ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UNกดดันไทยอย่าอ่อนข้อจีน ส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เหลือไปยังตุรกี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 02:31 น.

    [​IMG]
    @ภาพชาวอุยกูร์ที่ถูกเนรเทศจากไทยกำลังถูกนำตัวลงจากเครื่องบินโดยตำรวจแดนมังกร ณ ท่าอากาศยานแห่งหนึ่งของจีนเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

    วอยซ์ออฟอเมริกา - สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) เดินหน้ากดดันไทยให้ปล่อยชนเชื้อสายอุยกูร์มากกว่า 50 คนเดินทางไปยังตุรกี แม้ถูกกดดันจากปักกิ่งให้ส่งมอบพวกเขากลับไปยังจีน

    วอยซ์ออฟอเมริกา สื่อของสหรัฐฯรายงานว่าเจ้าหน้าที่ของไทยตกอยู่ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อกรณีบังคับกลุ่มชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ในสัปดาห์นี้ นายอนุสิทธิ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พยายามบรรเทาความกังวลต่อการปฏิบัติของจีนต่อชาวอุยกูร์เหล่านั้น ด้วยการเดินทางไปยังศูนย์ควบคุมตัวในมณฑลซินเจียง เพื่อเยี่ยมพวกเขา

    นายอนุสิทธิ์ บอกกับผู้สื่อข่าวไทยว่าชาวอุยกูร์ 109 อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดีในศูนย์พักฟื้นที่สะอาดและเป็นระเบียบ และมี 13 คนที่ถูกสอบสวนตามคำกล่าวหาเกี่ยวข้องกับก่อการร้าย อย่างไรก็ตามทางวอยซ์ออฟอเมริการะบุแม้ทางเลขาธิการสมช.รายนี้จะนำเสนอรูปถ่ายบางส่วนของศูนย์ แต่ก็บอกว่าตนเองถูกห้ามถ่ายรูปกับชาวอุยกูร์ ขณะที่จีน ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและองค์กรระหว่างประเทศเข้าไปยังศูนย์แห่งนี้

    รายงานของวอยซ์ออฟอเมริการะบุว่ารัฐบาลไทยมีการเจรจากับทั้งจีนและตุรกีมานานกว่าปี นับตั้งแต่พบตัวชาวอุยกูร์กว่า 350 คนซ่อนตัวอยู่ในไทยและนำไปควบคุมตัวตามศูนย์กักกันต่างๆ

    ต่อมาชาวอุยกูร์ราว 180 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกส่งไปยังตุรกี หลังได้รับเอกสารคนเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย ทั้งนี้ตุรกีมักจัดหาเอกสารดังกล่าวแก่ชาวอุยกูร์เป็นปกติ เพราะว่าความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและอ้างว่าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ต้องเผชิญกับการประหัตประหารในจีน อย่างไรก็ตามยังมีชาวอุยกุร์อีกมากกว่า 50 คนที่ถูกควบคุมตัวในศูนย์กักกันคนเข้าเมืองของไทย

    ในเรื่องนี้วอยซ์ออฟอเมริกาอ้างคำกล่าวของวิเวียน ตัน โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติประจำประเทศไทย ที่เรียกร้องรัฐบาลไทยยินยอมให้คนกลุ่มนี้เดินทางอย่างอิสระ "โดยพื้นฐานแล้ว UNHCR อยากวิงวอนรัฐบาลไทยระงับบังคับเนรเทศผู้คนอีกในอนาคต เราเรียกร้องรัฐบาลยอมให้คนที่ยังอยู่ในไทย ได้รับการเนรเทศโดยสมัครใจยังไปดินแดนที่รัฐบาลนั้นมีความเต็มใจต้อนรับพวกเขา" นายตันกล่าว

    นายเบนจามิน ซาวัคกี นักสิทธิมนุษยชนและทนายความ ตำหนิไทยผ่านวอยซ์ออฟอเมริกาว่า ไทยไม่ยอมให้องค์กรนานาชาติเข้าดำเนินการคัดครองผู้อพยพอย่างเหมาะสม ก่อนส่งตัวคนเหล่านั้นกลับไปจีน "ตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศโดยไม่คำนึงถึงกรณีที่ไทยไม่ได้ลงนามเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ระบุว่าจนกว่ากระบวนการคัดครองจะแล้วเสร็จ ให้เชื่อว่าความหวาดกลัวต่อการถูกประหัตประหารของคนเหล่านั้นมีความสมเหตุผลสมผล และไม่อาจส่งตัวพวกเขากลับไปจนกว่าได้ข้อสรุปแล้ว"

    วอยซ์ออฟอเมริการายงานต่อว่าชาวอุยกูร์ในไทยกล่าวอ้างมาตลอดว่าพวกเขาไม่ได้มาจากจีนและยืนยันว่ามาจากตุรกี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทูตเติร์กได้เข้าพบพวกเขาและมอบเอกสารการเดินทางอย่างถูกกฎหมาย แต่ก็โดนยับยั้งโดยเจ้าหน้าที่ไทยที่ยอมส่งตัวพวกเขาแก่ปักกิ่งภายใต้แรงกดดันจากจีน

    ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนานาชาติต่อแนวทางจัดการกับประเด็นนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทยเรียกร้องให้มีการประชุมเร่งด่วนของเจ้าหน้าที่ต่างๆจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงจากสหประชาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ

    นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บอกว่ากระบวนการอ้างสิทธิ์ลี้ภัยควรเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมระบุว่าชาวอุยกุร์กว่า 50 คนที่ยังอยู่ในไทย ควรถูกส่งตัวไปยังตุรกี

    วอยซ์ออฟอเมริกาอ้างรายงานข่าวระบุว่าจีนยังคงกดดันทางการไทยให้ส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน โดยปักกิ่งกล่าวหาชาวอุยกูร์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้าย อย่างเช่นรัฐอิสลาม(ไอเอส) และพวกแบ่งแยกดินแดน อย่างไรก็ตามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นถึงจุดหมายปลายทางท้ายที่สุดของคนเหล่านั้น เพียงแต่บอกว่าชาวอุยกูร์จะอยู่ในไทยต่อไปสักพัก

    UN
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันฟื้น-หุ้นสหรัฐฯร่วง ทองคำลง9วันติดปิดต่ำสุด5ปีกว่า โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 05:19 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวเล็กน้อยในวันอังคาร(21ก.ค.) ก่อนหน้าสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงสำรอง ส่วนวอลล์สตรีทดิ่งแรงตามรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ขณะที่ทองคำปิดลบอีก 3 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีกว่า

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้ปิดลบมา 4 วันติด ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นอกจากปัจจัยดอลลาร์ที่อ่อนค่าแล้ว นักลงทุนเฝ้ารอรายงานปิโตรเลียมรายสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพธ(22ก.ค.) ที่จะบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ในสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลก

    ทั้งนี้จากผลสำรวจความคิดเห็นของเหล่านักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยบลูมเบิร์กนิวส์ คาดหมายว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 กรกฎาคม น่าจะลดลงราว 2 ล้านบาร์เรล หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ลดลงถึง 4.3 ล้านบาร์เรล เหลือ 641.4 ล้านบาร์เรล

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(21ก.ค.) ปิดลบ โดยดาวโจนส์ร่วงหนัก หลังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของไอบีเอ็มและยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ นำตลาดปรับลงอย่างกว้างขวาง

    ดาวโจนส์ ลดลง 181.12 จุด (1.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,919.29 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 9.07 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,119.21 จุด แนสแดค ลดลง 10.74 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,208.12 จุด

    ดาวโจนส์ดำดิ่งอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากไอบีเอ็ม มีรายได้ลดลง 13 ไตรมาสติดต่อกัน ส่วนยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ก็ปรับลดประมาณการณ์รายได้ สืบเนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอในจีนและยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินที่ตกต่ำ รายงานดังกล่าวส่งผลให้หุ้นของไอบีเอ็ม ลดลงร้อยละ 5.9 และยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลงร้อยละ 7.0

    ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(21ก.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน และยังแกว่งตัวในระดับต่ำสุดรอบ 5 ปีกว่า ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และไม่มีปัจจัยใหม่ๆมาดึงดูดนักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,103.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ชาวเคิร์ดประท้วงและควงปืนปะทะกับตำรวจปราบจลาจลในเมืองอิสตันบูลประเทศตุรกีหลังเกิดเหตุก่อการร้ายที่ Suruc

    [​IMG]

    ---------
    วันที่ 20 ก.ค.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียรายงายว่า ตำรวจตุรกีใช้ปืนฉีดน้ำ (water cannon จากรถบรรทุกน้ำปราบจลาจล ไม่ใช่ปืนฉีดน้ำเล่นสงกรานต์ในบ้านเรานะ) และแก๊สน้ำตาเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงนำโดยชาวเคิร์ด (Kurds) ซึ่งบอกว่าโกรธแค้นที่ทางการของรัฐบาลกลางไม่สามารถป้องกันการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในเมือง Suruc ใกล้ชายแดนซีเรีย ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการะเบิดพลีชีพฝีมือของไอซิส เมื่อที่ 20 ที่ผ่านมา รายงานเบื้องต้นบอกว่าผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพในครั้งนี้เป็นผู้หญิงวัย 18 ปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย บาดเจ็บร่วม 100 คน
    รายงานข่าวบอกว่ากลุ่มติดอาวุธซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอิสระชาวเคิร์ด พรรค Kurdistan Workers’ party (PKK) กล่าวหารัฐบาลตุรกีว่าให้การสนับสนุนและสร้างพวกไอซิส ขึ้นมา พรรคร่วมรัฐบาล People’s Democracy Party (HDP) ที่เป็นชาวเคิร์ดออกมาแสดงความเห็นด้วย (กับกลุ่มผู้ประท้วง?) แม้ว่าทางรัฐบาลของตุรกีจะออกมาประณามการก่อการร้ายระเบิดพลีชีพดังกล่าวแล้วก็ตาม
    Selahattin Demirtas ประธานร่วมของพรรค HDP กล่าวตำหนิรัฐบาล (ที่ตัวเองก็อยู่ในฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน) ว่า "รัฐบาลของกรุงอังการาที่โยนภัยคุกคามมาที่พรรค HDP และลูบหัว (ชื่นชมให้กำลังใจในผลงาน) พวกไอซิสเป็นหุ้นส่วนในความโหดร้ายในครั้งนี้" (ก็ทะเลาะกันเองซะหละ)
    หลังจากที่มีข่าวการระเบิดแพร่ออกไป ก็มีชาวตุรกีเชื้อสายเคิร์ดหลายพันคนออกมารวมตัวกันประท้วงที่เขต Gazi ใจกลางเมืองอิสตันบูล (เมืองที่ชาวตุรกีเชื้อสายอุยกูร์บุกเข้าไปทำลายสถานกงสุลไทยเมื่อเร็วๆนี้นั่นแหละ) สมาชิกของกลุ่มผู้ประท้วงออกมาตะโกนว่า "[Recep Tayyip] Erdogan เป็นมือสังหาร/ฆาตกร (killer)" และว่า "Erdogan เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด" (Erdogan is a collaborator) พร้อมกับร้องสาบานว่า "Vengeance for the PKK" (ต้องแก้แค้นให้กับพรรค PKK) (กรรม! การปลูกฝังความโกรธแค้นและเกลียดชังกันนี่มันทำง่ายกันจริงๆ)
    รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจปราบจลจลจำนวนมากได้รับคำสั่งให้ลงไปบนท้องถนนในทันที มีการใช้ปืนฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และระเบิดแสงเพื่อกดดันให้กลุ่มผู้ประท้วงต้องวิ่งหนี พยานในที่เกิดเหตุกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวเป็นการไม่สมสัดส่วนกัน/ไม่เหมาะสม (disproportionate) และเป็นการทำตามอำเภอใจ (indiscriminate) (จากฝั่งตำรวจ?) แต่ก็มีรายงานว่าผู้ประท้วง (บางคน/หลายคน) ขว้างปาก้อนหินใส่สถานีตำรวจหลายแห่งด้วย
    ตามรายงานข่าวบอกว่าหลังตะวันตกดิน การใช้ความรุนแรงก็ปรากฎขึ้นหลังจากที่มีการปราบปรามในเบื้องต้น พวกผู้นำชาวเคิร์ดได้กล่าวหา ปธน. Erdogan ของตุรกีว่าใช้ชาวเคิร์ดเป็นกันชน (buffer) ต่อต้านพวกไอซิส และยังให้ท้ายพวก jihadists ในการทำลายเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ดของพวกเขาด้วย ซึ่งได้เกิดขึ้นมาในภาคเหนือของซีเรียนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในประเทศซีเรียขึ้นในปี 2011
    ส่วนใครใช้ความรุนแรงอย่างไรบ้างก็ดูในภาพประกอบที่เก็บมาจากโซเชียลเน็ทเวิร์คเอาเองละกัน (RT เขาเก็บมา) ตกค่ำก็มีชายชุดดำออกมาถือปืนทั้งปืนสั้นและปืนยาวพร้อมจะเผชิญกันกันกับตำรวจปราบจลาจล ตามธรรมเนียม มันต้องเผา ทุบ ทำลาย เฮ้อ… อิสตันบูลเมืองท่องเที่ยวติดอันดับโลกที่สวยงาม กำลังจะเป็นทะเลเพลิงอีกแห่งแล้วหรือนี่? ก่อนหน้านี้ทางการจีนก็ได้ออกมาเตือนรัฐบาลตุรกีแล้วประมาณว่า ไฟที่ตุรกีจุดขึ้นโดยพวกหัวรุนแรงในตุรกีเองนั้นจะไหม้ตุรกีให้ย่อยยับก่อนที่จะไหม้ประเทศอื่นซะอีก ตอนนั้นจีนเตือนตุรกีกรณีให้ท้ายพวกหัวรุนแรงอุยกูร์ที่ก่อเหตุเมื่อเร็วๆนี้ พอเรื่องอุยกูร์เงียบลง คราวนี้ก็มีชาวเคิร์ดปรากฎออกมาอีก
    ที่น่าสังเกตก็คือว่าพอเกิดเหตุก่อการร้ายปุ๊บ พวกนี้ก็ออกมารวมตัวกันพยายามก่อเหตุจลาจลใช้ความรุนแรงอีก ยังกะนัดกันไว้ยังไงยั้งงั้นเลยนะ และที่สำคัญมันกำลังลุกลามเข้าไปในตุรกีเรื่อยๆแล้ว จากซีเรีย ก็ข้ามชายแดนเข้าไปในตุรกีแล้ว ใครกันนะที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้? เดี๋ยวก็ยกเรื่องศาสนาเดี๋ยวกับยกเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ขึ้นมาสร้างความขัดแย้งขึ้นในสังคม ใครกันนะที่ถนัดเรื่องแบบนี้? ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันก็ตกเป็นเหยื่อเป็นเครื่องมือของเขาต่อไป น่าเศร้าที่ผู้คนเหล่านี้ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต หากยังไม่คิดที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติ เราก็จะได้เป็นภาพข่าวแบบนี้ปรากฎออกมาอยู่เรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ประเทศแล้วประเทศเล่า คนที่ตายก็ตายไป คนใหม่ก็ถูกปลูกฝังความเกลียดชังมาแทนที่ไม่รู้จักจบสิ้น นี่หละหนาโลกมนุษย์
    The Eyes
    21/07/2558
    ----------
    http://www.rt.com/ne…/310306-police-kurds-protests-istanbul/
    Police Use Tear Gas to Disperse Anti-Government Protesters in Istanbul / Sputnik International
    At least 30 killed, 100 injured in 'terrorist attack' on Turkish town near Kobani — RT News
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    จีนมีแผนสร้างเมกาซิตี้ Jing-Jin-Ji ใหญ่กว่านิวยอร์ก 6 เท่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    ---------
    สำนักข่าวต่างประเทศรายว่าจีนกำลังวางแผนที่จะสร้างอภิมหานครแห่งใหม่ขึ้นมาซึ่งอาจจะมีขนาดพอๆกับรัฐแคนซัสของสหรัฐฯ มีประชากรมากกว่านิวยอร์ก 6 เท่าในตัวเมือง รายงานจาก New York Times ของสหรัฐฯบอกว่า เขต Jing-Jin-Ji จะเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างกรุงปักกิ่ง เทียนจิน และจังหวัดเหอเป่ย (Beijing-Tianjin-Hebei Province) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจทางตอนเหนือของจีน (Jing = Beijing, Jin = Tianjin, Ji = Hebei ตามชื่อสมัยเก่าของเหอเป่ยซึ่งเขียนด้วยตัวอักษร 冀 อ่านออกเสียงว่า "Ji")
    รายงานข่าวกล่าวว่าหากเป็นจริง (เหมือนดูถูกไงก็ไม่รู้?) ซุปเปอร์ซิตี้แห่งใหม่นี้ก็จะเป็นบ้านของประชาชนจำนวน 130 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของสหรัฐฯ (ปัจจุบันสหรัฐฯมีประชากรอยู่ราว 318.9 ล้านคน) ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ 3 แห่งและมีเนื้อที่ถึง 82,000 ตารางไมล์ หรือมีขนาดเกือบเท่ารัฐ Kansas ของสหรัฐฯ (เนื้อหาต่อจากนี้ไปสื่อฯสหรัฐฯก็จะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เชิงตำหนิดูถูกจีนหละ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการคมนาคม การทานอาหารริมถนนแข่งกับสายฝน ตึกที่สูงแค่ 25 ชั้น โรงพยาบาลและโรงเรียนยังไม่เพียงพอ เป็นต้น ประมาณว่าจีนจะทำได้รึ ระบบสาธารณูปโภคต่างยังไม่หร้อมเลย? อ้าว! ก็พึ่งบอกเองว่านี่กำลังวางแผนกันอยู่ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นจะให้เนรมิตรขึ้นมาทันทีทันใดเลยหรือไง? เป็นธรรมดาของพวกขี้อิจฉาหนะ เห็นจีนเริ่มฉายแววว่าจะรุ่งกว่าตนเองก็จะมีอาการอย่างนี้แหละ แทนที่จะบอกว่า เออ…ดีแล้ว เอาใจช่วย สนับสนุน เศรษฐกิจโลกจะได้ดีขึ้น ไม่หละ จะบ่อนทำลายมัน)
    นิตยสาร Times รายงานว่า นอกจากนี้แล้วแต่ละเมืองจะมีบทบาททางเศรษฐกิจเฉพาะของตัวเอง กรุงปักกิ่งจะมุ่งไปด้านวัฒนธรรม (ตรงนี้จักรวรรดิเฮเกไม่มี หมายถึงวัฒนธรรมประเพณีโบราณที่เก่าแก่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษนะ เพราะจักรวรรดิเฮเกไปปล้นแผ่นดินเขามาเป็นของตัวเองและทำลายวัฒนธรรมเก่าแก่ของชนพื้นเมืองทิ้งหมด) และเทคโนโลยี ในขณะที่เมืองเทียนจินจะกลายเป็นที่ตั้งด้านงานวิจัยสำหรับการผลิตในโรงงาน ส่วนบทบาทของเหอเป่ยนั้นยังไม่ได้กำหนด แต่อาจจะเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เช่นตลาดสิ่งทอ (textile)
    รายงานข่าวบอกว่า จีนกำลังอยู่ในกระบวนการนำระบบรถไฟความเร็วสูงเข้าไปใช้ในพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งมีความเร็วอยู่ที่ 150-185 ไมล์ต่อชั่วโมง คาดว่าจะทำให้เขตเมืองขยายตัวออกไปและเป็นการลดระยะเวลาในการเดินทางได้เป็นอย่างมาก (หากจีนนำระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปใช้ในเมืองใหญ่เพิ่มมากขึ้น นอกจากช่วยลดปัญหาด้านการจราจรแล้ว ยังจะช่วยลดปัญหาด้านมลภาวะให้กับตัวเองลงได้เป็นอย่างมากด้วย ซึ่งเป็นกำลังเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของจีนในปัจจุบันนี้)
    พอเช็กข่าวเกี่ยวกับโครงการ "Jing-Jin-Ji" จากสื่อฯของจีนแล้ว พบว่าจีนมีการเขียนเกี่ยวกับโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2014 แล้ว ซึ่งเว็บไซท์ china-briefing ได้ลงบทความเรื่อง "Jing-Jin-Ji: The Biggest City in China You’ve Probably Never Heard Of" เนื้อหาพูดถึงแนวความคิดของโครงการนี้โดยคร่าวๆ แต่ก็ทำให้เห็นภาพได้ในระดับหนึ่ง
    รายงานข่าวจากจีนบอกว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2557 หน่วยงานด้านศุลกากรของจีน (General Administration of Customs - GAC) ซึ่งจัดอยู่ในระดับกระทรวงของรัฐบาลจีน ได้เผยแพร่คำแถลงการณ์ในการบูรณาการกระบวนการด้านศุลกากรของกรุงปักกิ่ง เทียนจิน และเหอเป่ย (GAC Announcement [2014] No. 45) ออกมา โดยแสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญในการรวมอำนาจทางกฎหมายของทั้งสามเมืองเข้ามาไว้ด้วยกันให้เป็นภูมิภาคขนาดใหญ่ที่มีระบบเดียวกัน (single megaregion) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
    ภายใต้การรวมระบบศุลกากรเข้าด้วยกันนี้ บริษัทผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างๆ (enterprises) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทั้งสามแห่งนี้จะสามารถเลือกนำเข้า/ส่งออกสินค้าโดยผ่านศุลกากรที่เจ้าของผู้ประกอบการทางธุรกิจได้ได้จดทะเบียนไว้ หรือจะเลือกที่อื่น (ในสามแห่งนี้) ก็ได้ (ไม่มีความแตกต่างกัน) การรวมระบบศุลกากรเข้าด้วยกันนี้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 (นี่คือจุดเริ่มต้นอีกจุดหนึ่ง)
    รายงานข่าวบอกว่านี่เป็นหนึ่งในมาตรการต่างๆที่ประกาศโดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (National Development and Reform Commission - NDRC) เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ Beijing-Tianjin-Hebei megaregion ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 216,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งจะเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนมากกว่า 100 ล้านคน จีนได้ประกาศที่จะสร้าง megaregion แบบนี้ประมาณ 10 แห่งในแผ่นดินใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึง Shandong และ Liaoning ด้วย
    รายงานข่าวบอกว่าอันที่จริงแล้วนักการเมืองจีนได้พูดถึงแนวความคิดเรื่องการรวม 3 พื้นที่เข้าด้วยกันมาหลายปีแล้ว โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2004 (2547) แต่กระบวนการดำเนินงานค่อนข้างล่าช้าในช่วงที่ผ่านมา จนล่าสุดปธน.สี จิ้นผิง ของจีน ได้สานต่อเรื่องนี้อย่างจริงจังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 และสามเดือนต่อมาคณะกรรมการ NDRC ของจีนก็คลอดกฎหมายรวมระบบศุลกากรเดียวกันในสามพื้นที่ออกมา นอกจากนี้แล้วจีนก็กำลังจะสร้างเขตการค้าเสรี (Beijing-Tianjin-Hebei Free Trade Zone - FTZ) ขึ้นมาในสามพื้นที่นี้ด้วย
    รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่านอกจากโครงการสร้างอภิมหานครขนาดใหญ่อย่าง Jing-Jin-Ji แล้ว จีนยังมีโครงการ Pearl River Delta (ประชากร 120 ล้านคน) และ Yangtze River Delta (ประชากร 156 ล้านคน) ที่เริ่มขึ้นในปี 2005 ซึ่งรุดหน้ากว่าโครงการ Jing-Jin-Ji มากพอสมควร
    The Eyes
    21/07/2558
    ----------
    China Building Mega-City Around Beijing Six Times Bigger Than NYC / Sputnik International
    http://www.china-briefing.com/…/jing-jin-ji-biggest-city-ch…
    http://beijing.bon.tv/speci…/b/2014-12-9/1418183536964.shtml
    http://www.nytimes.com/…/in-china-a-supercity-rises-around-…
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปักกิ่งฉะ “สมุดปกขาวญี่ปุ่น” บิดเบือนข้อมูล-บั่นทอนสัมพันธ์ ย้ำชัด "เตี้ยวอี๋ว์" เป็นของจีน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 08:35 น.


    [​IMG]

    @ หมู่เกาะเซ็งกากุ หรือเตี้ยวอี๋ว์ ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนพิพาทระหว่างญี่ปุ่นกับจีน

    รอยเตอร์ – รัฐบาลจีนออกคำแถลงโต้ “สมุดปกขาว” ที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นวานนี้(21 ก.ค.) ระบุเสนอข้อมูล “บิดเบือนและมุ่งร้าย” ชี้การที่โตเกียวพยายามเน้นย้ำ “ภัยคุกคามทางทหารจากจีน” จนเกินเหตุจะบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจในเอเชียตะวันออก พร้อมยืนยันว่าปักกิ่งมีกรรมสิทธิ์เหนือเกาะพิพาทเตี้ยวอี๋ว์

    สมุดปกขาว “ดีเฟนซ์ ออฟ เจแปน 2015” ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นล่าช้ามากว่าสัปดาห์ เรียกร้องให้จีนยุติโครงการก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใกล้น่านน้ำรอบหมู่เกาะพิพาทที่ทั้ง 2 ประเทศอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่ เพราะอาจรุกล้ำถึงแหล่งทรัพยากรในเขตแดนของญี่ปุ่น

    หลู กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้โพสต์คำแถลงบนเว็บไซต์ของกระทรวงเมื่อค่ำวานนี้(21) โดยวิจารณ์โตเกียวว่าไม่คำนึงถึงความเป็นจริงที่ว่ากิจกรรมทางทะเลของจีนยังอยู่ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ

    “หมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์เป็นดินแดนของจีนมาแต่ครั้งโบราณกาล... และจีนจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของเราเอาไว้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ควรยึดถือความเชื่อผิดๆ อีก” หลู กล่าว โดยอ้างถึงหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกที่ทางญี่ปุ่นเรียกว่า เซ็งกากุ ส่วนจีนเรียกในภาษาของตนว่า เตี้ยวอี๋ว์

    รายงานของญี่ปุ่นยังแสดงความกังวลว่า ปักกิ่งอาจใช้แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซเป็นสถานีเรดาร์ หรือฐานสำหรับโดรนหรืออากาศยานอื่นๆ เพื่อสอดส่องกิจกรรมทางอากาศและทางทะเลใกล้หมู่เกาะที่แย่งชิงสิทธิ์กันอยู่

    ญี่ปุ่นยังพาดพิงถึงการถมทะเลของจีนในทะเลจีนใต้ โดยระบุว่าเป็นการปลุกเร้าให้สถานการณ์ในภูมิภาคให้ตึงเครียดยิ่งขึ้น

    “กิจกรรมก่อสร้างของจีนอยู่ภายในขอบเขตอำนาจอธิปไตยของเรา และรัฐบาลจีนไม่มีเจตนาให้ส่งผลกระทบต่อประเทศใด” หลู กล่าว

    “เราใคร่ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นหยุดโหมกระพือความตึงเครียดด้วยการสร้างความขัดแย้ง และขอให้ดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคจะดีกว่า”


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    S&Pขยับอันดับ'กรีซ'ขึ้น2ขั้นหลังจ่ายหนี้อีซีบี-ไอเอ็มเอฟ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 กรกฎาคม 2558 04:05 น.

    [​IMG]

    @ธนาคารพาณิชย์ในกรีซก็เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ต้องปิดลงไปตามมาตรการควบคุมทุนนานกว่า 3 สัปดาห์

    เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส(S&P)เมื่อวันอังคาร(21ก.ค.) ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซขึ้น 2 ขั้นเป็น CCC+ หลังประเทศหนี้สินล้นพ้นตัวแห่งนี้เริ่มชำระหนี้หลายพันล้านยูโรแก่เจ้าหนี้ระหว่างประเทศและกลับมาเปิดธนาคารอีกครั้ง

    ในขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือยังอยู่ในสถานะ "ขยะ" หลังได้รับการปรับขึ้นจาก CCC- แต่ S&P บอกว่ากรณีเอเธนส์ผิดนัดชำระหนี้จะสามารถหลีกเลี่ยงได้อีกหลายปี ดังนั้นโอกาสจะกรีซจะถอนตัวจากยูโรจึงลดลง แม้ยังคงสูงอยู่ก็ตาม

    คำแถลงของ S&P มีขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ยืนยันว่ากรีซไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ยืมอีกต่อไป หลังจากได้ชำระคืนเงินกู้ราว 2,000 ล้านยูโร ที่เลยกำหนดมาตั้งแต่วันที่ 30 เดือนมิถุนายน

    การชำระคืนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกรีซเข้าถึงเงินกู้ฉุกเฉินระยะสั้น 7,160 ล้านยูโร ซึ่งอนุมัติโดยอียูเมื่อวันศุกร์(17ก.ค.)ที่แล้ว เพราะฉะนั้นเอเธนส์จึงมีเงินมาจ่ายหนี้ค้างไอเอ็มเอฟ เช่นเดียวกับเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 4,200 ล้านยูโรที่ถึงกำหนดชำระหนี้แก่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ในวันจันทร์(20ก.ค.)

    ทาง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ยังให้แนวโน้มระดับมีความเสถียร นั่นหมายความว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซอีกเร็วๆนี้ "เราปรับความน่าเชื่อถือระยะยาวของกรีซจาก CCC- สู่ CCC+ ตามมุมมองของเราว่ากรีซคงหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้ได้อีกราว 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า" S&P ระบุ

    เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา กรีซ บรรลุข้อตกลงช่วยเหลือก้อนที่ 3 กับคู่หูยูโรโซน หลังเอเธนส์เห็นพ้องต่อแผนปฏิรูปอันเข้มข้นแลกกับเงินกู้ระยะ 3 ปีจากกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป(ESM)มูลค่าสูงสุด 86,000 ล้านยุโร

    ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์ในกรีซก็เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ต้องปิดลงไปตามมาตรการควบคุมทุนนานกว่า 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตามมาตรการควบคุมทุนบางประการนั้นยังคงบังคับใช้อยู่ต่อไป เช่น ห้ามการโอนเงินไปต่างประเทศ

    นับจากวันจันทร์ (20) ชาวกรีกต้องจ่ายภาษีสินค้าและบริการต่างๆ ตั้งแต่น้ำตาลไปจนถึงการทำศพแพงขึ้นจาก 13% เป็น 23% ตามเงื่อนไขการเปิดเจรจาขอเงินกู้ก้อนใหม่ 86,000 ล้านยูโรในระยะเวลา 3 ปี อย่างไรก็ดี ภาษีเวชภัณฑ์ หนังสือ และหนังสือพิมพ์จะลดจาก 6.5% เหลือ 6%

    นอกจากรัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซจะยอมขึ้นภาษี ยกเครื่องระบบบำนาญ และแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่เคยคัดค้านมาตลอดนับจากเข้าบริหารประเทศเมื่อต้นปีแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่คณะผู้แทนของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ได้แก่ อียู อีซีบี และไอเอ็มเอฟ จะเดินทางสู่เอเธนส์เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ


    S&P
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การท่องเที่ยวเกาหลีใต้วิกฤต ส่อสูญรายได้แสนล้านวอนเซ่นพิษไวรัสมรณะ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 23:32 น.

    [​IMG]

    @ไวรัสเมอร์ส ทำนักท่องเที่ยวหนีหายไปจากเกาหลีใต้

    เอเอฟพี - การแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ'เมอร์ส'ในเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆนี้ ฉุดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศเข้าสู่ห้องไอซียู ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวลดฮวบกว่าร้อยละ 40 ในเดือนมิถุนายน ข้อมูลอย่างเป็นทางการแพร่เผยเมื่อวันอังคาร(21ก.ค.) คาดต้องสูญรายได้หลายแสนล้านวอน

    ในขณะที่เกาหลีใต้ กำลังตะเกียกตะกายประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นต่างๆนานาในความพยายามดึงนักท่องเที่ยวกลับ เจ้าหน้าที่เตือนว่าประเทศอาจต้องเซ่นการแพร่ระบาดของไวรัสกลุ่มอาการทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) ด้วยการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเฉียดๆ 93 ล้านดอลลาร์

    ปีนี้ภาคการท่องเที่ยวเริ่มต้นได้ดี ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าจากต่างประเทศในช่วง 5 เดือนแรก เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถึง 10.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อเมอร์สรายแรกและเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดคร่าชีวิตผู้คน 36 ศพ ได้กระพือความตื่นตระหนกแก่ประชาชนในวงกว้างและทัวร์จากต่างแดนก็พากันยกเลิก

    ผู้เสียชีวิตข้างต้นเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อทั้งหมด 186 คนในเกาหลีใต้ ถือเป็นการแพร่ระบาดของเมอร์สรุนแรงที่สุดนอกเหนือจากซาอุดีอาระเบีย

    องค์กรการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) เผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนมิถุนายน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2014 ถึง 41 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ 750,925 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นแขกผู้มาเยือนใช้จ่ายมือเติบที่สุด ลดลง 45 เปอร์เซนต์ ส่วนนักท่องเที่ยวขาเข้าจากไต้หวันและฮ่องกง ลดลง 76 และ 75 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

    "สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของเมอร์ส นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในนั้นรวมถึงจากจีน หมางเมินที่จะมาเยือนประเทศของเราในเดือนที่แล้ว" โฆษกขององค์กรการท่องเที่ยวเกาหลีระบุ พร้อมเผยว่าเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยว 16.2 ล้านคนในปี 2015 อยู่ในภาวะสั่นคลอนอย่างร้ายแรง และหากตัวเลขนักท่องเที่ยวยังไม่มีการฟื้นตัว คาดหมายว่าอาจต้องสุญรายได้สูงสุดถึง 108,000 ล้านวอนหรือ 93 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 3,200 ล้านบาท)

    ด้วยไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเมอร์สรายใหม่มานานกว่า 2 สัปดาห์ ทาง KTO และเจ้าหน้าที่อื่นๆได้แถลงมาตรการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวต่างๆนานา ในนั้นรวมถึงยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจากจีนและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่นายพัค วอน-ซูน นายกเทศมนตรีกรุงโซล จะเดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และกว่างโจว ในช่วงต้นเดือนหน้า เพื่อพูดคุยกับเหล่าหน่วยงานหลักๆด้านการท่องเที่ยวและโน้มน้าวนักท่องเที่ยวจีนให้ไปเยือนเกาหลีใต้ โดยจะยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยงทางสาธารณสุขอีกแล้ว

    นอกจากนี้แล้วอุตสาหกรรม เค-ป็อบ ยอดนิยมและโด่งดังของประเทศก็ถูกเกณฑ์เข้าช่วยประชาสัมพันธ์เช่นกัน โดยเหล่าศิลปินทั้งหลายเข้าร่วมจัดคอนเสิร์ตและการแสดงต่างๆเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวแดนโสมขาวทั้งในเกาหลีใต้เองและในต่างแดน


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลาโหมญี่ปุ่นย้ำปักกิ่ง'ภัยคุกคาม'ด้านมะนิลาเพิ่มงบปกป้องทะเลจีนใต้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 21:27 น.

    [​IMG]

    @เกาะเล็กๆ ที่มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า “เซงกากุ” และ “เตี้ยวอี๋ว์” ในภาษาจีน ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ

    เอเจนซีส์ - รัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อวันอังคาร (21 ก.ค.) เผยแพร่รายงานกลาโหมประจำปี ซึ่งย้ำชัดว่าจีนเป็นภัยคุกคามท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดมากขึ้นในภูมิภาค พร้อมเรียกร้องปักกิ่งยุติโครงการสำรวจแหล่งพลังงานใต้ทะเลจีนตะวันออก ขณะเดียวกัน ทางด้านฟิลิปปินส์ก็จัดเตรียมงบการทหารปีหน้า ที่ยอดเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุเพื่อปกป้องดินแดนในทะเลจีนใต้ที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนอยู่กับปักกิ่ง

    กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเผยแพร่สมุดปกขาว “ดีเฟนซ์ ออฟ เจแปน 2015” ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ล่าช้ามากว่าสัปดาห์ เนื่องจากพรรคของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เรียกร้องให้มีการระบุตัวอย่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางทะเลตามอำเภอใจฝ่ายเดียวของจีน เช่น การพัฒนาแหล่งก๊าซและน้ำมันใต้ทะเลจีนตะวันออก

    รัฐบาลอาเบะ กำลังอยู่ระหว่างผลักดันกฎหมาย ซึ่งจะอนุญาตให้กองกำลังปกป้องตนเองของญี่ปุ่นออกไปต่อสู้ทำศึกกับศัตรูนอกประเทศ แม้ในสถานการณ์ที่ญี่ปุ่นไม่ได้ถูกโจมตีโดยตรง รวมทั้งจะเปิดทางให้แสดงบทบาทเพิ่มมากขึ้นในกองกำลังรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ

    อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากคัดค้านความพยายามดังกล่าวของรัฐบาล เนื่องจากยังคงขมขื่นกับความพ่ายแพ้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่พรรคฝ่ายค้านก็โจมตีว่า รัฐบาลให้ภาพภัยคุกคามน่ากลัวเกินจริงเพื่อหวังให้ประชาชนสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ละเมิดรัฐธรรมนูญใฝ่สันติ

    สำหรับรายงานกลาโหมฉบับล่าสุดความยาว 429 หน้า ยังคงตอกย้ำว่า ความเสี่ยงด้านความมั่นคงโดยรวม มีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้รวมถึงภัยคุกคามจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และภัยการก่อการร้ายของกลุ่ม “รัฐอิสลาม”

    อย่างไรก็ดี จีนติดอันดับภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น โดยครอบคลุมเนื้อหาถึง 1 ใน 3 ในบทที่ว่าด้วยแนวโน้มความมั่นคง ซึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ใน 8 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ

    “ประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นความขัดแย้งทางทะเล ได้ดำเนินการในลักษณะที่แข็งกร้าว ซึ่งรวมถึงความพยายามบีบบังคับเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะดั้งเดิม” รายงานบอก และยังระบุว่า ญี่ปุ่นกังวลกับพฤติกรรมนี้และจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

    รายงานยังสนองข้อเรียกร้องของคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ของอาเบะ ด้วยการตั้งข้อสังเกตเป็นพิเศษเกี่ยวกับโครงการสำรวจและขุดเจาะก๊าซและน้ำมันใต้ทะเลในทะเลจีนตะวันออก บริเวณใกล้ๆ กับพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนของญี่ปุ่น พร้อมกับเรียกร้องให้ปักกิ่งระงับโครงการดังกล่าว

    ทั้งนี้ จีนกลับมาสำรวจพลังงานในบริเวณดังกล่าวเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากไม่พอใจที่ญี่ปุ่นซื้อหมู่เกาะเล็กๆ ที่มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า “เซงกากุ” และ “เตี้ยวอี๋ว์” ในภาษาจีน โดยแท่นสำรวจขุดเจาะของปักกิ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจของจีนเอง แต่ทว่า ญี่ปุ่นกังวลว่า ปักกิ่งอาจรุกล้ำแหล่งน้ำมันของตนที่ทับซ้อนอยู่ตามแนวเส้นแบ่งเขตเศรษฐกิจของสองประเทศ รวมทั้งกังวลว่า ปักกิ่งอาจใช้แท่นขุดเจาะดังกล่าวเป็นสถานีเรดาร์หรือฐานสำหรับ โดรน หรืออากาศยานอื่นๆ เพื่อสอดส่องกิจกรรมทางอากาศและทางทะเลใกล้หมู่เกาะที่แย่งชิงสิทธิ์กันอยู่

    รายงานกลาโหมญี่ปุ่นยังพาดพิงถึงการถมทะเลของจีนในทะเลจีนใต้ โดยระบุว่า ปลุกเร้าให้สถานการณ์ในภูมิภาคตึงเครียดยิ่งขึ้น

    "จีนเดินหน้าโครงการถมทะเลอย่างรวดเร็วในแนวปะการัง 7 แห่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งบางแห่งมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงรันเวย์และท่าเรือ”

    แดนมังกรนั้นอ้างอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ทำให้มีกรณีพิพาทกับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน

    แม้ญี่ปุ่นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในทะเลจีนใต้ แต่ก็กังวลว่า การตั้งฐานทัพในบริเวณดังกล่าวจะทำให้อิทธิพลของจีนแผ่ขยายมากขึ้น แม้ปักกิ่งยืนยันว่า โครงการสร้างเกาะเทียมของตนมีจุดประสงค์เพื่อการป้องกันประเทศ รวมถึงให้การสนับสนุนด้านพลเรือนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนานาชาติก็ตาม

    ทั้งนี้ นอกจากเกริ่นว่าอาจส่งเครื่องบินออกตรวจการณ์ในทะเลจีนใต้เร็วๆ นี้แล้ว ญี่ปุ่นยังได้เข้าร่วมซ้อมรบกับฟิลิปปินส์ทั้งในและรอบๆ ทะเลจีนใต้ และผู้นำสองประเทศเตรียมหารือเพื่อเปิดทางให้ญี่ปุ่นเข้าไปใช้ฐานทัพแดนตากาล็อก

    ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีในวันอังคาร (21) ว่า รัฐบาลวางแผนเพิ่มงบประมาณกลาโหมในปีหน้าสูงขึ้น 25% จากปีนี้ โดยส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการปกป้องดินแดนในทะเลจีนใต้

    ร่างงบประมาณประจำปี 2016 ของฟิลิปปินส์ ซึ่งประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน เตรียมนำเสนอต่อรัฐสภาในวันจันทร์หน้า (27) จะจัดสรรงบประมาณกลาโหมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 25,000 ล้านเปโซ (552 ล้านดอลลาร์) มากกว่าปี 2013 ถึง 5 เท่า โดยจะนำไปจัดซื้อเรือฟรีเกตและเครื่องบินตรวจการณ์

    งบประมาณดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระยะ 5 ปี มูลค่า 75,000 ล้านเปโซในการปรับปรุงกองทัพฟิลิปปินส์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกองทัพที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ด้อยประสิทธิภาพที่สุดในภูมิภาค แผนการดังกล่าวได้รับอนุมัติจากประธานาธิบดีอากีโน แล้วเมื่อปี 2013


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กูรูชื่อดังด้านพลังงาน คาดราคาน้ำมันตลาดโลกจะไม่หวนคืนสู่ระดับ 100ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ จนกว่าจะถึงปี 2020 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 21:01 น.

    [​IMG]
    @แกรี รอสส์

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กูรูชื่อดังด้านน้ำมันคาด อาจต้องรอถึงปี ค.ศ. 2020 กว่าที่จะได้เห็นราคาน้ำมันในตลาดโลก หวนกลับไปแตะระดับบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์อีกครั้ง

    แกรี รอสส์ กูรูชื่อดังแห่งแวดวงน้ำมัน ซึ่งเคยทำนายล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะผันผวนและดิ่งเหวอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว ออกมาสร้างความฮือฮาครั้งใหม่ด้วยการคาดการณ์ว่า อาจต้องรออีก 5 ปีนับจากนี้ หรือในปี ค.ศ. 2020 กว่าที่ราคาน้ำมันจะกลับไปแตะระดับบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง

    รอสส์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน “พีไออาร์เอ เอ็นเนอร์จี กรุ๊ป” ออกโรงคาดการณ์ในเรื่องดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ ( 20 ก.ค.) ที่กรุงลอนดอน โดยระบุว่าระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกเวลานี้ยังเป็นระดับราคาที่ไม่ยั่งยืน และมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากผลพวงของปัญหาความไม่สงบทางการเมือง และความขัดแย้งในแหล่งน้ำมันสำคัญอย่างในภูมิภาคตะวันออกกลาง ตลอดจน ทวีปแอฟริกา

    อย่างไรก็ดี การออกมาให้ความเห็นล่าสุดของรอสส์ ถือเป็นมุมมองที่ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับทัศนะของผู้มีอิทธิพลรายอื่นในวงการน้ำมัน โดยเฉพาะในกรณีของบ๊อบ ดัดลีย์ ซีอีโอของบริษัทพลังงาน “BP ” และอาลี อัล-นาอิมี รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบียที่ต่างออกมาให้ความเห็นก่อนหน้านี้ว่า โลกของเราอาจไม่ได้มีโอกาสเห็นราคาน้ำมันกลับไปพุ่งสูงแตะระดับบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์อีก จากผลพวงของปริมาณผลผลิตน้ำมันที่ “ล้นตลาด” มีสูงกว่าความต้องการบริโภคหลายเท่า ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงในช่วงที่ผ่านมา

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮือฮา! เศรษฐีดัง “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” เข้าซื้อเกาะสวรรค์ของกรีซราคา 15 ล้านยูโร ชี้แม้กรีซหนี้ท่วมหัว แต่ยังมี “โอกาสดีทางธุรกิจ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    21 กรกฎาคม 2558 14:57 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:50 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนชื่อก้องโลกชาวอเมริกัน วัย 84 ปี ตกเป็นข่าวจับมือกับอเลสซานโดร โปรโต นักธุรกิจชาวอิตาเลียนเข้าซื้อเกาะ “นักบุญโธมัส” ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของกรีซ เข้ามาเป็นสมบัติส่วนตัวแล้วด้วยสนนราคาสุดถูกเพียง 15 ล้านยูโร (ราว 560 ล้านบาท)

    [​IMG]

    รายงานข่าวซึ่งอ้างหนังสือพิมพ์ชื่อดังของกรีซอย่าง “To Proto Thema” (ซึ่งมีความหมายว่า “The Lead Story” ในภาษาอังกฤษ) ระบุว่า บัฟเฟตต์ซึ่งเป็นเจ้าของและซีอีโอของบริษัทด้านการลงทุน “เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์” ได้เข้าซื้อเกาะอาจิโอส โธมัสจากรัฐบาลกรีซ ส่งผลให้เกาะดังกล่าวแปรสภาพจากการเป็นดินแดนในอธิปไตยของกรีซ ไปสู่การเป็น “เกาะส่วนตัว” เรียบร้อยแล้ว

    [​IMG]

    หนังสือพิมพ์ชื่อดังของกรีซฉบับดังกล่าวระบุว่า วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ได้ร่วมลงขันกับอเลสซานโดร โปรโต นักธุรกิจชาวอิตาเลียน ในวงเงินรวมกัน15 ล้านยูโร (ราว 560 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการเป็นเจ้าของเกาะอาจิโอส โธมัส ซึ่งมีเนื้อที่เพียง 1.21 ตารางกิโลเมตรและมีที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของกรีซ

    รายงานข่าวซึ่งมีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (20 ก.ค.) ระบุว่า การเข้าครองกรรมสิทธิ์ของบัฟเฟตต์ และโปรโตเหนือเกาะดังกล่าว ได้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี (16 ก.ค.) ที่ผ่านมา และทั้งคู่มีแผนจะพัฒนาพื้นที่บนเกาะแห่งนี้ให้กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของโครงการต่อสาธารณชนแต่อย่างใด

    ก่อนหน้านี้ไม่นาน บัฟเฟตต์เคยประกาศว่าพร้อมเข้าลงทุนในประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและสุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างกรีซ โดยบัฟเฟตต์กล่าวว่า “ท่ามกลางภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจกรีซ หากเรารู้จักพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเราก็จะได้พบกับโอกาสดีๆ ทางธุรกิจมากมายที่ซ่อนอยู่”

    ทั้งนี้ การขายเกาะนักบุญโธมัสในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการหารายได้เข้าประเทศของรัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ที่มีแผนขายดินแดนบางส่วน ตลอดจนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อลดภาระด้านงบประมาณของรัฐบาลเอเธนส์ ตลอดจนหารายได้ไปชำระคืนให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศ

    ฮือฮา! เศรษฐีดัง “วอร์เร็น บัฟเฟตต์” เข้าซื้อเกาะสวรรค์ของกรีซราคา 15 ล้านยูโร ชี้แม้กรีซหนี้ท่วมหัว แต่ยังมี “โอกาสดีทางธุรกิจ”

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตอาหารเวเนฯโวยหนัก!! หลังโดนมาดูโรสั่งให้ส่ง “นม-แป้งสาลี-พาสต้า” ป้อนซุปเปอร์มาร์เก็ตใต้การควบคุมของรัฐเท่านั้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 18:40 น.

    [​IMG]

    เอพี – กลุ่มภาคอุตสาหกรรมผลิตอาหารเวเนซุเอลาออกแถลงการณ์ในวันจันทร์(20) ว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ได้สั่งการให้ส่งสินค้าบริโภคขั้นพื้นฐาน อาทิ นม เส้นพาสต้า แป้งสาลี น้ำตาล และเกลือ ส่งให้กับซูปเปอร์มาร์เก็ตเชนที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลเท่านั้น ท่ามกลางวิกฤตขาดแคลนสินค้าอย่างหนักในประเทศ

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางเวเนซุเอลามีคำสั่งให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เช่น นม เส้นพาสต้า แป้งสาลี น้ำตาล น้ำมันพืช ข้าว และเกลือ ส่งสินค้าจำนวน 30% ไปจนถึงจำนวนทั้งหมดของกำลังความสามารถในกำลังการผลิตให้กับเครือข่ายร้านค้าของรัฐบาลที่มีอยู่ทั่วประเทศเท่านั้น หอการค้าภาคอุตสาหกรรมผลิตอาหารเวเนซุเอลาแถลง

    ด้านประธานหอการค้า พาโบล บาเรย์บาร์ (Pablo Baraybar) แถลงเตือนว่า คำสั่งดังกล่าวอาจทำให้เกิดวิกฤตซัพพลายขาดแคลนได้ เพราะร้านค้าเอกชนมีมากกว่ารานของรัฐถึง 15 เท่า

    เอพีรายงานว่า ในขณะที่ประชาชนชาวเวเนซุเอลาที่มีอันจะกินจะหาซื้อสินค้าจำเป็นตามซูปเปอร์มาร์เก็ตเอกชนทั่วไปที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทว่าผู้ที่มีรายได้น้อยจะต้องยอมต่อคิวเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อเข้าคิวซื้อของที่ร้านซูปเปอร์มาร์เก็ตของรัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด

    ทั้งนี้การควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เข้มงวดของรัฐ ประกอบกับการขาดแคลนของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯในท้องตลาดทำให้ผู้บริโภคชาวเวเนซุเอลาประสบปัญหาอย่างหนักในการหาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งทางผู้ประกอบการภาคผลิตอาหารเวเนซุเอลาชี้ว่า การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนที่เข้มงวดส่งผลทำให้ยากที่จะทำให้บริษัทมีกำไร และยังไม่สามารถทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เรือบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นเข้าเทียบท่าในเมืองเอเดน ส่งความช่วยเหลือให้ชาวเยเมน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 18:37 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - เรือของสหประชาชาติที่บรรทุกสิ่งของความช่วยเหลือได้เข้าเทียบท่าเรือของเมืองเอเดนในวันอังคาร (21 ก.ค.) นับเป็นเรือลำแรกของยูเอ็นที่มาถึงเมืองทางตอนใต้ของเยเมนแห่งนี้ ในช่วง 4 เดือนที่เกิดการสู้รบอย่างหนักหน่วง

    "นี่เป็นเรือที่ติดธงของสหประชาชาติลำแรก ที่มาจอดเทียบท่าในเอเดน นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม" นาเยฟ อัล-บาครี ผู้ว่าฯ ของเมืองเอเดน บอกนักข่าว

    เรือลำนี้ที่ถูกเช่าเหมาลำโดยโครงการอาหารโลก ได้พยายามจะเข้าส่งความช่วยเหลือแก่เมืองนี้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา แต่ล้มเหลวอันเนื่องมาจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

    ก่อนหน้านี้ เคยมีเรือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ไปถึงเมืองเอเดนได้ในเดือนพฤษภาคม

    การหยุดยิงเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ที่ทางสหประชาชาติได้ประกาศไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ของเดือนกรกฎาคม ไม่สัมฤทธิ์ผลตามที่หลายฝ่ายหวังไว้

    ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังที่ภักดีต่อผู้นำเยเมน สามารถยึดเอาพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเอเดนกลับคืนมาได้จากฝ่ายกบฏฮูตีและพรรคพวก

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บอสเพนตากอน” พบนายกฯอิสราเอล ย้ำดีลนุกอิหร่านไม่กระทบยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 17:50 น.


    [​IMG]
    @แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (ซ้าย) จับมือกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล (ขวา)

    เอเอฟพี – แอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหัรฐฯพบกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลในวันนี้ (21) เพื่อพยายามคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ในขณะที่ผู้รัฐยิวรายนี้เรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติในวอชิงตันปฏิเสธข้อตกลงที่ได้มาโดยยากเย็นฉบับนี้

    ชายทั้งสองทักทายกันและกันด้วยจับมือก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมที่ดำเนินมาแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง โดยไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับความตึงเครียดเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าว ซึ่ง เนทันยาฮู ได้กล่าวประณามก่อนหน้านี้อย่างรุนแรง

    การพบปะของพวกเขามีขึ้นในวันสุดท้ายของการเยือนอิสราเอลของ คาร์เตอร์ ซึ่งเป็นจุดแวะจุดแรกของการเดินทางเยือนภูมิภาคที่มีเป้าประสงค์เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐฯในถูมิภาคนี้ ซึ่งต่างมีความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงอิหร่าน

    เมื่อวันจันทร์ (20) คาร์เตอร์ ได้พบกับ โมเช ยาลอน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอิสราเอล และได้สงสัญญาณว่าสหรัฐฯพร้อมส่งเสริมความร่วมมือทางทหารกับรัฐยิว

    เขายังได้ไปเยี่ยมดูพรมแดนทางตอนเหนือของระเทศนี้ที่ติดกับเลบานอน เพื่อประเมินภัยคุกคามที่อิสราเอลระบุว่ามาจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

    อิหร่านถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มในภูมิภาคนี้ รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มฮามาส ศัตรูของอิสราเอล และอิสราเอลให้เหตุผลว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวจะเปิดทางให้อิหร่านสนับสนุนกลุ่มพวกนี้ได้มากยิ่งขึ้น

    เมื่อวันจันทร์ (20) คาร์เตอร์ พยายามที่จะคลายความกังวลของอิสราเอลที่ว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวกับอิหร่าน ศัตรูเก่าแก่ของพวกเขา ส่งผลให้วอชิงตันกำลังปรับเปลี่ยนจุดความสนใจในภูมิภาคนี้ โดยเขากล่าวว่า อิสราเอลยังคงเป็น “เสาหลักของยุทธศาสตร์อเมริกาในตะวันออกกลาง”

    ภายใต้ข้อตกลงเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ อิหร่านได้ตกลงที่จะยกเลิกหรือระงับกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ของตนจำนวนมาก แลกกับการผ่อนคลายและยกเลิกมาตรคว่ำบาตรต่างๆ ในท้ายที่สุด

    ชาติมหาอำนาจของโลกเรียกข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่จะสร้างความสัมพันธ์กับอิหร่านบนเส้นทางเส้นใหม่

    อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู โต้แย้งว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้จากการได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ที่อาจถูกใช้โดยมีอิสราเอลเป็นเป้าหมาย

    เขากล่าวว่า กำลังทางทหารยังคงเป็นทางเลือกที่จะถูกนำมาพิจารณาได้เพื่อขัดขวางไม่ให้อิหร่านได้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะระบุว่า การโจมตีฝ่ายเดียวจากอิหร่านดูเหมือนว่าไม่ได้มีโอกาสเป็นไปได้สูงในตอนนี้

    คาร์เตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ห้ามไม่ให้ใช้กำลังทางทหารหยุดยั้งอิหร่านจากการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แม้ว่าข้อตกลงฉบับนี้จะถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขประเด็นดังกล่าวด้วยวิธีการทางการทูตก็ตาม

    ปัจจุบันสหรัฐฯให้เงินช่วยเหลืออิสราเอลด้านการทหาร 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี นอกเหนือจากการส่วนที่ช่วยในค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโครงการอื่นๆ อย่างเช่น ระบบต่อต้านขีปนาวุธไอออนโดม ทั้งนี้ มีข้อชี้แนะออกมาว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวควรเพิ่มขึ้นเนื่องจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

    สภาคองเกรสมีเวลา 60 วันในการทบทวนข้อตกลงดังกล่าว และ เนทันยาฮู กำลังเรียกร้องสมาชิกสภานิติบัญญัติปฏิเสธมัน ในการการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์หลายช่องของสหรัฐฯ


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โสมแดงลั่น! ไม่คิดเจรจานุกตามรอย “อิหร่าน” โวสถานะแตกต่างเพราะเป็น “มหาอำนาจนิวเคลียร์” แล้ว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 16:08 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศวันนี้ (21 ก.ค.)ว่า ไม่คิดจะเดินตามรอยเท้าอิหร่านในการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับมหาอำนาจตะวันตกเพื่อปลดล็อกมาตรการคว่ำบาตร โวทุกวันนี้มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองอยู่แล้ว จึงเอาไปเปรียบกับอิหร่านไม่ได้

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ระบุว่า เกาหลีเหนือซึ่งเป็นรัฐคอมมิวนิสต์โดดเดี่ยว “ไม่สนใจแม้แต่น้อยที่จะยอมเจรจาเพื่อระงับ หรือยกเลิกกิจกรรมนิวเคลียร์ฝ่ายเดียว” เพื่อแลกกับการผ่อนคลายบทลงโทษทางเศรษฐกิจอย่างที่เตหะรานทำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    “เราจะเปรียบเทียบข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกับสถานการณ์ในเกาหลีเหนือไม่ได้ เพราะเกาหลีเหนือต้องเผชิญกับพฤติกรรมยั่วยุทางทหารอยู่เสมอ แล้วไหนจะสหรัฐฯ ซึ่งเป็นภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่ร้ายกาจที่สุดอีกเล่า” โฆษกผู้นี้แถลงผ่านสำนักข่าวเคซีเอ็นเอที่เป็นกระบอกเสียงของเปียงยาง

    นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979 เตหะรานและเปียงยางก็จับมือเป็นพันธมิตรกันเรื่อยมา และทั้งสองประเทศก็ถูกนานาชาติคว่ำบาตรด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์เหมือนๆ กัน

    ผู้สังเกตการณ์บางคนมองว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอาจถูกใช้เป็นพิมพ์เขียวสำหรับการเจรจากับโสมแดงในอนาคตได้ ขณะที่ เวนดี เชอร์แมน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถึงกับแสดงความหวังว่า การตัดสินใจของอิหร่านน่าจะช่วยให้เกาหลีเหนือกลับมา “คิดทบทวน” หนทางที่พวกเขาเลือกเดิน

    อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศโสมแดงกลับบอกว่า สถานะของเปียงยางกับอิหร่าน “แตกต่างกันมาก” นั่นก็เพราะเกาหลีเหนือ “เป็นรัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทั้งในนามและในความเป็นจริง และได้ประโยชน์จากการเป็นรัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วย”

    “การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear deterrence)ไม่ใช่ของเล่นที่จะเอามาต่อรองกันได้ง่ายๆ”

    เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดลองระเบิดนิวเคลียร์มาแล้ว 3 ครั้งในปี 2006, 2009 และ 2013

    การเจรจาลดอาวุธ 6 ฝ่ายระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ, จีน, รัสเซีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต้องหยุดชะงักไปหลายปี นับตั้งแต่เปียงยางตัดสินใจเดินออกจากวงประชุมเมื่อเดือนเมษายน ปี 2009

    รัฐบาลโสมแดงไม่เคยยอมยุติกิจกรรมนิวเคลียร์ แม้จะถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยวหรือถูกยูเอ็นคว่ำบาตรกี่ครั้งก็ตาม

    สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ยืนยันว่า การเจรจาลดอาวุธ 6 ฝ่ายจะเปิดฉากได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจังเสียก่อน

    เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันวิจัยในสหรัฐฯ เตือนว่า เกาหลีเหนืออาจผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้มากถึง 100 ลูกภายในปี 2020


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โพลล่าสุดชี้คนเยอรมัน 56% ไม่อยากให้ช่วยกรีซแก้วิกฤตหนี้ อีกเกือบครึ่งอยากเห็นกรีซกระเด็นจาก “ยูโรโซน” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 10:33 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:32 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในเยอรมนี พบข้อมูลว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของชาวเยอรมันมองว่า การมีข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ต่อประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว อย่างกรีซถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงประสงค์ และไม่สมควรจะเกิดขึ้น และว่า กรีซสมควรก้าวออกไปจากกลุ่ม “ยูโรโซน” หรือกลุ่ม 19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน

    ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดยสำนักวิจัยยูกอฟ และมีการนำมาเผยแพร่ผ่านทางหนังสือพิมพ์ “เวลต์ อัม ซอนน์ทาก” พบข้อมูลว่า 56 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างมองการมีข้อตกลงทางเศรษฐกิจครั้งใหม่เพื่อช่วยเหลือกรีซถือเป็นสิ่งที่ย่ำแย่ โดยมีกลุ่มตัวอย่างเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองการมีข้อตกลงช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ว่าเป็นเรื่องที่ดี

    ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดซึ่งได้จากการรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพลเมืองของเยอรมนีจำนวน 1,380 รายยังพบข้อมูลว่า มีเพียง 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างเท่านั้นที่ต้องการให้กรีซได้อยู่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มยูโรโซนต่อไป ขณะที่ราว 48 เปอร์เซ็นต์ หรือ “เกือบครึ่งหนึ่ง” ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่าต้องการให้กรีซพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน

    ผลสำรวจล่าสุดถูกเผยแพร่ออกมาหลังจากที่สมาชิกรัฐสภาของเยอรมนี มีมติเห็นชอบให้กลุ่มยูโรโซนเดินหน้าเจรจากับกรีซต่อไป เกี่ยวกับแผนรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจรอบที่ 3 ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 86,000ล้านยูโรในกรอบเวลา 3 ปี

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซที่นำโดยนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ได้เริ่มกระบวนการชำระหนี้ทั้งหมด 6,250 ล้านยูโร ให้กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เมื่อวันจันทร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยเป็นการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย 4,200 ล้านยูโรที่ถึงกำหนดชำระ นอกจากนี้ยังจ่ายคืนหนี้ 2,050 ล้านยูโรที่ติดค้างต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตั้งแต่วันที่ 30 เดือนที่แล้ว

    โดยเงินเหล่านี้กรีซได้มาจากเงินกู้ระยะสั้นของกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอ็ม) ที่ได้รับอนุมัติจากสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (17 ก.ค.) จำนวน 7,160 ล้านยูโร ซึ่งว่ากันว่าเพียงพอที่จะช่วยให้กรีซอยู่รอดได้ตลอดเดือนนี้

    ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาธนาคารพาณิชย์ของกรีซได้เริ่มเปิดทำการเป็นวันแรกในวันจันทร์ (20) หลังจากปิด ให้บริการมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน โดยคาดว่าการปิดทำการช่วงที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศคิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านยูโร จากปัญหาการขาดแคลนเงินสดและความติดขัดในการส่งออกสินค้า

    อย่างไรก็ตาม มาตรการควบคุมเงินทุนซึ่งรวมถึงการห้ามโอนเงินออกนอกประเทศและการเปิดบัญชีใหม่ ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป ตลอดจนตลาดหุ้นเอเธนส์ที่ยังคงปิดทำการเช่นเดียวกัน

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารกลุ่ม BRICS เพื่อการพัฒนาของปูตินเริ่มต้นเปิดทำการในเซียงไฮ้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 11:58 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:46 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการพัฒนากลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ BRICS ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ชาติโดยมีรัสเซียเป็นแกนนำได้เริ่มเปิดทำการอย่างเป็นทางการในวันนี้ (21 ก.ค.) ที่ศูนย์กลางการค้าเมืองเซี่ยงไฮ้ จีน

    [​IMG]

    กลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ BRICS ประกอบไปด้วยรัสเซีย จีน อินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ได้เปิดธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ในเซี่ยงไฮ้ของจีนแล้วในวันอังคาร (21 ก.ค.) เพื่อต้องการเป็นแหล่งการเงินใหม่ของโลกที่ปราศจากการควบคุมจากวอชิงตันเหมือนเช่นสถาบันการเงิน IMF และเวิลด์แบงก์

    [​IMG]

    สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ประธานธนาคารกลุ่ม BRICS เค วี คาแมธ (K. V. Kamath) ซึ่งเป็นอดีตนายธนาคารพาณิชย์อินเดียได้กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้ธนาคารทำงานจะเริ่มทำงานตามแผนการเริ่มต้น รวมไปถึงนโยบายการทำธุรกิจของธนาคาร และการเตรียมโปรเจกต์แผนพัฒนาต่างๆ

    และคาแมธเสริมว่า สำหรับการเปิดให้บริการต่อสาธารณะจะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2016 ไปแล้ว

    รัสเซียซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในกลุ่ม BRICS ประสบปัญหาจากค่าเงินผันผวน และมีความยากลำบากในการเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติหลังเกิดปัญหาวิกฤตยูเครน เล็งเห็นธนาคารแห่งนี้เป็นแหล่งระดมทุนแห่งใหม่เพื่อเป็นช่องทางในการหาเงินลงทุนในประเทศ โดยไม่ต้องมีอิทธิพลจากวอชิงตันกดดันอยู่เบื้องหลังเหมือน IMF และเวิลด์แบงก์

    นอกจากนี้ ชาติสมาชิกทั้งห้าต่างตกลงที่จะจัดตั้งทุนเริ่มต้นที่ 100 พันล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการขาดเงินในเวลาเร่งด่วน และยังเป็นการส่งเสริมในการทำธุรกิจร่วมกัน


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดพายุฤดูร้อน-น้ำท่วมฉับพลันทางภาคเหนืออิหร่าน สังเวยแล้วอย่างน้อย 9 ศพ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 05:24 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:42 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 รายในอิหร่าน หลังเกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันและพายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่จังหวัดอัลบอร์ซ รวมถึงจังหวัดเตหะรานซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเตหะราน เมืองหลวงของประเทศ

    รายงานข่าวเมื่อคืนวันจันทร์ (20 ก.ค.) ของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอซึ่งอ้างนัสเซอร์ ชาร์คซาซ ผู้อำนวยการฝ่ายการให้ความช่วยเหลือและการบรรเทาทุกข์ ประจำสภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งอิหร่าน (IRCS) ระบุว่า จนถึงขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 รายจากผลพวงของพายุฤดูร้อนที่พัดถล่มในพื้นที่ของจังหวัดเตหะราน ส่วนเหตุน้ำท่วมฉับพลันในเขตจังหวัดอัลบอร์ซ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปอีกอย่างน้อย 5 ราย

    นอกเหนือจากจำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวแล้ว ผู้อำนวยการฝ่ายการให้ความช่วยเหลือและการบรรเทาทุกข์ ประจำสภาเสี้ยววงเดือนแดงแห่งอิหร่านยังเผยว่ามีผู้สูญหายอีก 9 รายซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรมจากอุทกภัยครั้งเลวร้ายในเขตจังหวัดอัลบอร์ซด้วยเช่นกัน

    ด้านแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิหร่านในกรุงเตหะรานออกมายอมรับว่ายอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดทั้งสองอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ ขณะที่ทีมค้นหาและกู้ภัยของทางการได้ถูกส่งลงพื้นที่แล้ว

    ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่จังหวัดเตหะรานและจังหวัดอัลบอร์ซของอิหร่าน มีอันต้องเผชิญกับพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยลมพายุที่มีความเร็วสูงถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเหตุฟ้าผ่าได้สร้างความเสียหายแก่ต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก รวมถึงสายส่งไฟฟ้า ขณะที่เหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มได้ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนและรถยนต์จำนวนมากที่จอดอยู่กลางแจ้ง


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UN มีมติรับรอง “ข้อตกลงนุกอิหร่าน” เปิดทางผ่อนคลายคว่ำบาตรเศรษฐกิจ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 08:44 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:44 น.)

    [​IMG]

    @สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงคะแนนโหวตรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านอย่างเป็นเอกฉันท์ ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็น ณ นครนิวยอร์ก วานนี้ (20 ก.ค.)

    เอเอฟพี - คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์วานนี้ (20 ก.ค.) รับรองข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำร่วมกับกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งถือเป็นสัญญาณไฟเขียวที่จะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแก่เตหะราน

    มติคว่ำบาตรที่ยูเอ็นสั่งลงโทษอิหร่านถึง 7 ครั้งมาตั้งแต่ปี 2006 จะถูกยกเลิกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับว่าอิหร่านปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับ 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นบวกเยอรมนีอย่างจริงจังหรือไม่

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แถลงว่า ตนหวังว่ามติ UN “จะส่งสัญญาณที่ชัดเจน” ว่าวิธีการทูตนั้น “เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”

    จากการคาดหมายว่าน้ำมันดิบอิหร่านจะออกสู่ตลาดโลกอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 วานนี้ (20) โดยน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเทอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 74 เซ็นต์ ปิดที่ 50.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 45 เซ็นต์ ปิดที่ 56.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ผู้แทนการทูตในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นระบุว่า โลกควรยึดถือความสำเร็จที่ได้จากการเจรจากับอิหร่านนานหลายปีเป็น “แม่แบบ” สำหรับแก้ไขวิกฤตการณ์อื่นๆ รวมไปถึงสงครามกลางเมืองในซีเรียและเยเมน

    “เมื่อใดที่ทุกชาติร่วมแรงร่วมใจกันเผชิญวิกฤตของโลก พลังของพวกเราจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล” ซาแมนธา เพาเวอร์ ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ระบุ

    ข้อตกลงฉบับนี้จะเปิดโอกาสให้อิหร่านได้ติดต่อสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจในภูมิภาคอื่นๆ มากขึ้น รวมถึงมีบทบาทในการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก และซีเรีย

    ฆอลามาลี โคชรู ผู้แทนอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติ ยืนยันว่า เตหะรานพร้อมที่จะ “ร่วมมืออย่างจริงใจ” กับเพื่อนบ้านในภูมิภาค

    “ถึงเวลาที่เราจะต้องร่วมมือต่อสู้ภัยคุกคามที่กำลังเผชิญร่วมกันอยู่ ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดก็คือลัทธิหัวรุนแรง” เขากล่าว

    อิสราเอลซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอิหร่านยังคงจุดยืนคัดค้านข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่สมาชิกสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) ทั้ง 6 ชาติ ซึ่งได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ คูเวต บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และโอมาน ก็ได้ออกมาประท้วงวานนี้ (20) ว่าอิหร่านแสดงท่าทีขัดแย้งกับสิ่งที่ได้ให้สัญญาไว้กับมหาอำนาจ P5+1

    สหรัฐฯ ได้ส่งรัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์ ไปเยือนอิสราเอลเพื่อคลายความกังวล และเน้นย้ำว่าวอชิงตันจะยังสนับสนุนและให้การปกป้องรัฐยิวเหมือนเดิม


    UN
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียเสนอ “มติทางเลือก” ขวาง UN ตั้งศาลพิเศษไต่สวนกรณี MH17 ถูกสอยร่วง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 10:01 น. (แก้ไขล่าสุด 21 กรกฎาคม 2558 15:45 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - รัสเซียเสนอร่างมติ “ทางเลือก” ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวานนี้ (20 ก.ค.) เพื่อคัดค้านข้อเสนอของมาเลเซียซึ่งต้องการให้ตั้งศาลระหว่างประเทศไต่สวนหาตัวผู้รับผิดชอบกรณีเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สถูกขีปนาวุธยิงตกในเขตอิทธิพลของกบฏยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

    [​IMG]

    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ซึ่งสูญเสียพลเมืองไปมากที่สุดจากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คนบนเครื่อง ได้ร่วมมือกับมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ในการผลักดันให้ยูเอ็นจัดตั้งศาลระหว่างประเทศเพื่อไต่สวนโศกนาฏกรรมครั้งนี้

    ทางการเสือเหลืองได้เสนอร่างมติซึ่งมีเนื้อหาเรียกร้องให้ยูเอ็นตั้งศาลเฉพาะกิจตามบทบัญญัติที่ 7 ในกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งจะเปิดทางให้มีการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรม

    อย่างไรก็ตาม ผู้แทนรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติออกมาคัดค้านการตั้งศาลเฉพาะกิจ และให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าววานนี้ (20) ว่ารัสเซียได้จัดทำร่างมติทางเลือกขึ้นแล้วอีกฉบับหนึ่ง

    “เราเชื่อว่าสิ่งที่มาเลเซียเรียกร้องไม่ได้เป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติ คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นจึงไม่ควรสนับสนุนการกระทำเช่นนี้”

    สำเนาร่างมติของรัสเซียที่เอเอฟพีได้รับไม่ได้เอ่ยถึงการตั้งศาลพิเศษยูเอ็น แต่เรียกร้องให้มี “การไต่สวนในระดับนานาชาติที่เป็นอิสระ โปร่งใส และครอบคลุม”

    รัสเซียเสนอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เข้ามามีบทบาทในการสอบสวนเรื่องนี้อย่างเหมาะสม และให้เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน แต่งตั้งผู้แทนพิเศษยูเอ็นดูแลกรณีนี้เป็นการเฉพาะ

    มอสโกยังขอให้คณะผู้สอบสวนร่วมที่จัดตั้งโดยเนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เบลเยียม และมาเลเซีย รายงานผลให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นทราบอย่างสม่ำเสมอ และ “สรุปผลโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

    รัสเซียชี้ว่า ข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่ใช้ในการสอบสวนจะต้องมีความเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ทุกรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าถึงได้ พร้อมแสดงความกังวลว่าการตรวจสอบที่ดำเนินมาจนถึงขณะนี้อาจ “ไม่โปร่งใสพอ”

    5 ชาติที่เป็นผู้นำการสอบสวนกรณี MH17 ยังยืนกรานให้ยูเอ็นตั้งศาลพิเศษ พร้อมยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนเป็นไปตามคำแนะนำที่ ICAO กำหนดไว้

    ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เอ่ยเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การจัดตั้งศาลระหว่างประเทศจะไม่เป็นผลดี

    นักการทูตผู้หนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า กลุ่มที่สนับสนุนการจัดตั้งศาลระหว่างประเทศจะยื่นร่างมติของพวกเขาให้คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นทำการโหวต “ในช่วงกลางสัปดาห์นี้”

    ด้วยฐานะ 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ รัสเซียมีอำนาจที่จะ “วีโต” มติต่างๆ ได้เช่นเดียวกับ ฝรั่งเศส อังกฤษ จีน และสหรัฐฯ ซึ่งมอสโกอาจเลือกใช้วิธีนี้ขัดขวางข้อเสนอของมาเลเซียหากมีการโหวตเกิดขึ้น

    เที่ยวบิน MH17 ซึ่งออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัมเพื่อไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ถูกขีปนาวุธยิงตกเหนือเขตอิทธิพลของกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เป็นเหตุให้ลูกเรือและผู้โดยสาร 298 คนเสียชีวิตทั้งหมด โดยเหยื่อ 2 ใน 3 เป็นพลเมืองเนเธอร์แลนด์

    คณะสอบสวนร่วมซึ่งนำโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์คาดว่าจะเปิดเผยผลการสอบสวนฉบับสมบูรณ์ได้ในเดือนตุลาคมนี้

    รัฐบาลยูเครนและประเทศตะวันตกเชื่อว่า โบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียถูกกบฏโปรรัสเซียใช้ขีปนาวุธที่ผลิตในแดนหมีขาวสอยร่วงลงมาจากฟ้า ทว่ารัสเซียยืนกรานว่าไม่เคยส่งขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน SA-11 Buk ให้พวกกบฏใช้

    รัสเซียยืนยันว่าไม่มีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้ พร้อมชี้นิ้วกล่าวโทษว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือกองทัพยูเครน

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “บิ๊กต๊อก”ชี้ช่องตั้งกก.ร่วมสอบ “คดีธรรมชโย” ลั่น!พระสงฆ์ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2558 20:12 น.

    [​IMG]
    พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม


    “บิ๊กต๊อก”ชี้ช่องตั้งกรรมการร่วมตรวจสอบ “คดีธรรมชโย”ทุกประเด็น ย้ำ “พระสงฆ์ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย”วอน กลุ่มศิษย์ธรรมกายเข้าใจกระบวนการยุติธรรม ลั่นหากทำผิดต้องรับโทษ เกรงเป็นประเด็นสองมาตรฐาน ด้าน “อสส.” ตั้งคณะทำงานรื้อฟื้นคดีทุจริตซื้อขายที่ดินปี 49

    วันนี้(21 ก.ค.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศิษย์วัดพระธรรมกายรวมตัวเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการใด ๆ กับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ภายหลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้เสนอนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณากรณีปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชว่า ตนขอให้แยกแยะระหว่างกระบวนการยุติธรรมกับความรู้สึกเพราะพระสงฆ์ยังต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากทำผิดก็ต้องรับโทษ ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นประเด็นสองมาตรฐาน

    “หากกลุ่มลูกศิษย์มั่นใจว่า พระไม่ได้ทำผิด ก็ควรปล่อยให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินต่อไป เพราะหากไม่ผิดจะตั้งกรรมการหรือสอบสวนใหม่กี่ครั้งก็ย่อมไม่มีความผิด แต่หากกลัวว่าจะมีความผิดแล้วอ้างความสงบภายในบ้านเมือง เพื่อให้ยุติเรื่อง ยุติการตรวจสอบแล้วความเป็นธรรมจะอยู่ตรงไหน”รมว.ยุติธรรม กล่าว

    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า การตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อให้ตรวจสอบทุกประเด็น อาจไม่จำเป็นต้องใช้มาตร44เพราะกฎหมายที่มีอยู่และขั้นตอนตามปกติสามารถดำเนินการได้ โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้สั่งการให้ดำเนินการใด ๆ ซึ่งการที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้มีการตั้งกรรมการร่วมก็ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอน

    มีรายงานว่า สำนักงานอัยการสูงสุด เตรียมรื้อฟื้นคดีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานคดี ซึ่งต่อมานายพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด ในขณะนั้นมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดี

    เบื้องต้นทางนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยมีน.ส.นิภาพร รุจนรงศ์ ผู้ตรวจการอัยการเป็นหัวหน้าคณะทำงาน แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานซึ่งยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งนี้ตามขั้นตอนแล้วหากคณะทำงานมีผลการพิจารณาเป็นอย่างไร ก็จะต้องส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้พิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะมีคำสั่งต่อไป.

     

แชร์หน้านี้

Loading...