ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 13 มิถุนายน 2013.

  1. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... คอมน็อคไปสองรอบในตอนที่ตอบคำถาม .... เห้อ ๆ พิมพ์มายาว ๆ หายหม๊ดดด

    ... งั้นเอาใหม่เริ่มไปทีละข้อก็แล้วกันคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2013
  2. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... จากการวิเคราะห์ และ สังเกตุการณ์มานะคะ และ สิ่งที่ตนเองได้กระทำ หรือ ประสบการณ์ที่พบเจอมาประกอบนะคะ ไปทีละข้อ ๆ

    1. เริ่มจากมีสัมผัสแปลก ๆ นิมิตแม่นยำ มีสัมผัสที่หก และ คนเริ่มทักว่ามีองค์ ( ไม่รู้องคือะไรเพราะมันไล่ไปได้ตั้งแต่ ระดับต่ำ ยัน ระดับสูง )

    .... อันนี้มีคะ มีสัมผัสก่อนคนทัก .. ตั้งแต่ขนลุก ฝันแปลก ๆ ผี เทวดาชอบให้ความสนใจมานั้งคุยในฝัน มาขอส่วนบุญ ฯ เหมือนมีเราอีกคนในฝันที่เก่งทำอะไรก็ได้หลายอย่างแบบในหนัง ... เห้อ ๆ ส่วนตัวชอบนะไม่ชอบก็อีตอนผีมานี้แหละ .. แต่พอโตขึ้นมักฝันว่าได้ต่อสู้บ่อยมาก บางทีก็เหมือนมีพันธมิตรทุกรูปแบบ .. ส่วนเรื่องคนทักนั้นเกินร้อยคนแล้ว .. ทุกวันนี้ก็มีแค่ยิ้ม ๆ ให้ ... เพราะลักษณะตัวจริง กาลีนะ เป็นหญิงวัยกลางคน แต่งตัวไม่เข้ากับวัย ><" .. หน้าตาออกแขก ตาดุ ลึก แบบตาเสือ แต่ถ้ายิ้มจะเป็นตรงข้าม ( อันนี้หลายคนบอกมานะคะ ) ผมดกดำสนิทตั้งแต่เกิด ( แต่ทำสีสว่างมาตั้งแต่อายุ 19 ) รูปร่างแบบสาวแขกดำ เอาเป็นว่าใครเจอหน้าถามเลย "เธอเป็นแขกเหรอ หรือ มีเชื้อแขก "
    ...... แต่ตามตัวจะมีรอยแผลเป็นเยอะมากคะ .. ด้วยความซน และ ผ่านการรอดตายมานับไม่ถ้วน .. จมน้ำ 7 ครั้ง ตกจากที่สูง 4 ครั้ง อุบัติเหตุจากรถเกิน 10 ครั้ง ไม่รวมพวกไฟช้อต ไฟดูดนี้ไม่นับคะ และ อื่น ๆ อีกมากมาย .. ทำไมถึงพูดถึงตรงนี้ เพราะการที่เราจะเข้าสัมผัสถึงท่านได้แบบใกล้เข้าไปอีก คือ คุณต้องอยู่ใกล้ความตายมากที่สุด .. ( คิดเอาเองนะคะ ) เรียกว่า " อยู่ระหว่างความเป็นความตาย " เพราะการที่ภพภูมิจะแทรกเข้ามาอยู่กับเราได้นั้นคิดจากอัตราส่วนคนเราปกติเทียบเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ .. มันเป็นการยากที่ท่านเหล่านั้นจะแทรกเข้ามาได้ ... ยกเว้นท่านมาแบบครั้งคราว หรือ เป็นภาคแบ่งท่านมาอยู่แล้ว .. การเข้าควบคุมจะแตกต่างกันออกไป ...

    .... ส่วนพวกไปรับขันธ์ ... ไม่ว่า " ของจริง หรือ ของปลอม " ถ้าได้ยกขันธ์ให้ครูไปแล้ว ... ก็จะกลายเป็น " กรรมสิทธิ์ของครูท่านนั้นไป " คือ สามารถควบคุมองค์ในเราได้ หรือ สลับสับเปลี่ยนเอาบริวารที่มีลงไปได้ ถ้าเจอที่ดีก็ดีไป ถ้าเจอที่ ... ก็ตัวใครตัวมัน ... ซึ่งทราบกันดีว่า " เกินครึ่งของปลอม และ มี พวกเรียนวิชา แถมเลี้ยงผีเป็นบริวารด้วย "
     
  3. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    คนแต่ละคน มีเทวดารักษานี่จริงหรือเปล่าครับ ที่อ่านเจอบางคนก็บอกมี บางคนก็บอกไม่มี เลยสับสนนะครับ
     
  4. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    มีจริง มีกันทุกคนนี่ล่ะจ้า เวลาสวดมต์ ทำบุญก็นึกถึงท่านด้วย
     
  5. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    มีคะ ...

    .... เพียงแต่เราอาจต้องแยกในส่วนของรายละเอียดของเทวดารักษาตัวออกไป .. เช่น

    1. เทวดารักษาตน ... นั้นคือ เมื่อคนเราก่อนเกิดมาก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลรักษาให้เราปลอดภัย ... เมื่อเกิดเป็นคนมาก็จะมีในส่วนเทวดาที่มาดูแลอีกเช่นกัน ที่เรียกว่า แม่ซื้อ .. " สามวันลูกผี สี่วันลูกคน " หวังว่าคงเคยได้ยินนะคะ .. ผู้ดูแลก็ไล่ไปตั้งแต่ เจ้ากรรมนายเวร + ผีบรรพบุรุษ + เทวดาไล่ไปตั้งแต่ระล่างสุด .. แล้วแต่บุญบารมี และ กรรมที่ผูกพันธ์กันมาของแต่ละบุคคลคะ ...

    2. เทพเทวดาที่จุตติมาสร้างบารมี .. อันนี้ก็จะมีอีกหลายลักษณะแต่พอสรุปได้ว่า .. ท่านต้องการสะสมบารมีเพิ่ม .. จะมีทั้งลงมาเอง แบ่งบารมี หรือ แบ่งภาคลงมา หรือ ส่งญาณบารมีในรูปของการมาร่วมสร้างบุญบารมี ฯลฯ ซึ่งก็มีพุดคุยกันให้พอได้ยินอยู่แล้ว

    3. ลงมาเพื่อชดใช้เวรกรรม และ ช่วยเหลือผู้ที่มีเวรกรรมสัมพันธ์กัน ... เพราะท่านเหล่านี้ยังไม่พ้นจากกฏแห่งกรรมก็จะมีกรรมไม่ดีบางส่วนที่ต้องชดใช้อยู่ ก็จำเป็นต้องลงมาจุติก่อนเพื่อชดใช้กรรม และ สร้างบารมีเพิ่ม

    4. พวกที่มีภาระหน้าที่ให้ตองลงมาจุติ .. เช่น มาช่วยบำรุงรักษาพระศาสนาในด้านต่าง ๆ เป็นตน

    ... อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตอนนี้คนที่ถูกทักว่ามีองค์ก็มีมาก คนที่ออกมาให้ความรู้ก็เยอะพอสมควรแล้วนะคะ .. เท่าที่ กาลีนะ คิดออกตอนนี้ก็ประมาณนี้แหละคะ ...
     
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... " สายเหล่านี้เขามีคติอย่างไร เหตุใดบางองค์(ที่ผมเคยเห็น)เขามีคติบางอย่าง คือ เขาไม่ให้ลูกศิษย์ซึ่งเป็นญาติของผม(ร่างทรง)ของเขาห้อยพระ รูปลักษณ์พลังงานของพระเลยนอกจากเทพและเจ้าแม่กวนอิม แต่ว่าทางสายเขาก็บอกว่าเคารพบูชาพระพุทธเจ้าอยู่ ญาติผมก็เคยกล่าวไว้ว่า "บูชาท่านเพื่อขอให้ก้าวพ้นวัฏฏะสงสาร" "

    ... มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลคะ ... คือ ครูเขาคิดของเขาเองมาแบบนั้น .. ไม่ใช่ว่าเขาคิดผิดนะคะ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนคะ .. กาลีนะ เข้าใจเขาคะ .. แต่คิดคำที่จะอธิบายไม่ออกคะ ..

    ... เอาเป็นว่า .. ไม่ว่าใครที่ยังไม่พ้นสู่นิพพานย่อมต้องสร้าง และ แสวงหาบารมี บุญกุศล ให้ตนเองแทบทั้งสิ้น ... ทั้งที่สร้างด้วยตนเอง .. และ จากผู้ที่ศรัทธา หรือ ผู้ที่อุทิศให้ .. และ ร่วมอนุโมทนาร่วมกับผู้ทำความดี ฯ .. ทั้ง " เทพ และ มาร " ต่างต้องการเหมือนกันทั้งสิ้น ... หวังว่าพูดแค่นี้คงพอเข้าใจนะคะ ... กาลีนะ อธิบายมากก็ไม่ดี .. ให้ไปต่อยอดเพิ่มเอาแล้วกันคะ ..

    .... การที่เราพก " พระ " ไว้กับตัว หรือ ห้อยพระ ก็คือเป็นการเตือนให้ระลึกถุึงพระรัตนะไตรเพื่อง่ายต่อการสื่อถึงขุมพลังงานจากพระที่ห้อย ... และ ในแนวคิดเดียวกันนี้ก็เอามาใช้ตอบคำถามของคุณได้คะ แต่เป็นแบบ " เทวานุสติ " การระลึกถึงเทพเทวดาที่เรา " ศรัทธา และ เคารพ " นั้นเอง

    .. แต่จะไม่เน้นเคารพพระรัตนะไตรเป็นหลัก .. โดยส่วนมากจะมีการแอบแฝงอาศัยพิธีกรรมทางพุทธเพื่อให้คนอื่นเกิดการยอมรับในความคิดของตน .. และ มีแบบที่คิดชั่ว ๆ เอาเครื่องรางให้บูชาแล้วแอบใส่ " อวิชา อาถรรพ์ ผีบริวาร " ลงในรูปเคารพ หรือ เครื่องรางด้วยเพื่อให้คอย ติดตาม + บงการ + สอดแนม ฯ แล้วเอามารายงาน .. พวกนี้ชั่วมาก ... แถมมีเยอะสะด้วยซิคะในสังคมยุคปัจจุบัน ... เจอคนดีก็ดีไปแต่ถ้าเจอพวกแบบที่ว่ามา .. ซวย และ โคตรซวยคะ .. หลัง ๆ พวกนี้จะเนียนมากคะแยกลำบาก ... ทั้งตัวคน .. และ พวกมารที่จำแลงมา ..
     
  7. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    จะทำอะไรก็ระวังโดนหลอกละกัน เคยเจอมาครั้งนึงเป็นเทพเทวดามาเลยนะสวยมาก

    แต่พอเราขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านให้เห็นร่างจริง อ้าว นี่มันผีชัดๆ อสุรกายมีฤทธิ์

    เกือบโดนหลอกแล้วไหมล่ะท่านผู้ชม ถึงบอกไม่ต้องวิ่งไปหาใครหรอกปฏิบัติตัวเองให้ได้ก็พอแล้ว
     
  8. Kunanop

    Kunanop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +218
    ดูเวลาที่คุณกาลีนะตอบ นอนดึกมากเลยนะครับ

    ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ
     
  9. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... คะ กาลีนะทำงานกลางคืนนอนเช้า ... ตื่นเย็น .. กาลีนะ ชอบเวลากลางคืนด้วยแหละคะ มันเย็นสบายดีไม่ร้อน ... คำตอบที่ถามมาก็ยังเครียไม่หมดหรอคะ .. เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะพาทุกคนค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ... เริ่มจากศูนย์ไปจนที่ กาลีนะ ไม่สามารถค้นคว้าศึกษาได้ .. ก็คงให้ผู้ที่มีความรู้มาช่วยเสริม ซึ่งก็มีหลายท่านที่เมตตามาช่วยตอบ ..

    ... อีกอย่าง ... มีพี่ที่ กาลีนะ เคารพท่านก็ตามดู กาลีนะ อยู่ตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน และ คอยแนะแนวทาง .. ตอบปัญหาเกี่ยวกับภพภูมิ สมาธิ ฯ เป็นที่ปรึกษาให้กันคะ ... แต่ไม่ค่อยแสดงตัวเท่าไหร่ ... เรียกว่า เป็น " พันธะมิตรกัน ทั้ง กายหยาบ และ ภพภูมิ " ออกแนวคลื่นลูกใหม่แต่ไฟแรงคะ ... ถอดกายทิพย์มานี้ก็คงแสงทองแสบตากันเลยทีเดียว ..
     
  10. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... การเดินสายเทพ ในความคิดของ กาลีนะ คือ " การรับขันธ์ " ตั้งหิ้งบูชาเทพแบบเป็นกิจจะลักษณะ .. การยอมให้ภพภูมิมีอำนาจเหนือเราเองแบบเต็มรูปแบบ ..

    .... ใจของ กาลีนะ อยากให้มีการศึกษาข้อมูล พิจารณาเรื่องการรับขั้นธ์ และ ครู ที่เราจะยกย่องให้ดีเสียก่อน ... ครูต้องทำให้เราเชื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย ... ต้องมีคุณสมบัติของความเป็นครู เพราะครู คือ ครุ ... และ ต้องดูการกระทำของท่านด้วยทั้งต่อหน้า และ ลับหลัง ... ซึ่งความจริงถ้าคุณมีเทพสูง ๆ มาเลือกเป็นร่างทรง หรือ มีเทพขั้นที่เขาให้คุณรับขันธ์ได้ ... คุณต้องรู้ด้วยตัวเองคะว่า " คนไหนจริง คนไหนปลอม " ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรเลย แล้วคุณจะไปช่วยอะไรคนอื่นเขาได้คะ ... แค่พื้นฐานก็ไม่มีแล้ว .. ไม่ต้องเห็นชัดว่าอีกฝ่ายมีเทพอะไร ... เอาง่าย ๆ แค่ดูให้ออกว่า เป็น " มิตร หรือ ศัตรู " ถ้าแยกไม่ออกก็อย่าไปรับขันธ์ให้เสียเวลาเลยคะ .. จะพาลซวยเปล่า ๆ

    .... แนะนำว่า " ควรทำความดี ทั้ง กาย + วาจา + ใจ ให้ได้ก่อน ... แล้วหมั่นสร้างบารมีให้ตนเองมาก ๆ ฝึกสมาธิ ( นั้ง นอน ยืน ทุกอริยาบท ตามสะดวก) ให้ได้ก่อน .. ถ้าท่านเลือก หรือ ต้องการใช้งานเรา .... เทพท่านจะบอกเองคะ "
     
  11. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... งั้น กาลีนะ ก็คงโชคดีกว่าที่เวลา ภพภูมิมาหาจะมาให้ทราบเลยไม่ต้องจำแลง ปอบมาเราก็รู้เลยว่านี้ ผีปอบ ไม่ใช่คน ... เทพมาถึงมาแบบคนธรรมดาก็รู้ว่านี้ คือ เทพ เทวดา นางไม้ เจ้าที่ ... แค่เห็นในนิมิตก็รู้เลยคะ แทบไม่เคยต้องอ้างบารมีพระ ... แถมรู้ด้วยว่ามาดี หรือ ร้าย เพราะภพูมิที่สูงบางทีก็มาร้ายหก็มี
     
  12. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    เค้าเรียกอสุรกาย ผีมีฤทธิ์จ๊ะ บางตนก็แปลงร่างเป็นพระอินทร์ก็มี
    หรือเปรตมีฤทธิ์แปลงร่างเป็นเทวดามาหลอกให้เราบูชาก็มี
    คนก็หลงบูชาไปตั้งนาน นึกว่าเทพที่ไหนได้เปรตต่างหาก

    หรือเทวดาแปลงร่างมาทดสอบเราก็มี พวกมีฤทธิ์มากคุณจะดูไม่ออก ถ้าไม่เก่งจริงๆ
    ถ้าเก่งจริงก็จับได้เอง แต่ถ้าไม่แน่ใจ ยังคลุมเครือก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่าน เห็นร่างจริงหมด

    วันนี้ก็โดนหลอกไปเต็มๆ แต่ไม่เฉลยละกันว่าโดนใครหลอก อาจารย์ท่านมาบอกถึงรู้ว่าโดนหลอกแล้ว
     
  13. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... อ้อคะ ... ก็ดีคะ ..

    ... เพราะอีกอย่างตอนนี้ กาลีนะ ไม่ต้องขอบารมีพระ ก็เพราะบางทีก็มีคนที่มีบารมีสูงที่สามารถตรวจสอบจิตได้มาบอก กาลีนะ ให้ทราบว่ายังไง .. แม้แต่เตือนสติ .. อบรมสั่งสอน .. เป้นแบบอย่างให้ กาลีนะ ยึดถือทั้งที่พี่เขาไม่ต้องทำอะไร และ สามารถตอบคำถามของ กาลีนะ ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย .. และ กาลีนะ ก็สัมผัสได้ถึง บารมี ที่พี่ท่านนี้มีได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า จริง หรือ หลอก ... คุณก็รู้จักพี่ ๆ เขา และ ทุกคนก็น่าจะรู้จักพี่ ๆ เขาเช่นกัน .. กาลีนะ ดีใจที่คำอธิฐานขอพรของ กาลีนะ ได้ผลขอให้อยู่ท่ามกลาง กัลยาณมิตร และ พบผู้ชี้แนะแนวทาง

    ... " ไม่มีคนที่ดีที่สุด .. ไม่มีคนที่เลวที่สุด " หรอกคะ .. ไม่ว่าเทพ หรือ มาร ย่อมมีสองด้านเสมอ ตราบใดที่ไม่พ้นกฏแห่งกรรม ... แม้แต่ พระแม่อุมา ที่ กาลีนะ นับถือท่านมาก ๆ ท่านก็ยังมี 2 ด้าน เหมือนกัน .. " ปกป้อง และ ทำลายล้าง " .. " ความงดงาม และ ความน่ากลัว " ฯ ....

    ... จริง ๆ การแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไรหมวดไหน พระอาจารย์ก็สั่งให้ กาลีนะ ศึกษาเหมือนกันคะ แต่ กาลีนะ คิดว่าไม่จำเป็นต้องแยกว่าไหนคือ เทพ หรือ มาร ... ดูที่จิตใจ และ การกระทำจะดีกว่า .. เพราะชีวิต กาลีนะ ยังเคยได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า มาร มาแล้วเหมือนกัน .. ส่วนพวกเปรต อสูรกายนั้นมันก็มีแบ่งแยกเช่นกัน การที่พวกเขาต้องอยู่ในสภาพแบบนั้น ก็เพราะ " ผลของกรรมเก่าที่ได้กระทำมา " ถ้าลองศึกษาในประวัติพระหลายรูปที่ชอบธุดงค์สมัยก่อนก็จะทราบว่า .. มีทั้งที่ ดี และ ไม่ดี ในกลุ่มพวกนี้ .. ที่มาทั้งรบกวน ทำลาย ช่วยเหลือ พระที่ธุดงค์ในป่า ..

    .... และ ยิ่งสำหรับคนที่ขึ้นชื่อว่ามี " องค์เทพ " แล้วนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องมี และ ควรมี คือ พรหมวิหาร 4 .. เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ... เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก .. ไม่เลือกแบ่งชั้นวรรณ องค์ที่ กาลีนะ มีท่านสอนเช่นนั้น ท่านสอนให้ กาลีนะ เห็นถึงความจริงของชีวิตมากมาย .. แม้ในมุมมืดยังมีความสว่างแอบซ่อนอยู่ .. หรือ จิตใจของคนที่แม้แต่ตัวเองยังมองไม่เห็น แต่บางครั้ง กาลีนะ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น ผ่านทางการสื่อสารหลายรูปแบบ .... แม้แต่การพิมพ์คุยกันธรรมดา .. เช่น ตอนนี้เป็นต้น ..
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... อีกอย่าง ภพภูมิ เขาไม่ใช้ปากคุยกันเท่าไหร่ไม่ใช่เหรือคะ .... " เขาอ่านจิตกัน หรือ คุยผ่านจิต " คือ ปากไม่ขยับ สมองคิดคำพูด หรือ มองตา ก้สามารถรู้กันแล้วว่าอีกฝ่ายต้องการสื่ออะไร ... ผู้มีบารมีน้อย จะไม่สามารถอ่านใจผู้มีบารมีมากกว่าได้ .. ยกเว้นผู้นั้นจะเปิดจิตในการสื่อสาร ... เช่น คนที่มีองค์ในสูงหน่อยเวลาเจอกันก็จะรู้สึกรับรู้ได้ บางครั้งก็คุ้นเคยกันเพราะข้างในเป็นพันธมิตรกัน ... ที่ภาษาบ้าน ๆ เรียก " องค์ในท่านคุยกัน " ประมาณนั้น .. หรือ บางทีเจอหน้ากัน เห็นแค่รูปถ่ายก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างเป็นต้น ... แต่ก็ต้องระวังเจอพวกขี้โม้ได้เหมือนกันคะ ..

    ... ถ้าใครอ่านเรื่อง " อาเสี่ย " ที่มาด่าพระอาจารย์ของ กาลีนะ ได้นะคะ ..เมื่อวานเขาก็มาคะจริง ๆ มาหลายรอบแล้วด้วย ... แต่ไม่กล้าแสดงอาการแบบแต่ก่อนมาแบบระวังตัว .. เมื่อคืนให้เพื่อนนั้งขนาบข้างเลยทีเดียว .. คำพุดที่ใช้ก้ดูดีมีมารยาทมากขึ้น ... คงเพราะความละอายในใจของเขานั้นเอง .. ทำให้เขาสงบเสงี่ยมเรีบยร้อยเป้นคนละคนเลยทีเดียว ... เขาคงคิดได้ว่าสิ่งที่เขากระทำมันไม่สมควร ทั้งทางโลก และ ศีลธรรมอันดี ...
     
  15. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ..... แต่ตรงนี้อาจมีมุมอื่นที่เขาไม่ได้กล่าวถึงเพราะเห็นเขาเป็นสายเทพทางอินเดียแต่ว่าเขาถือและปฏิบัติกรรมฐานตามสายของพระแม่กวนอิม และจะไปร่วมพิธีกรรมอยู่บ่อยๆแต่ไม่บอกให้ใครรู้ว่าที่ไหนและทำอะไร เข้าใจว่าเพราะไม่อยากให้ใครรบกวนและปรามาส


    .... มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขาคะ ... เราก็คงต้องอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ คะ .. คอยเตือนให้เขามีสติอย่าทิ้งทางธรรมก็พอคะ เพราะเรื่องบางเรื่องก็อาจเกินกำลังของเราก็เป็นได้นะคะ ..

    ... ส่วนสายเทพแขกแต่ปฏิบัติตามทางพระแม่กวนอิมนั้น กาลีนะ ก้เพิ่งจะเคยทราบนี้แหละคะ เพราะการบูชาเทพทางแขก กับ จีนแตกต่างกันนะคะ ... เทพแขกจะเน้นการ บูชาไฟ ดอกไม้ ของหอม การภาวนา สมาธิ ทรมาตน ( ฝึกความอดทน ).. เพราะจะใกล้เคียงกับพุทธเรามากที่สุดแล้ว ... ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่มีอะไรมาก .. หัวใจหลัก คือ การพิสูจน์ศรัทธา ความจริงใจ และ ความตั้งมั่น ของบุคคลคนนั้นนั้นเอง .. ส่วนทางพระแม่กวนอิม กาลีนะ ก็ไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง

    ... ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรที่มันขัดกับคำสอนพระพุทธองค์ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกนะคะ
     
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ทำให้ผมสับสบ งงงวยเป็นอย่างมาก หากจะกล่าวว่าเป็นสัมมาทิฏฐิก็คงจะยอมรับได้ยาก และไม่เคยถามกับญาติหรือองค์ท่านตรงๆ เพราะกลัวจะผิดใจกัน ส่วนตัวผมเชื่อในคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำและหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แต่ไม่ได้ยึดติดอะไรกับคติที่ไม่ตรงกับของหลวงปู่-หลวงพ่อพ่อท่านสอน คือสงสัยแต่ว่ารู้ก็ดี ไม่รู้ก็ได้ ส่วนตัวต้องการจะทำให้เกิดความรู้จริงเพื่อจะได้หายสงสัยและปรับคติไม่ให้ไปปรามาสสิ่งต่างๆเข้า จากเหตุเพราะเป็นผู้ที่ไม่รู้อะไรครับ ซึ่งในส่วนนี้ถ้าคุณ Kalina ไม่อาจบอกได้หรือเห็นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็ไม่เป็นไรครับ

    *** ความคิดของคุณก้เหมาะสมดีแล้วคะ .. หากเรายังไม่รู้ก็ต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อให้เกิดปัญญา .. หากเรายึดตัวเองเป็นใหญ่ก็เหมือน " พายเรือในอ่าง " ไม่ไปไหนวนอยู่แบบนั้นไม่เกิดการต่อยอด ไม่เกิดปัญญาอันรุ้แจ้งได้หนทางนิพพานคงอยุ่ไกลคะ ..

    ... เคล็ดการปฏิบัตติตนที่พระอาจารย์ท่านสอน กาลีนะ ไว้มีแค่ไม่กี่คำคะ
    1. ทาน
    2. ศีล
    3. ภาวนา
    4. สมาธิ
    5. ปัญญา

    .... ไล่ทำไปเรื่อย ๆ ให้ครบ " บารมี " ก็จะเต็มเอง .. เพราะสิ่งที่ท่านสั่งเสียไว้คือ .. ไม่ว่ายังไง กาลีนะ ก็ต้องพยายามสะสมความดี บารมีไว้ให้มาก ๆ สักวันมันจะเต็มเอง ท่านให้ทำประมาณนี้คะ กับฝึกแยกแยะว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนปลอม เมื่อต้องเผชิญกับมันเราจะได้ไม่ต้องพลาด หรือ ถูกล่อลวงได้ .. ท่านเน้น " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนคะ "
     
  17. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    สงสัยเราจะพากระทู้ออกนอกเรื่องละ เพราะหลังๆมานี่เราพูดถึงเรื่องมโนมยิทธิ

    เมื่อวาน 7 ธันวา ทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ปรกติสมเด็จองค์ปฐมท่านจะมาในแบบพระพุทธเจ้า
    แต่เมื่อวานนี้ ท่านมาในแบบลูกแก้วเจ็ดสี ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน คิดว่าไม่ใช่
    แต่วิธีการลงยันต์ อาการยันต์จับตัว ทุกๆอย่างเหมือนเดิม
    เลยถามหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่าสมเด็จองค์ปฐมท่านไม่มาเหรอ
    หลวงพ่อท่านเลยบอกว่า ก็นั่นไงสมเด็จท่านแต่มาในรูปแบบอื่น ถึงบางอ้อเลย
    อย่ายึดตามที่เราเคยเห็น อย่ายึดตามคำคนอื่นบอก อย่ายึดตามตำรา เชื่อในสิ่งที่เราเจอเองแล้วพิสูจน์

    ปล. ไม่สบายเนื่องด้วยยันต์จับตัว ช่วงนี้ขอนั่งอ่านเงียบๆละกัน
     
  18. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822

    .... ไล่ทำไปเรื่อย ๆ ให้ครบ " บารมี " ก็จะเต็มเอง .. เพราะสิ่งที่ท่านสั่งเสียไว้คือ .. ไม่ว่ายังไง กาลีนะ ก็ต้องพยายามสะสมความดี บารมีไว้ให้มาก ๆ สักวันมันจะเต็มเอง ท่านให้ทำประมาณนี้คะ กับฝึกแยกแยะว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนปลอม เมื่อต้องเผชิญกับมันเราจะได้ไม่ต้องพลาด หรือ ถูกล่อลวงได้ .. ท่านเน้น " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนคะ "
    [/QUOTE]

    สาธุ.. ทำให้พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

    ที่ว่าเทพสายอินเดียแต่ไปปฏิบัติตามแนวของพระแม่กวนอิมนั้น เท่าที่พอจะเข้าใจคือในส่วนของการเจริญกรรมฐานครับ คือท่านให้ญาติของผมทำกรรมฐานตามสายนั้น คือการสวดมนต์ภาวนาเพราะญาติผมนั้นอุปนิสัยฝึกยาก ถ้าเริ่มจากการสวดมนต์ผมก็คิดว่าท่านให้ไปถูกทางแล้วล่ะครับ และผมเข้าใจเป็นการส่วนตัวว่า เขาก็เคยสร้างบารมีกับพระองค์นั้นมา หรือเคยได้รับการสั่งสอนมาจากพระองค์นั้นในอดีตชาติ

    และในส่วนของญาติผมคนนี้ ไม่ใช่เป็นประเภทของการรับขันธ์ครูหรือถูกเลือกมาให้รับขันธ์ครับ เป็นประเภทที่เกิดมาพร้อมกันเลยและจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยท่านจะประทับอยู่ที่กลางศรีษะของญาติตลอด สามารถไปๆมาๆกับภพภูมิเบื้องบนได้ โดยเฉพาะวันอุโบสถท่านจะไม่อยู่เลย แต่ท่านพูดอะไรมากไม่ได้เพราะท่านเคยกล่าวกับ พ่อ-แม่-พี่ ของญาติคนนี้ว่า หลายอย่างท่านพูดมากไม่ได้ ถ้าพูดมากจะท่านถูกลงโทษ (เรื่องของกรรมและการใช้อนาคตังสญาณ)

    เริ่มแรกเมื่อหลายปีก่อนญาติของผมกล่าวว่า "ผมเป็นสายพระ แต่เขาเป็นสายเทพ" เรื่องที่เกี่ยวกับทางพระท่านไม่รู้และไม่ยุ่งเลย แต่ท่านว่าสายของท่านเคารพพระพุทธเจ้าให้อยู่สูงกว่าเสมอครับ พอได้ยินอย่างนี้ซึ่งก็หลายปีมาแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็เลยอยากรู้เกี่ยวกับสายต่างๆ ว่าการเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีต่อยอดในสงสารวัฏนี้เขามีสายกันกี่สาย และมันมีความต่างกันอย่างไร
    ความจริงผมก็พูดไปว่า "จะสายอะไรสุดท้ายก็ต้องไปเป็นพระ(ทำจิตให้เป็นพระ)เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ?" แต่ดูๆเขาจะไม่เข้าใจที่ผมสื่ออกมาในส่วนที่วงเล็บไว้ว่า "จิตเป็นพระ" คือถ้าถึงเวลาพ้นวัฏฏะสงสารจิตก็เป็นพระกันหมด ญาติก็เลยพูดตัดจบว่า "ของเธอสายพระ มันคนละสายกันนะ.." น่าจะเพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก็เลยไม่ได้คุยกันในเรื่องของสายเหล่านี้ต่อ ซึ่งตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่คุยกันในเรื่องภพภูมิ ซึ่งต่างคนต่างก็ยังไม่รู้อะไร ญาติผมก็รู้เฉพาะแค่ที่ท่านบอกและไม่บอกหมดด้วย หลายปีผ่านไปก็พอจะเข้าใจอะไรมาบ้างพอสมควรแล้ว ซึ่งความรู้สึกตอนนี้ก็คือ พอจะเข้าใจแต่ไม่รู้จะพูดออกมาเป็นคำพูดยังไง แต่ก็สร้างบารมีกันไปเรื่อยๆให้สมปรารถนาตามภูมิธรรมของตนเองนั่นแหละครับ

    แต่แน่ๆที่ผมเรียนรู้และเข้าใจมาอย่างหนึ่งคือ คนที่เขารู้จริง มีปัญญาจริงๆเขาจะไม่ค่อยปรามาสอะไร แต่คนรู้ไม่จริง มีปัญญาเทียมอยู่นั้น มักจะไปปรามาสสิ่งต่างๆ คือเสี่ยงลงนรกลงอบายอย่างมาก (พูดเข้าตัวเองเหรอเปล่าไม่ก็รู้ :p)

    ก็จะสรุปว่าเราเรียนรู้ทุกอย่างไม่ใช่เพื่อสนองกิเลส แต่เราเรียนรู้ เพื่อให้คลายความสงสัย เพื่อนำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันคือมีทิฏฐิสามัญญะตา จะได้ไม่ปรามาสสิ่งใดโดยง่าย เพื่อที่จะให้ถึงความสิ้นสงสัย(ได้ผลดีกับจริตของน้อยคน) และเพื่อที่จะให้เกิดความหน่ายในสงสารวัฏ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2013
  19. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ .. ช่วงนี้อากาศยิ่งไม่ค่อยจะปกติ แปรปรวนเด้วร้อนเดี๋ยวหนาว ยิ่งช่วงที่ธาตุขันธ์อ่อนแอปรับตัวก้ต้องดูแลตนเองดี ๆ คะ ขอให้หายไว ๆ นะคะ
     
  20. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    สาธุ.. ทำให้พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง

    ที่ว่าเทพสายอินเดียแต่ไปปฏิบัติตามแนวของพระแม่กวนอิมนั้น เท่าที่พอจะเข้าใจคือในส่วนของการเจริญกรรมฐานครับ คือท่านให้ญาติของผมทำกรรมฐานตามสายนั้น คือการสวดมนต์ภาวนาเพราะญาติผมนั้นอุปนิสัยฝึกยาก ถ้าเริ่มจากการสวดมนต์ผมก็คิดว่าท่านให้ไปถูกทางแล้วล่ะครับ และผมเข้าใจเป็นการส่วนตัวว่า เขาก็เคยสร้างบารมีกับพระองค์นั้นมา หรือเคยได้รับการสั่งสอนมาจากพระองค์นั้นในอดีตชาติ

    และในส่วนของญาติผมคนนี้ ไม่ใช่เป็นประเภทของการรับขันธ์ครูหรือถูกเลือกมาให้รับขันธ์ครับ เป็นประเภทที่เกิดมาพร้อมกันเลยและจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยท่านจะประทับอยู่ที่กลางศรีษะของญาติตลอด สามารถไปๆมาๆกับภพภูมิเบื้องบนได้ โดยเฉพาะวันอุโบสถท่านจะไม่อยู่เลย แต่ท่านพูดอะไรมากไม่ได้เพราะท่านเคยกล่าวกับ พ่อ-แม่-พี่ ของญาติคนนี้ว่า หลายอย่างท่านพูดมากไม่ได้ ถ้าพูดมากจะท่านถูกลงโทษ (เรื่องของกรรมและการใช้อนาคตังสญาณ)


    ... ต้องขอบคุณ และ อนุโมทนาด้วยเช่นกันคะที่แนะนำเพิ่มเติมมา ... เพราะ กาลีนะ จะสนใจในส่วนของพวก " แนวทางดั้งเดิมมากกว่า แนวทางประยุกต์ " คะ ... คือศึกษาแบบเดิม ๆ ก่อน แล้วค่อยมาดูที่ศึกษาปัจจุบันนำมาเทียบเคียง วิเคราะห์ พิจารณา แล้วมันจะต่อยอดได้ และ มีความเข้าใจมากขึ้นแน่นขึ้น .. มันเป็นวิธีเรียนส่วนตัวคะ ... " เพราะโลก คือ การเรียนรู้สำหรับ กาลีนะคะ "

    .... อดีต คือ สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราไม่อาจแกไขได้ ... พยามทำปัจจุบันให้ดีก่อนดีกว่าคะ .. เราจะได้ไม่เป็นทุกข์กับมันมาก ..

    .... เพราะสุดท้าย ผู้หวังซึ่งนิพพาน .. ก็ต้องสละหมดทุกอย่าง .. ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เป็นผู้หลุดพ้นจากวัฏจักรอย่างแท้จริง ..

    ... ส่วนผู้ที่หวังในทางอื่นนั้น ก็จะเดินไปตามสายทางของตนเองอยู่แล้ว ..


    " ผู้แสวงหาสิ่งใด มักได้สิ่งนั้นเสมอ แต่หากแม้ได้มาครอบครอง ลองถามใจตนเองสักครั้งว่านั้น คือ ที่สุดของเราแล้ว หรือ ยัง "
     

แชร์หน้านี้

Loading...