ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

โอ้ ความรู้ใหม่ครับ ^^
ผมว่าหลายคนก็คงคิดเช่นนั้น

 

นำข้อความของหลวงพี่วิรัชมาฝากเป็นธรรมทานครับ....
**

พระคำข้าวองค์แรกของวัดท่าซุง<O</O​

<O> </O>
" พระประธานวิหาร ๑๐๐ เมตร คือ พระคำข้าวองค์แรกของวัดท่าซุง หลวงพ่อเสกคำข้าว แล้วตากแดด <O</O
สั่งให้ช่างทาคำข้าวทั้งองค์พระประธานในวิหาร ๑๐๐ เมตร ใครมากราบจะได้มีลาภ<O</O
ตอนนั้นอาตมาได้บอกให้ช่างเก็บไว้บางส่วน อย่าฉาบหมด<O</O
พอสร้างวิหาร ๑๐๐ เมตรเสร็จ ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า <O</O
"ผมให้ช่างเก็บส่วนคำข้าวเสกไว้ ไม่ได้ฉาบองค์พระประธานทั้งหมด <O</O
หลวงพ่อเห็นสมควรว่าจะทำอะไรดีครับ ?"<O</O
หลวงพ่อบอก ให้ทำพระคำข้าวองค์เล็ก พิมพ์เดียวกับพระประธาน ๑๐๐ เมตร<O</O
ปลุกเสกครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๓ ( ๑๐๐,๐๐๐ องค์ ) จำหน่ายหมดรวดเร็วมาก<O</O
มีคนมาเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า แต่ก่อนขายก๋วยเตี๋ยวได้วันละ ๒,๐๐๐ บาท <O</O
พอได้พระคำข้าว ก็อธิษฐานทุกวัน ขอให้พระคำข้าวช่วยให้ขายดี <O</O
ต่อมาขายได้วันละ ๗,๐๐๐ บาท<O</O
คนที่ไม่มีก็อยากได้ หลวงพ่อก็รอทำในพรรษา <O</O
ก่อนออกพรรษาจึงทำพิธีพุทธาภิเษกได้ "<O</O

-------------------------------<O</O​

หลวงพี่ประทีป หลวงพี่บัญชา อาตมา ปรึกษากันสร้างพระหางหมากเพราะคนมารอพระคำข้าวต้องรอออกพรรษา (รอหลวงพ่อเสกข้าวในพรรษา ๓ เดือน) จึงปรึกษากับหลวงพี่อนันต์ ท่านเห็นดีด้วย จึงให้ท่านกราบเรียนถามหลวงพ่อเลย<O</O
หลวงพ่อเห็นดีด้วยเรื่องสร้างพระหางหมาก ก็ถามอาตมาว่า จะเอาแบบไหนดี ตอบว่าเอาพิมพ์สมเด็จโต (สมเด็จ ๓ ชั้น) หลวงพ่อว่า " ดี ให้เอาสีชมพู จะได้เข้ากับสีจีวร" <O</O
ขณะหลวงพ่อนั่งรับแขก หลวงพ่อเรียกอาตมาเข้าพบ พูดว่า<O</O
"พระหางหมากเปลี่ยนเป็นพระยืน ๓๐ ศอกดีไหม?" ก็ตอบว่า "ดีครับ" <O</O
"แต่ให้ท่านนั่งลงนะ" ตอบว่า "ครับ"<O</O
อาตมาก็มานั่งคิดว่า แล้วท่านอุ้มบาตรอยู่จะทำอย่างไร ? พอหลวงพ่อเลิกรับแขก<O</O
ลุกขึ้นยืนจะไปเข้าห้องน้ำ อาตมาก็เข้าไปถามหลวงพ่อว่า <O</O
"หลวงพ่อครับ หลวงพ่อจะให้ทำพระหางหมากพิมพ์พระยืน ๓๐ ศอก แต่ให้ท่านนั่งลง<O</O
แต่ท่านอุ้มบาตรอยู่ จะทำไงครับ ต้องให้ท่านอุ้มบาตรด้วยหรือเปล่าขอรับ? "<O</O
<O</O
ไม้เท้าลอยมา โป๊ก! มึนเลย ท่านยืนหัวเราะ บอกว่า<O</O
<O</O
"แกจะโง่ให้ท่านอุ้มบาตรอยู่ทำไม ก็เอาบาตรออกซิ"<O</O
ก็นึกขึ้นได้ว่า ที่หลวงพ่ออนุญาตให้สร้างแบบสมเด็จโต เพื่อรักษากำลังใจลูกศิษย์ (พวกเรา)<O</O
จึงคล้อยตามไปก่อน จึงนึกย้อนไปได้ว่า เคยมีคนมาถามหลวงพ่อว่า<O</O
"ทำไมหลวงพ่อไม่สร้างพระขี่ครุฑ ขี่ไก่ แบบหลวงพ่อปานบ้าง ?"<O</O
หลวงพ่อเลยตอบว่า "สร้างไม่ได้หรอก เป็นการตีเสมอครูบาอาจารย์ เป็นการไม่สมควร"<O</O
นี่หลวงพ่อก็เคารพสมเด็จโตเป็นครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน เพราะว่าการสร้างพระคำข้าว <O</O
หลวงพ่อก็ให้สร้างแบบจำลองพระประธานในวิหาร ๑๐๐ เมตร ซึ่งเป็นพระคำข้าวองค์แรกของวัดท่าซุง <O</O
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า หลวงพ่อให้เราเอาแบบพระพุทธรูปในวัดท่าซุงเป็นแบบ ไม่ต้องเลียนแบบที่อื่นเขาด้วย<O</O
<O</O
จากหนังสือปฐมธรรมยาน(พระปลัดวิรัช)<O</O
***
อนุโมทนาครับ

 

อยากสอบถาม เกี่ยวกับน้ำมันชาตรีค่ะ ว่า...ถ้าเราซื้อน้ำมันงามาแล้วเอาน้ำมันชาตรีเทผสมลงไป เราก็จะได้น้ำมันชาตรีขวดใหม่ ใหญ่กว่าเดิม (ห้ามเทน้ำมันใหม่ใส่น้ำมันชาตรีในขวด จะทำให้น้ำมันเสื่อมพุทธคุณ)

แต่...ไปหาอ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับหนังสือพ่อให้ หลวงพ่อท่านบอกว่า จะต้องถ่ายน้ำมันชาตรีออกจากขวดก่อน แล้วเติมน้ำงาลงไปจากนั้นค่อยเติมน้ำมันชาตรีทับให้เต็มขวด...แสดงว่า เราก็ต้องใช้ขวดเดิมเล็กๆจากวัดใช่ไหมค่ะ ทำอย่างที่ดิฉันเข้าใจข้างต้นได้หรือเปล่า?

หาข้อมูลมากๆแล้วก็งงค่ะ แล้วเห็นบางคนบอกว่า สามารถนำพระเครื่องของหลวงพ่อมาแช่น้ำมันชาตรีเพื่อเพิ่มพุทธคุณ อันนี้จริงแืท้แค่ไหนค่ะ?

ปล...ในหนังสือของหลวงพ่อวิรัช ด้านหลังมีรูปดิฉันกับคุณแม่แจมด้วยค่ะในงานหล่อสมเด็จพระพุทธธรรมยาน คุณแม่ปลื้มมากๆเลยค่ะ

 

น้ำมันชาตรี เติมของเก่าทับของใหม่ เป็นอันใช้ได้....ไม่ต้องคิดมากหรือสับสนกับการตีความตามตัวอักษรครับ...แฮ่ะๆ....เติมใส่ขวดใหม่ใหญ่ๆก็ได้เป็นน้ำมันชาตรีทั้งขวดแหละครับ..... หรือมีน้ำมัน 1 โอ่ง หยดน้ำมันเก่าไป 1 หยด ก็เป็นน้ำมันชาตรีทั้งโอ่ง....ที่เขียนไว้ให้ถ่ายขวด คงกลัวว่าเราจะเผลอเติมของใหม่ทับของเก่าน่ะครับ....ไม่ต้องคิดมากนะครับ....ขอให้กำลังใจเต็ม...ขวดเก่าจากวัดก็เติมน้ำมันให้เต็มไว้ตลอดครับ

..พระผงหลายๆองค์ ที่ไม่ใช่พระของหลวงพ่อฯ ผมก็มักจะนำมาแช่น้ำมันชาตรีเหมือนกัน....ก็มีความเชื่อมั่นแบบนั้นก็ว่าได้ครับ

หนังสือของลูกศิษย์หลวงพ่อแต่ละรูปก็ให้อรรถรสในการอ่านแตกต่างกันไป แต่มีคุณค่าทุกเล่มเลยครับ...หลายๆเล่มที่ผมไม่มีก็ใช้google หาไปเรื่อย บางทีได้อ่าน เพราะมีคนมาแชร์ไว้...ไม่เซฟไว้...มาดูอีกที ลิงค์ตายไปแล้วก็มี....

อนุโมทนาครับ

 

ขอบคุณสำหรับความรู้เกี่ยวกับพระคำข้าวครับ....โมทนาครับ..(^_^)..

 

........

แฮ่ๆๆ....เหมือนเป็นคนขี้งกอย่างไรไม่รู้เนอะ...แต่จริงๆแล้ว ถ้ามีโอ่งก็จะใส่ให้

หมดเลยค่ะ...แฮ่ๆ...จริงๆนะคะ .ใช้ได้ยันเหลนเลย...^__^!

เป็นอันว่า ขอบคุณมากๆค่ะ ที่ไขข้องปัญหาคาใจ โล่งอกเลย...ที่ไม่แน่ใจ ก็

เพราะกลัวน่ะค่ะ ว่าจะทำผิดวิธี แล้วน้ำมันเสื่อมน่ะคะ กลัวมากเลย

 

น้ำมันชาตรีทำอย่างไรก็ได้ให้มีเชื้อน้ำมันเก่าอยู่ แม้เพียงเล็กน้อยก็เป็นน้ำมันชาตรีแล้วครับ

อานุภาพไม่ได้เสื่อม

 

รบกวนถามนิดนะครับ ผมมีเหรียญกูผู้ชนะเนื้อทองแดงหลังพระเจ้าตากสิน ถ้าผมแขวนเหรียญนี้แล้วมีงานเลี้ยงสังสรรค์ผมสามารถดื่มสุราได้ไหมครับ บางอ.เช่นหลวงปู่หงษ์ท่านห้ามไว้ ไม่ทราบว่าของหลวงพ่อฤาษีท่านห้ามเรื่องการดื่มสุราสำหรับผู้ใช้วัตถุมงคลของท่านหรือเปล่าครับ

 

น้ำมันชาตรี อย่าเอาของใหม่ทับของเก่าครับ

 

**
ขอตอบซ้ำอีกครั้งนะครับ....ถ้าดื่มขณะที่แขวนวัตถุมงคลหลวงพ่อฯ จะไม่เสื่อมเหมือนของหลวงปู่หงษ์....แต่ช่วงที่ผิดศีลข้อ 5 นั้นอาจจะคุ้มครองไม่เต็มที่หรือไม่คุ้มครอง....ขอขมาและอาราธนาใหม่ก็เหมือนเดิม....แต่ผู้ที่เคยเข้ารับยันต์ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ยันต์จะเสื่อมไปเลย...ผิดก็อย่าผิดบ่อยนะครับ กฎหมายเมาแล้วขับแรง.....เคยขอลองเป่าตอนที่เราไม่ได้ดื่ม เครื่องมันก็โชว์ว่าเราดื่มครับ(อันนี้ไม่ไว้ใจตำรวจไทย....)
.....

เรื่องพระหางหมากผมก็สงสัยอยู่ครามครัน....เพราะถ้าเป็นทรงหลวงพ่อโสธร ช่วงตักก็น่าจะยาวกว่านี้ ก็เก็บความสงสัยไว้ แต่ก็เชื่อมั่นว่าหลวงพ่อฯจะให้ความหมายแฝงอยู่เสมอ จนได้มาเจอข้อความจากหนังสือของหลวงพี่วิรัช..

อนุโมทนาครับ...

***

 

ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำแนะนำดีๆ

 

เรื่องพุทธคุณ หรือ พุทธานุภาพนั้น หลายๆกระทู้มักจะโต้เถียงกันอย่างเช่นเรื่องชนวนมวลสาร หรือ หัวเชื้อ....จะเจือจางมั้ย...หรืออะไรทำนองนี้....หลากความคิดจนบางครั้งถกเถียงจนกระทู้ร้อน....

...สำหรับความคิดผม พุทโธ อัปปมาโน.....เช่น น้ำมันชาตรีหยดเดียว ทำให้น้ำมันทั้งปี๊บหรือทั้งโอ่งเป็นชาตรีทั้งหมดได้....ส่วนใครจะเชื่อมั่นหรือไม่ก็เป็นเรื่องปัจจัตตัง...

...เคยเห็นบางกระทู้สงสัยพระพุทธชินราชที่พิษณุโลก หรือที่วัดท่าซุง เป็นรูปแทนพระพุทธเจ้าองค์ใด....ซึ่งหลายท่านก็ตอบว่าเป็นเรื่องอจินไตย เสียเวลาปฏิบัติธรรม...

...(ความคิดส่วนตัว)ผมก็เคยสงสัย....ก็อาศัยว่าคำสอนหลวงพ่อที่แม้แต่การฟังเพลงก็คิดพิจารณาให้เป็นกรรมฐานได้

.....การคิดเรื่องพระพุทธชินราชบ่อยๆก็ถือว่าเป็นพุทธานุสสติได้....ก็ลองคิดวิเคราะห์ตามข้อมูลที่เคยเห็นเคยมี มิได้มีเจตนาปรามาส เพราะหลายเรื่องเป็นอจินไตยจริงๆ...อย่างที่กล่าวผมคิดเป็นพุทธานุสสติ
....ที่ด้านข้างของพระพุทธชินราช...ด้านขวามีรูปอาฬวกยักษ์อยู่....ด้านซ้ายมีรูปท้าวเวสสุวรรณ(ในรูปลักษณ์ของยักษ์) ในลักษณะคล้ายๆการอารักขาพระพุทธองค์
....ได้อ่านตามรอยพระพุทธบาทของหลวงพี่ชัยวัฒน์....จากตำนานพระเจ้าเลียบโลกนั้น พระพุทธโคดม มาโปรด อาฬวกยักษ์ ที่เมือง อาฬวี.....อาฬวกยักษ์นั้นเป็นมิจฉาทิฐิมานานและไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดในภัทรกัปจะทำให้เป็นสัมมาทิฐิได้ และพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเคยได้รับพุทธทำนายว่าสามารถโปรดอาฬวกยักษ์ให้เป็นสัมมาทิฐิได้ ซึ่งตามตำนานบอกไว้อย่างนั้นนะครับ(ผมอ่านและจับใจความมาไม่ได้ลอกคำในหนังสือเขียน) ถ้าตีความจากตำนานนี้ก็จะหมายความได้ว่าพระพุทธชินราชเป็นรูปแทนสมเด็จองค์ปัจจุบัน
....หวังว่าเรื่องนี้คงไม่ได้ทำให้กระทู้ร้อนนะครับ ..เจตนาของผมก็คือคิดเป็นพุทธานุสติ... เพราะถือว่ารูปแทนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เราต้องให้ความเคารพอย่างสูงสุดอยู่แล้ว.....เพราะปัจจุบันบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เข้ามาศึกษาในสายหลวงพ่อเห็นรูปสมเด็จองค์ปฐม ยังคิดว่าเป็นพระพุทธชินราชด้วยซ้ำไป....เรื่องชำระหนี้สงฆ์ก็เช่นกันก็จะได้รับรู้กันมาจากหลวงปู่่ปาน หรือหลวงพ่อฯ จนระยะหลังจึงแพร่หลายออกไป และอีกหลายๆเรื่อง....

อนุโมทนาครับ

 

หนังสือ"จดหมายจากหลวงพ่อ" หน้า 15-16 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสีผึ้งซึ่งหลวงพ่อฯท่านใช้คำว่า "ขโมย"มาจากหลวงปู่ปาน ติดย่ามไว้ตลอด ใช้ติดต่องานดีมาก(ใครที่อ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานคงจะเข้าใจความหมายนะครับ เดี๋ยวศิษย์ใหม่จะสงสัยว่าพระขโมยจะไม่ปาราชิกเหรอ)

เรื่องสีผึ้งหลวงปู่ปานขอร้องหลวงพ่อไว้ว่าไม่ให้น้อมใจไปในเรื่องเพศ คือห้ามใช้นิ้วนางเอาสีผึ้งสีปาก มาถึงยุคหลวงพ่อฯ ท่านก็ไม่สนับสนุนข้อนี้เหมือนกัน...
ด้านล่างนี้เป็นสำนวนจากหนังสือครับ ถึงการนำหัวเชื้อสีผึ้งไปใช้

..." ก่อนใช้ ท่านให้เอาสีผึ้งธรรมดา 1 ตลับ มากๆหน่อยก็ดี ผสมละลายด้วยความร้อนของแสงอาทิตย์ เมื่อละลายเข้ากันดีแล้วก็ใช้ได้ ท่านให้คาถาดังนี้
พุทธังแทรกจิต ธัมมังแทรกใจ พิศวงหลงไหล สังฆังอย่าคลายรัก
มีต่ออีกนิด
สัมโมทมาเนหิ อวิวสมาเนหิ สิกขิตตัพพันติ

บทต่อท่านบอกว่าเหมาะสำหรับให้คนที่เคยคุยด้วยคิดถึงเสมอ บทต้นเป็นการระงับอารมณ์ขุ่นเคือง เหมาะแก่งานของท่านเจ้ากรมและคุณนายที่มีการติดต่อเสมอและเพื่อขายของ
เวลาเอาสีผึ้งสีปากท่านห้ามข้ามขื่อปาก ถ้าเข้าหาผู้ใหญ่กว่าให้ใช้หัวแม่มือ ถ้าเข้าหาเด็กกว่าใช้นิ้วชี้ ถ้าไปหาคนเสมอกันใช้นิ้วกลาง ถ้าเข้าหาคู่ที่เรารัก แต่เขาไม่ยอมรักใช้นิ้วนาง ข้อหลังอย่าใช้เลย บาปไม่เป็นเรื่อง"

...ขออนุญาตนำมาฝากเป็นธรรมทาน...

...อนุโมทนาครับ

 

ในหนังสือสมบัติพ่อให้การใช้สีผึ้งให้ใช้คาถา "นาสังสิโม ปาสุอุชา"

สีผึ้งที่มีจำหน่ายที่ตึกรับแขกปัจจุบัน ถ้าจำไม่ผิดตลับละ 20 บาท...น่าจะทำในสมัยท่านพระครูปลัดอนันต์ โดยใช้สีผึ้งหลวงพ่อฯเป็นเชื้อ น่าจะใช้วิธีแบบที่หลวงพ่อเคยให้ไว้ (สีผึ้งหลวงพ่อก็นำมาจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค)

...ผมเองก็มีสีผึ้งวัดท่าซุงอยู่ 1 ตลับแต่ก็อยู่บนหิ้งพระไม่ได้นำมาใช้ เคยใส่กระเป๋าเสื้อติดตัวบ้างแต่ก็ไม่ได้นำมาสีปาก..

อนุโมทนาครับ

 

ขอบพระคุณพี่หมอ สำหรับภาพออร่าและคำแนะนำดีๆเรื่องน้ำมันชาตรีนะครับ กระทู้นี้มีสาวๆมาแอบอ่านหลายคนเหมือนกัน....

...ผมเคยนำน้ำมันชาตรีมาใส่ในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ดื่มง่ายกว่าน้ำมันงา เพราะน้ำมันงาจะเหม็นเขียวกว่า แต่ข้อเสียของน้ำมันมะพร้าวคือดื่มแล้วคันคอ จะทำให้ไอหรือกระแอม....ก็ใช้วิธีผสมน้ำมันงา+น้ำมันมะพร้าวอย่างละครึ่ง เหม็นเขียวน้อยลงและไม่ค่อยคันคอ

...อนุโมทนาครับ

 

ผมเองก็มีสีผึ้งวัดท่าซุงทันหลวงพ่อเก็บไว้ 1 ตลับเหมือนกันครับ พร้อมทรายเสกอีก 1 ห่อ คิดแล้วยังเสียดายจนบัดนี้ที่ไม่ได้เก็บไว้ให้มากกว่านี้ เฮอ..(ทรายเสกผมเพิ่งให้หลานไปผสมทรายโรยรอบบ้านเมื่อไม่นานมานี้เอง ป้องกันอันตราย ยิ่งสมัยนี้โจรยิ่งชุมยิ่งกว่ายุงอีก)

 

ได้วิธีใช้น้ำมันชาตรีอีกวิธีแล้ว ขอบคุณท่านหมอเทวดาครับที่แนะนำ