ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เครื่องบินรบ MiG-21US ของกองทัพอากาศซีเรียตกนักบินรอดหนึ่งเสียชีวิตหนึ่ง

    [​IMG]

    -----------
    วันที่ 12 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เครื่องบินรบ MiG-21 ของกองทัพอากาศซีเรียตก นักบินถูกสังหาร - แหล่งข่าวกล่าว" (Syrian Air Force MiG-21 Jet Downed, Pilot Killed - Source) ส่วน RT news พาดหัวข่าวว่า "เครื่อง MiG ของซีเรียประสบอุบัติเหตุในจังหวัด Hama นักบินเสียชีวิตหนึ่งคน จีฮาดิสต์อ้างเป็นฝีมือการโจมตีจากฝ่ายตน - รายงานข่าวกล่าว" (Syrian MiG crashes in Hama ‘killing one pilot,’ jihadists claim attack – reports)
    กลุ่มกบฏซีเรียได้กล่าวอ้างว่าได้ยิงเครื่องบินรบ MiG-21 ของกองทัพอากาศซีเรียที่ตกในจังหวัด Hama ในขณะที่กำลังปฏิบัติภาระกิจทิ้งระเบิดใส่ตำแหน่งกลุ่มก่อการร้าย นักบินเสียชีวิตหนึ่งคน รอดชีวิตหนึ่งคน รายงานข่าวยังมีความขัดแย้งกันว่าถูกยิงจากภาคพื้นดินหรือว่าเกิดจากเครื่องยนต์ขัดข้องทางเทคนิค สื่อฯอาหรับบางสำนักอ้างข่าวจาก AFP ซึ่งอ้างจากแหล่งข่าวของกลุ่มก่อการร้ายและกบฏซีเรียว่าถูกยิงจากขีปนาวุธติดตามความร้อนจากภาคพื้นดิน
    ในส่วนของนักบินที่เสียชีวิตนั้นแหล่งข่าวบางแห่งบอกว่านักบินหลักเสียชีวิตจากการถูกยิงระหว่างที่กำลังโดดร่มลงมา ส่วนนักบินผู้ช่วยรอดชีวิต แหล่งข่าวอีกแห่งหนึ่งบอกว่านักบินคนรอด แต่ผู้ช่วยเสียชีวิตในขณะที่พยายามนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน Sputnik news รายงาน
    แหล่งข่าวทางกองทัพกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik ว่าเครื่องบินรบลำดังกล่าว "ถูกยิงตกใกล้ฐานทัพอากาศในจังหวัด Hama" และนักบินคนหนึ่งดีดตัวออกไปได้ ส่วนอีกคนหนึ่งเสียชีวิต
    "หลังจากที่เครื่องบินของกองทัพอากาศถูกโจมตี นักบินคนหนึ่งก็ดีดตัวออกจากเครื่องบิน และโดดร่มลงที่หมู่บ้าน al-Magir ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพซีเรีย ส่วนนักบินคนที่สองพยายามที่จะนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินทหารในจังหวัด Hama การแลนดิ้งล้มเหลว และนักบินได้เสียชีวิต" แหล่งข่าวกล่าว
    กลุ่มก่อการร้าย Jaish al-Nasr (ไอซิส) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปฏิบัติการในพื้นที่ดังกล่าว กล่าวอ้างว่าเป็นฝ่ายที่ยิงเครื่องบินของกองทัพอากาศซีเรียตกด้วยปืนต่อต้านอากาศยาน และยังได้โพสต์ภาพในทวีตเตอร์หลายภาพด้วยหลังจากที่เครื่องบินตกซึ่งได้แสดงให้เหตุถึงภาพเครื่องบินและนักบินที่กำลังโดดร่มลงมา ทุกภาพมีโลโก้ขององค์กรก่อการร้ายดังกล่าวด้วย
    อากาศยาน MiG เป็นอาวุธที่มีเสถียรภาพชนิดหนึ่งในแสนยานุภาพของกองทัพโซเวียต และยังเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพอากาศของรัสเซียด้วย เครื่องบินรบรุ่นนี้มีการใช้งานเป็นจำนวนมากในกองทัพของประเทศต่างๆเช่นจีน เกาหลีเหนือ เวียตนามเหนือ ในการต่อสู้ทางอากาศกับกองทัพของอเมริกาและพันธมิตร
    MiG-21 ขึ้นบินครั้งแรกในปี 1956 (ประจำการในกองทัพโซเวียตครั้งแรกในปี 1959 MiG-21F) เป็นเครื่องบินรบหลากบทบาท (multirole fighter jet) ที่มีการส่งออกไปทั่วโลก และกลายเป็นกำลังสำคัญของกองทัพอากาศหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งในกลุ่มประเทศอาหรับด้วย (สหรัฐฯก็เคยแอบใช้ MiG-21 ของโซเวียตมาก่อนเช่นกัน)
    เนื่องจากมีการผลิตเป็นจำนวนมาก จึงมีราคาถูก ทำให้มียอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ตัวเลขบอกว่าอย่างน้อยที่สุดก็มีเครื่องบินรบ MiG-21 ถูกยิงตกในซีเรียแล้วถึง 12 ลำในปี 2015
    ทางการของซีเรียยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุดังกล่าว และไม่มีการออกคำยืนยันเกี่ยวกับเหตการณ์ดังกล่าว กลุ่มกบฏซีเรีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ต่างประเทศไม่ได้เป็นฝ่ายยิงเครื่องบินรบของซีเรียตกด้วยปืนต่อต้านอากาศยานมาก่อน
    ป.ล. ตอนนี้กำลังมีการเจรจากันระหว่างตัวแทนของกบฏฝ่ายค้านซีเรียกับฝ่ายรัฐบาลที่เจนีวา ถ้าฝ่ายที่ยิงเครื่องบินรบ MiG-21 ของกองทัพอากาศซีเรียตกในครั้งนี้เป็นฝ่ายค้านซีเรีย ก็จะถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอาจจะมีผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพในครั้งนี้ก็ได้
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    13/03/2559
    ----------
    Syrian Air Force MiG-21 Jet Downed, Pilot Killed - Source
    https://www.rt.com/news/335391-syrian-mig-downed-hama/
    https://www.rt.com/usa/declassified-soviet-mig-area51-975/
    https://en.wikipedia.org/wiki/Mikoyan-Gurevich_MiG-21
    https://www.youtube.com/watch?v=vUw2BFsLJL8
    https://www.youtube.com/watch?v=5_epIBSHWBo
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    อินเดียไม่พอใจเป็นอย่างมากที่สหรัฐฯจะขายเครื่องบินรบ F-16s และยุทโธปกรณ์อื่นๆให้กับปากีสถานเพื่อใช้ในการต่อสู้ขบวนการก่อการร้าย ฮ่าๆ… บทเรียนราคาแพงสำหรับอินเดียที่คบกับสหรัฐฯ อินเดียไม่พอใจจีนที่ขายอาวุธหนักให้กับปากีสถาน จึงร่วมมือกับสหรัฐฯและญี่ปุ่นจัดซ้อมรบในทะเลจีนใต้ยั่วจีน ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็ขายอาวุธล็อตใหญ่ให้กับปากีสถานแข่งกับจีนด้วย อินเดียก็เลยมึนตึ๊บเลยว่าตกลงว่าสหรัฐฯเข้าข้างฝ่ายไหนกันแน่นี่? สหรัฐฯเข้าข้างทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้งกัน ยิ่งขัดแย้งกันรุนแรงและนานเท่าไรก็ยิ่งดีสำหรับสหรัฐฯเพราะว่าะจะได้ขายอาวุธให้ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันได้เรื่อยๆไงครับ โชคดีนะคุณอินเดีย จริงๆแล้วทัพฟ้าของปากีสถานสู้ทัพฟ้าของอินเดียไม่ได้หรอก พี่แกก็ออกอาการขึงขังไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าเป็นทัพเรือ (ใต้น้ำ) หละก้อ อึ่มมมม ไม่แน่!
    ---------------
    India Disagrees US F-16 Sales to Pakistan to Help 'Combat Terrorism'
    Islamabad Surprised With Indian Stance on US' Sale of F-16 to Pakistan
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    เครื่อง MiG-21 มีหลายรุ่นมากครับ เฉพาะรุ่น MiG-21 US นี้ "U" ย่อมาจาก "Uchebnyy" ภาษารัสเซีย แปลว่า "Training" หมายถึงเครื่องฝึกซ้อม ส่วน "S" หลัง "U" ย่อมาจากคำว่า "Sduv" ซึ่งหมายถึง [Pogranichnovo Sloya] ("[Boundary Layer] Blowing") ที่แปลว่า "ระเบิด" รวมกันแล้วน่าจะหมายถึงรุ่นฝึกซ้อมทิ้งระเบิดนะครับ
    -------------
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Mikoyan-Gurevich_MiG-21_variants
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ก่อการร้ายคาร์บอมบ์ในกรุงอังการาเสียชีวิต 34 คนบาดเจ็บ 125 คน

    [​IMG]

    -------------
    วันที่ 13 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เกิดเหตุระเบิดในกรุงอังการายอดผู้เสียชีวิตทะลุ 34 - รมว.สาธารณสุขของตุรกีกล่าว" (Ankara Blast Death Toll Reaches 34 - Turkish Health Minister) ต่อมา RT news พาดหัวข่าวว่า "คาร์บอมบ์เขย่ากรุงอังการาเมืองหลวงของตุรกี มีผู้เสียชีวิต 34 คน ได้รับบาดเจ็บ 125 คน" (Car bombing rocks Turkish capital Ankara, 34 dead, 125 injured)
    รายงานข่าวกล่าวว่า การระเบิดเกิดขึ้นโดยคาร์บอมบ์โจมตีใจกลางกรุงอังการาในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีการสูญเสียร้อยกว่าคน
    อย่างน้อยที่สุดก็มีประชาชนเสียชีวิตจำนวน 34 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 125 คนจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้ ตามข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงสาธารณสุขของตุรกีซึ่งอ้างโดยสำนักข่าว Sputnik
    การระเบิดเกิดขึ้นใกล้สวนสาธารณะ Guven Park ในกลางกรุงอังการา คาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายเกิดขึ้น ณ เวลา 6.43 น.ตามเวลาท้องถิ่น (16.43 น.) สถานีโทรทัศน์ TRT รายงาน
    สถานที่ก่อเหตุระเบิดอยู่ใกล้กับที่ทำการศาลและอาคารต่างๆซึ่งเป็นที่ทำการของกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทยของตุรกี
    สิ่งที่ปรากฎในคลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่โพสต์ใน YouTube ตามที่กล่าวอ้างว่าเป็นช่ววเวลาของการก่อเหตุระเบิด มีรถบัสสองคันที่เห็นในคลิปวีดีโอ ก่อนที่จะมีรถยนต์คันหนึ่งกำลังชะลอความเร็วลงใกล้กับรถบัสที่จอดอยู่ทั้งสองคัน และก็เกิดการระเบิดขึ้นมา [ระเบิดจากระยนต์คันดังกล่าว - ผู้แปล]
    ทางการตุรกีได้ประกาศว่าจะเปิดเผยชื่อของกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุระเบิดมรณะในครั้งนี้ และจะมีการสืบสวนสอบสวนการระเบิดในวันจันทร์
    เบื้องต้นยังไม่มีฝ่ายไหนออกมายอมรับว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของตุรกีกล่าวว่า การค้นหาเบื้องต้นได้แนะนำว่าการโจมตีดังกล่าวดำเนินการโดยพวกนักรบ PKK ชาวเคิร์ด หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เป็นสาขาของ PKK รอยเตอร์สรายงาน
    พรรคประชาธิปไตยประชาชนชาวเคิร์ด (HDP) ได้ออกแถลงการณ์ประนามการโจมตีดังกล่าว โดยกล่าวว่าขอแบ่งปันความรู้สึกเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่กับพลเมืองของพวกเราด้วย AP รายงาน ก่อนหน้านี้ พรรรคนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ออกมาพูดอะไรเลยเกี่ยวกับความรุนแรงของพวก PKK
    ปธน. Recep Tayyip Erdogan ของตุรกีสัญญาว่าจะนำ "ขบวนการก่อการร้ายมาคุกเข่าให้ได้" (… pledged to bring terrorism to its knees…) หลังจากการเกิดเหตุระเบิด และประกาศก้องว่า ประเทศตุรกีจะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในลักษณะนั้นในอนาคต
    "ประชาชนของพวกเราไม่ควรกังวล ความสำเร็จในการต่อต้านการก่อการร้ายจะสิ้นสุดแน่นอน และขบวนการก่อการร้ายจะถูกนำมาคุกเข่า" ปธน. Erdogan กล่าว [หือ… ทุกวันนี้พวกผู้ก่อการร้ายก็คุกเข่าให้กับ Erdogan อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แต่เป็นการคุกเข่าแบบรอรับคำสั่งว่าจะให้ดำเนินการในจุดไหนต่อไป - ผู้แปล]
    ทั้งสหรัฐฯ อียู นาโต้ และผู้นำรัสเซียรวมทั้งนายกฯของรัสเซียด้วยต่างก็พากันออกมาประนามการก่อเหตุดังกล่าวด้วย
    [ครั้งก่อนหน้านี้มีเป้าหมายที่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกรุงอังการา คราวนี้มีเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายยุติธรรม - ผู้เแปล]
    วันที่ 11 RT news พาดหัวข่าวว่า "ปธน. Erdogan กล่าวหาพวกนักข่าวว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดต่อประเทศตุรกี และกล่าวว่าศาลของตุรกีก็ต่อต้านประเทศด้วยเช่นกัน" (Erdogan accuses journalists of ‘biggest attack’ against Turkey, says court is ‘against country’ too)
    ปธน.Recep Tayyip Erdogan ของตุรกีออกมาโวยวายการพิจารณาตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญของประเทศตุรกีที่ได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวนักข่าวของตุรกีจำนวนสองคน ซึ่งทางปธน. Erdogan เตือนว่าอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อการมีอยู่ของศาลก็ได้
    "สถาบันแห่งนี้ ด้วยวการมีส่วนร่วมของประธานศาลและสมาชิกบางคน ไม่ได้ละเว้นจากการตัดสินใจที่เป็นการต่อต้านประเทศและประชาชนของตนเอง ในเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนตัวอย่างหนึ่งในการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในตุรกีเมื่อเร็วๆนี้" ผู้นำตุรกีออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ อ้างโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส
    "ผมหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่พยายามดำเนินการเช่นนั้นอีก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการมีอยู่และความชอบธรรมของศาลด้วย" แอร์โดกันกล่าวถ้อยแถลงต่อประชาชน โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า "ตนมีภาระผูกพันที่จะต้องทำให้มั่นใจว่าองคาพยพของรัฐทำงานร่วมกันโดยสามัคคี"
    [นี่ผู้นำของตุรกีออกมาขู่ศาลรัฐธรรนูญของประเทศตนเองประมาณว่า ถ้าไม่ตัดสินเข้าข้างฝ่ายรัฐบาลหละก้อ ระวังนะศาลจะได้สาบสูญไปจากตุรกีหรือโลกนี้แน่ ว้าวววว! นี่แหละหนึ่งในผู้นำของประเทศสมาชิกนาโต้เจ้าพ่อประชาธิปไตย ไม่รับอำนาจศาลซะอย่าง ใครจะทำไม? และแล้ว มันก็เกิดเหตุการณ์ "บึ้ม!" ในกรุงอังการาขึ้นมาอีกครั้ง แถวๆที่ทำการศาลนั่นแหละ - ผู้แปล]
    อ้อ… มีอีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเครื่องไหวของตุรกี เอาย่อๆนะครับ รายละเอียดไปอ่านเองจากลิ้งค์ข้างล่าง วันที่ 13 มี.ค.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "ตุรกีประกาศเคอร์ฟิวเมืองที่อยู่อาศัยของชาวเคิร์ดสองเมือง" (Turkey declares indefinite curfew for 2 more Kurdish towns)
    รายงานข่าวบอกว่า เมืองแรกคือที่ Yuksekova จังหวัด Hakkari ติดกับพรมแดนของอิหร่าน ซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยราว 70,000 คน จากสถิติในปี 2012 ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือเมือง Nusaybin จังหวัด Mardin ใกล้ชายแดนซีเรีย มีประชากรราว 90,000 คน มีการขนยานพาหนะหนักทางทหารเข้าไปในพื้นที่ประกาศเคอร์ฟิวจำนวนมาก [เตรียมเละแบบเมือง Cizre ที่คล้ายกับซีเรียได้เลย อภินันทนาการโดย ปธน.แอร์โดกัน - ผู้ปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    14/03/2559
    ----------
    Ankara Blast Death Toll Reaches 34 - Turkish Health Minister
    https://www.rt.com/news/335463-central-ankara-blast-sunday/
    Russian President Putin Condemns Ankara Deadly Blast
    Turkish PM Convenes Urgent Security Council Meeting Over Ankara Blast
    At Least 27 People Killed After Major Explosion in Ankara
    https://www.rt.com/news/335452-mortars-rt-daraa-syria/
    https://www.rt.com/news/335299-erdogan-against-court-decision/
    https://www.youtube.com/watch?v=LAeEVpIKndQ
    https://www.youtube.com/watch?v=4bLXpeAGIwM
    https://www.rt.com/news/335436-turkey-kurds-curfew-military/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิสราเอลให้การรักษาผู้ก่อการร้ายกว่าสองพันคน
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 13, 2016

    [​IMG]

    ผู้ก่อการร้ายในซีเรียจำนวนมากได้รับการรักษาในอิสราเอลและกลับไปยังสนามรบ (ภาพ AFP)
    Presstv – ทหารอิสราเอลได้นำตัวผู้ก่อการร้ายที่ได้รับบาดเจ็บในซีเรียมารักษาพยาบาลในเวสต์แบงก์จำนวน 2000 กว่าคน

    รองผู้บัญชาการทหารกองพลทหารโกลานอิสราเอลหลังจากได้ชี้ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัยแล้วได้กล่าวอ้างว่า หลังจากที่อิสราเอลได้ทำการตรวจสอบตัวตนของพวกเขาแล้ว จึงมีการการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรมต่อพวกเขา

    ข้ออ้างของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทหารอิสราเอลในครั้งนี้มีขึ้นขณะที่ JK Simmons นักข่าว Mail Online ได้ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้กรณีที่ทหารอิสราเอลให้การรักษาพยาบาลกลุ่มก่อการร้ายที่ต่อต้านรัฐบาลบัชชาร์ อัสซาด ในซีเรีย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้

    ตามรายงานระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลประมาณ 13 ล้านดอลลาร์

    แหล่งข่าว ปาเลสไตน์ เผยว่า หลังจากที่ผู้ก่อการร้ายดังกล่าวได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กลับคืนสนามรบในซีเรียอีกครั้งด้วยกับรถถังที่คอยลำเลียงส่งตามชายแดนซีเรีย

    เดลี่ ไมล์ เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ โดยมีการแพร่คลิปวิดีโอที่ทหารอิสราเอลให้การรักษาพยาบาลผู้ก่อการร้ายในซีเรีย

    ในคลิปวิดีโอจะเห็นว่า ทหารอิสราเอลจำนวนหนึ่งจะข้ามพรมแดนที่ราบสูงโกลานมายังซีเรีย จากนั้นจะลำเลียงผู้ก่อการร้ายที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาตัวในที่ราบสูงโกลาน หลังจากได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วก็จะส่งตัวไปรักษาตัวในเวสต์แบงก์

    อิสราเอลได้ทำการพยาบาลผู้ก่อการร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้มานานหลายปีแล้ว ซึ่งนอกเหนือจากที่อิสราเอลให้การชวยเหลือด้านการแพทย์แล้วยังให้การช่วยเหลือทางทหารและปัจจัยความสะดวกต่างๆอย่างมากมายให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายในซีเรีย


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    อิสราเอลให้การรักษาผู้ก่อการร้ายกว่าสองพันคน | abnewstoday
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักการศาสนาชี้ ลอนดอนมีความเป็นอิสลามมากกว่าโลกมุสลิมหลายประเทศรวมกันเสียอีก โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 12, 2016

    [​IMG]

    #ร่วมบรรยายที่ห้องประชุมเบเนดิกต์ที่16 / Photo: John Bingham for the Telegraph

    เทเลกราฟ – ลอนดอนมีความเป็นเมือง “แห่งอิสลาม” มากกว่าหลายประเทศในโลกมุสลิมมารวมกันเสียอีก นักการศาสนามุสลิมชีอะห์ระบุ

    เมาลานา ซัยยิด อะลี เรซา ริซวี นักการศาสนามุสลิมชีอะห์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเกิดในเมืองละโฮร์ ปากีสถาน และศึกษาจากประเทศอิหร่าน กล่าวว่า เขารู้สึกถึง “ความเป็นอิสลาม” ในสหราชอาณาจักรยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ เพราะความมีอิสรภาพในการปฏิบัติศาสนากิจ และการผสมผสานความหลากหลายทางวัฒนธรรม

    เขากล่าวว่า ศาสนาอิสลามนั้นสามารถสรุปความได้ว่า เป็นศาสนาแห่ง “ความรักและความยุติธรรม” แต่ “ผู้นำทางการเมืองของชาวมุสลิม” ทั่วโลกล้มเหลวในการส่งเสริมสิ่งนี้

    เขากล่าวในการพูดบรรยายร่วมกับพระคาร์ดินัล วินเซนต์ นิโคลัส ซึ่งเป็นผู้นำของคริสตจักรโรมันคาทอลิกในอังกฤษและเวลส์ และหัวหน้ารับไบ เอฟราอิม เมอร์วิส ที่ห้องประชุมเบเนดิกต์ที่16 ในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างศาสนาในกรุงลอนดอน


    3 ผู้นำศาสนาคุยกันถึงหนทางต่างๆ ในการทำให้ศาสนานิกชนของแต่ละฝ่ายดำเนินชีวิตในฐานะ “ชนกลุ่มน้อยที่สร้างสรรค์”

    เมาลานา ริซวี กล่าวว่า นั่นอาจจะแตกต่างจากของพวกเขาที่ “ชาวยิวและคริสต์เป็นพี่น้องกัน” มุสลิมในสหราชอาณาจักรเป็นชุมชนใหม่ที่จัดตั้งขึ้นมาไม่กี่ทศวรรษ และมีเรื่องราวจำนวนมากที่จะต้องเรียนรู้จากกลุ่มศาสนาอื่นๆ

    แต่เขาเสริมว่า “ผมรู้สึกว่าลอนดอนมีคุณค่าแห่งอิสลามมากกว่าหลายประเทศมุสลิมมารวมกันเสียอีก”

    “มีชุมชนที่แตกต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีความสามัคคี ให้ความเคารพต่อผู้อื่น และมีความรักต่อผู้อื่น ซึ่งทุกอย่างนั้นคือศาสนาอิสลามทั้งสิ้น – และโชคร้าย [มาก] ที่ผู้นำทางการเมืองของชาวมุสลิมล้มเหลวในการส่งเสริมสิ่งเหล่านี้”

    “ผมรู้สึกถึงการใช้ชีวิตแบบอิสลามที่นี่ เพราะผมสามารถปฏิบัติตามความศรัทธาของผม และให้ความเคารพกับสมาชิกคนอื่นๆ ของชุมชนที่มีความศรัทธาที่แตกต่างกันหรือที่ไม่ได้ศรัทธาต่ออะไรเลย”

    “เพราะนั่นคือทุกอย่างที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม การเคารพและการเสียสละให้กับผู้อื่น … ถ้าให้ผมอธิบายเกี่ยวกับศาสนาอิสลามทุกอย่างในหนึ่งบรรทัด ศาสนานี้ทุกอย่างก็คือความรักและความยุติธรรม” เมาลานา ริซวี กล่าว


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    นักการศาสนาชี้ ลอนดอนมีความเป็นอิสลามมากกว่าโลกมุสลิมหลายประเทศรวมกันเสียอีก | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตรียมตัวน่ะครับ

    “สรรพากร” เตรียมเช็กข้อมูลลูกค้าแบงก์ ลดภาษีรั่วไหล-คาดดึงรายได้เข้ารัฐแสนล้าน โดย MGR Online 15 มีนาคม 2559 09:09 น. (แก้ไขล่าสุด 15 มีนาคม 2559 10:50 น.)

    “สรรพากร” เตรียมเช็กข้อมูลลูกค้าแบงก์ ลดภาษีรั่วไหล-คาดดึงรายได้เข้ารัฐแสนล้าน

    เผยผู้ประกอบการแห่เข้าโครงการทำบัญชีเดียว จำนวนกว่า 4 แสนราย “สรรพากร” เร่งแก้กฎหมายขอเช็กข้อมูลธุรกรรมการเงินลูกค้าแบงก์ ลดการรั่วไหลของภาษี เตรียมชง ครม.เดือนมิถุนายน 2559 นี้ คาดโกยรายได้เข้ารัฐเพิ่มกว่าแสนล้าน

    นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยหลังเป็นประธานในการเปิดการสัมมนาโค้งสุดท้ายมาตรการบัญชีชุดเดียวเรื่อง “การแก้ไขข้อผิดพลาดทางการบัญชีเพื่อรองรับการปฏิบัติตามมาตรการบัญชีชุดเดียว รุ่นที่ 3” ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาวิชาชีพบัญชี โดยระบุว่า ยอดจดแจ้งผู้ประกอบการทำบัญชีเดียวที่เปิดตั้งแต่ 15 มกราคม-15 มีนาคม 2559 หลังหักรายได้ที่ซ้ำซ้อนแล้วมี 4.3 แสนราย สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3.5 แสนราย คาดว่า เมื่อปิดให้จดแจ้งแล้วจะมีผู้ประกอบการเข้ามาทำบัญชีเดียวครบ 100% ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

    สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะต้องปรับปรุงงบการเงินรอบบัญชีปี 2558 ที่จะยื่นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2559 ให้ถูกต้อง เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการจัดทำบัญชีเดียวหลังจากนี้ ในวันที่ 28 มีนาคม 2559 จะให้ความรู้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับลงรายจ่ายอย่างไรให้ถูกต้องครบถ้วน มีการทำคู่มือรายจ่าย เอกสารประกอบการทำบัญชี ร่วมกับสภาวิชาชีพบัญชี และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมีกรมสรรพากรเป็นพี่เลี้ยง

    “ถ้าผู้ประกอบการไม่เข้าระบบ เวลาที่ปรับมาใช้ระบบการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเพย์เมนต์ เราจะทราบความเคลื่อนไหวทางการเงินทั้งหมด ทั้งการชำระเงินต่างๆ ข้อมูลจะเข้ามายังกรม ซึ่งจะสามารถตรวจสอบการเสียภาษีได้ทันที”

    นอกจากนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายการเรียกดูข้อมูลบุคคลที่ 3 จากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นการส่งข้อมูลมายังกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ตลอดจนรายได้เพื่อมาตรวจสอบการเสียภาษีได้ในทันที โดยคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ในประเทศเพิ่มขึ้น 30% หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันเก็บได้ 3.5 แสนล้านบาทต่อปี

    การเชื่อมข้อมูลกับระบบของธนาคารพาณิชย์จะทำให้การจัดเก็บภาษีรั่วไหลลดลง จะเห็นผลชัดเจนโดยเฉพาะในกลุ่มประกอบการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) ที่มีการโอนเงินรายได้ผ่านบัญชีธนาคาร ทั้งในส่วนที่เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล กรมก็จะตรวจสอบภาษีได้ครอบคลุมมากขึ้น

    “ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับผู้เสียภาษี เพราะคนไทยทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเมื่อรายได้ถึงเกณฑ์ และการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวก็เป็นการปรับปรุงให้ทันสมัย ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บภาษีมีความโปร่งใสมากขึ้น”

    นายประสงค์ กล่าวว่า ตนเองได้หารือกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ขยายเวลายื่นเสียภาษีย้อนหลังได้ถึง 30 มิถุนายน 2559 จากกรณีที่ผู้ประกอบการบางรายมีรอบบัญชีเกินวันที่ 31 ธันวาคมมาถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงเตรียมเสนอมาตรการนี้ให้กับธุรกิจเฉพาะด้วย โดยไม่เสียค่าเบี้ยปรับเงินเพิ่มใดๆ ทั้งสิ้น

    ขณะเดียวกัน สรรพากรก็กำลังอยู่ระหว่างศึกษาให้ผู้ประกอบการโอท็อปเข้าสู่ระบบจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้นักท่องเที่ยวขอภาษีคืน (Tax Refund) ได้ โดยจะปรับเงื่อนไขลดทุนจดทะเบียน 5 แสนล้านบาท จากปกติ 2 ล้านบาท คาดว่าจะมีเข้าระบบประมาณ 20% ที่เป็นนิติบุคคลรายใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศภายในเดือนมีนาคมนี้ กรมสรรพากรจะเสนอ ครม.เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยขณะนี้ได้มีแนวทางเดียวแล้ว ซึ่งจะปรับปรุงให้ผู้ที่เสียภาษีได้ประโยชน์ ทั้งในส่วนของค่าลดหย่อน ค่าใช้จ่าย และอัตราภาษี

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    ปูตินสั่งทหารรัสเซียเริ่มถอนกำลังจากซีเรีย ก่อนเปิดฉากโต๊ะเจรจาสันติภาพ
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเผยในวันจันทร์(14มี.ค.) กำลังออกคำสั่งให้กองกำลังของเขาเริ่มถอนทัพออกจากซีเรีย 5 เดือนหลังจากบัญชาการให้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพื่อสนับสนุนพันธมิตรอย่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ความเคลื่อนไหวที่ฝ่ายต่อต้านมองว่าจะก่อแรงกดดันต่อรัฐบาลดามัสกัสและอาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง
    "ผมเชื่อว่าภารกิจที่มอบหมายแก่กระทรวงกลาโหมและกองกำลังรัสเซียได้บรรลุผลทั้งหมดทั้งมวลแล้ว" ปูตินกล่าว ณ วังเครมลินระหว่างประชุมร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เขาแถลงว่าการถอนกำลังพลจะเริ่มตั้งแต่วันอังคาร(15มี.ค.) เป็นต้นไป
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินเปิดเผยว่านายปูตินได้ต่อสายโทรศัพท์ถือนายอัสซาด เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัสเซีย ความเคลื่อนไหวที่ถูกแถลงออกมาในวันเดียวกับที่การเจรจาที่มีสหประชาชาติระหว่างคู่ขัดแย้งในซีเรียกลับมาเปิดโต๊ะหารือกันอีกรอบในเจนีวา
    ปูตินออกสั่งให้ยกระดับความเข้มข้นในความพยายามทางการทูตของรัสเซีย เพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 ปี คร่าชีวิตผู้คนหลายพันศพและทำประชาชนต้องไร้ถิ่นฐานหลายล้านคน ซึ่งจำนวนมากได้แสวงหาหนทางลี้ภัยในยุโรป
    อย่างไรก็ตามผู้นำรัสเซียส่งสัญญาณว่ามอสโกจะยังคงประจำการทหารในซีเรียต่อไป โดยไม่ได้กำหนดเส้นตายการถอนทัพอย่างสมบูรณ์ และบอกว่ากองกำลังของรัสเซียจะยังคงอยู่ที่เมืองท่าตอร์ตูสและฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเคีย ซึ่งถูกใช้เป็นฐานสำหรับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเกือบทั้งหมดของมอสโกต่อไป "ฐานทัพเรือในตอร์ตูและฐานทัพอากาศฮเมย์มิมจะปฏิบัติการตามเดิม พวกเขาต้องพึ่งการปกป้องทั้งทางพื้นดิน ทะเลและอากาศ"
    ยังคงมีคำถามเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติจริงในของคำแถลงของนายปูติน ด้วยมันไม่ชัดเจนว่ารัสเซียจะหยุดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหรือไม่ หรือมอสโกจะยังคงแสนนายุภาพสำหรับดำเนินการดังกล่าวจากฐานทัพอากาศในจังหวัดลาตาเคียหรือเปล่า
    ปูติน กู้ชื่อเสียงของรัสเซียในฐานะผู้เล่นสำคัญของนานาชาติที่มีแสนยานุภาพขยายอิทธิพลไปไกลกว่าละแวกใกล้เคียงและบีบให้สหรัฐฯต้องตระหนักถึงผลประโยชน์ของมอสโก
    อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันก็มีเสียงยอมรับในมอสโกว่าการเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารมากขึ้นรังแต่จะทำให้ผลตอบแทนลดน้อยถอยลง และเจ้าหน้าที่รัสเซียเล็งเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ในความพยายามดึงการควบคุมเหนือดินแดนซีเรียทั้งหมดคืนสู่นายอัสซาด ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่จะก้าวเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ
    "ผลจากการทำงานของทหารของเราได้สร้างเงื่อนไขต่างๆสำหรับการเริ่มกระบวนการสันติภาพ" ปูตินกล่าว "จากการเข้าร่วมของกองทัพรัสเซีย กองกำลังซีเรียและกองกำลังผู้รักชาติชาวซีเรียสามารถบรรลุจุดพลิกผันในการสู้รบกับก่อการร้ายระหว่างประเทศ ก่อความปั่นป่วนแก่โครงสร้างพื้นฐานของพวกนักรบ และสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่พวกเขา" ปูตินกล่าว
    "เพราะฉะนั้นผมจึงสั่งให้กระทรวงกลาโหม นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ให้เริ่มถอนกำลังพลหลักของกองทหารของเราออกจากซีเรีย" ปูตินระบุ
    ในการส่งสัญญาณเริ่มถอนกำลังทหาร ดูเหมือนว่ารัสเซียจะหวังลดความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับสหรัฐฯ ที่กล่าวหาเครมลินว่าเติมเชื้อไฟความขัดแย้งซีเรียและแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง
    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยกับรอยเตอร์ว่าได้เห็นรายงานข่าวเกี่ยวกับท่าทีของนายปูตินแล้ว แต่บอกว่า "เราคาดหมายทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า"
    รัสเซียอ้างว่าพวกเขาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ทว่าตะวันตกและพันธมิตรกล่าวหาว่าการทิ้งระเบิดส่วนใหญ่ของมอสโกมีเป้าหมายอยู่ที่กลุ่มกบฏสายกลาง
    พวกนักรบฝ่ายค้านกล่าวอ้างว่ารัสเซียมีทหารทางภาคพื้นสู้รบกับกองกำลังต่อต้านนายอัสซาด แต่เครมลินไม่เคยยอมรับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการถอนทหารครั้งนี้ครอบคลุมถึงกองกำลังใดบ้าง
    ทำเเนียบประธานาธิบดีซีเรียแถลงว่าประธานาธิบดีอัสซาดกับประธานาธิบดีปูติน เห็นพ้องทางโทรศัพท์ต่อความเคลื่อนไหวถอนทหารดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นไปตามข้อตกลงหยุดความเป็นปรปักษ์และสอดคล้องกับสถานการณ์ทางภาคพื้น อย่างไรก็ตามทางมอสโกยืนยันว่าจะยังให้การสนับสนุนซีเรียให้การต่อสู้กับก่อการร้ายต่อไป
    ด้านฝ่ายค้านของซีเรียในวันจันทร์(14มี.ค.) แสดงความยินดีกับคำแถลงของรัสเซีย ระบุถ้าคำยืนยันถอนทหารมีความจริงจัง ก็จะช่วยเพิ่มแรงกดดันแก่เจ้าหน้าที่ซีเรียและมอบแรงผลักดันแก่การเจรจาสันติภาพ

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำคิมโวสำเร็จทดสอบหัวรบนุกทนต่อบรรยากาศ กร้าวลองยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์เร็ววันนี้ โดย MGR Online 15 มีนาคม 2559 06:59 น. (แก้ไขล่าสุด 15 มีนาคม 2559 09:16 น.)

    [​IMG]

    ผู้นำคิมโวสำเร็จทดสอบหัวรบนุกทนต่อบรรยากาศ กร้าวลองยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์เร็ววันนี้
    ภาพจากสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือในวันพุธ (9 มี.ค.) แสดงให้เห็น คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พบพูดคุยกับคณะนักวิทยาศาสตร์และนักเทคนิคในแวดวงวิจัยอาวุธนิวเคลียร์ เคซีเอ็นเอไม่ได้ระบุว่าภาพนี้ถ่ายเมื่อใด และวัตถุโลหะทรงกลมที่เห็นในภาพเกี่ยวข้องอะไรหรือไม่กับระเบิดนิวเคลียร์ย่อส่วน

    รอยเตอร์/เอเอฟพี - คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ คุยโวว่าประเทศของเขาประสบความสำเร็จในการทดสอบในห้องปฏิบัติการสำหรับสร้างหัวรบนิวเคลียร์ที่ทนต่ออุณหภูมิสูงและความกดดันระหว่างเดินทางกลับเข้าสู่บรรยากาศโลก พร้อมประกาศจะดำเนินการทดสอบการระเบิดของหัวรบนิวเคลียร์และทดสอบยิงขีปนาวุธที่มีแสนยานุภาพบรรจุหัวรบนิวเคลียร์เร็วๆ นี้ ตามรายงานของสำนักข่าวแห่งรัฐเคซีเอ็นเอในวันอังคาร (14 มี.ค.)

    สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) รายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายคิมว่า การทดลองในห้องปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จ “เป็นการรับประกันความมั่นใจเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ในการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกของขีปนาวุธข้ามทวีป”

    ความสำเร็จดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถในการสร้างหัวรบนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพทนทานต่อสภาวะความร้อนรุนแรงและแรงสั่นสะเทือนระหว่างกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งนับว่าเป็นก้าวย่างครั้งใหญ่ในแสนยานุภาพโจมตีทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

    คำกล่าวอ้างล่าสุดนี้มีขึ้นราวสัปดาห์เศษ หลังจากเปียงยางทั้งขู่และเตือนว่าจะโจมตีโซลและวอชิงตัน ตอบโต้ที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ จัดการซ้อมรบประจำปีครั้งใหญ่

    นอกจากนี้แล้วคำกล่าวอ้างดังกล่าวยังมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากเขาโพสท่าคู่กับบางอย่างที่ทางสื่อมวลชนแห่งรัฐระบุว่าเป็นหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วนสำหรับติดตั้งบนขีปนาวุธ

    เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับแสนยานุภาพในการโจมตีของประเทศ นายคิมบอกด้วยว่าจะดำเนินการทดสอบการระเบิดของหัวรบนิวเคลียร์และทดสอบยิงขีปนาวุธหลากหลายชนิดในระยะเวลาอันใกล้นี้

    นายคิมเคยบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เกาหลีเหนือมีแผนทดสอบรอบใหม่เพื่อประเมินอำนาจทำลายล้างของหัวรบใหม่ที่ย่อขนาดแล้ว

    ในขณะที่เป็นที่ทราบกันว่าเกาหลีเหนือมีสต๊อกอาวุธนิวเคลียร์อยู่บ้าง แต่แสนยานุภาพของเปียงยางในการส่งมันพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำผ่านการติดตั้งบนขีปนาวุธ เป็นเรื่องที่มีการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน

    มีเครื่องหมายคำถามต่างๆ นานาเกี่ยวกับระบบส่งขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ด้วยผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่าเปียงยางยังอยู่ห่างไกลจากการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงสหรัฐฯ

    นอกจากนี้แล้วคนอื่นๆ ยังมีข้อสงสัยว่าหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วนที่เกาหลีเหนือออกแบบจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต้านทานแรงกระแทก การสั่นสะเทือนและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เกี่ยวข้องกับการโคจรของขีปนาวุธได้หรือไม่ และนักวิเคราะห์เกือบทั้งหมดปฏิเสธถึงโอกาสที่เกาหลีเหนือจะลงมือโจมตีทางนิวเคลียร์รูปแบบใดๆ ด้วยระบบที่ยังไม่ผ่านการทดลอง ซึ่งเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายที่มอบแด่สหรัฐฯ ที่มีเทคนิคที่เหนือกว่ามาก

    ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูงสุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่เกาหลีเหนือลงมือทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินเมื่อวันที่ 6 มกราคม ตามด้วยการยิงจรวดพิสัยไกลในเดือนต่อมา

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติตอบโต้ด้วยการเห็นชอบมติคว่ำบาตรเปียงยางหนักหน่วงขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดยมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่นี้มีเป้าหมายอย่างเจาะจงต่อภาคต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ และหวังกัดเซาะเปียงยางในการใช้และเข้าถึงระบบขนส่งระหว่างประเทศ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub

    [​IMG]

    พี่คิมสั่งเดินหน้าทดลองหัวจรวดนิวเคลียร์ และการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
    North Korean Leader Kim Jong Un Announces Nuclear Warhead Test Imminent

    ตึงเครียดเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังจากพี่คิมขู่จะถล่มเกาะแมนฮัตตันให้เป็นเถ้าถ่าน
    thanong
    15/3/2016
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐสภาจีนใช้ ‘วิธียืดหยุ่น’ มากระตุ้นการเติบโต ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศ ‘ชะลอตัว’ โดย ฟง ตั๊ก โฮ 15 มีนาคม 2559 05:39 น.

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ Asia Times – Asian news hub covering geo-political news and current affairs across Asia)

    As economy slows, China’s NPC takes flexible approach to boost growth
    By Fong Tak Ho
    12/03/2016

    สภาผู้แทนประชาชน หรือรัฐสภาจีน กำลังประชุมกันเป็นเวลา 10 วันในกรุงปักกิ่ง เพื่อหารือถึงแผนการการเติบโตของจีนในช่วงต่อไป ในสภาพที่เศรษฐกิจของจีนกำลังขยายตัวล่าช้าลง, เว็บไซต์ในความดูแลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่จดหมายที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกเพราะล้มเหลวในเรื่องเศรษฐกิจ, อีกทั้งมีข่าวลือที่ยังไม่มีมูลว่า นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง จะถูกปลด

    ฮ่องกง - ผู้แทนเกือบๆ 3,000 คนของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress) ซึ่งก็คือรัฐสภาของจีน กำลังจัดการประชุมประจำปีขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่ออภิปรายหารือกันถึงแผนการเจริญเติบโตของจีนในช่วง 5 ปีข้างหน้า

    ขณะที่สภาผู้แทนประชาชนของจีน ถูกมองว่าเป็นเพียง “สภาตรายาง” ทว่าการประชุมประจำปีของรัฐสภาแดนมังกรนี้ ถึงแม้เป็นเหตุการณ์ที่มีการขบคิดจัดวางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้าอย่างรัดกุม ก็ใช่ว่าจะปราศจากความตึงเครียดทางการเมืองเบื้องหลังฉาก ในขณะที่มีคำถามสำคัญฉกาจฉกรรจ์ถูกหยิบยกขึ้นมา ได้แก่เรื่องที่ว่าคณะผู้นำจะทำอย่างไรในการจัดการแก้ไขคลี่คลายความท้าทายต่างๆ ซึ่งเผชิญหน้าเศรษฐกิจที่เติบโตเชื่องช้าลงของประเทศ

    จุดโฟกัสสำคัญยิ่งจุดหนึ่งของการประชุมลับเป็นเวลา 10 วันคราวนี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 5 มีนาคมและยุติลงในวันที่ 15 มีนาคม ก็คือการแก้ไขเป้าหมายของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยที่ในครั้งนี้ คณะผู้นำมีช่องมีมุมสำหรับขยับเนื้อขยับตัวได้บ้าง เมื่อมีการประกาศเป้าหมายเป็นแถบช่วงระหว่าง 6.5% ถึง 7% แทนที่การระบุอัตราเติบโตของจีดีพีอย่างเจาะจงแน่นอนลงไปแบบครั้งก่อนๆ

    ตามความเห็นของนักวิเคราะห์หลายๆ ราย เรื่องนี้ถือเป็นการผละออกจากวิธีปฏิบัติในอดีตอย่างชัดเจน และก็เป็นการส่งข้อความที่สำคัญประการหนึ่งไปถึงบรรดาสมาชิกรัฐสภาของจีนด้วย ข้อความดังกล่าวนี้คือ “รัดเข็มขัดที่นั่งของคุณให้แน่น และเตรียมตัวรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้”

    เมื่อปีที่แล้ว จีนแถลงเอาไว้ว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจจะอยู่แถวๆ 7% ทัศนะแบบมีความยืดหยุ่นดังที่กล่าวข้างต้นจึงมีความจำเป็น เพราะในที่สุดแล้วแดนมังกรทำอัตราขยายตัวของจีดีพีในปี 2015 ได้ที่ 6.9% ซึ่งถือเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี

    ความไม่พอใจในหมู่คนรากหญ้า

    เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับเหล่าผู้นำจีน ที่จะต้องบรรลุอัตราเติบโตของเศรษฐกิจตามที่ได้ให้สัญญาเอาไว้ เพราะด้วยการสร้างความมั่นอกมั่นใจว่าทั้งเศรษฐกิจและสังคมต่างมีเสถียรภาพนั่นแหละ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงจะได้รับการยอมรับจากประชาชนว่ามีความชอบธรรมที่จะปกครองบริหารประเทศ

    เวลานี้ผู้คนระดับรากหญ้ากำลังมีความไม่พอใจต่อภาวะทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นทุกที จนกระทั่งถึงระดับขอบเขตที่ว่า Wu Jie Xin Wen (ข่าวไร้พรมแดน) เว็บไซต์ที่ดำเนินการโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อเร็วๆ นี้ได้เผยแพร่จดหมายฉบับหนึ่งซึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกในทันที เหตุผลข้อหนึ่งที่หยิบยกขึ้นมาในจดหมายฉบับดังกล่าวก็คือ การที่สีประสบความล้มเหลวในแนวรบด้านเศรษฐกิจ ถึงแม้มีการกล่าวหากันว่าเว็บไซต์แห่งนี้ถูกแฮ็ก แต่สิ่งที่เขียนเอาไว้ในจดหมายฉบับนั้นก็เป็นความจริงอยู่บางส่วน

    สี เป็นผู้นำของคณะทำงานทางเศรษฐกิจส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเท่ากับเป็นองค์กรตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจของแดนมังกร ด้วยเหตุนี้เองจึงควรถือว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดสำหรับความเพลี่ยงพล้ำใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นมาในทางเศรษฐกิจ

    ตลาดหุ้นทั้งหลายก็มีความตื่นเต้นกันมากเหลือเกิน เกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า สี กำลังคิดที่จะหาคนมาแทนที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เพื่อทำให้หลี่ “กลายเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นมา” ถึงแม้ข่าวลือเช่นนี้ลงท้ายก็ไม่ได้มีมูลความจริง แต่มันก็ถูกปล่อยแพร่สะพัดออกมาก่อนหน้าการปรับเปลี่ยนผู้นำระดับสูงครั้งสำคัญซึ่งคาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า

    พวกผู้นำระดับท็อปนั้นมีความวิตกเกี่ยวกับข่าวลือทำนองนี้ ดังสะท้อนให้เห็นจากหนังสือเวียนภายในฉบับหนึ่งซึ่งรั่วไหลออกมาในระหว่างการประชุมประจำปีของรัฐสภาคราวนี้ หนังสือเวียนดังกล่าวเรียกร้องให้พวกผู้ถือหุ้นในตลาดหุ้น “วางตัวประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม” ส่วนพวกบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้งหลายและพวกโบรกเกอร์หลักทรัพย์ทั้งหลายก็ถูกเรียกร้องให้ “ดูแลเสถียรภาพของตลาดทุน”

    ท่ามกลางการถูกตั้งข้อสงสัยข้องใจทั้งหลายทั้งปวง รัฐบาลจีนประกาศว่าจีดีพีและรายได้ของประชากรที่พำนักอาศัยในเขตชุมชนเมืองของจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวในช่วงระยะเวลาจากปี 2010 ถึงปี 2020 และขนาดของเศรษฐกิจจะไปถึงระดับ 120,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายนี้ จีนจะต้องทำอัตราเติบโตให้ได้ปีละมากกว่า 8% เมื่อคิดคำนึงถึงปัจจัยด้านเงินเฟ้อด้วย ทว่าลู่ทางโอกาสของทั่วโลกที่กำลังมืดมัวลง ทำให้เป้าหมายนี้ยากที่จะบรรลุได้ ถ้าหากไม่ถึงกับไม่อาจเป็นไปได้เอาเลย

    ต่ง ซีตัว (Tong Xiduo) นักเศรษฐศาสตร์ผู้พำนักอยู่ในปักกิ่ง และทำงานกับบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ของจีน ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของรัฐบาลส่วนกลาง บอกกับสื่อมวลชนจีนว่า การที่แถบช่วงเป้าหมายอัตราการเติบโตกำหนดจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ 6.5% นั้น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับความน่าเป็นห่วงในเรื่องปัญหาคนว่างงาน

    “มีการคำนวณกันว่า ถ้าอัตราเติบโตของจีนลดต่ำ (ล้มเหลว) อัตราการว่างงานจะกลายเป็นปัญหาหนักหน่วงสาหัส” ต่ง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค กล่าว “ดังนั้น แรงกดดันเรื่องการว่างงานจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

    สมาชิกรัฐสภาบางคน ซึ่งให้ความเห็นโดยขอให้สงวนนาม บอกว่ารัฐบาลควรจะต้องประกาศ “มาตรการที่เด็ดขาดทั้งหลาย” ออกมาบังคับใช้ ถ้าอัตราการเติบโตลงมาอยู่ใกล้ๆ ระดับเตือนภัยที่ 6.5% มาตรการเหล่านี้มีดังเช่น การลดค่าเงินหยวนลงไปอีก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลัง

    หลี่ เถากุ้ย (Li Daokwai) ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อจีนในเศรษฐกิจโลก แห่งมหาวิทยาลัยชิงหวา (Centre for China in the World Economy, Tsinghua University) ในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การกำหนดแถบช่วงการเติบโตที่ยืดหยุ่นเช่นนี้ จะทำให้พวกเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นมีช่องทางสำหรับการจัดทำแผนกู้ภัยของพวกเขาเองเพื่อช่วยชีวิตเศรษฐกิจของท้องถิ่น ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถูกกำหนดเป้าหมายโหดๆ ซึ่งจะต้องบรรลุให้ได้ในทันที ภายใต้แรงกดดันเช่นนั้น พวกเขาจำนวนมากจึงหันไปหาวิธีการแบบระยะสั้นซึ่งแท้ที่จริงแล้วกลายเป็นอันตรายต่อการพัฒนาในระยะยาว แถบช่วงการเติบโตที่ยืดหยุ่นแบบใหม่นี้ จึงน่าที่จะป้องกันความผิดพลาดดังกล่าวได้

    ภายหลังการปฏิวัติทางวัฒนธรรม อัตราการเติบโตของจีนได้เคยหล่นลงมาอยู่ในระดับราวๆ 7% รวม 3 ครั้งด้วยกัน ได้แก่ ระหว่างปีงบประมาณ 1980 ถึง 1981, 1990 ถึง 1991, และ 1997 ถึง 1998 และจีนก็ได้ใช้ความพยายามจนสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้สำเร็จ

    ในปี 1980 เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดที่ล่วงลับไปแล้ว ได้แก้ปัญหาทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่จีนกำลังเผชิญอยู่ ด้วยการประกาศการปฏิรูปที่อิงกับพลังตลาด จากนั้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อจีนกำลังได้รับความเสียหายจากการถูกนานาชาติคว่ำบาตรสืบเนื่องจากเหตุการณ์เทียนอันเหมิน เติ้งก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของประเทศในปี 1992 ซึ่งถือเป็นการตรวจเยี่ยมที่มีความสำคัญยิ่งในเชิงสัญลักษณ์และในทางการเมือง โดยที่เขากล่าวเตือนว่า “พวกเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่มีความคิดจิตใจในทางปฏิรูปจะต้องลงจากตำแหน่ง”

    เชื่อกันว่าคำพูดของเติ้งมุ่งหมายถึง เจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดีของจีนในตอนนั้น ผู้ซึ่งทำตัวเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาระหว่างแนวทางซ้ายจัดกับแนวทางของเติ้ง อีกไม่นานหลังจากนั้น จีนก็ได้ฟื้นชีพเศรษฐกิจสไตล์ทุนนิยมของตน และสามารถแล่นผ่านพ้นช่วงขณะอันยากลำบากที่สุดของการถูกโดดเดี่ยวโดยนานาชาติ

    ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 จู หลงจี ผู้กุมนโยบายเศรษฐกิจของจีนในเวลานั้น ประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศชาติให้เอาชนะผ่านพ้นความปั่นป่วนวุ่นวายของวิกฤตการเงินในเอเชีย ด้วยการปิดรัฐวิสาหกิจขนาดยักษ์จำนวนมาก และเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization หรือ WTO)

    คำถามในเวลานี้จึงมีอยู่ว่า จีนสามารถที่จะรอดชีวิตจากความท้าทายที่กำลังย่างก้าวเข้ามา เฉกเช่นที่เคยทำได้ในอดีตหรือไม่? ถ้าหากได้ จะต่อสู้ให้ผ่านพ้นไปด้วยวิธีการใด?

    ประการแรกเลย ปักกิ่งคาดการณ์ว่าในปี 2016 งบประมาณแผ่นดินจะขาดดุลในระดับ 3% ของจีดีพี หรือคิดเป็นปริมาณเงินเท่ากับ 2.18 ล้านล้านหยวน (หรือ 335,040 ล้านดอลลาร์) นี่เป็นการขยับขึ้นจากการขาดดุลงบประมาณเป็นจำนวน 2.3% ของจีดีพีในปี 2015 ทั้งนี้เชื่อกันว่าการจับจ่ายใช้สอยในภาคสาธารณะอย่างสนุกสนานเช่นนี้ คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

    เจี่ย คัง (Jia Kang) ที่ปรึกษาคนหนึ่งของปักกิ่ง บอกว่าการขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติมครั้งใหม่นี้ ส่วนใหญ่ที่สุดจะมาจากการยกเว้นภาษีรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีทางอ้อมในการช่วยเหลือภาคเอกชน

    ปักหมุดพัฒนาขยายชุมชนเมือง

    ประการที่สอง รัฐบาลกำลังปักหมุดเน้นหนักความวาดหวังของพวกตนไปที่โปรแกรมการขยายชุมชนเมืองอย่างห้าวหาญ

    ไช่ ฟาง (Cai Fang) รองประธานของบัณฑิตยสถานทางสังคมศาสตร์ของจีน กล่าวในการแถลงข่าวครั้งหนึ่งที่กรุงปักกิ่งว่า นโยบายการขยายชุมชนเมืองล่าสุดนี้ จะได้เห็นประชาชนจำนวน 16 ล้านคนอพยพจากพื้นที่ชนบทเข้ามาพำนักอาศัยตามเมืองใหญ่ต่างๆ ภายในปี 2020 ซึ่งจะทำให้ประชากรที่อยู่ในเขตเมืองของประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 45% ของประชากรรวมทั้งหมดของประเทศ 1,300 ล้านคน

    “จากการทำให้แผนการขยายชุมชนเมืองนี้สำเร็จกลายเป็นความจริงขึ้นมา แท้จริงแล้วเราก็กำลังยิงนกได้ถึง 3 ตัวด้วยการใช้กระสุนเพียงนัดเดียว นกเหล่านี้ได้แก่ การแก้ปัญหาตัวเมืองใหญ่ขาดแคลนแรงงาน, การเพิ่มผลิตภาพโดยองค์รวม, และการขยายความต้องการในการบริโภค” ไช่ ระบุ

    ยิ่งกว่านั้น จีนยังประกาศเพิ่มงบประมาณในด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนของตนขึ้นมาอย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง โดยเพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดของปีที่แล้ว จีนคาดหมายว่าจะสามารถนำพาประชาชนอย่างน้อยที่สุด 10 ล้านคนให้ออกจากความยากจนได้ภายในสิ้นปีนี้

    ไช่ กล่าวว่าคณะผู้นำจีนกำลังพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการให้ความสำคัญมากขึ้นแก่ด้านอุปสงค์ (ดีมานด์) แทนที่จะเป็นด้านอุปทาน (ซัปพลาย) เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

    จีนจะสามารถหลุดออกมาจากความท้าทายอันฉกาจฉกรรจ์ต่างๆ ได้สำเร็จหรือไม่ ยังคงไม่เป็นที่แน่นอนและต้องคอยติดตามกันต่อไป กระนั้นก็มีสิ่งหนึ่งซึ่งเราสามารถพูดได้อย่างแน่นอนมั่นอกมั่นใจ นั่นก็คือ การแก้ไขปัญหาทั้งหลายเหล่านี้จะต้องใช้สติปัญญาอย่างมากมายมหาศาลทีเดียว

    ฟง ตั๊ก โฮ เป็นนักหนังสือพิมพ์ฮ่องกงที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดยเคยทำงานอยู่กับ ฮ่องกงสแตนดาร์ด, เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์, หมิงเป้า, เอเชียไทมส์ออนไลน์, และสิ่งพิมพ์อื่นๆ

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาดูกันน่ะครับ ว่าหลังจาก 26 มีนาคม 2559 จะเข้าสู่สภาวะแล้ง 3 1/2 ปี จริงไหมน่ะครับ

    ภาพจากเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ของคุณ
    Gill Broussard (Download FREE Rev 14 of pdf Planet-7X Book for 2017)
    https://drive.google.com/folderview?id=0Bxo1G-IXQh2Yem1XVzdRZ25jajA&usp=sharing

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.4.JPG
      0.4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      450.1 KB
      เปิดดู:
      688
    • 0.5.JPG
      0.5.JPG
      ขนาดไฟล์:
      375.6 KB
      เปิดดู:
      696
    • 0.6.jpg
      0.6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      406.7 KB
      เปิดดู:
      754
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    10 มีนาคม เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง "


    [​IMG]

    ตอน 1

    การเล่าข่าวกับการวิเคราะห์ข่าว โดยเฉพาะข่าวต่างประเทศ ต่างกันนะครับ

    การเล่าข่าวนั้น ข่าวมายังไง คนเล่าก็นำมาเล่าตามแนวและลูกเล่นของตัวเอง ใครเล่าเก่ง มีสีสรรลูกเล่นเพียบ คนดูคนอ่านก็ติดกันเกรียว ส่วนคนวิเคราะห์ข่าว ต้องเพิ่มความคิดเห็นของตัวเข้าไปด้วย แปลว่า จะวิเคราะห์ข่าวได้จริง ต้องมีภูมิหลัง คิดออก มองเห็น "เกิน" กว่าเนื้อข่าวนั้น

    แต่ทั้ง 2 อย่าง ก็เริ่มต้นมาจากจุดเดียวกันคือ ต้องมี "ข่าว" มาให้เขียนให้เล่า และมี "ข่าว" มาให้วิเคราะห์

    ที่น่าคิดคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า "ข่าว" นั้น เป็นข่าวจริง ข่าวปลอม หรือ ข่าวแต่ง หรือที่สมัยนี้เรียกกันว่า เต้าข่าว (ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ศัพท์นี้มาจากไหน
    แต่ฟังแล้วสยิวจัง) ข่าวแต่งนี้ ยังต้องตามดูอีกว่า ถ้าเป็นข่าวเกี่ยวกับต่างประเทศ ที่มักแปลมาจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งต้องดูอีกว่า แปลมาถูกไหม มีหลายครั้งที่ผมอ่านข่าวแปลแล้วมึนรับประทาน ไม่รู้ใครกำลังจะได้ หรือใครกำลังจะเสียกันแน่

    แต่ที่สำคัญ ถ้ามันเป็นการแต่งข่าว หรือเต้า มาตั้งแต่ต้นตอ โดยมีเป้าหมายที่จะ "ลวง" คนอ่าน เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ามันเป็นข่าวลวง

    คำตอบคือ รู้ยากครับ อาจจะ "พอรู้" ถ้าเราตามข่าว และตาม"สถานการณ์" กันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องมานาน ก็จะพอจับทางได้ว่า มันมีความผิดสังเกต ผิดวิสัย ผิดเส้นทาง..... เหมือนหมอที่เคยตามอาการของคนไข้เจ้าประจำ ที่มาหาหมอด้วยอาการเจ็บคอ ถามไปถามมา แกไปคาราโอเกะเกือบทุกวัน หายไปพักใหญ่ เจ็บคอมาอีก แต่คราวนี้บอกว่าไม่ได้ไปร้องเพลงเลยนะหมอแต่ทำไมเจ็บคอ หมอแปลกใจ ทำท่าจะส่งไปเข้าเครื่องตรวจใหญ่ ซักไปซักมา ที่ไหนได้ แอบไปขึ้นเวที จ้อให้แม่ยกเป่านกหวีด .....

    ส่วนใหญ่ คนที่จะตาม "สถานการณ์" อย่างใกล้ชิดจนรู้ถึงความผิดปรกติต่างๆนั้นได้ มักจะเป็นผู้ที่มี "หน้าที่" ติดตามสถานการณ์ เช่นหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ งานข่าวกรอง งานสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ครูบาอาจารย์ที่สอนทางด้านนี้ และสื่อที่จับงานด้านนี้มานานจนเป็นผู้ชำนาญ เราๆ ชาวบ้าน คงยากที่จะมีเวลา มีความสนใจและจดจำอาการต่างๆได้หมด

    น่าเป็นห่วงว่าระยะหลังนี้ มีข่าวที่ต้นตอมาจากสื่อต่างประเทศ ออกข่าวที่ดูเหมือนจะเข้าข่าย เป็นข่าวลวงแยะมาก ไม่บอกก็คงพอเดากันได้ว่า มาจากสื่อต่างประเทศใดบ้าง เมื่อมีข่าวลวงมากๆ มันก็เป็น "อาการ" ผิดปรกติอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คิดว่า การลวงในเรื่องและรูปแบบอื่นคงจะตามมา และ เมื่อเริ่มต้นด้วยการลวง ผลที่ตามมา คงไม่ใช่เรื่องดี......

    ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอเมริกานั้น นอกเหนือจากผู้ที่มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ อย่างที่ผมเล่าข้างต้นแล้ว ยังมีคนอีก 2 กลุ่ม ที่ทำการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ

    กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่เขาเรียกกันว่า ถังความคิด think tank ที่คอยติดตามสถานการณ์ของโลก รวมทั้งของแต่ละประเทศ โดยถังพวกนี้ จะทำการวิเคราะห์ เสนอวิธีการแก้ไขหรือนโยบาย มีทั้งถังที่ใช้ได้ และที่เหมือนถังขยะ

    ถังความคิด มีทั้งที่เป็นของรัฐบาล และของเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งในรูปแบบของสถาบัน หรือมูลนิธิ ที่อ้างว่าไม่แสวงหากำไร และไม่ฝักฝ่าย ฝ่ายใด แต่เป้าหมายจริง มักตรงกันข้าม คือ ไม่แสวงหากำไร แต่เล่นแสวงหาอำนาจกันเลย และต้องการควบคุมทุกฝ่ายทั้งหมดในโลก ผ่านนโยบายที่ถังตัวคิดขึ้นมาเกือบทั้งนั้น

    ถังหมายเลขหนึ่งของโลก ที่มีอำนาจและอิทธิพล เหมือนเป็นผู้กำกับรัฐบาลอเมริกัน และอาจจะกำกับโลกด้วยคือ ถังยี่ห้อ CFR Council on Foreign Relations ส่วนถังดังอื่นๆ อันดับต่อๆมาเช่น Chatham House ของอังกฤษ ซึ่งเป็นถังแฝดกับถัง CFR, Rand Corporation ถังฝั่งอเมริกา ที่เชี่ยวเรื่องการทหาร, Center for Strategic and International Studies (CSIS) ไอ้ถังขยะใบนี้ ชอบเสือกเรื่องบ้านเรา, Brookings Instution, Heritage Foundation, Cato Foundation, American Enterprise Institute 4,5 ถังหลังนี่ที่เชี่ยวชาญเรื่องการเมือง และออกแนวอเมริกามหาอำนาจ และเสือกเรื่องบ้านเราทั้งนั้น ยังมีอีกแยะครับ ท่านใดอยากรู้จักถังพวกนี้ กดคำว่า think tank หาอ่านในกูเกิลได้เลย

    ผมเคยเล่า หรือเอ่ยถึง กลุ่มแรกนี้ค่อนข้างบ่อยในการเล่านิทานหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะถัง CFR ซึ่งเชื่อว่า หลายท่านคงคุ้นเคยกันดี วันนี้ จึงจะขอไปเน้นที่ กลุ่มที่ 2

    กลุ่มที่ 2 ทำหน้าที่คล้ายๆ กลุ่มที่ 1 แต่เปลี่ยนจากถัง เป็นบริษัทที่ "รับจ้าง" และคิดค่าจ้างในดำเนินการในราคาแพงมาก

    งานที่บริษัทพวกนี้รับทำคือ การวิเคราะห์สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เกือบทุกแห่งทั่วโลก ให้แก่ลูกค้า ที่เป็นทั้งรัฐบาลของตนเองและของประเทศอื่น บริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ และบุคคลทั่วไป (ที่คงต้องกระเป๋าใหญ่) เช่นเศรษฐี หรืออดีตนักการเมือง เพื่อเอาข้อมูลจากการวิเคราะห์นั้น ให้ลูกค้านำไปคิดยี่ต๊อกให้ดีๆ ก่อนที่จะ ลงทุน ทำธรุกิจ หรือดำเนินการอื่นใด เช่นคิดจะสร้างปฏิวัติ เปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลในบ้านเหยื่อที่เล็งเอาไว้ งานแบบนี้ รัฐบาลอเมริกันมักใช้บริษัทพวกนี้ทำการแทน อย่างที่ทำในหลายประเทศในช่วงเทศกาลอาหรับสปริง หรือเรื่องยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงการมีข่าวฉาว หรือสาวมาถึงตัว ถ้านึกถึงเหตุการณ์ไหนไม่ออก ลองนึกถึงเหตุการณ์ในบ้านเราก็ได้ครับ..... ไม่ใช่ไม่เคยมี.......

    ผู้ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทพวกนี้ ส่วนใหญ่ ก็เป็นผู้ที่ทำงานด้านข่าวกรอง ด้านความมั่นคงของรัฐบาลอเมริกานั่นแหละ มีทั้ง ทหารเก่าจากกองทัพ หรือสภาความมั่นคง รวมทั้งศิษย์เก่าซีไอเอ และ ศิษย์ปัจจุบัน

    นับว่า เป็นการหากินของอเมริกา ที่ฉลาดร้ายมาก ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง เพราะทำให้รู้ข้อมูลของประเทศอื่น หรือบริษัทใหญ่ๆ รู้ทิศทางการเมือง และการทำมาหากินของเขา และใช้เป็นช่องทางที่จะแทรกข่าวลวงของตัว และ"กำกับ" ทิศทางการเมือง และการทำธุรกิจเหล่านั้นเสียอีกด้วย โดยผู้ใช้บริการก็เดินตามอย่างไม่รู้ตัว

    จะว่าไปก็เหมือนเป็นการปั่นจิ้งหรีดอีกสายพันธ์ ตกลงมนุษย์ในโลกเรานี่ จะกลายพันธ์เป็นจิ้งหรีดกันหมดหรือไงนะ

    นอกจากนี้ บริษัทที่รับจ้างทำงานอย่างนี้ มักมีเครือข่ายการทำงานแบบครบวงจร โดยรวมไปถึง การดูแลด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้า ที่ไปทำธุรกิจในบริเวณ ที่มีการวิเคราะห์ว่า อาจอยู่ในเขตอันตราย รวมทั้งมีสื่อในมือ ที่จ้างไว้ คอยออกข่าวแก้ และที่แน่มากคือ มี "หน่วยงานพิเศษ" ของตัวเอง ที่เอาไว้คอยแก้เกม เมื่อมีปัญหา หรือถูกต่อต้าน รวมทั้งเป็นหัวเจาะเข้าไปปฏิบัติการให้ด้วย

    ส่วนงานแก้เกม มีการรับแก้ทุกระดับ ตั้งแต่ลอบบี้ให้ประเทศนั้น ออกกฏหมาย กฏระเบียบ แก้ไข ให้เป็นประโยชน์กับตัว จนถึง " จัด" ให้มีการเคลื่อนไหวโดยคนในบ้าน และคนนอกบ้านเพื่อกดดัน

    มันเป็นขบวนการที่ใหญ่โต มีขอบเขตการให้บริการกว้างขวาง เกือบจะเหมือนการเข้าไปยึดประเทศเขา ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะฝีมือการจัดตั้งนั้น แนบเนียน จนเหมือนเป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ถึงขนาดผู้ที่เข้าร่วมขบวนการอาจไม่รู้ตัว ว่ากลายเป็นพวกจัดตั้งให้กับเขา จึงน่าที่เราๆจะทำความรู้จักกันไว้

    เขาว่า บริษัทที่ใหญ่ดังมาก ที่ให้การวิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศมานาน ให้บริการครบวงจร รวมทั้งดูแลด้านความปลอดภัย โดยศิษย์เก่าที่มาจากหน่วยรบพิเศษ ที่ผ่านงานมาจากหลายสนาม ชื่อ บริษัท Stratfor ซึ่งตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1996 โดย George Friedman ชาวยิว ที่พ่อแม่อพยพหนีฮิตเลอร์จากฮังการี มาอยู่อเมริกา เขาจบรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล หลังจากนั้น ไปเป็นอาจารย์สอนในหลายสถาบันของอเมริกา โดยเฉพาะ US Army War College, National Defense University และ Rand Corporation เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศทั้งนั้น

    ชื่อของ Stratforโผล่ให้ชาวบ้านได้รู้จักในปี ค.ศ.2012 เมื่อวิกีลิกส์ เอาเอกสารลับของอเมริกา ส่งให้สื่อเป็นของขวัญลงให้ชาวบ้านทั่วโลกอ่าน มีเอกสารชิ้นหนึ่ง แฉว่า Stratfor คือบริษัทหลังฉากของซีไอเอ ที่ไปทำงานข่าวกรองให้กับเอกชนทั่วโลก ทาง Stratfor ออกมาบอกว่า ไม่ใช่น่า เราเป็นแค่บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจธรรมดาเท่านั้น แต่มีสื่อไปขุดว่า ค่าจ้างของ Stratfor แพงกว่าบริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจอื่นหลายร้อยเท่า วิเคราะห์ลิงอะไรวะ

    ผมไม่ทราบว่า บริษัทนี้ มีลูกค้าในบ้านเราหรือไม่....

    แต่ข่าวว่า ตอนนี้ Stratfor กำลังมีคู่แข่ง ที่มาแรง และน่าสนใจยิ่ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 มี.ค. 2559


    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    11 มีนาคม เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 2

    คู่แข่งที่มาแรง ชื่อ Chertoff Group ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2009 โดย Michael Cherfoff และ Chad Sweet เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูในบ้านเราเลย แต่เขาดังจริงแถววอชิงตัน

    Chertoff เป็นชาวยิวอเมริกัน (ยิวอีกแล้ว) เป็นอดีตผู้อำนวยการ Department of Homeland Security (DHS) ในสมัยรัฐบาลคาวบอยบุชตั้งแต่ปี ค.ศ.2005 ถึง ค.ศ.2009 ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ที่ คาวบอยบุชตั้งขึ้นมา หลังจากอเมริกาเกิดเหตุการณ์ 911

    DHS สมัยท่านใบตองแห้งนี่ก็ใช่เล่น เขาว่าท่านใบตองเพิ่มงบเพิ่มคนทำงาน จนเป็นที่กล่าวขวัญว่า ท่านใบตองกำลังตั้งกองทัพพิเศษของตัวเอง เพื่อยึดอเมริกาเลยหรือไง ....ไม่ใช่มั้ง เขาลือกันว่า มันเป็นการเลี่ยงการใช้งบทหาร. ที่ถูกดองเค็มมาหลายปีต่างหาก การแก้เกี้ยวแบบนี้ก็คงฟังได้หูเดียว

    Chertoff จบกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด และ London School of Economics and Political Science ทำงานกับรัฐบาลอเมริกันมานาน จนเป็นรองอัยการสูงสุด เขาคุ้นเคยอย่างดีกับคาวบอยบุช เพราะร่วมหัวกันมาตลอด โดยอยู่ฝ่ายหาทุนสมัยคาวบอยลงสมัครเป็นประธานาธิบดี เขามีชื่อเสียงว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับต่อต้านผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะที่มาจากตะวันออกกลาง....

    หลังจากหมดเทอมจาก DHS ส่งมอบงานให้ทีมงานใหม่ของท่านใบตองแห้งเสร็จ Chertoff ก็ไปทำงานกับสำนักงานกฏหมาย ชื่อ Latham & Watkins ซึ่งมีสำนักงานทั่วโลก มีทนายชนิดหัวกะทิกว่า 2,000 คน ซึ่งมีตั้งแต่อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกา ไปจนถึงพวกอยู่ในแวดวงการเมือง เช่นลูกเขยของไอ้เหยี่ยวกระหายเลือด Dick Cheney ส่วน ลูกค้า และลูกความของ Latham & Watkins ก็ใช่ย่อย เป็นบริษัทระดับโลกเกือบทั้งสิ้น เช่น Goldman Sachs, Metro-Goldwin-Mayor... เรียกว่าเป็นแหล่งรวมดาว(ยิวรวย) ของโลกแหล่งหนึ่ง

    ในปี ค.ศ.2015 Latham & Watkins เป็นสำนักงานกฏหมาย ที่มีรายได้สูงเป็นอันดับหนึ่งในโลก

    ส่วนคุณ Chad Sweet นี่ก็น่าจับตาดู เป็นอดีตหัวหน้าคณะทำงานของ DHS เหมือนกัน ก่อนจะมาอยู่ DHS เขาเคยทำงานกับซีไอเอมาก่อน และ ก่อนจะมาทำงานกับภาครัฐ คุณ Chad ทำงานกับพวกวอลสตรีท ระดับ Morgan Stanley และ Goldman Sachs ลับเขี้ยวมาจนแหลมคม หลังจากนั้น ก็รับงานดูแลเงินๆทองๆ ของลูกค้านอกอเมริกา ก็งานฟอกน่ะครับ ประวัติเขี้ยวคมอย่างนี้ ไม่ให้ความสนใจได้ยังไง

    ล่าสุดนี่ เขาว่า คุณ Chad เป็นผู้วางแผนการหาเสียงให้ Ted Cruz ผู้สมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดีสมันกน้าของอเมริกา จากพรรครีพับลิกกัน ที่ตอนแรกมาแรง แต่มาหัวคม่ำ เมื่อเจอคู่แข่งบวมๆ อย่างคุณ Donald Trump คู่นี้น่าติดตามดูไปนะครับ เพราะ Ted Cruz นั้น คุณเมียเขาไม่ธรรมดา หล่อนเป็นสมาชิก CFR มันอาจจะบอกอะไรเราได้เหมือนกัน

    ตอนนี้ Trump นำ Cruz แต่ถ้านำไปจนถึงวันใกล้วันเด็ดขาด นาย Trump เกิดมีอันเป็นไป ผมก็คงไม่แปลกใจ ตอนนี้ก็เริ่มมีคนพรรครีพับลิกกัน เช่น Mitt Romney ออกมาพูดว่า Trump ไม่ใช่ตัวแทนของพรรค ต่อไปอาจจะมีการบอกว่า Trump ทำผิดกฏ กติกา เป็นตัวแทนของพรรคไม่ได้ ให้เหลือเขย CFR ยืนโรง สู้ กับสะไภ้ CFR ของอีกพรรคก็เป็นได้

    เราๆ ชาวบ้าน ก็ตามดู ตามลุ้น ... ถูกเขาหลอกให้ดูมวยล้ม....เหมือนเดิม

    แต่หัวหน้าตัวจริงของ Chertoff เขาว่า คือ ท่านนายพล Michael V Hayden อดีตผู้อำนวยการ ซีไอเอ และอดีตผู้อำนวยการสภาความมั่นคงของอเมริกา จำชื่อนี้ให้ดีนะครับ อย่าลืมเชียว ประวัติแบบนี้ ไม่ใช่แค่ให้ความสนใจ แต่ต้องเพิ่มความน่าสงสัยในกิจการของ Chertoff เข้าไปด้วย ตอนนี้ถ้าใครที่ดูข่าวซีเอนเอนบ่อยๆ จะเห็นหน้าท่านนายพลเกือบทุกวัน

    ท่านนายพล Hayden นี่ มีจุดยืนมั่นคงมาก พูดในทุกรายการว่า อเมริกาต้องแสดงอำนาจให้เห็นชัด อย่าให้โลกลืมเชียว ว่า อำนาจอันยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ของอเมริกายังมีอยู่ และอยู่อย่างดี ดังนั้น อเมริกาจึงต้องลงไปลุยถั่วด้วยตัวเองในตะวันออกกลาง ไม่ใช่ใช้แต่ลูกหาบลูกกระเป๋ง และไปลดราคาให้รัสเซียเรื่องซีเรียไม่ได้ จริงๆท่านนายพล ก็พูดทำนองเดียวกับคุณเต้าหู้บูดรัฐมนตรีกลาโหม แต่คุณเต้าหูชอบไปแอบพูด แต่ท่านนายพลของผม ท่านแน่กว่า ยุให้อเมริกาลุยถั่ว แบบเสียงดังฟังชัดกลางจอ อย่างนี้ เราก็ต้องดูต่อ ว่าใครกำลังลวงใครเรื่องซีเรีย และเรื่องตะวันออกกลาง

    นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานของ Chertoff ยังมี Charles Allen อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการซีไอเอ อายุงาน 25 ปี ที่มีประวัติการทำงานโดดเด่น จนได้รับรางวัลเหรียญสรรเสริญ จากทั้งซีไอเอ และสภาความมั่นคง ถึง 2 ครั้ง ไม่รู้จากงานล้วงควักเรื่องอะไร

    ยังมี Paul Schneider อดีตผู้ช่วยของ DHS และคนร่วมงานอีกแยะครับ ที่มาจาก หน่วยงานซี สภาความมั่นคง DHS และกลาโหม

    ตกลงนี่ เรากำลังคุยถึงบริษัทรับจ้างวิเคราะห์สถานการณ์โลก หรือเรากำลังคุยเรื่องหน่วยงานข่าวกรองของอเมริกาในคราบเอกชนก็ไม่รู้นะครับ

    Chertoff อ้างว่า ให้บริการหลากหลายมาก แต่ปัจจุบัน บริษัทอ้างว่า เน้นให้การบริการด้านข้อมูล การวิเคราะห์ และป้องกันการก่อการร้าย การจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ความมั่นคงของระบบ ทางด้านสาธารณูปโภค และความมั่นคงทั่วไป รวมทั้งดูแล และป้องกันการก่อการร้ายจากอาวุธเคมี

    ลูกค้าของ Chertoff มีทั้งเอกชน และหน่วยงานของรัฐ ทั้งของอเมริกาเอง และต่างประเทศ

    Chertoff ยังเป็นผู้แนะนำให้รัฐบาลอเมริกา ใช้เครื่องตรวจสแกน ที่ดูไปถึงตับอ่อนตับแก่ของผู้ถูกตรวจด้วย ถ้ายังจำกันได้ ผมเคยเล่าเรื่องนาย Farouk Abdulmutallb ชาวไนจีเรียที่เอาระเบิดพกติดตัวขึ้นเครื่องบินจากเยเมน จะไปดีทรอยท์ แต่ตรวจเจอเสียก่อน ก็เครื่องตรวจที่ Chertoff แนะนำนี่แหละครับ ที่ตรวจเจอระเบิด และต่อมาอเมริกาเลยสั่งเครื่องตรวจ เครื่องในผู้โดยสาร ติดตั้งไว้ตามสนามบินของอเมริกาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะที่มีเครื่องบินนานาชาติลง

    เมื่อ Chertoff Group เปิดตัวใหม่ๆ เขาใช้บริษัทประชาสัมพันธ์ ชื่อ Burson-Marsteller ซึ่งตอนหลัง ก็กลายเป็นบริษัทในกลุ่มของ Chertoff ไปด้วย

    Burson-Marsteller นี้ เป็นที่รู้กันว่า รับงานดูแลประชาสัมพันธ์ ให้กับบริษัท หรือหน่วยงาน ที่รับจ๊อบจากรัฐบาล หรือ ซีไอเอ เช่นบริษัทน้ำดำ Blackwater ที่พุ่งป็นพลุ จนพลุไม่พุ่งจากเรื่องทูตอเมริกัน ที่ถูกใครไม่รู้ฆ่าตายที่เบงกาซี เมื่ออเมริกาและลูกหาบ ยกพลไปถล่มกัดดาฟีและลิเบียเสียเหลือแต่ซากนั่น และตอนนี้ เรื่องลิเบียก็ยังไม่จบ กำลังคืนชีพ ข่าวว่านักรบเติมเงิน ต่างพากันอพยพหนีระเบิด ที่ตกลงกันว่าจะมีการหยุดถล่มในซีเรียแต่ของจริงก็ยังถล่มกันอยู่เหมือนเดิม นักรบเติมเงินเลยจำใจ ย้ายฐานจากอิรักซีเรีย เข้าไปอัดกันแน่นอยู่ที่ลิเบีย ไม่รู้ข่าวนี้ เป็นข่าวจริง ข่าวลวง หรือ ข่าวแต่ง .....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    11 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    12 มีนาคม เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 3

    ก่อนที่จะขยับเข้าเรื่องไปอีกหน่อย ผมเห็นชื่อแวบๆในหลายเวบ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังเล่า เลยขอขยายภาพด้านกว้างก่อนที่จะลงลึก

    บริษัท ที่ให้บริการแบบ Chertoff หรือทำตัวเป็นซีไอเอ ในคราบเอกชนของอเมริกา และปฏิบัติการอยู่ทั่วโลก เขาว่าทำกำไร ไม่ใช่รายได้นะครับ กำไรเนื้อๆเข้ากระเป๋าตุง ปีละหลายพันล้านเหรียญ บางรายได้ปีละเกือบ หมื่นล้านเหรียญ คำนวณเป็นเงินบาทกันเองแล้วกัน จากการชี้เป้าลวง ย้ายป้ายจริง ไม่รู้อันไหนเป็นอันไหน ตอนนี้มี 5 บริษัทดาวเด่น

    บริษัทแรก แน่นอน คือ Chertoff ที่กำลังมาแรง แซงทุกราย เพราะดูเหมือนจะได้งานจากรัฐบาลมากที่สุด

    บริษัทที่ 2 คือ ชื่อที่ผู้ในวงการธุรกิจบ้านเราคงคุ้นหูมานาน และผมว่า รายนี้ยังอาจเป็นหมายหนึ่งอยู่ คือ Booz Allen Hamilton บริษัทนี้ดังออกสื่อ และทำให้ชาวบ้านรู้ว่า รับจ๊อบแบบนี้ เมื่อตอนเจ้าหนู Edward Snowden ฉีกหน้ากากอเมริกาเรื่องการดักข้อมูลชาวบ้านแบบ prism สื่อ New York Times บอกว่า สโนเดนกำลังทำงานให้ Booz Allenอยู่ ตอนที่เขาดาวน์โหลดขัอมูลต่างๆส่งให้สื่อ

    Booz Allen นั้นรับงานด้านไอทีให้กับรัฐบาลอเมริกันมานานแล้ว พนักงานเป็นพันๆคนของ Booz Allen นั้น ที่แท้ก็คือทำงานให้กับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) ของอเมริกันนั่นเอง คอยเก็บข้อมูลต่างๆทางธุรกิจของชาวบ้านและอื่นๆ เอามาวิเคราะห์ และส่งต่อให้ NSC

    ก็ไม่น่าแปลกใจมาก เพราะผู้บริหารของ Booz Allen ก็มาจาก NSC และ ผู้อำนวยการ NSC ก็เคยเป็นพนักงานของ Booz Allen สลับเก้าอี้นั่งกันเองไปมาตลอด

    ถึงจะมีข่าวรั่วออกสื่อ แต่ทั้ง Booz Allen และรัฐบาลอเมริกันไม่เดือดร้อน ชาวบ้านโง่จะตาย ไม่มีใครสนใจหรือรู้เรื่องหรอกน่า Booz Allen ก็เลยยังทำงานให้รัฐบาลอเมริกาต่อไป แถมยังประกาศอีกด้วยว่า บริษัทได้งานกลาโหมเพิ่มขึ้นด้วยนะ

    Mike McConnell รองประธานกรรมการของ Booz Allen ออกมาพูดเมื่อ Snowden ฉีกหน้ากากอเมริกาในปี ค.ศ.2013 ว่า Snowden กำลังสร้างความเสียหายยับเยินให้กับอเมริกา ในความพยายามที่จะระงับการก่อการร้าย ....มันจะทำให้เราทำงานยากขึ้น ในการจะเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกิจกรรมของเกาหลีเหนือ หรือเรื่องที่เกิดขึ้นในซีเรีย หรือที่จะเกิดขึ้นกับตาลีบันในอาฟกานิสถาน.....แปลง่ายๆ ภาษาลุงนิทาน คือท่านรองประธานฯ ด่า เจ้าหนูสโนเดน ว่า ... มึงทำให้กูล้วงตับชาวบ้านเขายากขึ้นรู้มั้ย ไอ้เวร .... คงจะทำนองนั้นนะครับ

    บริษัทที่ 3 คือ Science Application International Corporation หรือ SAIC คุ้นกันไหมครับชื่อนี้ บริษัทนี้ ถูกเรียกว่าเป็น NSC West สภาความมั่นคงสาขาตะวันตก เพราะเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงของอเมริกา พากันย้ายมาทำงานที่ SAIC นี้กันแยะ

    บริษัทนี้ เน้นทางด้านการฝึกอบรมให้แก่ลูกค้า ในกรณีเกิดมีการใช้อาวุธ ชนิดที่สามารถทำร้ายผู้คนได้เป็นจำนวนมาก Weapons of Mass Destruction (WMD) และกรณีที่อาจมีการกระทบกับความเป็นอยู่ของบ้านเมืองไม่ว่าระดับใด ไปจนถึงการเตรียมตัวเพื่อที่จะอยู่รอด... เอะ... เขาเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์อะไรกันครับ

    ลืมบอกไป หัวหน้าใหญ่บริษัทนี้ คือ ท่านนายพล John P Jumper ที่มาจากกองทัพอากาศ และพนักงานของบริษัทนี้ มีประมาณ 42,000 คน... ใช้คนแยะจัง...... บริษัทนี้ เกือบจะรับเหมางานทั้งหมดจาก NSC สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา และเป็นบริษัทที่เก็บข้อมูลด้านข่าวกรอง ให้ NSC มากที่สุด เจอชื่อนี้ ในบ้านเราก็อ่านกันหน่อย เห็นอะไรแปร่งๆ ก็เตรียมเป้ใส่ของกันไว้บ้าง ไม่ได้บอกให้แตกตื่น แต่ควรตื่นตัวกันหน่อย

    บริษัทที่ 4 ชื่อ Center for Counterintelligence and Security Studies (CCSS) เพิ่งตั้งขึ้นมาไม่กี่ปี เน้นการฝึกอบรม ให้กับบริษัทที่กลัวภัยจากมุสลิมหัวรุนแรง พนักงานของบริษัทที่เป็นผู้ให้การอบรม ก็แน่นอน มาจากเอฟบีไอ ซีไอเอและกองทัพ บริษัทอ้างว่า ให้การอบรม (ฝึก) ไปแล้ว ประมาณ 67,000 คน ค่าอบรมต่อหัว สำหรับเวลา 3 วัน ชั้นเรียนไม่เกิน 30 คน ตกหัวละเกือบ 3 แสนบาท ....ไม่รู้อบรมอะไรกันมั่ง

    บริษัทที่ 5 ชื่อ Security Solution International (SSI) เป็นอีกบริษัท ที่เน้นเรื่องการรับมือกับพวกผู้ก่อการร้ายมุสลิม ให้แก่หน่วยของรัฐ บริษัทนี้ ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.2004 โดย Henry Morgenstern ชาวยิวอิสราเอล/อเมริกัน (ยิวอีกแล้ว) ที่มีสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอล ส่วนใหญ่ให้การฝึกอบรมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะกับตำรวจ

    ในการอบรมครั้งหนึ่ง SSI แสดงภาพการผู้ก่อการร้ายตัดหัวเชลย ทำให้ได้รับการวิจารณ์จากสื่อเชิงไม่เห็นด้วย แต่นายใหญ่ของ SSI บอกว่า ...ศาสนาของพวกนี้โยงกับการก่อการร้ายมานานแล้วนะ...ฝีปากแบบนี้ คงมีงานเข้าแยะ....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    12 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    13 มีนาคม เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 4

    Chertoff กิจการดีวันดีคืน อย่างนี้ก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม กลางปี ค.ศ.2014 Chertoff Group ก็ประกาศว่า ขณะนี้ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ โดยจะร่วมงานกับ Edelman บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วนะ

    ชื่อนี้คุ้นหูไหมครับ Eldelman หวังว่าคงไม่ลืมกัน เป็นบริษัทที่รับงาน ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ชุบตัวให้ไอ้หมาไนโจรร้ายพี่ชายนังเอ๋อ หลังจากหนีคดีไปดูดอกดูไบไงครับ แล้วก็แต่งเรื่องส่งไปทั่วโลก ว่าหมาไนฉลาดเก่งดีอย่างไร แต่ถูกรังแกกลั่นแกล้งให้ต้องคดี หลังจากนั้น ไอ้เบื้อกอัมสเตอร์แดม อะไรนั่น จึงมารับช่วงปากมอมต่อ พอมองเห็นภาพไหมครับ ว่าเรื่องราวในโลกนี้ บางเรื่องมันเหลือเชื่อ แต่ก็น่าสนใจว่า ความบัดซบ ความชั่ว ความเลว มันมักจะดึงดูดซึ่งกันและกัน

    Edelmanนั้น ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1952 ที่เมือง Chicago โดยนาย Daniel Edelman
    ซึ่งเป็นชาวยิวนิวยอร์ค เรียนจบจากมหาวิทยาลัย Columbia เมื่อปี คศ 1940 เสร็จแล้วก็เรียนปริญญาโทต่อทางด้านหนังสือพิมพ์ หลังจากทำงานเป็นผู้สื่อข่าวอยู่ระยะสั้นๆ เขาก็ไปร่วมกับกองทัพของอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และอยู่หน่วยงานด้านปฏิบัติการจิตวิทยาตลอด น่าทึ่งจริงๆ

    สงครามเลิก ก็ออกจากทหารและย้ายไปอยู่ที่เมืองชิคาโก เป็นทำงานเป็นผู้จัดการประชาสัมพันธ์บริษัทขายน้ำยาตัดผม Toni ตัดหยิกถาวรด้วยน้ำยาเคมี....ปี คศ 1952 ก็ตั้งบริษัทประชาสัมพันธ์ของตัวเอง เหมือนชีวิตไม่ต้องต่อสู้มากมาย แต่ก็ไปได้ดี นับว่าเป็นคนมีวาสนา

    ผมออกจะแปลกใจ และสนใจว่า อะไรหลายเรื่องในโลกนี้ ที่เป็นต้นเรื่องเหลือเชื่อ มักจะเริ่มที่เมืองชิคาโก เช่นมหาวิทยาลัย ชิคาโก ที่ท่านร้อกกี้ the great เป็นผู้ตั้งขึ้น และคิดหลักสูตร area study เอาไว้ล้วงตับไตไส้พุงสมันน้อยทั่วโลก ก่อนจะล้อมเอาเข้าคอก และท่านร้อกกี้ the great นั้น ก็โปรดมากเรื่องการทำสื่อ และการประชาสัมพันธ์ และคิดสูตรเด็ด....ของจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่า เราจะทำอย่างไร ให้เขาเชื่อเรา หรือ ยอมให้เราจูง(จมูก) ...วิชาสร้างป้ายลวง!? ต่างกันไหม กับปฏิบัติการจิตวิทยา ?!

    Elderman มีสำนักงานต่างประเทศแล้ว ที่ลอนดอน แคนาดา เอเซีย และยุโรป ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1960 -1970 พอถึงปี ค.ศ.1985 คุณพ่อ Daniel ก็เกษียณตัวเอง และให้คุณลูก Richard ถือบังเหียนแทน

    ปี ค.ศ.1990 Elderman เปิดสำนักงานไปทั่ว ตั้งแต่ เม็กซิโก บราซิล อาร์เจนติน่า เยอรมัน สเปน เกาหลีใต้ จีน และ เบลเยี่ยม ....

    เขาว่าคนเราทำอะไร มันจะมี ที่ฝรั่งเรียกว่า signature ลายเซ็น ทำให้สังเกตเห็นได้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่สำหรับผม มันดูไม่ต่างกับ "รอยมือรอยตีน" ของขโมย หรือโจร ที่มักเผลอทิ้ง หรือตั้งใจทิ้งอวดไว้เสมอ

    อย่างท่านร้อกกี้ นั้น ท่านโปรดปรานอเมริกาใต้เป็นพิเศษ ท่านทดลองสาระพัดโครงการระยำกับคนท้องถิ่น เช่นทดลองตอนพันธ์ุคนท้องถิ่น ไปจนถึงตอนพันธ์พืชด้วย gmo ที่นั่น จนพืชพันธ์ฉิบหายเกือบหมด ส่วนจีนนั้น ตระกูลท่านก็ไปตั้งมูลนิธิ เพื่อทำการทดลองสาระพัด ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เดี๋ยวนี้ก็ยังตั้งอยู่ (ใครอยากรู้เรื่องเพิ่ม ก็ลองย้อนไปอ่านนิทานเรื่องแกะรอยนักล่า กับเรื่อง ไม่ตกสะเก็ด นะครับ)

    พอถึงปี ค.ศ. 2012 ช่วงตะวันออกกลางเริ่มร้อน Elderman ก็ไปเปิดสำนักงานที่ตุรกี รับงานกึ่งประชาสัมพันธ์ กึ่งไอที นับว่า Elderman นี่ตาแหลมมองการณ์ไกลจริง

    มาต้นปี คศ 2013 คุณลูก Richard ก็ตั้งบริษัทที่เมืองจีน เป็นที่ระลึกให้คุณพ่อ ชื่อ The Daniel J Elderman China Group ขึ้นมาอีก และยังตั้งบริษัท ชื่อ Pegasus (China) ที่จีนอีกเหมือนกัน ไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ อาเฮียไปตรวจดูเองแล้วกันครับ ชื่อเหมือนบาร์อีตัวชั้นสูง นับว่าจังหวะการทำธุรกิจในแต่ละสถานที่ของ Elderman นี่สุดยอดจริงๆ

    ลูกค้ารายใหญ่ ที่เปิดเผยของ Elderman เช่น Microsoft, Pfizer, Johnson & Johnson, Hewlett-Packard, Samsung, Starbuck, Unilever, Royal Dutch Shell และรัฐบาลซาอุดิอารเบีย ส่วนไอ้หมาไนโจรร้ายพี่ชายนังเอ๋อ จะนับเป็นลูกค้ารายใหญ่หรือเปล่า บทความที่ผมอ่านไม่มีชื่อลงไว้ให้ ... ไม่ใหญ่จริงนี่หว่า

    แต่ผลงานของ Elderman ที่เป็นข่าวดังทางลบมาก คือ โครงการวางท่อของ Keystone XL pipeline ที่จะวางท่อส่ง tar sand oil จากโรงกลั่นในแคนาดา ไปถึงริมอ่าวที่ Texas โดยลอดใต้ทะเล และมีการคัดค้านกันมาก โดยเฉพาะจาก Greenpeace ที่ออกมาบอกว่า วิธีการสำรวจความเห็นของ Elderman ทำแบบ "สกปรก" เพื่อโน้มน้าว และ "ลวง" ให้ชาวบ้านเห็นชอบกับโครงการ ที่จะทำลายสิ่งแวดล้อม แปลง่ายๆว่า เป็นการสำรวจแบบหลอกต้มชาวบ้านน่ะครับ

    นอกเหนือจากการรับงานทำประชาสัมพันธ์ ปี ค.ศ.2012 Elderman ยังเปิดแผนกใหม่ เกี่ยวกับด้านการประเมินความเห็น และพฤติกรรมของสังคม...ก้าวหน้าขึ้นไปอีก ...ป้ายลวง.. คงยิ่งเนียน....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    14 มีนาคม เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 5

    หลังจาก Chertoff จับมือกับ Elderman แล้ว แนวทางการทำธุรกิจของ Chertoff ก็ดูเหมือนจะแตกแขนง ไปทางระบบป้องกันด้านไซเบอร์มากขึ้น เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.2015 Chertoff ไล่ซื้อหุ้น จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท Delta Risk ซึ่งรับสร้างระบบป้องกันด้านไซเบอร์ให้แก่บริษัทการเงินใหญ่ๆ Delta Risk เป็นบริษัทขนาดไม่ใหญ่นัก แต่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลบริษัทการเงินใหญ่ๆได้ นับเป็นวิธีเดินทางลัดที่น่าสนใจของ Chertoff

    แต่การซื้อ Delta Risk ก็น่าจะเป็นแค่การซ้อมมือ

    เดือนกันยายน ในปี ค.ศ.2015 นั้นเอง Chertoff ก็ประกาศ จับมือกับ Carlyle Group เพื่อซื้อหุ้นใหญ่ของ Coalfire Systems ซึ่งเป็นเจ้าพ่อของตลาดไซเบอร์ระดับหัวแถวของโลก

    ชื่อ Coalfire ก็น่าสนใจจะแย่แล้ว แต่ชื่อ Carlyle ก็ทำเอาผมตื่นเต้น และเกิดความสงสัยอย่างมาก ชื่อมันกลับมาหลอนในจังหวะเวลาเหมาะเจาะเกินไป เลยเป็นที่มาของการตัดสินใจเขียนนิทานเรื่องนี้....

    ต้องให้ทวนความจำกันไหมครับ Carlyle Group คืออะไร

    ช่วงที่เรามี อัศวินควายดำ เป็นนายกรัฐมนตรี เขาชื่นชมบริษัทนี้อย่างยิ่ง เขาเชื้อเชิญให้มาทำธุรกิจกับแดนสยาม หรือตั้งใจจะขายยกเข่งแดนสยามให้กับ Carlyle ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะไอ้ Carlyle Group นี่ เป็นบริษัทใหญ่ทุนหนามาก รายงานประจำปี ค.ศ.2015 ของบริษัทแจ้งว่า เป็นเจ้าของกองทุน(ใหญ่ยักษ์) 159 กองทุน และบริหารกองทุนอื่นอีก 128 กองทุน เป็นกองทุน ที่ลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจทั่วไป กองทุนเปิด และกองทุนปิด การตลาด โดยเฉพาะ ในอาฟริกา เอเซีย ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และตะวันออกกลาง อืม....

    นอกจากนี้ Carlyle Group บอกว่า ตนยังมีความชำนาญในธุรกิจเกี่ยวกับความมั่นคง ธุรกิจด้านอวกาศ การสื่อสาร พลังงาน การเงิน การสุขภาพ การให้บริการกับรัฐ ฯลฯ แยะมากครับ เขียนไม่ไหว ดูๆ เหมือนทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเงา หรือไงไม่รู้ มีพนักงานมากกว่า 1,600 คน 35 สำนักงาน ใน 6 ทวีป

    จำได้หรือยังครับ ใครเป็นตัวแทน Carlyle Group มาเยี่ยมแดนสยาม พ่อไอ้คาวบอยบุชไงครับ ที่อัศวินควายดำแทบคลานไปจูบตีน และยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีของแดนสยามอีกท่านไปร่วมรับรอง ประทับตราถึงความยิ่งใหญ่ของ Carlyle ด้วย

    ส่วน Coalfire นั้น เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ อันดับต้นๆ ของโลก ที่ชำนาญในการวางระบบไอที ให้กับภาครัฐ และภาคเอกชนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะระบบป้องกันการขโมยข้อมูล และการป่วนทางด้านไซเบอร์ แปลว่า น่าจะรวมดาราแฮ๊กเกอร์เอาไว้ในค่ายแยะ

    ตกลง พวกเขากำลังคิดทำอะไรกันแน่

    ในต่างประเทศ เขามีสื่อที่เรียกว่า Investigative Journalist หรือ Whistle Blower ตามเจาะข่าวที่น่าสนใจ (เป่านกหวีดจริงๆนะครับ ไม่ใช่เป่าเฉพาะตอนลุงกำนันขึ้นเวที) แล้วเอามาเล่าให้ชาวบ้านรู้ ส่วนใหญ่เป็นข่าว ที่อาจมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ความอยุติธรรม การทุจริต โดยเฉพาะจากการกระทำของฝ่ายรัฐ หรือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ชาวโลกควรให้ความสนใจ ก็มักจะมีสื่อคอยตามจิกตามคุ้ย เอามาแฉให้ชาวบ้านรู้ แบบกรณีวอเตอร์เกทที่โด่งดัง แต่สื่อที่ทำหน้าที่อย่างนี้ ในบ้านเราหายากจัง รู้สึกจะมีแต่ที่ชอบตามสืบ ประเภทเรื่องมือที่สามมือที่สี่ ของดารามากกว่า หรือเรื่องฉาบฉวย ที่มาเป็นกระแส อย่างตุ๊กตาเทพ สาวตาบอดโพสต์ด่าคนอะไรทำนองนี้ แล้วก็หายเงียบไป แล้วเมื่อไหร่เราๆชาวบ้าน จะรู้เรื่อง จะเข้าใจเรื่องที่มันเป็นสาระ หรือสำคัญต่อบ้านเมืองเรา

    ผมก็ไม่ใช่สื่อ ไม่ใช่อาจารย์ ไม่ได้ทำงานด้านความมั่นคง เป็นแค่ลุงแก่ๆ ช่างสงสัย ผมสะกิดใจจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องบริษัทใหม่ๆ กับธุรกิจของพวกเขา และการไปจับมือกับอำนาจและทุนเก่าอย่าง Carlyle แต่ไม่เห็นมีใครพูดถึง หรือติดตามกัน หรือมี แต่ผมอ่านไม่เจอก็ได้นะ ความสงสัยเลยยังค้าง คาใจอยู่ ว่าเรื่องที่กำลังเล่านี้ มันจะไปถึงไหน มันจะเหมือนพฤติกรรมของ เจ พี มอร์แกน รอทไชลด์ ร้อกกี้ พวกบรรดาโคตรรวย และพวกเขี้ยวลากแถววอลสตรีท ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1, 2 และระหว่างสงครามโลกไหม ?!?

    ไม่มีใครค้น ก็คงต้องค้นเอง ใครสนใจก็ตามอ่านกันต่อนะครับ ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอกระป๋องเปล่า หรือถังขยะ หรือเจอตอ ....จนทำให้เพจนิทาน ถูกบีบจนแบนแต๊ดแต๊ หรือจอว่าง ขาวค้างอยู่อย่างนั้นหรือเปล่า....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    14 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น
    เมื่อวานนี้ เวลา 8:00 น. ·
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 6

    วันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ.2011 The Washington Post ลงบทความชื่อ " A new line of defense in cybersecurity, with the help from SEC"

    บทความนี้ เขียนสรุปความว่า บรรดาผู้มีหน้าที่ดูแลงานความมั่นคงของชาติ ในสมัยรัฐบาลบุช จนมาถึงรัฐบาลโอบามา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในระยะยาว การโจมตีทางไซเบอร์ จะเป็นภัยที่น่าเป็นห่วงของอเมริกา .....

    .......นายพล Mike Mullen อดีตประธานคณะทำงานร่วม ยังบอกเพิ่มว่า ภัยที่จะคุกคามอเมริกาอย่างน่าเป็นห่วง มีอยู่ 2 เรื่องเท่านั้น เรื่องหนึ่ง คือ นิวเคลียร์ของรัสเซีย อีกเรื่องคือ การคุกคามทางโลกไซเบอร์ และท่านนายพลบอกว่า เรื่องนิวเคลียร์ของรัสเซีย เรายังควบคุมได้มากกว่าเรื่องไซเบอร์......

    .... ทุกวันนี้ เรา(อเมริกา) มีชีวิตอยู่กับระบบคอมพิวเตอร์เกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้สาธารณูปโภค น้ำไฟ ถนนหนทาง การเดินทาง การติดต่อ การเงิน การักษาพยาบาลสังคมเรา เป็นสังคมที่อาศัยอยู่กับสิ่งนี้ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามีการทำให้มันสดุด หยุดลง....

    .... การโจมตีระบบจากภายนอก เป็นเรื่องน่าเป็นห่วง และน่าสพรึงกลัวอย่างยิ่ง การพยายามขโมยข้อมูล และเจาะเข้ามาในระบบของเราทั้งของฝ่ายรัฐ และฝ่ายเอกชน เกิดขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาชญากรรมทางไซเบอร์มีจำนวนสูงเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การป้องกันความเสี่ยงของอเมริกาในเรื่องนี้ ยังไม่เพียงพอ และผู้ที่เสียหาย ถูกขโมยข้อมูล ก็ไม่อยากแจ้งให้ทางการทราบ เพราะกลัวความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ถ้าประชาชนรู้ ....

    .... เรากำลังถูกโจมตีทางไซเบอร์นะ และความมั่นคงของประเทศ และเศรษฐกิจกำลังอยู่ในความเสี่ยง....

    .... เราต้องมีการออกกฏหมาย ที่ให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีระบบที่จะป้องกันความเสี่ยงจากการถูกขโมยข้อมูล ... เราคิดว่า SEC น่าจะดำเนินการได้แล้ว.....

    ผมเอามาแบบย่อๆ นะครับ ความน่าสนใจของบทความนี้ ไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาของบทความความอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่คนเขียนด้วย

    บทความนี้ เขียนร่วมกันโดย วุฒิสมาชิก Jay Rockefeller และ Michael Chertoff....

    เรารู้จัก Chertoff กันแล้ว งั้นต้องแนะนำให้รู้จัก คุณเจ ร้อกกี้ กันหน่อย

    คุณเจ หรือ จอห์น เดวิดสัน ร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ 4 เขาเป็นลูกของ จอห์น ดี ร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่ 3 และเป็นหลานอาของ เดวิด ร้อกกี้เฟลเลอร์ หรือ ท่านร้อกกี้ the great ของผม คนเก่ง คนดัง คนโคตรรวย และโคตรใหญ่ ของ CFR ..เดวิดเป็นน้องคนสุดท้องของพวกร้อกกี้รุ่น 3 แต่คุมพี่ทั้งหมด และอาจจะคุมโลกด้วย

    และเป็นเดวิด ที่เป็นคนกำกับการสร้าง War and Peace Studies ที่เป็นเหมือนพิมพ์เขียว ของนโยบายแม่บทให้อเมริกานำไปใช้ ในการจะขึ้นครองโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และอเมริกา ก็ดูเหมือนจะทำตามนโยบายนั้นเกือบทั้งหมด และครองโลกได้จริงๆเสียด้วย อย่างน้อยก็ยังครองถึงวันนี้ แต่จะครองตลอดไปหรือไม่ ต้องดูกันไป

    ส่วนคุณเจ นั้น เกิดเมื่อปี ค.ศ.1937 ตอนนี้ก็อายุไม่ละอ่อนแล้วละครับ เรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยฺฮาร์วาดตามฟอร์ม ระหว่างเรียน ครอบครัวให้โดดข้ามไปเรียนหนังสือและภาษาญี่ปุ่น ที่ญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ. 1957-1960 และกลับมาจบปริญญาตรี ที่ฮาร์วาดในปี ค.ศ.1961 หลังจากนั้นก็ข้ามไปเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยเยล เห็นความมองการณ์ไกลของท่านร้อกกี้ the great ซึ่งเป็นผู้กำกับครอบครัวร้อกกี้ ไหมครับ

    จากเยล คุณเจก็ไปทำงานในโครงการ Peace Corp หรือ ซีไอเอภาคชาวบ้าน ที่สำนักงานใหญ่ที่วอชิงตัน ก่อนจะไปเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ Peace Corp ที่ฟิลิปปีนส์ ซึ่งเหมือนบ้านที่ 2 ของท่านร้อกกี้

    เสร็จกิจก็กลับบ้าน มาเข้าวงการเมือง ด้วยการสมัครเป็นผู้ว่าการรัฐเวสต์เวอร์จีเนีย ครั้งแรกสอบตก ...เนียนจัง... ครั้งที่ 2 สอบได้ หลังจากนั้น ก็ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกของเวสต์เวอร์จีเนียอย่างฉลุยทุกครั้ง และเหมาตำแหน่งนี้คนเดียวอยู่ 30 ปี

    เพิ่งมาบอกลาว่า จะไม่เป็นแล้วนะ เมื่อปีกลายนี้เอง

    คุณเจ เป็นสมาชิก CFR ตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 ....ไม่เป็นได้ยังไง ท่านร้อกกี้ the great ได้ตบกระโหลกประธาน CFR แหลกย้อนหลังหมด คุณเจ นี่แกจบจากฮาร์วาดทางด้านภาษาตะวันออกไกล (ญี่ปุ่น จีน) แต่เขาว่าแกเป็นผู้ชำนาญด้าน cyber security อย่างหาตัวเทียบยาก.... ไม่รู้เป็นป้ายลวงหรือเปล่า ฮา

    หลังจากเลิกเล่นบทวุฒิสมาชิก ข่าวว่า คุณเจ จะมานั่งประจำทำงานที่ สนง. CFR ปี 2015 หรือ 2016 นี่แหละ... หรือมาแล้วก็ไม่รู้ ทางCFR เขาไม่ได้แจ้งผม

    ตกลงไอ้โม่งแผลมหัวออกมาแล้วหรือ ..... อย่างน้อยเราพอได้เค้าแล้ว ว่า Chertoff ไม่ได้แสดงเดี่ยว นอกจากจับมือกับ Carlyle Group แล้ว เขาอาจจะมักคุ้น กับคนระดับครอบครัวของพวกร้อกกี้ the great อีกด้วย แต่จะคุ้นกันในฐานะ ที่มีความสนใจในเรื่องโลกไซเบอร์ด้วยกัน เฉพาะกับคุณเจ หรือจะยาวไปไกล เป็นวงใหญ่ ... เป็นเรื่องเราคงต้องติดตาม...

    ภัยไซเบอร์ เป็นเรื่องที่พวกเขาห่วงกันจริง หรือพวกเขากำลังตีปี๊บ ทำการตลาดให้ บริษัท Chertoff หรือมันเป็นป้ายลวงเราอีกที....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง "ป้ายลวง"

    [​IMG]

    ตอน 7

    เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2012 มูลนิธิร้อกกี้เฟลเลอร์ ออกหนังสือแจ้งสื่อว่า สิ้นปี ค.ศ.2013 นี้ มูลนิธิจะมีอายุครบ 100 ปีแล้วนะ เพราะท่านปู่ร้อกกี้ ของท่านวุฒิ Jay ตั้งมูลนิธิเมื่อปี ค.ศ.1913 .....มูลนิธิได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา ..แก้ไขปัญหาโลก บลา บลา........เขียนเสียสวยหรูยาวเหยียด ขี้เกียจอ่านครับ เอาตรงที่เรากำลังขุดคุ้ยดีกว่า

    มูลนิธิบอกว่า ในการฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษของมูลนิธิ เราจะมีการพูดคุยกันในหัวข้อ "Embracing Change , Building Social, Economic and Environment Resilience" การเตรียมรับความเปลี่ยนแปลง โดยการสร้างสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่ถาวร โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิ มีความคิดก้าวหน้า มาพูดคุยกันในหัวข้อดังกล่าว ประมาณ 12 คน ... มีรายชื่อมาด้วยนะ และ 1 ในรายชื่อ ก็คือ Michael Chertoff....

    แบบนี้ Chertoff คงไม่ใช่คนแปลกหน้าในแวดวงของ พวกร้อกกี้ the great และคงไม่น่าจะสนิท อยู่แค่กับคุณหลานเจ ร้อกกี้ งานฉลองครบ 100 ปี ของมูลนิธิที่สำคัญระดับโลก เชิญคนพูดแค่ 12 คน มี Chertoff อยู่หนึ่งใน 12 นี่ถ้าเป็นการทำตลาดให้สินค้าตัวที่ชื่อ Chertoff สินค้านี้ คงมีการตั้งเป้าไว้สูง

    ถัดมา วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ.2014 สื่อชื่อ New America ลงข่าวว่า Michael Chertoff อดีตผู้อำนวยการ Homeland Security บอกว่า ไซเบอร์สเปซ และอินเตอร์เนต นั้น เป็นพื้นที่ของโลก ที่ชาวโลกใช้ร่วมกัน เหมือนท้องทะเล ผืนแผ่นฟ้า และอวกาศ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ควรมีกฏกติกาในการใช้ เพื่อรักษาเสรีภาพในการใช้ ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการป้องกันให้การใช้นั้น มีความมั่นคง และรักษาคุณภาพของข้อมูลกับทุกชาติ ดังนั้นมันควรอยู่ในความดูแลของสหประชาชาติ .... พูดฟังดูดี เหมือนเวลาใครหลอกจะเอาอะไรจากเรา

    มีสื่อสงสัย ....ท่านหัวหน้า Homeland กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันคร้าบ .... ก็ตั้งแต่ Chertoff Group ซื้อกิจการ Coalfire นั่นกระมังคุณสื่อ

    ก่อนหน้าที่ Chertoff จะออกมาพูด เมื่อต้นปี ค.ศ.2014 Chatham House ถังความคิด คู่แฝดซีกอังกฤษของ CFR ก็ออกข่าวมาแล้วว่า Carl Bildt รัฐมนตรี ตปท. ของสวีเดน ก็สนับสนุนความคิดของ Chertoff

    สื่อแย้งอีก .....เอะ ....Carl Bildt เป็นกรรมการที่ปรึกษาของ CFR ไม่ใช่หรือครับ งั้นแฝด Chatham ก็เชียร์กันเองล่ะสิ และสื่อยังแฉอีก.... มันไม่ใช่แค่นั้นนะ ตัวนาย Chertoff เอง ก็เป็นสมาชิก Trilatteral Commission ซึ่งเป็นเครือของ CFR อีกด้วยนะ รู้กันหรือเปล่าคร้าบ.... ผมเพิ่งถึงบางอ้อ ..... ตกลงนี่เขาเล่นกันเป็นวงเลยหรือไง

    แล้วหัวหน้าวงเป็นใครล่ะ.... คงจำกันได้นะครับ เขียนเล่ามาหลายรอบ ในนิทานหลายเรื่อง เขาว่าหัวหน้าใหญ่ของ CFR น่าจะเป็นท่านร้อกกี้ the great เพราะท่านส่งเด็กของท่าน ไปเป็นใหญ่ หรือคุมรัฐบาลทุกสมัย ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกหมาดๆ จนถึงรัฐบาลบุชคนพ่อ ส่วน Trilaterral Commission ก็ตั้งขึ้นมาจากความคิดของท่าน
    ร้อกกี้ the great มีคนใหญ่คนโตบ้านเราเข้าเป็นสมาชิกของเขาด้วย ตอนหลังๆ ข่าว
    ท่านร้อกกี้ ก็เหมือนเงียบๆไป เขาว่าไปผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจถึงดวงที่ 6 แล้ว ผมก็หลงนึกว่าท่านใกล้จะหมดลมเบ่ง ที่ไหนได้ ยังมีแรงเล่น แค่เปลี่ยนเสื่อคลุม เป็นรุ่นใหม่ แต่ใส้ใน สงสัยจะไม่เปลี่ยนแปลง....

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    16 มี.ค. 2559

    หมายเหตุ : เชิญแชร์กันตามสบาย ถ้าไม่ใช่เพื่อการค้า และโปรดให้เครดิตด้วย
    ภาพประกอบจาก google
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,576
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดฯ จับ 14 ผู้ต้องสงสัยเตรียมไปร่วมไอซิสในซีเรีย โดยใช้เส้นทางจากไทย โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 15, 2016

    [​IMG]

    แฟ้มภาพ
    irna – ตำรวจอินโดนีเซียสามารถจับกุมชาวอินโดนีเซีย 14 คน รวมทั้งครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิกห้าคนภรรยาและลูกวัยสามขวบ ทางตะวันตกของกรุงจากาตาร์ โดยทั้งหมดมีการเตรียมการที่จะเข้าไปร่วมสมทบกับไอซิสในซีเรีย

    มุฮัมมัด อิกบาล โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ได้เปิดเผยวันนี้ (14 ) ว่า บุคคลดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปร่วมไอซิสในซีเรีย โดยจะใช้ไทยเป็นเส้นทางในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง

    บุคคลดังกล่าวถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 13 ส่วนรายละเอียดของผู้ถูกจับกุมตัวนั้นทางตำรวจไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด

    สถาบันวิจัยด้านการเมืองกรุงจากาตาร์ เปิดเผยว่า นับจากปลายปีที่ผ่านมาสามารถจับกุมตัวชาวอินโดนีเซีย จำนวน 200 กว่าคน ที่ใช้เส้นทางจากตุรกีเข้าไปยังซีเรีย และบุคคลดังกล่าวถูกส่งตัวกลับยังอินโดนีเซียแล้ว

    การเข้าร่วมของกลุ่มหัวรุนแรงชาวอินโดนีเซียกับไอซิส เป็นประเด็นที่ทางการอินโดนีเซียมีความหวาดกังวลเป็นอย่างมาก และการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและขยายตัวของเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายที่มีความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    อินโดฯ จับ 14 ผู้ต้องสงสัยเตรียมไปร่วมไอซิสในซีเรีย โดยใช้เส้นทางจากไทย | abnewstoday
     

แชร์หน้านี้

Loading...