ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “วิษณุ”จับผิด ผู้ตรวจฯ ปมเร่งจี้ใช้ ม.44 เร่ง “คดีธัมมชโย”ไม่แน่ใจว่าเป็นคำวินิจฉัย?? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 19:14 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 19:23 น.)

    [​IMG]
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

    “วิษณุ”จับผิด ผู้ตรวจฯ ปมเร่งจี้ใช้ ม.44 เร่ง “คดีธัมมชโย”ยัน ไม่แน่ใจว่าเป็นคำวินิจฉัยของผู้ตรวจฯหรือเปล่า เหตุโยนเผือกร้อนนายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่มีอำนาจ เป็นแค่ต้นทางส่งเรื่องให้ “คสช.” ยันขอดูรายละเอียดก่อนเหตุยังไม่ได้หนังสือจากผู้ตรวจฯ เผยอาจ ไม่ได้ส่งมาตามช่องทางอำนาจ เพียงแต่ให้คำแนะนำมา

    วันนี้ (21 ก.ค.)นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอให้ใช้มาตรา 44 ตั้งกรรมการพิจารณาให้ “พระธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช กรณีนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นของตัวเองว่า เมื่อเช้าวันที่ 21 ก.ค.นายกฯได้สอบถามตนว่าได้รับหนังสือหรือยัง ตนชี้แจงว่ายังไม่ได้รับ และนายกฯเองก็ยังไม่ได้รับเช่นกัน ดังนั้น ต้องรอดูเรื่องที่สำนักงานผู้ตรวจฯส่งมาก่อนเพื่อดูว่ามีการขอให้ทำอะไร ตอบนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นเรื่องเลยทั้งสิ้น อ่านแต่จากข่าวเท่านั้น

    กรณีคำวินิจฉัยของสำนักงานผู้ตรวจฯ รัฐบาลจำเป็นต้องปฏิบัติตามทุกข้อหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าเป็นคำวินิจฉัยหรือเป็นอะไรหรือไม่

    “แต่อ่านจากข่าวพบประโยคหนึ่งว่า สำนักงานผู้ตรวจฯ เห็นว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของสำนักงานผู้ตรวจฯ จึงได้ส่งเรื่องมาให้นายกฯใช้อำนาจตามมาตรา 44 ฉะนั้น หากไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานผู้ตรวจฯ ก็แปลว่าไม่ได้ส่งมาตามช่องทางอำนาจ เพียงแต่ให้คำแนะนำมาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น การจะปฏิบัติหรือไม่จึงเป็นดุลยพินิจของรัฐบาล แต่หากเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานผู้ตรวจฯและวินิจฉัยแล้วส่งมา อย่างนั้นคนที่รับเรื่องจะต้องปฏิบัติตาม”

    “แต่เมื่อเขาออกตัวแต่แรกว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจ เขาทำอะไรไม่ได้ จึงให้รัฐบาลทำ แล้วเขาก็รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้ นอกจากไปงัดมาตรา 44 ขึ้นมา อันนั้นแสดงว่าก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว แต่คนที่จะใช้อำนาจมาตรา 44 เป็นคสช. ไม่ใช่รัฐบาล รัฐบาลใช้มาตรา 44 ไม่ได้ ตรงนี้จึงขอดูเรื่องของสำนักงานผู้ตรวจฯก่อนแล้วค่อยพูด”

    “ถ้าหากว่าเรื่องมาถึงแล้วเป็นเรื่องขอให้ใช้มาตรา 44 รัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรัฐบาลใช้อำนาจปกติตามกฎหมายที่มี จึงต้องส่งให้คสช. แต่ตรงนี้เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น อย่างไรขอดูรายละเอียดก่อนว่าเขาขอให้ทำอะไร ให้ใครเป็นคนทำ และทำอย่างไร ซึ่งถ้าเป็นคำแนะนำ รัฐบาลก็คงจะดูว่าในส่วนของรัฐบาลทำอะไรเองได้บ้างหรือไม่ บางทีรัฐบาลอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่หากทำได้แล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติก็ยินดี”

    กรณีนี้มองว่าเป็นการโยนเผือกร้อนมาให้รัฐบาลหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่เผือกร้อนหรอก เพราะเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาอยู่ ถ้าคิดว่ามีทางออกทางแก้ให้มันคลี่คลายก็ควรจะทำอยู่แล้ว แต่ใครจะเป็นคนทำ และทำแค่ไหนอย่างไร ขอดูอีกที ซึ่งเผอิญว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้จับเรื่องนี้มาแต่แรก ส่วนรัฐบาลเก่าอาจจะเคยจับมาก่อน ถ้าหากว่าจะทำอะไรก็ไปเอาเรื่องเก่ามาดู เรื่องนี้ก็ 7 ปีมาแล้ว เมื่อถามว่า แม้ว่าพระธัมมชโยจะมีการโอนที่ดินให้เป็นชื่อของวัดแล้ว แต่ถือความผิดเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ขออย่าเพิ่งตอบ แต่ต้องตรวจสอบลงไปถึงจะรู้

    มีรายงานว่า ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ พระพุทธอิสระ จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช. บังคับใช้กฎหมายกับพระธรรมชโย โดยให้เหตุผลว่า จะอ้างว่าเป็นเรื่องเก่าไม่ได้ ซึ่งในยุคของคสช. จะอ้างว่าไม่ให้ใช้กฎหมายเพราะเป็นเรื่องเก่าไม่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นต่อไปจะมีอะไรเป็นบรรทัดฐาน ในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข

    ดังนั้น คสช.ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างทั่วถึง กรณีดังกล่าวไม่ควรจะปล่อยให้ยืดยื้อต่อไป เพราะเรื่องนี้มีมานานมากแล้ว พระสังฆราชได้มรณะภาพไป 2 องค์แล้ว และผ่านมา 7 รัฐบาลจนถึงรัฐบาลคสช. ก็ขอให้สอบเรื่องนี้เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องในการปกป้องพระธัมมชโยหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในบ้านเมืองไปมากกว่านี้ ดังนั้น ขอเพียงให้พระธัมมชโยพ้นจากการห่มผ้าเหลือง เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาบิดเบือนพระพุทธศาสนาให้มัวหมองและสืบทอดความเข้าใจผิดๆไปจนถึงคนรุ่นหลัง.


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บิ๊กตู่”เมินใช้ม.44 คดีธัมมชโย ชี้ขัดแย้งเพิ่ม-อดีต สส.เพื่อไทย อ้างอดีตกาลทำได้-พุทธะอิสระ”หนุนฟันก่อนถวายพระเพลิงสังฆราช โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 18:10 น.

    [​IMG]

    @นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์รูปภาพและข้อความ

    “บิ๊กตู่” ชี้มีกฎหมายดำเนินการ “คดีธัมมชโย”แทนอยู่แล้ว เมินใช้ ม.44 เร่งฟัน ย้ำอย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง “อดีต ส.ส.เพื่อไทย”อ้างเหมือนอดีตกาล “คหบดีถวายที่ดินพระพุทธเจ้า”เปรียบ “ธัมมชโยกับพระอดีตแกนนำกปปส.” ใครเลวกว่ากัน ด้าน“พุทธะอิสระ”หนุนคสช.ใช้ ม44 แนะ เพื่อไม่ให้มีมลทิน ควรจบก่อนถวายพระเพลิงสังฆราช

    วันนี้(21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอให้ใช้มาตรา 44 ตั้งกรรมการพิจารณาให้ “พระธัมมชโย” เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช กรณีนำทรัพย์สินของวัดมาเป็นของตัวเองว่า เรื่องดังกล่าวมีกฎหมายปกติอยู่แล้ว ต้องว่าไปตามขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งมีการสอบสวนมาแล้วระยะหนึ่ง

    "ขอให้ไปค้นดู และขอให้รอผลสอบและให้เวลาฝ่ายกฎหมายทำงาน อย่าเร่งฝ่ายกฎหมายมาก เพราะจะทำให้หลายฝ่ายออกมาสู้ จนทำให้ฝ่ายกฎหมายทำงานไม่ได้ เพราะการพิจารณาจะติดขัด มีวิธีการตั้งเยอะแยะ กฎหมายปกติก็มี จะให้ผมใช้มาตรา44 จัดการพระเหรอ ให้มันรู้เรื่องซะบ้าง ขออย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง หากทุกคนยอมรับความผิดกันหมดก็จะหาทางออกได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ผิดก็คือผิด ถ้าทุกคนยอมรับผิด เรื่องก็จะง่าย"

    วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์รูปภาพและข้อความว่า “สวัสดีครับพี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้เห็นข่าวว่า"ผู้ตรวจการฯชงให้ประยุทธ์ใช้ม.44จัดการธัมมชโย(พระเทพญาณมหามุนี) ซื้อที่ดินใช้ชื่อตัวเอง"ผมไม่เคยเป็นศิษย์ของธัมมชโย แต่ใคร่จะขอให้ชาวพุทธตั้งสติกันนิดนึง การถวายที่ดินนั้นดูที่เจตนาเจ้าภาพว่าถวายให้ใครอย่างไร ถวายส่วนตัวหรือถวายให้วัด หากถวายส่วนตัวก็ต้องดูว่า ผู้ที่รับที่ดินนั้นนำไปทำประโยชน์อันใด ในสมัยพุทธกาลคหบดีก็เคยถวายที่ดินแด่พระพุทธเจ้า เช่น ถวายสวนมะม่วง(วัดอัมพวัน) ถวายสวนไผ่ (วัดเวฬุวัน)

    "พี่น้องครับ ผมอยากจะฝากไปยังผู้ตรวจการฯและนายไพบูลย์ นิติตะวัน ช่วยชงให้ประยุทธ์ ใช้ม.44 ไปจัดการกับอลัชชี..ที่ออกมานำทัพตั้งแก๊งการเมือง ปิดสถานที่ราชการ(ศูนย์ราชการ) ปิดสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง มีการ์ด(มือปืนป๊อปคอน)ยิงคนบาดเจ็บและตาย ระหว่าง...กับธัมมชโยใครเลวกว่ากันครับ(ชินวัฒน์ หาบุญพาด ๒๑กค.๕๘)"

    อีกด้าน เพจเฟซบุ๊คของ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ได้โพสต์ข้อความเปรียบเทียบถึงเวลาที่ต้นธาตุต้นธรรมจะต้องถูกพิพากษาลงโทษเสียที

    ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ คดีธรรมกายเกิดขึ้นตั้งแต่ปี ๔๒ จนถึง ๕๘ ใช้ชีวิตพระมหาเถระระดับสมเด็จหมดไป ๒ องค์ ใช้เวลาไป ๑๗ ปี ใช้รัฐบาลหมดไป ๖ รัฐบาล ตั้งแต่สมัย

    - ชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์
    - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย
    - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (คปค.)
    - สมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน
    - สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พรรคพลังประชาชน
    - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์
    - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย

    แต่ก็ยังไม่มีใครนำเอาโจรห่มผ้าเหลืองอย่าง...ผู้นี้มาลงโทษได้ แม้สมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จวัดชนะ กรรมการมหาเถรสมาคมทั้ง ๒ พระองค์จะทรงพยายามกำจัดอลัชชีผู้เหยียดหยามพระธรรมวินัยผู้นี้ก็ตามที

    แต่อลัชชีผู้นี้มีอำนาจการเมืองของคนตระกูล..คุ้มกะลาหัว เลยทำตัวยิ่งใหญ่ ขยายสาขาไปทั่วโลก โดยการลงทุนสร้างสำนักและคณะธรรมทูตสายต่างประเทศ ซึ่งล้วนแต่อยู่ในอาณัติของ..ทั้งสิ้น ทั้งยังแผ่อิทธิพลครอบงำกรรมการมหาเถรและสังฆมณฑลเอาไว้เป็นพวก เพื่อจะได้เป็นกำแพงปกป้องความชั่วของตัวเอง

    และหากจะถามหมู่ภิกษุสงฆ์เหล่านั้นรวมทั้งกรรมการมหาเถรสมาคมบางคน ว่ารู้ไหมที่..เป็นอลัชชี ย่ำยีพระธรรมวินัย หมู่สงฆ์กลุ่มนี้ล้วนรู้อยู่แก่ใจ แต่เพราะเห็นแก่พวก เห็นแก่หน้า เห็นแก่ลาภสักการะที่..และบริวารหยิบยื่นให้ จึงหลงลืมละเลยไปว่าพระธรรมวินัยบัญญัติเอาไว้เช่นไร

    หรือไม่หมู่สงฆ์กลุ่มนี้ก็คือ อ้วกเอียวอัน เรียกว่าชั่วเหมือนๆ กัน เลยอยู่ด้วยกันได้ เวลาล่วงเลยมาจนมาถึงรัฐบาล คสช. ที่ฉันมั่นใจว่ามีความจงรักภักดี บังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา จึงทำให้ฉันกล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมถวายให้แด่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงเสด็จมาขอให้ช่วยในเรื่องธรรมกายในขณะที่พระองค์ยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงอยู่

    ด้วยเหตุผลเหล่านี้ วันนี้พุทธบริษัทผู้มีจิตซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยจึงได้เห็นผลคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาออกมาชี้มูลความผิด ยืนยันว่านายไชยบูลย์ หรือ ธัมมชโย เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระแน่นอน
    งานนี้ต้องให้เครดิตขอบคุณแก่ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ที่กรุณาเสียสละและเสี่ยงสืบสวนสอบสวนจนความจริงกระจ่าง และมีความตั้งมั่นตั้งใจทำงานถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สังฆราชะบูชา จนได้บทสรุปออกมาเหมือนดังที่สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงวินิจฉัยและทรงพระลิขิตเอาไว้

    แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาจะชี้มูลความผิดแล้วและส่งเรื่องให้หัวหน้า คสช. รัฐบาลดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา ๔๔ จัดการกำจัดโจรปล้นพระธรรมวินัยตระกูลธรรมกายให้สิ้นไปจากศาสนจักร ฉันคงจะต้องมีหน้าที่อยู่อีก คือต้องตามดูเจ้าหน้าที่ของรัฐและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะลงดาบแก่ธรรมกายอย่างไร

    ตลอดจนเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น และกรรมการมหาเถรสมาคมที่เคยออกมาปกป้อง..กันสุดฤทธิ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ว่าจะทำอะไรกับนายธัมมชโยได้หรือไม่

    ซึ่งโดยมารยาทควรให้รัฐบาลจัดการเสียก่อน แต่ถ้ายังนิ่งเฉย เตะถ่วงหน่วงเหนี่ยวอยู่ ฉันคงต้องออกโรงอีกครั้ง คงต้องเข้าไปจี้ ให้เข้าไปจับ..ถอดจีวร ใส่กุญแจมือ ชดใช้กรรมได้แล้ว อย่าปล่อยปะละเลยให้โจรเอาผ้าเหลืองมาห่มหลอกลวงชาวบ้านหากินอยู่เลย มันอยู่มานานมากพอแล้ว

    งานถวายพระเพลิงพระศพของสมเด็จพระสังฆราชจะได้จัดขึ้นอย่างมีสง่าราศี สมแก่พระเกียรติขององค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พระองค์จักได้จากไปอย่างไม่มีมลทิน เพราะหากไม่สามารถเอาผิดแก่นายธัมมชโยได้ตามพระลิขิต นั่นก็เท่ากับว่าพระสังฆราชจะต้องเป็นอาบัติสังฆาทิเสสเสียเอง เช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นเด็ดขาด โดยเฉพาะเกิดขึ้นในรัฐบาล คสช.

    และหากพุทธบริษัท รัฐบาล มีความเคารพศรัทธาเทิดทูนต่อเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ก็ไม่ควรให้พระองค์ท่านจากไปด้วยมลทินที่นายธัมมชโยและกรรมการมหาเถร ที่ผู้อื่นยัดเยียดให้ ยังไงยังไง คดีธัมมชโยต้องจบก่อนที่จะถวายพระเพลิง จึงจะสมควร

    พุทธะอิสระ

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ประยุทธ์" แจง แผนให้ไทยไม่ขาดน้ำถึงปี 59 ขอเวลาช่วย ชี้ "ธัมมชโย" ผิดก็ใช้กม.ปกติ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 17:19 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 17:46 น.)

    [​IMG]

    ประยุทธ์ แจง แผนให้ไทยไม่ขาดน้ำถึงปี 59 ขอเวลาช่วย ชี้ ธัมมชโย ผิดก็ใช้กม.ปกติ

    หัวหน้าคสช. เผย รบ.มีแผนให้ไทยไม่ขาดน้ำถึงปี 69 ยันเตรียมมาตรการช่วยเหลือดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทุกส่วน แต่ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่บ้าง ย้ำทุกคนจะได้รับความเป็นธรรม ลั่นไม่ต้องการให้ทุกคนเสียน้ำตา ย้อนถามสื่อจะให้ใช้ม. 44 จับพระอย่างนั้นหรือ บอกยังมีกฎหมายปกติดำเนินการได้ ถ้าทำผิดอย่างไรก็ผิด วอนอย่าสร้างความขัดแย้ง เพราะใช้กฎหมายลำบาก

    วันนี้ (21ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าสำหรับการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจะปัญหาภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้การบริหารจัดการน้ำทั้งหมดเป็นวาระแห่งชาติ เป็นการวางแผนให้ประเทศไทยไม่ขาดน้ำจนถึงปี 2569 การดำเนินการต่างๆ กำหนดไว้เป็นขั้นตอนตามช่วงระยะเวลา โดยช่วงแรกระหว่างปี 2557-2559 ตั้งเป้าหมายดำเนินการ 12 กิจกรรม ทั้งการหาแหล่งน้ำเพิ่ม การทำระบบส่งน้ำ การขุดลอกคูคลอง การทำแก้มลิง ทำบ่อขนมครก การขุดบ่อน้ำในไร่นา การขยายอ่างเก็บน้ำให้เพิ่มความจุ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนการบริหารจัดการน้ำจนถึงปี 2569 ทั้งสิ้น ตามการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และอาจมีงบเงินกู้เล็กน้อย ที่เตรียมไว้ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท จากนั้นก็ส่งต่อหลังปี 2560 ต่อไป หากสามารถดำเนินการได้ครบก็จะทำให้เรามีพื้นที่การเกษตรเพิ่มขึ้น ระบบชลประทานเพิ่มขึ้น และระยะยาวต้องมาหารือว่าจะใช้น้ำระหว่างประเทศได้อย่างไร ซึ่งคงต้องใช้งบประมาณที่สูงมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้มีการขุดบ่อไป 5-6 พันบ่อ แต่ฝนไม่ตก

    "แต่ผมเชื่อว่าเดี๋ยวฝนก็คงมา ถ้าเรามีความรัก ความสามัคคี อะไรมันก็ดีขึ้นเอง ผมไม่อยากให้เกิความขัดแย้ง โดยเฉพาะข้าราชการของรัฐที่ช่วยกันทำงาน วันนี้ก็มีคสช. เข้าไปช่วย ยืนยันว่าไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอยู่แล้ว เพียงแต่จะทำความเข้าใจกันอย่างไร"

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการความช่วยเหลือนั้น การบริจาคน้ำดื่มที่มีการรณงค์กันถือเป็นคนละเรื่อง เป็นการแสดงน้ำใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้มุ่งหวังจะไปขอใคร แต่ทุกคนต้องการมีความร่วมมือและประสงค์ที่จะบริจาคน้ำดื่ม โดยรัฐบาลจะเป็นคนกลาง และจัดส่งไปยังศูนย์ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เป็นเรื่องของความร่วมมือ เหมือนกรณีที่เคยช่วยเหลือประเทศเนปาล และญี่ปุ่น เพราะคนไทยไม่เคยแล้งน้ำใจ ตนอยากเห็นภาพความร่วมมือ ความรักความสามัคคีระหว่างคนที่ไม่เดือดร้อน กับชาวไร่ชาวนา สำหรับมาตรการระยะที่ 1 ซึ่งจะทำให้แล้วเสร็จโดยเร็วสิ่งแรกคือการจ้างงานเร่งด่วน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะรับไปดำเนินการในทุกจังหวัดโดยใช้งบประมาณของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งจะอนุมัติให้กับจังหวัด จังหวัดละ 10 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการจ้างงาน หากไม่พอรัฐบาลก็จะหาเงินอุดหนุนให้ ซึ่งจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทุกคนมีเงินใช้

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการที่ 2 ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีงบประมาณอยู่แล้วไปดูแลการปลูกพืชทางการเกษตร หรือพืชหมุนเวียนการเกษตร เพื่อทดแทนกรณีที่ปลูกข้าวไม่ได้ รวมกับงบฯจ้างงานของกรมชลประทาน โดยจะเดินไปควบคู่กัน ซึ่งการแก้ปัญหาในจุดนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องข้าว และพืช ผัก ผลไม้ จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลการใช้จ่ายน้ำให้ทั่วถึง โดยคสช. จะลงไปดูแล และชี้แจงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ขอร้องว่าให้เห็นใจทหารที่ลงพื้นที่ไปดูแล ระยะต่อไปคือเตรียมดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้น ขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกมากนัก เพราะรัฐบาลจะดูแลทั้งในส่วนที่ปลูกไปแล้ว และเกิดความเสียหาย หรือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปลูก ว่าเสียโอกาสหรือไม่ และพื้นที่ปลูกนาปรังก็ต้องดูเป็นระยะๆ เพราะจะให้เหมาทีเดียวทั้งหมดก็ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลดูแลทุกส่วน

    "ผมเห็นมีคนมาร้องห่มร้องไห้ ผมเห็นแล้วรู้สึกบีบคั้นผมพอสมควร ขอให้รู้ไว้ว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะทำให้ทุกคนต้องเสียน้ำตาอะไรเลย เพราะน้ำมันน้อยอยู่แล้ว ขอให้เก็บน้ำตาไว้เพื่อแสดงความดีใจ ดีกว่าเมื่อฝนมา อย่าคิดว่าเราต้องช่วยที่เดียวทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ ก็ต้องจัดลำดับความเร่งด่วน วันนี้บางคนก็ทำตามคำแนะนำที่รัฐบาลให้ไปทำให้เสียโอกาสในการเพาะปลูก บางคนทำแล้วก็เกิดความเสียหายก็ต้องมาดูในรายละเอียด และทั้งหมดจะนำรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุมแผนบริหารจัดการน้ำในเช้าวันพุธที่ 22 ก.ค.นี้ ก็ขอให้ทุกคนสบายใจว่าจะมีเงินใช้จ่าย แม้จะไม่มากมาย ซึ่งตนต้องการให้รวมตัวกันเสนอเป็นโครงการเพื่อการให้ความช่วยเหลือจะได้รวดเร็วขึ้น สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือการสร้างความเข้าใจในการบริหารจัดการน้ำทั้งหมด เราจำเป็นต้องดูแลภาพรวมทั้งหมดเพื่อไม่ให้ปัญหากลับมาอีก วันนี้รัฐบาลเห็นใจทุกคนขอร้องอย่าไปทำร้ายตัวเองไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปทำร้ายตัวเอง หากมีปัญหาอะไรให้มาร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรม รัฐบาลพร้อมที่ดูแลทุกคนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เราจะดูแลคนทั้ง 70 กว่าล้านคน"

    นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดระยองที่ผ่านมา รู้สึกดีใจที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะมีทรัพยากร และมีแหล่งน้ำ ซึ่งถือเป็นบทเรียนว่าเราต้องสร้างแหล่งน้ำจำนวนมาก ด้วยตัวเองจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปสนับสนุน ซึ่งกระทรงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปดูแล โดยการตั้งเครื่องสูบน้ำขึ้นมา แต่บางที่ก็มีปัญหาเพราะไม่มีไฟฟ้า ในส่วนของแหล่งน้ำบาดาลยอมรับว่ามีความกังวลเมื่อดำเนินการขุดไปแล้วส่วนใหญ่ไม่ได้นำมาใช้เพื่อการเกษตร แต่เป็นน้ำสำหรับการอุปโภค และบริโภค ทดแทนน้ำประปาที่อาจขาดในอนาคต วันนี้แม้จะมีปริมาณฝนตกลงมาแต่ก็ไม่มาก เท่าที่ติดตามดูฝนไปตกลงที่เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์ รวมทั้งเขื่อนแควน้อย เขื่อนขุนด่านปราการชล ทำให้มีกำลังใจดีขึ้น แต่การระบายน้ำช่วงไหนจำเป็นต้องลดก็ต้องลด วันนี้ต้องเห็นใจคนในชุมชนเมืองด้วย แม้ไม่ได้ปลูกข้าวแต่ก็ทำธุรกิจค้าขาย การท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ก็ขอความร่วมมือให้ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย อย่าล้างรถทุกวัน วันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันประหยัดน้ำประปา แต่วันนี้เป็นที่น่ายินดีว่าฝนตกมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ขอให้ทุกคนช่วยกันทำความดีต่อไป

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่าย ประกอบด้วยคฤหัสถ์ และบรรพชิต เพื่อศึกษาประเด็นทางพระธรรมวินัยที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และพระธรรมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ว่า "อ๋อ เรื่องพระธรรมชโย ใช่ไหม เรื่องมาตรา 44 สื่อเอามาใช้ก็แล้วกัน มันมีวิธีการตั้งเยอะแยะ กฎหมายปกติก็มีอยู่ และระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการสอบสวน ถ้ามันถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ถ้ามันผิดก็ต้องว่าไปตามผิด จะใช้มาตรา 44 ไปจับพระอย่างนั้นหรือ ให้มันรู้เรื่องกันบ้าง"

    เมื่อถามย้ำว่า แต่เข้าต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องผิดพระธรรมวินัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ตรวจสอบอยู่แล้ว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ตรวจสอบอยู่ มีผลสอบสวนออกมาระยะหนึ่ง ไปตรวจค้นกันดู "อย่าไปขัดแย้งกันมากมาย ผิดก็คือผิด อย่างไรมันก็ผิด วันนี้ผลสอบยังไม่ออกเดี๋ยวคณะกรรมการชุดเดิมก็สอบมีผลออกมาให้เวลาฝ่ายกฎหมายทำงานบ้าง จะมาเร่งอย่างนั้นอย่างนี้เดี๋ยวก็ลุกขึ้นมาต่อสู้กัน กฎหมายก็เดินหน้าไม่ได้ การพิจารณาต่างๆ ก็ติดขัดไปหมด เพราะมีการสร้างความขัดแย้งสูง ผิดหรือไม่ละมันก็ผิด ไม่ผิดวันนี้ก็ผิดวันพรุ่งนี้ ถ้าทุกคนยอมรับความผิดกันทั้งหมด ถึงจะมาคุยกันได้ว่าจะหาทางออกกันอย่างไร แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกมันก็ยากและลำบาก ทุกคนจะยอมหรือไม่"


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เสนอแนวคิดเก็บค่าน้ำใช้การเกษตรกระตุ้นประหยัด-เกิดประโยชน์สูงสุดนำเงินตั้งกองทุนพัฒนาเกษตรกร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 16:07 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 16:20 น.)

    [​IMG]

    [​IMG]


    เชียงใหม่ - ผอ.เขื่อนแม่กวงเสนอแนวคิดอนาคตจัดเก็บค่าน้ำใช้เพื่อการเกษตร หวังผลเชิงจิตวิทยากระตุ้นจิตสำนึกใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมนำเงินจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาช่วยเหลือเกษตรกรทั้งด้านการผลิต การตลาด และชีวิตความเป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกฝ่ายก่อนเพื่อรับฟังความเห็น

    นายวุฒิชัย รักษาสุข ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ แสดงความเห็นว่า จากสถานการณ์ปัญหาขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตรในปีนี้ ทำให้เกิดแนวคิดว่าในอนาคตน่าจะมีการเก็บค่าน้ำใช้เพื่อการเกษตร

    ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกและผลในแง่จิตวิทยาทำให้เกษตรกรมีการใช้น้ำอย่างประหยัดและเห็นคุณค่ามากยิ่งขึ้น รวมทั้งเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาการทำการเกษตรไม่เคยเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เลย และแม้ในกฎหมายชลประทาน พ.ศ. 2485 จะมีการกำหนดไว้แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากเกษตรกร ทำให้ในช่วงที่น้ำมีปริมาณมากพบว่ามีเกษตรกรบางส่วนที่อาจจะมีการใช้น้ำได้ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร

    ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธาราบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยมีงานศึกษาวิจัยพบว่า ในส่วนของเกษตรกรก็พร้อมที่จะจ่ายค่าใช้น้ำเพื่อการเกษตร เพียงแต่ต้องมีรูปแบบและระบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม โดยในส่วนของอัตราการจัดเก็บนั้นอาจจะมีการกำหนดปริมาณการใช้น้ำขั้นต่ำ หากใช้ไม่ถึงก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย

    ส่วนเงินที่จัดเก็บได้อาจจะนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งในด้านการผลิต และการตลาด รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการบริหารจัดการน้ำใช้เพื่อการเกษตรและต่อเกษตรกร อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องมีการพูดคุยหารือร่วมกับกลุ่มเกษตรกรเกี่ยวกับแนวคิดนี้อีกครั้งว่ามีความคิดเห็นอย่างไร

    โดยนายวุฒิชัยยกตัวอย่างในส่วนของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธาราว่า มีพื้นที่ทำนาประมาณ 120,000 ไร่ สมมติมีการเก็บค่าใช้น้ำเพื่อการเกษตรจากการทำนาไร่ละ 20 บาทต่อปี จะเก็บได้เงินปีละประมาณ 2.4 ล้านบาท ซึ่งเงินที่เก็บได้สามารถนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาและช่วยเหลือเกษตรกรได้

    พร้อมทั้งมีการกำหนดรูปแบบวิธีการบริหารจัดการที่เกษตรกรมีส่วนร่วมในการควบคุมและตรวจสอบได้ สามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ในหลายด้าน เช่น จัดซื้อเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต, จัดทำท่าข้าวและโรงสีชุมชน เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองให้เกษตรกร เป็นต้น

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันดิ่งต่ำกว่า$50อีกครั้ง หุ้นมะกันลง จับตาทองคำหลุด$1,100แล้ว!!
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 04:28 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอชต์ - น้ำมันสหรัฐฯดิ่งแรง ปรับลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์อีกครั้งในวันพุธ(22ก.ค.) หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงสูงขึ้น ส่วนวอลล์สตรีทลดลงจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำร่วงต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์แล้ว นักลงทุนหมางเมินสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.67 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 56.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าคลังน้ำมันสำรองทางพาณิชย์ของประเทศในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกที่เมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ศูนย์ส่งมอบสำคัญ ก็เพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล ซ้ำเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
    ขณะเดียวกันรายงานยังพบว่ากำลังผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยและยังอยู่ใกล้ๆระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ปิดลบพอสมควร ตามแรงฉุดของภาคเทคโนโลยี จากรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ในนั้นรวมถึงแอปเปิล
    ดาวโจนส์ ลดลง 68.25 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,851.04 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.06 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,114.15 จุด แนสแดค ลดลง 36.35 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,171.77 จุด
    หุ้นของแอปเปิลร่วงลงถึงร้อยละ 4.6 ปิดที่ 124.80 ดอลลาร์ต่อหุ้น หนึ่งวันหลังจากผู้ผลิตไฟโอนแห่งนี้ออกมาคาดการณ์ว่า รายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมาย
    นอกจากนี้นักลงทุนยังผิดหวังต่อตัวเลขยอดขาย iPhone ของบริษัทแอปเปิล หลังเผยยอดขาย iPhone เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 35 ในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้ยอดขาย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในจีน
    ขณะเดียวกัน หุ้นของไมโครซอฟท์ ก็ปรับลดถึงร้อยละ 4.2 ปิดที่ 45.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังรายงานตัวเลขขาดทุน 3.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนถึงมิถุนายน. ซึ่งเป็นการขาดทุนรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ขณะที่บริษํทแห่งนี้ตัดลดมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจโทรศัพท์โนเกียและอุปสงค์ระบบปฏิบัติการวินโดรว์สลดลง
    ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 10 ติดต่อกัน แตะระดับต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ เป็นครั้แรกนับตั้งแต่เมื่อวั้นที่ 24 มีนาคม 2010 จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและนักลงทุนไม่สนใจสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 12.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,091.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
    การปรับลดวานนี้(22ก.ค.) สะท้อนถึงแนวโน้มขาลงของราคาทองคำเมื่อเร็วๆนี้ อันเกิดจากปัจจัยต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นความคาดหมายว่าธนาคารกลางสหัฐฯ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีซึ่งผลักให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น รวมถึงความหมางเมินต่อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความสงบของตลาดทุน หลังผ่านพ้นวิกฤตหนี้กรีซและฟองสบู่แตกในตลาดทุนจีน
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปูตินยอดคนในรอบหลายร้อยปีที่เกิดขึ้นในรัสเซีย และจักรวรรดิเฮเกโมนีในสายตาของอดีตเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ

    [​IMG]

    ----------
    ตามที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเล่า (แปล) อีกมุมมองหนึ่งของชาวอเมริกัน (บางคน) ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำคนปัจจุบันของรัสเซีย ซึ่งจะเป็นอีกมุมมองหนึ่งจากจากนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันที่ได้แปลไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับปูติน แต่ก็สะท้อนให้เห็นมุมมองบางอย่างที่บางคนต้องการจะสื่อและเสี้ยม
    เมื่อวันที่ 21 ก.ค.58 ที่ผ่านมา Sputnik news พาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Putin the Best Thing Happened to Russia in Hundred Years – US Officer" แปลตามชื่อเรื่องของโพสต์นี้แหละครับ คำพูดนี้ไม่ใช่ของรัสเซีย แต่มาจากความคิดเห็นของอดีตเจ้าหน้าที่ทางกองทัพของสหรัฐฯเอง
    รายงานข่าวบอกว่าตามความคิดเห็นของ Scott Bennett อดีตเจ้าหน้าที่ด้านจิตวิทยาในกองทัพสหรัฐฯและนักวิเคราะห์ด้านขบวนการก่อการร้ายมองว่า ปธน. Vladimir Putin เทียบเท่าได้กับอดีตปธน.คนที่ 40 ของสหรัฐฯซึ่งก็คือ Ronald Reagan โดยผู้นำทั้งสองคนได้นำพาประเทศของตนออกจากแรงกดดันเบื้องลึกและความถดถอยทางเศรษฐกิจ
    Scott Bennett ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Press TV ว่า "ผมคิดว่าวลาดิมีร์ ปูติน อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่ได้เกิดขึ้นมาในรัสเซียในรอบหลายร้อยปี (I think Vladimir Putin is probably the best thing that has happened to Russia in a hundred years" (ว้าว! Agreed! ใช่เลย... คนนี้ตาถึง ต่างจากมุมมองของโปรอเมริกาหลายคนนัก)
    อดีตเจ้าหน้าที่ประจำกองทัพสหรัฐฯเปิดเผยว่า "หน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯได้ติดตามเฝ้าดูวลาดิมีร์ ปูติน มาตั้งแต่ยุค 80s และยังคงจับตาดูแบบลับๆจนถคงยุค 90s"
    Scott Bennett เน้นย้ำว่า "ผมไม่คิดว่า (จะมีใครที่มี) ภาพพจน์ในความรักชาติ (patriotic figure) กับความรักประเทศและประชาชนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าปูติน เนื่องจากพวกเราได้เห็นมาแล้วในยุค 90s เมื่อสหภาพโซเวียตเริ่มที่จะแตกแยก วลาดิมีร์ ปูติน ได้เลือกข้างชาวรัสเซีย และประเทศอันเป็นที่รักของเขา และประชาชนของเขา เมื่อสหรัฐฯได้พยายามอย่างยิ่งที่จะก่อวินาศกรรมและบ่อนทำลายและทำลายล้างรัสเซีย (when the United States was actively trying to sabotage and scuttle and destroy Russia)" (ตรงความรักชาติและเลือกประชาชนโดยไม่แบ่งฝ่ายนี่เหมือนใครในปัจจุบันนี้นะ? คริๆ)
    มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่กลับกลายเป็นว่าการจัดเดินเกมการเมืองของสหรัฐฯเป็นการเหยียดหยามชิงชัง (despise) รัสเซียและปูติน เพียงเพราะว่าเขาและรัสเซียเป็น "พวกกลัวพระเจ้าแบบเดิมๆ (conservative God-fearing) เป็นประเทศที่รักครอบครัว (family-loving country) ซึ่งชาวอเมริกันก็เป็นเช่นนั้นด้วย" แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลโอบาม่ากลายเป็นว่าเป็นพวกต่อต้านครอบครัว (anti-family) เป็นพวกต่อต้านการแต่งงาน และเปิดทำสงครามครูเสดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วโลกอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู (ultimately) เพื่อก่อตั้งอำนาจการเป็นเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียวของสหรัฐฯ (to establish the US hegemony เห็นมะ! นี่ขนาดนักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเองเขาก็ยังใช้คำว่า "US hegemony" ที่มีรากศัพท์เดียวกันกับคำว่า "Hegemonism" ที่เพจนี้เคยเรียกอยู่บ่อยๆเลยนะ แม้จะเป็นวาทกรรมเชิงเหน็บแนมแต่ก็สะท้อนให้เห็นความจริงที่กำลังเป็นไปอยู่ในโลกในปัจจุบันนี้ได้ชัดเจนมากเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯในเวทีโลกในการแผ่ขยายอำนาจทางกองทัพและการเมืองของตนไปทั่วโลก)
    Scott Bennett เล่าต่อว่า "พวกเขาเริ่มสงครามในอิรัค ลิเบีย และยูเครน และคราวนี้ก็พยายามที่จะล้มอำนาจรัฐบาลของ Bashar al-Assad ในซีเรียเปิดทางไปสู่การโจมตีอิหร่าน" (อ๊ะ! คนนี้พูดไม่เหมือนกับนาย Rodney Martin กะล่อนทองที่บอกก่อนหน้านี้ว่าตะวันตกเป็นผู้ก่อสงครามในยูเครนแฮะ)
    ตามความคิดเห็นของ Scott Bennett เขามองว่า "รัฐบาลของโอบาม่าได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากคณะกรรมการดำเนินการด้านการเมืองชาวอิสราเอลอเมริกัน (the American Israeli Political Action Committee) พวกนักล็อบบี้ทางการเมืองเหล่านี้ ได้อำนวยความสะดวกในการสร้างพวกผู้ก่อการร้าย Islamic State และองค์กร Wahhabist Salafist ต่างๆนาๆขึ้นมาในตะวันออกกลาง" (แฉกันเองซะแหละ)
    องค์กรเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนทางการเงินโดยซาอุดิอาระเบีย ซึ่งดำเนินการผ่านสหภาพธนาคารสวิทเซอร์แลนด์ (Union Bank of Switzerland) ซึ่งก็คือธนาคาร HSBC ผลที่ตามมาก็คือภูมิภาคตะวันออกกลางทั้งหมดในปัจจุบันนี้ลุกท่วมไปด้วยไฟสงครามและเกิดการแตกแยกที่ลึกมาก
    อดีตนักวิเคราะห์ต่อต้านขบวนการก่อการร้ายเน้นย้ำอีกว่า "พวกตัวแทนชาวอิสลามหัวรุนแรงเหล่านี้ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ซีเรียและอิหร่านเท่่านั้น แต่ยังมุ่งไปที่รัสเซียด้วย" (these radical Islamist proxies are targeting not only Syria and Iran, but also Russia)
    โชคร้ายที่ประชากรชาวยุโรปจะต้องมาจ่ายในราคาที่สูงให้กับความทะเยอะทะยานในความยิ่งใหญ่ที่ขาดความรับผิดชอบของสหรัฐฯ (US's irresponsible imperial ambitions) ในตะวันออกกลาง ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับซึนามิผู้ลี้ภัย (tsunami of refugees) (แปลกนะ สหรัฐฯชวนพวกยุโรปไปก่อสงครามในตะวันออกกลาง พอมีผู้อพยพหนีภัยสงครามเกิดขึ้น สหรัฐฯกลับให้ยุโรปเป็นผู้รับผิดชอบดูแล ไม่เห็นมีพวกผู้อพยพหลายหมื่นหลายแสนคนไหลทะลักเข้าไปสู่สหรัฐอเมริกาอย่างที่เกิดขึ้นในยุโรปบ้างเลย พวกยุโรปนี่เขาฉลาดจริงหรือเปล่านี่? ก็รู้ๆอยู่ว่านี่เป็นเกมของสหรัฐฯตั้งแต่แรก แต่ก็ยังบ้าทำตามสหรัฐฯกันอยู่อีก)
    Scott Bennett กล่าวต่ออีกว่า "ผมคิดว่าพวกเขา (ชาวยุโรป) กำลังประสาทเสียและโกรธมาก และไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับวลาดิมีร์ ปูติน (มันเกี่ยวอะไรกับปูตินด้วยหละยุโรปจ๋า?) เพราะว่าเขาเป็นบุคคลที่ฉลาดมากที่สุด (smartest guy) ในห้องเจรจา เขาสามารถพูดได้หลายภาษาอย่างคล่องแคล่ว และปธน.ปูตินก็รู้จักประชาชนของเขาและยังมีพรสวรรค์ทางการทูตที่โอบาม่่าไม่มีอีกด้วย มีแต่ความหยิ่งทนงตนและความจองหองอวดดี (arrogance and presumption) ว่าโลกที่เหลือทั้งหมดจะต้องโค้งหัวให้กับจักรวรรดิอเมริกา (American empire) ในฐานะที่เป็นเมืองขึ้นภายใต้กรุงโรม" (เห็นมะ... นี่ก็อีกที่หนึ่งที่นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันใช้คำว่า "จักรวรรดิอเมริกา" มันเป็นการแผ่อำนาจจักรวรรดิยุคใหม่ ไม่ใช่แบบที่ตะวันตกเคยใช้ล่าเมืองขึ้นเหมือนสมัยก่อน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน แม้วิธีจะแตกต่างออกไป ยังมีคนไทยขี้ข้าอเมริกาเป็นจำนวนมากที่ยังโง่ไม่ลืมหูลืมตาดูความเป็นจริงโดยยังมองว่าสหรัฐฯคือนักบุญมาโปรด โดยชูธงประชาธิปไตยนำหน้า มีเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเกราะเหล็ก มีอาวุธวิเศษที่ไม่มีใครทัดทานได้คือการแซงชั่น)
    อดีตเจ้าหน้าที่ในกองทัพของสหรัฐฯกล่าวเพิ่มเติมว่า "ดูเหมือนว่าประชาชนชาวอเมริกันจะเริ่มตื่นตัวกันแล้ว และ 'การปฏิวัติเงียบอย่างช้าๆ' (slow revolution) กำลังเริ่มดำเนินการอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเองในปัจจุบัน" (ก็เริ่มมีกระแสที่หลายรัฐต่างพากันแสดงออกว่าต้องการที่จะแยกการปกครองจากรัฐบาลกลาง จนนำไปสู่ปฏิบัติการแกล้งซ้อมรบ Jade Helm 15 เพื่อเป็นการทดลงประกาศใช้กฎอัยการศึกแบบลับๆของรัฐบาลกลางสหรัฐฯในบางรัฐ ซึ่งได้เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.58 เป็นต้นมาจนถึง 15 ก.ย.58 ล่าสุดทางกองทัพสหรัฐฯไม่เปิดให้สื่อฯไปทำข่าวเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว นี่คือการกำหราบพวกที่คิดจะแยกตัวออกจากรัฐบาลกลางแบบเงียบๆในภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังทรุดหนักเช่นกัน)
    สุดท้าย Scott Bennett กล่าวว่า "ชาวอเมริกันได้เรียนรู้ความจริงมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเป็นไปภายในประเทศของพวกเขาและในต่างประเทศ พวกเขาจะมองหาการรีเซ็ทความสัมพันธ์กับกรุงมอสโคว์ เตหะราน และปักกิ่งมากขึ้น และจะโยนระบอบการปกครองแบบหยิ่งผยองจองหอง (arrogant regime) ของจอห์น แคร์รี่และบารัคโอบาม่า และพวกคนแก่หัวเก่าเหล่านี้บางคนที่นำชาวอเมริกันเข้าไปสู่สถานการณ์ที่ประชาชนไม่ต้องการนี้ทิ้งลงน้ำไป" (แหม…นึกถึงเพลง "ทิ้งรักลงแม่น้ำ" ของ Y not 7 ขึ้นมาทันทีเลยนะนี่ เขาร้องว่าไงนะ... "ทิ้งลงแม่น้ำ แล้วลืมทุกอย่าง...ปล่อยให้ไหลไป ให้ลอยลงสู่ทะเลให้หายยยยย ไป ให้มันอย่าคืนย้อนมา ทิ้งงงงงงงไป..." พอหละอินไปหน่อยครับ คริๆ)
    โย่!… นึกว่าจะชมแต่ปูตินเป็นหลัก ที่ไหนได้ นักวิเคราะห์วิจารณ์ซัดหมัดเข้าปากโอบาม่าเต็มๆเลยนะนี่ และนี่คือการกระทำที่ช่วยปลุกให้ชาวอเมริกันและชาวโลกบางคนที่กำลังปริ่มๆน้ำใกล้จะพ้นจากน้ำให้ได้รับแสงอาทิตย์ พร้อมจะตื่นรู้กลายเป็นบัวพ้นน้ำในที่สุด ส่วนพวกที่ไม่เคยคิดจะชูคอออกมาหายใจเหนือผิวน้ำก็ปล่อยให้เป็นเหยื่อของสัตว์ใต้น้ำหรือเน่าอยู่ในโคลนต่อไป
    อ้อ… นอกจากข่าวนี้แล้วสื่อฯอเมริกายังลงข่าวเกี่ยวกับคะแนนนิยมของปูตินที่พุ่งปรี๊ด กระฉูดพรวด แรงสะใจเลยหละ อยู่ในลิงค์ที่สองและที่สามนะครับ อ่านเอาเองนะ ไม่แปลหละ ขอไปดูข่าวอื่นต่อนะครับ
    The Eyes
    23/07/2558
    ----------
    Putin the Best Thing Happened to Russia in Hundred Years – US Officer / Sputnik International
    US Magazine Unveils Secret Behind Putin's Popularity in Russia / Sputnik International
    Putin's Performance Hits Record 89% Approval Rating – Independent Poll / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    เซอร์ไพรซ์! ทางออกของซีเรีย: เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEU) ที่นำโดยรัสเซีย

    [​IMG]

    ------------
    ว้าว! นึกไม่ถึงว่าปูตินจะมามุกนี้! น่าสนใจ... เดิมทีว่าจะเล่าข่าวเกี่ยวกับปูติน และข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนที่กำลังร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งระหว่างพวก Right Sector กับรัฐบาลหุ่นเชิดในกรุงเคียฟ แต่พอเช็คข่าววันนี้ จุดนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย และเห็นว่าเป็นข่าวสั้น ไม่น่าจะใช้เวลาเขียนมากนัก งั้นขอจัดข่าวนี้ให้แฟนเพจก่อนเลยละกันนะครับ
    เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดข่าวเรื่องหนึ่งว่า "Syria wants to join Russia-led Eurasian Economic Union – prime minister" เห็นหรือยังว่าน่าสนใจขนาดไหน แบบว่าอยากรู้อ่ะ เขาจะพูดถึงอะไรบ้่าง เพราะล่าสุดทางอังกฤษก็กระหายที่จะบอมซีเรียอีกรอบเป็นอย่างมาก ก็คิดว่าซีเรียคจะสามารถรอดพ้นจากการถูกรุมกินโต๊ะรอบสองโดยจักรวรรดิเฮเก (Hegomonism) กับพวกรวมทั้งพวกไอซิสและกบฏสายกลางเด็กในคอนโทรลของจักรวรรดิเฮเกได้หรือไม่? และแล้วก็มีรัศมีแสงสว่างแห่งความหวังรำไรฉายไปที่ซีเรียปรากฎขึ้นมาให้เห็นบ้าง ยังไงรึ?
    สื่อรัสเซียรายงานว่า นายกรัฐมนตรี Wael Halqi ของซีเรียกล่าวว่าการเข้าร่วมกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union - EEU) จะทำให้กรุง Damascus มีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศต่างๆที่เป็นมิตรได้ง่ายขึ้น รัสเซียและเบลารุสกำลังเจรจาเกี่ยวกับเงินกู้รอบใหม่ให้ซีเรียเช่นกัน (นั่นไง ต้องมีทางออกบ้างหละน่า)
    Wael Halqi ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ว่า "ตอนนี้ซีเรียกำลงทำการเจรจาต่อรองกับรัสเซียเรื่องการเข้าร่วมสหภาพยูเรเซียและเขตการค้าเสรีปลอดภาษีศุลกากร (Eurasian Union and customs-free zone) (ซึ่งก็คือ EEU นั่นแหละ) ซีเรียมองว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์และเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆที่เป็นมิตรให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศ (ที่เป็นมิตร) เหล่านั้น"
    (ชัดเลย! สหรัฐฯและอียูรวมหัวกันแซงชั่นตัดแขนตัดขาของซีเรีย แต่รับซื้อน้ำมันดิบจากพวกไอซิสและกลุ่มกบฎต่อต้านรัฐบาลกลางของซีเรียที่ยึดได้จากรัฐบาลกลาง แซงชั่นแบบไหนก็ไม่รู้ และห้ามไม่ให้ประเทศไหนคบกับซีเรีย แต่อิหร่านกับรัสเซียก็ไม่สน และทางออกที่เหมาะสมที่สุดที่จะช่วยให้ซีเรียรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ก็คือ มาอยู่ภายใต้ปีกของยูเรเซียนี่แหละ เพราะเป็นการรวมกลุ่มกันด้านเศรษฐกิจและการค้า ไม่ใช่ด้านกองกำลังทหารอย่างนาโต้ วันข้างหน้าค่อยขายไปร่วมกับ SCO ที่นำโดยจีนก็ได้ คริๆ)
    รายงาานข่าวโดยอ้างคำพูดของนายกฯซีเรียกล่าวว่า รัสเซียและซีเรียได้ลงนามในสัญญาต่างๆเป็นจำนวนมากเพื่อก่อสร้างโรงงานแปรรูปแก๊ส สิ่งอำนวยความสะดวกด้านชลประทาน สถานีพลังงานต่างๆ โดยในปี 2013 บริษัทสัญชาติรัสเซียได้ทำข้อตกลงกับซีเรียเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำมันในชายฝั่งของซีเรีย เฟสแรกมีมูลค่า $88,000,000 (ประมาณ 3 พันล้านบาท) และจะมีอายุ 5 ปี
    ส่วนเรื่องการกู้เงินนั้นนายกฯซีเรียกล่าวว่า "การต่อรองกับรัสเซียและเบลารุสเกี่ยวกับการขยายเครดิตไลน์ครั้งใหม่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องของการผลิต และการสร้างโอกาสใหม่ๆในการพัฒนาตลาดภายในและกระบวนการทางเศรษฐกิจ"
    นายกฯซีเรียยังได้แสดงความหวังอีกว่ารัสเซียอาจจะช่วยรัฐบาลซีเรียในการรับมือกับการโจมตีที่โหดร้ายซึ่งรวมถึงการแซงชั่นทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมโดยพวกตะวันตก
    นายกฯ Halqi กล่าวว่า "ซีเรียกับอิหร่านได้ทำเครดิตร่วมกันและได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งสองประเทศได้ลงนามในเครดิตไลน์ 2 ครั้ง ซึ่งมีจำนวนถึง $3.6 billion (ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท) โดยกรุงเตหะรานได้สำรองไว้สำหรับโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และอีก $1 billion (ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท) สำหรับการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (delivery of humanitarian aid) ซึ่งรวมทั้งอาหาร เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาล และเครื่องมือสำหรับใช้ในโรงงานพลังงาน (ไฟฟ้า) ด้วย" (แล้วอาวุธหละ? ฮ่าๆๆ ก็รู้ๆกันอยู่ ถือว่าเป็นของแถมให้ละกัน คริๆ)
    นายกรัฐมนตรีของซีเรียยังกล่าวด้วยว่า "ซีเรียรู้สึกประทับใจอย่างซาบซึ้งและขอบคุณ (อาจจะฟังดูเว่อไปสักนิด อันนี้แอ็ดมินเพิ่มให้เองนะ ที่จริงเขาพูดแค่ว่า appreciates คริๆ ก็ความหมายประมาณนี้แหละ) สำหรับความพยายามทั้งหมดที่กระทำโดยความเป็นผู้นำของรัสเซียเพื่อรักษาไว้ซึ่งนโยบายและเศรษฐกิจของซีเรียในช่วงหลายปีที่เกิดวิกฤตการณ์มานี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอขอบคุณกรุงมอสโคว์ที่บริจาคข้าวสาลีจำนวน 100,000 ตันเพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านมนุษยชนให้กับซีเรียด้วย"
    ว้าว! ดูรัสเซียสิ เจ๋งอ่ะ... แล้วจักรวรรดิเฮเกบริจาคอะไรให้ซีเรียบ้างเอ่ย? มีเหมือนกัน ก็ลูกระเบิดทางอากาศ และผู้ก่อการร้ายในซีเรียไง งานถนัดของเขาหละ
    The Eyes
    22/07/2558
    ----------
    Syria wants to join Russia-led Eurasian Economic Union – prime minister — RT Business
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ยูเครนเตรียมเดือดอีกรอบ กลุ่มติดอาวุธ Right Sector หัวรุนแรงพันธมิตรของรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันออกมาประกาศขับไล่รัฐบาลประชาธิปไตยที่อเมริกาจัดให้ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปใหม่ และขู่ว่าจะมี "New Maidan" (เผาไมดานอีกรอบ) ฮ่าๆๆ ซัดกันเองซะแล้ว
    ------------
    จนได้!... ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในยูเครนที่ส่อเค้าว่าจะบานปลายออกไปอีกครั้ง เริ่มด้วยปธน.โปโรเชนโก้ของยูเครนออกกฎหมายปลดอาวุธของพวกนีโอนาซี Right Sector หัวรุนแรงคลั่งชาติสุดโต่ง จนเกิดการประท้วง ตั้งด่านปิดถนนโดยกลุ่ม Righ Sector เองและมีการยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจยูเครนเสียชีวิตไปสองราย ต่อมาทั้งสองขั้วคือพวก Right Sector และฝั่งรัฐบาลที่สนับสนุนโปโรเชนโก้ก็ทะเลาะกันในสภาอีก เกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในประเด็น "การกระจายอำนาจจากส่วนกลาง" (decentralization) ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงเจรจาสันติภาพกรุงมินส์ก เพื่อเพิ่มอำนาจการปกครองให้กับภูมิภาคดอนบาสส์ (DPR/LPR) โปรรัสเซีย
    กลุ่ม Right Sector ออกมาเรียกร้องให้ยุติข้อตกลงสันติภาพกรุงมินส์ก โดยให้ทำประชามติในการยกเลิกสัญญาดังกล่าวที่ได้มีการลงนามร่วมกันแล้วทั้งสองฝ่ายเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำสี่ประเทศให้การรับรองคือรัสเซีย เยอรมัน ฝรั่งเศส และยูเครน (ไม่มีอเมริกา เพราะไม่เป็นที่ต้องการของกลุ่ม)
    เมื่อวันที่ 19 ก.ค.58 ที่ผ่านมากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย DPR/LPR ประกาศถอนอาวุธที่มีขนาดลำกล้องต่ำกว่า 100 มม.และยานพาหนะติดอาวุธทางกองทัพหลายชนิดออกจากเขตสู้รบในภูมิภาคโดเน็ทส์ก และถอนอาวุธหนักอื่นๆรวมทั้งรถถังด้วยกลับไปห่างจากแนวเส้นแบ่งที่มีการตกลงกันไว้ราว 1.9 ไมล์ด้วย กระบวนการถอนกำลังในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่จากองค์กร OSCE จับตาดูอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นสักขีพยายานว่าฝั่ง DPR/LPR ได้ถอนกำลังออกไปแล้วนะ แล้วฝั่งยูเครนหละ พร้อมที่จะถอนกำลังของตนออกไปบ้างหรือยัง? (แนวหน้าของฝั่งยูเครนอ้างว่ายังไม่ได้รับคำสั่งจากทางการของยูเครน)
    ที่ไหนได้ พวก Right Sector ที่มีกองกำลังของตนประจำอยู่แนวหน้า เตรียมจะซัดกับพวก DPR/LPR อีกรอบ ออกอาการเซ็งทันที บอกว่าไม่ได้ ทำอย่างนี้ได้ยังไง จะยุติสงครามกันไปเฉยๆแบบนี้ได้อย่างไร กำลังมันส์เลยนะนี่ ดังนั้นเพื่อให้สงครามยืดเยื้อต่อไปอีก พวกนี้จึงออกมาประท้วงให้กรุงเคียฟยกเลิกข้อตกลงสันติภาพที่ได้ลงนามร่วมกันก่อนหน้านี้ซะ (กรรม!)
    เมื่อพวกคลั่งสงครามชวนอีกฝ่ายทะเลาะด้วยไม่ได้ เพราะฝ่าย DPR/LPR บอกว่าตอนนี้นี้ไม่ว่าง ไม่อยากรบแล้ว ขอเวลาไปทำมาหากิน พัฒนาบ้านเมืองที่โดนถล่มจากภัยสงครามก่อนนะ พวก Right Sector ก็เคว้งสิคราวนี้ เอาไงดีหว่า? จึงพากันลุกขึ้นมาประท้วงการปฏิรูปและแก้ไขรัฐธรรมนูญซะเลย
    เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียรายงานว่า กลุ่มผู้สนับสนุนขบวนการ Right Sector คลั่งชาติ (ultranationalist) ของยูเครนจำนวน 6,000 คนขึ้นไปออกมารวมตัวกันที่ใจกลางกรุงเคียฟ (ไมดาน) การเดินขบวนในครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงสัญลักษณ์ของ "ก้าวใหม่ของการปฏวัติยูเครน" (new stage of Ukrainian revolution) ตามคำประกาศของนาย Dmitry Yarosh หัวหน้ากลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง (ตามข่าวเขาใช้คำว่า "ultranationalist" ซึ่งแปลว่า "extreme nationalism" หมายถึงพวากคลั่งชาติสุดโต่ง ก็แปลกดีพวกนี้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ นึกไม่ออกว่าหลังปฏิรูปตามแนวทางของพวกนีโอนาซีเหล่านี้แล้วยูเครนจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร คงจะเป็นประชาธิปไตยแบบที่อเมริกาต้องการหรือออกแบบให้แน่ๆ)
    รายงานข่าวฝั่งรัสเซียหลายสำนัก (ทั้ง RT, Sputnik และ TASS) กล่าวว่า พวกนิยมความรุนแรงเหล่านี้เดินขบวนผ่านใจกลางเมืองหลวงของยูเครนเมื่อเย็นวันอังคารที่ผ่านมา และไปรวมตัวกัน (ที่แยกราชประสงค์ Oopz! ม่ายช่าย เอ… หรือว่าที่ แยกคอกวัว Oopz! ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ คริๆ) ที่จตุรัส Maidan (Independence Square) ที่ซึ่งพวกเขาเคยพูดว่าเผาไปเลยครับพี่น้อง และก็เผาไมดานจริงๆซะด้วย (อันนี้แอ็ดมินเพิ่มให้เฉยๆนะครับ) อ่านข่าวต่อนะ รายงานข่าวบอกว่า ขบวนแรลลี่ขนาดใหญ่มีทั้งประชาชนที่สวมใส่เสื้อลายพราง โบกธงสีแดงและดำ (หุ้ย! สีมันคุ้นๆนะนี่ ถ้าตัดสีดำออกไปนี่ชัดเลย! ไปโผล่ที่โน่นได้ไง? คริๆ) ของกองกำลังกบฎ/ปฏิวัติยูเครน (Ukrainian Insurgent Army - UPA) และยังร้องตะโกนอีกว่า "ศัตรูต้องตาย/ความตายจงมีแก่พวกศัตรู" (death to enemies) ตามรายงานของสำนักข่าว TASS (เห้อ… เหนื่อยใจกับพวกนี้จริงๆ ยูเครนตะวันออกก็เป็นชาวยูเครนด้วยกันแท้ๆ จะเข่นฆ่ากันไปทำไมนักหนา?)
    นาย Dmitry Yarosh แกนนำระดับท็อปของพวก Right Sector (Pravy Sektor) ได้กล่าวที่จตุรัสไมดานในครั้งนี้ว่า "กลุ่ม/ขบวนการนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเราคือกองกำลังปฏิวัติที่มีระเบียบวินัย (ฟังแล้วสยองไงไม่รู้ ขอกลืนน้ำลายก่อนนะ) เปิดทางสู่ก้าวใหม่ในการปฏิรูป/ปฏิวัติยูเครน" (we are a disciplined revolutionary force, opening a new stage of Ukrainian revolution) (อื่ม!… ดูในภาพประกอบขาวเอาเองละกันว่าเขามีระเบียบวินัยที่นำพาประเทศของพวกเขาไปสู่การปฏิรูปได้อย่างไรและจะเป็นจริงหรือไม่? เห็นภาพที่แบกยางรถยนต์เตรียมไปเผากันอีกรอบไหม?)
    รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่ากลุ่มหัวรุนแรงคลั่งชาติฝ่ายขวาเหล่านี้ประกาศแผนในการทำประชามติเพื่อโหวตว่าไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลยูเครน (ไม่ไว้วางใจ) และกลุ่มผู้ประท้วงยังได้เรียกร้องให้นาย Arsen Avakov รมว.มหาดไทยของยูเครนลาออกจากตำแหน่งด้วย (เริ่มแล้ว... ขั้นแรกในการล้มรัฐบาลของพวกเขาเอง)
    Yarosh หัวหน้าแก๊ง Right Sector กล่าวว่าสำนักงานเขตต่างๆทั่วทุกพื้นที่ในยูเครนจะจัดให้มีการทำประชามติเริ่มขึ้นในวันพุธนี้ ศูนย์กลางของขบวนการ Right Sector จะทำหน้าที่เป็น "คณะกรรมการปฏิวัติ" (revolutionary committees) การประกาศกฎอัยการศึกทั่วอาณาเขตของยูเครนควรจะใส่ลงไปในการโหวตทำประชามติด้วย (กรรมหละสิ! มันชงเองกินเองทั้งนั้นเลยนะนี่ ให้อันธพาลมาปรกครองประเทศนี่นะ? แล้วยังนิยมใช้กฎอัยการศึกด้วย ฮ่าๆๆ! ก็ไหนว่าชื่นชอบประชาธิปไตยที่สหรัฐฯจัดให้ไม่ใช่รึ? แล้วไหงมาลงที่กฎอัยการศึกซะหละนี่? ประชาธิปไตยแบบไหนของคุณอีกหละนี่ลูกกระเป๋งของสหรัฐฯเอ๋ย)
    สำนักข่าว TASS รายงานคำพูดของนาย Dmitry Yarosh อีกว่า "ประชาชน (อ้างประชาชนอีกแล้ว มุกนี้หากินได้ตลอด) จะต้องออกเสียงแสดงท่าทีของพวกเขาต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ... รัฐบาลควรจะรู้ว่าถ้าประชาชนไม่พึงพอใจกับรัฐบาลนั้น ดังนั้นรัฐบาลจะต้องออกไป" (the government should know that if the people are not pleased with it, then it must go) หากรัฐบาลไม่อนุญาตให้ทำประชามติในครั้งนี้ ดังนั้นกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ก็ออกบอกว่า พวกเขาจะจัดตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของพวกเขาขึ้นมาเอง และจะโหวตประกาศเป็นเอกราชทั่วประเทศยูเครนเลย (ว้าว! เป็นไงลีลาและชั้นเชิงการตวัดลิ้นของเขา แพรวพราวขนาดไหน? เกินบรรยาย เมื่อผลประโยชน์ลงตัวกันก็ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมา พอขัดแย้งกันและผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็กัดกันเอง ขับไล่กันเอง ล้มกันเอง งานนี้จะโทษปูตินหรือรัสเซียว่าอยู่เบื้องหลังไม่ได้แล้วนะ เพราะว่าฝั่งรัสเซียเขาพากันนั่งหัวเราะท้องแข็งอยู่หน้าจอทีวีเหมือนดูละครสัตว์กำลังกัดกันเองอ่ะ)
    ป.ล. จริงๆแล้วเขาพูดเยอะกว่านี้มาก และมีข่าวเยอะด้วย ดูจากลิ้งที่แนบไว้กับโพสต์นี้ก็ได้ แต่วันนี้เล่าย่อๆแค่นี้ก็พอนะครับ
    The Eyes
    22/07/2558
    ----------
    http://www.rt.com/n…/310396-ukraine-right-sector-revolution/
    New Maidan in the Making in Ukraine – Russian MP / Sputnik International
    Tensions Between Kiev, Right Sector Harm President Poroshenko's Authority / Sputnik International
    Ukrainian Nationalist Battalions Making Money From War - Deserter / Sputnik International
    Right Sector Demands End to Minsk Agreements, Referendum to Impeach Gov’t / Sputnik International
    DPR, LPR Support Minsk Peace Talks Extension for 2016 / Sputnik International
    Kiev, Donbass Dissatisfied With Poroshenko’s Constitutional Reform / Sputnik International
    Ukrainian National Savchenko Trial Set to Begin July 30 / Sputnik International
    Donetsk Removing Weapons of Less Than 100mm Caliber From Horlivka / Sputnik International
    Maidan Revolution in Ukraine Not Over Yet – Right Sector Leader / Sputnik International
    Donetsk Republic Withdrawing Weapons, Vehicles Under OSCE Supervision / Sputnik International
    Poroshenko Considers Right Sector Shooting in Mukachevo Act of Terrorism / Sputnik International
    Ukrainian Chaos Could Spill Over to Europe - Russia's Foreign Ministry / Sputnik International
    Mukachevo Crisis: Right Sector Rehearses Uprising Against Kiev / Sputnik International
    TASS: World - Police vans arrive at Right Sector office in Kiev
    TASS: World - Right Sector threatens Ukraine authorities with parallel elections
    TASS: World - About three thousand Right Sector supporters rally in central Kiev
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    5สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ไลฟ์สไตล์ : ข่าวทั่วไป
    วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2558

    [​IMG]

    รู้ทันมะเร็ง : 5 สัญญาณมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก : นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ
    มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ภัยร้ายที่กำลังมาแรงสำหรับคนไทยที่เริ่มมีวิถีชีวิตค่อนไปทางสังคมชาวโลกตะวันตกมากขึ้นทุกวัน จากสถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ของบ้านเราในปี พ.ศ. 2551 พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักรายใหม่กว่า 9,000 ราย พบบ่อยเป็นอันดับ 3 ในภาพรวมทั้งสองเพศ แต่เมื่อพิจารณาแยกเพศแล้ว เพศชายมีแนวโน้มเป็นโรคนี้มากกว่าเพศหญิง โดยพบบ่อยเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ แนวโน้มที่พบมีเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับมะเร็งเต้านม
    ด้วยเหตุนี้จึงได้เวลามาพูดเน้นกันเฉพาะเรื่องสัญญาณอาการอันตรายที่พบบ่อยของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เริ่มด้วยสัญญาณที่หนึ่ง ปวดท้องเป็นพักๆ ลักษณะการปวดเป็นแบบมีช่วงปวดสลับกับช่วงหายปวด ตามจังหวะการบีบตัวของลำไส้ที่บีบตัวตามปกติ เนื่องจากอุจจาระผ่านตำแหน่งที่มีเนื้องอกได้ยากลำบากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดเป็นพักๆ เมื่อก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่มากขึ้น อุจจาระก็ยิ่งผ่านบริเวณนั้นได้ลำบากมากขึ้น อาการปวดจะรุนแรงขึ้นและปวดบ่อยขึ้น สัญญาณที่ 2 มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย นอกจากอาการปวดท้องอย่างที่ว่ามาแล้ว การขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิม คือมีอาการท้องผูกต่อเนื่องกันหลายวัน สลับด้วยการถ่ายอุจจาระเหลวลักษณะมีมูกปนมากับอุจจาระ ลักษณะอุจจาระแบบนี้ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นท้องเสียจากการติดเชื้อ แต่อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ไม่ได้มีแต่อาการท้องเสียอย่างเดียว แต่สลับด้วยอาการท้องผูกถ่ายลำบาก จากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลงจากก้อนเนื้องอกที่โตเข้ามาในลำไส้ ส่วนมูกนั้นเกิดจากเซลล์มะเร็งสร้างมูกจำนวนมากเข้ามาในลำไส้
    ต่อด้วยสัญญาณที่ 3 ที่เกี่ยวเนื่องกันคือ อุจจาระเป็นมูกปนเลือด คือนอกจากจะมีมูกปนในอุจจาระแล้ว มักมีเลือดปนมากับมูกและอุจจาระด้วย เนื่องมาจากตัวเนื้องอกมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักนั้น นอกจากมีลักษณะเป็นก้อนแล้ว มักมีแผลแตกบริเวณก้อนร่วมด้วย ทำให้มีเลือดออกมาจากแผลนั้นเป็นระยะ สัญญาณที่ 4 ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง ในช่วงที่อุจจาระไม่เป็นมูกเหลว หากสังเกตขนาดของลำอุจจาระจะพบว่า ขนาดเล็กลงโดยลำดับจากการที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง ดังนั้นสัญญาณที่ 3 และ 4 นั้น รู้ได้จากการสังเกตลักษณะอุจจาระ เพราะฉะนั้นก่อนจะกดชักโครก ก็หมั่นสังเกตลักษณะอุจจาระของตัวเองทุกครั้ง และสัญญาณที่ 5 อาการพิเศษของเฉพาะมะเร็งทวารหนักนั่นคือ อาการรู้สึกปวดถ่ายอยากเข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ถ่ายแล้วไม่ค่อยมีอะไรออกมา มีอาการเหมือนถ่ายไม่สุด เนื่องมาจากการมีก้อนเนื้องอกในทวารหนัก ทำให้ร่างกายมีความรู้สึกเหมือนมีอุจจาระในทวารหนัก จึงเกิดอาการปวดอยากถ่ายอุจจาระอยู่ตลอดเวลา
    ใครที่เริ่มมีอาการ 5 สัญญาณอันตรายอย่างที่ว่า ก็อย่านิ่งดูดายนะครับ รีบไปพบแพทย์ให้ตรวจละเอียดเพิ่มเติมก่อนดีกว่านะครับ...เชื่อผมสิ
    5
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อดีตทูตทหารสหรัฐฯเตือน'โอบามา'เร่งฟื้นสัมพันธ์'ไทย' ชี้กระทบยุทธศาสตร์ปักหมุดเอเชีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 06:19 น.

    [​IMG]

    @พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีของไทย

    วอลล์สตรีท เจอนัลด์ - อดีตผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯเขียนบทความเตือนรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ว่าความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงระหว่างอเมริกากับไทย กำลังคุกคามนโยบายปักหมุดเอเชียของผู้นำรายนี้ แนะวอชิงตันปรับท่าทีเล่นบทบาทเชิงสร้างสรรค์กับพันธมิตรเก่าแก่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางยุทธศาสตร์

    บทความของพ.อ.เดสมอนด์ วอลตัน อดีตผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯ ประจำกรุงเทพฯ และหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางทหารสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย บนเว็บไซต์วอลล์สตรีท เจอนัลด์ ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับไทย เสื่อมทรามลงอย่างมากนับตั้งแต่เหตุรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 และไม่เป็นที่แปลกใจที่วอชิงตันจะแสดงท่าทีหมางเมินใส่รัฐบาลรักษาการของไทยและเน้นย้ำให้คืนสู่ประชาธิปไตยในทันที ที่ก่อความเสียหายในแง่มุมอื่นๆของความสัมพันธ์ด้วย

    พ.อ.วอลตัน ระบุว่าแนวทางนี้ไม่ได้แค่สั่นสะเทือนความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงเมื่อเร็วๆนี้ แต่มันยังคุกคามหนึ่งในความคิดริเริ่มทางนโยบายต่างประเทศที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของประธานาธิบดีโอบามา ในการคืนความสมดุลแก่เอเชีย-แปซิฟิก

    ด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยที่อ่อนแอลง ส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าก็หยุดนิ่ง พ.อ.วอลตัน จึงแนะนำว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลสหรัฐฯจะทบทวนพิจารณาแนวทางใหม่

    อดีตผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯบอกต่อไปว่าเขาไม่ได้พูดว่าให้สหรัฐฯ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพไทย แต่วอชิงตันสามารถเล่นบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการสนับสนุนธรรมาภิบาล ในนั้นรวมถึงเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพลเรือน โดยไม่จำเป็นต้องโต้เถียงอย่างเปิดเผยกับเหล่านายพล ในแนวทางที่รังแต่สร้างความบาดหมางกับคนไทยต้องการเห็นการสิ้นสุดของการปกครองของทหารเช่นกัน ทั้งนี้รูปแบบทางการทูตที่ดีที่สุดคือต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและมีชั้นเชิง ไม่ประณามอย่างโต้งๆ

    บทความของพ.อ.วอลตัน ระบุว่าปฏิกริยาตอบสนองของไทยเป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อเหล่าผู้นำจำเป็นต้องบ่ายหน้าหนีสหรัฐฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ความร่วมมือทวิภาคีได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในด้านการทหาร ผลกระทบจากมาตรการต่างๆของสหรัฐฯ กัดเซาะความเชื่อมั่นของไทยต่อคำสัญญาจะเป็นพันธมิตรระยะยาวของอเมริกา และไทยก็ตอบโต้ด้วยการกันไปกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับคู่หูอื่นๆ โดยเฉพาะจีนและประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    คำถามที่ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นความผิดพลาด บางคนในสหรัฐฯอาจบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องแสดงความนับถือต่อกัน ในเรื่องนี้ พ.อ.วอลตัน บอกว่าก็จริงที่ไทยเป็นประเทศขนาดกลาง มีประชากรราวๆ 70 ล้านคนและเป็นชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 22 ของโลก ขณะที่มูลค่าการค้าทวิภาคีแค่ 38,000 ล้านดอลลาร์ คงไม่ส่งผลกระทบเป็นหรือตายแก่เศรษฐกิจอเมริกา

    แต่ พ.อ.วอลตัน ชี้ว่าอย่าลืมความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของไทย และในฐานะพันธมิตรที่ยาวนานของสหรัฐฯ อเมริกันชนควรคิดทบทวนเป็น 2 เท่าต่อการปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้เสื่อมทรามลงไปมากกว่าเดิม โดยไทยไม่ใช่แค่จุดเข้าถึงเอเชียของกองกำลังอเมริกัน แต่ไทยยังมีแสนยานุภาพทางทหารอันสำคัญ ที่สามารถใช้เป็นตัวช่วยให้ภูมิภาคแห่งนี้ลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ในการตอบโต้ความท้าทายด้านความมั่นคงต่างๆ

    บทความของพ.อ.วอลตัน ระบุต่อว่ายิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯเองก็จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายด้านกลาโหมอันกำยำของไทย ซึ่งคาดหมายน่าจะอยู่ราวๆ 7,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2015 โดยในช่วง 5 ปีหลังสุดเหล่าบริษัทต่างๆของสหรัฐฯ ขายอาวุธยุทโธปกรณ์และการบริการด้านกลาโหมแก่ไทยเกือบๆ 2,000 ล้านดอลลาร์

    พ.อ.วอลตัน บอกต่อไปว่าท่ามกลางยุทธศาสตร์คืนความสมดุลแก่เอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งขึ้นอยู่กับเครือข่ายความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่ง สหรัฐฯจะได้ประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ด้วยการคงและกระชับความเป็นพันธมิตรกับไทย และจากคำถามที่ว่าความเป็นพันธมิตรระหว่างสองฝ่ายจะเข้มแข็งได้อย่างไรในแนวทางไม่ประนีประนอมของสหรัฐฯ ที่ยึดถือและเชื่อมั่นในการส่งเสริมประชาธิปไตย ในเรื่องนี้ พ.อ.วอลตัน ตอบว่าหากดูจากปฏิกิริยาอย่างกว้างๆของเหล่าผู้นำกองทัพของไทย นักวิชาการและพลเมืองคนดัง เขาเชื่อว่าคำตอบของคำถามนี้คือ "ได้แน่"

    อดีตผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐฯระบุต่อไปว่า คนไทยคาดหมายอยู่แล้วว่าสหัฐฯคงพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพลเมือง อย่างไรก็ตามมีอยู่ 2 อย่างที่จะสามารถโน้มน้าวไทยให้มีพัฒนาการในประเด็นสำคัญต่างๆเหล่านี้ อย่างแรกคืออเมริกาต้่องมีส่วนร่วมโดยตรงกับเหล่าผู้นำระดับสูงของไทย บังคับตัวเองละเว้นจากการพูดคุยที่ไม่สร้างสรรค์ อย่างที่สองคือสหรัฐฯ ควรใช้ช่องทางที่หลากหลายมากขึ้นในการอำนวยความสะดวกแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งท่าทีถมึงทึงรังแต่จะนำมาซึ่งความเป็นปรปักษ์และความหมางเมินกับพันธมิตรเก่าแก่แห่งนี้


    ʹյ
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยูเครนเซ็ง อินเตอร์โพลถอนหมายจับอดีตปธน.ฝักใฝ่รัสเซียโดยไม่คาดคิด โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 02:27 น.

    [​IMG]

    @(แฟ้มภาพ) นายวิคตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดียูเครนฝักใฝ่รัสเซียที่หลบหนีอยู่ในต่างแดน

    เอเอฟพี - ยูเครนในวันพุธ(22ก.ค.) ประกาศเดินหน้าต่อสู้เพื่อให้ได้ตัวนายวิคตอร์ ยานูโควิช อดีตประธานาธิบดีฝักใฝ่รัสเซียที่หลบหนีอยู่ในต่างแดน กลับมาดำเนินคดีในประเทศ หลังจากอินเตอร์โพลถอดชื่อของเขาออกจากบัญชีบุคคลเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของนานาชาติอย่างไม่คาดคิด

    นายวิคตอร์ ยานูโควิช ถูกโค่นล้มอำนาจตามหลังระลอกคลื่นแห่งการประท้วงนองเลือด จากนั้นเขาก็หลบหนีไปยังรัสเซีย ด้วยความช่วยเหลือจากสายลับด้านความมั่นคงของเครมลินในเดือนกุมภาพันธ์ 2014

    เดิมทีนายยานูโควิช ถูกเหล่าผู้นำฝักใฝ่ตะวันตกของเคียฟกล่าวหาว่าออกคำสั่งให้ตำรวจยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมในชั่วโมงท้ายก่อนระบอบการปกครองของเขาถึงคราวอวสาน ส่งผลให้มีผู้ประท้วงมากกว่า 100 คนเสียชีวิตในเหตุสังหารหมู่คราวนั้นและส่วนใหญ่ไม่มีอาวุธ

    อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคม อินเตอร์โพลหรือตำรวจสากล ออกหมายแดง (Red notice) นายยานูโควิช แค่ฐานทุจริต ยักยอกและฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะว่าไม่มีอำนาจออกหมายจับในข้อกล่าวหาที่มีความร้ายแรงกว่านั้นตามความประสงค์ของยูเครน

    ล่าสุดในวันอังคาร(21ก.ค.) ทางองค์การตำรวจสากลแห่งนี้ได้ถอดชื่อของนายยานูโควิชออกจากบัญชีดำแล้ว หลังจากทนายความของอดีตประธานาธิบดียูเครนได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งลงเอยด้วยจะมีการพิจารณาตัดสินกันอีกครั้งในเดือนกันยายน

    โฆษกของอินเตอร์โพล ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานในกรุงลียง ประเทศฝรั่งเศส ว่าการระงับหมายจับชั่วคราวหมายความประเทศสมาชิกอื่นๆไม่สามารถใช้หมายแดงในการค้นฐานข้อมูลของอินเตอร์โพล และต้องถอดเขาออกจากบัญชีบุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการบนเว็บไซต์อินเตอร์โพลจนกว่าจะมีการทบทวน

    เหล่าทนายความจำเลย ณ บริษัทกฎหมายโจเซฟ เฮก อารอนสันในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บอกว่าคำตัดสินดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานที่ว่าข้อกล่าวหาทางอาญาที่ทางรัฐบาลใหม่ยูเครนกล่าวหานายยานูโควิช เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการตามประหัตประหารทางการเมือง ทั้งนี้จากคำตัดสินดังกล่าว หมายความว่าเวลานี้ ยูเครน ต้องนำเสนอหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์คำกล่าวหาที่มีต่อนายยานูโควิช

    อัยการและเจ้าาหน้าที่ระอับอาวุโสของยูเครนประกาศเพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่า ในการนำตัวเขากลับมาดำเนินคดีให้ได้ แม้มีข้อสงสัยว่ารัสเซีย ซึ่งปฏิเสธคำกล่าวหาจัดฉากวิกฤตแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อแก้แค้นที่นายยานูโควิชถูกโค่นล้ม จะส่งมอบตัวเขาคืนแก่เคียฟหรือไม่

    ในส่วนของนายยานูโควิชนั้น ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าไม่ได้สั่งการให้กองกำลังของเขายิงกลุ่มผู้ประท้วงฝักใฝ่ยุโรปที่บุดยึดใจกลางกรุงเคียฟในช่วงหน้าหนาวปี 2013-2014 นอกจากนี้เขายังปฏิเสธข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์สินของรัฐและเบี่ยงงบประมาณแผ่นดินเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวสุดหรู ที่เวลานี้ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในฐานะพินัยกรรมของการคอรัปชันที่ผ่านมา

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โอบามาสะดุ้ง ปธ.สภาประกาศทำทุกทางหยุดข้อตกลงนุกอิหร่าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2558 01:04 น.

    [​IMG]

    @จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ประกาศว่าเขาและสมาชิกคนอื่นๆในคองเกรส จะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

    รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการ - จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ประกาศว่าเขาและสมาชิกคนอื่นๆในคองเกรส จะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ที่ทางประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยกย่องว่าเป็นการก้าวเดินสู่ "โลกที่มีความหวังเพิ่มมากขึ้น"

    อิหร่านและมหาอำนาจ 6 ชาติ บรรลุความตกลงด้านนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์เมื่อวันอังคารที่แล้ว (14 ก.ค.) เป็นการปิดฉากการเจรจามาราธอนยาวนานกว่าทศวรรษ ด้วยข้อตกลงซึ่งน่าจะพลิกโฉมภูมิภาคตะวันออกกลาง

    ภายใต้ข้อตกลงที่บรรลุกัน มาตรการลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านทั้งของอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และสหประชาชาติ จะถูกยกเลิก แลกกับการที่เตหะรานตกลงตัดทอนโครงการนิวเคลียร์ของตนลงเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งฝ่ายตะวันตกระแวงสงสัยว่า โครงการของอิหร่านนี้มีเป้าหมายในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ข้อกล่าวหาที่เตหะรานปฏิเสธมาตลอด

    การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะสำคัญของทั้งโอบามาและเหล่าผู้นำอิหร่าน ทว่าทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญการต่อต้านจากนักการเมืองสายเหยี่ยวภายในประเทศ หลังจาก 2 ชาติเป็นศัตรูคู่อาฆาตช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

    "เหล่าสมาชิกสภาคองเกรสจะสอบถามด้วยคำถามที่หนักหน่วงที่สุดในบ่ายวันนี้ ที่เราจะได้พบกับคณะทำงานของประธานาธิบดี และด้วยข้อตกลงที่เลวร้ายนี้คุกคามความมั่นคงของประชาชนอเมริกา เราจะทำทุกทางเพื่อหยุดยั้งมัน" นายโบห์เนอร์บอกกับผู้สื่อข่าว

    ทั้งนี้ คองเกรสมีเวลา 60 วันในการพิจารณาข้อตกลง โดยหากโหวตคัดค้าน โอบามาสามารถใช้อำนาจยับยั้งการลงมติดังกล่าว และหากคองเกรสต้องการล้มล้างอำนาจของโอบามา ก็ต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 2 ใน 3 นั่นหมายความว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตต้องแปรพักตร์มาร่วมคัดค้านข้อตกลงนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงด้านนโยบายต่างประเทศของโอบามา

    คาดหมายกันว่าสมาชิกเดโมแครตและรีพับลิกันทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุติสภา จะซักถามอย่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลของนายโอบามาอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงนี้ ซึ่งมีเป้าหมายผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแก่อิหร่าน แลกกับเครื่องรับประกันว่าเตหะรานจะไม่แสวงหาทางพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

    ด้านรัฐบาลอิสราเอล คู่อริตัวฉกาจของอิหร่าน ในวันพุธ(22ก.ค.) ก็ยังเดินหน้ากดดันเหล่าสมาชิกสภาคองเกรสให้ขัดขวางข้อตกลงดังกล่าว โดย รอน เดอร์เมอร์ เอกอัครราชทูตยิวประจำวอชิงตัน เข้าพบกลุ่มสมาชิกสภาคองเกรสราว 40 คนเป็นการส่วนตัว

    วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ คาดหมายว่าจะเปิดอภิปรายลงมติเห็นชอบหรือปฏิเสธข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนกันยายน หลังจากเหล่าสมาชิกคองเกรสกลับมาจากช่วงพักผ่อนในเดือนสิงหาคมแล้ว


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'รัฐสภากรีซ'โหวตกม.ปฏิรูปฉบับ2 เอเธนส์หวังดีลเงินกู้ทันใช้หนี้ส.ค.นี้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 22:27 น.

    [​IMG]

    @นายยูคลิด ซาคาโลตอส กำลังชี้แจงต่อรัฐสภาในศึกอภิปรายร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่ 2 ในวันพุธ (22ก.ค.) ตามเงื่อนไขซึ่งรัฐบาลไปตกลงไว้กับฝ่ายเจ้าหนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญอีกครั้งหนึ่งสำหรับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส โดยที่ทางการเอเธนส์ประกาศตั้งโต๊ะเจรจากับเจ้าหนี้ทันทีหลังการลงมติ เพื่อให้ได้ข้อตกลงโปรแกรมเงินกู้ทันกำหนดชำระหนี้รอบใหม่ปลายเดือนหน้า

    เอเจนซีส์ - รัฐสภากรีกเตรียมโหวตร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่ 2 ในวันพุธ (22ก.ค.) ตามเงื่อนไขซึ่งรัฐบาลไปตกลงไว้กับฝ่ายเจ้าหนี้ ถือเป็นบททดสอบสำคัญอีกครั้งหนึ่งสำหรับนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส โดยที่ทางการเอเธนส์ประกาศตั้งโต๊ะเจรจากับเจ้าหนี้ทันทีหลังการลงมติ เพื่อให้ได้ข้อตกลงโปรแกรมเงินกู้ทันกำหนดชำระหนี้รอบใหม่ปลายเดือนหน้า

    ซีปราสเพิ่งเผชิญการก่อกบฏครั้งใหญ่ในรัฐสภาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว จากการที่ลูกพรรคไซรีซาของตนเอง 1 ใน 5 ออกเสียงคัดค้านร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับแรกที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบภาษี ระบบบำนาญ และกฎระเบียบในตลาดแรงงานครั้งใหญ่ รวมถึงการนำทรัพย์สินของรัฐออกขายใช้หนี้ ส่งผลให้เขาต้องหันไปพึ่งพรรคฝ่ายค้านในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว

    สำหรับร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่สองซึ่งดูจะมีกระแสต่อต้านน้อยกว่า และรัฐสภากรีซเตรียมโหวตภายในคืนวันพุธ (22) นั้น ครอบคลุมเรื่องการทำตามระเบียบของสหภาพยุโรปที่รับประกันเงินฝากธนาคารสูงสุด 100,000 ยูโร และเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางแพ่งเของกรีซ เพื่อเร่งรัดและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางกฎหมาย

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า การโหวตในสภาครั้งนี้จะเป็นบททดสอบว่า ซีปราสสามารถหลีกเลี่ยงการแตกหักกับพรรคไซรีซาของตนเองหรือไม่ โดยที่ฝ่ายต่างๆ ไม่ใช่น้อยก็บีบคั้นให้ต้องจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดทั้งที่นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายผู้นี้เพิ่งขึ้นบริหารประเทศได้เพียง 6 เดือน

    อย่างไรก็ดี ซีปราสได้กำลังใจสำคัญหลังจากเมื่อวันอังคาร (21) สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้กรีซ 2 ขั้นจาก CCC- เป็น CCC+ ซึ่งแม้ว่ายังอยู่ในสถานะขยะ แต่ถือเป็นความคืบหน้าที่ดี

    เอสแอนด์พีกล่าวว่า สถานการณ์ที่เอเธนส์ผิดนัดชำระหนี้ในช่วง 1 ปีจากนี้ไป ไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นโอกาสที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซนจึงลดลง แม้จะยังสูงอยู่ก็ตาม

    ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว เอเธนส์ตกลงกับฝ่ายเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ยินยอมดำเนินการปฏิรูปที่เข้มงวดยิ่งขึ้น แลกเปลี่ยนกับการเปิดเจรจาโปรแกรมความช่วยเหลือรอบที่สามมูลค่า 86,000 ล้านยูโร

    ซีปราสได้แถลงในที่ประชุมของพรรคไซรีซาวันอังคาร (21) ว่า เขาได้อ่าน “คำประกาศของผู้กล้า” ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ตัวเขาแล้ว แต่เขายืนยันว่า กรีซไม่มีทางออกทางอื่นเลย พร้อมเตือนสมาชิกกลุ่มซ้ายจัดในพรรคให้เคารพความต้องการของชาวกรีกส่วนใหญ่ ที่จะดำรงคงอยู่ในสกุลเงินยูโรต่อไป

    ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซีปราสปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อเติมเต็มตำแหน่งที่ว่างลง หลังจากปลดลูกพรรคที่โหวตคัดค้านมาตรการปฏิรูปฉบับแรกออก

    วาสซิลิกี จีออร์เจียดิส ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแพนเทียน ในกรุงเอเธนส์ชี้ว่า เกิดความแตกแยกหนักระหว่างสมาชิกสภาฝ่ายซ้ายจัดที่บางคนระบุว่าการออกจากยูโรโซนเป็นทางเลือกเดียวของกรีซ กับกลุ่มที่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของซีปราส

    จีออร์เจียดิสเสริมว่า คงยากที่นายกรัฐมนตรีวัย 40 ปีผู้นี้จะไปต่อได้ หากถูกบังคับให้ต้องพึ่งพิงเสียงจากฝ่ายค้านอยู่เรื่อย ในการลงมติร่างกฎหมายต่างๆ

    ขณะเดียวกัน กลุ่มสหภาพข้าราชการ ADEDY และสหภาพคอมมิวนิสต์ PAME ประกาศแผนชุมนุมประท้วงร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับที่สองหน้าอาคารรัฐสภาระหว่างที่สภาเปิดอภิปรายฉุกเฉินคืนวันพุธ

    ก่อนหน้านี้ การชุมนุมต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ลุกลามเป็นความรุนแรง หลังจากกลุ่มหนุ่มสาวสวมหน้ากากขว้างระเบิดขวดเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่สภากำลังอภิปรายร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับแรก

    ทางด้าน ออลกา เกโรวัสซิลิ โฆษกรัฐบาลกรีซแถลงวันอังคารว่า การเจรจากับฝ่ายเจ้าหนี้ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะมีขึ้นทันทีหลังการโหวตของสภาในวันพุธ เนื่องจากเอเธนส์ต้องการบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันถึงกำหนดชำระหนี้ก้อนต่อไปให้อีซีบี เป็นจำนวน 3,200 ล้านยูโร

    หลังจากตกลงรัฐบาลกรีซสามารถผลักดันให้รัฐสภาผ่านกฎหมายปฏิรูปฉบับแรก ทำให้ได้รับเงินกู้ฉุกเฉินระยะสั้นจำนวน 7,160 ล้านยูโรจากอียู เมื่อวันจันทร์ (20) จึงสามารถจ่ายหนี้คืนให้อีซีบีตามกำหนด และชำระหนี้ที่ค้างไอเอ็มเอฟไว้ตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายน


    '
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics : ฮือฮา!!พบต้นฉบับคัมภีร์อัลกุรอ่านเก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า1,300ปี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 23:30 น. (แก้ไขล่าสุด 22 กรกฎาคม 2558 23:35 น.)

    [​IMG]
    @แผ่นกระดาษต้นฉบับพระคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เขียนด้วยลายมือ ซึ่งถูกพบในห้องสมุดมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ตอนกลางของอังกฤษ หนึ่งในสำเนาของพระคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของอังกฤษกล่าวอ้างเมื่อวันพุธ(22ก.ค.) ว่าแผ่นกระดาษต้นฉบับพระคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เขียนด้วยลายมือ ซึ่งถูกพบในห้องสมุดมหาวิทยาลัย เป็นหนึ่งในต้นฉบับพระคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้ และเป็นไปได้ที่จะถูกเขียนด้วยบางคนซึ่งอาจมีความใกล้ชิดกับศาสดามูฮัมหมัด

    กัมมันตภาพรังสีในรูปของคาร์บอนบ่งชี้ว่าแผ่นกระดาษหนังที่ครอบครองโดยมหาวิยาลัยเบอร์มิงแฮม ตอนกลางของอังกฤษ มีอายุอย่างน้อย 1,370 ปี ซึ่งจะทำให้มันเป็นหนึ่งในต้นฉบับพระคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เขียนด้วยลายมืออายุเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน

    In Pics : ฮือฮา!!พบต้นฉบับคัมภีร์อัลกุรอ่านเก่าแก่ที่สุดในโลก อายุกว่า1,300ปี

    "ต้นฉบับนี้จะนำเราย้อนกลับไปภายในช่วงไม่กี่ปีแห่งการก่อตั้งอิสลามที่แท้จริง" เดวิด โธมัส ศาสตราจารย์ด้านคริสเตียนและอิสลามของมหาวิทยาลัยกล่าว ขณะที่เหล่านักวิจัยบอกว่าต้นฉบับดังกล่าวประกอบด้วยกระดาษหนัง 2 แผ่น บรรจุเนื้อหา18 ถึง 20 ซูเราะห์ และเขียนด้วยหมึกเป็นภาษาอาหรับฮิญาซี

    มหาวิทยาลัยแห่งนี้บอกว่าหลายปีที่ผ่านมา มีความเข้าใจผิดนำมันไปรวมไว้กับแผ่นกระดาษต้นฉบับพระคัมภีร์อัลกุอ่านที่มีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งมีความเก่าแก่ราวๆปลายศตวรษที่ 7

    ผลการตรวจกัมมันตภาพรังสีในรูปของคาร์บอนที่ใช้คำนวณอายุของอินทรีย์วัตถุ ซึ่งมีความแม่นยำถึงร้อยละ 95.4 พบว่าอายุของกระดาษหนังนี้น่าจะอยู่ระหว่างค.ศ.568 ถึงค.ศ.645 ขณะที่เชื่อว่าศาสดามูฮัมหมัด ทรงมีอายุขัยระหว่างค.ศ.570ถึงค.ศ.632


    โธมัสบอกว่าผลการทดสอบกระดาษหนังบ่งชี้ว่าสัตว์ที่ถูกเอาหนังมาใช้ในการจารึกหนังสือน่าจะอยู่ในช่วงอายุขัยของศาสดามูฮัมหมัดหรือหลังจากนั้นไม่นาน "บุคคลที่เขียนพระคัมภีร์นี้น่าจะรู้จักศาสดามูฮัมหมัดเป็นอย่างดี เป็นไปได้ว่าเขาอาจเคยได้พบพระองค์ บางทีเขาอาจได้ยันคำตรัส หรือไม่ก็รู้จักกับพระองค์เป็นการส่วนตัว" โธมัสบอกกับบีบีซี

    ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะนำกระดาษต้นฉบับพระคัมภีร์อัลกุรอ่านจัดแสดงต่อสาธารณะในเดือนตุลาคม และมูฮาหมัด อัฟซาล ประธานมัสยิดกลางเบอร์มิงแฮม คาดหมายว่าจะมีประชาชนทั่วอังกฤษเดินทางมาชมกระดาษหนังโบราณดังกล่าว


    In Pics :
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics & Clips : ยูเครนขวาจัดเกือบหมื่นรวมตัวกลางจัตุรัสเอกราช เรียกร้องประชามติขับปธน.โปโรเชนโก “เรียกร้องจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธ-บังคับใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ” ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    22 กรกฎาคม 2558 20:27 น. (แก้ไขล่าสุด 22 กรกฎาคม 2558 21:08 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – เมื่อวานนี้(21)สมาชิกกลุ่มเคลื่อนไหวขวาจัดยูเครน Ultranationalist Right Sector หรือ Pravy Sektor จำนวนมากถึง 6,000 คนรวมตัวกลางจัตุรัสเอกราชยูเครน เรียกร้องให้ประธานาธิบดียูเครนเปโตร โปโรเชนโก รวมไปถึงรัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน อาร์เซน อาวาคอฟ(Arsen Avakov)และคณะรัฐบาลต้องลาออก และต้องการให้มีการปฎิรูปยูเครนที่แท้จริงโดยการทำประชามติทั่วประเทศ ซึ่งในการลงประชามติมีการเสนอให้จัดตั้งกลุ่มปกป้องตนเองที่สามารถติดอาวุธได้ รวมไปถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วยูเครน เพื่อช่วยกวาดล้างกบฎยูเครนในตะวันออก

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/bBUTuCCCLco" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(21)ว่า การเดินขบวนของกลุ่มขวาจัดยูเครน Ultranationalist Right Sector หรือ Pravy Sektor ที่มีจำนวนคนเข้าร่วมถึง 6,000 คน รวมตัวในช่วงเย็นวันอังคาร(21)รวมตัวกลางไมดาน จัตุรัสเอกราชยูเครน ซึ่งเคยเป็นสถานที่การประท้วงเพื่อโค่นล้มอดีตประธานาธิบดียูเครนยานูโควิชในปีที่ผ่านมา

    [​IMG]

    ในการเดินขบวนผู้คนที่เข้าร่วมจำนวนมากสวมชุดลายพราง และมีบางส่วนสวมแว่นตากันแดดสีดำ ต่างโบกธงสีแดงดำตัวอักษรสีขาวตรงกลางของกลุ่มกองทัพการรุกขึ้นสู้ยูเครน (UPA) และต่างตะโกนขอให้ศัตรูพินาศ TASS สื่อรัสเซียรายงาน

    [​IMG]

    ด้านดมิตรี ยารอช ( Dmitry Yarosh) โฆษกของกลุ่มได้ออกแถลงการณ์กลางจัตุรัสเอกราชแห่งนี้ว่า “ด้วยการแสดงพลังในการรวมตัวครั้งนี้แสดงให้ชาวโลกเห็นว่า พวกเราเป็นกองทัพที่อยู่ในระเบียบวินัยแห่งการปฎิวัติพื่อสร้างหน้าใหม่ในยุคปฎิวัติของยูเครน”

    เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเดินขบวนในวันอังคาร(21)ทางกลุ่มประกาศแผนการที่จะเริ่มทำประชามติเพื่อจะลงคะแนนไม่ไว้วางใจในผู้มีอำนาจในรัฐบาลยูเครน ซึ่งผู้ชุมนุมขวาจัดประกาศข้อเรียกร้องการลาออกของประธานาธิบดียูเครนเปโตร โปโรเชนโก รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครน อาร์เซน อาวาคอฟ(Arsen Avakov)และรัฐบาลยูเครนชุดนี้

    และในแผนการนี้เจ้าหน้าที่ภาคสนามจะถูกส่งไปทั่วทุกภูมิภาคของยูเครนตั้งแต่ในวันพุธ(22)เพื่อเริ่มต้นกระบวนการทำประชามติ และประกาศต่อว่าสำนักงานของทางกลุ่มขวาจัดที่ตั้งอยู่ตามที่ต่างๆจะเป็นที่ตั้งของคณะกรรมมาธิการปฎิวัติเพื่อทำประชามติในครั้งนี้

    เอพีชี้ว่าในข้อเสนอการประกาศของยารอสกลางจัตุรัสเอกราชไมดานนั้นรวมไปถึง ต้องการให้มีการจัดตั้งกองกำลังอาสาป้องกันตนเองที่อนุญาตให้มีการติดอาวุธ และรวมไปถึงการใช้กฎอัยการศึกในดินแดนยูเครนจะถูกถามในการลงประชามติในครั้งนี้

    “ประชาชนควรแสดงความคิดเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้…ให้ทางรัฐบาลยูเครนรับทราบ และเพื่อให้คนที่มีอำนาจเหล่านั้นรับรู้ว่าหากประชาชนไม่พอใจในผลงาน พวกเขาเหล่านั้นต้องลาออกไป” ยารอสแถลง และเสริมต่อว่า หากทางกลุ่มขวาจัดไม่ได้รับอำนาจในการจัดการลงประชามติครั้งนี้ เช่นนั้นแล้วทางกลุ่มจะทำการจัดตั้งคณะกรรมการของตนเองขึ้นมา และจัดการลงประชามติของตนเองในทั่วทุกภาคของยูเครน สื่อรัสเซียรายงาน

    เอพีรายงานว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนในปี 2014 พลังเสียงของกลุ่มขวาจัดยูเครนคิดเป็นสัดส่วนถึง 1% ของผู้มีเสียงในการลงคะแนน

    RT รายงานเพิ่มเติมว่า ประชาชนทั่วไปต่างเข้าร่วมในการประท้วงเมื่อวานนี้(21)ด้วยเช่นกันเนื่องจากไม่พอใจในมาตรฐานการดำรงชีวิตในยูเครนในปัจจุบันนี้ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโปโรเชนโก

    “สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยูเครนในปัจจุบันตกต่ำมากกว่าใน 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารของอดีตประธานาธิบดียานูโควิช” เนล คล๊าก (Neil Clark) ผู้สื่อข่าวและผู้ดำเนินรายการให้สัมภาษณ์ RT จากลอนดอน และเสริมต่อว่า “เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ว่าในไม่ช้า ผู้คนต้องเริ่มลงถนนทำการประท้วงในที่สุด”

    และในวันอาทิตย์(19)ก่อนหน้านี้ เกิดการประท้วงที่กลางกรุงเคียฟเช่นกันมีผู้เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน ร้องเรียนปัญหาราคาที่อยู่อาศัยสูงขึ้น รวมไปถึงราคาค่าน้ำค่าไฟและค่าโทรศัพท์มีอัตราสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยในป้ายประกาศผู้ประท้วงมีข้อความว่า “การปฎิรูปอยู่ที่ไหน” และ “พวกเรากำลังจะตายเพราะความหิว” นอกจากนี้การประท้วงเช่นเดียวกันนี้ยังมีขึ้นในเมือง Dnepropetrovsk ภาคกลางของยูเครน ที่มีผู้เข้าร่วมการประท้วงหลายสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุทำการปิดถนนเส้นหนึ่ง พร้อมกับเรียกร้องให้ประธานาธิบดียูเครนลาออก

    In Pics & Clips :
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่อเผยญี่ปุ่นจะเสียเงินไปแบบสูญเปล่า 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับสนามกีฬาโอลิมปิกแห่งใหม่ แม้ว่าจะเปลี่ยนแผนก่อสร้าง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    22 กรกฎาคม 2558 21:02 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - สื่อท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ระบุในวันพุธ (22 ก.ค.) ว่าญี่ปุ่นอาจจะต้องเสียเงินมากถึง 50 ล้านดอลลาร์ไปแบบสูญเปล่า ให้กับสนามกีฬาที่จะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก ต่อให้ไม่มีการก่อสร้างวางอิฐแม้แต่ก้อนเดียวก็ตาม

    ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้ระบุว่า ญี่ปุ่นจะต้องกลับไปสู่ขั้นตอนของการออกแบบสนามกีฬาแห่งนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น หลังจากที่มีเสียงวิจารณ์หนักเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับสนามที่จะใช้เป็นศูนย์กลางในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก "โตเกียว 2020"

    สื่อญี่ปุ่นอ้างข้อมูลจากสภาการกีฬาของญี่ปุ่นที่ดูแลโครงการนี้ว่า ญี่ปุ่นมีภาระผูกพันในการจ่ายเงินเกือบ 50 ล้านดอลลาร์ อันเป็นค่าทำสัญญาที่เกี่ยวกับการออกแบบที่ตกลงกันไปแล้ว โดยรายงานของสื่อยังเตือนด้วยว่า ตัวเลขอาจสูงกว่านี้ หากทางผู้รับเหมาก่อสร้างตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี

    การออกแบบสุดล้ำยุคของ ซาฮา ฮาดิด สถาปนิกเชื้อสายอิรัก-อังกฤษ ต้องเผชิญกับความไม่พอใจของบรรดาสถาปนิกชาวญี่ปุ่น โดยถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ามันดูคล้ายกับหมวกจักรยาน รวมถึงใหญ่โตเกินควร

    "เงินส่วนใหญ่ได้ถูกจ่ายไปแล้ว ดังนั้นหากยกเลิกแผนการก่อสร้างเดิมที่มีอยู่ ก็เท่ากับว่าเงินพวกนั้นจะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์" เกียวโดนิวส์ ระบุ

    โยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น บอกว่า รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาศึกษาว่าทำไมเรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ แต่เขาปฏิเสธที่จะหาตัวคนผิดสำหรับความล้มเหลวนี้

    "เป้าหมายของเราคือพยายามอย่างเต็มที่ในแผนใหม่ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจไปแล้ว ตอนนี้เรามีเวลาจำกัด" เขาบอกนักข่าว

    โยชิฮิโระ โมริ อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของคณะกรรมการจัดงานกีฬาโอลิมปิก "โตเกียว 2020" คาดหวังว่าสนามกีฬาใหม่จะสามารถให้บริการแก่สาธารณชนชาวญี่ปุ่นได้อีกหลายทศวรรษ

    เขาได้กล่าวถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ญี่ปุ่นว่าสูงกว่าประเทศอื่นๆ

    "ผู้คนพากันพูดว่าใช้เงินเพียงแค่ 46 พันล้านเยนในการสร้างสนามกีฬาที่ปักกิ่ง คุณลองเอาค่าแรงในปักกิ่งกับโตเกียวมาเทียบกันดูสิ มันเป็นการเปรียบเทียบที่ยุติธรรมไหม" เขากล่าว


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'ปักกิ่ง'ฮึ่มกลับ'รายงานกลาโหมญี่ปุ่น' โตเกียวสำทับโชว์ภาพ'แท่นขุดน้ำมันจีน'
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 21:38 น.

    [​IMG]

    @ภาพที่นำออกเผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นในวันพุธ (22 ก.ค.) แสดงให้เห็นแท่นขุดเจาะน้ำมันจีน 2 แท่น พร้อมระบุว่า แท่นที่เห็นทางซ้ายพบเห็นในเดือนมิถุนายน 2014 และส่วนแท่นทางขวาปรากฏขึ้นในเดือนมีนาคม 2015

    เอเจนซีส์ - จีนประกาศสงวนสิทธิ์ในการทำการตอบโต้ที่จำเป็นตามสถานการณ์ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ว่าญี่ปุ่นใช้นโยบายการต่างประเทศแบบ “ตีสองหน้า” หลังจากที่แดนอาทิตย์อุทัยออกเอกสารสมุดปกขาวกลาโหมซึ่งระบุว่าปักกิ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น โตเกียวยังตามอัดซ้ำอีกในวันพุธ (22ก.ค.) ด้วยการโชว์ภาพถ่ายทางอากาศซึ่งฟ้องว่า จีนตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซใกล้พรมแดนทางทะเลของญี่ปุ่น ตรงพื้นที่ซึ่งทั้งสองต่างอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่

    ภาพซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นนำออกเผยแพร่ในวันพุธนั้น มีทั้งภาพถ่ายทางอากาศและไดอะแกรมแสดงตำแหน่งของบรรดาแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในทะเลของจีน โดยที่โตเกียวระบุว่า แท่นขุดเจาะเหล่านี้ตั้งอยู่ในจุดที่สามารถขุดเจาะแหล่งน้ำมันและก๊าซใต้ทะเล จากพื้นที่ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกัน

    โยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า การที่ปักกิ่งเดินหน้าพัฒนาแหล่งพลังงานไปแต่เพียงฝ่ายเดียว ขณะที่ยังตกลงเรื่องพรมแดนกับญี่ปุ่นไม่ได้เช่นนี้ ถือเป็นการกระทำที่น่าตำหนิ

    ญี่ปุ่นบอกว่า มีการนำแท่นขุดเจาะเหล่านี้มายังบริเวณซึ่งเป็นปัญหา ถึงแม้สองชาติได้ตกลงกันในเดือนมิถุนายน 2008 ว่าจะร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้โตเกียวระบุว่าปักกิ่งได้นำแท่นขุดเจาะเข้ามารวม 16 แท่น โดยมีถึง 12 แท่นที่ขนเข้ามาติดตั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    ซูกะยังกล่าวอีกว่า ญี่ปุ่นประท้วงเรื่องการพัฒนาแหล่งพลังงานฝ่ายเดียวของจีนหลายครั้ง แต่ปักกิ่งก็ยังไม่ยอมกลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อหารือข้อตกลงซึ่งทำกันไว้ในปี 2008

    อย่างไรก็ดี ซูกะเสริมว่า กรณีนี้จะไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศที่ดีขึ้นเล็กน้อย นับแต่ที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น ได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และมีการคาดเดากันว่า ทั้งคู่อาจพบกันอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้อีก หลังจากมีโอกาสพูดคุยกันที่กรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

    ญี่ปุ่นนั้นสงสัยมานานแล้วว่า จีนอาจละเมิดข้อตกลงในการร่วมพัฒนาแหล่งพลังงาน ซึ่งอยู่ในบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (อีอีแซด) ในทะเลจีนตะวันออก ของสองประเทศทับซ้อนกันอยู่ โดยโตเกียวบอกว่า เส้นแบ่งครึ่งระหว่างช่วงห่างของทั้งสองประเทศ ควรถือเป็นเส้นแบ่งอีอีแซดด้วย ทว่า ปักกิ่งยืนกรานว่า เส้นแบ่งแดนต้องขยับเข้าหาญี่ปุ่นมากขึ้น โดยอ้างอิงไหล่ทวีปและลักษณะทางภูมิประเทศอื่นๆ ในมหาสมุทร

    การเผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศของญี่ปุ่นคราวนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (21) กระทรวงกลาโหมแดนอาทิตย์อุทัย ได้ออกเอกสารสมุดปกขาวด้านกลาโหมแห่งชาติประจำปี 2015 ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า จีนเป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุด อีกทั้งไม่เพียงพูดเรื่องแท่นขุดเจาะของแดนมังกรในทะเลจีนตะวันออกเท่านั้น แต่ยังพาดพิงถึงโครงการถมทะเลของปักกิ่งในทะเลจีนใต้ด้วย ว่าเป็น “ความพยายามข่มขู่” เพื่อครอบครองดินแดนเกือบทั่วทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้นานาชาติกังวล ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารล่าสุดนี้ใช้ถ้อยคำกล่าวหาที่ชัดเจนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    จีนนั้นมีข้อพิพาทจากการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้กับหลายประเทศ และขณะนี้กำลังเร่งสร้างเกาะเทียมในบริเวณดังกล่าว

    นอกจากนั้น ปักกิ่งยังมีข้อพิพาทในการแย่งชิงสิทธิเหนือหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลจีนตะวันออกกับโตเกียว โดยที่จีนเรียกชื่อว่า “เตี้ยวอี๋ว์” ขณะที่ญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า “เซงกากุ” ขณะนี้หมู่เกาะนี้อยู่ในการปกครองของแดนอาทิตย์อุทัย แต่พญามังกรก็ได้ส่งเรือและเครื่องบินไปท้าทายกองกำลังของญี่ปุ่นในบริเวณดังกล่าวอยู่เนืองๆ

    หลังจากสมุดปกขาวของญี่ปุ่นถูกเผยแพร่ออกมา ในคืนวันอังคารนั้นเอง กระทรวงกลาโหมจีนได้ออกคำแถลงตอบโต้ว่า การกระทำของโตเกียวฟ้องถึงพฤติกรรมตีสองหน้าของนโยบายการต่างประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียแปซิฟิก

    คำแถลงระบุว่า จีนจะประเมินมุมมองด้านกลาโหมหรือสมุดปกขาวของญี่ปุ่นดังกล่าวเพิ่มเติม เมื่อมีการเผยแพร่เอกสารฉบับเต็ม จากนั้น จะตอบโต้ตามที่จำเป็นโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์

    กระทรวงกลาโหมจีนสำทับว่า รายงานกลาโหมประจำปีของญี่ปุ่นทำให้เกิดความเข้าใจผิดและประสงค์ร้าย จากการสร้างภาพว่ากองทัพจีนเป็นภัยคุกคามรุนแรงอย่างเกินความเป็นจริง และมุ่งยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน

    ไม่เพียงเท่านั้น หลู กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็ออกมาตอบโต้สมุดปกขาวของญี่ปุ่นเช่นกัน ว่าเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่า กิจกรรมทางทะเลของปักกิ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่า หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์เป็นของจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ และปักกิ่งจะยังคงดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของตน

    '
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกษตรกรฝรั่งเศสขู่ยกระดับการประท้วงปิดถนน เหตุราคาผลผลิตตกต่ำ ด้านรัฐบาลจ่อออกมาตรการช่วยเหลือ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 16:54 น.

    [​IMG]

    @เกษตรกรฝรั่งเศสนำรถมาจอดขวางถนน

    กลุ่มเกษตรกรชาวฝรั่งเศสที่บอกว่าพวกเขากำลังจะล้มละลายเพราะราคาผลผลิตตกต่ำนั้น ได้ขู่จะยกระดับการชุมนุมปิดกั้นถนนตามเมืองและแหล่งท่องเที่ยวในวันพุธ (22 ก.ค.) ขณะที่ทางรัฐบาลเตรียมออกมาตรการฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเหล่านี้

    บรรดาเกษตรกรได้นำเอาปุ๋ยมากองไว้ตามเมืองต่างๆ ปิดกั้นถนนและทางด่วนมอเตอร์เวย์ ขัดขวางไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใน "มง แซ็ง มิเชล" หนึ่งในจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

    เมื่อคืนวันอังคาร เหล่าเกษตรกรได้ปิดกั้นถนนมอเตอร์เวย์สาย A1 ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างปารีสกับพื้นที่ทางเหนือของฝรั่งเศส ด้วยการนำเอารถแทร็คเตอร์ 500 คันมาขวางไว้

    ซาเวียร์ บูแลง หัวหน้าของสหภาพเกษตรกร FNSEA ที่ทรงอิทธิพล ได้คาดว่าการประท้วงจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอาจจะขยายไปยังพื้นที่อื่นด้วยในวันพุธ

    ฌอง-ปิแอร์ ฟลูรี หัวหน้าของสหภาพตัวแทนเกษตรกรผู้ค้าเนื้อวัว ระบุว่า บรรดาเกษตรกรจะไม่ยอมหยุดแน่นอน ด้วยเหตุผลง่ายๆ นั่นคือพวกเขากำลังสู้เพื่อความอยู่รอด

    ด้วยการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของนิสัยการบริโภคของชาวฝรั่งเศสที่เริ่มกินเนื้อน้อยลง บวกเข้ากับการแข่งขันจากต่างชาติ ทำให้เนื้อหมู เนื้อวัว รวมถึงนม มีราคาตกต่ำลง ขณะที่เกษตรกรได้โทษร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ตัวแทนจำหน่ายและอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตอาหาร เป็นตัวการทำให้ราคาไม่กระเตื้องขึ้น

    บรรดานายใหญ่ของธุรกิจร้านค้าปลีกและอุตสาหกรรมอาหารได้สัญญาว่าจะขึ้นราคาเนื้อและนม หลังจากประชุมพูดคุยกับเกษตรกรเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ทางเกษตรกรบอกว่า ราคาขายที่สูงขึ้นในซูเปอร์มาร์เก็ต ยังไม่สามารถหยุดยั้งการตกต่ำของราคาผลผลิตได้

    ส่วนประธานาธิบดี ฟรังซัวร์ โอลองด์ ได้สัญญาว่าจะออกแผนช่วยเหลือฉุกเฉินในวันพุธ เพื่อแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรชาวฝรั่งเศส

    สเตฟาน เลอ โฟล รัฐมนตรีเกษตร ได้บอกใบ้เป็นนัยว่า มาตรการนี้อาจรวมถึงการลดหย่อนภาษีและบรรเทาหนี้ให้กับฟาร์มที่มีหนี้สินท่วมหัว

    รัฐบาลยังจะมีการออกรายงานที่จัดทำโดยหน่วยงานอิสระที่เป็นกลาง ซึ่งจะมีการตัดสินว่าเป็นความผิดของใครที่ทำให้ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีราคาที่ตกต่ำ

    เลอโฟล บอกว่า จากข้อมูลของ FNSEA มีฟาร์มประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ (คิดเป็นผู้ประกอบการราว 22,000 ราย) ในฝรั่งเศสที่จวนเจียนจะล้มละลายเต็มที จากหนี้สินทั้งหมดที่รวมกันแล้วสูงถึง 1 พันล้านยูโร

    บูแลง นายใหญ่ของสหภาพ FNSEA ได้เตือนว่า บรรดาเกษตรกรกำลังคาดหวังถึงความช่วยเหลือที่รัฐบาลฝรั่งเศสจะเปิดเผยในวันพุธ ว่าควรมีมากกว่ามาตรการจิ๊บจ๊อยแบบผักชีโรยหน้า โดยเขาได้เรียกร้องให้เป็นแผนระยะกลาง-ยาว ที่มีเป้าหมายและตั้งใจจริง

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    In Pics & Clips : คดีสาวผิวสีใช้ถุงดำผูกคอตายปริศนาคาห้องขังลุกลาม!! หลังพบตร.เทกซัส “ใช้ปืนจี้ - ช็อตด้วยไฟฟ้า” บังคับให้ลงจากรถเซ็นรับใบสั่งจราจร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 16:54 น.

    [​IMG]

    เอพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ตำรวจเทกซัสเริ่มต้นสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของแซนดรา แบลนด์ (Sandra Bland ) สาวผิวสีวัย 28 ปี ที่พบเสียชีวิตด้วยการถูกแขวนคอเสียชีวิตปริศนาในห้องขังที่เทกซัสหลังจากเธอถูกจับกุมด้วยโทษฝ่าฝืนกฎจราจรที่ยังไม่แน่ชัดหลังจากมีวิดีโอคลิปจากกล้องรถตำรวจระบุว่า เธอถูกหยุดและถูกสั่งให้ดับบุหรี่ที่สูบภายในรถตัวเองก่อนถูกฉุดกระชากและถึงขั้นใช้ปืนจี้ให้ลงจากรถ รวมไปถึงถูกใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าหลังจากนั้นโดยไบรอัน เอ็นซิเนีย (Brian Encinia)ตำรวจที่ทำการจับกุมอ้างว่าต้องการให้แบลนด์ลงจับลงเพื่อลงนามรับใบสั่งจราจร

    เอพีรายงานเมื่อวานนี้(21)ว่า แซนดรา แบลนด์ (Sandra Bland) สตรีแอฟริกันอเมริกันที่เสียชีวิตในวันที่ 13 กรกฎาคม ด้วยถุงขยะดำภายในห้องขังในรัฐเทกซัส 3 วันหลังจากเธอถูกตำรวจในพื้นที่หยุดรถหลังเธอขับรถฝ่าฝืนกฏจราจร

    ทั้งนี้อัยการเทกซัสชี้ในวันจันทร์(21)ว่า ในขณะที่ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าแบลนด์เสียชีวิตจากการปลิดชีพตนเองหรือการถูกฆาตกรรม แต่ทว่าในการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ทำปมเหตุฆาตกรรม

    โดยอัยการเขตวอลเลอร์ เคาน์ตี เอลตัน มาลธิส (Elton Malthis)ให้สัมภาษณ์ว่า “ในขณะนี้คำถามดังไปทั่วทั้งวอลเลอร์ เคาน์ตี ทั่วสหรัฐฯ และทั้งโลกถึงคดีนี้ ที่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ”

    ถึงแม้ว่าหน่วยงานนิติวิทยาวอลเลอร์ เคาน์ตีจะระบุว่าการเสียชีวิตของแบลนด์จะเป็นการเสียชีวิต แต่ทว่าทั้งครอบครัวและเพื่อนที่รู้จักต่างยืนยันว่า แบลนด์นั้นร่าเริงและมองโลกในแง่ดี และเธอกำลังมองหางานใหม่ที่มหาวิทยาลัยในพื้นที่

    นอกจากนี้ซาลอนนิวส์รายงานเพิ่มเติมว่า แคนนอน แลมเบิร์ต (Cannon Lambert)ทนายความประจำครอบครัวแบลนด์ให้สัมภาษณ์หลังจากได้ดูภาพวิดีโอที่บันทึกจากกล้องติดรถตำรวจที่จับกุมแบลนด์ว่า ตำรวจที่ทำการจับกุมสั่งให้เธอดับบุหรี่ที่เธอกำลังสูบในรถตัวเองหลังจากสั่งให้เธอจอดรถเพื่อตรวจและเช็กใบขับขี่และประกันภัยรถยนต์

    นอกจากนี้ในวิดีโอยังพบว่า แบลนด์เฝ้าเพียรถามว่าเธอทำผิดอะไร ซึ่งเธอยืนยันว่าการสูบบุหรี่ภายในรถยนต์ส่วนตัวไม่ผิดกฎจราจรสหรัฐฯ แต่ตำรวจผู้จับกุมกลับไม่ตอบ แต่สั่งให้เธอก้าวลงจากรถ และถึงขั้นที่ตำรวจนายนี้ทำการฉุดกระชากเธอ

    ซึ่งในวิดีโอคลิปหญิงผิวสีผู้นี้ตะโกนบอกให้ตำรวจผู้จับกุมไม่ให้แตะต้องตัวเธอ และในที่สุดตำรวจผู้ทำการจับกุมได้ใช้ปืนพกประจำตัวจ่อไปที่แบลนด์จึงทำให้เธอต้องออกมาจากรถด้วยความยากลำบาก และในวิดีโอคลิปยังแสดงให้เห็นว่า ตำรวจผู้ทำการจับกุมได้สั่งให้เธอวางโทรศัพท์มือถือลงในขณะที่นำเธอไปที่บริเวณท้ายรถส่วนตัว และหลังจากนั้นมีเสียงของคนทั้งคู่อยู่ในวิดีโอคลิปแต่ไม่เห็นภาพเป็นเสียงการต่อสู้และเธอร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่งสื่อสหรัฐฯ MSNBC รายงานเมื่อวานนี้(22)ว่า แบลนด์ถูกเครื่องช็อตไฟฟ้า

    แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่ซึ่งทำการจับกุมอ้างว่า เขาต้องการให้เธอออกมาจากรถยนต์ส่วนตัวเพื่อให้เซ็นชื่อรับทราบในใบสั่งค่าปรับเท่านั้น

    และมีรายงานจากสาธุคุณที่ใกล้ชิดของครอบครัวแลนด์เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกสั่งให้หยุดนั้นไม่ได้ทำหน้าที่สายตรวจในขณะเกิดเหตุ แต่ไบรอัน เอ็นซิเนีย (Brian Encinia)มีหน้าที่ต้องทำงานด้านเอกสารที่สถานีตำรวจในขณะนั้น ซึ่งอาจกล่าวได้การจับกุมแบลนด์นั้นผิดกฎหมาย รวมไปถึงตำรวจนายนี้นั้นอยู่ในสมาชิกเคลื่อนไหวทางศาสนาที่ส่อไปทางนิยมการเหยียดผิว


    In Pics & Clips :
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระทึก! โสมแดง “อัปเกรดฐานยิง” เตรียมร่อนจรวดพิสัยไกลฉลอง “70 ปีพรรคแรงงาน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 13:02 น. (แก้ไขล่าสุด 22 กรกฎาคม 2558 15:46 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัฐบาลเกาหลีเหนือต่อเติมฐานยิงที่สถานีส่งดาวเทียมหลักของประเทศเสร็จเรียบร้อย คาดจะใช้ยิงจรวดพิสัยไกลรุ่นใหม่เพื่อฉลอง 70 ปีพรรคแรงงานเกาหลีในเดือนตุลาคมนี้

    [​IMG]

    สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้อ้าง “ข่าวกรองที่เชื่อถือได้” จากแหล่งข่าวคนหนึ่งในรัฐบาลโสมขาว ซึ่งระบุว่า ผู้นำคิม จองอึน ได้มีคำสั่งเตรียมยิงจรวดพิสัยไกล เพื่อเฉลิมฉลองวาระก่อตั้งพรรคแรงงานเกาหลีครบ 70 ปี ในวันที่ 10 ตุลาคม

    “เราเชื่อว่าเกาหลีเหนือน่าจะกระทำการยั่วยุบางอย่างออกมาในวาระครบรอบ 70 ปีพรรคแรงงาน” แหล่งข่าวระบุ

    กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธรายงานที่ยอนฮัปนำเสนอ

    “ในส่วนของงานก่อสร้างฐานยิงจรวดพิสัยไกลของเกาหลีเหนือ เราได้เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิด” โฆษกกระทรวงกลาโหม เผย

    แหล่งข่าวของยอนฮัประบุว่า โสมแดงต่อเติมฐานยิงที่เป็นโครงสร้างเหล็กสูง 67 เมตรจนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งจะสามารถรองรับจรวดที่มีขนาดใหญ่เป็น 2 เท่าของจรวด อึนฮา-3 ความยาว 30 เมตร ที่โสมแดงใช้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012

    นานาชาติเชื่อว่า การส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้วเป็นเพียงแผนอำพรางการทดสอบจรวดพิสัยไกล ซึ่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็ได้สั่งคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติมเพราะเรื่องนี้

    ระทึก! โสมแดง “อัปเกรดฐานยิง” เตรียมร่อนจรวดพิสัยไกลฉลอง “70 ปีพรรคแรงงาน”

    เปียงยางยืนยันว่า การส่งดาวเทียมมีวัตถุประสงค์ด้านวิทยาศาสตร์ล้วนๆ และอีก 3 เดือนถัดมาก็ได้ตอบโต้บทลงโทษของยูเอ็นด้วยการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ที่มีอานุภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยทำมา

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติห้ามเกาหลีเหนือทดสอบเทคโนโลยีจรวดทุกรูปแบบ แต่ที่ผ่านมาโสมแดงก็เคยยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้หลายครั้งโดยไม่ถูกลงโทษ

    สถาบันสหรัฐฯ-เกาหลีแห่งมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอปกินส์ ซึ่งอาศัยภาพถ่ายดาวเทียมติดตามความเคลื่อนไหวภายในสถานีจรวดโซแฮมาโดยตลอด ระบุว่า หากเกาหลีเหนือคิดจะยิงจรวดพิสัยไกลในวันที่ 10 ต.ค. “อาจเป็นเรื่องยาก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

    เมื่อเดือนพฤษภาคม ผู้นำคิมได้ไปตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมดาวเทียมเกาหลีเหนือที่ก่อสร้างเสร็จใหม่ๆ พร้อมประกาศกร้าวว่าจะเดินหน้าส่งดาวเทียมสู่ห้วงอวกาศโดยไม่แคร์คำขู่คว่ำบาตร

    “งานพัฒนาด้านอวกาศจะล้มเลิกไม่ได้ ต่อให้ใครหน้าไหนคัดค้านก็ตาม” คิมกล่าว


     

แชร์หน้านี้

Loading...