ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    มหาดไทยอิหร่านเผย ชาวอิหร่านออกมาใช้สิทธิ 34 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 62

    [​IMG]

    sputniknews – อับดุลริฎอ รอฮ์มานี ฟัฏลี รัฐมนตรีมหาดไทยอิหร่าน ออกมาแถลงกรณีผู้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

    การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาอิสลามสมัยที่ 10 และสมาชิกสภาผู้ชำนาญการสมัยที่ 5 มีขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในศูนย์เลือกตั้งหลักและย่อย1063 แห่ง และอีก 53 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ

    sputniknews อ้างจากแหล่งข่าวอิหร่านว่า อับดุลริฎอ รอฮ์มานี ฟัฏลี รัฐมนตรีมหาดไทยอิหร่านออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้มีการนับคะแนนทั้งหมดเกือบจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ในครั้งนี้ชาวอิหร่านออกมาใช้สิทธิ์จำนวน34 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 62 ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมด

    เขากล่าวว่า ชาวกรุงเตหะรานออกมาใช้สิทธิร้อยละ 50 และโดยรวมแล้วผู้ออกมาใช้สิทธิทั่วประเทศประมาณ ร้อยละ 62 ซึ่งถือป็นการมีส่วนร่วมที่ดีมาก

    รัฐมนตรีมหาดไทยอิหร่านย้ำว่าผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะสามารถประกาศได้ภายในวันอังคารที่ 1 มีนาคม

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    มหาดไทยอิหร่านเผย ชาวอิหร่านออกมาใช้สิทธิ 34 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 62 | abnewstoday
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไอซิส “มาเลเซีย” คาร์บอมระเบิดฆ่าตัวตายถล่มนักรบเคิร์ดในซีเรีย โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 1, 2016

    สื่อ mashreghnews ของอิหร่านรายงานว่า ในการปะทะและสู้รบระหว่างกลุ่มชาวเคิรด์ในซีเรียกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส เมื่อวานนี้ได้มีพลเมืองชาวมาเลเซียหนึ่งคน ได้ขับรถยนต์คาร์บอมก่อเหตุโจมตีคาราวานกองกำลังทหารชาวเคิร์ดในซีเรีย

    ตามรายงานของสื่อไอซิสเปิดเผยว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายชาวมาเลเซีย มีชื่อเล่น ว่า “อบู อักกาเชะห์ อัลมาเลเซีย โดยขับรถกระบะบรรทุกวัตถุระเบิดหนักเกือบร้อยกิโลเข้าโจมตีคาราวานกองกำลังทหารชาวเคิร์ดใกล้กับเมือง ซะลูค์ ทางภาคเหนือของเมืองรักกา ซีเรีย

    นับจากเกิดเหตุวิกฤติก่อการร้ายในซีเรีย มีกองกำลังตักฟีรีย์ นับพันคน จาก 84 ประเทศ เข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและอัลกออิดะห์ในซีเรีย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีชาวมาเลเซียประมาณ 800 กว่าคนเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ไอซิส “มาเลเซีย” คาร์บอมระเบิดฆ่าตัวตายถล่มนักรบเคิร์ดในซีเรีย | abnewstoday
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ความวุ่นวายในโลกอาหรับ

    [​IMG]

    สงครามได้ยุติลงเมื่อยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้มักจะไม่มีใครกล่าวถึง สงครามอ่าวเปอร์เซียถือเป็นศึกครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ใช้เวลาการสู้รบประมาณหนึ่งเดือนและการปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินใช้เวลาน้อยกว่า 72 ชั่วโมง

    วันที่ 2 เดือนสิงหาคม ปี 1990 กองกำลังอิรักบุกโจมตีคูเวต และเริ่มการยึดครองคูเวตนานกว่า 5 เดือน จากนั้นมีมติหยุดยิงออกมาจากนานาชาติให้อิรักถอนกองกำลังออกจากคูเวต แต่ความพยายามทางการทูตล้มเหลว และวันที่ 16 มกราคม ปี 1991 การปฏิบัติการสงคราม 43 วัน ภายใต้ชื่อ “พายุทะเลทราย” ก็เริ่มขึ้น

    พันธมิตรนานาชาติกว่า 60 ประเทศเข้าร่วมในการโจมตีอิรักทางอากาศ 24 ธันวาคมประธานาธิบดีของอเมริกาตัดสินใจการรุกคืบภาคพื้นดิน ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้กองกำลังอิรักถอนตัวออกจากคูเวต ภูมิทัศน์ของตะวันออกกลางก็มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคูเวตจะสามารถเยียวยาและรักษาบาดแผลจากสงครามครั้งนี้ได้ แต่สำหรับอิรักนั้นยังคงได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของสงคราม และประชาชนชาวอิรักต้องผจญภัยความโหดเหี้ยมของซัดดัมอยู่ตอดเวลา นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นมันได้ส่งผลกระทบครั้งร้ายแรงในหลายประเทศและในภูมิภาค

    ช่องทีวี “RT” ได้สัมภาษณ์ พลโท อะบู อัลบาน เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพเรืออิรัก จากนั้นได้เข้ามารับตำแหน่งการงานเป็นนักการทูตและมีการเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่กำลังเกิดในแต่ละวันอย่างใกล้ชิด เขากล่าวว่า ในช่วงเวลาที่ซัดดัมฮุสเซนเป็นผู้นำอิรักนั้นเขาจะชักใยให้ไปสู่ความรุนแรงอยู่เสมอ

    พลโท อะบู อัลบาน กล่าวว่า เมื่อเขาได้มีอำนาจ ก็เริ่มก่อสงครามเลือดทันทีกับบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและกลุ่มขบนการในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้นซัดดัมพยายามที่จะเสริมสร้างอำนาจตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น นอกเหนือที่เขาเป็นนายพลแล้วเขาต้องการที่จะเข้าสู่อำนาจในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่และผู้บัญชาการทหารที่สามารถทำการตัดสินใจอะไรทุกอย่างตามที่ต้องการ แม้ว่าเขาจะเป็นรองประธานกรรมการของสภาปฏิวัติ และยังสามารถออกคำสั่งไปยังนายพลอาวุโส เพื่อต้องการมิให้กองกำลังติดอาวุธในอิรักจะผูกขาดอำนาจในวงการทหาร

    เป็นที่เชื่อกันว่ารัฐบาลสหรัฐได้เข้ามาสร้างปัญหาทางทหารในรัฐบาลของซัดดัม แต่สำหรับความเชื่อของ พลโท อะบู อัลบาน มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    “สิ่งที่อเมริกาสนใจคือเขตพื้นที่บ่อน้ำมันเช่นในอ่าวเปอร์เซียและหากพิจารณาจากความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของมันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างชัดเจน นอกจากนั้นอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์คูเวต ด้วยเหตุนี้ความคิดที่ว่าอเมริกาเป็นผู้ให้การสนับสนุนซัดดัมให้บุกคูเวตนั้น ผมไม่เห็นด้วยกับทัศนะดังกล่าว ใช่ที่ เอพริล กลาสพี (April Glaspie) ทูตอเมริกาได้พูดกับซัดดัมว่า “อย่าโจมตี” และในขณะเดียวกันผมแน่ใจว่าเขาไม่ได้ยั่วยุให้โจมตี”

    ตามทัศนะของผู้ให้สัมภาษณ์ผ่านช่องสถานี “RT” เชื่อว่า การที่อิรักบุกโจมตีคูเวต เสมือนเป็นการตอกตะปูโลงศพของอิรักดอกแรก และเป็นก้าวแรกสู่ “การทำลายประชาชนชาวอิรักและแผ่นดินอิรักและอารยะธรรมอิรัก” นอกจากนี้เหตุการณ์ในปีที่ผ่านมานั้นมันได้บ่อนทำลายโลกอาหรับมากพอแล้ว ในสมาชิกชาติอาหรับก็เกิดความแตกแยก บทบาทและอิทธิพลของประเทศอาหรับในโลกก็ค่อยๆลดลง นอกเหนือจากนั้นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงก็เริ่มเคลื่อนไหว ถัดจากนั้นหลายปีก็เกิดปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง” และเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในเยเมนขึ้นมา

    ทั้งหมดนี้ไม่เกิดมาจากสิ่งอื่นใดแต่เป็นผลที่ตามมาจากสงครามในคูเวต ตอนนี้ลองคิดดูว่าชาติอาหรับได้พบปะกับยิวไซออนิสต์ พบปะกับศัตรูของศาสนาอิสลาม พบปะและประชุมกับชาติยุโรปเกี่ยวกับวิธีการฆ่าชาวอาหรับและชาวมุสลิมในอิรัก และสิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือทางอุลามาอ์แห่งราชสำนักของซาอุดิอาระเบีย และแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยอัซฮัร (Al-Azhar) ในอียิปต์ ที่ออกคำฟัตวา (คำวินิจฉัย) อย่างเป็นทางการที่อนุญาตให้สังหารและฆ่าทหารอิรัก ซีเรียและอียิปต์ สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้นในวันนี้จึงไม่เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใดหากกองกำลังทหารซีเรียทำสงครามกับกองกำลังทหารอิรัก ซึ่งโศกนาฏกรรมเหล่านี้เกิดจากผลของสงครามที่เกิดขึ้นในอ่าวเปอร์เซีย

    ในหลายปีก่อนอิรักต้องสูญเสียพลเมืองของตนมากเท่าใด ? วันนี้ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนและแน่ชัด อาจจะมีจำนวน 20,000 -35,000 คน หรือจะ 100,000-200,000 คนก็เป็นได้ ตามที่สถิติจากรัฐบาลซัดดัมนั้นผลจากการทิ้งระเบิดโดยอเมริกาทำให้พลเรือนถูกสังหาร มากกว่า 2,200 คน

    กองกำลังอิรักได้สังหารพลเรือนคูเวตมากกว่าหนึ่งพันคน และพลเรือนคูเวตอีกหลายร้อยคนสูญหายไป ส่วนทหารได้เสยชีวิตจำนวนสี่พันกว่าคน โครงสร้างพื้นฐานทางทหารของประเทศได้รับความเสียหายร้อยละ 90

    ในปี 1990 นานาชาติทำการคว่ำบาตรกรุงแบกแดด และดำเนินการคว่ำบาตรต่อเนื่องจนกระทั้งปี 2003 หลังจากการล่มสลายของระบอบการปกครองของซัดดัมฮุสเซน ซึ่งเป็นการคว่ำบาตรการทำธุรกิจกับแบกแดด ยกเว้นสินค้าด้านมนุษยธรรม และการคว่ำบาตรครั้งนั้นทำให้ อัตราความยากจนและการขาดสารอาหารและอัตราเงินเฟ้อในอิรักที่เพิ่มสูงขึ้น

    ที่มา sputniknews


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่


    ความวุ่นวายในโลกอาหรับ | abnewstoday
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    คูเวตไล่ชาวซีเรียนับสิบคนออกจากประเทศ ข้อหาถือหนังสือ เดินทางปลอม

    [​IMG]

    Alalam – ทางการคูเวตได้ไล่ชาวซีเรียนับสิบคนที่พำนักอาศัยในประเทศไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในข้อหาถือหนังสือเดินทางปลอม แต่เอมิเรสต์ก็ไม่รับและส่งชาวซีเรียดังกล่าวกลับไปยังคูเวต

    เจ้าหน้าที่สนามบินคูเวตเผยว่า จากการอาศัยเครื่องมือทันสมัยในสนามบินคูเวต สามารถตรวจสอบหนังสือเดินทางปลอมชาวซีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    เว็บไซด์ อัลวะฏัน เผยว่า ตามข้อมูลที่ได้รับรายงานว่า ในจำนวนดังกล่าว มีบางคนได้เดินทางไปยังเอมิเรสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่เมื่อกลับมาถึงสนามบินคูเวต กลับถูกไล่ไม่ให้เข้าประเทศ ขณะที่หนังสือเดินทางของพวกนั้นบางคนทำในกรุงดามัสกัสหรือบางคนทำในสถานทูตซีเรียประจำคูเวต

    เว็บไซด์ อัลวะฏัน เผยว่า บางคนที่ถูกไล่ออกและไม่ให้เข้าประเทศนั้น เป็นพลเมืองซีเรียที่พำนักอาศัยและทำงานในคูเวตเป็นสิบๆปี ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกิจการการเมือง

    สมาชิกสภาของคูเวตบางคน และบุคคลที่มีชื่อเสียงของคูเวต และแม้แต่เจ้าหน้าที่ของสถานทูตซีเรียในคูเวต พยายามช่วยเหลือแต่ก็ไม่ได้ผล

    อับดุลฮามีด ดัชตี บุคคลผู้มีชื่อเสียงได้ร้องขอจากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยคูเวตให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    คูเวตไล่ชาวซีเรียนับสิบคนออกจากประเทศ ข้อหาถือหนังสือเดินทางปลอม | abnewstoday
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รอยแยก San Andreas คาดคะเนว่าจะเปลี่ยนแปลง? ได้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ปล่อยออกสู่บรรยากาศอย่างไม่เคยเกิดมาก่อน ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ : ข่าววันที่ 1 มีนาคม 2016

    [​IMG]

    แก๊สจาก หุบเขาAliso ได้พวยพุ่งออกสู่บรรยากาศ ซึ่งได้เกิดการรั่วไหลของก๊าซมีเทนปริมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยมีปริมาณการปล่อยแก๊สกว่า 90,000 ตัน (100,000 ตัน) ของก๊าซในอากาศ

    มันได้เรอ(สำรอกควัน/แก๊ส) ก๊าซมีเทนสู่ท้องฟ้า เหนือ Los Angeles เป็นเวลา 16 สัปดาห์ จนมันได้หยุดลง ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ตอนนี้ได้เกิดความ กังวลใหม่ เกี่ยวกับความยืดยาว/ถ่างกว้างขึ้นของรอยแยก San Andreas และ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ได้เกิด ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด จำนวนมหาศาลของ์ รั่วไหลออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ ตามแนวชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา ดูด้านบน ... มันปริมาณของก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ซึ่งทำให้แปลกประหลาดใจ

    เป็นที่เข้าใจกันดีว่าจำนวนมากของก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์จะถูกปล่อยออกสู่บรรยากาศก่อนการเกิดแผ่นดินไหว แต่จำนวนของการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ใน 27 กุมภาพันธ์คือเท่าที่ผมสามารถบอกได้มีปริมาณมากเป็นประวัติการณ์ ณ วันนี้มากที่สุดของแก๊สคาร์บอนมอนออกไซด์ได้กระจัดกระจายไป แต่ปริมาณแก๊สจำนวนมากยังคงอยู่

    จากภาพ

    การปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ซึ่งอาจเป็นข้อบ่งชี้ของการสั่นสะเทือนที่สำคัญใกล้เข้ามาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆกับรอยแยก San Andreas

    รอยแยกซานเดรียความผิดเป็นรอยแยกที่เคลื่อตัวของทวีป ที่มีความยาวประมาณ 1,300 กิโลเมตร (810 ไมล์) ผ่านแคลิฟอร์เนีย
    มันเป็นเขตแดนระหว่างเปลือกโลกแผ่นแปซิฟิกและแผ่นอเมริกาเหนือ และการเคลื่อนไหวของมันคือขวา-ด้านข้าง-ตีลื่น (แนวนอน)
    ความผิดแบ่งออกเป็นสามส่วนแต่ละส่วนมีลักษณะที่แตกต่างกันและระดับความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวที่แตกต่างกัน ส่วนที่สำคัญที่สุด เป็นส่วนภาคใต้ซึ่งผ่านภายในระนะประมาณ 35 ไมล์ของ Los Angeles

    Wikipepia ได้บอกว่า คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นที่รู้จักกันเป็นฆาตกรเงียบที่ไม่มีกลิ่นและทำให้เกิดการตายภายในไม่กี่นาที และมีเรื่องที่น่าสนใจ คือได้ทราบว่าคาร์บอนมอนอกไซด์ได้รั่วไหลลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งอาจทำให้หลายชีวิตทางทะเลตายลง ซึ่งมีผลกระทบต่อ ชายฝั่งตะวันตก

    ภาพจาก. The Big Wobble : Is the San Andreas Fault about to shift? Unprecedented amounts of Carbon Monoxide released into the atmoshphere along the West coast of the US

    https://4.bp.blogspot.com/-deaX7f6Zqg0/VtVaFWzUzSI/AAAAAAAAbPE/X4I1laXlWZw/s1600/Untitled.jpg

    รายงานฉบับเต็ม
    Is the San Andreas Fault about to shift? Unprecedented amounts of Carbon Monoxide released into the atmoshphere along the West coast of the US

    แปลจาก
    Is the San Andreas Fault about to shift? Unprecedented amounts of Carbon Monoxide released into the atmoshphere along the West coast of the US
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse

    เมื่อวันที่28 กุมภาพันธ์ 2559 รัฐบาลสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ได้สนับสนุนการซักซ้อมกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในบริเวณแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ

    การวางแผนและการเตรียมความพร้อมสำหรับขนาดใหญ่ล้านแผ่นดินไหวใหญ่ระดับ mega ในภูมิภาค

    Yesterday, February 28, a large US Government sponsored drill took place in the Pacific Northwest.

    Planning and preparing for a large mega-quake in the region.

    Nearly 6,000 emergency, military personnel to conduct PNW megaquake exercise | The Seattle Times
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผมว่ารัฐอิสลามที่ว่านี้คือรัฐอิสลามของพวกสุดโต่ง ไอเอส ! พยายามขอปลดแอกปัตตานี ต่อไปก็ขยายดินแดนเพิ่มขึ้น- รัฐบาลมาเลเซียออกมายอมรับแล้วว่า กำลังมีการตั้งรัฐอิสลามที่ประกอบไปด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยคลุมพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนสิ้นสุดชายแดนทางใต้ของไทย + มาเลเซีย + สิงคโปร์ + บรูไน + อินโดนีเซีย + ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ + ภาคเหนือของออสเตรเลีย

    มาเลเซียยอมรับแล้วว่ามีการตั้งรัฐอิสลาม
    โดย คุณนิติ นวรัตน์ 7 ก.ค. 2558 05:01

    09.00-12.00 น. ของอังคารวันนี้ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเตรียมความพร้อมขององค์กรปกครองท้องถิ่นเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน” รับใช้ ข้าราชการท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งนักบริหารงานช่างที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี

    30 มิถุนายน 2558 ศาลสูงมาเลเซียพิพากษาจำคุกนายมูรัด ฮาลิมมุดดิน อายุ 49 ปี และนายอาบู ดาอุด อายุ 25 ปี เป็นเวลา 18 ปี และ 12 ปี ตามลำดับ หลังจากที่ทั้งคู่สารภาพว่า ได้ดำเนินการวางแผนปฏิบัติการต่างๆ ในมาเลเซียดังนี้ 1.ตั้งรัฐอิสลาม 2.ลักพาตัวนักการเมือง 3.โจมตีค่ายทหารเพื่อปล้นอาวุธปืน และ 4.ล้มล้างรัฐบาล

    นายมูรัด ฮาลิมมุดดิน ไปร่วมรบกับกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอสในซีเรีย เวลา 4 เดือน และเดินทางกลับเมื่อเดือนธันวาคม 2557 นอกจากนั้น ยังเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่มฟิซาบิลิลลาห์ ทางการมาเลเซียยังจับกุมสมาชิกของกลุ่มฟิซาบิลิลลาห์ 4 คน เมื่อเดือนเมษายน 2558 ข้อหาฝักใฝ่การก่อตั้งกองกำลังรัฐอิสลาม

    ตัวเลขอย่างเป็นทางการของรัฐบาลมาเลเซีย มีชาวมาเลเซียเตรียมเดินทางไปร่วมรบกับไอเอสในอิรักและซีเรีย 108 คน ที่ไปแล้วจริงๆ 63 คน เสียชีวิตแล้ว 11 คน

    และบัดนี้ รัฐบาลของมาเลเซียยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วว่า มีการวางแผนตั้งรัฐอิสลามในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

    ผู้เขียนคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกเป็นผู้เปิดเผยคนแรกว่า จะมีการตั้ง “สาธารณรัฐอิสลาม” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคลุมพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนสิ้นสุดชายแดนทางใต้ของไทย + มาเลเซีย + สิงคโปร์ + บรูไน + อินโดนีเซีย + ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ + ภาคเหนือของออสเตรเลีย

    ไม่ใช่เพิ่งมาเขียนเมื่อกองกำลังรัฐอิสลามดังเมื่อ พ.ศ. 2557 นะครับ แต่เริ่มแพลมข้อมูลตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ทั้งเขียนทั้งพูดมาเรื่อยๆ เป็นระยะ คนที่พูดเป็นคนที่ 2 ต่อจากคนเขียนคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลกก็คือ นางกลอเรีย อาโรโย ตอนที่ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ส่วนคนที่ 3 ที่พูดถึงก็คือ รัฐบาลออสเตรเลีย ซึ่งสนใจถึงขนาดจัดให้มีการเรียนชั้นดุษฎีบัณฑิตทางด้านสาธารณรัฐอิสลามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    หลายครั้งที่พ่อผมไปพูดเรื่องนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงของไทย มักจะถูกคัดค้านทันที ระหว่างที่เรียนวิทยาลัยการทัพบก หลักสูตรหลักประจำชุดที่ 51 เมื่อสิบกว่าปีก่อน หรือเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ก็จะมีเพื่อนรักร่วมรุ่นบางคนมาเตือนว่า เพื่อนอย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย เราคิดว่ามันไม่มีจริงดอก แต่พ่อก็ยังพูดยังเขียนอยู่เรื่อยๆ และก็ยังพูดแนะนำเพื่อนๆ นายทหาร นายตำรวจ และพวกที่ดูแลเกี่ยวกับความมั่นคงชั้นสูงว่า ขอให้เพื่อนเจียดเวลามาสนใจเรื่องกองกำลังรัฐอิสลามกันบ้างนะเพื่อน

    18 ปีที่เขียนที่พูดเรื่องสาธารณรัฐอิสลาม โดยถูกหัวเราะเยาะเย้ยหยันด้วยความดูหมิ่นถิ่นแคลน แล้วตอนนี้เป็นยังไงครับ ท่านดูในย่อหน้าที่ 2 ของคอลัมน์วันนี้ก็ได้ ว่าศาลสูงของมาเลเซียตัดสินจำคุกนายมูรัด ฮาลิมมุดดิน และนายอาบู ดาอุด ในข้อหาอะไร?

    ขออนุญาตเรียนเขียนซ้ำย้ำอีกรอบหนึ่งก็ได้ ว่าศาลสูงตัดสินจำคุกสองคนนั่น ในข้อหาได้ดำเนินการวางแผนตั้งรัฐอิสลามในมาเลเซีย

    และยังไงต่อครับ ตอนนี้รัฐบาลมาเลเซียออกมายอมรับแล้วว่า กำลังมีการตั้งรัฐอิสลามที่ประกอบไปด้วย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

    เวลาของหน่วยงานความมั่นคงของบางประเทศหายไปเกินสิบปี โดยที่สะสมข้อมูลเบื้องลึกของสาธารณรัฐอิสลามเอาไว้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

    ขอเรียนนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อเรื่องที่ว่าไม่มีคนไทยไปเข้าร่วมรบในกองกำลังรัฐอิสลาม เพราะอาจจะมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ถือหนังสือเดินทาง 2 เล่ม ถือของประเทศไทยและของมาเลเซียในเวลาเดียวกันก็ได้ กำลังทำหน้าที่นี้อยู่ก็ได้

    ตัวเลขอย่างเป็นทางการของฝ่ายตะวันตกเปิดเผยออกมาแล้วนะครับว่า พวกที่เข้าไปร่วมรบกับกองกำลังรัฐอิสลามมากที่สุด เป็นพลเมืองของประเทศที่เป็นสมาชิกขององค์การความร่วมมือซ่างไห่ ซึ่งมีรัสเซีย จีน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กิซ และคาซัคสถาน

    และปัจจุบัน ข้อมูลของฝ่ายตะวันตกบอกว่า ปัจจุบันกองกำลังรัฐอิสลามมีกำลังพล 70,000 คน ผู้ที่ศึกษาเบื้องลึกทางด้านนี้บอกว่า ในความเป็นจริง น่าจะมีมากกว่านั้นเยอะ

    ขอเรียนท่านทั้งหลายว่าอย่าตกอยู่ในความประมาท สงครามที่ท่านกำลังจะเผชิญในอนาคตอันใกล้และที่ท่านและผมอาจจะต้องเกี่ยวดองหนองยุ่งต่อเนื่องไปอีกนานนั้น ไม่ใช่การลากรถถังมายิงกัน หรือการเอาเรือดำน้ำมาแล่นชนกัน

    แต่เป็นสงครามการก่อการร้ายที่มีทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น

    ลองเงยหน้าขึ้นสิครับ คนที่นั่งอยู่ข้างหน้าท่าน อาจจะเป็นสมาชิกคนสำคัญของกองกำลังรัฐอิสลามก็ได้.

    คุณนิติ นวรัตน์
    songlok@outlook.co.th
    Under Construction
    www.facebook.com/nitipoom.thailand

    มาเลเซียยอมรับแล้วว่ามีการตั้งรัฐอิสลาม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    อังกฤษยอมรับว่าการทิ้งระเบิดในซีเรียไม่ได้ทำร้ายดาอิช และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากที่กบฏซีเรียหันมาร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาลในการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายในซีเรีย

    [​IMG]

    -----------
    วันที่ 1 มี.ค.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ความมือแบบซับซ้อน: อังกฤษยอมรับว่าการโจมตีทางอากาศในซีเรียไม่ได้ทำร้ายผู้ก่อการร้ายดาอิชเลย" (Complicated Cooperation: UK Admits Airstrikes in Syria Aren't Hurting Daesh)
    [กรรม! ก่อนหน้านี้นายกฯคาเมรอนของอังกฤษพยายามขอให้สภาอนุมัติให้อังกฤษส่งเครื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิดในซีเรียและอิรัคอ้างว่าเพื่อปราบปรามไอซิส แต่หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษอนุมัติเมื่อปลายปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ไงผลกลับกลายเป็นแบบนี้หละนี่? - ผู้แปล]
    นาย Michael Fallon รมว.กลาโหมของอังกฤษกล่าวกับสภาผู้แทนฯ (House of Commons) ของในอังกฤษว่า ในขณะที่กระบวนการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอิรัคกำลังดำเนินไปด้วยดี สถานการณ์ในซีเรียกลับ "ซับซ้อน" เนื่องจากความร่วมมือระหว่างพวกนักรบฝ่ายกบฏกับรัฐบาลซีเรีย
    "พวกผู้ก่อการร้ายดาอิชในอิรัคกำลังถูกผลักดันให้ถอยกลับ ไม่มีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น - พวกเขากำลังถูกผลักไปที่เมือง Tigris และกำลังถอยกลับไปทางตะวันตกตามแม่น้ำ Euphrates" นาย Michael Fallon กล่าวกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ
    นาย Michael Fallon กล่าวต่ออีกว่า "ในซีเรียนั้น สถานการณ์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และพวกเราก็เป็นกังวลใจกับรายงานเมื่อเร็วๆนี้บางฉบับที่อาจจะก่อให้เกิดการประสานงานกันระหว่างกองกำลังฝ่ายประชาธิปไตยในซีเรียและฝ่ายรัฐบาลอัสซาด ซึ่งจะไม่มีประโยชน์ในระยะยาวในการเอาชนะพวกผู้ก่อการร้ายดาอิช"
    นาย Michael Fallon กล่าวว่า "ดาอิชถอยหลังกลับในอิรัค แต่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย และผม...ก็รู้สึกเป็นกังวลใจเป็นที่สุดเกี่ยวกับการแพร่กระจายของดาอิช ตามแนวชายฝั่งของลิเบียด้วย"
    [เอาง่ายๆนะครับคุณ Fallon เดิมทีพวกกบฏซีเรียและผู้ก่อการร้ายดาอิชจับมือกันโจมตีกองทัพฝ่ายรัฐบาลซีเรียจนเกือบจะยึดประเทศซีเรียได้ทั้งหมดอยู่แล้ว พอรัสเซียเข้าไปช่วยฝ่ายรัฐบาลซีเรีย กลับสามารถพลิกเกมได้ฝ่ายที่ถอยและถูกโจมตีกลับและสูญเสียอย่างหนักก็คือฝ่ายกบฏและดาอิช ต่อจากนั้นฝ่ายกบฏซีเรียบางส่วนก็หันมาร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาล และบางส่วนก็ยอมวางอาวุธเข้ามอบตัวกับฝ่ายรัฐบาลด้วย เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลประกาศว่าจะนิรโทษกรรมให้กับฝ่ายกบฏ
    ผลก็ปรากฏว่าฝ่ายต่อต้านผู้ก่อการร้ายมีกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีแต่ฝ่ายรัฐบาลและกองกำลังชาวเคิร์ด YPG เท่านั้น ก็ได้ฝ่ายกบฏซีเรีย (บางส่วน) เข้ามาเสริมอีกแรงหนึ่งตรงนี้ไม่ดีอย่างไร? ทำไมอังกฤษถึงได้แสดงความกังวลต่อความเข้มแข็งของกองกำลังฝ่ายปราบปรามดาอิชที่เพิ่มมากขึ้น? ถ้าอังกฤษแสดงความกังวลแบบนี้ งั้นอังกฤษจะร่วมมือกับสหรัฐฯและฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆในกองกำลังพันธมิตรต่อต้านผู้ก่อการร้ายทำแป๊ะอะไรครับ? ดูเหมือนว่ายิ่งนับวันตรรกะของพวกนักการเมืองฝั่งตะวันตกยิ่งมีความสับสนและวิบัติมากขึ้นเรื่อยๆ
    จริงๆแล้วที่นาย Fallon กังวลนั้นไม่ใช่ดาอิชรุกคืบในซีเรีย เพราะว่าความเป็นจริงแล้วดาอิชในซีเรียเจอรัสเซียและพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลซีเรียถล่มหนักยิ่งกว่าในอิรัคซะอีก ที่นาย Fallon กังวลนั้นก็คือกลัวว่าดาอิชจะพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายรัฐบาลซีเรีย และกลัวว่าความร่วมมือกันระหว่างฝ่ายกบฏและฝ่ายรัฐบาลซีเรียจะนำมาซึ่งความปรองดองและสันติภาพในซีเรียต่างหาก ซึ่งจะทำให้สงครามในซีเรียต้องมีอันยุติไปในที่สุด และความฝันที่จะแบ่งแยกประเทศซีเรียหรือหากินกับสงครามแบบนั้นของฝั่งตะวันตกก็จะถูกทำลายไปในที่สุดต่างหาก - ผู้แปล]
    + อังกฤษมองว่าความร่วมมือความร่วมมือระหว่างชาวเคิร์ดและกรุงดามัสกัสเป็นสิ่งที่รบกวนใจเป็นอย่างยิ่ง (UK: Kurdish Cooperation With Damascus 'Disturbing')
    ------------
    การแสดงความคิดเห็นของ Fallon เป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของนาย Philip Hammond รมว.ต่างประเทศของอังกฤษ ที่ออมาวิพากษ์วิจารณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งกล่าวว่า "มีหลักฐานที่น่ารบกวนใจเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด รัฐบาลซีเรีย และกองทัพรัสเซียในภาคเหนือของซีเรีย"
    รมว.ต่างประเทศของอังกฤษกล่าวว่า "สิ่งที่พวกเราเห็นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็คือหลักฐานที่น่ารบกวนใจมากเกี่ยวกับการประสานงานกันระหว่างกองกำลังชาวเคิร์ด รัฐบาลซีเรีย และกองทัพอากาศของรัสเซีย ซึ่งทำให้พวกเรารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของชาวเคิร์ดทั้งหมดในเรื่องนี้"
    นาย Hammond ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นของเขาในเรื่องนี้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ได้ชี้ให้เห็นว่า ชาวเคิร์ดเป็นหนึ่งในความพยายามและพันธมิตรที่มีค่าที่สุดของตะวันตกบนภาคพื้นดินในซีเรียและอิรัค ซึ่งทำงานควบคู่ไปกับกองกำลังพันธมิตรนานาชาตินำโดยสหรัฐฯ รวมทั้งรัสเซียและกองกำลังฝ่ายรัฐบาลด้วย
    [เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาวโลกเป็นอย่างมากที่นักการเมืองระดับสูงในรัฐบาลของอังกฤษออกมาแสดงความกังวลใจและอาการกระวนกระวายใจที่เห็นชาวเคิร์ดร่วมมือกับฝ่ายรัฐบาลซีเรียและรัสเซียในการต่อต้านขบวนการก่อการร้ายดาอิชในอิรัคและซีเรีย แต่ทั้งนาย Fallon รมว.กลาโหมและนาย Hammond รมว.ต่างประเทศของอังกฤษกลับแสดงท่าทีกังวลหรือไม่สะบายใจที่กองกำลังชาวเคิร์ด YPG ถูกกองทัพตุรกียิงถล่มข้ามชายแดนตุรกี-ซีเรียเข้ามาในพื้นที่ของซีเรีย ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากมาย
    อังกฤษไม่แสดงความกังวลที่ตุรกีรุกรานอธิปไตยของอิรัค และซีเรีย แต่อังกฤษกลับตกใจและกังวลที่เคิร์ด รัฐบาลซีเรีย กบฏซีเรีย และกองทัพรัสเซียร่วมมือกันถล่มขบวนการก่อการร้ายไอซิสซะงั้น ก็อยากจะถามว่า "เป็นควายอะไรของคุณครับคุณ Hammond และคุณ Fallon?" - ผู้แปล]
    + ผลกระทบจากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษมีข้อจำกัด (Impact of British Airstrikes Limited)
    -----------
    รายงานข่าวบอกว่า การยอมรับว่าการแทรกแซงของอังกฤษไม่ได้มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ (a significant impact) ต่อผู้ก่อการร้ายดาอิชในซีเรียได้เพิ่มความน่าอับอาย (embarrassment) ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมให้กับอังกฤษ หลังจากที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนได้ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า การขยายการโจมตีทางอากาศต่อต้านดาอิชในซีเรียจะเป็นกลยุทธแบบ "cut off the snake's head" [ตัดหัวงูของอังกฤษต่างหากหละมั๊งครับท่านนายกฯ - ผู้แปล]
    แม้ว่าการอ้างว่าการแทรกแซงของอังกฤษจะเป็น "การพลิกเกม" (a game changer) ในการต่อสู้กับพวกดาอิชในเซียก็ตาม แต่ภายใต้กฎหมายเสรีภาพของการเข้าถึงข้อมูล (Freedom of Information (FoI)) ที่สำนักข่าว Huffington Post ได้ยื่นขอจากฝ่ายรัฐบาลอังกฤษเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เปิดเผยแล้วว่า มีผู้ก่อการร้ายจำนวนเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่ถูกสังหารด้วยระเบิดของอังกฤษ [ฮิ้วววววว "ขอบคุณที่ซ้ำเติม จุดเดิมที่เคยเจ็บ..." คุณคาเมรอนคงจะไม่เคยได้ฟังเพลงนี้อ่ะ - ผู้แปล]
    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า การเปิดเผยข้อมูลครั้งล่าสุดนี้ยังดูเหมือนว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของ Jeremy Corbyn ผู้นำฝ่ายค้านของอังกฤษที่รณรงค์ต่อต้านการทิ้งระเบิดของอังกฤษใส่เป้าหมายในซีเรีย ซึ่งกล่าวว่า มันก็เท่ากับว่าเป็นการแทรกแซงแบบบุ่มบ่ามและอ่อนหัดอีกครั้งหนึ่ง
    เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา นาย Corbyn ได้กล่าวว่า "ไม่ว่ามันจะเป็นการขาดกลยุทธ์ที่คุ้มค่าที่จะเอ่ยนาม การขาดแคลนกองกำลังภาคพื้นดินที่น่าเชื่อถือ ไร้แผนการด้านการทูตในการยุติปัญหาในซีเรีย ความล้มเหลวในการแก้ไขผลกระทบต่อภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้าย หรือวิกฤตผู้ลี้ภัย และความสูญเสียในส่วนของพลเรือน มันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นอีกว่า ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีสำหรับการดำเนินการทางทหาร (ในซีเรียแลอิรัค) นั้นไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย (stack up) แม้แต่นิดเดียว"
    [จริงๆแล้ว ทั้งอังกฤษ สหรัฐฯและพันธมิตรนั้น ไม่ได้ต้องการที่จะให้สงครามยุติเลย สิ่งที่พวกนี้ต้องการก็คือการเลี้ยงสงครามต่างหาก เพราะว่ายิ่งมีสงครามอยู่เรื่อยๆ ก็หมายถึงว่าประเทศพวกนี้จะยิ่งทำกำไรจากการค้าอาวุธสงครามได้เรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่กำลังสร้างความกังวลใจให้กับนักการเมืองของอังกฤษในเวลานี้ก็คือ กลัวว่าสงครามในซีเรียและจะยุติลงต่างหาก
    การที่นักการเมืองของอังกฤษออกมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ เราได้เจอสไตล์การเขียนข่าวจากสื่อฯกระแสหลักระบอกเสียงของรัฐบาลอังกฤษและตะวันตกอยู่บ่อย จะบอกว่าเป็นเอกลักษณ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็คือ "การบิดประเด็น" ไปพูดเรื่องอื่นเพื่อกลบเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้าในความล้มเหลวของคนเอง แต่ชิ่งไปกล่าวหาหรือโทษคนอื่นแทน ไม่มีอะไรมาก ก็แค่บทกระล่อนไปวันๆ ตามสไตล์ "ผู้ดีอังกฤษ" ขนานแท้นั่นแหละครับ เพราะอะไรถึงมองอย่างนั้น ก็เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงในซีเรียนั้น มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่นักการเมืองเหล่านั้นพูดนะสิครับ - ผู้แปล]
    อ้อ… วันที่ 29 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เสียงแห่งความเงียบ: ชีวิตกลับสู่ปรกติในซีเรียหลังการหยุดยิง" (The Sound of Silence: Life Returns to Normal in Syria as Ceasefire Holds)
    นิตยสาร Der Spiegel ของเยอรมันเขียนว่า "ในหลายภาคส่วนของซีเรีย ประชาชนสามารถกลับเข้าไปยึดครองถนนหนทางต่างๆได้อีกครั้ง สำหรับชาวบ้านแล้วข้อตกลงหยุดยิงทำให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตตามปรกติได้" (สำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสก็รายงานข่าวนี้ด้วย)
    สื่อฯเยอรมันอ้างคำพูดของ Backer Abu Omar วัย 45 ปีในซีเรียว่า "มีบางอย่างแปลกๆในการหยุดยิงในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยนอนหลับและสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่"
    [เรื่องแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ใช่ไหมที่ รมว.กลาโหมและรมว.ต่างประเทศของอังกฤษแสดงความกังวลใจว่าจะเกิดขึ้นในซีเรีย ถ้าสันติภาพเกิดขึ้นในซีเรียนี่ อังกฤษจะรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าซีเรียถูกทำลายให้ย่อยยับไปกว่านี้เหมือนกับสภาพเมือง Kobani ติดกับชายแดนของตุรกีที่ถูกเครื่องบินรบของพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯถล่มจนไม่เหลือซากตั้งแต่ปี 2014 ประชาชนพากันหนีตายไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและอพยพไปอยู่ในต่างประเทศหลายล้านคน แบบนี้ท่านรัฐมนตรีทั้งสองท่านของอังกฤษคงจะสบายใจสินะ กรรม! ถ้าอังกฤษเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้ากับตัวเอง นักการเมืองของอังกฤษทั้งสองคนนี้จะรู้สึกอย่างไรนะ? - ผู้แปล]
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    02/03/2559

    ภาพ เสียงแห่งความเงียบl'[ : ชีวิตกลับสู่ปกติในซีเรีย เมื่อเกิดการหยุดยิง (The Sound of Silence: Life Returns to Normal in Syria as Ceasefire Holds) โดย © AP Photo/ Hassan Ammar

    The Sound of Silence: Life Returns to Normal in Syria as Ceasefire Holds

    ----------
    Complicated Cooperation: UK Admits Airstrikes in Syria Aren't Hurting Daesh
    The Sound of Silence: Life Returns to Normal in Syria as Ceasefire Holds
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “เมก้า พลาซ่า” ปรับแผนตลาด รับผู้ค้าสะพานเหล็กแห่ยึดทำเล
    โดย MGR Online 1 มีนาคม 2559 22:09 น.


    ผู้จัดการรายวัน 360 - “เมก้า พลาซ่า” บรรลุจุดยืนแหล่งรวมการค้า “สะพานเหล็ก-พาหุรัด-สำเพ็ง” หลังรัฐบาลจัดระเบียบสะพานเหล็ก ส่งผลผู้ค้าย่านสะพานเหล็กข้ามฝั่งเข้าใช้พื้นที่สานต่อธุรกิจรวมกว่า 800 ร้านค้า ดันยอดลูกค้าเข้าใช้บริการพุ่งถึง 9 หมื่นคนในวันเสาร์-อาทิตย์ เบื้องต้นใช้งบฯ 10 ล้านบาทสร้างกระแสรับรู้สู่ผู้บริโภคผ่านกิจกรรมต่างๆ กว่า 10 รายการ คาดปี 59 รายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 120 ล้านบาท

    นายวัลลภ กมลวิศิษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท บวรพงศ์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้า “เมก้า พลาซ่า” สะพานเหล็ก เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลจัดระเบียบการค้าย่านสะพานเหล็กเพื่อปรับภูมิทัศน์ให้มีความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเดือน ต.ค. 58 นั้น ปรากฏว่าผู้ประกอบการค้าจำนวนมากได้ย้ายทำเลมาซื้อและเช่าพื้นที่ของ “เมก้า พลาซ่า” เพื่อดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง โดยยังคงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นจำนวนมากเช่นเดิม สอดรับกับวัตถุประสงค์ของ “เมก้า พลาซ่า” ที่ต้องการสร้างจุดยืนการเป็นแหล่งรวมสินค้าขายปลีกและส่งของ 3 ย่านการค้าสำคัญในกรุงเทพฯ ได้แก่ สะพานเหล็ก พาหุรัด และสำเพ็ง

    การเข้ามาใช้พื้นที่ธุรกิจของผู้ประกอบการค้าย่านสะพานเหล็ก ส่งผลให้ “เมก้า พลาซ่า” เป็นศูนย์รวมของเล่นและของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยจำนวนผู้ค้ามากกว่า 800 ร้าน ส่งผลให้มีลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในศูนย์การค้าฯ มากถึง 3-5 หมื่นคนต่อวันในวันจันทร์-ศุกร์ และเพิ่มเป็น 9 หมื่นคนในวันเสาร์-อาทิตย์ โดยคาดว่าในปี 2559 ศูนย์การค้าฯ จะมีรายได้ประมาณ 120 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 ที่มีเพียง 60 ล้านบาท ขณะที่มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2 หมื่นคน

    ปัจจุบัน “เมก้า พลาซ่า” แบ่งพื้นที่ขายขาด 20% และให้เช่า 80% โดยปัจจุบันมีสัดส่วนร้านค้าประเภทของเล่น ของสะสม โมเดลหุ่นยนต์ แผ่นเกม และอื่นๆ ประมาณ 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ กล้องถ่ายรูป จิวเวลรี และศูนย์อาหาร โดยจุดเด่นของศูนย์การค้าฯ คือราคาค่าเช่ารวมค่าส่วนกลางซึ่งถูกที่สุดในย่านนี้ด้วยราคาตารางเมตรละ 800 บาท ขณะที่ราคาเฉลี่ยในย่านนี้ประมาณ 2 พันบาท

    “จากการตอบรับของผู้ประกอบการค้าย่านสะพานเหล็กเดิม บริษัทฯ จึงใช้งบประมาณการตลาดเบื้องต้น 10 ล้านบาทในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมการขายให้ผู้ซื้อและเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าฯ โดยจะเน้นสร้างกระแสการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้ทราบว่าธุรกิจการค้าสะพานเหล็กยังคงมีอยู่ เพียงแต่ได้ย้ายฝั่งมายัง เมก้า พลาซ่า แล้ว โดยยังจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ประมาณ 10 กิจกรรม เช่น การประกวดเต้นคัฟเวอร์แดนซ์ การประกวดแต่งกายคอสเพลย์ การจัดเทศกาลของเล่น การแข่งรถทามิย่า และอื่นๆ โดยจะเน้นช่องทางบีโลว์เดอะไลน์ และออนไลน์เป็นหลัก”

    อนึ่ง “เมก้า พลาซ่า” ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกสะพานเหล็ก (เมอร์รี่คิงส์ วังบูรพา) เป็นอาคาร 6 ชั้น บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ใช้สอย 1.2 หมื่น ตร.ม. พร้อมที่จอดรถ 300 คัน โดย บริษัท บวรพงศ์ จำกัด ใช้งบประมาณ 2 พันล้านบาทในการปรับปรุง

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    และแล้วสหรัฐฯก็ขายอาวุธ Smart Bomb ให้และระเบิดชนิดเจาะเกราะ (BLU-109 bunker busters) สำหรับทำลายเป้าหมายใต้ดินให้กับกองทัพตุรกีมูลค่า $682.9 million โดยจะจัดส่งให้ทั้งหมดภายในปี 2020 แค่นี้สหรัฐฯก็จะหุบปากเงียบไม่กล้าหือกับตุรกีกรณีตุรกีจะทำอะไรกับซีเรียก็ได้ ถ้าอยากขายอาวุธให้ตุรกีบอมบ์ซีเรียหรืออิรัคหรือชาวเคิร์ดทั้งในตุรกีและซีเรียอีก สหรัฐฯก็จะทำทีออกมาโวยวายและประนามตุรกีนิดหน่อยอ พอตุรกีสั่งซื้ออาวุธล็อตใหม่จากสหรัฐฯอีก สหรัฐฯก็จะหันหน้าไปทางอื่นแทน สังเกตได้ง่ายๆ ตอนนี้พวกองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯและตะวันตกหายหัวไปหมดเลย ไม่มีใครออกมาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนจากรัฐบาลตุรกีเลย

    ภาพจากหัวข้อข่าว เพนตากอนตกลงขาย Smart Bomb $ 683 ล้านให้กับตุรกีรับมือ (Pentagon OKs $683 Million Smart Bomb Deal for Turkey) จาก © AP Photo/ Selcan Hacaoglu
    Pentagon OKs $683 Million Smart Bomb Deal for Turkey

    -------------
    Pentagon OKs $683 Million Smart Bomb Deal for Turkey
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งมีข่าวลือว่าจะเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน แต่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ก็ได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่จริง วันนี้ก็มีข่าว ปธน.โอบาม่าของสหรัฐฯเสนอให้ขึ้นภาษีน้ำมันอ้างว่าเพื่อส่งเสริมพลังงานทางเลือกในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลง แต่อาจมีจุดประสงค์....

    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    รองประธานบริษัท Fearn Oil ของสหรัฐฯออกมาเปิดเผยว่าปธน.โอบาม่าของสหรัฐฯเสนอให้ขึ้นภาษีน้ำมันอ้างว่าเพื่อส่งเสริมพลังงานทางเลือกในช่วงที่ราคาน้ำมันลดลงนี้ เฮ้ออออ.... ตอนนี้สหรัฐฯกำลังกรอบก็บอกมาสิ กำลังหาทางรีดเงินภาษีจากประชาชนชาวอเมริกันเพื่อนำมาก่อสงครามต่อไป ไม่ต้องอ้างเรื่องพลังงานสีเขียวก็ได้มั๊ง แค่สหรัฐฯหยุดก่อสงครามในต่างประเทศ ก็จะมีเงินภาษีเหลือไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้กับประชาชนชาวอเมริกันได้เป็นจำนวนมากแล้ว โดยไม่ต้องขึ้นภาษีใดๆทั้งนั้น

    ภาพจากข่าว โอบามาเสนอขึ้นภาษีน้ำมันเพื่อรักษาโครงการพลังงานสะอาด - น้ำมัน, ผู้บริหารบริษัทน้ำมันเชื้อเพลิง (Obama Proposes Oil Tax to Save Clean Energy Projects - Oil Firm Executive) จาก © AP Photo/ Evan Vucci

    Obama Proposes Oil Tax to Save Clean Energy Projects - Oil Firm Executive

    -------------
    http://sputniknews.com/.../obama-oil-tax-clean-energy.html
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    รัสเซียเสริมเขี้ยวเล็บให้กับระบบป้องกันภัยด้วยสุดยอดเรดาร์รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูง

    [​IMG]

    -----------

    หันมาดูเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางทหารของฝั่งรัสเซียกันบ้างนะครับ วันที่ 26 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "การแจ้งเตือนล่วงหน้าก็คือการติอาวุธป้องกันไว้ก่อน: รัสเซียเสริมศักยภาพด้านการป้องกันขีปนาวุธให้กับตนเอง" (Forewarned is Forearmed: Russia Boosts Its Missile Defense Capabilities)


    [​IMG]

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ Rossiyskaya Gazeta ของรัสเซียรายงานว่า หัวเรี่ยวหัวแรงของระบบป้องกันภัยทั่วโลกตัวนี้เป็นรุ่นที่สามของสถานีเรดาร์ Voronezh-type

    ระบบเรดาร์แบบ Voronezh-class นี้มีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 3 อย่างซึ่งรวมทั้งเรดาร์แบบ Voronezh M, Voronezh-DM (using VHF and UHF), และ Voronezh-VP ที่มีศักยภาพสูง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็น EHF (extremely high frequency) ซึ่งมีรัศมีในการตรวจจับวัตถุระหว่าง 4,500 - 6,000 กิโลเมตร และมีศักยภาพในการตรวจจับวัตถุที่ความสูงถึง 4,000 กิโลเมตร

    [ว้าววว! แค่เรดาร์ของ S-400 เกลือบจะครอบคุมพื้นที่ทั้งหมดของซีเรียได้อยู่แล้ว เจอเจ้าตัวนี้เข้าไป แหล่มเลย ในวิกิพีเดียบอกว่า เรดาร์ Voronezh-DM (77Ya6-DM) ซึ่งเป็นคลื่นความถี่แบบ UHF (Ultra high frequency) ออกแบบโดยบริษัท NPK NIIDAR ของรัสเซีย มีรัศมีไกลถึง 10,000 กม.และสามารถตรวจจับวัตถุในเวลาเดียวกันได้ถึง 500 เป้าหมาย รัศมีแนวราบอยู่ที่ 6,000 กม. และแนวตั้งอยู่ที่ 8,000 กม. สามารถตัวจับวัตถุที่มีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอลในระยะไกลที่ 8,000 กม.ได้สบาย ใช้คลื่นความถี่สองแบบคือทั้งแบบ VHF (Very high frequency) และ UHF ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆเกี่ยวกับรัศมีของเรดาร์รุ่นนี้ไม่ค่อยตรงกัน ดูเหมือนว่าในวิกิจะค่อนข้างเวอร์ไปสักนิด แต่โดยทั่วไปแล้วน่าจะอยู่ที่ 4,500 - 7,200 กม. รัศมีความสูงราว 6,600 กม. แค่นี้ก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว - ผู้แปล]

    นอกจากนี้แล้ว ระบบเรดาร์ Voronezh-class สร้างด้วยโมดูลแบบผลิตในโรงงาน และดังนั้นจึงสามารถที่จะทำการติดตั้งได้อย่างรวดเร็วประมาณหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับสถานีเรดาร์อื่นๆที่มีศักยภาพที่เท่ากันซึ่งต้องใช้เวลาราว 5-9 ปีถึงจะติดตั้งสำเร็จ

    [ถ้าได้เจ้านี้ไปติดตั้งในซีเรียซัก 3 ชุด (เนื่องจากแต่ละตัวไม่สามารถมีรัศมีครอบคุมพื้นที่แบบ 360 องศา) เชื่อมเข้ากับระบบ S-400 และระบบป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆ รับรองว่าจะไม่มีประเทศไหนกล้าส่งเครื่องบินเข้าไปในซีเรียโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายรัฐบาลซีเรียอีกต่อไป - ผู้แปล]

    เทคโนโลยีของเรดาร์รุ่นนี้เป็นมรดกตกทอดที่รัสเซียได้มาจากอดีตสหภาพโซเวียต และนำมาพัฒนาต่อให้ล้ำสมัยกว่าเดิม รายงานข่าวบอกว่าในขณะเดียวกันกองทัพของรัสเซียก็ได้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธชายฝั่ง K-300P Bastion ที่คาบสมุทร Kola (ทางตะวันตกเฉียงหนือของรัสเซีย ใกล้พรมแดนประเทศฟินแลนด์) หนังสือพิมพ์ Izvestiya รายงานว่าอาวุธดังกล่าวครอบคุมชายฝั่งของรัสเซียในพื้นที่ประมาณ 1,500 กม.และสามารถเปลี่ยนทะเลบาเรนท์ให้เป็น "เขตมรณะ" (dead zone) สำหรับเรือรบของนาโต้ได้เลย

    กองพัน K-300P ประกอบด้วยเครื่องยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่จำนวน 12 ชุด ติดตั้งด้วยขีปนาวุธ P-800 Oniks สำหรับทำลายเรือรบซึ่งมีพิสัยทำการอยู่ที่ 300 กิโลเมตร

    หนังสือพิมพ์ของรัสเซียยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่กองทัพรัสเซียประจำการเครื่องยิงขีปนาวุธรุ่นนี้ในแหลมไคร์เมียแล้ว ก็สามารถที่จะทำลายเป้าหมายของข้าศึกได้ทั้งในทะเลดำและทะเลบาเรนท์ด้วย แต่ก.กลาโหมของรัสเซียยังไม่ได้ระบุว่าต่อไปจะรัสเซียจะติดตั้งระบบอาวุธดังกล่าวไว้ที่ไหนบ้าง

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    02/03/2559
    ----------
    The Russians Are Coming! US Pressures Europe to Spend More on Military
    https://en.wikipedia.org/wiki/Voronezh_radar
    Status of the Russian early-warning radar network - Blog - Russian strategic nuclear forces
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2016
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    จีนกำลังวางสายเคเบิลใต้ทะเลเชื่อมโยงเอเซีย-แอฟริกา-ยุโรปเข้าด้วยกันลดการพึ่งพาระบบการสื่อฯสารจากสหรัฐฯ

    [​IMG]

    -----------

    1.) อยู่ตะวันออกกลางและรัสเซียนานแล้ว ไปเที่ยวจีนบ้างดีกว่านะครับ มีอยู่สองข่าวจะเล่าให้ฟัง โดยข่าวแรกเกี่ยวกับการเดินสายเคเบิลใต้ทะเลของจีนเชื่อมโยงทั่วโลก ส่วนข่าวที่สองเป็นการสร้างอนุสาวรีย์รูปเหมือนของ "ขุนนางกวนอู" ซึ่งนักธุรกิจชาวจีนเชื่อว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    วันที่ 2 มีนาคม 2559 เว็บไซต์ของสำนักข่าว People's Daily Online ของจีนพาดหัวข่าวว่า "สายเคเบิลเอเซีย-แอฟริกา-ยุโรป (AAE-1) ขึ้นฝั่งที่พม่า" (The Asia-Africa-Europe Cable (AAE-1) lands in Myanmar)

    [​IMG]

    รายงานข่าวบอกว่าระบบสายเคเบิลเชื่อมโยงการสื่อสารระหว่างเอเซีย-แอฟริกา-ยุโรป ขึ้นฝั่งในประเทศเมียนม่า (พม่า) เมื่อวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านา ตามข้อมูลจากบริษัท China Unicom ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในการเดินสายเคเบิลภาคพื้นดินในประเทศเมียนม่าร์ บริษัทของชาวจีนรับผิดชอบในการติดตั้งสถานีเคเบิลบนพื้นดินแห่งใหม่ที่เมือง Ngwe Saung ประเทศเมียนม่าร์

    สายเคเบิลใต้ทะเลเส้นทาง AAE-1 มีความยาว 25,000 กิโลเมตร จะเริ่มต้นจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังยุโรปและอียิปต์ เชื่อมโยง 19 ประเทศและภูมิภาคต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งรวมทั้ง สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฮ่องกง เวียตนาม กัมพูชา เมียนม่าร์ อินเดีย ปากีสถาน โอมาน ยูเออี เยเมน ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ กรีซ อิตาลี และฝรั่งเศส

    เคเบิลเส้นนี้กำลังจะเปิดศักราชใหม่แห่งการสนับสนุนตลาดบรอดแบนด์ทั่วเอเซีย แอฟริกา และยุโรป การก่อสร้างระบบสายเคเบิลจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้

    AAE-1 เป็นระบบเคเบิลใต้ทะเลในต่างประเทศแห่งเส้นแรกของบริษัท China Unicom ที่มีชุมสายบนพื้นดินเป็นของตนเอง ซึ่งจะเป็นการขยายระบบเครือข่ายทั่วโลกออกไป และทำให้เส้นทางสั้นลง ลดการดีเลย์ (ของการรับส่งข้อมูล) และเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่ายด้วย

    หลังจากสร้างเสร็จแล้ว เคเบิลสายนี้จะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในโครงการริเริ่ม "One Belt, One Road" ของจีน บริษัท China Unicom ยังพัฒนาเคเบิลใต้ทะเลขนาดใหญ่อื่นๆอีกซึ่งรวมทั้งสาย NCP, AGP, SMW5 และ CBCS ด้วย

    [แค่นี้จีนและพันธมิตรก็ดับฝันของสหรัฐฯที่คิดว่าจะควบคุมระบบการสื่อฯสารและอินเตอร์เน็ทในโลกนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว เป็นการลดการพึ่งพาจากสหรัฐฯที่กำลังคลุ้มคลั่งบ้าอำนาจอยู่ในขณะนี้ หันมาใช้เทคโนโลยีทางเลือกที่ผลิตขึ้นมาเองให้มากขึ้น - ผู้แปล]

    2.) คราวนี้มาดูข่าวเบาๆบ้าง วันที่ 1 มีนาคม 2559 People's Daily Online ของจีนพาดหัวข่าวว่า "แทบไม่น่าเชื่อจีนสร้างหุ่นจำลองทองแดงรูปเหมือนวีรบุรุษสงครามของจีนสูง 190 ฟุต" (The incredible 190ft bronze model of a Chinese war hero)

    รายงานข่าวบอกว่านักรบโบราณจะยืนตระหง่านมองไปยังเมืองแห่งหนึ่ง (ในประเทศจีน) เร็วๆนี้ - เมื่อผู้ก่อสร้างตกแต่งรายละเอียดต่างๆที่สูงถึง 190 ฟุตเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของเทพเจ้ากวนอู (Marquis Guan Yu) ของจีน ซึ่งมีน้ำหนักมหาศาลถึง 1,200 ตันจะเปิดตัวในปลายปีนี้ที่เมืองจินโจว (Junzhou) ในจังหวัดเหลียวนิง (Liaoning) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน นักรบคนนี้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง" (the god of wealth) และได้รับการกราบไหว้สักการะเป็นอย่างมากในกลุ่มนักธุรกิจทั้งหลาย

    รูปปั้นในจังหวัด เหอหนาน (Henan) ทางภาคกลางของจีนจะเป็นรูปเหมือนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอับดับที่สองของวีรบุรุษนักรบของจีนท่านนี้จะเคยมีการสร้างขึ้นมา มีน้ำหนัก 5 เท่าของอนุสาวรีย์เสรีภาพที่นครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา

    [ที่เราเคยได้ยินได้ฟังอยู่บ่อยๆก็คือ กวนอูได้รับการยกย่องและนับถือว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์" คือไม่ว่าจะอยู่กับเล่าปี่หรือโจโฉก็ไม่เคยหักหลังใคร แต่ในแวดวงของเจ้าของกิจการทางธุรกิจกลับนับถือในฐานะของ "เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง" ว้าววว! เพิ่งรู้นะนี่ เดี๋ยวต้องหาโอกาสไปสักการะบ้างแล้วหละ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    03/03/2559
    ----------
    The Asia-Africa-Europe Cable (AAE-1) lands in Myanmar - People's Daily Online
    The incredible 190ft bronze model of a Chinese war hero - People's Daily Online
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กรีซ ยึดเรือขนอาวุธของตุรกี
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 3, 2016

    [​IMG]

    alalam – Turkish news หน่วยกองกำลังรักษาชายฝั่งกรีซ สามารถยึดเรือขนอาวุธจากตุรกีนอกชายฝั่งของเกาะครีตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    เรือดังกล่าวติดธงชาติโตโก ซึ่งในเรือมีการขนกล่องหกใบ ซึ่งสองใบบรรจุอาวุธกระสุนและวัตถุระเบิดจำนวนมาก
    รายงานระบุว่า เรือดังกล่าวได้ขนอาวุธจากเมืองเมอร์ซิทางภาคใต้ของตุรกีและมีปลายทางยังประเทศเลบานอน


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    กรีซ ยึดเรือขนอาวุธของตุรกี | abnewstoday
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พินัยกรรม “อุซามะห์ บิน ลาดิน”ยกทรัพย์สิน 29 ล้านเหรียญ สนับสนุน“ก่อการร้าย” โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - มี.ค. 3, 2016

    [​IMG]

    presstv – สำนักข่าวฝรั่งเศส เผย อุซามะห์ บิน ลาดิน อดีตผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ได้เขียนพินัยกรรมของตนโดยยกทรัพย์สินนับล้านดอลลาร์ที่อ้างว่าอยู่ในซูดาน เพื่อสนับสนุนก่อการร้าย

    พินัยกรรมฉบับนี้ถูกเปิดเผย หลังจากที่หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ “ซีล” บุกสังหาร บิน ลาดิน ที่บ้านพักในปากีสถานเมื่อปี 2011 และยึดเอกสารมาได้

    สำนักงานข่าวกรองของอเมริกาเปิดผู้เปิดเผยพินัยกรรมฉบับนี้

    พินัยกรรมฉบับนี้เขียนเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งบิน ลาดิน มีทรัพย์สิน 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่ในซูดาน และทรัพย์สินอีกส่วนหนึ่งเป็นของพี่ชายของเขา

    ในพินัยกรรม เขียนว่า ฉันได้รับเงิน จำนวน 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 
เพื่อการลงทุนในซูดาน จากพี่ชายของฉันผ่านบริษัทบิน ลาเดน 
เขายังได้เขียนในพินัยกรรมดังกล่าวอีกว่า หวังว่าพี่ชาย น้องชายและน้องสาวของฉันจะปฏิบัติตามพินัยกรรมของฉัน และฉันยกทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ในซูดานเพื่อสนับสนุนการญิฮาดในแนวทางของพระองค์

    บิน ลาดิน เคยพำนักอยู่กรุงคาร์ตูมซูดาน เป็นเวลา 5 ปี ในช่วงปี 1996

    ในเอกสารชิ้นนี้ยังได้ชี้ถึงความขัดแย้งระหว่างบินลาเดน กับรองแกนนำของอัลกออิดะฮ์ ในอิรัก โดยระบุว่าบินลาเดน ต้องการสร้างแคมเปญโลกในการรณรงค์ครบรอบ 10 ปี เหตุการณ์ 11 กันยา

    นอกจากนั้นบินลาเดน ยังเขียนจดหมายถึงบิดาของเขา ในวันที่ 8 สิงหาคม 2008 ว่า ตนเองมีความกังวลที่จะถูกลอบสังหาร


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    พินัยกรรม “อุซามะห์ บิน ลาดิน”ยกทรัพย์สิน 29 ล้านเหรียญ สนับสนุน“ก่อการร้าย” | abnewstoday
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]

    จุดเด่นสำคัญของปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร คือคาถาตอนท้ายพระสูตร ที่ว่า "คะเต คะเต ปารคะเต ปารสังคะเต โพธิสวาหา" หรืออาจแปลโดยคร่าวๆ ได้ว่า "จงไป จงไป ไปถึงฝั่งโน้น ไปให้พ้นโดยสิ้นเชิง บรรลุถึงความรู้แจ้ง หะเหวย!" อย่างไรก็ตาม ต้นฉบับในภาษาต่าง ๆ มักละไว้ ไม่แปลคาถานี้ ตามตำนานฝ่ายจีนระบุว่า คณาจารย์ชาวอินเดียที่เดินทางมาประกาศพระศาสนาในแผ่นดินจีน ไม่แปลคาถานี้เพราะท่านทราบดีว่า ไม่มีทางที่จะทำได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายความนัยอันลี้ลับของคาถานี้ [20] กล่าวกันว่า หากผู้ใดสาธยายคาถาในพระสูตรจนบังเกิดสมาธิขึ้น บัดนั้นความนัยอันลึกซึ้งของคาถาก็จะเปิดเผยขึ้นมาเอง [21]

    ขณะที่คณาจารย์ทิเบตตีความไปในแนวทางพุทธตันตระ โดยบางท่านตีความว่า คาถนี้ เป็นการแสดงถึงการเคี่ยวกรำบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ผ่านภพภูมิต่างๆ กล่าววคือ ภพภูมิชั้นมูลฐาน หรือสัมภารมรรค (คะเต คะเต) ผ่านถึงภาคแรกของภพภูมิแรก หรือประโยคะมรรค (ปารคะเต) ถึงภาคที่สองของภพภูมิแรกจนถึงภพภูมิที่สิบ หรือประโยคะแห่งสุญตาจนถึงภาวนามรรค (ปารสังคะเต) กระทั่งจนถึงภูมิที่สิบเอ็ด หรืออไศกษะมรรค (โพธิสวาหา) ดังที่ เกเช เคลซัง กยัตโซ ได้อธิบายไว้ในหนังสือ The New Heart of Wisdom ความว่า "คาถานี้ ซึ่งอยู่ในพากย์ภาษาสันสกฤต อธิบายการปฏิบัติตามแนวทางมหายานไว้อย่างเข้มข้นที่สุด ซึ่งเราจักบรรลุและโดยสมบูรณ์โดยผ่านปัญญาบารมี (ปรัชญาปารมิตา) [22]

    พระมหาคณาจารย์โพธิ์แจ้งและมหาวัชราจารย์โซนัมรินโปเช่ กล่าวว่า "คำสวดนี้เป็นคาถาหัวใจของปรัชญาปารามิตาสูตร เลียนคำมาจากสันสฤตโบราณ ฉะนั้นจึงไม่ขอแปลความหมาย บทธารณีในภาษาจีนได้จบเพียงเท่านี้ แต่ในสันสฤตได้มีอีกประโยคว่า ได้กล่าวปรัชญาปารามิตาสูตรจบแล้ว ในภาษาทิเบตมีการบรรยายที่มาของพระสูตร และ บท สรุปของพระสูตรนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในสังยุตตนิกายว่า “ดูกรกัจจนะโลกนี้ติด อยู่กับสิ่งสองประการ คือ “ความมี”และ “ความไม่มี” ผู้ใดเห็นความเกิดขึ้นของสิ่งทั้งหลาย ในโลกตามความเป็นจริงและดัวยปัญญา “ความไม่มี”อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น ดูก่อนกัจจนะ ผู้ใดเห็นความดับของสิ่งทั้งหลายในโลกตามความเป็นจริงและด้วยปัญญา “ความมี” อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น”" [23]

    https://th.wikipedia.org/wiki/ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สรุป ความหมายของ ศูนยตา ในพระสูตร ปรัชญาปารมิตา คือ ว่างเปล่า ดังนั้นผู้ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงตอบความหมาย ด้วยการไม่พูด และไม่แสดงอะไรออกมาเลย เพราะว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาตอบ และไม่มีอะไรที่จะนำมาแสดง ความจริงแท้ มองตามความเป็นจริง ความเกิดก็เช่นนั้น ความตายก็เช่นนั้น ทำใจให้ยอมรับว่าเรื่องทุกสิ่งก็เป็นเช่นนั้น เมื่อยอมรับว่า เป็นเช่นนั้น คำว่าเช่นนั้น คือจุดแรก ของความสงบ ทำให้เรารู้ตื่น ไม่ยึดติดในภาพมายาในโลกธาตุ ความเข้าใจ่้ในพระสูตร คืออย่าไปยึดติดกับกับความหมาย่ รูปคือความสูญ และความสูญคือรูป ฯ เพราะจะทำให้คนอ่าน หรือฟังสับสน เพราะนี่คือคำสอนให้ปลงเท่านั้น แต่ให้เรียนรู้และทำความเข้าใจพระสูตรด้วยใจ จึงจะเข้าใจความหมาย ถ้าเข้าใจโดยการใช้สัญญา ต่างๆจะเป็นอสังขะธรรม (ธรรมที่จะทำให้พ้นจากโลก)ได้ยังไง จริงไหมครับ และเมื่อเข้าใจว่าทุกสิ่งคือเช่นนั้น นานเข้าใจเราก็ไม่ยึดติดในสัญญาใดๆ และจะก้าวพ้นไปจากเหตุ/ผล แห่งปฏิจจสมุปบาทมนสิการ คือไม่มีสภาพที่เป็นเหตุ และผล ดังนี้

    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส

    เมื่อก้าวข้ามพ้นก็จะเป็นเป็นผู้มีอิสระ กลับไ่ปสู่สภาวะแห่งความเป็นศูนย์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]

    จุดเด่นสำคัญของปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร คือคาถาตอนท้ายพระสูตร ที่ว่า "คะเต คะเต ปารคะเต ปารสังคะเต โพธิสวาหา" หรืออาจแปลโดยคร่าวๆ ได้ว่า "จงไป จงไป ไปถึงฝั่งโน้น ไปให้พ้นโดยสิ้นเชิง บรรลุถึงความรู้แจ้ง หะเหวย!" อย่างไรก็ตาม ต้นฉบับในภาษาต่าง ๆ มักละไว้ ไม่แปลคาถานี้ ตามตำนานฝ่ายจีนระบุว่า คณาจารย์ชาวอินเดียที่เดินทางมาประกาศพระศาสนาในแผ่นดินจีน ไม่แปลคาถานี้เพราะท่านทราบดีว่า ไม่มีทางที่จะทำได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายความนัยอันลี้ลับของคาถานี้ [20] กล่าวกันว่า หากผู้ใดสาธยายคาถาในพระสูตรจนบังเกิดสมาธิขึ้น บัดนั้นความนัยอันลึกซึ้งของคาถาก็จะเปิดเผยขึ้นมาเอง [21]

    ขณะที่คณาจารย์ทิเบตตีความไปในแนวทางพุทธตันตระ โดยบางท่านตีความว่า คาถนี้ เป็นการแสดงถึงการเคี่ยวกรำบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ผ่านภพภูมิต่างๆ กล่าววคือ ภพภูมิชั้นมูลฐาน หรือสัมภารมรรค (คะเต คะเต) ผ่านถึงภาคแรกของภพภูมิแรก หรือประโยคะมรรค (ปารคะเต) ถึงภาคที่สองของภพภูมิแรกจนถึงภพภูมิที่สิบ หรือประโยคะแห่งสุญตาจนถึงภาวนามรรค (ปารสังคะเต) กระทั่งจนถึงภูมิที่สิบเอ็ด หรืออไศกษะมรรค (โพธิสวาหา) ดังที่ เกเช เคลซัง กยัตโซ ได้อธิบายไว้ในหนังสือ The New Heart of Wisdom ความว่า "คาถานี้ ซึ่งอยู่ในพากย์ภาษาสันสกฤต อธิบายการปฏิบัติตามแนวทางมหายานไว้อย่างเข้มข้นที่สุด ซึ่งเราจักบรรลุและโดยสมบูรณ์โดยผ่านปัญญาบารมี (ปรัชญาปารมิตา) [22]

    พระมหาคณาจารย์โพธิ์แจ้งและมหาวัชราจารย์โซนัมรินโปเช่ กล่าวว่า "คำสวดนี้เป็นคาถาหัวใจของปรัชญาปารามิตาสูตร เลียนคำมาจากสันสฤตโบราณ ฉะนั้นจึงไม่ขอแปลความหมาย บทธารณีในภาษาจีนได้จบเพียงเท่านี้ แต่ในสันสฤตได้มีอีกประโยคว่า ได้กล่าวปรัชญาปารามิตาสูตรจบแล้ว ในภาษาทิเบตมีการบรรยายที่มาของพระสูตร และ บท สรุปของพระสูตรนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในสังยุตตนิกายว่า “ดูกรกัจจนะโลกนี้ติด อยู่กับสิ่งสองประการ คือ “ความมี”และ “ความไม่มี” ผู้ใดเห็นความเกิดขึ้นของสิ่งทั้งหลาย ในโลกตามความเป็นจริงและดัวยปัญญา “ความไม่มี”อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น ดูก่อนกัจจนะ ผู้ใดเห็นความดับของสิ่งทั้งหลายในโลกตามความเป็นจริงและด้วยปัญญา “ความมี” อะไรในโลกจะไม่มีแก่ผู้นั้น”" [23]

    https://th.wikipedia.org/wiki/ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,206
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สรุป ความหมายของ ศูนยตา ในพระสูตร ปรัชญาปารมิตา คือ ว่างเปล่า ดังนั้นผู้ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงตอบความหมาย ด้วยการไม่พูด และไม่แสดงอะไรออกมาเลย เพราะว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาตอบ และไม่มีอะไรที่จะนำมาแสดง ความจริงแท้ มองตามความเป็นจริง ความเกิดก็เช่นนั้น ความตายก็เช่นนั้น ทำใจให้ยอมรับว่าเรื่องทุกสิ่งก็เป็นเช่นนั้น เมื่อยอมรับว่า เป็นเช่นนั้น คำว่าเช่นนั้น คือจุดแรก ของความสงบ ทำให้เรารู้ตื่น ไม่ยึดติดในภาพมายาในโลกธาตุ ความเข้าใจ่้ในพระสูตร คืออย่าไปยึดติดกับกับความหมาย่ รูปคือความสูญ และความสูญคือรูป ฯ เพราะจะทำให้คนอ่าน หรือฟังสับสน เพราะนี่คือคำสอนให้ปลงเท่านั้น แต่ให้เรียนรู้และทำความเข้าใจพระสูตรด้วยใจ จึงจะเข้าใจความหมาย ถ้าเข้าใจโดยการใช้สัญญา ต่างๆจะเป็นอสังขะธรรม (ธรรมที่จะทำให้พ้นจากโลก)ได้ยังไง จริงไหมครับ และเมื่อเข้าใจว่าทุกสิ่งคือเช่นนั้น นานเข้าใจเราก็ไม่ยึดติดในสัญญาใดๆ และจะก้าวพ้นไปจากเหตุ/ผล แห่งปฏิจจสมุปบาทมนสิการ คือไม่มีสภาพที่เป็นเหตุ และผล ดังนี้
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
    เมื่อก้าวข้ามพ้นก็จะเป็นเป็นผู้มีอิสระ กลับไ่ปสู่สภาวะแห่งความเป็นศูนย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...