นี่ ๆ เหล่านักปฏิบัติ จ๋าาา ช่วยวิสัชนา ตอบ นู๋บี ทีซิ ว่า ขรัวตาจะตีไหมค้าาาาาาาา ?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย 5th-Lotus, 20 ตุลาคม 2009.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ความคิดเห็นที่ 6

    ผมอยู่บ้านตึกแถว ห้องผมอยู่ส่วนหลังบ้าน ที่ติดกับหลังบ้านของตึกแถวอีกซอยนึง
    ..
    ทุกเช้าตรู่ประมาณตีห้า จะมีเสียงคุณป้า ล้างนู้นล้างนี่ พร้อมกับขากเสรดเสียงดังมาก ๆ ผมต้องสะดุ้งตกใจตื่นเป็นประจำ
    ..
    สายหน่อยประมาณเจ็ดโมงจะมีเสียงคุยโทรศัพท์ของพนักงานออฟฟิศ ติดต่อธุระการงาน บ้างถกเถียงบ้างสั่งสอน พร้อมกับเสียงกดชักโครกที่ได้ยินเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกหดหู่เสมอ
    ..
    ตกเย็น วันดีคืนดี จะมีเสียงแม่ข้างบ้านอารมณ์เสียด่าลูกและผัว
    ด้วยถ้อยคำรุนแรง ทั้งน้ำเสียงและภาษา
    ..
    เสียงเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอมาเป็นเวลานับสิบปี
    หรืออย่างเมื่อคืนวาน ก่อนวันอาสาฬหบูชา
    ผมเห็นว่าเป็นวันที่ดี แต่ไม่ได้ไปทำบุญที่วัด
    ตั้งใจนั่งสมาธิ เจริญปัญญาอยู่กับบ้าน
    แต่บังเอิญเป็นวันดีสำหรับหลายคนที่อยู่ท้ายซอย
    จึงมีการจัดงานปาร์ตี้ คาราโอเกะ เสียงดนตรีดังลั่นทั่วทุกพื้นที่ของบ้าน
    ..
    ..
    ..
    เติบโตมากับสถานที่แบบนี้ เรียนรู้กับสิ่งแวดล้อมมาซักพัก
    เริ่มกลับมาสนใจ ท่าทีของตนเอง หลังจากที่เพ่งโทษไปที่ภายนอกซะนาน
    ซึ่งมันก็ไม่ง่ายซะทีเดียว แต่เมื่อชีวิตคือการเรียนรู้
    และกระทั่ง ดอกบัวที่เบ่งบานงดงามนั้น ก็เติบโตจากโคลนตม
    ..
    เมื่อได้ยินเสียงคุณป้าขากเสรด ผมรู้สึกได้ว่า มีใครบางคนกำลังเป็นทุกข์จากร่างกายอยู่ และสิ่งที่ผมทำได้คือการแผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดีไปให้เค้า
    ผมรู้สึกพอใจ กับการเรียนรู้ ที่จะปรับท่าทีของเราให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมมากขึ้น
    ซึ่งมันก็ไม่ใช่จะง่ายซะทีเดียว
    เพราะมันต้องทำอยู่ตลอด
    แต่มันก็ทำให้ผมตื่นตัว และไม่หัวเสียง่ายไปเพราะปัจจัยภายนอก
    ซึ่งเป็นธรรมดาโลกเหล่านั้น

    จากคุณ : ธรรมดารูม


    PANTIP.COM : Y9510366
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สถานที่สัมมนา : ยุวพุทธ เพชรเกษมซอย 54

    พิธีกร : คุณแทนคุณ จิตอิสระ

    วิทยากร : พระอาจารย์คึกฤทธิ์,ดร.อาจอง,คุณอนุรุทธ

    การสรุปนี้เป็นการสรุปจากการจดบันทึก ซึ่งไม่ใช้ทุกคำที่ตรงกัน เป็นการย่อความ และมีส่วนที่ผู้สรุปเพิ่มเติมโดยจะวงเล็บไว้และเขียนว่า "ผู้สรุป :"
    ***โปรดมีวิจารณญาณในการอ่าน***
    และหากมีข้อผิดพลาด ต้องขออภัย ช่วยแนะนำด้วยครับ และหากมีผู้เข้าฟังสัมมนาแล้วต้องการเพิ่มเติมสามารถนำลงได้ครับ

    1.เริ่มด้วยพุทธทำนาย จากพุทธวจนะโดยพระอาจารย์คึกฤทธิ์
    [ผู้สรุปค้นหาชื่อพระสูตรที่เกี่ยวข้องเอง ซึ่งเนื้อหาเหมือนกับที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์สรุปให้ฟัง]

    1.จักกวัติสูตร

    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
    [ว่าโดยสรุป อายุมนุษย์จะน้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดต่ำที่สุดคือ 10ปี ผู้คนมาทำความดีมากขึ้น อายุมากขึ้น ถึง 80000 ปี จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าเมตไตรยะเกิดขึ้น]

    2.ธัมมิกสูตร

    http://www.84000.org/tipitaka/read/v.ph ... 013&Z=2061
    [สรุปสั้นๆ :คนในสังคมมีคุณธรรมน้อยลง ส่งผลให้อากาศแปรปรวน เมื่ออากาศแปรปรวน ย่อมทำให้พืชพันธุ์ที่มนุษย์ใช้เป็นอาหารจะแปรปรวน ทำให้มนุษย์กินอาหารเหล่านี้เกิดเจ็บไข้ได้ป่วย]

    3.สุริยสูตร
    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 162&Z=2259
    [สรุปสั้นๆ : เมื่อเวลาอีกยาวไกล[ดร.อาจอง บอกว่าจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์คือ ราว 4500 ล้านปีข้างหน้า]จะการเกิดขึ้นของพระอาทิตย์ดวงที่ 7[ดร อาจองสรุปว่า น่าจะเกิดจากดวงอาทิตย์เกิดการระเบิดแล้วขยายตัวใหญ่มากราว 60 เท่า

    นักวิทยาศาสตร์ใช้การคาดการณ์จากก๊าซไฮโดรเจนที่พุ่งออกมาจากดวงอาทิตย์ [ เพิ่มเติมเอง โดย ผู้สรุป :คล้ายๆการประมาณอายุซากฟอสซิลจากแร่ธาตุที่ค่อยๆสลายตัวออกมา [เป็นการคำนวณย้อนกลับ] ส่วนกรณีดวงอาทิตย์เป็นการคำนวณไปข้างหน้า]]]
    ทุกสิ่งในโลกจะถูกความร้อนแผดเผา น้ำแห้งหมด]

    4.ฉิคคฬสูตร
    ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ยาก

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0

    [สรุปสั้นๆ : การเกิดเป็นมนุษย์ยากมาก เปรียบกับโอกาสที่เต่าตาบอด ร้อยปีกว่าจะโผล่ขึ้นมาเหนือมหาสมุทรเพื่อเอาหัวสอดเข้าไปยังห่วงที่มีคนโยนไว้ในน้ำ]

    อีกพระสูตรที่น่าสนใจ

    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0

    ทุกพระสูตร สรุปสุดท้ายพระพุทธเจ้าจะทรงให้พุทธศาสนิกชนเร่งปฏิบัติธรรม แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายหรือเจริญรุ่งเรืองในอนาคต จะเห็นทุกข์จากการเกิดและความเสื่อมสิ้นไปของสิ่งทั้งหลาย สังสารวัฏร์จึงเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย


    2.สรุป เนื้อหา ดร.อาจอง

    2.1.น้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำคงคาจะค่อยๆแห้ง เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้เกิดการแปรปรวนของต้นกำเนิดแม่น้ำคือ ภูเขาและเทือกเขาต่างๆ

    2.2.ระดับน้ำในทะเลจะสูงขึ้น [แม้จะไม่ได้สูงขึ้นเฉียบพลัน แต่อัตราน้ำท่วมจะถี่ขึ้นและท่วมมากกว่าเก่า] อาจจะมีการย้ายเมืองหลวงจาก กทม เป็นที่อื่นๆ

    2.3.เมื่อภาคกลางน้ำท่วมบ่อย แหล่งปลูกข้าวจะหมดไป ทำให้ข้าวยากหมากแพง

    2.4.ภาวะโลกร้อนทำให้น้ำแข็งในขั้วโลก และ เทือกเขาต่างๆเริ่มละลาย โลกจะปรับสมดุลต์เพราะน้ำหนักของน้ำจะถ่วงให้หนัก แกนโลกจะเปลี่ยน ยกตัวอย่าง แผ่นดินไหวที่ชิลี แกนโลกได้เปลี่ยนไปราว 8 องศา

    [ผู้สรุปเพิ่มเติม : โดยความจริงโดยธรรมดาแกนโลกเอียงทำมุมราว 23.5 องศากับดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆเมื่อโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ การเปลี่ยนของแกนโลก ย่อมส่งผลถึงฤดูกาลต่างๆในโลก]

    2.5.ผลของการปรับตัวของโลก จะเกิดเหตุการณ์ที่เกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น เปลือกโลกเคลื่อนที่เพื่อให้สมดุลย์ ซึ่งจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อย และ จุดต่อที่เป็นจุดที่อันตรายที่สุดเรียก Ring of fire

    [ผู้สรุป : ดูรูปใน
    Pacific Ring of Fire - Wikipedia, the free encyclopedia ประเทศที่คาดว่าจะเกิดเหตุภัยพิบัติร้ายแรง[ดูรูป Ring of fire ประกอบ] คือ ฝั่งแคลิฟอเนียในอเมริกา

    ญี่ปุ่น ไต้หวัน ดร.อาจองคาดการณ์ว่า ญี่ปุ่นจะหายไปทั้งประเทศ คนกว่า 250 ล้านที่ญี่ปุ่นจะ... และ พยายามให้เรียกญาติพี่น้องให้พยายามกลับมา เพราะ Ring of fire อันตรายมาก

    "โลกพร้อมที่เกิดจากภัยพิบัติจากการปรับตัวของโลกแล้ว เกิดได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่"

    2.6. ทุกคนในโลก แผ่เมตตา จะเกิดกระแสความเย็นขึ้น ทำให้โลกไม่ร้อน ดร.อาจองเคยทดลองที่จุฬาฯ โดยการปลูกผักสองแปลง แปลงหนึ่งมีนักศึกษาแผ่เมตตาให้ อีกแปลงหนึ่งไม่ได้ทำอะไร ปรากฎว่าพืชจากแปลงที่นักศึกษาแผ่เมตตาให้มีอัตราเจริญเติบโตมากกว่าอีกแปลงราว 40 เปอร์เซ็น
    การแช่งผู้อื่น กล่าวร้ายผู้อื่น กระแสความเกลียดชังจะผ่านตัวเราเองก่อนไปยังผู้อื่น ฉะนั้น คนที่คิดร้ายก็จะเจ็บป่วยได้ง่าย

    2.7. พายุจะเพิ่มมากขึ้น แต่การบินน่าจะยังมีการบินอยู่ เพราะเมื่อฝั่งหนึ่งมีพายุ อีกฝั่งจะสงบ

    2.8.สถานที่ที่ปลอดภัยจากน้ำท่วมและแผ่นดินไหวคือทางภาคอีสาน [บริเวณหนองคายและนครพนมมีรอยแยกเล็กน้อย] ภาคอีสานอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากว่า 100 เมตรขึ้นไปและไม่มีรอยต่อเปลือกโลก จังหวัดที่ปลอดภัยที่สุดคือ โคราช

    ทางเหนือแม้จะปลอดภัยจากน้ำท่วมแต่จะมีแผ่นดินไหว ในจังหวัดกาญจนบุรีจะมีแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงกว่าทางเหนือ




    3.สรุป คุณอนุรุทธ

    3.1.ให้จัดเตรียมความพร้อมทั้งด้านวัตถุ เช่น อาจจะมีการเก็บกระเป๋าที่มีของกินของใช้เช่น ยารักษาโรค ไฟฉายและสิ่งที่จำเป็นไว้ในกระเป๋า

    3.2.เตรียมใจ และเตรียมการลงทุนข้ามชาติ[คือ การทำบุญเพื่อความเป็นสุขในภพหน้า] ทาน ศีล ภาวนา

    3.3.ธุรกิจต้องปรับตัว เช่น ต้องมีการทำประกันชีวิต หรือ ประกันทรัพย์สิน และการทำธุรกิจต้องแบ่งเงินบางส่วนมาทำประโยชน์ให้สังคมด้วย เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนับสนุนให้ผู้คนมาปฏิบัติธรรมและพนักงานภาคเอกชนก็ต้องมาปฏิบัติธรรมด้วย เช่น โปรแกรมฝึกอบรมวิปัสสนาสำหรับผู้บริหาร


    4.สรุป อริยสัจ4 คือ ทางออกและไม่ประมาทในชีวิต เร่งปฏิบัติมรรคมีองค์ 8

    การตระหนักรู้เรื่องทุกข์จากความเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งทำให้มนุษย์ที่เกิดความไม่ประมาท เร่งปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้นำเนื้อหาอานาปานสติภาวนามาสอนให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติและกระตุ้นเตือนให้ทุกคนเดินทางในมรรคมีองค์ 8

    คัดลอกจาก

    www.mattaiya.org<!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/สรุปเสวนา-เตรียมกาย-เตรียมใจ-รับภัยพิบัติ.244988/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2010
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คัมภีร์มรณะ

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    <!-- /tagline --><!-- subtitle -->
    <!-- /subtitle --><!-- jumpto -->
    <!-- /jumpto --><!-- bodytext -->[​IMG]
    ส่วนหนึ่งของคัมภีร์มรณะ แสดงรายชื่อเทพต่างๆที่ปรากฏในห้องพิพากษาวิญญาณของเทพโอซิริส


    คัมภีร์มรณะ (Book of the Dead) มีชื่อดั้งเดิมในภาษาฮีโรกลิฟฟิก แปลว่า The Cahptors of Coming-Forth-By-Day ในปี ค.ศ. 1842 นาย โทมัส จี อัลเลน (Thomas G. Allen) ผู้แปลภาษาอียิปต์โบราณที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ได้ให้ความหมายของคัมภีร์มรณะว่า เป็นความปรารถนาที่จะเดินทางไปยังยมโลก
    คัมภีร์มรณะทำด้วยกระดาษปาปิรุส (Papyrus) บรรจุถ้อยคำยาวเหยียด อักษรสีแดงใช้เป็นหัวเรื่อง หรือคำที่เน้นว่าสำคัญ นอกนั้นใช้สีดำ บางครั้งก็มีวาดรูปประกอบไว้ด้วย<SUP class=reference id=cite_ref-0>[1]</SUP>
    ชีวิตหลังความตายของชาวอียิปต์โบราณนั้นเชื่อว่า เมื่อตายไปแล้วอนูบิส (Anubis) จะมารับดวงวิญญาณไปสู่ยมโลก โดยพานั่งเรือเทพเจ้ารา (Ra) ซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ ผ่านอาณาจักรของเทพเจ้ารา ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มาก จากนั้นเรือก็จะผ่านเขตสุดท้ายคือมหาวิหารพิพากษาของเทพโอซิริส วิญญาณของผู้ตายก็จะถูกเกณฑ์ลงเรือเข้าไปยังห้องพิพากษาของวิญญาณ ตรงกลางมีตราคันชั่งใหญ่แบบตราชู เทพฮอรัสกับเทพอนูบิสจะทำการกำกับการชั่ง โดยนำเอาหัวใจของผู้ตายชั่งไว้ข้างหนึ่งของตาชั่ง ส่วนอีกข้างจะเป็นขนนกของเทพีมะอาท (Maat) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม
    ผู้ตายจะต้องประกาศความดีที่ตนเคยทำเอาไว้ครั้งที่ตนยังมีชีวิตอยู่ พร้อมทั้งประกาศว่าตนไม่เคยทำความผิดบาป 42 ประการ เช่น ไม่เคยชักชวนให้ผู้อื่นเสียคน ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร ไม่เคยกล่าวคำเท็จ ไม่เคยเบียดเบียนผู้อื่น ไม่เคยฉ้อฉล ไม่เคยสั่งฆ่าผู้ใด ไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้า และไม่เคยทำในสิ่งที่พระองค์รังเกียจ เป็นต้น ผู้ตายจะต้องประกาศสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าเทพโอซิริส (Osiris)
    หากสิ่งที่ผู้ตายพูดเป็นความจริง ขนนกของเทพีมะอาทจะหนักกว่าหัวใจของผู้ตาย นั่นก็ถือว่าผู้ตายได้ผ่านการทดสอบ และได้เข้าไปอยู่ในดินแดนของเทพเจ้ารา ที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ไม่รู้จักจบจักสิ้น
    แต่ถ้าสิ่งที่ผู้ตายพูดเป็นเท็จ หัวใจของผู้ตายจะหนักกว่าขนนกของเทพีมะอาท นั่นก็ถือว่าผู้ตายไม่ได้ผ่านการทดสอบ และผู้นั้นจะไม่ได้ไปในที่ๆ เป็นดินแดนของเทพเจ้ารา ดินแดนแห่งนั้นจะเป็นที่ๆ ผู้ตายจะไม่ได้รับแสงสว่างจากเทพเจ้าราเลย และยังเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความอดอยากหิวโหย
    คัมภีร์มรณะเกิดขึ้นภายหลังจากการที่อียิปต์อยู่ในสมัยจักรวรรดิแล้ว ก่อนหน้านั้น อียิปต์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพวกฮิกซอสเป็นเวลานานถึง 200 ปี ศาสนาและหลักศีลธรรมของอียิปต์เรื่อมเสื่อมลง ความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลังได้เข้ามาแทนที่ ทำให้พวกพระเข้ามามีบทบาทในจิตใจของชาวอียิปต์อย่างมาก พวกพระเหล่านี้เป็นพระที่มีความละโมภในทรัพย์สิน ได้เป็นผู้ริเริ่มขายหนังสือเวทมนตร์ต่างๆ ซึ่งเป็นการล้มล้างความผิดให้กับผู้ตาย โดยการเขียนใส่กระดาษปาปิรุส (Papyrus) ใส่ไว้ในหว่างขาของมัมมี่ (Mummy) หรือตรงฐานโลงศพ
    ข้อความในคัมภีร์มรณะเป็นคาถาอาคมป้องกันไม่ให้วิญญาณเสื่อมสลาย บทร่ายเวทมนตร์ช่วยให้วิญญาณพ้นจากการถูกขังในยมโลก บรรยากาศการตัดสินต่อหน้าเทพโอซิริสในยมโลก รวมถึงคำพูดที่ผู้ตายควรพูดเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพเจ้าโอซิริส
    เชื่อกันว่า การซื้อคัมภีร์มรณะถือว่าเป็นการซื้อใบเบิกทางให้ตนได้เข้าสู่อาณาจักรของเทพเจ้ารา แม้ว่าจะเคยทำผิดหรือไม่ก็ตาม ทำให้ไม่จำเป็นต้องทำความดี ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ศาสนาและหลักศีลธรรมของอียิปต์เริ่มเสื่อมลง
    คัมภีร์มรณะ - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2010
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/TSrHEv9v2XY&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/TSrHEv9v2XY&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ช่วงเวลา:
    Thu, 2010-07-22




    หลังจากปฏิกริยาพระอาทิตย์ในวันที่ 8 กรกฏาคมที่ผ่านมา พระอาทิตย์ยังมีปฏิกริยาอย่างต่อเนื่อง และได้ส่งผลกระทบต่อโลกในรุูปแบบของแผ่นดินไหวขนาดเกิน 6 ริตเตอร์อย่างต่อเนื่องเกือบทุกวัน ซี่งไม่เคยเกิดขี้นมาก่อนในปีนี้ ดังนั้นขอให้ผู้ที่สนใจสถานการณ์ภัยพิบัติได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จาก spaceweather.com ซี่งได้สรุปข้อมูลรายวันเกี่ยวกับพระอาทิตย์ซี่งยังไม่มีวี่แววว่าจะสงบ นอกจากนั้นแล้วทางการยังได้ประกาศขอความร่วมมือระดับสากลในการวิเคราะห์และ คาดการณ์ปฏิกริยาของพระอาทิตย์ให้มีความแม่นยำมากกว่านี้ Space Weather Turns into an International Problem - NASA Science



    [​IMG]
    [​IMG]
    ทางเวปของเราคาดการณ์ว่าพระอาทิตย์จะมีปฏิกริยาสูงขี้ นเรือยๆ ตามการเรียงตัวระหว่างดาวหฤหัส ดาวเสาร์ และดวงอาทิตย์ ซ๊่งจะเรียงตัวสูงสุดในเดือน เมษายน 2011 ส่วนในช่วงปีนี้เราคาดว่าพระอาทิตย์จะปล่อยพลังงานขนาดใหญ่ในช่วงเดือน กันยายน และ ตุลาคม ซี่งเราจะเตรียมรายงานมาแจ้งให้ทราบอีกที ส่วนสถานการณ์แผ่นดินไหวนั้นอาจจะมีต่อเนื่อง วันที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในช่วงสองสัปดาห์นี้ได้แก่วันที่ 23 27-29 กรกฏาคม และ วันที่ 4 และ 9-11 สิงหาคม




    เพิ่มเติม
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 border=1><TBODY><TR><TD width=505 background=graphics/solarback2.jpg>Updated 2010 Jul 27 2201 UTC Joint USAF/NOAA Report of Solar and Geophysical Activity
    SDF Number 208 Issued at 2200Z on 27 Jul 2010
    Analysis of Solar Active Regions and Activity from 26/2100Z to 27/2100Z: Solar activity increased to low levels. Region 1089 (S23W35) produced a C2 flare at 27/0424Z, as well as occasional B-class flares. Region 1089 continued to gradually decay in spot count and area. Regions 1090 (N22E19) and 1091 (N12W86) decayed to spotless plage regions. No new regions were assigned.
    Solar Activity Forecast: Solar activity is expected to be at very low levels. However, there will be a chance for an isolated C-class flare from Region 1089.
    Geophysical Activity Summary 26/2100Z to 27/2100Z: Geomagnetic field activity increased to unsettled to active levels as a recurrent coronal hole high-speed wind stream continued. The activity increase was associated with enhanced interplanetary magnetic field (IMF) intensity (peak 9 nT at 27/0145Z) combined with intermittent periods of southward IMF Bz (maximum deflection -8 nT at 27/0216Z) and increased velocities (peak 641 km/sec at 27/0946Z).
    Geophysical Activity Forecast: Geomagnetic field activity is expected to decrease to quiet to unsettled levels during days 1 - 2 (28 - 29 July) as the coronal hole high-speed stream gradually subsides. Quiet conditions are expected on day 3 (30 July).
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/ประกาศข่าวแผ่นดินไหว.51734/page-125
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2010
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    20-01-2005, 10:18 AM
    NiNe<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_36090", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]
    วันที่สมัคร: Jan 2005
    สถานที่: ดาวแม่ (Mother Star)
    http://palungjit.org/threads/มนุษย์...ะดาวศุกร์-จะบุกโลกในปี-พ-ศ-2565-a.3582/page-2
    ในจักรวาลของระบบสุริยะจักรวาล

    มี มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคารและดาวศุกร์ จริง.... แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการสูงมากกว่ามนุษย์โลกมากนัก ต่อให้มีการสำรวจมากมายเพียงใด ก็คงไม่สามารถที่จะค้นหาได้ เนื่องด้วย มนุษย์ชาติเหล่านี้ (ของทั้งดาวอังคารและดาวศุกร์) ได้หลบอยู่ที่ใต้พื้นพิภพ เพราะเหตุใด?

    1. ดาวศุกร์นั้นจริงๆ แล้วร้อนจัด (ไม่มีอากาศ มีแต่หมอกของคาร์บอนไดอ๊อกไซด์)
    2. ขนาดของดาวศุกร์นั้น มีขนาดใกล้เคียง หรือ พอๆ กับโลกมนุษย์
    3. ดาวศุกร์มีความร้อนที่พื้นผิว ประมาณ 400-500 องศา เซนติเกรด
    4. ดาวอังคารนั้นกลางวันมีอุณหภูมิพอๆ กับโลก (อยู่ที่ประมาณ 30 องศา เซนติเกรด)
    5. ดาวอังคารมีความเย็นจัด ในช่วงกลางคืน (อยู่ที่ประมาณ -70 องศา เซนติเกรด)
    6. สิ่งที่สำคัญคือ ในตำแหน่งดาวของระบบสุริยะจักรวาลนั้น มีดาวมฤตยู(ดาวโลกมนุษย์) คั่นอยู่ตรงกลาง
    7. บทสรุปได้ว่า ดาวอังคาร มีโอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตมากกว่าดาวศุกร์

    เดี๋ยวมาต่อจ้ะ<!-- google_ad_section_end -->

    เอ้า มาแล้วมาแล้ว มาเล่าต่อกันดีกว่า....

    เล่าต่อนะครับ ดาวแม่(Mother Star) บอกว่า "ดาวทั้งสามดวงแท้จริงแล้วเป็นพี่น้องกัน" ก็เหมือนกับ โลกของเรา คือชายกลาง (แหะแหะ .. เหมือนบ้านทรายทรองเข้าไปทุกที ทุกที ) ... ล้อเล่นนะจ้ะ

    เนื่องด้วยระยะทางระหว่างดาวอังคาร ดาวมฤตยู(โลก) และดาวศุกร์นั้น เป็นเพราะว่าดาวโลกอยู่ตรงกลางนั้นเอง .... ฉะนั้น ดาวแม่(Mother Star) จึงเรียกโลกของเราว่า "ชายกลาง" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.....

    แต่พี่ๆ และ น้องๆ ต่างก็เรียกดาวโลกมนุษย์ของเรา ว่า "ดาวมฤตยู" หรือ "ดาวมรณะ" หรือ "ดาวราหู" นั่นเอง .... ฮู้ยย.... ชักจะไปกันหย่ายแล้วเน๊อะ....

    กลับมาเข้าเรื่องกันดีฝ่า

    เข้ามาสู่เหตุผลกันอีกครั้ง

    ถ้าสมมุติฐานว่า ดาวโลกมนุษย์ เป็นชายกลาง
    1. เราต้องมีสิ่งมีชีวิตของผองพี่แลเพื่อนพ้อง
    2. เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ในอนันตะจักรวาลอย่างจริงแท้แน่นอน
    3. ระยะทาง ระหว่างโลกและดาวอังคาร ห่างกันเพียง 48,550,000 ไมล์เท่านั้น และเมื่อเทียบเคียงกับดาวดวงอื่นๆ แล้ว ก็นับว่า ดาวอังคาร มีความใกล้เคียงกับดาวมรณะ(โลกมนุษย์) มาก เพราะฉะนั้นจะถือว่า ดาวอังคาร แท้จริงแล้ว คือ "น้องเล็ก" ของเรา นั่นเอง
    4. ความใกล้เคียงของเผ่าพันธุ์ ก็ใกล้เคียงกัน (วิวัฒนาการบางอย่างใกล้เคียงกัน)
    5. เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะว่า "น้องและพี่ มาเตือนเรา"
    6. อย่าเพิ่งตกใจ แต่ถ้า ชายกลางพยายามทำศึก และราวี เพื่อนๆ แล พี่น้อง ตามชื่อที่เรียกโลกว่า "ดาวมฤตยู" แล้ว ไซร้ ... ต้องรอคำสั่งจาก ดาวแม่(Mother Star) และต้องรอคำตัดสินจากดาวแม่ เท่านั้น


    เดี๋ยวมาต่อ เรื่องความอาฆาตแค้นของพี่ใหญ่ (ดาวศุกร์) ใจเย็นๆ จ้ะ<!-- google_ad_section_end -->

    มาแล้วครับ ... เรามาต่อเนื้อเรื่องของต้นชนวนแห่งความอาฆาตแค้นของเจ้าแห่งดาวศุกร์กันต่อดีกว่า


    เมื่อไม่นานมานี้ อยู่ที่ประมาณปี พ.ศ. 2500
    ณ. ดินแดนแห่งท้องพระโรงของเจ้ากษัตริย์แห่งดาวศุกร์

    เกิดการโต้เถียงกันขึ้นระหว่าง เจ้าดาวศุกร์ และเจ้าหญิงแห่งดาวศุกร์ ซึ่งเป็นราชบุตรีของเจ้าแห่งดาวศุกร์ เรื่อง "การท่องเที่ยวมายังดาวมฤตยู" โดยเจ้าหญิงขอพระราชาณุญาติจากเจ้าแห่งดาวศุกร์ เพราะได้ลือจาก เหล่าบรรดาทหารองครักษ์ ว่า "ดาวมฤตยู" นี้ช่างสวยงามยิ่งนัก


    และเจ้าแห่งดาวศุกร์ก็ไม่ขัดพระราชประสงค์ ขององค์หญิงเล็ก ผู้เลอโฉม ได้
    แต่ขอร้องอย่างหนึ่งคือ ..... อย่าเสด็จตามลำพัง ... และสั่งการฯ ให้ทหารองค์รักษ์เตรียมยานอวกาศเข้ามาท่องเที่ยวโลก ประมาณ 4-5 ลำ .. เพื่อทำการอารักขาเจ้าหญิงแห่งดาวศุกร์

    หลังจากได้รับพระบรมราชาณุญาติจาก .. เจ้าแห่งดาวศุกร์แล้ว ... เจ้าหญิงผู้เลอโฉมก็ได้เสด็จมาท่องเที่ยวอย่างสำราญ ... แต่มีองค์รักษ์ที่คอยคุ้มกัน ... อย่างแน่นหนา


    เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อครับ .... อย่าให้พลาด...
    เพราะวันพรุ่งนี้... ปู่ NiNe จะมาเฉลย ปรากฎการณ์ที่สำคัญ ..... ที่ทำให้ ... เจ้าดาวศุกร์ต้องพิโรธ ... ถึงขั้นประกาศสงครามกับดาวมฤตยู (ดาวโลก) แห่งนี้ทีเดียว....


    โปรดติดตามตอนต่อไป... จ้ะ<!-- google_ad_section_end -->

    ต่อครับ...

    การมาท่องเที่ยวที่โลกมนุษย์ในครั้งกระนั้น ยานอวกาศที่เดินทางไม่ได้ติดอุปกรณ์อาวุธในการรบหนักมาด้วย ... จะมีก็แต่เพียงแค่อาวุธเบาเท่านั้น และยานอวกาศพี่เลี้ยง ของเหล่าทหารองครักษ์ก็มาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของเจ้าหญิงเพียงเท่านั้น และคุ้มครองการเดินทางมายังโลกมนุษย์ .... ซึ่งระยะทางไม่ไกลเท่าใดนัก


    ในช่วงของการเดินทางท่องเที่ยวไปรอบๆ โลกนั้น ก็ผ่านลุล่วงไปด้วยดี ..... แต่พอไปที่อยู่บริเวณตำแหน่งของฐานทัพอเมริกา .... กองกำลังต่อสู้อากาศยานของอเมริกา .... ได้มองเห็นวัตถุบินลึกลับที่ ในตอนนั้นชาวโลกไม่เข้าใจว่าคืออะไรแน่ ... ก็ได้ทำการยิงโจมตี... จานบิน (ยานอวกาศ) เหล่านั้นทันที

    ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ยานอวกาศ ที่เจ้าหญิงแห่งดาวศุกร์ที่เสด็จมานั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก และไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ .... และในที่สุดก็ได้ตกลงไปในทะเลแถบนั้น ... พร้อมกับยานองครักษ์บางส่วน และยานอวกาศพี่เลี้ยงบางส่วนที่เสียหายน้อย และพอจะบินได้ .... ก็ได้เดินทางกลับไปดาวศุกร์ และแจ้งข่าวร้ายนี้ให้กับเจ้าแห่งดาวศุกร์

    เมื่อเจ้าแห่งดาวศุกร์ ได้รู้ว่า เจ้าหญิงแห่งดาวศุกร์ได้สิ้นพระชนม์ ไปแล้ว ก็ทรงพระพิโรธ และโมโหโกรธา เป็นอย่างมาก .... และได้สั่งการ เพื่อเตรียม บุกโลก ... นั่นคือที่มาของมหาสงครามในระบบสุริยจักรวาลของเรา


    สำหรับเรื่องนี้ ทางด้านอเมริกา รู้ดีว่าได้ทำผิดพลาดครั้งสำคัญ และพยายามควบคุมความลับอันนี้ ... เพื่อมิให้กระจายออกไป ... และเร่งระดมพลนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และนักดาราศาสตร์ เพื่อเร่งรีบทำการสำรวจสิ่งมีชีวิตในระบบสุริยจักรวาลของเรา ...... เพียงเพื่อต้องการเชื่อมสัมพันธไมตรี และขอโทษในสิ่งที่ได้ทำผิดไปนั่นเอง .... แต่ด้วยความรู้อันน้อยนิดของมวลมนุษย์ชาตินี้ จะทำได้เพียงใดนั้น คงไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่ อ.อาจอง ได้กล่าวไว้ก็คือ กองทัพจากดาวศุกร์จะบุกโจมตีที่แถบอเมริกาและยุโรป นั่นเอง ........


    เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะมาต่อ เรื่องกรณี พิพาทระหว่าง ดาวอังคารและโลกมนุษย์

    ขอคั่นเรื่องนิดนึง..... เกี่ยวกับภาพถ่ายขององค์การนาซ่า

    ใบหน้าบนดาวอังคารยังไม่จบ New York 8 กย. 2543 เมื่อปี 1976 ภาพใบหน้าบนพื้นผิวดาวอังคารสร้างความแตกตื่นแก่ชาวโลกมาก หลายคนเชื่อโดยไม่มีเงื่อนไข ว่า เป็นสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ต่างดาวหรือชาวอังคารแน่นอน แต่ต่อมา NASA ก็ยุติข้อครหาดังกล่าวโดยการออกแถลงการว่า ภาพดังกล่าว เป็นเพียงหุบเขาธรรมดา มันเป็นการผสมผสานและดัดกันระหว่างแสงและเงา ตามธรรมชาติ ที่เมื่อมองดูไกล ๆ แล้ว ก็คล้ายหน้าคนได้ เหมือนกับรอยหยักนูนบนมันฝรั่งทอดอย่างไงอย่างงั่น แต่เมื่อปี 1998 ภาพใหม่ ๆ จากนาซ่า ถูกวิเคราะเพิ่มเติม หลายคนยังคงเชื่อว่า ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองธรรมชาติ โธมัส แวน แฟลนเดิร์น และ มาร์ค เคลลี่ ได้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชั้นสูงมาวิเคราะห์รูปภาพใบหน้าดังกล่าว และล่าสุด ได้ให้ข้อสังเกตุว่า ดูยังไงก็เป็นตา เป็นคิ้ว เป็นคาง เป็นจมูก ปาก แดน ราเธอร์ จาก CBS ได้รายงานว่า มันน่าขนหัวลุกทีเดียว เมื่อยังไม่สามารถหาคำลบล้างใด ๆ มาแก้ข่าวที่ว่า ใบหน้าดังกล่าวเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นเอง เอาล่ะครับ .... งานนี้รับรองสนุกอีกแล้ว ........
    <!-- google_ad_section_end -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]


    </FIELDSET>


    เรื่องเจ้าหญิงผู้เลอโฉมแห่งดาวศุกร์ ....ผมลืมกระทู้นี้ได้งัย....

    เดี๋ยวมาต่อครับ ....ขอทบทวนหน่อย...(กระทู้นี้ผมตั้ง เมื่อต้นปี 2548)

    ขออภัยครับ........ ผมลืมสนิทเลย ....!!!<!-- google_ad_section_end -->

    เรามาเล่าต่อกันดีกว่า ...

    เนื่องด้วยมีธาตุพลังแห่งจักรวาล อยู่ที่ดาวอังคาร นั่นเป็นที่มาที่ไปที่ มนุษย์โลก เราพยายามเดินทางไปสำรวจ มีมากมายหลายประเทศครับ ไม่ว่าจะเป็น ไอ่เมกา โซเวียต ญี่ปุ่น จีน(นี่มาแรงครับ จีนนี่มาแรงจริงๆ .... ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ)

    ต้องถามว่าทำไมต้องเร่งรีบสำรวจดาวอังคารกันนักหนา .... ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าไม่มีอะไร มีแต่ความแห้งแล้ง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ .... แต่มีร่องรอยของน้ำ ที่คาดหวังไว้ว่า "น่าจะมีสิ่งมีชีวิต" แล้วทำไมแย่งกันสำรวจกันนักกันหนา ฮึ!!!


    ผมรู้ว่า ........ มีสิ่งมีชีวิตแน่นอน ครับ (แต่อยู่ใต้พิภพ ไม่มีทางที่จะสำรวจภาคพื้นดินเจอ)
    และผมรู้ว่า .... เขารำคาญพวกมนุษย์ที่สอดรู้สอดเห็นนี้มากๆ
    มนุษย์โลก .... ไปเบียดเบียนเขา ไปแย่งทรัพยากรของเขา เขาไม่ชอบ ไม่ยอมแน่ๆ
    เพราะฉะนั้น... สงครามแห่งจักรวรรดิ์ ได้เริ่มต้นแล้ว ณ. สุริยจักรวาลของเรา นี่เอง

    เพียงเพื่อ...... แหล่งแร่ธาตุ (ที่ยังไม่เปิดเผย ณ. ขณะนี้ เป็นความลับของ NASA อยู่ดี)
    รอดูสิ ......... มนุษย์ชาวอังคารเริ่มเครียด ....และเริ่มเข้าสู่....บทบาทการโจมตีโลก

    คุณ...คุณ .... ไม่ต้องโทษภัยธรรมชาติหรอก
    คุณ...คุณ..... โทษเพื่อนๆ ของเราดีกว่า ที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด

    ผม (NiNe) .. เสียใจมาก .....แต่ช่วยอะไรไม่ได้
    ผม (NiNe) .. รู้ดีว่า ...........มหาสงครามแห่งมหาจักรวรรดิ์ของสุริยะ ได้เริ่มขึ้นแล้ว

    ขอให้ทุกๆ......คนจงอยู่ในสันติวิธี
    ขอให้ทุกๆ......คนจงสร้างสถานีอวกาศแห่ง ราห์ เพื่อสัมพันธไมตรีโดยเร่งด่วน !!!

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า คือการแปรสภาพของสรรพสิ่งให้ผันผวน
    ด้วยอำนาจแห่ง ...<!-- google_ad_section_end -->

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ demonicus
    โลกได้ชื่อว่าดาวมรณะ ก็เพราะสิ่งมีชีวิตบนโลก เกิด และตายในสภาพกายเนื้อ ที่สำคัญ สิ่งมีชีวิตบนโลก ส่วนมากนิยมการฆ่า มนุษย์เป็นสัตว์สงครามครับ ไม่ใช่สัตว์สังคม ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็เพื่อความได้เปรียบ ในการทำสงครามระหว่างกัน มนุษย์ จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เผ่าพันธุ์อื่น ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะถูกแวดล้อมด้วยดวงจิตแห่งความตาย(ดวงจิตมรณะ) ดาวโลก....ดาวมรณะแห่งจักรวาล (นอกจากสัตว์ที่ถูกเลี้ยง(จนชินกับดวงจิตของมนุษย์แล้ว) ไม่มีสัตว์ใดอยากเข้าใกล้มนุษย์เลย ลองดูรอบๆตัวคุณสิ)


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ถูกต้องครับ คุณdemonicus พูดได้ถูกต้องแล้ว
    นี่แหล่ะที่ผมเรียกโลกนี้ว่า "ดาวมรณะ" !!!!!!!!!!<!-- google_ad_section_end -->

    13-11-2009, 09:36 PM
    12-11-2009, 10:23 AM
    <TABLE class=tborder id=post2606054 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สันโดษ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2606054", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    *-*



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2606054 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อนุโมทนาค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2010
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Andromeda ... เจ้าหญิงต้องสาป

    <!-- Main -->
    [SIZE=-1]
    <CENTER>



    [​IMG]

    เจ้าหญิงอันโดรเมดาเผชิญหน้ากับอสูรเเห่งท้องทะเล วาดโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Paul Gustave Doré (1869)






    ตามตำนานกรีกโบราณ เจ้าหญิงอันโดรเมดา (Andromeda) คือธิดาผู้เลอโฉมของกษัตริย์เซเฟอุส (Cepheus) และราชินีคัสสิโอเปีย (Cassiopia) เเห่งอาณาจักรของชาวฟินิเชี่ยน (Phoenician) เอธิโอเปีย (Ethiopia) แต่เพราะราชินีคัสสิโอเปียชอบอวดอ้างถึงความงามของธิดาว่าเลอโฉมยิ่ง แม้แต่ธิดาแห่งเทพโพเซดอน (Poseidon) เจ้าแห่งมหาสมุทร ก็มิอาจเทียบเทียม




    ความทราบถึงเทพเเห่งมหาสมุทร โพเซดอนส่งเซตุส (Cetus) อสูรแห่งท้องทะเล ขึ้นมาก่อกวนทำลายล้างและสร้างความวุ่นวายตลอดแนวชายฝั่งของเอธิโอเปีย เป็นการลงโทษความอวดดีของมนุษย์






    [​IMG]

    เซตุส... อสูรเเห่งท้องทะเลที่ตำนานกล่าวอ้างว่า รูปร่างคล้ายปลาวาฬ Painting from http://blog.depth-astrology.com/






    ด้วยความสิ้นหวัง กษัตริย์เซเฟอุสจึงหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากอัมมอน (Ammon) เทพยากรณ์แห่งเซอุส (Zeus) มหาเทพแห่งสรวงสวรรค์ เทพยากรณ์ประกาศว่า ไม่มีหนทางใดจะแก้ไขเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ เว้นเสียแต่กษัตริย์เซเฟอุสจักต้องสังเวยชีวิตพรหมจรรย์ของเจ้าหญิงอันโดรเมดา ธิดาผู้เลอโฉม ต่ออสูรร้าย




    เพียงเพราะคำอวดอ้างของพระมารดา เจ้าหญิงผู้เลอโฉมต้องทัณฑ์แห่งสวรรค์ ร่างเปลือยเปล่าถูกล่ามตรึงไว้กับหินผา เพื่อเป็นเครื่องสังเวยต่ออสูรเเห่งท้องทะเล ณ ชายฝั่งจาฟฟา (Jaffa) ซึ่งหินผาก้อนนั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ณ ที่เดิม มาจนถึงทุกวันนี้




    เพอเซอุส (Perseus) ผู้ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นตำนานของฮีโร่ตามความเชื่อของกรีกโบราณ ด้วยสามารถปลิดชีพอสูรร้ายได้เป็นจำนวนมาก เดินทางกลับจากการสังหารกอร์กอน เมดูซา (Gorgon Medusa) อสูรเพศหญิงที่มีศีรษะเป็นงูพิษ ซึ่งหากผู้ใดจ้องมองมาจะต้องสาปทำให้ร่างกลายเป็นหิน




    เมื่อพบเข้ากับเจ้าหญิงผู้เลอโฉมซึ่งถูกล่ามตรึงเอาไว้กับหินผา ชายหนุ่มก็ตกหลุมรักนางเข้าทันที เพอเซอุสเข้าต่อสู้และปลิดชีพอสูรแห่งท้องทะเลเซตุส ช่วยชีวิตเจ้าหญิงอันโดรเมดาให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้าย






    [​IMG]

    กษัตริย์เซเฟอุสเเละราชินีคัสสิโอเปียขอบคุณเพอเซอุส ที่ช่วยชีวิตเจ้าหญิงอันโดรเมดา Andromeda, La Délivrance d'Andromède วาดโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Pierre Mignard (1679) จัดเเสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvr) ประเทศฝรั่งเศส






    หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เข้าสู่พิธีวิวาห์ เจ้าหญิงอันโดรเมดาและเพอเซอุสออกเดินทางไปยังอาร์กอส (Argos) ทั้งสองมีบุตรชายด้วยกันเจ็ดคนเเละบุตรหญิงอีกหนึ่ง ซึ่งภายหลังเพอเซส (Perses) หนึ่งในบุตรทั้งเจ็ดก็ได้กลายมาเป็นต้นตระกูลของชาวเปอร์เชียน (Persian)




    เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เทพีอเธนา (Athena) ได้ส่งเจ้าหญิงอันโดรเมดาผู้เลอโฉมให้ขึ้นไปเป็นดวงดาวอันเจิดจรัส ประดับฟากฟ้าทางทิศเหนือ ใกล้กับเพอเซอุสสวามี และราชินีคัสสิโอเปียพระมารดา เรื่องราวของเจ้าหญิงอันโดรเมดาจึงกลายมาเป็นตำนานสะท้อนอยู่บนงานศิลป์นับแต่โบราณ....





    [​IMG]
    Andromeda Galaxy photo from http://www.allposters.com






    ถอดความจาก Wikipedia The Free Encyclopedia http://en.wikipedia.org/wiki/Andromeda_(mythology)
    Bloggang.com :
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตำนานดวงดาว

    ตำนานการก่อกำเนิดของดวงดาวต่างๆ ที่ไม่อิงหลักวิทยาศาสตร์
    เอามาฝากให้อ่านกันเล่นๆ เสริมสร้างจินตนาการค่ะ



    ตำนานอียิปต์...
    ลึกลับ มีมนต์เสน่ห์
    สมความเป็นอียิปต์

    ตำนานพระจันทร์ 2 ดวง...
    ซึ้ง เศร้า
    เหงา และรัก

    ตำนานกรีก...
    นิยายรักที่ชาวโลกชื่นชม
    เป็นนิรันดร์

    เทพกรีกที่เกี่ยวข้องกับชื่อดาว..
    .
    คงความคลาสสิคตามแบบฉบับกรีก
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เรื่องน่าพรั่นพรึงได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
    โดยคุณ jesdath


    [​IMG]

    ข้อความจากคุณ jesdath

    ---ผมขอนำบทความจากคุณ 1พี2เอ็ม ที่ส่งมาเป็นข้อความหลังไมค์ ซึ่งยังติดตามดาวนิบิรูและแผ่นดินไหวอยู่ตลอด

    ---ปัญหาที่ผมพบใหม่คือว่า ดาวนิบิรู หายตัวได้ ผมก็เพิ่งนึกจุดนี้ได้ว่า มีชาวต่างดาว คือมนุษย์ยักษ์ อาศัยอยู่บนดาวนิบิรู โดยที่พวกนี้มีเทคโนโลยี่ที่สามรถพรางดาวทั้งดวงได้ เช่นสร้างหลุมดำขนาดเล็กที่ดูกกลืนแสง หรือใช้ฉากใส ให้แสงทะลุผ่านไปแบบจอภาพนะครับ

    --คราวนี้มาดูการวิเคราะห์ไบเบิ้ล ส่วนใหญ่ผมคิดว่าจะดูจากอักขระต้นฉบับในภาษาฮีบรู คืออ่านขวาง อ่านทะแยงเอา เช่นเดียวกับที่เขาถอดรหัสเรื่องตึกเวิลดิ์เทรดครับ น่ามหัศจรรย์ทีเดียว

    --จากเว็ปต้นเค้ามีการถอดรหัส 21 ธค.2010 คือปีนี้ ดาวเทียมทุกดวงจะตกจากฟ้า เพราะมีสะเก็ดดาวเคราะห์น้อยวิ่งเฉียดหรือชน ซึ่งจะทำให้การสื่อสารข้ามประเทศล้มเหลว โทรศัพท์ โทรทัศน์ อินเตอร์เนตล่มครับ คอยดูกันไปครับ และเรื่องแผ่นดินไหวในอเมริกาอีก

    --------------------------------------------------------------------------

    From : 1p2m [5 กุมภาพันธ์ 2553 01:58]

    ลองเข้าไปดูเรื่องวันสิ้นโลกตามแนวทางพระคัมภีร์ของคริสเตียนบ้าง เพิ่ง Update บล็อกใหม่ มีหลายเรื่อง

    From : 1p2m [4 กุมภาพันธ์ 2553 03:59]

    สวัสดีคุณ jesdath ว่าง ๆ ก็แวะมาที่บล็อกได้ พอดีจะทำเรื่องวันสิ้นโลกในแนวทางคริสเตียน มีเรื่องนิมิตร ฝัน และอื่น ๆ ที่อยากเผยแพร่ เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3 แผนที่สงครามที่จะเกิดขึ้น เมืองที่ถูกโจมตี ภัยพิบัติต่าง ๆ จากคริสเตียนที่ได้เห็นนิมิตรมาสำแดง บอกกล่าว ว่าง ๆ เข้ามาคุยกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้

    ตามเรื่องดาวนิบิรุ ไปถึงไหนแล้ว มีข่าวคราวอะไรบ้างตอนนี้ ในส่วนคริสเตียนนั้นก็มีการเปิดเผยจากผู้เชื่อที่เห็นนิมิตร ในหลายสิบปีก่อนโดยที่เขาไ่ม่เคยรู้เรื่องดาวนิบิรุมาก่อน ว่าดาวนี้มันมีจริง ๆ และกำลังใกล้เข้ามาทำให้โลกหายนะแน่นอน

    ในพระคัมภีร์ส่วนของวิวรณ์ได้กล่าวถึง นิบิรุ ว่าเป็นดาวบอระเพ็ด ที่จะทำให้ท้องฟ้าของโลกติดไฟ !! ซึ่งมันอาจแพร่ก๊าซมีเธนที่ติดไฟได้เข้ามาในบรรยากาศโลก และนำเศษหินอุกกาบาตมาตกถล่มโลกด้วย ส่วนเรื่องวันเวลานั้นไม่อาจจะฟันธงไปว่าต้องเป็นปี 2012 ได้เป๊ะมันคลาดเคลื่อนได้ และที่ยืนยันได้ว่าดาวนี้จะไ่ม่ชนโลกอย่างที่เชื่อกัน จะเพียงแค่เ้ข้าใกล้แค่นั้น ว่าง ๆ จะนำมาเสนอภายหลัง ครับคุณ jesdath

    เรื่องปี 2012 นั้น จริง ๆ แล้วส่วนตัวไม่เชื่อและไม่คิดว่าคือวันสิ้นโลกแน่นอน แต่จะมีเหตุการณ์ใหญ่บางอย่างเกิดขึ้น และจะต้องเกิดก่อนหน้านั้นด้วย มีเรื่องหนึ่ง Bible Code ที่ำกำลังศึกษา ตามข่าวอยู่ เพราะอยู่ในวงการผู้พยากรณ์ในแวดวงคริสเตียนอยู่ ตอนแรกไม่เชื่อเรื่อง Bible Code เลยเพราะดูมันน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือเล่นกลทางคณิตศาสตร์ แต่พอได้ศึกษาก็รู้ว่า บางโค้ดนั้นเืชื่อได้ว่าไม่ใช่เรื่องบังเิอิญ แต่ไม่ใช่ว่าทุก ๆ Code จะจริงและเชื่อได้หมด

    แผ่นดินไหวที่เฮติ ก็มีอยู่ใน Code ที่แกะจากหนังสือปฐมกาล (GENESIS) ตรงทุกอย่างดังนี้ (แปลจากภาษาเดิมแล้ว)

    BIBLE CODE: GEN:6:3:
    HAITI - MAJOR EARTHQUAKE-
    JANUARY 2010 - DESTRUCTION - DEVASTATION
    MASS DEATH

    From : 1p2m [25 กุมภาพันธ์ 2553 20:49]

    ส่วน Code อื่นในปี 2010 ที่น่าสนใจต้องตามดูว่าจะเกิดจริงหรือไม่เช่น

    BIBLE CODE: EX:39:10, DEUT:1:36:
    MARCH 01, 2010- COMET IMPACT- UTAH
    DAYTIME - DAYLIGHT- IN THE MORNING
    HOLOCAUST - CATASTROPHE- ANNIHILATION
    SOUTH - PATH - TRAJECTORY - SOUTH
    PREVENTION - PREVENTABLE - STOPPED
    ACTUAL DATE: 15 ADAR 5770 (HC).

    หรือในปีนี้จะมีอุกกาบาตตกใ่ส่โลก และ Code จากแหล่งอื่น ๆ ก็บอกว่า อุกกาบาตนี้จะใหญ่ขนาดตกใส่มหาสมุทรแอตแลนติก จนทำให้เกิดคลื่นยักษ์อย่างในหนัง Deep Impact ได้ทีเดียว ต้องรอดูกัน

    ส่วนดาว NIBIRU นั้นก็มีบอกอยู่ใน BIBLE CODE ว่ามันมีอยู่จริง ๆ และกำลังใกล้เข้ามาและจะได้เห็น แม้ตอนนี้จะไม่เห็น BIBLE กล่าวว่า มันเป็นดาวที่หลบ ๆ ซ่อน ผลุบโผล่ ๆ ที่เรียกว่า HIDDEN STAR จึงไม่เห็นตลอดเวลาหรืออยู่ที่เดียวตลอด และยังมี Bible Code ที่กล่าวเตือนถึงการบุกรุกของมนุษย์ต่างดาวด้วย ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลมานำเสนออยู่

    ยังมีเรื่่องที่อยากนำเสนออีกเช่น นิมิตรที่พระเจ้าสำแดงให้เห็นว่าจะมีอุกกาบาตใหญ่ 3 ลูกตกที่อ่าวเม็กซิโกและมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย ใหญ่ขนาดทำให้เกิดคลื่นยักษ์อย่างที่ดูในหนัง Deep Impact เลยนั่นแหละ และผู้เ็ห็นนิมิตรจากพระเจ้าได้เปิดเผยแผนที่อเมริกาที่จะถูกคลื่นถล่มจนเละด้วย

    รอติดตามน่ะ พวกนี้เป็นคำเตือนจาก Bible Code ในปี 2010

    BIBLE CODE: EX:39:10, DEUT:1:36:
    MARCH 01, 2010- COMET IMPACT- UTAH
    DAYTIME - DAYLIGHT- IN THE MORNING
    HOLOCAUST - CATASTROPHE- ANNIHILATION
    SOUTH - PATH - TRAJECTORY - SOUTH
    PREVENTION - PREVENTABLE - STOPPED
    ACTUAL DATE: 15 ADAR 5770 (HC).

    BIBLE CODE: 2010 (5770) ISRAEL - WAR - IRAN

    BIBLE CODE: 2010 (5770) - NIBIRU- COMET PLANET-
    SIGHTED- VISIBLE

    BIBLE CODE: 2010 (5770) - SWINE FLU- MUTATION - NYC -
    DALLAS - MARTIAL LAW - MASS DEATH - BANKS SEIZED -
    WALL STREET CRASH

    BIBLE CODE - 2010 (5770) OBAMA ASSASSINATED-
    HILLARY PRESIDENT - 2010 - HILLARY WELCOMES
    AND ACCEPTS ANTICHRIST 666

    BIBLE CODE 2010? (5770) MAY- EBOLA BIO-ATTACK-
    PHILADELPHIA - OBAMA - SPEECH- INFECTED - DEAD

    BIBLE CODE 2010 (5770)- ANTICHRIST- UFO ARRIVAL- JERUSALEM

    BIBLE CODE 2010 (5770)- SEPTEMBER- IRAN - MAJOR EARTHQUAKE

    BIBLE CODE 2010 (5770) - WALL STREET - COLLAPSE - CRASH
    UNDER OBAMA - SECOND YEAR - PANIC

    From : 1p2m [25 กุมภาพันธ์ 2553 23:04]

    แนะนำเวปของคริสเตียนคนหนึ่ง ที่เป็นอาจารย์และได้ถอด Bible Code มาเตือนเป็นระยะ ข้อมูลเยอะมาก http://www.satansrapture.com/ ไบเบิลโค้ดปีนี้ถูกหมดทุกรายละเอียดเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เฮติและ ชิลี

    BIBLE CODE: GEN:6:3: HAITI - JANUARY 2010-
    EARTHQUAKE - DESTRUCTION - MASS DEATH

    BIBLE CODE: GEN:1:14: CHILE- FEBRUARY 2010
    MAJOR EARTHQUAKE- DESTRUCTION -DEATH

    และที่สำคัญคำเตือนว่าประเทศที่จะโดนต่อไปคือ อเมริกา และ อิหร่าน ดังนี้

    Matthew 27:54-Phil. 2:19 ANDREAS (ELS=58201) คือรอยเลื่อนที่อยู่ผ่านแถบชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา หรือรัฐแคลิฟอเนียร์เป็นส่วนใหญ่ LA จะถล่ม

    -- EARTHQUAKE
    -- EIGHT
    -- TWO TEN (year 2010?)
    -- BE DIVIDED, HE CANNOT STAND, SAND, THRUST US OUT
    -- BE BROKEN, THE DEAD (the
    -- YEAR, FROM BENEATH

    BIBLE CODE 2010 (5770)- SEPTEMBER- IRAN - MAJOR EARTHQUAKE

    ครั้งต่อไป

    วันที่เกิด - วันที่ 3 กันยายน 2010 เิกิดเล็กประมาณ 7.4 ริกเตอร์ บริเวณเกิิด - ฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ

    วันที่เกิด - วันที่ 10-11 กันยายน 2010 บริเวณเกิิด - เกิดใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิค และทำให้เกิดคลื่นซึนามิยักษ์สูงหลายร้อยฟุต พัดถล่มชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา

    ถ้าผิดก็อย่าว่ากันเพราะไม่มีใครทำนายแผ่นดินไหวได้ ถึงบอกว่าทำนายได้ก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี ถ้าถูกตามนี้ก็ค่อยถามแ้ล้วกันว่า รู้ได้ยังไง เอาข้อมูลมาจากไหน SAVE กระทู้นี้เก็บไว้เป็นหลักฐานหน่อยก็ดี เพื่อรอดูผลว่าจะิเกิดหรือไม่ (วันตั้งกระทู้ วันที่ 13 มีนาคม 2010)

    เพิ่มเติมครับ เรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ที่แปซิฟิกครั้งนี้ ใหญ่หลวงมากขนาดทำให้เกิดคลื่นยักษ์สูงเป็นร้อยฟุตถล่มชายฝั่งตะวันอเมริกาเหนือ คือกวาดลอสแองเจลิส และเมืองใหญ่ชายฝั่งตะวันเรียบเลยทีเดียว ไม่ใช่ซึนามิแบบเด็ก ๆ ที่เคยเกิดที่เมืองไทยน่ะ

    ที่มาทำนายนี้ มาจากนิมิตร ไม่ใช่ Bible Code และที่สำคัญต่อมาคือ เขาทำนายว่า จะเกิดกลียุคหรือสงครามกลางเมืองในอเมริกาพร้อม ๆ กับการใช้ Martial Law หรือ พรก. ฉุกเฉิน + กฎอัยการศึก แบบบ้านเรานั่นแหละ และ รัสเซียกับจีนอาจจะถือโอกาสบุกอเมริกา เกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้ในปีนี้ 2010 เรื่องสงครามนิวเคลียร์นี้ กำลังแปลนิมิตรที่เขาเห็นมาให้อ่าน อเมริกาจะถูกบอมบ์ด้วยนิวเคลียร์ในเมืองใหญ่ ๆ คนตายเป็นล้าน ๆ

    และหลายฝ่ายทำนายคล้ายกันว่าปี 2012 จะมีผู้มาจากต่างแดนไกลหรือมนุษย์ต่างดาวมาเพื่อยุติสงครามโลกนิวเคลียร์นี้ และประกาศตัวเป็นจ้าวโลกควบคุมมนุษย์ทั้งหมด แต่ที่แน่ ๆ แผ่นดินไหวใหญ่ใน กันยายน ปีนี้ต้องจับตาดูอย่ากระพริบตา รับรองว่าช๊อกกันทั้งโลกแน่ ๆ เพราะอาจะทำให้โกลาหลวุ่นวายทั้งโลกเพราะมันจะทำให้คนทั้งโลกเชื่อว่าหายนะ 2012 คงเกิดจริงแน่ ๆ !

    ------------------------------------------------------------------------------
    ไม่ค่อยมีรูปให้ดูนะครับ เพราะกำลังทำวงจรเครื่องเสียง กับตอบอีเมล์เมืองนอกครับ ไม่ค่อยมีเวลาเลย เว็ปส่วนตัวก็ต้องรีบทำครับ
    --ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="50%">Create Date : 05 มีนาคม 2553 </TD></TR><TR><TD width="50%">Last Update : 14 มีนาคม 2553 23:58:05 น.

    ที่มา Bloggang.com : jesdath

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เครดิต http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1055

    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="50%"></TD></TR><TR><TD width="50%">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/LnBO7f_iNqI&amp;hl=en_US&amp;fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/LnBO7f_iNqI&amp;hl=en_US&amp;fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิธีการจัดการกับมนุษย์ต่างดาว โดย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่



    ปราศรัยโดย ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่แก่เพื่อนประทับจิตต่างชาติ ในระหว่างฌาน 7 นานาชาติ ศูนย์ซีหู, ฟอร์โมซา
    28 ตุลาคม 1995 (เดิมเป็นภาษาอังกฤษ)

    ในระหว่างณาน 7 เพื่อนประทับจิตชาวเกาหลีถามท่านอาจารย์ว่า :

    “ปรากฏการณ์ที่มีจานบินจำนวนมากมาปรากฏที่เกาหลีเมื่อเร็วๆ นี้ มีความหมายอยู่เบื้องหลังว่าอย่างไร?” ชาวเกาหลีซึ่งอยู่ในที่นั้นจำนวน 4 คน (มี 3 คนที่เป็นพระภิกษุ) ได้เห็นจานบินเหล่านั้นด้วยตาของตนเอง ในการตอบคำถามเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหัวข้อที่คนสนใจกันมากในปัจจุบัน ท่านอาจารย์ได้ให้คำแนะนำอันแฝงด้วยอารมณ์ขันเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติที่ถูก ต้องให้ทุกคนได้ทราบ วิธีเดียวที่จะป้องกันตัวเราและช่วยโลกให้รอดได้ก็คือบำเพ็ญธรรมวิถีกวนอิมอ ย่างจริงจัง

    เมื่อเร็วๆ นี้ ฉันคิดว่าคงจะมีจานบินหลายพันลำบินอยู่เหนือโลกของเรา ไม่ใช่แต่เฉพาะในเกาหลีเท่านั้น และคนทั่วไปแม้แต่ในอเมริกา, ทุกหนทุกแห่ง เธอคงรู้จักองค์การนาซ่า, เอ็ฟบีไอ อะไรพวกนั้น เขาก็ได้รับรู้ข้อมูลพวกนี้เช่นเดียวกัน เขารู้ว่ามีจานบินจำนวนมหาศาลปรากฏมาพร้อมๆ กัน อาจเป็นจำนวนหลายแสนลำก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ต้องการจะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้คนในโลกเกิดความกังวล ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะพูดเรื่องนี้หรือเปล่า แต่เนื่องจากเธอถามฉันมาแล้ว ฉันจะบอกเรื่องที่ฉันรู้ให้ฟังก็แล้วกัน ฉันไม่รู้ว่าจะทำให้พวกเธอกังวลหรือเปล่า เขากล่าวกันว่า บางทีพวกมนุษย์ต่างดาวอาจจะโจมตีพวกเราก่อนคริสต์มาส-สักประมาณเดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน นี่คือสิ่งที่เขาพูดกัน ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย (ทุกคนหัวเราะ) ฉันไม่ได้ไปไหนเลย ไม่ได้ดูทีวี และเมื่อถึงเวลาที่ฉันตาย ฉันก็ตาย....จบสิ้นไป

    ดัง นั้น จงเตรียมพร้อมที่จะมีชีวิตอีกแบบหนึ่งหรือไม่ก็ตาย (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็บำเพ็ญธรรมวิธีกวนอิม เราทำสิ่งที่ดี เราทำให้ความรู้สึกผิดชอบของเราได้รับความพอใจ ว่าเราเป็นคนที่มีคุณธรรมอย่างมาก เราไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว

    ความ จริงก็มีข่าวดีอยู่ในข่าวร้ายนี้มากพอสมควร บางคนกล่าวว่า พวกมนุษย์ต่างดาวเป็นผู้มีใจเมตตามาก เขาจะมาช่วยเหลือเรา อาจจะมาช่วยเหลือเราในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเลวร้ายนี้ ถ้าเขาจะทำเช่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะเขามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก และหลายคนก็มีความรู้ทางด้านจิตวิญญาณมากกว่าด้วย

    ฉัน อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งมีกล่าวไว้ว่า มีวุฒิสมาชิกในอเมริกาอย่างน้อยสิบสองคนเป็นมนุษย์ต่างดาว และพวกเขาก็รับสารภาพด้วย เขาบอกว่าใช่ เขาเป็นจริงๆ! แล้วพวกเธอคิดว่าอย่างไร? เรากำลังมีชีวิตร่วมกับมนุษย์ต่างดาวอยู่นะนี่ และเราก็มีรายงานข่าวต่างๆมากมายจากประเทศต่างๆ ซึ่งคล้ายคลึงกับเรื่องนี้....คือ มีมนุษย์ต่างดาวอยู่ในรัฐบาล ในธนาคาร และในระบบการศึกษา ในศาสนจักร ในลัทธิต่างๆ ทางศาสนา ทุกหนทุกแห่ง ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรน่ากลัวอีกเล่า? นอกจากนี้ จากวิธีการที่คนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตกันอยู่ที่นี่ ฉันไม่คิดว่าถ้ามนุษย์ต่างดาวมาแล้วเราจะเลวลงไปมากกว่านี้ ขอให้หวังว่าเรามีแต่จะดีขึ้นกว่าเดิมก็แล้วกัน

    อย่างไร ก็ดี เราคงได้พบกับพวกต่างดาวตามถนนหนทางมาบ้างแล้ว มันควรจะเป็นอย่างนั้นนะ เธอเคยเจอบ้างไหม? เธอสวดอธิษฐานขอพุทธะ และพระโพธิสัตว์มาอยู่ใกล้ๆเธอตลอดเวลา....พวกนี้ก็คือมนุษย์ต่างดาวจากโลก อื่นนั่นแหละ (คนหัวเราะ) และรูปภาพทั้งหลายที่เธอแขวนไว้ในวัดในโบสถ์...พวกนั้นก็เป็นมนุษย์ต่างดาว (คนหัวเราะ) ผู้นำทางศาสนาทุกศาสนาที่เธอก้มกราบอยู่ทุกวันในทุกประเทศ....นี่ก็มนุษย์ ต่างดาว (คนหัวเราะ) เขาไม่ใช่มนุษย์หรอก ฉันก็ควรจะต้องเป็นพวกมนุษย์ต่างดาวเหมือนกัน (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ คนปรบมือ) (เพื่อนประทับจิตพูดว่า : มนุษย์ต่างดาวที่ดีที่สุด) เป็นพวกที่ดี! อย่างนั้นหรือ? (ทุกคน : ใช่) เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไรกับพวกจานบินเหล่านี้ล่ะ? ไม่ต้องกังวลหรอกเธอก็คอยเฝ้าดูก็แล้วกัน และเมื่อเขาออกมาข้างนอก เธอก็พูดว่า “ฮัลโหล” บอกพวกเขาว่า “อาจารย์ของฉันก็เป็นพวกเดียวกับท่าน” (อาจารย์และทุกคนหัวเราะ) “อาจารย์ของฉันสอนให้ฉันไปโลกของท่านในบางโอกาส” ก็แค่กล่าวทักทาย ท่องคำพระห้าคำ และทำสมาธิไป เธอจะทำอะไรอย่างอื่นได้ล่ะ?

    ถ้าเธอพยายามจะฆ่าพวกเขา เธอก็จะตายก่อนแน่ เธอจะตายก่อนที่เธอจะได้ยกนิ้วด้วยซ้ำ อย่าพยายามไปทำร้ายเขา มันผิดกฎของพวกเรา พวกเขามีความก้าวหน้ากว่าพวกเราในทุกๆ ด้าน ถ้าพวกเขามีความตั้งใจไม่ดีที่จะทำอะไรกับเราจริงๆ เราก็เสร็จ! เทคโนโลยีที่เลอเลิศที่สุดในโลกของเราไม่สามารถจะทำอะไรได้เลยเมื่ออยู่ต่อ หน้าพลังของพวกเขา เพราะฉะนั้นไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือเลว เราก็ทำได้แต่เพียงป้องกันตัวเราด้วยคุณธรรมของเรา และพลังภายในอันทรงอานุภาพของเรา ให้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะมีชีวิตหรือตายไป เราก็จะไม่มีวันที่จะถูกทำลายได้เลย เพราะวิญญาณของเรามีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร และควรรู้ด้วยว่าไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือเลว เราก็ยังต้องปฏิบัติต่อเขา ด้วยความดี และความรักความเมตตาทั้งหมดของเรา (ทุกคนปรบมือ)

    godsdirectcontact-thai.com
    เครดิต คุณ mead

    วิธีไปถึงดินแดนแห่งพุทธะ

    ปราศรัยโดยท่านอนุตราจารย์ชิงไห่
    มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    วันที่ 4 พฤศจิกายน 1989 (เดิมเป็นภาษาอังกฤษ


    รวมทั้งหมด เป็น file PDF ให้แล้วจ้า<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>ดินแดนแห่งพุทธะ.pdf (236.6 KB, 37 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    เครดิตคุณ แม่นายมล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ขวัญ เพลาๆ ลงบ้างก็ดีนะ กับเรื่องจินตนาการเนี่ย เดี๋ยวมันจะไปใหญ่
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อิอิ
    รังหนู มันก็รก ดิคะ
    เจออะไรก็คาบมาเก็บไว้ดูเล่น ขยะบางทีก็มีค่า ถ้ารู้จักใช้ขยะให้เป็นประโยชน์
    แร้ว...ลุง เป็นไรมากไหม คะ คนแถวนี้ก็เป็นสุข เป็นสุข ตามอัตภาพ
    ดีกว่า สภาหมาจิ๊ดส์นุง คิดว่างั้นนะ
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]


    “เลขาธิการ กปร.เผย”ในหลวง”รับสั่งทุกหน่วยแก้ปัญหาน้ำแบบบูรณาการ เตรียมรับมือขาดแคลนน้ำในอนาคต


    วันนี้ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเฉลิมเกรียติ แสนวิเศษ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ(กปร) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องการบริหารจัดการน้ำโดยทรงมีพระราชประสงค์ให้ทุกหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเรื่องน้ำทั้งประเทศ ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อเตรียมวางแผนร่วมกันรับมือปัญหาน้ำที่จะขาดแคลนมากขึ้น โดยให้มุ่งเน้นการบริหารน้ำและบริหารแหล่งน้ำที่มีอยู่ให้มีการจัดการที่ ร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะขณะนี้น้ำสำรองของประเทศมีอย่างจำกัด หากทุกหน่วยงานไม่มองภาพรวมว่าจะประหยัดน้ำกันอย่างไรในอนาคตจะเกิดปัญหา หนักมากขึ้น ทั้งน้ำที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และน้ำเพื่อการเกษตร ต้องมองหาจุดที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่งมากไป นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเรื่องการสร้างประตูกันลำน้ำเพื่อกักเก็บไว้ใช้ในพื้นที่ได้ ทั้งหน้าแล้งและระบายออกแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ปล่อยน้ำทิ้งออกทะเลหรือลงสู่แม่น้ำโขง โดยสูญเปล่า รวมทั้งการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ฝายชะลอน้ำให้เกิดความชุ่มชื้นและให้สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น

    นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ เปิดเผยภายหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงว่ากระทรวงเกษตรฯเตรียมทำโครงการ หนึ่งแหล่งน้ำหนึ่งจังหวัด เพื่อให้การจัดหาแหล่งน้ำเป็นไปอย่างทั่วถึงและตรงตามความต้องการของชุมชน ทั้งประเทศ โดยได้สั่งการให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดไปทำงานบูรณาการกับหน่วยงาน ของกระทรวงเกษตรทั้งหมดในแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมกันจัดหาพื้นที่สร้างแหล่ง น้ำในแต่ละจังหวัด ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรระดับจังหวัด โดยให้แต่ละจังหวัดทำแผนเบื้องต้นในการปฏิบัติการตามโครงการดังกล่าว กลับมาที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯภายในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ โดยจะมีคณะอนุกรรมการบูรณาการแผนฯที่มีนายจักรี สุจริตธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธานพิจารณาเพื่อนำสู่คณะกรรมการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบบริหาร จัดการน้ำเพื่อการเกษตร ที่มีปลัดกระทรวงเป็นประธาน พิจารณาเสนอเข้าที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงเพื่อประเมินผลความสำเร็จร่วมกัน เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถเริ่มขับเคลื่อนได้ภายในงบประมาณปี 2554 นี้ โดยอย่างช้าต้นปี 2554 จะต้องมีการเริ่มโครงการได้ทันที

    “โครงการนี้จะเป็นบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตและกระตุ้นเศษรฐกิจในพื้นที่ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำสอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ให้มากที่สุด โดยจะนำร่อง 2 เขต 9 จังหวัดที่มีความพร้อม ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี จันทรบุรี และตราด ซึ่งการจัดหาแหล่งน้ำในจังหวัดเหล่านี้อาจจะไม่ใหญ่มากแต่เน้นในเรื่องการ ขยายระบบการกระจายน้ำในพื้นที่ชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพและใช้น้ำได้เต็ม ศักยภาพ ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะต้องมีการรายงานความคืบหน้าทุกหนึ่งเดือน เมื่อครบ 6 เดือนจะมีการประเมินผลของโครงการอีกครั้งว่าจะต้องมีการปรับปรุงอย่างไร”นาย ธีระ กล่าว

    รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าวต่อว่าขณะนี้ชาวนาสามารถเริ่มปลูกข้าวนาปีได้แล้ว เนื่องจากสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายในบางพื้นที่เพราะมีฝนตกลงอย่างต่อ เนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางมีฝนตกหนักมากว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รวมทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศเริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นโดย เฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำเข้ามาจากพายุโกเซิน อีก 400 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อดูจากการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศนานาชาติเชื่อว่า ปรากฎการลานีญา จะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม และฝนตกมากกว่าค่าปกติ ทำให้มั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากและสามารถส่งน้ำสนับสนุนการทำ นาได้ในทุกพื้นที่

    นายธีระ กล่าวอีกว่าทั้งนี้กระทรวงเกษตรฯจะเตรียมจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ฉบับที่ 11 โดยจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งจากการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เกษตรกรต้องการให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร โดยแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน การใช้ที่ดินทำกินอย่างต่อเนื่อง การคุ้มครองที่ดินเพื่อการเกษตร การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตร โดยการตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนาขึ้นมาโดยเร็ว รวมทั้งการออกกฎหมายสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อให้สภาเกษตรกร สามารถทำหน้าที่ดูแลปกป้องเกษตรกรได้เต็มที่


    รับสั่งให้แก้ปัญหานํ้าแบบบูรณาการ รัฐบาลผุดโครงการ 1จังหวัด1แหล่งนํ้า

    วันเสาร์ ที่ 31 กรกฎาคม 2553 เวลา 10:09 น



    พระราชทานฝนหลวงบรรเทาปัญหาภัยแล้ง"ในหลวง" ทรงห่วงพสกนิกร “สุเมธ” นำคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงานสรุปสถานการณ์น้ำ ด้าน “เลขาฯ กปร.” เผย รับสั่งทุกหน่วยแก้ปัญหาน้ำแบบ บูรณาการ เตรียมรับมือการขาดแคลนน้ำในอนาคต “ธีระ” ผุดโครงการหนึ่งแหล่งน้ำหนึ่งจังหวัด เพิ่มประสิทธิภาพบริหารแหล่งน้ำ เร่งเดินหน้าปี 54 นำร่อง 9 จังหวัด

    เมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 30 ก.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออก ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร นำคณะผู้บริหารสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวม 12 คน เฝ้าฯกราบบังคมทูลรายงานสรุปสถานการณ์น้ำประเทศไทยปี พ.ศ. 2552 และเดือน ม.ค.-มิ.ย. ปี พ.ศ. 2553 การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การคาดการณ์สภาพอากาศประเทศไทย ปีพ.ศ. 2553 การปรับปรุงสถานีโทรมาตร ตรวจวัดสภาพอากาศอัตโนมัติและระบบโทรมาตร เพื่อสนับสนุนการจัดการปัญหาภัยแล้ง และผลการประกวดการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ ครั้งที่ 3 กับรับพระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับการดำเนินงานของสถาบันฯ

    ในการนี้ รายงานสรุปสถานการณ์น้ำในประเทศไทยนั้น รวมรวบข้อมูลโดยการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการและหน่วย งานต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านระบบเครือข่ายเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำแห่งประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2541 และระบบดังกล่าวสามารถ ใช้งานได้จริงในปี พ.ศ. 2545 ปัจจุบันได้ขยายผลการดำเนินงานเพิ่มเติม โดยการ พัฒนาระบบคลังข้อมูล สภาพอากาศประเทศไทย เพื่อให้ได้ข้อมูลสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ของประเทศ เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ จำเป็นในการนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการ ในปีที่ผ่านมานั้นพบว่า มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี 1,403 มิลลิเมตร ซึ่ง ขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 2 ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. พ.ศ. 2552 มีปริมาณน้ำฝนมาก และต่ำลงในช่วงปลายปี เนื่องจากอิทธิพลของเอลนินโญ่ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรม ชาติอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้ง น้ำท่วม และรูปแบบของฝน และอุณหภูมิที่มีการผันแปรในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก อีกทั้ง ฝนที่ตกหนักจากพายุเพียงหนึ่งครั้ง ถูกพายุไต้ฝุ่นกฤษณา เป็นเหตุให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพลสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 311 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนในปีนี้ นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึงเดือน มิ.ย. พ.ศ. 2553 พบว่ามีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 381 มิลลิเมตร ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 22 เนื่องจาก อิทธิพลของเอลนินโญ่ต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงพสกนิกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือน้อย ซึ่งได้พระราชทานฝนหลวงพิเศษ เพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว โดยการติดตั้งสถานีโทรมาตร ตรวจวัดสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน และวัดระดับน้ำเสริมระบบโทรมาตรเดิมบริเวณเขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก และเขื่อน ป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี รวมทั้งพัฒนาระบบรายงานสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวงพระราชทานใน 4 เขื่อนดังกล่าว และต่อเชื่อมข้อมูลในระบบโทรมาตรเดิม ในพื้นที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น

    โดยแสดงผลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถืออีกทางหนึ่งด้วย ด้วยสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่พบว่าเกิดปรากฏการณ์เอลนินโญ่ และลานิน ญ่าซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิน้ำในมหา สมุทรแปซิฟิกผิดปกติไปจากค่าเฉลี่ย คือ หากอุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณ ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์สูงกว่าปกติก็จะเป็นปรากฏการณ์ลานินญ่า ประเทศไทยก็จะมีฝนตกหนัก ในทางตรงกันข้าม หากอุณหภูมิบริเวณนั้นต่ำกว่าปกติ ก็จะเป็นปรากฏการณ์เอลนินโญ่ ประเทศไทยก็จะมีฝนน้อย

    สำหรับการปรับปรุงสถานีโทรมาตร ตรวจวัดสภาพอากาศอัตโนมัติได้ดำเนินการ ปรับปรุงแล้ว 439 สถานีทั่วประเทศ ใน จำนวนนี้มีสถานีโทรมาตรในพื้นที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี และจ.ยะลา 31 สถานี แล้วยังติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดความเร็วลม 110 ชุด ในสถานีโทรมาตรดังกล่าว เพื่อนำข้อมูลไปประมวลผลจัดทำแผนที่ลมติดตามการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อไป ส่วนผลการประกวดการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริครั้งที่ 3 ซึ่งมีชุมชนทั่วประเทศร่วมกันประกวดได้พบ 6 แบบอย่างความสำเร็จของชุมชนที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้จนเกิดผล สำเร็จ ได้แก่ การจัดผังน้ำ และระบบส่งน้ำชุมชน การจัดทำฝายชะลอน้ำรูปแบบต่าง ๆ การรักษาแหล่งน้ำด้วยการทำการเกษตรอินทรีย์ การจัดการน้ำของชุมชนบริเวณป่าต้นน้ำด้วยการปลูกหญ้าแฝก การรักษาป่าต้นน้ำด้วยภูมิปัญญาและประเพณีตามวิถีชุมชน รวมทั้งการจัดการป่าต้นน้ำเพื่อประโยชน์สูงสุด

    ทางด้านนายเฉลิมเกีรยติ แสนวิเศษ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ (กปร.) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องการบริหารจัดการน้ำโดยทรงมีพระราชประสงค์ให้ทุกหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเรื่องน้ำทั้งประเทศ ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อเตรียมวางแผนร่วมกันรับมือปัญหาน้ำที่จะขาดแคลนมากขึ้น โดยให้มุ่งเน้นการบริหารน้ำและบริหารแหล่งน้ำที่มีอยู่ให้มีการจัดการที่ ร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะขณะนี้น้ำสำรองของประเทศมีอย่างจำกัด หากทุกหน่วยงานไม่มองภาพรวมว่าจะประหยัดน้ำกันอย่างไร ในอนาคตจะเกิดปัญหาหนักมากขึ้น ทั้งน้ำที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า และน้ำเพื่อการเกษตร ต้องมองหาจุดที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยไม่เน้นด้านใดด้านหนึ่งมากไป

    นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานเรื่องการสร้างประตูกันลำน้ำเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ได้ ทั้งหน้าแล้งและระบายออกแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ปล่อยน้ำทิ้งออกทะเลหรือลงสู่แม่น้ำโขงโดยสูญเปล่า รวมทั้งการสร้างแหล่งน้ำชุมชน ฝายชะลอน้ำให้เกิดความชุ่มชื้นและให้สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น

    นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงว่า กระทรวงเกษตรฯเตรียมทำโครงการหนึ่งแหล่งน้ำหนึ่งจังหวัด เพื่อให้การจัดหาแหล่งน้ำเป็นไปอย่างทั่วถึงและตรงตามความต้องการของชุมชน ทั้งประเทศ โดยได้สั่งการให้ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดไปทำงานบูรณาการ กับหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ทั้งหมดในแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมกันจัดหาพื้นที่สร้างแหล่งน้ำในแต่ละจังหวัด ภายใต้โครงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรระดับจังหวัด โดยให้แต่ละจังหวัดทำแผนเบื้องต้นในการปฏิบัติการตามโครงการดังกล่าวกลับมา ที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯภายในวันที่ 20 ส.ค. โดยวางเป้าให้โครงการดังกล่าวสามารถเริ่มขับเคลื่อนได้ภายในงบประมาณปี 2554 นี้ หรืออย่างช้าต้นปี 2554 จะต้องมีการเริ่มโครงการได้ทันที โดยจะนำร่อง 2 เขต 9 จังหวัดที่มีความพร้อม ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ซึ่งการจัดหาแหล่งน้ำในจังหวัดเหล่านี้อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่เน้นในเรื่องการขยายระบบการกระจายน้ำในพื้นที่ชลประทานอย่างมี ประสิทธิภาพและใช้น้ำได้เต็มศักยภาพ

    รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวนา สามารถเริ่มปลูกข้าวนาปีได้แล้ว เนื่องจากสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายในบางพื้นที่เพราะมีฝนตกลงอย่างต่อ เนื่องโดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางมีฝนตกหนักมากกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน มา รวมทั้งปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศเริ่มมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นโดย เฉพาะเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีน้ำเข้า มาจากพายุโกนเซิน อีก 400 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อดูจากการพยากรณ์สภาพภูมิอากาศนานาชาติเชื่อว่าปรากฏการณ์ลานินญ่า จะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น ในหลายพื้นที่ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม และฝนตกมากกว่าค่าปกติ ทำให้มั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมากและสามารถส่งน้ำสนับสนุนการทำ นาได้ในทุกพื้นที่.<!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1055
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เด็กน้อยใจเพชร รักษาความสัตย์ซื่อกลางพายุฝน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>27 กรกฎาคม 2553 08:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; OVERFLOW: hidden; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; BORDER-BOTTOM: medium none; HEIGHT: 35px" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000103193&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพมุมสูงเห็นเมืองฉงชิ่ง นครซึ่งเต็มไปด้วยทุจริตชนที่รอวันสะสาง และเด็กใจซื่อผู้รอการส่งเสริม (ภาพเอเยนซี) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ฉงชิ่งหวั่นเป้า - สื่อท้องถิ่น “ฉงชิ่งหวั่นเป้า” รายงาน ว่าเด็กชาย อี้ว์ ชังซ่วย วัย 11 ปี เก็บเงินได้ 2,000 หยวน วิ่งฝ่าสายฝนที่กำลังตกหนัก นำเงินส่งคืนตำรวจ แม้ต้องการเงินมารักษาดวงตาของบิดา ที่กำลังบอดสนิทหากไม่ได้รับการเยียวยาทันการณ์

    เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กชายอี้ว์ ชังซ่วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอิ๋งเซียน เขตไคเสี้ยน นครฉงชิ่ง กับลูกพี่ลูกน้องที่ชื่อเผิง กั่ง เดินกลับบ้านด้วยกันหลังจากกินข้าวที่บ้านญาติเสร็จ ระหว่างทางพวกเขาก็พบม้วนธนบัตรใบละร้อยหยวนปึกใหญ่ ตกอยู่บนพื้นดินบริเวณไร่ข้าวโพด ทั้งสองเก็บแบงค์ร้อยปึกนั้นขึ้นมาดูดีๆ ปรากฎว่าเป็นเงิน 2,000 กว่าหยวน! ขณะนั้นฝนกำลังจะตกหนัก อี้ว์ ชังซ่วย จึงถอดเสื้อของตนเองออกมาห่อเงินก้อนนั้น จากนั้นก็วิ่งฝ่าสายฝนเป็นระยะทาง 3 กม. นำเงินมาให้ตำรวจสืบหาเจ้าของ

    ผู้คนต่างซาบซึ้งในจิตใจของเด็กน้อยที่ไม่หลงไปกับความเย้ายวนของเงินทองก้อนโต ทั้งที่เด็กชายอี้ว์ เป็นลูกคนงานก่อสร้างคือ นายอี้ว์ ซื่อจวิน เมื่อ 10 กว่าปีก่อน พ่อของเด็กชายอี้ว์ ได้ประสบอุบัติเหตุน้ำผสมหินปูนกระเด็นใส่ตาทั้งสองข้างขณะทำงานก่อสร้าง ทำให้ตาข้างซ้ายบอด ส่วนตาข้างขวาก็มีอาการแย่ลงเรื่อยๆ พ่อของเด็กชายอี้ว์ได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งในตัวเมือง ซึ่งแพทย์เตือนว่าหากรักษาไม่ทันการณ์ ตาข้างขวาก็จะบอดสนิท

    ตั้งแต่นายอี้ว์ผู้พ่อได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา เขาก็ไม่สามารถทำงานหาเงินได้ ต้องพึ่งภรรยาซึ่งขายผักและเงินประกันสังคมจากรัฐบาลเดือนละ 30 กว่าหยวน นอกจากนี้เงินที่เตรียมไว้ให้พี่สาวของอี้ว์ ชังซ่วย ใช้ศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาในปีนี้ ก็ยังไม่เพียงพอ และถึงแม้จะรวบรวมเงินทั้งหมดของครอบครัว มารักษาดวงตาของพ่อ ก็ยังไม่พอ

    เด็กน้อยอี้ว์ บอกกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่า “ผมฝันอยากให้อาการป่วยของพ่อหายดี ตาข้างขวาของพ่อที่ยังพอมองเห็นได้ ยิ่งเจ็บมากขึ้นทุกวัน มัวลงทุกวัน สิ่งที่ผมกลุ้มใจมากที่สุดคือ ถ้ารักษาไม่ทัน ตาของพ่อก็จะบอดสนิท”

    “ไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่เอา!” เด็กชายวัย 11 ขวบ พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “เราไม่มีเงินรักษาอาการป่วยของพ่อ เราก็ทุกข์ใจแทบตาย คนที่ทำเงินหายก็ทุกข์ใจแทบตายเช่นกัน” ดังนั้น เด็กชายอี้ว์ จึงตัดสินใจนำเงินไปให้ตำรวจ เพื่อสืบหาและคืนแก่เจ้าของโดยเร็ว

    “ตอนนั้น ฝนยิ่งเทลงมาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ กระเป๋ากางเกงก็ใหญ่ไม่พอเก็บเงินได้มิด เด็กชายอี้ว์กลัวเงินเปียก ถอดเสื้อยืดออกมาห่อเงินและกอดไว้แน่น วิ่งฝ่าฝนห่าใหญ่ไกล 3 กม. มาจนถึงสถานีตำรวจเฟิงเล่อ เด็กน้อยทั้งสองเปียกโชกทั้งตัวราวกับไก่โดนโยนลงหม้อน้ำแกงต้มเดือด ”

    ขณะที่อี้ว์ ซื่อจวิน พ่อที่ตาใกล้บอด ชื่นชมลูกชายว่า “ลูกทำถูกต้องแล้ว ไม่เสียแรงเปล่าที่ได้อบรมสั่งสอนมา” .
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    China - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG] อิอิ
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มู ทวีปแห่งมารดร

    http://palungjit.org/threads/เลมูเรีย-มู-มหาทวีปที่สาปสูญ.248456/

    แปล fall of the atlantean
    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-31
    ที่มา
    http://spiritlibrary.com/earth-keep...tean-crystal-awakening-and-the-fall-of-atlant

    พบซากเมืองโบราณที่จมอยู่ใต้มหาสมุทร ที่ถูกค้นพบจาก Google Earth
    http://palungjit.org/threads/ข้อควา...่ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-32

    ตำนานดาวนิบิรุมาเยือนโลกเมื่อครั้งอดีตกาล...

    (เป็นเรื่องของตำนาน ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน)

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปี ล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่ง"เทียมัต" เป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือไกอาเป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนเทียมัตไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบันนี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัยได้เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูปของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดยสิ่งกระตุ้น

    ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วงซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรจจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์กลางกาแลกซี่ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ.2012) โปรดเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งเหนือความคาดหมาย!!!

    วกกลับมาคุยถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบันมาก ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียกคือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดกหนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นพิภพ เหล่าชาวพิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน

    เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพแต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอนได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและมุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะโดยที่มีวงโคจรที่รีคล้ายวงโคจรของดาวหางซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่ปกครองโดยชนชั้นปกครองที่เรียกว่า “เนฟิลิม” (ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคำภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู

    ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลูได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โดยการสร้างโล่ห์ความร้อนที่ทำขึ้นมาจากทองเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อนซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอกเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย พวกเขาได้เริ่มทำการสำรวจระบบสุริยะใหม่นี้ทันที กองยานอวกาศได้ถูกส่งไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ รวมทั้งเทียมัตเพื่อค้นหาทอง

    ผู้บังคับการมกุฏราชกุมาร อนู พร้อมทั้งราชโอรสทั้งสอง เอนกิ และ เอนลิล และราชธิดา นินคูซัคได้ร่อนลงในบริเวณที่ปัจจุบันคืออ่าวเปอร์เซียและย่างเท้าบนฝั่งในดินแดนที่ปัจจุบันคือประเทศคูเวต ในที่สุดก็ได้ก่อตั้งท่าจอดยานอวกาศในบริเวณเมโสโปเตเมียในตำแหน่งที่มีตำนานว่าเป็นสวนอีเดน โดยความช่วยเหลือชาวพื้นเมืองเทียมัตพวกเขาได้พบกับขุมทองบนเทียมัตและสามารถนำทองนี้เป็นสร้างเป็นโลห์กักความร้อนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดีโลห์นี้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ นี้จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัตเพื่อทำหน้าที่ขุดทองและส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ
    ครั้งนึงอันแสนเนิ่นนานมาแล้วในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบบดวงอาทิตย์มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัตนิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัตทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง

    ลักษณะของประชากรนิริบุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมากเพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัวซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตทำหน้าที่ขุดทองหรืออยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิริบุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมืองเริ่มกระด้างกระเดื่องจนในที่สุดได้นำไปสู่การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง

    องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินีนันคูซัคซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิริบุกับชาวเทียมัต เพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้ายและในที่สุดก็ได้เป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัติกับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น โดยที่ชาวนิริบุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”

    และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิริบุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องมาอุ้มท้องพวกอดามู ดังนั้นชาวนิบิรุจึงได้ประท้วงและปฏิเสธที่จะอุ้มท้องอีกต่อไป ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย

    แต่ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมันเนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิตนี้เป็นลูกผสม ครั้งนี้ราชนีนินคูซัคได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่งมีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานและเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงเพราะกระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยองได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่องจากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ครอบครองเทียมัต

    ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวกเขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าในอินเดียที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม

    นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่าคณะแพทย์ที่พยายามจะรักษาผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วยพบว่าผิวหนังของงูนี้คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์ ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมและอีฟ ทำให้สิ่งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิริบุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)

    เรื่องที่ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของเราเอง คือครั้งหนึ่งนิริบุได้เฉียดเข้าใกล้เทียมัตและทำให้เกิดภัยภิบัติทั้งน้ำท่วมและแผ่นดินไหวไปทั่วโลก ซึ่งในครั้งนี้สวนอีเดนและท่าจอดยานอวกาศได้จมไปในน้ำและถูกทำลายไปจนสิ้น เจ้าชายอูตูแห่งเนฟิลิมจึงได้รับบัญชาให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่ในบริเวณแหลมไซนาย และวิถีชีวิตบนเทียมัตก็ดำเนินไปตามปกติอีกครั้ง แต่ในไม่นานก็ได้เกิดสงครามปิรามิดขึ้น

    พระราชกุมารีเจ้าฟ้าหญิงอินันนาซึ่งเป็นหนึ่งในที่รักยิ่งของจักรพรรดิ์อนูได้รับพระบัญชาให้เป็นผู้ปกครองดูแลบริเวณที่เป็นอินเดียและเนปาลในปัจจุบัน พระองค์มีพระนามอีกพระนามคือพระลักษมี ซึ่งเป็นพระนามที่ได้รับการสักการะนับถืออยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุที่พระสวามีคือดยุคดูมูซิ (พระวิษณุหรือเปล่า)ได้มีเรื่องทะเลาะกับบารอนมาดุคจนในที่สุดได้นำไปสู่สงครามปิรามิด ในสงครามชิงอำนาจระหว่างพระราชกุมารีอินันนาและดยุคดูมูซิกับบารอนมาดุคและบารอนเนสศาพานิต ดยุคดูมูซิได้ถูกสังหาร

    ทำให้เจ้าชายอูตู และพระราชกุมารีอินันนาตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่บังควรโดยการทำลายท่าเทียบยานอวกาศที่แหลมไซนายพร้อมทั้งศูนย์วิจัยและผักผ่อนคือเมืองบริวารโซดอมและโกโมราซด้วย (The satellite R&R cities ไม่ทราบว่า R&R แทนอะไรอาจจะเป็น Research and Development หรือ Research and Recreation) ทำให้เหมืองทองในเขตแอฟาริกาใต้เข้าสู่ความวุ่นวายด้วยเมื่อดยุคเนกอลและดัสเชสอีเรสกิกอลเข้าเป็นพันธมิตรกับบารอนมาดุค และทำให้เกิดความวุ่นวายในคณะผู้ปกครองแห่งเนฟิลิม

    จักรพรรดิ์อนูจึงจำต้องโปรดให้สร้างสถานีจอดยานอวกาศขึ้นใหม่โดยครั้งนี้พระองค์มีพระบัญชาให้เจ้าชายเอนกิและเจ้าหญิงนินกิเป็นผู้ดูแล ทั้งสองพระองค์จึงได้ย้ายสถานที่ไปเป็นบริเวณทะเลสาบติติคาคา (Titicaca Lake) ในเปรู และที่ตรงนี้ก็คือบริเวณที่ราบนาซคาซึ่งมีทองคำจำนวนมหาศาลอยู่ในเทือกเขาแอนดีส ดังนั้นศูนย์การผลิตทองที่แอฟริกาใต้จึงถูกย้ายไปที่ทะเลสาบติติคาคาด้วย

    และนี่ก็เป็นเรื่องในอดีตหลายพันหลายหมื่นปีก่อน ซึ่งก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมชาวนิริบุจึงดูเหมือนจะทิ้งเทียมัตไว้ อาจจะเป็นไปได้ว่าโลห์กักความร้อนนั้นสามารถคงรูปได้อย่างถาวรแล้วทำให้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทองจากเทียมัตอีกต่อไป ครั้งสุดท้ายที่ดาวเคราะห์พวกเขาเฉียดใกล้เทียมัตคือในปี 687 ก่อนคริสต์กาล แต่แน่นนอนถึงแม้ดาวเคราะห์ของพวกเขาจะมุ่งหน้าไปสู่การหลับไหลที่ยาวนานในกลุ่มเฆมออร์ดพวกเขาจะยังคงการติดต่อกับเทียมัตไว้บ้างบางส่วน อาทิเช่นสิ่งก่อสร้างใต้ดินในเทือกเขาแกรนด์เททอน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ภิภพที่อเมริกาใต้ ในห้องเปล่าที่ซาอุดิอาระเบีย ในภูเขาหิมาลัย หรือแม้แต่ห้องโถงใต้ดินทางตะวันตกเฉียงใต้ของมหาปิรามิดแห่งอียิปต์ที่ชาวเนฟีลิมสร้างไว้เพื่อเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศที่แหลมไซนาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาให้ถกเถียงกันว่ามีไว้เพื่อให้มนุษย์ต่างดาวได้ใช้หรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าคำตอบสำหรับทุกปริศนาจะได้รับการเฉลยในอนาคตอันใกล้นี้

    ในขณะนี้คงจะมีคนจำนวนมากถามว่าแล้วดาวเคราะห์นิริบุอยู่ที่ใด แน่นอนมันต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่งในระบบสุริยะเป็นแน่ บางครั้งนักดาราศาสตร์จะบังเอิญไปพบมันแต่อาจะไม่รู้และเรียกมันว่าวัตถุลึกลับ อย่างเช่นกาแลกซี่ขนาดเล็ก บางทีรัฐบาลเองก็สงสัยว่าเจ้าสิ่งนั้นคือนิริบุเองแต่มีความเห็นว่าจำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้จากการรับรู้ของสาธารณชน ผู้ที่เฝ้าสังเกตท้องฟ้าในสมัยโบราณทั้งในตะวันออกกลาง หรือชาวมายาในเมกซิโกต่างก็ได้พูดถึงการมาของนิริบุในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งมันจะมาปรากฏให้เห็นเป็นระยะๆ โดยที่ดูเหมือนว่ามันจะจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา อีกทั้งจะมีสีทองเหมือนดวงอาทิตย์ขนาดจิ๋ว มีหางยาวคล้ายดาวหาง และมีบริวารโคจรอยู่รอบๆ และจะลอยให้เห็นดังอัญมณีที่ขั้วโลกเหนือของเทียมัตคล้ายกับการมาถึงของยุคแห่งพระเจ้า

    ข้อมูลจาก คุณ fernezzo

    ที่มา บทความ มารู้จักกับความลับของPlanetX กัน (ดาวปริศนาNibiru)และมันเกี่ยวอะไรกับปี2012...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...