซาเปาโล เป็นจุดที่เกิดอุทกภัยรุนแรงที่สุด ในรอบ 28 ปี ระดับน้ำเพิ่มสูงว่าปกติถึง 6.5 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพหนีภัยไปพักพิงยังศูนย์บรรเทาทุกข์ สามีภรรยาคู่หนึ่งเผยว่า บ้านที่พักอาศัยถูกโคลนถล่มทับพังทั้งหลัง บุตรสาว 2 คน เสียชีวิตคาที่ ส่วนที่เมืองซูแมร์ ชาวบ้านกว่า 4 พันคนต้องอพยพหนีอุทกภัย และที่เมืองมีนาส เกราอิส มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำและโคลนถล่ม 16 คน ต้องอพยพประชาชนกว่า 13,000 คน ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่องในรัฐเซาเปาโล ริโอ เดอจาเนโร และรัฐเอสปิริโต ซานโตมาตั้งแต่วันคริสต์มาสจนกระทั่งขณะนี้ ทำให้หวั่นกันว่าจะทำให้อุทกภัยรุนแรงขึ้นอีก. -สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 8 ม.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

ราคาอาหารเริ่มแพงชาติลาติน หวั่นภาวะเงินเฟ้อ​

​

ราคาอาหารโลกที่แพงขึ้น ทำให้ประเทศในแถบลาตินอเมริกาเกือบทุกประเทศต่างก็เดือดร้อนไปตามๆกัน เพราะทำให้เงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้ว ยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก

องค์การอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ รายงานว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ราคาอาหารโลกแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ กล่าวคือ แพงกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ซึ่งนำไปสู่การเกิดจลาจลขึ้นในหลายประเทศ

การที่ราคาอาหารแพงขึ้นนี้ ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือประเทศในแถบลาตินอเมริกา เนื่องจากราคาอาหารมีสัดส่วนอยู่ในดัชนีเงินเฟ้อของประเทศเหล่านี้ประมาณ 1 ใน 5 นั่นหมายถึงว่า ทุกครั้งที่ราคาอาหารโลกสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อในประเทศลาตินอเมริกา ซึ่งปกติค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก และส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนในลาตินอเมริกาอย่างไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้

อย่างกรณีที่เม็กซิโก ราคาข้าวโพดแค่ครึ่งเดือนแรกของเดือธันวาคม สูงขึ้นถึง 1 เปอร์เซ็นต์เต็ม ทำให้ราคาทอทิลลาซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวเม็กซิโก เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ราคาอาหารโดยทั่วไปในเม็กซิโกเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า จากช่วง 2 เดือนก่อนหน้า

ส่วนประเทศลาตินอื่นๆ ต่างก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะที่โบลิเวียตอนนี้ราคาน้ำมันทุกชนิดเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาอาหารโดยทั่วไป เนื่องจากค่าขนส่งเพิ่มขึ้น

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 9 มกราคม พ.ศ.2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไทยตอนบนอากาศหนาว อ่าวไทยมีคลื่นสูง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 9 มกราคม 2554 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแ ผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็น ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 9-10 ม.ค. นี้

อนึ่ง ในระยะ 1-2 วันนี้ คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือมีฝนเกิดขึ้นได้

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา
โดยมีฝนเล็กน้อยเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ บริเวณตอนบนและด้านตะวันตกของภาค
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา
ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า
ทางตอนบน: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ทางตอนล่าง: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา
อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>โคลอมเบียเตรียมส่ง "ราชินีแห่งยาบ้า" ไปสหรัฐ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ทางการโคลอมเบียเตรียมทำการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อผู้ร้ายที่ได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งยาบ้า" ไปยังสหรัฐฯ เพื่อรับโทษในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด

โดยนางบีทริซ เอเลน่า เฮเนา ถือเป็น 1 ใน 10 สตรีที่เป็นที่ต้องการตัวจากตำรวจสากล (Interpol) มากที่สุด เธอถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดข้ามชาติจำนวนมหาศาลไปยังสหรัฐฯ สเปน และเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากเธอสามารถพูดได้หลายภาษา อาทิ อังกฤษ เยอรมัน ดัช และสเปน ทำให้ง่ายต่อการเจรจาซื้อขายยาเสพติด

นางเอเลน่า เฮเนา วัย 45 ปี ซึ่งจบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์ ซึ่งทำการจำหน่ายยาบ้าแล้วกว่า 300,000 หน่วย ถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งนำโดยนายฮาเวียร์ แอนโตนิโอ และนายหลุยส์ เอ็นริค กัลล์ หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "คอมบ้า บราเธอร์ส"

ตำรวจเปิดเผยว่าเธอและสมาชิกในครอบครัวของเธออีกอย่างน้อย 1 คนถือเป็นผู้ค้าที่สำคัญมากที่สุดรายหนึ่งในตลาดค้ายาเสพติดข้ามชาติ ขณะที่บุตรชายของเธอทั้ง 2 คนกำลังรับโทษจำคุก คนแรกอยู่ในประเทศสเปนในข้อหาฆาตกรรม และคนที่สองอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ในข้อหาค้ายาเสพติด

นางเอเลน่า เฮเนา จะขึ้นให้การต่อศาลในนครนิวยอร์ค พร้อมกับสมาชิกแก๊งคอมบ้าอีก 2 ราย ในข้อหาค้ายาเสพติดและฟอกเงิน



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>'แม่บ้าน'ร้องจ๊าก!น้ำมันปาล์มขขึ้นอีกขวดละ9บาท</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>พาณิชย์ไฟเขียว ขึ้นราคาน้ำมันปาล์มพรวดเดียวขวดละ9บาท เป็น 47 แม่บ้านกระอัก มีผล 8 ม.ค.นี้ ยันไม่กระทบน้ำตาลทราย-สินค้าอื่นเผยสั่งตั้ง ฉก.สุ่มตรวจสต๊อกคุมพ่อค้ากักตุนของเก่าเก็งกำไร ลุ้นทบทวนปรับราคาลงมี.ค. หลังปาล์มฤดูใหม่ออกสู่ตลาด

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 ม.ค. นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชบริโภคอนุมัติให้ปรับขึ้น ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลิตรอีก 9 บาทต่อขวด ส่งผลให้ราคาจำหน่ายขยับเพิ่มขึ้นเป็นขวดละ 47 บาท จากเดิมกำหนดราคาเพดานไว้ 38 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยการปรับราคาเป็นไปตามต้นทุนผลปาล์มดิบและน้ำมันปาล์ม และมีความเป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภค และผู้ผลิต เพราะได้คำนวณจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากมาเลเซียที่ กก.ละ 36.50 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาน้ำมันปาล์มในไทยที่ตก กก.ละ 48 บาท

นอกจากนี้กรมฯ จะเป็นตัวกลางเจรจาให้ห้างค้าปลีกรายใหญ่ ลดค่าใช้จ่ายบริหารจัดการจำหน่ายน้ำมันปาล์มลง เพื่อไม่ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้ พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจตามห้างร้านต่าง ๆ เพื่อติดตามไม่ให้มีการจำหน่ายเกินกว่าราคาที่กำหนด และไม่ให้มีการกักตุนสินค้า ขณะเดียวกันคณะอนุกรรมการมีแนวคิดผลักดันการจัดตั้งกองทุนดูแลรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเพื่อบริโภคเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาอาหาร และค่าครองชีพของประชาชน สำหรับแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์มในระยะยาว ซึ่งจะมีการศึกษารูปแบบกองทุน และหน้าที่ในการดำเนินการ ก่อนเสนอให้ ครม. พิจารณาต่อไป

นางวัชรีกล่าวต่อว่า ในเดือน มี.ค. นี้ กรมการค้าภายในจะพิจารณาทบทวนปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอีกครั้งว่า จะมีการปรับลดราคาได้หรือไม่ เนื่องจากผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากขึ้น และเชื่อว่าในการปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน เนื่องจากกรมการค้าภายในได้มีมาตรการในการควบคุมราคาสินค้า และก่อนหน้านี้ในปี 51 น้ำมันปาล์มก็เคยขึ้นไปถึงขวดละ 47.50 บาท

ส่วนการปรับขึ้นราคาสินค้าประเภทอื่น โดยเฉพาะน้ำตาลทรายตามที่ทางสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) จะพิจารณาให้ราคาน้ำตาลทรายเป็นแบบกึ่งลอยตัว โดยหลักการกรมการค้าภายในไม่ขัดข้อง แต่การปรับราคาน้ำตาลทรายขึ้นหรือลง ต้องยึดหลักสถานการณ์ตลาดโลก และบริหารจัดการให้มีน้ำตาลทรายมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานสาเหตุของการประกาศขึ้นราคาน้ำมันปาล์มครั้งนี้ว่า ปริมาณการบริโภคน้ำมันปาล์มในประเทศไทยมีจำนวน 6.5-7.5 หมื่นตันต่อเดือน ถือเป็นสัดส่วน 60-70 เปอร์เซ็นต์ของการบริโภคน้ำมันพืชทั่วประเทศ ซึ่งมีปริมาณลดลงเนื่องจากมีการนำน้ำมันปาล์มไปใช้ผลิตไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 3.5-3.7 หมื่นตันต่อเดือน เป็นผลให้ปาล์มดิบขาดตลาดและเป็นสาเหตุของการประกาศขึ้นราคาดังกล่าว

นางพัฒนา พันเดช อายุ 41 ปี แม่ค้าร้านหมูทอดราชวัตร กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันปาล์มส่งผลกระทบต่อต้นทุน เพราะ ทางร้านต้องเปลี่ยนน้ำมันใช้ทอดทุกวัน แต่คงจะยังไม่ขึ้นราคาหมูทอดในระยะนี้ กลัวลูกค้าจะหนีไปซื้อร้านอื่น อย่างไรก็ตามต้องรอดูภาพรวม เพราะไม่ใช่แค่ราคาน้ำมันปาล์มที่ขึ้นเท่านั้น สินค้าอื่น ๆ ก็อาจปรับราคาขึ้นตามไปด้วย

ด้านนายกวี หวังทอง อายุ 31 ปี พ่อค้าลูกชิ้นปลาทอดตลาดปฐวิกรณ์ กล่าวว่า ใช้น้ำมันประมาณ 100 ลิตรต่อวันปกติจะเปลี่ยนทุก ๆ สองวัน หลังน้ำมันขึ้นราคาคงจะต้องยืนราคาขายเดิมไปก่อน โดยยอมแบกต้นทุนเอาไว้เอง

ขณะที่เจ้าของร้านพี่เบิร์ดของทอดชื่อดังใน ซอยวิภาวดี 64 กล่าวว่า คงยังไม่ขยับขึ้นราคาเพราะลูกค้าส่วนมากเป็นผู้มีรายได้น้อย แต่ถ้าราคาน้ำมันยืนไปนาน ๆ ไม่ยอมลง อาจใช้วิธีปรับลดปริมาณลงบ้าง แต่คงคุณภาพไม่เปลี่ยน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตอบคำถามเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ
โดย อ.ปริญญา ตันสกุล​

​

อาจารย์ปริญญาคะ หนูมีข้อสงสัยค่ะ คือว่าในเวป ข่าวสารถึงสมาชิก ในแผนที่ประเทศไทยใหม่ อ่ะค่ะ พื้นที่สีแดง ครอบคลุม จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม แต่พื้นที่สีแดงไม่ครอบคลุมพื้น<WBR>ที่ของกรุงเทพมากนัก แสดงว่ากรุงเทพจะรอดจากภัยพิบัติหรือเปล่าค่ะ? ขอบพระคุณค่ะ

มอ แมว 19 ธันวาคม เวลา 8.09 น.

ถามว่า......ดูจากแผนที่ประเทศไทยยุคพลั<WBR>งงานใหม่ ของจิตจักรวาล จากเว็บไซท์ www.jitchakraval.com พบว่าพื้นที่สีแดงครอบคลุมจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่เขตภั<WBR>ยพิบัติ (จมหาย) แต่พื้นที่สีแดงกลับ...ครอบคลุมกรุงเทพมหานครไม่มา<WBR>กนัก แสดงว่ากรุงเทพฯจะรอดจากภัย<WBR>พิบัติหรือเปล่า?

ถ้าคุณใช้คำถามว่า "กรุงเทพฯจะรอดจากภัยพิบัติ<WBR>หรือเปล่า?" คำตอบเดียวสั้นๆและไม่ต้องค<WBR>ิดนานก็คือว่า"ไม่รอดพ้นไปได้หรอก...ไม่ร<WBR>อดแน่นอน" แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า "แผ่นดินกรุงเทพฯจะจมหายไปห<WBR>มดหรือเปล่า?" คำตอบเดียวสั้นๆและไม่ต้องค<WBR>ิดนานเหมือนกันก็คือว่า "จมหายไปแค่เพียงบางส่วนเท่<WBR>านั้น"

คุณต้องรู้ว่าถ้าดาวเคราะห์<WBR>โลกเสรีดวงนี้เปรียบเหมือนต<WBR>ะข้องใส่ปลา ตัวคุณและทุกสรรพสิ่งย่อมเส<WBR>มือนเป็นอะไรๆ ที่รวมกันอยู่<WBR>ในตะข้องใบนั้นนั่นเอง หากเกิดอะไรขึ้นภายในตะข้อง<WBR>ใบนั้น เช่นถ้าร้อนทุกสิ่งก็จะร้อนเหมื<WBR>อนกัน ถ้ามันเย็นทุกสิ่งในนั้นก็จ<WBR>ะเย็นเหมือนกัน ถ้าเทน้ำลงไปข้างในทุกอย่าง<WBR>ก็จะเปียกปอนไปด้วยกัน จะต่างก็ตรงเปียกมากเปียกน้<WBR>อยกว่ากัน และที่สำคัญสิ่งที่อยู่ด้าน<WBR>ล่างของตะข้องใบนั้น ก็มีโอก<WBR>าสจมอยู่ในน้ำมากกว่าสิ่งที<WBR>่อยู่ด้านบนๆขึ้นมา ใช่หรือไม่?

กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ใกล้ชิด<WBR>ติดกันกับบริเวณพื้นที่สีแด<WBR>งของจังหวัดใกล้เคียง และยังมีผู้คนที่ป่วยทางจิต<WBR>สำนึกกันอยู่มากมาย ที่วันๆเอาแต่ผลิตสร้างพลัง<WBR>งานด้านลบที่โลกไม่ต้องการอ<WBR>อกมาจากจิตป่วย ก็ยิ่งกระตุ้นให้โอกาสที่จะ<WBR>เกิดภัยพิบัติ...ไปกับเขาด้วยนั้นมีสูงขึ้นไ<WBR>ปอีก

จงจำไว้ว่าพื้นที่สีแดงในแผ<WBR>นที่ที่เราสร้างขึ้นไว้นั้น<WBR> หมายถึง บริเวณที่ประมาณว่าจะจมหายไ<WBR>ปชั่วนิรันดร์ หลังการชำระโล<WBR>กเสร็จสิ้นแล้วทั้งสิ้น

แต่จงอย่าเข้าใจผิดคิดว่า ที่ยังเห็นเป็นพื้นที่ปกติอ<WBR>ยู่เพราะไม่มีสีแดงทาทับนั้<WBR>นจะรอดปลอดภัยจากปฏิบัติการ<WBR>ชำระโลกไปได้ ทุกอณูพื้นที่ของโลกรวมทั้ง<WBR>กรุงเทพฯด้วย จะต้องเผชิญภัยกันอย่างพร้อ<WBR>มหน้าเลยทีเดียว ดีกว่าหน่อยก็ตรงที่ว่า เมื่อภัยร้ายผ่านพ้นไปแล้ว แผ่นดินย่านนั้นมันจะถูกเลื<WBR>อกไว้ให้ดำรงอยู่ต่อไปบนโลก<WBR>นี้ เพื่อจิตวิญญาณผู้มาใหม่จาก<WBR>ฟ้าสีคราม จะได้ใช้ดำรงอยู่สำหรับทำหน<WBR>้าที่ของมนุษย์ยุคพลังงานให<WBR>ม่ (New Age) ต่อไปได้

สิ่งที่กรุงเทพฯและคนกรุงเท<WBR>พฯจะต้องเผชิญและให้เตรียมต<WBR>ัวไว้ ในแผนปฏิบัติการชำระแค้นของ<WBR>บรรดาช่างเท็คนิค ผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของมน<WBR>ุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ที่เขาจ<WBR>ับมือกันจากทั่วโลกหล้า รวมทั้งภัยที่มีเหตุมาจากภา<WBR>วะโลกร้อนมีดังนี้

1.พายุหมุนจะพัดถล่ม ไม่น้อยกว่าสามลูก อาจวันเดียวกันเลยหรือทะยอย<WBR>ถล่มเพื่อให้คนดีๆ ได้มีโอกาสตั้<WBR>งตัวปรับสภาวะจิต และเปิดโอกาสให้บางคนได้มีจิ<WBR>ตสำนึกด้านบวกขึ้นมาได้บ้า<WBR>งจากภัยพิบัติที่เผชิญในครั้<WBR>งครานั้น หากไม่ดันสติแตกกันเสียก่อน<WBR>...ตึกสูงๆจะไม่ปลอดภัย ป่่าคอนกรีตที่เป็นป่าใหญ่ๆ <WBR>คือที่หมายของการชำระ หมู่บ้านย่านอาศัยของคนไม่ด<WBR>ี ไม่มีธรรมะ จะโดนพายุทำลาย จะจมอยู่ใต้ธารน้ำสีดำสกปรก<WBR>อยู่นานวัน สะพานแขวนสะพานสูงจะมีการขา<WBR>ดโค่นพังลงมาเช่นกัน

2.น้ำจะท่วมทั่วกรุงเทพฯ เพร<WBR>าะน้ำทะเลหนุนเนื่องจากอำนา<WBR>จดวงจันทร์และเมื่อวันที่แก<WBR>นโลกเอียงส่ายไปมามากกว่าวั<WBR>นนี้ และจะท่วมเพราะพายุฝนกระหน่ำ<WBR>กรุง น้ำเหนือไหลบ่าลงมา เจ้าพระยาป่วยหนัก...

3.อยากเจอไม่อยากเจอพายุลูก<WBR>เห็บ...ก็ต้องเจอ

4.ให้ระวังโรคระบาดที่อาจเข<WBR>้ามาอาละวาดกับคนกรุง เชื้อโรคเป็นสิ่งสกปรก คนที่มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ (สกปรกโสมมจมปลักในกิเลสตัณ<WBR>หา) จะมีโอกาสรองรับเชื้อโรคร้า<WBR>ยๆมากกว่าใครเพื่อน เพราะสิงสกปรกมันจะชอบอยู่ในที่ๆสกปรกจร<WBR>ิงมั้ย? ถ้าใครสกปรกมากสุดๆพอได้รับ<WBR>เชื้อเข้าไปอาจถึงตายใน 3 วัน 7 วัน คล้ายๆ กับคำที่คนไม่ดีชอบกล<WBR>่าวสาบานจนติดปากกันนั่นไงล<WBR>่ะ...

5.ในปี ค.ศ.2011 นี้ รัฐบาลและประชาชนควรร่วมมือ<WBR>กัน จัดให้การรับมือภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ เพราะทั้งประเทศจะเป็นปีแห่<WBR>งหายนะภัยน้อยใหญ่ ไม่ว่าจำนวนครั้งที่จะเกิดแ<WBR>ละความรุนแรงที่คนไทยต้องเผ<WBR>ชิญ มันจะหนักหนากว่าอดีตที่ผ่า<WBR>นมา ทั้งๆที่เป็นปีแห่งภัยพิบัต<WBR>ิของไทย ในระยะที่ 1 แค่ขั้นอนุบาลเท่านั้น สาเหตุเพราะพวกสมองวัวทั้งห<WBR>ลาย งมงายอยู่กับความเชื่อผิ<WBR>ดๆของตัวเองว่าอะไรที่มันยั<WBR>งไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยห<WBR>รือในกรุงเทพฯ

พวกนี้จะเชื่อว่าไม่มีทางเก<WBR>ิดขึ้นได้โดยจะใช้ประวัติศา<WBR>สตร์มาอ้างอิงเสมอ สัญชาติวัวนั้นมันจะคิดไกลไ<WBR>ม่เป็น เป็นแต่จดจำในสิ่งที่ตนเคยเ<WBR>ป็นเคยผ่านพบเจอมาจากอดีตยั<WBR>นปัจจุบันจนคุ้นเคยเท่านั้น<WBR> เพราะวัวไม่มีวิสัยทัศน์ คือ มองไกลไม่เป็นและมองไม่เห็น<WBR> มันจึงเป็นแต่มองปัจจุบันกั<WBR>บที่ผ่านๆมาในอดีต คงกลัวจะเสียฟอร์มหรือเปล่า<WBR>ก็ไม่รู้ เลยยึดมั่นยืนยันอย<WBR>ู่กับข้อมูลสถิติในอดีต เอะอะก็อ้างข้อมูลอดีต เพราะคาดคิดไปข้างหน้าไม่เป<WBR>็น-คิดไม่ได้ เพราะยังใช้ปัญญาวัวกันอยู่<WBR> นี่เราพูดจริงๆตามศาสตร์ด้า<WBR>นอภิปรัชญานะ...ไม่ได้ว่าใค<WBR>ร

6.อัคคีภัยใหญ่ๆ อุบัติเหตุใหญ่ๆ ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตามที่จ<WBR>ะเกิดขึ้นในปีนี้ไปนั้น ล้วนมีช่างเท็คนิคอยู่เบื้อ<WBR>งหลังทั้งสิ้น การตายหมู่จึงจะมีให้เห็นมา<WBR>กขึ้น การฆ่าตัวตายด้วยวิธีแปลกๆก<WBR>็จะเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น คนไทยจะแสดงความใจร้ายต่อกั<WBR>นชัดเจนมากขึ้น...

"มอ แมว": จงรับรู้ไว้ว่า 6 ข้อที่ว่ามาน่ะเป็นเรื่องที<WBR>่เกี่ยวกับภัยพิบัติของคนกรุ<WBR>งเทพฯ ทั้งนั้น ยังมีอีกหลายรูปแบบของภัย..<WBR>.แต่อย่าเพิ่งรู้ไปในวันนี้<WBR>เลยนะ

อ้อ...ฝากบอกคนเสื้อสีด้วยว<WBR>่า ให้ดูประเทศเกาหลีบนล่างไว้<WBR>เป็นเยี่ยงอย่างว่าตีกันตาย<WBR> ฆ่ากันตายเสียเองแล้วสุดท้า<WBR>ยทั้งตนเองประเทศชาติ และประชาชนได้อะไรขึ้นมามั่<WBR>ง สู้หันหน้าเข้าหากันเตรียมต<WBR>ัวตายร่วมกันด้วยความรักในว<WBR>ันที่ภัยมาเยือน จะดีกว่าฆ่าแกงกันเองให้วุ่<WBR>นวาย ภัยกำลังจะมาต้องเสี่ยงเสีย<WBR>ชีวิตกันมากมายรออยู่ในวันห<WBR>น้าแล้ว ยังคิดว่าจะว่างพอที่จะลุกม<WBR>าเข่นฆ่ากันเองอยู่อีกหรือ?

อ.ปริญญา ตันสกุล 20 ธันวาคม เวลา 23:35 น

ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์ปริญญา หนูติดตามอ่านหนังสืออาจารย<WBR>์และได้มีโอกาสไปเข้าร่วมฟั<WBR>งการบรรยายของอาจารย์ปริญญา<WBR>ด้วยค่ะ ได้ความรู้ส่งเสริมปัญญาดีค<WBR>่ะ โดยเฉพาะหนังสือจิตจักรวาลซ<WBR>ีรีย์ หนูคิดว่าอาจารย์เขียนละเอี<WBR>ยดและแยบยลมากเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าเป็นหนังสือที่อ่านยากมากๆ เพราะเขียนค่อนข้างใช้ภาษาท<WBR>ี่มีความโดดเด่นมากค่ะ เหมือนหนังสือปรัชญา ของนักปรัญชาหลายๆท่าน คือจะต้องมีสมาธิในการอ่านม<WBR>ากๆ ถึงจะสามารถติดตามเนื้อหาใน<WBR>หนังสือได้อย่างต่อเนื่อง ขอบพระคุณที่อาจารย์ปริญญาไ<WBR>ด้เผยแพร่ความรู้ดีดีให้เพื<WBR>่อนมนุษย์โลกนะคะ

มอ แมว 24 ธันวาคม เวลา 7:28 น

ที่มา http://webcache.googleusercontent.com

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ลือกระสือแปดริ้วอาละวาด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ลือหึ่ง! ‘กระสือ’ อาละวาด กัดคอดูดเลือดไก่ ชาวบ้านหนองปาตอง เมืองแปดริ้ว เห็นจะๆ นัดแห่ท้าพิสูจน์

วันนี้ ( 9 ม.ค.) ที่หมู่บ้านหนองปาตอง หมู่ 2 ต.หนองยาว อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีชาวบ้านล่ำลือกันว่า พบผีกระสือออกหากินตอนกลางคืน ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายณะเรศ สุดชื่น อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/2 และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองยาว เปิดเผยว่า ชาวบ้านสงสัยหญิงสูงอายุคนหนึ่งในพื้นที่ว่าจะเป็นผีกระสือ เนื่องจากลูกชายไปเรียนวิชาไสยศาสตร์มาจากอีสาน ก่อนมาเป็นร่างทรงเลี้ยงภูตผีเอาไว้ และมักจะเอาเลือดหมู เลือดไก่ มาเซ่นไหว้ประจำ

ต่อมาได้หายตัวออกจากบ้านไป แต่จู่ๆ ก็มีคนพบเห็นดวงไฟลอยออกมาจากบริเวณบ้านของชายคนดังกล่าวเป็นประจำ จึงลือกันว่าเป็นผีกระสือ ซึ่งสิงอยู่ในร่างของแม่คนเข้าทรง

โดยล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมากลุ่มชาวบ้านได้พากันไปดักซุ่มพิสูจน์ และเห็นดวงไฟสีแดงขนาดเท่าผลส้มลอยสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร จึงยิงปืนขู่ หลังจากนั้นดวงไฟดังกล่าวก็ลอยหายไป กระทั่งช่วงเช้าก็มาพบว่าไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ในเล้าล้มตายหลายตัว โดยที่ลำคอมีรูคล้ายรอยถูกกัดดูดเลือด ขณะที่บริเวณเล้าไม่มีขนไก่หลุดร่วงให้เห็นเหมือนถูกสุนัขหรือสัตว์อื่นเข้ามากัดกิน อย่างไรก็ตามในคืนนี้ชาวบ้านได้นัดร่วมตัวกันเดินทางไปพิสูจน์อีกครั้ง.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สังเวย6ศพ บุกยิงส.ส.หญิงสหรัฐ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้ (9 ม.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุการณ์อุกอาจ

คนร้ายมือปืนวัยรุ่นบุกยิง นางแกเบรียล กิฟฟอร์ด วัย 40 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สังกัดพรรคเดโมแครต จากเขต 8 รัฐแอริโซนา ขณะพบปะประชาชนในเขตเลือกตั้ง เมืองทูซอนเมื่อวันเสาร์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ รวมถึงผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง และเด็กหญิงวัย 9 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 12 ราย โดยนางกิฟฟอร์ดถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ กระสุนฝังในสมอง แพทย์ผ่าตัดช่วยชีวิต แต่อาการยังสาหัส

รายงานของสื่อสหรัฐระบุว่า เหตุเกิดขณะที่นางกิฟฟอร์ดจัดรายการ ส.ส. พบปะกับประชาชน “คองเกรส ออน ยัวร์ คอนเนอร์” ที่บริเวณลานจอดรถ

นอกห้างสรรพสินค้าเซฟเวย์ ในเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดยขณะที่กำลังมีการถกอภิปราย มือปืนชายวัยรุ่นผิวขาว อายุประมาณ 20 ปีต้นๆ บุกเข้าไปยิงนางกิฟฟอร์ดในระยะเผาขน ก่อนที่จะกราดยิงผู้คนรอบข้างแบบไม่เลือกหน้า ส่งผลให้วงเสวนายุติลงกะทันหัน ประชาชนแตกตื่นวิ่งหนีเอาตัวรอด หลังเกิดเหตุ นางกิฟฟอร์ดซึ่งถูกกระสุนที่ศีรษะ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยทูซอน ซึ่งแพทย์นำเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน กระสุนฝังในสมอง ล่าสุดอาการยังสาหัส แต่แพทย์บอกว่ามีโอกาสรอด

นายริค คาสติการ์ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองทูซอน เผยว่า พยานที่เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งกล่าวว่า ได้ยินเสียงปืนดังประมาณ 15 – 20 นัด มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์อย่างน้อย 6 ศพ ในจำนวนนี้รวมถึงนายจอห์น โรลล์ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลรัฐบาลกลาง และเด็กหญิงวัย 9 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงอีก 12 คน

สถานีวิทยุแห่งชาติสหรัฐ รายงานว่า หลังเกิดเหตุผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายพยายามหลบหนี แต่ถูกผู้ที่เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งปล้ำจับตัวไว้ได้

และส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ชื่อนายจาเรด ลี ลัฟเนอร์ วัย 22 ปี เบื้องต้นยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ ขณะที่นายแคลเรนซ์ ดุปนิค หัวหน้าสำนักงานปกครองท้องที่พิมา เคาน์ตี ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สอบสวนการโจมตีครั้งนี้ กล่าวว่า มีเหตุผลที่พอจะเชื่อได้ว่า มือปืนไม่ได้มาในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว แต่มีคนมาด้วยอีกอย่างน้อย 1 คน

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวภายหลังรับทราบรายงานว่า ถือเป็น “โศกนาฏกรรมสำหรับชาวอเมริกันทั้งประเทศ” ส่วนนายจอห์น แม็คเคน ส.ว.รัฐแอริโซนา กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ “น่าอับอายสำหรับแอริโซนา”

นางแกเบรียล กิฟฟอร์ด กลายเป็นสตรีอเมริกันเชื้อสายยิวคนแรก ที่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแอริโซนาในปี 2549

ชีวิตส่วนตัวสมรสกับนายมาร์ค เคลลี นักบินอวกาศขององค์การนาซ่า กิฟฟอร์ดเป็นนักการเมืองสายกลาง และสมาชิกของกลุ่มที่เรียกกันว่า “พันธมิตรบลู ด็อคแห่งเดโมแครต” ซึ่งสนับสนุนแนวนโยบายด้านธุรกิจแบบอนุรักษ์นิยม นอกจากนั้นยังเคยเป็นตัวตั้งตัวตี ผลักดันรัฐบาลสหรัฐส่งทหารเพิ่ม เพื่อลาดตระเวนแนวชายแดนร่วม สหรัฐ-เม็กซิโก และเข้มงวดการให้สัญชาติผู้อพยพเข้าสหรัฐโดยผิดกฎหมาย ด้วยการตรวจสอบปูมหลังทางคดีอาญา จ่ายภาษีย้อนหลัง และผ่านการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น้ำมันถั่วเหลืองซ้ำเติมแพงเช็ด'ปาล์ม'ไม่ลดขวด58บ. </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>น้ำมันถั่วเหลืองเริ่มขาดแคลนอีกประเภท หลังคนแห่ซื้อใช้แทนน้ำมันปาล์ม

ด้านชาวบ้านร้านตลาดสวดยับ วิกฤติ “ปาล์มขวด” ขายเกินราคาควบคุม ทะลุ 50-58 บาท แถมของยังขาดตลาด จำกัดโควตาซื้อ “พาณิชย์” จำยอมรับสถานการณ์ ตึงตัวอีก 1-2 สัปดาห์ เชื่อหลังนำเข้า 3 หมื่นตันสถานการณ์คลี่คลาย พร้อมตั้งชุด ฉก.ไล่บี้ตรวจกักตุน

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจการจำหน่ายราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หลังกระทรวงพาณิชย์ (พณ.)

ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกวันแรก 9 บาท จากขวดละ 38 บาท เป็น 47 บาท พบว่าตามตลาดสดในเขตกรุงเทพมหานคร ยังขายราคาสูงกว่าเพดานที่ พณ.กำหนด อยู่ที่ขวดละ 50-58 บาท และไม่พบผู้ค้ารายย่อยขายตามราคาที่คณะอนุกรรมการน้ำมันพืชบริโภคประกาศ ไว้ เมื่อสอบถามต่างระบุว่าจำเป็นต้องขายในราคาสูงมา 1-2 สัปดาห์แล้ว เพราะรับมาจากร้านส่งยี่ปั๊ว ซาปั๊วที่ขายส่งถึงขวดละ 48-50 บาท ได้กำไรเพียงเล็กน้อย ลิตร ละ 2-3 บาทเท่านั้น ขณะที่ผู้บริโภค และแม่ค้าขายอาหารที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นส่วนประกอบต่างบ่นว่าราคาน้ำมันปาล์มแพงขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ พณ.จะปรับขึ้นราคาเสียอีก บางส่วนพยายามซื้อเก็บไว้ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.แต่ร้านค้าไม่ขายให้อ้างว่าของหมด นอกจากนี้ยังพบว่าน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดเริ่มขาดแคลนในหลายพื้นที่เช่นกัน เพราะในช่วงน้ำมันปาล์มขวดขาดตลาด และราคาแพง ทำให้คนหันไปบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองแทน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ขณะนี้ ยังคงจำกัดปริมาณการจำหน่ายเช่นเดิม

เช่น ห้างคาร์ฟูร์ รัชดาภิเษก ลูกค้า 1 รายซื้อได้ไม่เกิน 2 ขวด แต่มีน้ำมันปาล์มบางยี่ห้อเขียนป้ายประชาสัมพันธ์ว่า จำหน่ายในราคาพิเศษ จากราคาปกติ 50 บาท ขาย 47 บาทต่อขวดลิตร ส่วนราคาน้ำมันถั่วเหลืองขนาดบรรจุ 1 ลิตรไม่มีสินค้าวางจำหน่าย มีเพียงป้ายราคาขายอยู่ที่ขวดละ 46-47 บาทเท่านั้น ด้าน ห้างท็อปส์ โรบินสัน รัชดาภิเษก พบว่าไม่มีการติดป้ายจำกัดปริมาณขาย แต่มีการวางขายเพียง 2 ยี่ห้อ ราคาอยู่ในเกณฑ์ประกาศของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ขนาด 750 ซีซี ขายในราคาขวดละ 35 บาท ขนาดขวดลิตรราคา 46 บาท ส่วนน้ำมันอื่น ๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองผสมปาล์มขายในราคา 89.25 บาทต่อขวดลิตร ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองบางยี่ห้อราคา 46 บาท

ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์จำหน่ายราคาน้ำมันปาล์มขวดทั่วประเทศ

ยอมรับว่ายัง มีปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด และตึงตัว ในหลายพื้นที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งจำกัดปริมาณซื้อ คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์ รอจนกว่าจะนำเข้าน้ำมันปาล์มต่างประเทศ 3 หมื่นตันเข้ามา สถานการณ์จึงจะคลี่คลาย ส่วนปัญหาการขายเกินราคาในร้านค้าปลีกร้านค้าย่อย เข้าใจว่ายังมีต้นทุนสต๊อกเก่าแพงเหลืออยู่ จึงต้องให้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง แต่กรมฯ ได้ประสานไปยังตลาดสด รวมถึงห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ให้ขายไม่เกินขวดละ 47 บาท เพื่อเป็นทางเลือกแก่ ผู้บริโภค

“ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังขายเกินราคาจะมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี ส่วน การควบคุมราคาปาล์มปี๊บ และปาล์มถุง ยังไม่คุมราคาตอนนี้เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ เป็นภาคอุตสาหกรรม และยังบริหารจัดการต้นทุนได้ ขณะที่ปัญหาน้ำมันถั่วเหลืองขาดแคลน เป็นเพราะปกติน้ำมันถั่วเหลืองมี ยอดผลิตน้อยอยู่แล้ว เมื่อคนหันไปบริโภคมากขึ้น จึงทำให้สินค้าขาดตลาด แต่กรมฯ จะไม่แทรกแซงและปล่อยให้เป็นตามกล ไกตลาด” อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวตอนท้าย

นายฉัตรชัย ชูแก้ว ที่ปรึกษา รมว. พาณิชย์ ในฐานะโฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า

ขณะนี้ นางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ ได้แต่งตั้ง พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.กองปราบปรามการ กระทำผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (บก. ปคบ.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบปริมาณ และสถานที่จัดเก็บน้ำมันปาล์ม โดยจะทำงานร่วมกับกรมการค้าภายใน ตรวจสอบโรงงานผลิต ร้านค้าปลีก สถานที่จัดเก็บ หากตรวจสอบพบสต๊อกเก่าที่มีการผลิตก่อนเดือนพ.ย. 2553 จะเข้าข่ายกักตุน และหากประชาชนพบเบาะแสในลักษณะดังกล่าว แจ้งเข้ามาได้ที่โทร.1569.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น้ำทะเลจะท่วมกรุงเทพฯ นาน 12 ปี !!!​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ลมหายใจสุดท้าย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4240433", true); </SCRIPT> สมาชิก

ขอเล่าเป็นนิทานนะครับ ครูบาฯ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ท่านพูดเป็นนัยๆว่า จะเกิดอีกไม่ช้านี้ แถวกรุงเทพฯ จะท่วม 12 ปี ในช่วงเวลานี้จะมีพญานาคมาปกปักษ์รักษาพระแก้วมรกตครับ ภัยพิบัติต่าง ๆ จะเกิดขึ้นมาก เริ่มจากภัยพิบัติจากตนเอง ครอบครัว ญาติ มิตรสหาย สังคม ประเทศชาติ และโลก แล้วจะสงบเมื่อปี พ.ศ.2560 และให้ดีจริงก็ปี พ.ศ.2563 จะเริ่มเข้าสู่เมืองศิวิไลซ์

ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นพ่อปู่ฤาษีแถวภาคอีสาน บอกว่า จะเกิดภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ สมเด็จพระเทพฯ จะได้ครองเมืองลาว (ประมาณว่าช่วงนั้นไทยกับลาวจะได้รวมกัน) พม่าได้รับประชาธิปไตย ส่วนตัวผมอาจจะอยู่ไม่ถึงเวลานั้นแล้วก็เป็นได้<!-- google_ad_section_end -->

09-01-2011,03:57 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ-ปี-2555-2560-โดยพระอริยะสงฆ์ของไทย.273906/page-2

 

======================================


9 ม.ค. 54


ชีวิตคน------------เหมือนเส้นด้าย-----ที่ขึงไว้
ท่ามกลางสาย------พายุฝน------------พัดกระหน่ำ
คงจะมี-------------เข้าสักวัน----------ร่วงขาดพลัน
ชีวิตนั้น------------เศร้าสลด-----------ยกครอบครัว

หน่วยเหนือโปรด------ผู้ช่วยเหลือ-------ลงทำงาน
ช่วยประสาน----------นำผู้คน----------ไปทั่วแดน
แบ่งหน้าที่------------การทำงาน-------ไปทั่วแคว้น
ช่วยทุ่นแรง-----------งานของกลุ่ม------มุ่งทำดี

ถ้าท่านใด----------สนใจ----------งานของกลุ่ม
ที่หมายมุ่ง---------นำคนดี---------หลีกหนีหาย
ให้รอดพ้น---------ภยัน------------อันตราย
ที่เลวร้าย----------ใกล้เข้ามา-------ทุกนาที

ถ้าสนใจ-----------ก็เข้ามา----------พูดคุยกัน
บุญสัมพันธ์--------ถ้ามี-------------ไม่หนีหาย
จะได้ร่วม----------ช่วยเหลือ--------เมื่อมีภัย
ป้องเหตุร้าย-------เพื่อครอบครัว-----และตัวเอง





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

กรุงเทพฯจะถูกน้ำท่วมราว 3-6 เมตร แต่จะได้คืนกลับมา อาจเพราะแผ่นดินถูกแรงผลักให้ยกตัวสูงขึ้น ​

​

คลิ๊กที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่​

รูปนี้เป็นแผนที่ประเทศไทยหลังการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่จะมาถึง อ้างอิงมาจากของ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ขออนุญาตอาจารย์ด้วยครับ เจตนาเพื่อบอกกล่าวข่าวสารให้เพื่อนๆ พี่น้องรับทราบไว้บ้างครับ อาจารย์ได้ให้ข้อมูลผู้จัดทำ ให้ทำรายละเอียดตามที่ได้รับสื่อจากองค์จิตจักรวาลไว้เมื่อหลายปีก่อนครับ ที่นำมาลงไว้เป็นการทำซ้อนขึ้นมาครับ จะเห็นบริเวญสีแดงๆ คือแผ่นดินและเกาะเล็กๆ น้อยๆ จะหายไปอย่างถาวร รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านเราบางส่วนครับ.. ​

ตามที่ทราบมาคือน้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกจำเป็นต้องลดลง 1 ใน 3 ส่วน ตามชายฝั่งทะเลได้รับผลกระทบมากที่สุด เกาะเล็กๆจะหายไปเกือบหมด สังเกตดูจะเห็นว่าทางใต้บ้านเราค่อนข้างหนักครับ เพราะพื้นใต้ดินจะเป็นหินปูนที่มีโพลงเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจะทำให้การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก รอยเลื่อนต่างๆ ขยับ ส่งผลให้แผ่นดินยุบตัวลง น้ำทะเลจะเข้าแทนที่ในบริเวณนั้น.. ​

อาจารย์บอกว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกมนุษย์ในพื้นที่นั้นๆ พื้นที่อาจหายมากกว่านี้หรือ มีอยู่มากกว่านี้ได้ครับ เปลี่ยนแปลงได้เสมออยู่ที่จิตสำนึกเป็นตัวตัดสินครับ ​

Mead 05-01-2007, 05:06 AM ​

อ.ปริญญา เคยบอกว่ากรุงเทพจะถูกน้ำท่วมราว 3-6 เมตร แต่จะได้คืนกลับมา อาจเพราะแผ่นดินถูกแรงผลักให้ยกตัวสูงขึ้น จะมีที่น่าห่วงก็คลื่นยักษ์ ที่พัดเข้าไปในแผ่นดินได้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม อย่างที่คุณคณานันท์กล่าวถึงภูเขาไฟใต้ทะเลเกิดระเบิดขึ้น ก็เป็นไปได้ครับ ที่จะทำความเสียหายได้ถึงภาคเหนือตอนล่าง กับภาคอีสานบางส่วนนะครับ ในส่วนของภาพนี้ก็เอาไว้เป็นแนวทางศึกษา เพื่อมองหาจุดที่ปลอดภัยกันได้ครับ

Mead 17-01-2007, 06:35 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-135

 

<CENTER>สาส์นจิตจักรวาล เตือนวันชำระโลก </CENTER>

​

​

​

อ.ปริญญา ตันสกุล นักวิชาการสัมผัสพิเศษ ที่อ้างว่าสามารถสื่อกับจิตจักรวาล เตือนอีกครั้งหลังเคยเตือนแม่นเรื่องสึนามิ ว่าอีกไม่เกิน 40 ปีจะมีการชำระโลกครั้งใหญ่

ทั่วโลกเกิดภัยพิบัติ น้ำทะเลท่วมแผ่นดิน เกิดไวรัสตัวใหม่ พร้อมโชว์แผนที่โลกที่ทำขึ้นใหม่แสดงประเทศที่เหลืออยู่และที่หายไป โดยประเทศไทยที่เด่นชัดคือบริเวณด้ามขวานจะขาดเป็น 3 ส่วน ย้ำภัยครั้งนี้ถูกกำหนดมาแล้วและแก้ไขไม่ได้

หลังจากที่ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล วิทยาการอำนวยการ สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพมนุษย์ ได้เขียนหนังสือ โดยในหนังสือได้เตือนถึงเรื่องการจะเกิดสึนามิขึ้นในประเทศไทย และเมื่อหนังสือเล่มนี้วางแผงได้เพียง 30 วัน ก็เกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้น ทำให้เป็นที่ฮือฮาและเป็นที่สนใจของบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมากว่า เหตุใดถึงสามารถรู้ล่วงหน้าได้ และต่อไปจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นอีก

เรื่องนี้ อ.ปริญญา ตันสกุล ได้เปิดเผยว่า สามารถสื่อสารกับจิตรจักรวาลได้ ซึ่งจิตรจักรวาลก็คือผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง ผู้กำหนดชะตาทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไป โดยค้นพบความสามารถตัวเองเมื่อปี 41 และยืนยันไม่ใช่เจ้าลัทธิ เป็นชาวพุทธ แต่ได้ถูกกำหนดให้เกิดมาเป็นผู้สื่อข่าวสารจากจิตรจักรวาล และที่ได้บอกหรือได้เขียนเป็นหนังสือนั้น ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่นำคำของจิตรจักรวาลมาถ่ายทอด ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจมองว่าตนเองบ้า เพ้อและเชื่อไปเองคนเดียว แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา สิ่งที่เคยเขียนหรือเคยพูดล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่เคยบังคับใครให้เชื่อ แต่จะเน้นสื่อสารเผยแพร่หลักธรรมให้คนทั่วไปเป็นหลัก โดยจะแทรกสิ่งที่เป็นคำเตือนหรือเหตุการณ์ในอนาคตจากคำบอกเล่าของจิตรจักรวาลลงไปด้วย ซึ่งเมื่อคนทั่วไปมีจิตสำนึกดีแล้ว โลกก็จะเกิดการชำระช้าลง

"ผมเคยพูดมานานแล้วเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งตรงนี้ย้ำอีกทีว่าเป็นสิ่งที่จิตรจักรวาลได้กำหนดไว้แล้ว เนื่องจากถึงเวลาชำระ บวกกับจิตใจคนปัจจุบันต่ำลงมาก จากที่ได้สื่อสารกับจิตรจักรวาล จิตใจดีของคนคือเครื่องหล่อเลี้ยงโลก แต่ทุกวันนี้คนคิดไม่ดีมีมาก จึงตรงกับเวลาแห่งการชำระ และอย่างล่าสุดที่ผมเคยบอกไปในหนังสือ ว่าประเทศไทยให้ระวังสึนามิ พอหนังสือวางได้ 30 วัน ก็เกิดสึนามิขึ้น ตรงนี้ผมก็รู้แล้ว แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่เตือนให้คนรู้ ผมอยากบอกว่ามันเป็นกำหนดอยู่แล้ว และถ้าผมบอกไปมันก็จะเลื่อนออกไปอีก ไม่ตรงตามที่บอก รวมทั้งผมไม่อยากให้ใครมามองว่าผมอุตริเป็นนักทำนายด้วย แต่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาลงได้ด้วยการทำดีต่อกันของคนในโลกมนุษย์ ก็จะผ่อนหนักเป็นเบา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเกิด การชำระจะต้องเกิด"

อ.ปริญญากล่าวต่อว่า ที่พูดถึงการชำระบ่อย เนื่องจากเห็นว่ามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เหตุการณ์ชำระล้างจริงๆ ควรจะเกิดเมื่อเดือนมกราคมปี 46 แต่เนื่องจากมีสาเหตุที่ผมไม่อยากเปิดเผย จึงทำให้เลื่อนออกมา แต่ไม่น่าจะเกิน 40 ปี การชำระโลกครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นแน่นอน จะเกิดภัยหลายๆ อย่างให้โลกเปลี่ยนไป จะเกิดภัยธรรมชาติทุกอย่าง และร้ายแรงกว่าเดิม ที่ที่เกิดแล้วก็จะเกิดซ้ำอีก จะเกิดภัยจากโรคร้าย โดยเฉพาะโรคใหม่คือ ไวรัสทีเรีย เป็นทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รักษาไม่ได้ จิตรจักรวาลกำหนดมาให้เป็นสิ่งชำระโลก นอกจากนี้คือภัยจากจิตสำนึกอันไม่สมดุลของผู้นำประเทศ จะเกิดสงครามภายในประเทศ และสุดท้ายภัยเศรษฐกิจ ตรงไหนเสียหายก็จะเสียหายซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกชำระหมด

"นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น้อยคนจะรู้คือ ผมเคยทำแผนที่ประเทศไทย และแผนที่โลกฉบับใหม่เอาไว้ ทำตั้งแต่ปี 46 ตอนนั้น เป็นแผนที่หลังเกิดการชำระโลก ซึ่งเชื่อว่าจะได้ใช้กันแน่ๆ พื้นที่โลกจะถูกน้ำท่วม ทั้งน้ำจืดและน้ำทะเล โดยเฉพาะทะเลจะทำให้หลายประเทศหายไป พื้นผิวโลกจะเปลี่ยน โดยบริเวณที่หายไปจะแสดงด้วยสีแดง โดยประเทศไทยที่ชัดๆ คือ ภาคใต้ตรงบริเวณด้ามขวาน จะเป็นพื้นดินยาวลงมาถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ คือส่วนที่ 1 ต่อมาส่วนที่ 2 เป็นเกาะใหญ่อยู่ตรงกลาง และส่วนที่ 3 คือที่ติดกับประเทศมาเลเซีย โดยจะมีทะเลกันหมดทั้ง 3 ส่วน เกาะภูเก็ต เกาะสมุย และเกาะน้อยใหญ่จะหายไปหมด แต่ละจังหวัดเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เวียดนาม กัมพูชา ก็จะจมอยู่ใต้ทะเล ส่วนพม่าตอนล่างหายไป จังหวัดทางภาคตะวันตกของไทยกลายเป็นชายทะเล ภาคเหนือจะมีแม่น้ำสายใหม่เกิดขึ้น พื้นที่ของไทยประมาณ 20% จมทะเล"

อ.ปริญญากล่าวสรุปว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และขอย้ำว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้น แต่อาจจะช้า เร็ว หนัก เบา คลาดเคลื่อนเล็กน้อย คงไม่เกินในระยะ 40-50 ปีนี้ ซึ่งตรงนี้วิธีแก้ไม่มี เนื่องจากทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว แต่สิ่งที่จะทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ทุเลาลง รวมทั้งเป็นทางช่วยตัวเองจากมหาภัยครั้งนี้คือ ทุกคนจะต้องเร่งทำความดี สร้างความรัก และสร้างจิตสำนึกที่ดี เนื่องจากโลกเราอยู่ได้ด้วยพลังด้านบวกของสิ่งมีชีวิต".

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ <!--detail-->

 

เตือนโลกระวัง "Food Price Shock" ราคาอาหารพุ่ง ดันเงินเฟ้อสูง

ราคาอาหารแพงกลายเป็นประเด็นสำคัญของโลกอีกครั้ง หลังจากในรอบปีที่ผ่านมา ภัยธรรมชาติได้ทำลายพื้นที่เกษตรกรรมในหลายประเทศทั่วโลก และล่าสุดองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ออกโรงเตือนว่า ราคาอาหารโลกกำลังเข้าสู่ "เขตอันตราย" อีกครั้ง และอาจเกิดภาวะ "food price shock" หรือภาวะช็อกราคาอาหาร แม้สถานการณ์จะไม่เลวร้ายเหมือนปี 2551 ก็ตาม

รอยเตอร์ส อ้างรายงานของ FAO ว่า ดัชนีราคาอาหารของเดือนธันวาคม 2553 พุ่งสูงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยอยู่ที่ 214.7 จุด หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 4.2% จากเดือนพฤศจิกายน 2553 พร้อมทุบสถิติ 213.5 จุดของมิถุนายน 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดภาวะอาหารแพงไปทั่วโลก และยังสูงที่สุดนับจาก FAO เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2533

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ดัชนีถีบตัวสูง เช่นนี้มาจากราคาน้ำตาลและเนื้อสัตว์ที่สูงจนทำสถิติใหม่ ขณะที่ราคาธัญพืชอย่างข้าวสาลี ข้าวเจ้า ข้าวโพด อยู่ในระดับเดียวกับจุดสูงสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2551
แม้ FAO จะระบุว่าราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นยังไม่ถึงขั้นวิกฤต ทว่า แอบดอลเรซา แอบบาสเซียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสก็ยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าตกใจ และเชื่อว่าราคายังไม่ขึ้นถึงจุดสูงสุด

ดัชนีราคาอาหารที่สูงกว่า ปี 2550-2551 ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าจะเกิดการจลาจล ซ้ำรอยกับที่เ
คยเกิดในเฮติ เอธิโอเปีย และบังกลาเทศ เมื่อกว่า 2 ปีก่อน แต่ FAO ชี้ว่าราคาข้าวเจ้า ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ธัญพืชที่สำคัญที่สุดของโลก และเป็นอาหารหลักของประชากรโลกกว่า 3 พันล้านคน ยังอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดมาก โอกาสที่จะเกิดความวุ่นวายจึงมีน้อย โดยปัจจุบันราคาข้าวอยู่ที่ 535 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่เมื่อปี 2551 ราคาสูงกว่า 1 พันดอลลาร์ต่อตัน

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่าคือใน ประเทศพัฒนาแล้ว ที่บริษัทอาหารอย่างแมคโดนัลด์และคราฟต์พาเหรดกันขึ้นราคาขายปลีก จนอาจกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ

เดอะ การ์เดี้ยน ระบุว่า เมื่อปีกลายราคาข้าวสาลีในยุโรปพุ่งขึ้นถึง 2 เท่า ส่วนราคาข้าวโพดในสหรัฐก็ถีบตัวขึ้นไปมากกว่า 50% ขณะที่ถั่วเหลืองก็ราคาสูงขึ้นกว่า 30% จากความแห้งแล้งในรัสเซียและประเทศแถบทะเลดำ แอบบาสเซียนเตือนว่าราคาจะยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องปัญหา แห้งแล้งในอาร์เจนตินา น้ำท่วมใหญ่ในออสเตรเลีย และอากาศหนาวจัดในซีกโลกเหนือ

ยูพีไอดอตคอม รายงานว่า อุทกภัยในรัฐควีนส์แลนด์ของแดนจิงโจ้กินพื้นที่ถึง 386,000 ตารางไมล์ เกือบเท่ากับพื้นที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีรวมกัน สร้างความเสียหายให้กับข้าวสาลีจำนวนมาก ซึ่งรัฐนี้ผลิตข้าวสาลีได้ราว 5% ของทั้งประเทศ และออสซี่มียอดส่งออกเป็นอันดับ 4 ของโลก

เวย์น นิวตัน ประธานกลุ่มล็อบบี้ของเกษตรกรในควีนส์แลนด์ กล่าวว่า แม้จะมีบางส่วนที่รอดจากน้ำท่วมมาได้แต่คุณภาพต่ำจนไม่อาจนำไปผลิตขนมปังได้ ต้องนำไปใช้เลี้ยงสัตว์แทน

ด้านหนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ชี้ว่า อุทกภัยไม่เพียงส่งผลเสียต่อการเพาะปลูกแต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งธัญพืช ด้วย โดยเกรนคอร์ป บริษัทธัญพืชที่ใหญ่ที่สุดในแดนจิงโจ้ยืนยันว่า การขนส่งทางรถไฟในควีนส์แลนด์จะหยุดชะงักไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ส่วนถนนก็ได้รับผลกระทบ ทำให้มีข้าวสาลีตกค้างราว 1 แสนตัน

ขณะที่ ซีกโลกใต้เผชิญกับภาวะน้ำท่วม ในซีกโลกเหนืออย่างเมืองชิงเต่าของจีนกลับประสบภาวะแห้งแล้งอย่างหนัก ซีเอ็นทีวีระบุว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ชิงเต่ามีปริมาณฝนต่ำกว่า 9 มิลลิเมตร ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 5 ทศวรรษ ส่งผลให้ผลผลิตข้าวสาลีเกินครึ่งแคระแกร็น ในจำนวนนี้มี 15% ที่ได้รับความเสียหายขั้นรุนแรง

แอบบาสเซียนกล่าวว่า ราคาธัญพืช รวมถึงน้ำมันที่แพงขึ้นสร้างความวิตกว่าประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องนำเข้าอาหาร และพลังงานจะต้องแบกรับภาระสองเด้ง โดยประเทศกำลังพัฒนาที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากกว่า เช่น จีน และอินเดีย

จูเลี่ยน เจสโซพ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศประจำแคปพิทอล อีโคโนมิคส์ กล่าวกับเดอะ การ์เดี้ยนว่า "แรงกดดันต่อเงินเฟ้อในปีนี้จะมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรมากกว่า ราคาน้ำมัน" โดยการเพิ่มของราคาพลังงานเป็นผลมาจากอุปสงค์ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่การพุ่งสูงของราคาอาหารมาจากซัพพลายช็อก เช่น ความแห้งแล้ง และน้ำท่วมในประเทศผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่

ที่มา : http://www.ftawatch.org/all/news/21822

 

อินโดนีเซียยืนยันอีกครั้ง กรณีราคาอาหารพุ่งสูง

รัฐบาลอินโดนีเซียระบุวันนี้ว่า ราคาอาหารที่กำลังพุ่งสูง เป็นปัญหาระยะสั้น

และรัฐบาลจะทำให้เกิดความมั่นใจว่ามีอาหารเพียงพอ หลังรัฐมนตรีกระตุ้นให้

ประชาชนปลูกพริกไว้ใช้ในครัวเรือนเอง ดัชนีราคาผู้บริโภคของอินโดนีเซียสูง

ขึ้นร้อยละ 6.96 ในปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งไว้ร้อยละ 4.0-6.0 ขณะที่

สภาพอากาศที่หนาวจัดและร้อนจัด ทำให้พืชผลการเกษตรได้รับผลกระทบ

โดยพริกซึ่งเป็นเครื่องปรุงพื้นฐานประจำท้องถิ่น มีราคาสูงขึ้นถึง 5 เท่า แต่

คาดว่าราคาข้าว ข้าวสาลี และถั่วเหลือง จะลดลงระหว่างฤูดเก็บเกี่ยวที่จะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมปีนี้



<DD>
<TABLE style="FONT-SIZE: 10pt"><TBODY><TR><TD width=30>

​

</TD><TD>ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : พรทิพย์ แสงมหาชัย Rewriter : พรทิพย์ แสงมหาชัย
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th​

วันที่ข่าว : 07 มกราคม 2554 ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</DD>

 

นี่ล่ะ หนังตัวอย่างว่า มนุษย์เวลาหิว เวลาเข้าตาจน จะเลิกเหนียมเจี๋ยมเจี้ยม จะแสดงตัวตนจากสัญชาติญาณออกมา


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แอลจีเรียเข้าสู่ภาวะจลาจลหลังราคาอาหารแพง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>10 มกราคม 2554 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เจ้าหน้าที่แอลจีเรีย กล่าวยืนยันว่า ประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะจลาจล เนื่องจากอาหารแพง โดยมีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 5 คน และทางการประกาศจะลงโทษผู้ประท้วง

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เหตุจลาจลเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังรัฐบาลบังคับใช้มาตรการตัดลดภาษีสินค้านำเข้า และภาษีอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาอาหารที่กำลังพุ่งสูง

ด้านรัฐมนตรีมหาดไทยแอลจีเรีย ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศเข้าสู่ภาวะจลาจล ซึ่งประชาชนกว่า 800 คนได้รับบาดเจ็บ และกว่า 1,000 คน ถูกจับกุมหลังเกิดการประท้วงรุนแรงต่อต้านราคาอาหารพื้นฐาน ที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา


</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>