ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

เห็นหลวงปู่แล้วชื่นใจคับ จิตท่านไวและแรงมาก หลวงปู่ท่านเรียนมาเยอะ ถือเพศพรหมจรรย์มาโดยตลอด จิตสะอาดใสมาก

เคยมีครั้งนึงไปหลวงปู่ท่านไปพุทธาภิเษกที่วัดทับขี้เหล็ก ชัยนาท นั่งปรกหมู่ซึ่งคราวนั้นมีหลวงพ่อมี วัดมารวิชัยไปด้วย ขณะพุทธาภิเษกได้เกิดเหตุว่าสายสิญจน์ที่หลวงปู่ตี๋ท่านจับอยู่โดนลมไปติดเปลวเทียนน้ำมนต์ที่จุดอยู่ แต่สายสิญจน์ไม่ไหม้ไฟ ไม่ขาด มีแต่เขม่าดำเท่านั้น เมื่อพุทธาภิเษกเสร็จหลวงพ่อมีท่านก็ให้ศิษย์นิมนต์หลวงปู่ตี๋เข้าพบ และปิดกุฏิคุยกันนานนับชั่วโมง ระหว่างรอศิษย์ทางฝั่งหลวงปู่ตี๋ ก็ถามศิษย์ทางฝั่งหลวงพ่อมีว่า เหตุใดหลวงพ่อมีท่านถึงอยากพบหลวงปู่ตี๋ ศิษย์หลวงพ่อมีก็เล่าว่า หลวงพ่อมีท่านนั่งพุทธาภิเษกอยู่ได้เห็นเปลวเพลิงเป็นลูกไฟขนาดใหญ่รอบกายของหลวงปู่พุ่งเข้าใส่กองวัตถุมงคลหลายครั้ง หลวงพ่อมีท่านว่าพระรูปนี้เป็นใคร มาจากที่ใดไปนิมนต์มาให้หน่อย พระรูปนี้ไม่ธรรมดาจึงอยากพบเพื่อสนทนาด้วย

นี่คือเหตุการณ์ในวันนั้น ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าหลวงพ่อทั้งสองคุยอะไรกันบ้าง เมื่อถามหลวงปู่ตี๋ ท่านก็กล่าวแต่เพียงว่า ไม่มีอะไรเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชากันนิดหน่อย ซึ่งในยุคนั้นคนจะรู้จักหลวงปู่น้อยว่าท่านคือใคร และเป็นศิษย์ 3 ต.ของหลวงพ่อกวยรูปสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนั้น และเป็นศิษย์เรียนกับหลวงพ่อมุ่ยมาโดนตรงที่ยังมีชีวิตอยู่ บางครั้งเมื่อไปพุทธาภิเษกพระ หรือฆราวาสบางคนที่รู้จักหลวงปู่ถึงกับตกใจ ด้วยคิดว่าท่านมรณะไปนานแล้ว เพราะตัวหลวงปู่ตี๋เองท่านค่อนข้างเก็บตัวมากๆ พุทธาภิเษกเสร็จก็กลับ จึงไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังนักในช่วงนั้น

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ตี๋

เช้าวันนี้ฝนตกแต่เช้า และมีเรื่องน่าชื่น คือศิษย์หลวงปู่ตี๋ที่ได้บนกับหลวงปู่ไว้ นำเงินมาแก้บนกับด้วยปู่ คือคุณสุชาติ และคุณเฉลียวได้ถวายเงินต่อรูปหล่อหลวงปู่จำนวน 100,000 บาท โดยมีอาจารย์ตู่เป็นตัวแทนรับมอบ มีท่านทนายเจษฏา พี่ตี๋เป็นสักขีพยาน โดยมอบให้แก่คณะศิษย์ฉันทธัมโมเพื่อร่วมสร้างที่พักสงฆ์ ณ จังหวัดยโสธร ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น อาจารย์ตู่จะได้นำเงินส่วนนี้ไปสร้างกำแพงที่พักสงฆ์ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ให้แล้วเสร็จ ขอเชิญศิษย์ทุกท่านร่วมอนุโมทนาด้วยคับ

จ

 

ภูมิคุ้มกันเล็กน้อยคับ

ทราบว่าหลายๆ ท่านกำลังตามหาวัตถุมงคลของหลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ซึ่งต้องยอมรับว่าหายาก ราคาแพง และมีมากมายหลายแบบ เนื่องจากของที่ให้บุชาอยู่ส่วนมากเป็นของเก่า สร้างไม่มาก นิยมแจกฟรี ไม่มีรุ่น หรืออะไรทั้งสิ้น เพราะไม่มีคนคิดว่าของหลวงปู่จะเป็นทีนิยม ท่านเองมองตัวท่านว่าเป็นพระแก่ๆ ไม่อยากเด่นดังอะไร ไม่ได้สนใจเงิน ไม่ได้ดูทีวี หรืออ่านข่าว ช่วงหลวงปู่ป่วยน้ำขวดที่ดื่มท่านยังเข้าใจว่าขวดละ 1 บาทอยู่เลย (เดี๋ยวเล่าต่อ ไม่งั้นจะยาวไป)

ภาพนี้บอกไว้เป็นภูมิคุ้มกันนะคับ รูปนี้หลายคนอ้างว่าสร้างออกมาปี 13 อันนี้ผมไม่ทราบว่าออกปีนั้นหรือเปล่าแต่คาดว่าน่าจะใช่ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ภาพนี้ฟิล์มไม่ได้อยู่ที่หลวงปู่ หรืออาจารย์ตู่ ตอนที่ไปขนของจากกุฎิท่านมาซึ่งหลวงปู่เป็นผู้ควบคุมการขนย้ายเอง ก็ไม่พบแต่อย่างใด รูปนี้คาดว่าเป็นรูปเก่า แล้วได้มีการนำฟิล์มไปอัดใหม่ แล้วขนรูปที่อัดมาถวายหลวงปู่ให้เสก ท่านก็เสกให้ ทิ้งไว้ที่หลวงปู่บางส่วน ขนกลับไปบางส่วน ดังนั้นรูปนี้ทราบว่ามีปลอม และมีออกมามากแน่ๆ ถ้าหลวงปู่ติดกระแสเมื่อไหร่ออกมาแน่ๆ จะมีปั้มหมึกอย่างที่เห็น และมีตราปั้มนูนของร้านห้องภาพจิตรกร สามชุก ด้วย หลายคนเห็นแบบนี้แล้วก็จะนึกว่าของแท้แน่นอน แต่ให้ระวัง เพราะฟิล์มไม่ได้ถูกนำมาถวายหลวงปู่ รูปอาจจะดูคลาสสิค แต่เป็นการนำเก่ามาทำใหม่ ถ้าเก่าจริง ต้องมีพรายปรอทขึ้น กระดาษาจะไม่ใหม่สด ด้านหลังก็อาจจะมีปั้มยันต์ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำขึ้นใหม่ประกอบนิยายได้ ถ้าจะเล่นไม่แนะนำ แต่ถ้ามีรอยจารก็พอเก็บได้ แต่ส่วนตัวผมไม่สนับสนุนให้อุดหนุนพวกนี้ โปรดระวังไว้ ไปเจอก็ห่างๆ ไว้ก่อน เพราะเป็นวัตถุมงคลที่สามารถงอกได้ และไม่มีโค๊ตที่ตอกของหลวงปู่

วัตถุมงคลของหลวงปู่ สำคัญ ที่โค๊ต คับ ส่วนมากจะตอก ตี๋ สุพรรณ ไว้ ยึดตรงนี้เป็นที่สุด โค๊ตนี้มาทำให้หลวงปู่ช่วงหลังท่เมื่อขนวัตถุมงคลออกจากกุฎิหลวงปู่แล้วก็ได้สร้างโค๊ตนี้ขึ้น แล้วเร่งตอกวัตถุมงคลทุกอย่างที่ขนมา ซึ้งก็มีหลายชนิดที่ขนมาไม่หมด หรือบางอย่างก็อยู่ที่ศิษย์คนอื่น ซึ่งรับประกันไม่ได้ว่าจะมีงอกออกมารึเปล่า ของปลอมยังพอดูออก เพราะมีตำหนิใช้แยกแยะ แต่ของเสริมนี่แหละน่ากลัวที่สุด ยังมีวัตถุมงคลอีกมากของหลวงปู่ที่น่ากลัว แม้จะเช่าจากวัดก็ตาม เพราะวัดก็หวังเงินทองมากกว่าดูแลหลวงปู่ จนในที่สุดก็ต้องเอาหลวงปู่มาดูแลกันเอง ท่านจึงได้สบาย ได้พักผ่อนในช่วงท้ายของสังขาร

 

ตะวันแล้วเหรียญรุ่น 4 เก็บได้ไหมที่มาที่ไปเป้นอย่างไร

 

เหรียญรุ่น 4 ดีที่สุดคับ รุ่นนี้เสกนานที่สุด และทำกันเองในหมู่ศิษย์ไม่ได้มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว รายได้เข้าหลวงปู่เต็มๆ เพราะไม่มีส่วนได้เสียกับคนวงนอกเหมือนรุ่นก่อนๆ รุ่นนี้หลวงปู่ท่านรู้วาระจิตแล้วว่าท่านจะมรณะเมื่อใด และได้เสกอย่างเต็มที่ทิ้งทวน หลายวาระ ทั้งสเกเกี่ยวในห้องนอน เช้า กลางวัน ดึก ใกล้สว่างท่านรู้ว่าระเมื่อใดก็ลุกมาเสก หลายครั้งก็ปลุกอาจารย์ตู่ที่นอนเฝ้าอยู่ในอาบน้ำ แต่ตัวรับศีล มานั่งปลุกด้วย ท่านมั่นใจศิษย์คนนี้ของท่านมาก และพอใจในตัวอาจารย์ตู่แล้ว จึงได้บอกศิษย์ทุกคนว่าจะละสังขารเมื่อใด เหรียญรุ่น 4 นี้หลวงปู่ท่านจะดูฤกษ์พิธีเสกทั้งหมดให้ดี ใช้ได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร ดีทั้งกลางวัน กลางคืน เอาหมด เคล็ดวิชาทุกอย่างใส่ให้หมด เหรียญบางรุ่นของท่านราคาแพง บอกเสกไตรมาส แต่แท้จริงแล้วเสกไม่ถึงอาทิตย์(ไม่อยากเล่ามากกระทบคนขายพระหลายๆ คนที่หากินทางนี้เป็นอาชีพ เลี้ยงตัว เลี้ยงลูกเมีย) ผมจึงมั่นใจในเหรียญนี้ การออกแบบได้ออกแบบอย่างประณีตที่สุด จะใส่อะไรอย่างไรจะมีความหมาย หรือคติ เคล็ดวิชาแฝงไว้ในเหรียญ เหรียญนี้ยังซ่อนโคีตจุดตายไว้ด้วย ซึ่งขณะนี้รุ่นนี้ไม่มีปลอม ไม่มีเสริม เพราะถ้าจะปลอมราคาแพงมาก ไม่คุ้มในตอนนี้ แต่เสริมหายห่วงได้เลย ศิษย์หลวงปู่ทำกันอย่างรัดกุมมากสำหรับรุ่นนี้ เนื่องจากเจอบทเรียนมาเยอะ

ถ้าห้อยคอ ราคาถูกแนะนำเนื้อธรรมดาทองแดงรมดำ เพราะสร้างจำนวนมาก และอยู่กับหลวงปู่นานที่สุด แต่เนื้ออื่นเมื่อเสกเสร็จก็ต้องรีบส่งให้กับผู้จอง แต่เนื้อนี้มร้างเยอะ จึงอยู่กับหลวงปู่ได้นาน ไม่ต้องรีบส่งมอบ เพราะคนจะเน้นเนื้อราคาแพงยอดจองจะเต็มเร็ซ เสกเสร็จครบวาระก็ออก เหรียญนี้เมื่อคราวเสกมีปาฎิหารย์หลายอย่างมาก ทั้งเหรียญที่ถูกปิดประกบไว้กลับพลิกกลับด้านได้เองในกล่อง หลวงปู่ท่านบอกว่าลงนารายณ์พลิกแผ่นดินให้ พลิดดวงชะตา เสริมดวง ขณะเสกมีลมพัดเข้ามาแรงมากตลอดทั้งพิธี แต่เทียน ตะเกียงที่จุดในโบสถ์ร้อยกว่าเล่ม ไม่ดับ ตั้งตรงส่องสว่างจนเสร็จพิธี พระอาทิตย์ทรงกลดนี่ไม่ต้องพูดถึง เสกกลางวันพระอาทิตย์ทรงกลด พระจันทร์ขึ้น เสกกลางคืนพระจันทร์ทรงกลด รุ่นนี้จึงครบเครื่อง และหลวงปู่ท่านตั้งใจทิ้งทวนจริงๆ

เก็บไว้ใช้ให้เก็บรุ่น 4 เก็บไว้ขายให้เก็บรุ่น 3 เก็บเป็นครูให้เก็บรุ่น 1 ส่วนรุ่น 2 ไม่นิยมเพราะของถูกขโมยไปเยอะ

 

เหรียญรุ่น 4 นี้ทำการแกะบล๊อกตั้งแต่ยังเสกเหรียญรุ่น 3 อยู่เลย ดังนั้น มั่นใจได้ในเรื่องรายละเอียด ทำกันเองในหมู่ศิษย์ กับหลวงปู่ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ คิด ดังนั้นงานที่ออกมาจึงสวยงาม หมือนมืออาชีพ เรียกว่าเทียบชั้นกับเหรียญที่ศูนย์ออกได้เลย ไม่อายใคร เหรียญนี้ทำแบบไม่พึ่งศูนย์ ไม่พึ่งนักสร้างพระ คิดกันเอง ทำกันเอง มั่นใจได้คับ ผมเองเก็บรุ่นนี้รุ่นเดียว เพราะชอบส่วนตัว ยังมีเหรียญอีกแบบนึงที่อยากแนะนำเหมือนกัน ปล. ที่ผมไม่มีขายนะคับ อยากได้ลองเสาะหาดูตามเว็บ หรือสนามพระพอมีให้เห็นบ้าง เดี๋ยวจะมาเล่าต่อวันหลัง ขอตัวไปซื้อตลับใส่สีผึ้งก่อนคับ

 

สาธุ
อนุโมทนาด้วยครับ
และขอบคุณภาพบรรยากาศงาน (ยิ่งเห็น ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกเสียดาย)
สุดท้าย สีผึ้ง บาดตาบาดใจเหลือเกิ๊น

 

เหลือให้ผมบ้างนะสีผึ้งอะ ตกขบวน ทุกทีเลยผม

 

สีผึ้งคงต้องขอดูก่อนว่ายังเหลือพอแจกรึป่าว

 

อันนี้ใช่ไหมน้องตะวัน

 

ใช่คับ อันนี้แหละ

 

เมื่อสัก 2-3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ลูกศิษย์อาจารย์ตู่ที่ได้รับแจกตะกรุดไป ชื่อน้องนัท เกิดอุบัติเหตุที่แถวพญาไท แต่รอดปลอดภัยคับ น้องคนนี้ได้รับตะกรุดมหาระงับไป(คนละแบบกับวัดประดู่นะคับ) แขวนคอไว้ จากนั้นขี่มอเตอร์ไซต์จากวัดกู้ไปพญาไท ระหว่างทางที่กำลังจะถึงที่หมายแถวพญาไท ปรากฏว่าได้มีรถเก๋งพุ่งมาด้วยความเร็วชนเข้ากลางรถมอเตอร์ไซต์จนคนขับลอยพุ่งกระเด็นออกไป แต่ปรากฏว่าน้องนัทไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีรอบบาดเจ็บ หรือเลือดตกยางออกใดๆ เมื่อน้องตั้งสติได้ก็ไปดูรถมอไซต์ พบว่า ยุบไปบ้างเล็กน้อย แต่รถเก๋งที่ชนเข้ากลางพอดี หน้ารถยุบเสียหายหนัก หม้อน้ำแตก จากนั้นน้องก็เลยรีบกลับมากราบรูปหล่อหลวงปู่ที่บ้านอาจารย์ตู่ เพิ่งเกิดประสบการณ์เลยรีบนำมาเล่าคับ ตะกรดุนี้แจกออกไปเพียง 5 ดอกโดยไม่ได้คิดมูลค่าใดๆ แต่แจกฟรี ไว้ผมจะเอาภาพมาให้ชมคับ

 

ล๊อคเก๊ตยืน ด้านหลังอุกมวลสาร ฝั่งตะกรุดจารมือ ๓ กษัตร ปิดแผ่นโค๊ต

 

ไปเล่าไว้ในเฟสมา เลยนำมาเล่าในนี้บ้าง หลวงปู่แม้ท่านจะเก่งวิชา รู้วาระจิต หรืออะไรก็ตาม แต่ท่านก็ยังยอมรับในกฏของกรรมท่าน เกือบตลอดชีวิตท่านไม่ได้สุขสบายเลย เรื่องที่จะเล่านี้ถือเป็นนิทานสอนใจก็แล้วกัน เรื่องมีอยู่ว่า

วันหนึ่งหลวปู่ท่านนั่งรับแขกอยู่บนกุฏิของท่าน ได้มีคนกลุ่มหนึ่งพาหญิงสาวนางหนึ่งขึ้นมาหาท่าน ชื่อว่า นาง อ เป็นคนพื้นเพในจังหวัดของวัดหลวงปู่ สำหรับ นาง อ นี้ มีอาการทางประสาทมา จะไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย ไปรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่ได้ผล ทางญาติๆ จึงได้พามาหาหลวงปู่ตี๋ ด้วยเห็นว่าท่านเก่งดี มีวิชาสามารถพึ่งพาได้ เมื่อขึ้นมาถึงยังกุฏิขอหลวงปู่แล้ว ก็ได้เรียนปรึกษากับหลวปู่ถึงอาการ และขอให้หลวงปู่ท่านช่วยรักษา หลวงปู่เมื่อท่านได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็บอกว่า มันรักษาไม่หายหรอก ไปที่ไหนก็ไม่หาย ญาติๆ จึงได้ถามหลวพ่อว่าแล้วจะทำอย่าไร หลวปพ่อทานจึงบอกว่า ให้มันต้อมาเป็นลูกของกู กูถึงจะรักษาได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นญาติๆ จึจัดแจงถวายนาง อ นี้ให้เป็นลูกของหลวงปู่ เมื่อหลวงปู่รับเป็นลูกแล้ว ท่านก็ได้ทำการรักษา นาง อ นี้เป็นเแรมเดือน จนหายดี เมื่อหายดีแล้วด้วยความที่ว่าตนเอเป็นลูกของหลวงปู่แล้ว จึงได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่บ้างตามสมควร เมื่อเวลาผ่านไป ความเลวระยำได้เข้าครอบงำจิตใจ แลเห็นช่องทางที่จะร่ำรวยจากตัวหลวงปู่ ผู้เหรียบเสมือนพ่อบุญธรรมที่ชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ จึงได้ใช้ความใกล้ชิดทำวัตถุมงคลออกขาย ถวายหลวงปู่ ไปทำมาให้ท่านปลุกเสก ทิ้งไว้ให้ส่วนนึ เอากลับไปส่วนนึง เป็นเช่นนี้ บางครั้งก็ทำมาแต่ไม่ได้ให้เสก เอาเก็บไว้เผื่อภายหน้า ในระหว่างนั้น เคราะห์กรรมก็ได้สนองคืนหลวปู่ แม้ท่านจะถือครองพรหมจรรย์ รักษาศีล อยู่ในเพศบรรพชิต ก็ไม่อาจหนีบ่วงกรรมในอดีตชาติพ้น ในอดีตแต่ก่อนเก่าด้วยกรรมที่ท่านเคยทุบตีน้องสาวอย่างแสนสาหัส ทำให้ท่านถูกทำร้ายอย่างหนัก แม้ท่านจะทราบมาแล้วล่วงหน้าท่านก็ไม่หนี ยัคงเฝ้ารอคอยเจ้ากรรมมาสนองท่าน จนในที่สุดวาระนั้นก็มาถึง....... เดี๋ยวมาต่อคับ

 

มาต่อคับ.......

ในปี ๒๕๔๖ หลวงปู่อยู่ที่วัดเขาเขียว ซึ่งช่วงนั้นตรงกับการทอดผ้าป่าพอดี วันหนึ่งเมื่อทอดผ้าป่าเสร้จ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ติดยาในละแวกนั้น เข้ามาในกุฏิของหลวงปู่ และได้ใช้ไม้หน้าสามฟาดหลวงปู่จนท่านสลบ หวังขโมยเงินผ้าป่าราวๆ ห้าหมื่นบาท แต่กลับไม่พบ เนื่องจากทางธนาคารได้เอาเงินไปหมดแล้ว ขโมยพวกนั้นจึงได้ขโมยเอาวุตภุมคล กับเงินติดกุฏิส่วนหนึ่งไปแทน หลวงปู่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับชีวิต นั่นคือวิบากกรรมครั้งแรกที่ท่านเฝ้ารอ ซึ่งยังไม่หมดแค่นั้นยังมีอีก 2 ครั้งตามมา

 

กราบหลวงปู่ตี๋ครับ

 

สติ๊กเกอร์ติดหน้ารถ ออกเมื่อคราวอยู่วัดท่ามะกรูด

 

ไม่เป็นไรครับ ไม่ทันสีผึ้งขอเหรียญ หรือตะกรุด แทนครับ 5555

 

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ที่จริงสีผึ้งยังมีเหลือ ขาดแต่ตลับไปใส่คับ วันอาทิตย์เช้ามีฤกษ์ทางเมตตาเดี๋ยวดูอีกทีว่าจะเอามาได้รึป่าว

 

ไม่มีขาย ... แต่ถ้าพอจะหาได้กระซิบมาบอกด้วยนะครับ ... ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ