ปกิณณกะธรรม

ก้ไอ้ตอน ที่เริ่มเจริญ แรกๆเนี่ยแหล่ะ มันคือการอบรมคือการฝึก
มรรค 1-6 มันจะ สะกัดกั้น กิเลสอย่าง หยาบ
มี วาจาง่วงนอนเป็นต้น
จนกว่าการตกแต่งมรรคจะสมบูรณ์ รวมมรรคให้เป็นหนึ่ง

ของจริงนิ่งเป็นใบ้จึงจะได้สัมผัส

 

ว่าด้วยฐานะที่มีได้และมีไม่ได้
[๑๗๓๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราไม่ตรัสรู้ทุกขอริยสัจตาม
ความเป็นจริงแล้ว ฯลฯ ไม่ตรัสรู้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจตามความเป็นจริงแล้ว จัก
กระทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ดังนี้ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ เปรียบเหมือนผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้
ว่า เราไม่ได้กระทำเรือนชั้นล่าง แล้วจักยกเรือนชั้นบนแห่งเรือนยอด ดังนี้ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่
จะมีได้ ฉันใด ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ตรัสรู้ทุกขอริยสัจตามความเป็นจริงแล้ว ฯลฯ
ไม่ตรัสรู้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาตามความเป็นจริงแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ดังนี้
ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
[๑๗๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราได้ตรัสรู้ทุกขอริยสัจตาม
ความเป็นจริงแล้ว ฯลฯ ได้ตรัสรู้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจตามความเป็นจริงแล้ว จัก
กระทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ดังนี้ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ เปรียบเหมือนผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้
ว่า เรากระทำเรือนชั้นล่างแล้ว จักยกเรือนชั้นบนแห่งเรือนยอด ดังนี้ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้
ฉันใด ผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่าเราได้ตรัสรู้ทุกขอริยสัจตามความเป็นจริงแล้ว ฯลฯ ได้ตรัสรู้
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาตามความเป็นจริงแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ดังนี้ ข้อนี้
เป็นฐานะที่จะมีได้ ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง
กระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบ สูตรที่

 

สัมปยุทธเจ้ไม่ใช่ได้หน้าลืมหลัง
(สัมปยุทธ์แปลว่ารัยไม่แน่ใจยกมาเท้ๆก่อน55)

 

[๗๖] คำว่า กระแสเหล่าใดในโลก ความว่า กระแสเหล่านี้ใด เราบอกแล้ว เล่าแล้ว
แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แต่งตั้งแล้ว เปิดเผยแล้ว จำแนกแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ประกาศแล้ว
คือ กระแสตัณหา กระแสทิฏฐิ กระแสกิเลส กระแสทุจริต กระแสอวิชชา. บทว่า ในโลก
คือ ในอบายโลก มนุษยโลก เทวโลก ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก เพราะฉะนั้น จึง
ชื่อว่า กระแสเหล่าใดในโลก. พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกพราหมณ์นั้นโดยชื่อว่า อชิตะ.

[๗๗] ความระลึก คือ ความตามระลึก ความระลึกเฉพาะ สติ ความระลึก ความ
ทรง ความไม่เลื่อนลอย ความไม่หลงลืม สติ สตินทรีย์ สติสัมโพชฌงค์ เอกายนมรรค
(มรรคเป็นที่ไปแห่งบุคคลผู้เดียว) ชื่อว่า สติ ในอุเทศว่า "สติ เตสํ นิวารณํ" นี้เรียกว่า
สติ. บทว่าเป็นเครื่องกั้น ความว่า เป็นเครื่องกั้น คือ เป็นเครื่องห้าม เป็นเครื่องป้องกัน
เป็นเครื่องรักษา เป็นเครื่องคุ้มครอง เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า สติเป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น

Spoiler: ภาพปลากรอบ

<-- พร้อมเป่า !?

 

งั้น กล่าวใหม่ ตามใจให้ คุณหนู แม้น

จนกว่า มรรค 8 จะสัมปยุติเป็นหนึ่ง

 

ช่ายละเจ้ถ้าสัมปยุทธแล้วกะรู้เฉยๆช่างแม่มมันเหอะ55

 

Pi Ka Pi Jud Pen Guru !!

 

ส่วนตรรกะ จะเว้นเสวนา
พระศาสดาก็พึง บอกไว้

มงคล สามสิบแปดข้อ
และ
อาหารวิชชาข้อแรก
การคบหาสัปบุรุษ จะได้ฟังธรรมที่บริบูรณ์

ตัวนี้จึงสำคัญมาก เพราะจะทำให้ติดกระดุมเม็ดแรกได้ถูก
ทุกวันนี้ มีโอกาส มาก ที่จะได้คบ หาสัปปบุรุษ ในยูทุป

 

ของจริงนิ่งเป็นใบ้แปลว่า
คนที่รู้ไม่จริงพอเจอคนที่รู้จริง
คนที่รู้ไม่จริงจะนิ่งเป็นใบ้ไปไม่เป็น
ส่วนคนที่รู้จริงขึ้นอยู่กับว่า
จะพูดหรือไม่พูดน่าจะประมาณนี้ครับท่านปราบเทวา

 

เจ้าคุณนอ ท่านเอามาเป็น
ให้เป็นที่สังเกตุเวลา พบสภาพธรรมอะไรต่างๆ

ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ก็คือ
มันไม่มีอะไรจะเขาไปบัญญัติได้
เป็นสภาพธรรม ที่เข้าถึงขั้นปรมัตถ์

แต่หากสภาพธรรม
ที่ออกมาพูดได้ มาเป็นนิมิตกะดี
เป็นเสียง เป็น รู้สึก เป็นความรู้กะดี
อันนี้ ยังไม่ใช่ของจริง
เมื่อเกิดเหตุการณ์ แบบนี้
ก้พึงกำหนดรู้เฉยๆ
ไม่เข้าไปหา ไม่แทรกแซง กำหนดรู้จิตเฉยๆ รู้เฉยๆ
จึงจะเข้าไปพบ ของจริง

ถ้าเข้าไปหา
ก็จะเป็นพยาทำ พยาเจ้าพ่อเจ้าแม่
มีครูอาจารย์ มีจิตยานมาสอนมาช่วยสร้างยาน
สร้างจรวดจะได้ไปไวขึ้น รับหน้าที่ บอกใครไม่ได้
พวกนี้เกิดจาก ปุญญาภิสังขาร จิตตัวเองปรุงแต่งออกมาทั้งนั้น
ทำให้ เดินออกนอกทางไปเลย

 

ปรมัตถ์บัญญัติไม่ได้แล้วคำว่าปรมัตถ์
ใครเป็นคนบัญญัติขึ้นมาครับ

 

ลองไปอ่านสภาวะที่คุณซีโร่แคปภาพมาจากพันทิปดูค่ะ ไตรลักษณะญาณทำงานแบบนี้ ไม่ใช่สภาวะการหมกมุ่น ...เอาสติโลกๆ มาตัดสิน ...นึกยังไงก็นึกไม่ออกหรอกค่ะ

 

เป็ดเป็นแบบนี้เหรอ

 

มันเป็นภาษาสมมุติ เพราะหากไม่เอาสมมุติ ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง

สัจจะ จึงมี สัจจะสมมุติ จริงในโลกของสมมุติ

อีกอย่าง คือ สัจจะปรมัตถ์ คือ สัจจะที่พ้นภาษาสมมุติ ไม่มี คน บุคคล เราเขา มีแต่ รูป จิต เจตสิก นิพพาน มีสภาพเป็นของกลาง

สัจจะสมมุติ เป็นตัวเชื่อมสัจจะปรมัตถ์
หรือจะเรียกว่า

วิมุติ ก็ต้องอาศัย สมมุติ

ใครที่ปฏิเสธ สมมุติ ก็ไม่มีทางเข้าถึง วิมุติ

พระพุทธเจ้า ท่านบัญญัติ หาอ่านเพิ่มเติมได้ ใน อภิธรรมปิฎก

 

ต้องใจขนาดไหนเจ้ผมนี้ออนซอนหลาย

 

การใฝ่ศึกษา
ต้องขวนขวายเอาเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก

ครูโบราณ ท่านสอน
อยากได้ วิชาจากท่านก็ต้องใฝ่เอาเอง

ไม่มีใครมาอุ้มไปยัดให้ เป็นควายต้องหาหนองน้ำ
แล้วจะได้วิชชา ครูโบราณ ท่านสอนมาแบบนี้

 

บารมี 10 ทัศ [OFFICIAL MV] - YouTube

 

หลอกด่าไอ้แม้น แล้วสะบายใจ อาบน้ำดีกั่ว

 

พระพุทธเจ้า ท่านบัญญัติ
แล้วเหตุไฉนถึงมีคนบอกว่า
ปรมัตถ์บัญญัติไม่ได้ครับ