ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ปลัดกระโดด อาจารย์ตู่

เมื่อปลัดของหลวงปู่ตี๋ เริ่มน้อยลงจนใกล้จะหมด อาจารย์ตู่จึงเห็นว่าน่าจะได้ลองทำขึ้นมาบ้างเพื่อเป็นการลองวิชา และให้ศิษย์รุ่นใหม่ๆ ที่ไม่ทันปลัดหลวงปู่ตี๋ ได้มีปลัดไว้ใช้ จึงได้เอาไว้ที่พอมีพอหาได้ ไม้ขนุน ไม้มะขาม แก่นมะขาม ตามแต่ศิษย์จะนำมาให้ หรือหามาได้ ทำการแกะมือง่ายๆ เท่าที่จะแกะได้ เมื่อได้จำนวนพอสมควรแล้วก็ทำพิธีปลุกเสกตามตำราที่ได้เรียนมา ซึ่งบทปลุกปลัดในสายวิชาของหลวงปู่ตี๋ที่สืบมาแต่หลวงปู่อิ่ม มีด้วยกันหลายบท แต่จะอยู่สองสามบท ที่เมื่อปลุกด้วยบทนี้จะทำให้ปลัดมีชีวิต ลุกตั้ง หรือกระโดดได้ อาจารย์ตู่ก็ทำการเสกไป เมื่อว่างจากการเสกก็นำมาจารหมึก เรียกสูตรทีละตัว จนครบ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนกับของหลวงปู่ และไม่เป็นการทับรอยครูบาอาจารย์จึงนำมาตอกโค๊ต อ.ตู่ สุพรรณ หรือ อ.ตู่ สุพรรณ แล้วก็นำมาถักเชือกเพื่อเพิ่มเอกลักษณ์

ปลัดนี้เป็นปลัดยุคแรก ของ อ.ตู่ จะมีการถักเชือก


จากนั้นก็มีการทำออกมาเรื่อยๆ โดยชุดที่ถัดจากถักเชือกก็นำมาจุ่มรักแดงที่หัว ศิษย์ก็จะเรียกกันว่าปลัดหัวแดง ปลัดหัวแดนี้มีด้วยกันหลายแบบ หลายเนื้อตามแต่จะหาไม้มาได้ แต่สำคัญที่รุ่นนี้ต้องจุ่มรักสีแดง และมีตอกโค๊ต โค๊ตที่ตอกจะมีสองแบบคือ อ.ตู่ สุพรรณ หรือ ปฐวี สุพรรณ ปลัดของหลวงปู่กับของอาจารย์ตู่จะแตกต่างกันโดยดูที่ที่โค๊ตเป็นหลักคับ ทีนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วปลัดกระโดดเป็นอย่างไร ทำไมจึงเรียกปลัดกระโดด เดี๋ยวค่ำๆ จะมาเล่าต่อถึงปลัดกระโดดคับ ขอตัวไปทำภารกิจก่อนคับ

 

หัวแดงเเรงฤทธิ์ทุกรุ่นเลยครับ วันนั้นผมเห็นกับตา พรุ่งจากชั้นสองลงมาพื้นหน้าบ้านอย่างแรง ถ้าไม่เห็นด้วยตา ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ เชิญทุกท่านไปพิสูจน์ได้ที่บ้านอาจารย์ตู่ครับ

 

ปลัดโดด อาจารย์ตู่ (ต่อ)
ทีนี้มาว่ากันเรื่องปลัดโดดต่อ เมื่ออาจารย์ลองทำปลัดขิกตามสายวิชาขึ้น ปรากฏว่าเมื่อเสกๆ อยู่ปลัดก็กระโดดออกจากพานได้เอง ศิษย์ที่นั่งร่วมพิธีต่างก็วิ่งกันออกไปแย่งเก็บ ซึ่งไม่เคยเห็นกันมาก่อน บางครั้งวางไว้ในพานเฉยๆ ก็จะกระโดดพุ่งออกมาตำขาผู้หญิงบ้าง ตำก้นผู้หญิงบ้าง บางคนกระโดดใส่หน้าอกก็มี ถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่ก็สร้างสีสันพอสมควร เรียกว่าใครมาบ้านอาจารยืก็นั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ปลัดจะโดด เรื่องว่าเมื่อสเกได้ที่แล้ว ถึงเวลาก็จะบินมาเอง มีหลายครั้งที่ผมเห็นกับตา ครั้งนึงนั่งข้างพี่ผู้หญิงท่านนึง พี่เค้าหน้าตาสวย ขาว แถมยังใส่กางเกงขาสั้นมาอีก สีกพักสิ่งที่ผมเห็นค่อ ปลัดขิกโผล่มาจากอากาศ แล้วพุ่งลงตำขาพี่ผู้หญิงท่านนั้นจนถึงกับร้องเสียงดังออกมา อีกครั้งเห็นบินจากนอกนอกบ้านเข้ามาหยุดลงที่พื้นตรงหน้าหลวงปู่พอดี จังหวะนั้นไม่มีคนอยู่ผมเลยเดินมาหยิบได้สบายๆ อีกครั้งก็แปลกมีพี่กระเทยท่านนึงมาที่บ้านอ.ตู่ เมื่อเสร็จธุระก็เดินกลับออกไป กำลังจะถึงปากซอยที่เดินเข้ามา ปลัดก็บินจากไหนไม่ทราบชนเข้าที่ก้นพี่ท่านนั้นเต็มๆ พี่ท่านนั้นตกใจคิดว่าคนปาใส่ เลยเก็บมาคืน ลักษณะของปลัดเมื่อจะบิน จะมีเสียงวี๊ดเข้าหูเราก่อน จากนั้นจะดังแป๊กแรงๆ รู้อีกทีก็เห็นปลัดบินมาแล้ว เมื่อจับได้ใหม่ๆ จะรู้สึกร้อน ด้วยว่ามันบินได้ ศิษย์จึงเรียกกนว่า ปลัดบิน ซึ่งก็บอกไม่ได้ว่าตัวไหนจะบิน นานวันเข้าก็เริ่มบินถี่ขึ้น จนศิษย์ และอาจารย์ต้องหาวิธีรับมือกับเจ้าปลัดที่ซุกซนเหล่านี้ ลองปิดถุงก็แล้ว เอาผ้าคลุมก็แล้ว ยังบินมาอีก สุดท้ายร้อยเชือก ปรากฏว่าไม่มีบินเลย แต่ถ้าเผื่อลืมร้อยเชือกเมื่อไหร่เป็นต้องบินให้วิ่งไล่กันเสมอๆ ปลัดบินก็มีที่มาเท่านี้

แต่ทีนี้เมื่อมันบินได้ เพื่อเป็นการป้องกันคนแอบอ้างหากินภายหลังจึงได้ตอกโค๊ตเพิ่ม คือใครหยิบได้ให้เอามาตอกโค๊ตเพิ่มบริเวณหัวปลัดสองที่ เป็นโค๊ตรูปหยดน้ำ เรื่องปลัดบินก็มีเรื่องตลกอยู่เรื่อง คือ ช่วงที่ปลัดขิกเริ่มแผลงฤทธิ์บินใหม่ๆ มีพี่ท่านนึงเก็บได้ ก็ได้ถ่ายรูปโชว์เพื่อนๆ ด้วยความบังเอิญมีพี่อีกท่านเห็น ด้วยความศรัทธา และเชื่อเป็นทุนอยู่แล้วในความศักดิ์สิทธิ์ของสายวิชาหลวงปู่ตี๋ จึงเอ่ยปากขอเช่า พี่เจ้าของปลัดไม่อยากปล่อย ด้วยคิดว่าเป็นของหใม่ อาจารย์เองก็เป็นฆราวาส ใครที่ไหนจะมาซื้อ พี่เจ้าของปลัดบินจึงบอกราคาส่งๆ ไป 4000 บาทถ้วนๆ ปรากฏว่าพี่ที่ถามขอซื้อตกลงเอาจริงๆ ด้วยสัจจะที่พูดไว้ และไม่ให้เสียคำพูด พี่ท่านนั้นเลยต้องจำใจขายปลัดบินไปด้วยราคา 4000 จริงๆ แต่สุดท้ายพี่เจ้าของปลัดก็ได้รับความเมตตาอีกครั้ง หลังจากเฝ้ารอปลัดบินมาหลายเดือน สุดท้ายปลัดลอยมาจากอากาศ ทะลุแสลนกันแดด มาตกลงบนฝ่ามือพี่แกพอดิบพอดี

มาดูโค๊ตบนปลัดกันคับ ปลัดทั่วไปจะมีโค๊ตแบบนี้คับ ปฐวี สุพรรณ อ.ตู่ สุพรรณ บางครั้งก็อาจจะไม่ได้ตอกสุพรรณไว้ แต่ต้องมี ปฐวี หรือ อ.ตู่ คับ




ส่วนปัดที่บิน หรือปลัดโดดจะมีการตอกโค๊ตหยดน้ำเพิ่มเข้ามา โดยจะตอกที่หัวปลัดทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ย้ำว่าจะมีโค๊ตหยดน้ำนี้สองด้านของหัวหลัดคับ ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ เพื่อความสบายใจในอนาคต โค๊ตก็จะเป็นลักษณะนี้คับ

 

น้องแชมป์ เอามาแบ่งพี่บ้างสิ แย่งเค้าไม่ค่อยจะทัน

 

ปลัดไม้กัลปังหา เล็กๆ น่ารัก เล็กกว่าโค๊ตที่ตอก เลยไม่มีโค๊ต เจ้าของรู้เอง

 

ปลัดบางส่วนที่พอมีบ้าง ชุดนี้ไม่กระโดดนะคับ

 

ตัวนี้ที่บินมาตกหน้ารูปหล่อหลวงปู่พอดี เก็บได้กับมือ ใช้ติดตัวตลอดคับ

 

กราบ ลป ตี๋ ครับ
อยากได้แบบโดดได้บ้าง

 

คงต้องรอกระโดดอีกสักรอบแล้วกันคับ ช่วงนี้กระโดดน้อยแล้ว เพราะเอาเชือกร้อยไว้หมด ไม่งั้นมันไปไม่มีเหลือ คนเก็บได้ก็ไม่ค่อยปล่อยกำติดมือแน่น ไว้ถ้ามีผมค่อยแจ้งไปแล้วกันคับ

 

ตะวันที่อาจารย์ตู่มีผ้ายันต์จารมือบ้างไหมน้อง

 

ประสพการรุ่นเจริญสุขแคล้วคลาดอีกแล้ว

ไปอ่านเจอในเว็ปนี้ครับ ประสพการณ์

น่าจะเป็นอาจารย์ตู่เขียนไว้เองครับ

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 19 ก.ค 54 ที่แล้ว คุณส้มจีน มะลิกุล อายุ 44 ปี เป็นพนักงานกวาดถนน ของกรุงเทพฯมหานคร บ้านอยู่แถวบางบัว ได้ไปทำงานในวันดังกล่าว เวลาเช้ามืด ในระหว่างที่กวาดถนนอยู่นั้น ก็เอะไจเหมือนมีคน ตะโกนเรียกชื่อ ว่าส้ม ส้มโว้ย คุณส้มแก่ก็หันมาทางคนเรียก คุณส้มแก่มองเห็นรถเก๋ง สีปรอนเงิน วิ่งมาด้วยความเร็วสูง และเหมือนจะวิ่งตรงมาที่แกยืนอยู่ คูณส้มเห็นดังนั้น ด้วยความไม่ใว้ใจ แก่ รีบวิ่งด้วยสัญชาติ ตญาณ ตัวเองรีบวิ่ง ไปหลบที่ต้นไม้ เจ้ารถก็ยังคงวิ่งตรงมา แก่ก็วิ่งหนีอีกครั้ง ไปแอบที่ตู้โทรศัพย์ เท่านั้นเอง ชั่วเซี้ยววินาทีนั้น พอแก่หลบถึงตู้ขาสั่นอยู่นั้น รถคันดังกล่าวก็ วิ่งชนต้นไม้จนขาดกระเด็น และยังวิ่งมาชนตู้ โทรศัพย์ที่ คุณส้มแก่ยืนขาสั่นนั้น เสียงดังโครม ทำให้รถไปไม่ได้ และ จอดสนิทอยู่ที่ตู้โทรศัพย์ นั้นเอง แก่ตกใจมากจนขาสั่นกร้าวขาไม่ออกยืนอยู่ หลังตู้โทรศัพย์ คนขับเปิดประตูรถออกมา ก็ไม่เป็นไรมาก กระดูกแตก บาดเจ็บ ส่วนรถพัง ต้นไม้ขาด ตู้ก็เอนตะแครง กระจกแตกเสียหาย แต่ไม่ถูกคุณส้มเลยสักนิด ทั้งๆที่หลบหลังตู้ คุณส้มบอก ถ้าไม่ได้ยินคนเรียก และ หนีไปแอบต้นไม้ ก็กลัวว่าต้นไม้จะล้มใส่ จึงตัดสินใจวิ่งไปแอบ หลังตู้โทรศัพย์ คนขับคลานลงมาจากรถ ยังขอดูพระ ในคอคุณส้มเลย คุณส้มบอก คนขับยกนิ้วให้ ส่วนคุณส้มเองแก่ก็บอกด้วยความมั่นใจว่า แก่แขวนหลวงปู่ตี๋ องค์เดียวรุ่นเจริญสุข เนื้อทองแดงธรรมดา เพราะพี่แก่บอก แก่มีปัจใจน้อย เลยเช่าเหรียญ ทองแดงรมดำไว้เท่านั้น แน่ก็สรัทธา หลวงปู่มาก และ กราบใหว้ท่านทุกวัน พี่ส้มแก่บอกด้วยความมั่นใจว่า วันดังกล่าวถ้าไม่มี หรือ ไม่แขวนหลวงปู่ตี๋ แก่คงถูกรถชนตายแน่ๆเลย แต่ครั้งนี้แก่ก็บอกด้วยความมั่นใจว่า เป็นเพราะแขวนเหรียณ หลวงปู่ตี๋ แน่ๆเลย แก่จึงรอดมาได้ สาธุขออำนาจหลวงปู่จงคุ้มครองศิษย์ทุกคนด้วยเทิญ


นี่ก็อีกรายหนึ่ง เมื่อวันเข้าพรรษา ที่แล้ว คือเมื่อวันเสาร์ ที่ 16 ก.ค 54 ที่ผ่านมา คุณ ธเนตร สารสิน ได้กลับไป ทำบุญเข้าพรรษา ที่ขอนแก่น ขากลับมากรุงเทพฯ คุณธเนตร เล่าให้ฟังว่า ประมาณเที่ยงคืนเห็นจะได้ ในระหว่างที่รถแก่วิ่งมา ถึงแถวๆลำตะคองขาเข้ากรุงเทพฯ คุณธเนตร แก่บอกแก่หลับใน อยู่ แก่ก็ต้องตกใจ รีบสดุ้งตื่น เมื่อแก่ได้ยินไม่รู้ใคร เอามือมาทุบหน้ารถแก่ดังสนั่นเลย จนแก่สดุ้งตื่นแบบตกใจ จนทำให้แก่ หยีบเตะเบรค และมือก็หักพวงมะลัยรถมาด้านซ้ายมือ สดุ้งสุดตัว แก่บอกได้ยินมีคนมาทุบจริงๆดังปึ้งๆๆๆ จนสดุ้งขึ้นมา คุณธเนตรบอกถ้าไม่สดุ้ง และ หักพวงมาลัยรถ หรือ แตะเบรค แต่บอกนิดเดียวแก่หล่นข้างทางแน่ๆเลย แถวๆลำตะคลอง ทั้งตัวแก่ และแฟนที่นั่งไปด้วยร้องกันลั่นรถเลย อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง ใจหายหมดเลย แก่บอก ก่อนแก่จะออกจากบ้านขับรถมา แก่อาราทนา เหรียณรุ่นแจกทานหลวงปู่ตี๋ ให้คุ้มครองปลอดภัย เดินทางด้วยความ คลาดแคล้วปลอดภัย และครั้งที่ตัวแก่รอดมานี้ คุณธเนตร บอก ก็เป็นเพราะ เหรียณหลวงปู่ตี๋ รุ่นแจกทานนี้แน่ๆเลย เพราะเหมืนว่า หลวงปู่เห็นหลับใน เลยมาทุบรถให้รู้สึกตัว จนสดุ้งตื่น แล้ว สามารถขับรถรอดมาได้ ก็เป็นเพราะด้วย บารมีหลวงปู่ แน่ๆเลย คุณ ธเนตร แก่บอกด้วยความมั่นใจครับ ส่วนตัวผมเมื่อเห็น คูณ ธเนตรพร้อมภรรยา ปลอดภัยก็อดยกมือท้วมหัวไม่ได้ เพราะจะนึกถึงบารมีหลวงปู่ ที่เคยสำแดงอิทธิฤิทธิ์มานับครั้งไม่ถ้วน ที่เลยแคล้วคลาดมา จนแทบจะเรียกได้ว่า สาธุ สาธุ ขอบารมีหลวงปู่จงคุ้มครองทุกคน ที่มีเหรียณหลวงปู่ ทุกรุ่น พระทุกพิมพ์ ขออำนาจบารมีจงดลบรรดาลให้ ทุกคนจงแคล้วคลาดทุกคน ทุกท่านเทิญ..........ด้วยพลังศรัทธรา หลวงปู่ตี๋ แท้ๆๆ รุ่นแจกทาน

ด้วยพลังศรัทธรา ด้วยอำนาจแห่งครูบาอาจารย์ ที่ ร่ำเรียนมา ด้วยศักดิ์ศรีแห่งสุพรรณบุรี หลวงปู่ตี๋ จึงมักพูดอยู่เสมอว่า

กูก็ชายชาติสือ....ไม่เคยขอเนื้อใครกิน...กูทำกูก็ต้องรับผิดชอบ...วัตถุมงคลของกู.... มึงกับกูก็พอ....หลวงปู่ท่านจึงมักปลุกเสกวัตถุมงคลของท่าน...แบบองค์เดียวและลูกศิษย์เอกของท่านที่ท่านไว้ใจเท่านั้น

ที่ วัดท่ามะกรูด มึงกับกูก็พอ เป็นที่อภินิหาร ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในระหว่างปลุกเสก ทุกครั้ง ทุกเวลา มักมีพระอาทิตย์ทรงกรด ตลอดเวลาปลุกเสก

ในระหว่างปลุกเสก กลวงวัน แดดเปรี้ยงๆ กับมีฟ้าร้อง ฟ้าคำรามตลอดเวลา ขณะปลุกเสก คล้ายๆกับว่าจะมีฝนตก ทั้งๆที่แดดจ้า

เหรียณที่หลวงปู่ตี๋ปลุกเสก ที่อยู่ในบ๊อกวางกันเป็นชั้นๆแบบกระดุก กระดิกไม่ได้ แต่กลับ มีเหรียณพลิกหน้า พริกหลัง เหมืนหลวงพ่อมุ่ย อาจารย์ของท่าน ทั้งๆที่ คุณ หนุ่ม สุพรรณ วางเลียงกับ คุณ จี๊บ ปากพนัง กับมือตัวเอง ทั้งสองท่าน เลียงเอาด้านหลวงปู่นั่ง ตลอดทุกเหรียณ แต่หลังปลุกเสก กลับพลิกเอาหลังขึ้นบ้างลงบ้าง ทุกกระบะเลย เรียกว่า นารายพลิกแผ่นดิน ด้วยกสิณของหลวงปู่ตี๋

หลวงปู่ท่านมักปลุกเสก ทุกครั้ง จะมีท่านกับศิษย์ของท่านเท่านั้น ด้วยความมั่นใจ ในวัตถุมงคลของท่าน อย่างภาคภูมิใจ ว่า .....ของจริงต้องนิ่งเป็นใบ้...ของพูดได้..เป็นของไม่จริง....ศึกษาให้ดี ตรวจสอบให้แท้ ก่อนตัดสินใจ ของต้องมีที่มา ที่ไป จะรู้ได้ ว่านี่คือของจริง

ปลุกเสกครั้งสุดท้ายของการมีพิธี ที่วัดสุธิสอาด เมื่อวันเสาร์ห้า เมื่อ
วันเสาร์ ที่ 20 มี.ค 2553 และ นำเหรียณแจกทานเข้าครั้งสุดท้าย และ นำเหรียณ ที่แจกทหารต็อกเลข ๕ อีกจำนวน 1000 เหรียณเข้าปลุกเสก และ แจกให้ทหาร เรียบร้อยแล้ว รุ่นนี้จึงมักมีคนอ้างถึงบ่อยๆ แต่แท้จริงอยู่ที่ผมนี่ครับ ด้วยสรัทจริง

 

ขอบคุณคร้าบ

 

อันนี้เรื่องปลัด จากคุณ ตั้มปทุม

อีกนิด หนึ่งครับ พี่ๆ เคยเป็น ร้อนในที่ปากบ้างหรือแบบว่าเป็นหนองบอมๆอ่ะครับ และก็ปวดด้วย ผมใช้คุณปลัดของหลวงปู่จี้เลยครับ หายปวดเลยครับ แต่แผลไม่หายน่ะครับ แต่ไม่ปวดแล้ว นี่แหละครับหลวงปู่ของพวกเราครับ ศักด์สิทธิ์ มากๆ ปล.หายปวดจริงๆแทบจะเดี๋ยวนั้นเลย ครับ ตอนนี้ผมก็ตามเก็บของหลวงปู่เรื่อยๆเท่าที่กำลังทรัพย์จะอำนวย เอาอาไรมาแลกก็ไม่ยอม

 

มีคับ เป็นผ้ายันต์จารมือ อาจารย์ตู่จาร หลวงปู่ตี๋เสก ไว้จะลองไปขอถ่ายภาพมาให้ชมคับ

 

ปลัดขิกเขาควาย มีน้อยคับ

 

น้อมกราบไว้อาลัยแด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเกี่ยว
กรรมอันใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมในกรรมนั้น

 

น้อมกราบไว้อาลัยแด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จเกี่ยว
กรรมอันใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมในกรรมนั้น

 

คืนนี้ปิดท้ายด้วยลูกอมผงพรายรุ่น ๒ อาจารย์ตู่ทำเอง มวลสารหลวงปู่ตี๋ท่านเสกไว้ให้

 

ของดีที่คนมองข้ามอีกชิ้นคับ ใช้ดีทีเดียว
แป้งเสกคับ ทาหน้า ทาตัวได้ แต่ห้าทาต่ำกว่าเอวคับ ไว้เดี๋ยวมาเล่าเรื่องแป้งสั้นๆ คับ ขอตัวไปธุระก่อน

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ตี๋ ในเช้าวันแม่คับ

มาต่อที่เรื่องสั้นๆ ของแป้งเสกนี้กันคับ หลวงปู่ตี๋ท่านได้ไปกราบฝากตัวเรียนวิชากับหลวงปู่เย็น ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข หลวงปู่เย็นท่านได้เมตตาสอนวิชาต่างๆ ทั้งการย่นย่อระยะทาง หรือการเสกไม้ขวางทาง ซึ่งคาดว่าเป็นตัว พ วิชาเอกของหลวงปู่ เนื่องจากในตำราหลวงปู่ตี๋มีกล่าวไว้ถึงวิธีทำอย่างครบถ้วน--ความคิดผมเองนะคับ และวิชาต่างๆ ตามที่หลวงปู่เย็นท่านเมตตาสอน เมื่อได้เรียนสรรพวิชาต่างๆ กับหลวงปู่เย็นแล้ว หลวงปู่เย็นก็ยังแนะนำให้ไปกราบหลวงปู่บุดดา(ขณะนั้นหลวงปู่เย็น และหลวงปู่บุดดายังจำพรรษาที่วัดกลางชูศรีเจริญสุขด้วยกัน)อีกด้วย หลวงปู่ตี๋จึงได้เรียนวิชาทั้งจากหลวงปู่เย็น และหลวงปู่บุดดา โดยหลวงปู่บุดดาได้เมตตาสอนวิชาทำแป้งเสก(ต่อมาภายหลังเป็นสิ่งที่สร้างชื่อให้หลวงปู่) สีผึ้งเมตตา และวิชาทางเมตตาต่างๆ

หลวงปู่ตี๋ท่านได้เคยทำแป้งเสกเอาไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้ได้ดีมากทีเดียว แต่ก็เป็นของหายาก เพราะไม่ได้มีเอกลักษณ์ใดๆ ศิษย์ส่วนมาก็มักจะมาให้หลวงปู่เจิมหน้าให้ด้วยแป้งเสกนี้ เมื่อหลวงปู่ไม่อยู่แล้วก็ยังแวะเวียนมาให้อาจารย์ตู่เจิมด้วยแป้งเสกนี้เช่นกัน เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ศิษย์หลวงปู่ทีเป็นทหารได้รับแป้งเสกของหลวงปู่ไปจำนวนหนึ่ง อาจารย์ตู่ก็กำชับไว้ว่า อย่าทาต่ำกว่าเอว เมื่อนายทหารท่านนั้นรับไปแล้วก็นำไปใช้ทาตัว แต่ด้วยความอยากรู้อยากลองจึงได้ลองทาต่ำกว่าเอวลงไป ปรากฏว่าไม่นานสักพักช่วงล่างของพี่ทหารแกก็เริ่มบวมขึ้น และปวดขึ้น สุดท้ายทนไม่ไหวต้องกลับมาหาอาจารยืตู่ เพื่อขอขมาและแก้ให้ อาจารย์ตู่ก็ทำพิธีแก้ให้ ไม่นานอาการต่างๆ ก็หายไปโดยสิ้นเชิง ท่านใดมีก็รักษาไว้ดีๆ นะคับ ของดีมากทีเดียว กระปุกในรูปนี้เป็นแป้งเสกของหลวงปู่ตี๋ผสมกับแป้งเสกหลวงหลวงปู่บุดดา