บทความ : คุณเชื่อหรือไม่ว่าสุดปลายแห่งสายน้ำคือทะเลอันกว้างใหญ่

สีน้ำเงินอะ ใช่เลย

 

นี่อย่างของคุณผึ้ง เขาจะไปเห็นแสงมันดับ ดับ ดับ ไม่รู้ว่าอะไรดับ

แบบนี้คือพวกทำสมาธิได้จริง ได้ฌาณ

แต่สำหรับสายวิปัสสนาล้วนๆ อาจจะไม่เห็นอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ไม่จำเป็น
ต้องเห็น เห็นแต่สังขารธรรม ( สั้นกว่าความคิด ) มันดับ ดับ ดับ ไม่
ขึ้นวิถีการคิด ก็เห็นได้

เรียก ภังคญาณ แต่ยังไม่ถึงขั้นเห็นจิตมันดับ เป็นการเห็นสังขารธรรม
ดับไป

ถ้าดูไปอีก ก็จะเห็นภวังค์มาขั้นทุกๆการคิด เมื่อนั้นก็จะเห็นความคิดมัน
ขึ้นทีละสาย หลายคนคิดว่าเห็นปฏิจสมุปบาท ตรงนี้ก็ยังไม่ใช่ ยังเห็น
แค่ส่วนของภพ ชาติ มันสิ้น ยังเป็นส่วนปลายๆของปฏิจสมุปบาท

อันนี้ฟังไปเล่นๆนะ เห็นได้คนละทาง แต่พวกประหลาดจะเห็นได้ทุกมุม

ของคุณผึ้งเคยแสดงอาการของพวกประหลาด อันนี้ก็ไม่แน่อาจจะ
เห็นได้หลายทาง

ถ้าเห็นแล้วจะคิด จะหาความหมาย จะเสียการณ์ ให้ดูไปเรื่อยๆ โดย
ไม่เอาอะไร แล้วมันจะค่อยๆเข้าใจไปเอง (ไม่ต้องทวนด้วย)

 

เรียกว่าพิจารณาทุกข์ไปให้ถึงจุดเริ่มต้น เมื่อใดที่ทุกข์ มันก็ไม่อยากทุกข์ คนใจสู้ก็ไม่คล้อยตามที่ปลายเหตุ แต่มุ่งไปให้ถึงต้นสายเลยที่เดียว

เมื่อถึงต้นทางปัญญามันก็คลายโง่ ^-^

 

คนที่ผ่านมรรคญาณด้วยอนิจจังลักษณะ จะมีอาการอย่างหนึ่ง

คนที่ผ่านมรรคญาณด้วยอำนาจของทุกขลักษณะ จะมีอาการอีกอย่างหนึ่ง

คนที่ผ่านมรรคญาณด้วยอำนาจของอนัตตลักษณะ ก็จะมีอาการอีกอย่างหนึ่ง

(เปิดเผยไม่ได้กั๊ป)

 

แล้วมีไม๊ ที่จิตตัวแสบ มันเลียนแบบทำ ซะเหมือนเปี๊ยบ

เพราะเราไปรู้มา แบบว่า จิตเองก็ไม่รู้ว่ามันเลียนแบบ เพราะจิตเองก็คิดว่าของจริง

 

มีค่ะ หลวงพ่อท่านได้เขียนไว้ ในหัวข้อ ความแตกต่างของความดับในภังคญาณและในมรรคญาณ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ค่ะ ต้องสอบอารมณ์

 

ยังงี้ ก็ต้องให้คนที่ภูมิสูงกว่า(ละเอียดกว่า) สอบอารมณ์ ใช่ป่าวคะ

หรือรอดู ตัวเอง วัดผลจากตัวเอง ว่ายังยึด ยังหลง ยังหยิบโดยไม่รู้ตัว อยู่รึป่าว (ดูทีเผลอ)

แต่ก็ช่างเถอะนะ ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไร (ดูดิบอกไม่สนใจ แต่ถามซะเยอะ)

คิดมาก ก็ ยึดมาก เนอะ

 

หลวงพ่อท่านจะให้คนที่ผ่านการปฏิบัติแล้วเท่านั้นสอนค่ะ เหมือนเรายังเรียนไม่จบแล้วไปสอน ผลมันจะอีกอย่างหนึ่ง บางคนชั่วครู่ชั่วเหยียดก็ผ่าน บางคนสองวันก็ผ่านแล้วแต่บารมีที่ทำมา บางคนก็ติดเป็นเวลานาน แล้วแต่คะ

 

เหอะ ๆ เราเป็นพวกประหลาดไปเสียแล้ว กรำ แกะดำ 55

 

ผู้พิจารณาอยู่ด้วยอาการของทุกขานุปัสสนานั้น ผ่านมรรคญาณไปด้วยลักษณะของอนิจจัง ก็มี บางคนก็บอกอาการไม่ได้ บางคนก็แค่เอะใจเท่านั้น จะแน่ใจได้ก็ต่อเมื่อ เวลาเข้าผลบ่อย ๆ นั่นเอง

 

คนที่ผ่านภังคญาณ ไม่ถึงมรรคญาณ ยังอีกนาน

ก็จะมีอาการผิดปรกติของจิต การป่วยของจิต ผึ้งเรียกจิตตก คนอื่นเรียก
บรรลุก็มี โดยการเห็นความผิดปรกติของจิตจะเห็นได้สามลักษณะจากการเห็น
การดับไป(อย่างเดียวกัน)

ด้วยอนิจจังลักษณะบ้าง ด้วยทุกขลักษณะบ้าง ด้วยอนัตตลักษณะบ้าง

ก็ให้ดูต่อไป เป็นสังขารธรรมอย่างหนึ่งที่ต้องเอามาดูต่อ จนกว่าจิตจะตัด
สินของเขาเอง

หากมีการช่วยตัดสิน จะเกิดการปรุง เช่น อ็วก ไม่อยากกิน ไม่อยากนอน
อยากตาย อาการเหล่านี้ล้วนปรุงขึ้น จากอัตตาที่แอบหมายการบรรลุเอาไว้

ตรงนี้ถ้าเอามาดูต่อไม่เป็น จะเกิดการปรุงภพ เช่น มังสาวิรัติ นุ่งขาวห่มขาว
เป็นคนกระมิดกระเมี้ยนสำรวม เพราะลืมภาวนาต่อ จึงต้องสังเคราะห์ขึ้นแทน

จริงๆ ต้องภาวนาต่อ ให้อาการผิดปรกติในมุมต่างๆมันเกิดเนืองๆ แล้วระลึก
ดูจนกว่าจะเห็นว่านี้ก็ทุกข์(สังขารธรรม) ที่จิตไปมีเข้า ทำให้เกิดความผิด
ปรกติทางจิตเข้า ดูไปจนกว่าจะดับ เหมือนดับกิเลส พอรู้ทัน เห็นทัน ก็จะ
มีวิราคะธาตุที่ทำให้เกิดขันติธรรม เอื้อต่อสังขารุเบกขาญาณ

 

ถ้ายังไม่ถึงขั้นสูง จะเข้านิพพาน ต้องอาศัยความเท่าทัน ค่อย ๆ ไล่ดับรูปนามไป แต่ถ้ากิเลสน้อย ๆ สมาธิแข็ง ๆ แล้วเคยสัมผัสนิพพานแล้ว ก็สามารถกำหนดนิพพานเข้าผ่านญานได้ ^-^

 

เราไม่มีความรู้เรื่อง ฌาณ ก็ ตอบไม่ได้ อะ

แต่เรื่อง กิเลส ตัณหา อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก พอจะรู้เรื่อง

โดยเฉพาะ เรื่องฟุ้งซ่านด้านความคิด จะมีวสี เพราะ ฟุ้งเป็นกิจวัตร

 

พวกประหลาดนะ ลองไปคุยกับสมถะยานิกสิ เขาไม่เห็นเหมือนที่ผึ้งเห็น

จริงไหม

ไปถามพวกวิปัสสนายานิก ก็เห็นไม่เหมือนอีกนะ แปลกไหม....!!!

 

ปรกติครับ ^-^

 

อย่างนี้ อะ นึกไม่ออก ไม่มีความรู้สึกร่วม เพราะไม่รู้ ไม่มีประสบการณ์ร่วม
เราก็รู้ได้ เท่าที่ประสบการณ์ทางจิต มี ก็จะไม่รู้ในสิ่งที่ไม่มี ไม่เป็น
ก็ต้องยกไว้ก่อน ว่ายังไม่รู้

แต่จะรู้ว่าคนพูดมีสติ คุยเรื่องอะไร
ผิดกับบางคนที่คุยแบบไม่ยึดมั่นถือมั่นแบบขาดสติ ไม่ยึดมั่นแบบหลง ก็มีอีก
แล้วแต่วิจารณญาณส่วนตนของเรา ที่ผสม อคติ ว่าเราชอบหรือไม่ชอบ
แต่มันห้ามไม่ได้ จิตมันเป็นเอง เพราะมันปรุงเป็นกิจวัตร

 

อันนี้ทักเล่นๆนะ

กรณีเห็นได้อย่างผึ้ง คือ เห็นจิตเป็นดวง แล้วดับ ตรงนี้ยังตัดสินว่าบรรลุ
ก็ไม่ได้นะ มีการกล่าวไว้ 1 กรณี เป็นอาจารย์กรรมฐานเข้าออกฌาณ
เป็นว่าเล่น หลวงพ่อยังชี้อยู่ว่า ยังไม่บรรลุอะไร

แต่ทำนายได้ว่า หากพลาดพลั้งไปเป็นพรหม จะเป็นพวกพรหมที่ภาวนา
ต่อได้ โดยไม่ใช่ดูสังขาร หรือกิเลส หรือนิวรณ์ แต่จะดูจิตดวงๆนั่นแหละ
ดูเรื่อยๆ จนกว่าจิตมันจะตัดสินของมันเอง แต่ระวังนะ ท่านว่าจักรวาลดับ
ไปร้อยไปพันรอบบางทีก็ยังไม่ตัดสินเลย .....

 

แล้วเรา ง่ะ ประหลาด ด้วยป่าว แบบ โง่แล้วชอบอวดโง่ อะ

 

ต้องเห็นตั้งแต่ก่อนจะปรุงชอบ ไม่ชอบ มันมีสัญญา หรือรูป เกิดมาก่อน ถึงจะเข้าใจ คำว่า "ห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้" ลึกซึ้งขึ้น ^-^