ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทางการอิหร่านยอมรับ การเจรจาแก้ปัญหานิวเคลียร์กับมหาอำนาจ P5+1 ยังไม่บรรลุผล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2558 07:26 น.

    [​IMG]
    @ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำอิหร่าน

    เอเอฟพี / รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำอิหร่านออกมายอมรับในวันอาทิตย์ ( 12 ก.ค.) โดยระบุ หลังเหลืออีก “หลายย่างก้าว” กว่าที่การเจรจาแบบมาราธอนที่กรุงเวียนนาของออสเตรียเพื่อหาข้อยุติขั้นสุดท้ายในเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านจะบรรลุผล

    รายงานล่าสุดของสำนักข่าว Iranian Students News Agency (ISNA) ระบุว่า ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำสายกลางอิหร่านออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มชาติมหาอำนาจ P5+1 ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย สหราชอาณาจักร จีน และฝรั่งเศส บวกกับเยอรมนี ยังคงไม่บรรลุผลสำเร็จในขั้นสุดท้าย

    “สถานการณ์ในเวลานี้ ดูคล้ายกับว่าเราได้ปีนขึ้นถึงยอดเขาแล้ว แต่ไม่เลย เรายังคงเหลือเส้นทางที่จำเป็นต้องไปต่ออีกหลายย่างก้าวกว่าจะไปถึงจุดนั้น และถึงแม้เราจะไปไม่ถึงยอดเขา แต่เราก็ได้ทำหน้าที่ในส่วนของเราอย่างดีที่สุดแล้ว” ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ผู้นำอิหร่านกล่าว

    นอกเหนือจากถ้อยแถลงของผู้นำอิหร่านที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่การเจรายาวนานแรมปีในเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านอาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้แล้ว ยังมีการออกมายอมรับของรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลเตหะรานในเรื่องเดียวกัน

    โดยล่าสุด โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ออกมาให้สัมภาษณ์ที่กรุงเวียนนาโดยยอมรับว่า ไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่น้อยที่จะมีการบรรลุ “ ข้อตกลงขั้นสุดท้าย ” ในเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านกับชาติมหาอำนาจกลุ่ม P5+1 จะได้ข้อยุติภายในช่วงสุดสัปดาห์นี้

    ด้านแหล่งข่าวทางการทูตในกรุงเวียนนาเผยว่า “อุปสรรคสำคัญ” ที่ทำให้การเจรจาปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอยู่ในช่วงสุดท้าย ไม่อาจปิดฉากลงได้ตามกำหนดนั้น เป็นเพราะสหรัฐอเมริกาต้องการเพิ่มเติมกลไกการตรวจสอบที่เข้มงวด ตลอดจนการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงหากสามารถพิสูจน์ได้ในภายหลังว่า อิหร่านลักลอบใช้โครงการนิวเคลียร์ของตนเพื่อผลิตอาวุธนิวเคลียร์ แทนการใช้ประโยชน์ด้านพลังงานตามที่ตกลงไว้กับนานาชาติ ซึ่งแน่นอนว่า ข้อเสนอในช่วงนาทีสุดท้ายของสหรัฐฯ เช่นนี้ ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับทั้งอิหร่านและพันธมิตรสำคัญทั้งรัสเซียและจีน และส่งผลให้การเจรจาต้องยืดเยื้อออกไป


    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078895
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    น้ำแล้งจ่อปริมณฑล ผู้ว่าฯ เมืองปทุมรับ 5 หมื่นครัวเรือนวิกฤต หยุดผลิตน้ำประปาส่ง “ธัญบุรี-ลำลูกกา-หนองเสือ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 16:29 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 17:52 น.)

    [​IMG]

    [​IMG]

    @เพจเฟซบุ๊ค นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้โพตส์ อ้างว่า อ.ธัญบุรี (ตั้งแต่คลอง 5 ถึง คลอง 15) อ.ลำลูกกาทั้งอำเภอ และ อ.หนองเสือบางส่วน จะไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ รวมแล้ว 50,000 กว่าครัวเรือน โดยประปาจังหวัดจะยุติการให้น้ำประปา


    ผู้ว่าฯ ปทุมธานี รับ 50,000 ครัวเรือนเตรียมวิกฤต ประปาจังหวัดยุติการให้น้ำประปา “ธัญบุรี (ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 15)-ลำลูกกาทั้งอำเภอ และ อ.หนองเสือบางส่วน เตรียมประกาศ 3 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง หลังประชาสัมพันธ์ออกประกาศเตือนผ่านสื่อหลายสำนัก ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ปลายอาทิตย์ที่แล้ว

    วันนี้ (12 ก.ค.) มีรายงายว่า เพจเฟซบุ๊กนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้โพสต์อ้างว่า อ.ธัญบุรี (ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 15) อ.ลำลูกกาทั้งอำเภอ และ อ.หนองเสือบางส่วน จะไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ รวมแล้ว 50,000 กว่าครัวเรือน โดยประปาจังหวัดจะยุติการให้น้ำประปา

    โดยมีใจความว่า “รับแจ้งจากผู้จัดการประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีว่า บัดนี้ น้ำดิบสำหรับทำประปาในคลอง 13 หมดแล้ว จังหวัดประสานขอผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาเติมไม่ได้เพราะจะกระทบต่อการเพิ่มความเค็มในแม่น้ำ ผมแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องฟรีทีวีเกือบทุก ช่องแล้ว 3, 5, 7, 9, 11 และวิทยุ 99.5 แล้ว ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา

    การประปากำลังจะหยุดจ่ายน้ำ ภายใน 2 ชั่วโมงข้างหน้า (เวลา 12.00 น.วันที่ 12 ก.ค.) พี่น้อง อ.ธัญบุรี (ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 15) อ.ลำลูกกาทั้งอำเภอ และ อ.หนองเสือบางส่วนจะไม่มีน้ำอุปโภคบริโภคใช้ รวมแล้ว 50,000 กว่าครัวเรือน

    “ผมกำลังประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเตรียมรถน้ำไปรับน้ำสะอาดแจกจ่ายพี่น้องประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไปพลางก่อน จังหวัดกำลังดิ้นรนหาทางช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มกำลัง งานนี้เดือดร้อนกันทั่วหน้า อดทนกันอีกหน่อยนะครับพี่น้อง ช่วยแชร์ให้ทราบทั่วกันด้วยจะขอบคุณยิ่ง”

    วันเดียวกัน นายพงศธรโพสต์ว่า เมื่อเวลา 14.30 น. ชลประทานจังหวัดปทุมธานีแจ้งว่า จากการสำรวจทางตอนเหนือของคลอง 13 ซึ่งเป็นสถานีสูบน้ำผลิตน้ำประปาส่งให้พื้นที่ อ.ธัญบุรี (คลอง 5 - คลอง 15) อ.ลำลูกกา และ อ.หนองเสือบางส่วนมีชาวบ้านส่วนหนึ่งไปทำคันกั้นน้ำเพื่อจับปลา หากรื้อคันดินออกจะได้น้ำดิบมาผลิตประปาเพิ่มขึ้น

    กรมชลประทานกำลังเคลื่อนย้ายเรือโป๊ะซึ่งมีแบ็กโฮขุดร่องน้ำให้น้ำไหลลงมา ภายใน 1 ชั่วโมง เครื่องจักรจะเข้าพื้นที่ ถ้าสำเร็จจะมีน้ำทำประปาเพิ่มขึ้นอีก พอบรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้าง แม้จะไม่มากนัก

    ขณะที่ ผู้ว่าฯ ปทุมธานีระบุในเพจว่า “การประปาภูมิภาคน่าจะแจ้งล่วงหน้า (กับหมู่บ้านในเขต 3 อำเภอแล้ว) แต่จังหวัดเห็นท่าจะมีปัญหา เลยออกประกาศจังหวัดเตือนล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ปลายอาทิตย์ที่แล้วครับ”

    มีรายงานว่า ทางจังหวัดปทุมธานีได้ลงสำรวจปริมาณน้ำในคลองระพีพัฒน์ ที่รับน้ำมาจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ได้ลดจำนวนลงจนแห้งสนิทเนื่องมาจากไม่มีน้ำไหลผ่าน ประกอบกับฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน โดยที่ประตูทดน้ำคลองระพีพัฒน์ซึ่งเปิดบานประตูไว้เพื่อรอรับน้ำกลับไม่มีน้ำไหลผ่าน

    ขณะที่ผู้จัดการประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีได้รายงานต่อผู้ว่าฯ ปทุมธานี ว่าหน้าสถานีผลิตน้ำการประปาธัญบุรี ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่จำนวน 4 เครื่อง เพื่อสูบน้ำภายในคลองส่งน้ำที่ 13 เข้าสู่การผลิตประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคแก่พี่น้องประชาชน ไม่สามารถทำการสูบน้ำไปผลิตประปาได้เนื่องจากน้ำแห้งคลอง ทำให้พื้นที่ อ.ธัญบุรี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เริ่มได้รับผลกระทบจากน้ำประปาไม่ไหลแล้ว

    มีรายงานว่า สำหรับแหล่งน้ำอำเภอธัญบุรี มีคลองรังสิตประยูรศักดิ์ตัดผ่านกลางพื้นที่ แบ่งออกเป็นสองข้างๆ ละ 40 เส้นประมาณ 1,600 เมตร สองฝั่งคลองรังสิตประยูรศักดิ์มีคลองซอยห่างกัน 60 เส้น ประมาณ 2,400 เมตร ตั้งแต่คลองซอยที่ 1-14 ใช้สำหรับส่งน้ำเพื่อประโยชน์กสิกรรม

    ข้อมูลเว็บไซต์ของ จ.ปทุมธานี ปี 2557 มีข้อมูลว่า ในอำเภอธัญบุรี มี 6 ตำบล, 28 หมู่บ้าน มี 16,711 หลังคาเรือนมีสถานีที่ราชการ เช่น โรงเรียนระดับประถมมัธยม จำนวน 28 แห่ง สถาบันศึกษาระดับวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย จำนวน 5 แห่ง สถานีตำรวจภูธร 2 แห่ง สถาบันองค์กรทางศาสนา 12 แห่ง โรงพยาบาล 4 แห่ง โรงแรม 10 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรม 17 แห่ง และสนามกอล์ฟ 1 แห่ง นอกจากนั้นยังมีเรือนจำอำเภอธัญบุรีที่ควบคุมผู้ต้องขังตามความจุมาตรฐาน จำนวน 733 คน

    อำเภอลำลูกกา มี 8 ตำบล ต.คูคต 17 หมู่บ้าน 12,103 หลังคาเรือน ต.ลาดสวาย 11 หมู่บ้าน 8,544 หลังคาเรือน ต.บึงคำพร้อย 19 หมู่บ้าน 7,243 หลังคาเรือน ต.ลำลูกกา มี 21 หมู่บ้าน 2,764หลังคาเรือน ต.บึงทองหลาง 22 หมู่บ้าน 2,095 หลังคาเรือน ต.ลำไทร 14 หมู่บ้าน 1,775 หลังคาเรือน ต.บึงคอไห 12 หมู่บ้าน 1,601 หลังคาเรือน และ ต.พืชอุดม 9 หมู่บ้าน 762 หลังคาเรือน

    อำเภอหนองเสือ มี 7 ตำบล 70 หมู่บ้าน จำนวนหลังคาเรือน 10,211 หลังคาเรือน .

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078746
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประมงพื้นบ้านเมืองจันท์จับแมงกะพรุนขายสร้างรายได้วันละ 8 พันบาท โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 20:25 น.

    [​IMG]

    จันทบุรี-ชาวประมงพื้นบ้าน หมู่ที่ 8 ตำบลตะกาดเง้า อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี มีรายได้เพิ่มขึ้นจากออกจับแมงกะพรุนลอดช่องนำขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า วันหนึ่งจับแมงกะพรุนได้วันละ 1,000-2,000 ตัว สร้างรายได้ตกวันละ 8,000 บาท

    วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณทะเล หมู่ที่ 8 ตำบลตะกาดเง้า อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี จะพบเห็นแมงกะพรุนลอดช่องออกมาลอยอยู่บนผิวน้ำกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปีจะเป็นช่วงที่มีแมงกะพรุนลอดช่องชุกชุม

    ทำให้ชาวประมงพื้นบ้าน ตำบลตะกาดเง้า จึงอาศัยช่วงโอกาสนี้ทำเงินในการนำเรือประมงพื้นบ้านออกไปตักแมงกะพรุนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำนำขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อถึงที่ ในราคาตัวละ 4 บาท วันหนึ่งชาวประมงพื้นบ้าน แต่ละคนสามารถตักแมงกะพรุนลอดช่องขึ้นมาขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า ได้วันหนึ่ง 1,000-2,000 ตัว สร้างรายได้ตกวันละ 7,000-8,000บาท ทั้งนี้พ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อก็จะนำไปดองฟาดขายอีกทอดหนึ่ง

    นางสาววิภา รักร่วม อายุ 30 ปี ชาวประมงที่ออกจับแมงกะพรุนลอดช่องขาย กล่าวว่า การออกไปจับแมงกะพรุนลอดช่องขาย ตอนนี้รายได้ก็พอใช้ได้ในการต้องแล่นเรือออกไปตักแมงกะพรุนประมาณ 5 ไมล์ทะเล ทั้งนี้การที่จะได้แมงกะพรุนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพอากาศไม่มีลมแมงกะพรุนก็จะได้เยอะ หากวันไหนลมแรงก็จะได้แมงกะพรุนน้อย แต่ถึงอย่างไรแมงกะพรุนจะมีให้ตักใน 2 เดือนนี้เท่านั้น จึงทำให้บรรยากาศการออกจับแมงกะพรุนลอดช่องมาขายเป็นไปอย่างคึกคักอีกด้วย


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประมงเล็กแปดริ้วยังป่วน หลังแรงงานต่างชาติหอบเสื้อผ้าหนี โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 14:11 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 14:20 น.)

    [​IMG]

    ฉะเชิงเทรา - ประมงเล็กแปดริ้วยังป่วน หลังรัฐบาลมีการผ่อนปรนบางเงื่อนไขให้ออกทะเลได้แล้ว แต่ยังติดปัญหาอุปสรรคอีกอื้อ เหตุไม่มีแรงงานลงเรือหลังลูกจ้างต่างด้าวหอบเสื้อผ้าหนีไปก่อนหน้านี้

    [​IMG]

    วันนี้ (12 ก.ค.) นางติ่ง พูลผล อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.3 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวประมงเรือเล็กในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงปัญหาอุปสรรคของชาวประมงในเขตพื้นที่ ต.สองคลอง ที่ยังไม่สามารถออกเรือหาปลาได้ว่า อยากให้รัฐบาลมีมาตรการผ่อนผันให้บุตรหลานที่อายุไม่ถึง 18 ปี ขึ้นทำงานบนเรือได้ เพราะเรือชาวบ้านออกหาไปเพียงแค่วันต่อวันเท่านั้นไม่ถึง 24 ชม. คือ ไปเช้าเย็นกลับ หรือไปเย็นเช้ากลับ และทำงานจริงๆ เพียงแค่ 4 ชม.เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมา มีการสั่งห้ามเด็ดขาด

    นอกจากนี้ เมื่อมีการขึ้นทะเบียนเรือ และนายท้ายแล้ว จากเดิมที่คนในบ้านเคยผลัดกันเป็นนายท้ายในการออกเรือหาปลา แต่พอถูกบังคับให้ขึ้นทะเบียนนายท้ายที่ต้องประจำเรือเฉพาะลำก็ยังเป็นปัญหาอุปสรรคทำให้ออกเรือไม่ได้อีกเช่นกัน โดยเดิมทีนั้นพ่อเป็นเจ้าของเรือ แต่ได้ให้ลูกไปจดทะเบียนเป็นนายท้าย แต่เมื่อพ่อจะผลัดกันมาเป็นนายท้ายบ้างก็ไม่ได้อีก จึงติดขัดเต็มไปด้วยปัญหาทุกอย่าง

    ขณะเดียวกัน ปัญหาเรื่องของแรงงานต่างด้าวนั้นยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ชาวบ้านออกเรือไม่ได้ คือ พอในช่วงก่อนขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวนั้น แรงงานเหล่านี้ได้พากันเดินทางมาขอทำงานด้วย ซึ่งตนก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายอย่าง คนละเกือบ 1 หมื่นบาท และเมื่อเรานำคนงานเหล่านี้ไปขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างของเราซึ่งต้องเสียเงินรายหัวคนละกว่า 3 พันบาทแล้วนั้น พอคนเหล่านี้ได้ขึ้นทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ทำงานอยู่กับเราเพียงไม่กี่วันก็พากันแอบหอบเสื้อผ้าหนีไปทำงานที่อื่นที่ทำงานสบายกว่า และมีรายได้ดีกว่า ทั้งที่เราต้องเสียเงินในการกระบวนการขึ้นทะเบียนต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก

    แต่พอมาทำงานอยู่กับเราเพียงไม่กี่วันก็พากันหนีไป ซึ่งล่าสุด ก็ยังแอบหอบเสื้อผ้าหนีไปอีก 2 คน จึงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันมาก เพราะขาดคนงานออกเรือไม่ได้ พอจะหันมาใช้บุตรหลานในบ้านที่อายุไม่ถึง 18 ปี ก็ผิดกฎหมาย แล้วในช่วงหยุดเรียนเสาร์อาทิตย์ หรือปิดเทอมก็ใช้งานไม่ได้ ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะให้เด็กเหล่านี้ไปแว้น หรือไปติดยาหรืออย่างไร และพอจะไปจ้างแรงงานต่างด้าวใหม่เพื่อทดแทนพวกที่หอบเสื้อผ้าหนีไปก็ติดขัดปัญหาที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะในรอบ 1 ปีนั้น ทางราชการเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนได้เพียงแค่ครั้งเดียวจึงทำให้ชาวประมงขาดแรงงาน จนถึงตอนนี้ตนได้ประกาศขายเรือแล้ว แต่ยังไม่มีคนมาชื้อ

    ขณะที่นายฮง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เรือประมงของชาวบ้าน ต.สองคลอง ซึ่งอยู่ติดกับเขตพื้นที่ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ นั้น ที่ผ่านมา ต้องนำเรือไปขึ้นปลาขึ้นหอยที่ท่ารับซื้อสัตว์น้ำในเขต ต.คลองด่าน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไป 8-9 กม. เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีท่าเทียบเรือ หรือสะพานปลา เนื่องจากน้ำตื้น และบางครั้งน้ำแห้งขอด แต่ติดขัดปัญหาในเรื่องของลูกจ้างแรงงานชาวต่างชาติที่ไม่สามารถนำขึ้นรถยนต์ข้ามเขตจังหวัดไปได้ เพราะผิดกฎหมาย

    เนื่องจากแรงงานต่างด้าวนั้นหากขึ้นทะเบียนที่จังหวัดไหนก็ต้องทำงานที่จังหวัดนั้น จึงทำให้คนที่อยู่ใกล้กับแนวตะเข็บรอยต่อของจังหวัด และมีความจำเป็นที่จะต้องข้ามเขตในลักษณะนี้นั้นหากินด้วยความยากลำบาก เพราะหากนำลูกจ้างต่างด้าวขึ้นรถไปลงเรือเพื่อที่จะออกเรือหาปลาในเขตของ ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ก็จะผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าเข้มงวดมากก็จะถูกจับกุมเสียเงิน เสียค่าปรับจำนวนมาก

    โดยหากจะนำเรือออกจากสะพานปลากลับมายังที่บ้านเพื่อรับลูกจ้างคนงานต่างด้าว น้ำชายฝั่งบริเวณนี้ก็แห้งขอด เรือไม่สามารถกลับเข้ามาได้สะดวก ต้องรอเพียงช่วงเวลาน้ำขึ้นเท่านั้น หรือต้องนำเรือย้อนกลับมาไกลแทนที่จะสามารถนำเรือออกทะเลหาปลาได้เลย ก็ต้องขับเรือย้อนกลับไปย้อนมาอย่างนี้ จึงทำให้ชาวบ้านออกหากินได้ไม่สะดวก จึงอยากให้รัฐบาลหันมาแก้ไขปัญหาตรงส่วนนี้ด้วย


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “ลุงตู่” พูดถูก! สองผัวเมียเลี้ยงจิ้งหรีดฟันรายได้เดือนละ 7 หมื่น เมินทำการเกษตร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 13:56 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 14:41 น.)

    [​IMG]

    นครพนม - ไม่เชื่อ! อย่าเพิ่งหัวเราะเยาะนโยบาย “ลุงตู่” เลี้ยงจิ้งหรีดสู้แล้งแทนการทำนา สองผัวเมียเผยเลี้ยง “จิ้งหรีดดำ” ส่งออกฟันรายได้เดือนละกว่า 7 หมื่นบาท จนไม่สนใจกลับไปทำการเกษตรอีกแล้ว

    [​IMG]

    หลังจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะแนวประกอบอาชีพเสริมสู้ปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะประเด็นให้ไปเลี้ยงจิ้งหรีดแทน จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์เหน็บแนมตามมาอย่างกว้างขวาง ถูกนำไปเขียนการ์ตูนล้อเลียนตามสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโซเชียลจนเป็นที่ขบขันกันไปทั่วเมือง พร้อมมีคำถามตามมาว่าเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริมนั้นจะเลี้ยงครอบครัวได้รอดหรือ

    ล่าสุด นางมน บุตรวงศ์ อายุ 38 ปี แม่ค้าทอดจิ้งหรีดดำขายที่ตลาดนัดคลองถม เทศบาลเมืองนครพนม เปิดเผยว่า ตน สามี และลูกอีก 3 คน อาศัยอยู่บ้านต้อง ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม อาชีพเดิมปลูกหอมแบ่งขาย บางปีก็ราคาดี บางปีก็ราคาตก ขาดทุนยับเยิน ชะตาชีวิตไม่ต่างจากคนทำอาชีพเกษตรกรรมทั่วไป เมื่อ 3 ปีที่แล้วตนและสามีตัดสินใจหันมาเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์สีดำ หรือ “จิ้งหรีดดำ” โดยทำโรงเรือนกั้นตาข่ายล้อมเพื่อป้องกันจิ้งจก ตุ๊กแก เข้ามากินจิ้งหรีด ก่อนจะทำตู้เลี้ยงอย่างจริงจังประมาณ 3 โรงเลี้ยง ซึ่งการเลี้ยงง่าย ลงทุนไม่มาก คือซื้อไข่และแม่พันธุ์มาวางไว้ในตู้ที่ทำไว้ ให้น้ำให้อาหาร คือรำอ่อนใส่จานวางไว้เป็นอาหารจิ้งหรีด

    ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 เดือนก็จับขายได้กิโลกรัมละ 130 บาท โดยจิ้งหรีดมันจะวางไข่แพร่พันธุ์ไปเรื่อยๆ ให้จับขายได้ตลอด ตลาดดีมาก มีลูกค้าขาประจำมารับซื้อไปทอดขายตามตลาดนัด งานบุญ แม่ค้าแต่ละรายจะสั่งซื้อคนละ 50-100 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจาก สปป.ลาวสั่งซื้ออีกด้วย เนื่องจากผู้บริโภคต้องการมาก บ้างก็ซื้อตัวสดๆ ไปเลี้ยงไก่ชนหรือนก

    ทุกวันอังคาร-เสาร์ ตนก็ทอดจิ้งหรีดมาขายด้วยตนเองที่ตลาดนัดใกล้บ้าน และขายตัวสดด้วย เฉลี่ยเดือนหนึ่งมียอดขายจึ้งหรีดประมาณ 7 หมื่นบาท เมื่อหักต้นทุนซื้อรำข้าวเลี้ยงจิ้งหรีดราว 2 หมื่นบาท จะเหลือ 5 หมื่นบาทเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078666
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไม่พอขาย! ชาวนาสุโขทัยรวมกลุ่มเลี้ยงกบสู้แล้งรายได้ดี ออเดอร์ล้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 12:45 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 14:38 น.)

    [​IMG]

    สุโขทัย - ชาวนากงไกรลาศยิ้มกลางภัยแล้ง หลังราคาข้าวตกต่ำ-ไม่มีน้ำทำนา ตั้งกลุ่มกู้เงิน ธ.ก.ส.ลงทุนเลี้ยงกบแค่ 6 เดือนลูกค้าล้น-ออเดอร์ทะลักจนไม่พอขาย ยันรายได้ดีกว่าทำนา

    [​IMG]

    วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวนาหมู่ 3 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ได้รวมกลุ่มกันทำอาชีพเสริมเพาะเลี้ยงกบส่งออกขายทั้งในและต่างจังหวัด ทำรายได้ดีกว่าทำนา และยังเหลือเงินออมฝากในกลุ่มสำหรับเบิกใช้กรณีจำเป็นรายละเกือบหมื่นบาทอีกด้วย

    นายประคอง สำอางค์ยอด อายุ 54 ปี สมาชิกสภา อบต.บ้านใหม่สุขเกษม หมู่ 3 เปิดเผยว่า หลังราคาข้าวตกต่ำ รวมทั้งต้องเผชิญภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำทำนาตั้งแต่ต้นปี ทำให้ชาวนารวมตัวกันสร้างอาชีพใหม่ด้วยการเพาะเลี้ยงกบ โดยขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.สาขากงไกรลาศ มาลงทุนขุดบ่อ ซื้ออุปกรณ์การเลี้ยง อาหาร และเป็นทุนหมุนเวียน

    จากผลดำเนินการช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเกษตรกรทุกรายในกลุ่มมีรายได้ดีกว่าการทำนาข้าวมาก เพราะช่วงนี้กบขายได้ราคาดี ขณะที่ข้าวราคาตกต่ำ แถมยังเจอภัยแล้งซ้ำอีก แม้ว่าบางพื้นที่จะพอมีน้ำทำนาได้ แต่เมื่อเกี่ยวข้าวขายยังไงก็ขาดทุนอยู่ดี การเลี้ยงกบหารายได้เสริมในช่วงนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของกลุ่มเกษตรกรหมู่ 3 ต.บ้านใหม่สุขเกษม

    นายประคองกล่าวว่า การเพาะเลี้ยงกบทำให้มีรายได้ต่อเนื่อง เมื่อกบอายุได้ 1 เดือนก็สามารถจับขายได้ตัวละ 1 บาท ถ้าขายไม่หมดก็เลี้ยงต่ออีก 2 เดือนจนโต สามารถจับขายได้อีกครั้ง ซึ่งจะมีพ่อค้ารับซื้อประจำ ตนเลี้ยงไว้ 4 บ่อ บ่อละ 50 ตารางวา 3 เดือนจับขายได้เงินบ่อละประมาณ 60,000 บาท และกลางเดือน ส.ค.จะจับขายได้พร้อมกัน 3 บ่อ เป็นเงินประมาณ 180,000 บาท

    “ตอนนี้มียอดสั่งซื้อลูกกบตัวละ 1 บาท 70,000 ตัว แต่พวกเราในกลุ่มที่เลี้ยงมีให้ได้แค่ 30,000 ตัว เพราะเลี้ยงกันไม่ทัน และนอกจากทำให้มีรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวได้ไม่ขัดสนแล้ว ยังเหลือเงินออมฝากในกลุ่มอีกรายละ 7,000 บาท สำหรับเบิกใช้กรณีจำเป็นอีกด้วย”

    http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078651
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หยุดเถิดพ่อค้าถ่านหิน : พลังประชาชนทั่วโลกกำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ / ประสาท มีแต้ม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2558 08:21 น. (แก้ไขล่าสุด 13 กรกฎาคม 2558 08:53 น.)

    คอลัมน์ : โลกที่ซับซ้อน โดย...ประสาท มีแต้ม

    เมื่อ 30 ปีที่แล้ว (10 กรกฎาคม 2528) กลุ่มคนธรรมดาจำนวนไม่กี่คนได้นำเรือ “นักรบสายรุ้ง” ของกลุ่มกรีนพีซไปต่อต้านเพื่อให้รัฐบาลฝรั่งเศสหยุดการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ แต่แทนที่จะมีการรับฟังกันโดยดีหน่วยงานลับของฝรั่งเศสก็จมเรือดังกล่าวด้วยระเบิด แม้เรือนักรบสายรุ้งจะถูกจมไปแล้วพร้อมด้วยการเสียชีวิตของช่างภาพชาวโปรตุเกสคนหนึ่ง แต่อุดมการณ์เพื่อการรักษาสันติภาพของโลกยังไม่จม กลับเติบใหญ่และกระจายไปอยู่ในจิตสำนึกของประชาชนทั่วโลก จากรุ่นนี้สู่รุ่นโน้น

    เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สะท้อนเป็นหลักการทั่วไปอย่างหนึ่งว่า ประชาชนเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ โดยเริ่มต้นจากคนจำนวนหยิบมือเดียวเท่านั้น แต่สามารถเติบใหญ่ไปทั่วโลกได้

    การต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์รวมทั้งการต่อต้านสงครามเมื่อ 30 ปีก่อนเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของมนุษยชาติ เพราะสงครามจากอาวุธนิวเคลียร์เป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่ชาวญี่ปุ่นได้ประสบมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่สอง

    แต่ภัยพิบัติชนิดใหม่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกและรุนแรงกว่าภัยจากสงครามที่เรารู้จักกัน นั่นคือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากพร้อมมีงานวิจัยนับพันๆชิ้นยืนยันว่า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยที่มีสาเหตุใหญ่ที่สุดคือร้อยละ 72 เป็นเพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในจำนวนนี้เกิดจากภาคกิจการโรงไฟฟ้ามากที่สุด (21%) รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม (17%) และการขนส่ง (14%)

    นับจากต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา ร้อยละ 41 ของภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้นในทวีปเอเชีย โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7 แสนคน ในจำนวนนี้ยังไม่นับกรณีแผ่นดินไหวในประเทศเนปาลเกือบหนึ่งหมื่นคน และคลื่นความร้อนในประเทศอินเดียและประเทศปากีสถานอีกกว่าสองพันคน

    ในขณะที่ผมนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ เสียงจากโทรทัศน์กำลังรายงานสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงถึงขั้นที่ว่ามีการแย่งน้ำกันระหว่างชาวนาเพื่อเอาน้ำทำนากับผู้ใช้น้ำเพื่อเอาน้ำอุปโภคบริโภค ไม่ใช่ระหว่างเกษตรกรกับเกษตรกรอย่างที่เคยเป็นมา บางสำนักข่าวถึงกับบอกว่าเป็นการแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี

    ด้วยเหตุที่ข้อมูลของประเทศไทยเราค่อนข้างจะหาได้ยาก ผมจึงขอนำเสนอข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกามาให้พิจารณา พบว่าประมาณครึ่งของพื้นที่ประเทศต้องประสบกับสภาพอากาศร้อนมากถึงมากที่สุดเท่าที่มีการจดบันทึกไว้

    [​IMG]

    เฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียมีอากาศร้อนจัดติดต่อกัน 4 ปีแล้ว มีผู้เปรียบเทียบด้วยการถ่ายรูประดับน้ำในทะเลสาบแห่งหนึ่งในปี 2554 กับปี 2557 ผมนำมาแสดงด้วยเพราะมันดูแล้วเข้าใจง่ายดีครับ

    [​IMG]

    ในด้านความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากการเก็บข้อมูลของศูนย์วิจัยด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติแห่งหนึ่งในประเทศเบลเยียม พบว่าในช่วงปี 2537 ถึง 2556 ประเทศไทยเรามีความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 6 ของโลกซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ทางรัฐบาลบอกว่า “เอาอยู่ๆ”

    [​IMG]

    จากรายงานชิ้นเดียวกันนี้ยังระบุอีกว่า ในช่วงเวลาเดียวกันความสูญเสียทางเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) พบว่า ประเทศเกาหลีเหนือมีความสูญเสียถึง 39% และมองโกเลีย 34% ซึ่งถือว่าสูงมาก ในขณะที่เมื่อปี 2554 ประเทศไทยสูญเสียประมาณ 6% ของจีดีพี

    ผมได้พูดถึงสาเหตุและขนาดความรุนแรงของ “สงครามแบบใหม่” มาค่อนข้างเยอะก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เกิดความเชื่อมั่นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่เรามักจะเข้าใจแบบดูถูกตนเองว่า “คนเล็กๆ ไม่สามารถทำอะไรได้”

    นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงการอพยพลี้ภัยจากกรณีโลกร้อนซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในบริเวณชายฝั่งทะเลหลายพื้นที่ของโลก ในอนาคตอันใกล้มันคงจะรุนแรงมากกว่าการลี้ภัยทางการเมืองของชนกลุ่มน้อยในหลายประเทศที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา

    ในตอนต่อไปนี้ ผมจะกล่าวถึงกระบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่กำลังจะหยุดยั้ง “สงครามแบบใหม่” ที่สร้างความเสียหายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะประกาศสงครามอย่างเป็นทางการหรือไม่ก็ตาม กลุ่มเหล่านี้กำลังเติบใหญ่และกระจายตัวไปทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย

    หลักคิดของกลุ่มดังกล่าวอยู่ในประโยคสั้นๆ ที่ว่า “ถ้าการทำลายโลกเป็นความชั่ว ดังนั้น การหากำไรจากซากปรักหักพังก็เป็นความชั่วด้วย” ดังนั้น พวกเขาจึงได้รวมตัวกันแล้วเคลื่อนไหวทำงานทางความคิดอย่างเป็นระบบ โดยเน้นไปที่สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและศาสนจักรเพราะเชื่อว่าเป็นสถาบันที่เป็นผู้นำทางวิชาการและคุณธรรมของประเทศและของโลก เพื่อเรียกร้องให้สถาบันเหล่านั้นถอนการลงทุนจากธุรกิจพลังงานฟอสซิลซึ่งเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติ

    ข้อมูลที่ทางกลุ่มเคลื่อนไหวนำมาเป็นเหตุผลมี 3 ตัวเลขเท่านั้น คือ

    (1) ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ที่ว่า ให้รักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไว้ไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม

    (2) ถ้าให้เป็นไปตามคำแนะนำในข้อ (1) มนุษย์จะสามารถใช้พลังงานฟอสซิลได้อีกไม่เกิน 565 กิ๊กกะตัน (คาร์บอนไดออกไซด์) เท่านั้น นั่นหมายความว่า หรือถ้าใช้ในอัตราปัจจุบันจะต้องหยุดการใช้ภายใน 16 ปี

    (3) แต่บริษัทพลังงานฟอสซิลที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 200 บริษัทมีปริมาณสำรองที่พบแล้วมากกว่าระดับที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดให้ใช้ได้ถึง 5 เท่า ในจำนวนนี้มีบริษัทสัญชาติไทย 2 บริษัทที่ทำธุรกิจถ่านหิน คือ บ้านปู และ ปตท. จำกัด (ซึ่งทำทั้งถ่านหินและปิโตรเลียม)

    ข้อเสนอของกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวก็คือ ให้เก็บพลังงานฟอสซิลที่เหลือประมาณร้อยละ 80 เอาไว้ใต้ดินก่อน (หมายเหตุ ในความเข้าใจของผม สามารถนำขึ้นมาใช้ได้อีกเมื่อโลกกลับมาสู่สภาพสมดุลและความเสถียรแล้ว) แล้วให้เปลี่ยนมาเป็นการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนซึ่งได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล เป็นต้น

    เท่าที่ผมได้ติดตามดู (Fossil Free) พบว่ามีผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ผมขอนำมาเล่าเป็นบางรายดังนี้

    เมษายน 2557 มหาวิทยาลัย Harvard เป็นมหาวิทยาลัยแรกของอเมริกันที่ลงนามสนับสนุนข้อเรียกร้องของสหประชาชาติว่าด้วยความรับผิดชอบต่อการลงทุน และในเวลาต่อมามหาวิทยาลัยก็ถอนการลงทุน พร้อมกับมีแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 30% ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2559

    มหาวิทยาลัย Glasgow ซึ่งก่อตั้งในกลางศตวรรษที่ 15 ได้ถอนการลงทุนจากพลังงานฟอสซิล 18 ล้านปอนด์ (จากเงินบริจาครวม 128 ล้านปอนด์) หลังการรณรงค์นาน 12 เดือน มีคนลงชื่อกว่า 1,300 คน โดยสภามหาวิทยาลัยได้ลงมติเมื่อเดือนตุลาคม 2557 นับเป็นมหาวิทยาลัยแรกของยุโรป

    พฤษภาคม 2558 มหาวิทยาลัย Oxford ได้ประกาศถอนการลงทุนเฉพาะในธุรกิจถ่านหินและ Tar Sands แต่ยังคงลงทุนในพลังงานฟอสซิลตัวอื่นๆ ต่อไป แต่กลุ่มผู้รณรงค์ก็คงยืนหยัดต่อไป จนกว่าจะถอนทั้งหมดจากพลังงานฟอสซิล

    วันที่ 8 กรกฎาคม 2558 สภามหาวิทยาลัย Warwick ประกาศถอนการลงทุนจากพลังงานฟอสซิล หลังจากการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและคณาจารย์นานกว่า 2 ปี

    พฤษภาคม 2558 กลุ่ม AXA ซึ่งเป็นธุรกิจการเงินและประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ประกาศจะถอนการลงทุนจากถ่านหินซึ่งมีมูลค่า 500 ล้านยูโร ทั้งหมดภายในสิ้นปี 2558 นี้ แต่เฉพาะถ่านหิน

    5 มิถุนายน 2558 กองทุนบำนาญแห่งชาติซึ่งเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกของประเทศนอร์เวย์ มีเงินลงทุน 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกาศถอนการลงทุนจากธุรกิจถ่านหินทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่กินใจมากว่า“ถ่านหินมีความเลวร้ายในทุกบริบทของชีวิตและสิ่งแวดล้อม การลงทุนในธุรกิจถ่านหินไม่อยู่ในระบบคุณค่าของสังคมนอร์เวย์”

    24 มิถุนายน 2558 ศาลประเทศเนเธอร์แลนด์ได้สั่งให้รัฐบาลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากกว่าเดิม คือลดลง 25% ภายใน 5 ปี แทนที่จะเป็น 14-17% ภายในปี 2025 พร้อมกับต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับผู้ฟ้อง

    ท่านผู้อ่านจะเห็นว่ากระแสดังกล่าวล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ถ่านหินเป็นสิ่งเลวร้าย ในขณะที่มีทางอื่นที่เป็นไปได้และราคาไม่แพงอย่างที่ทางราชการพยายามหลอกเรามาตลอด

    กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย

    เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันเดียวกับเมื่อคนกลุ่มเล็กๆ ลุกขึ้นมาต่อต้านการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ 30 ปีก่อน มีชายหนุ่มสองคนจากปักษ์ใต้ในนาม “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” ได้อดอาหารประท้วงเป็นวันแรก


    พวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มพลเมืองที่ประกอบด้วยนักธุรกิจ ชาวประมง ชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น และอื่นๆ ที่ได้รณรงค์ต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จังหวัดกระบี่มานานกว่า 3 ปี พวกเขาได้บอกกับสังคมว่าได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อบอกกับสังคมไทยและรัฐบาลว่า ถ่านหินจะทำลายการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ทำลายวิถีชีวิตของชุมชน

    ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ประกาศประมูลการก่อสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่าเกือบ 5 หมื่นล้านบาทในวันที่ 22 เดือนนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงไม่มีหนทางใดเหลืออีกแล้วนอกจากการอดอาหารเพื่อแสดงอารยะขัดขืน พวกเขาประกาศจะอดจนตายหรือไม่ก็จนกว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนนโยบาย

    ผมเองก็ได้ติดตามเรื่องพลังงานไฟฟ้ามาเป็นเวลานานและต่อเนื่อง พบว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าในภาคใต้ไม่ได้ขาดแคลนอย่างที่ทางการไฟฟ้าประกาศ แต่มีเหลือมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำตามมาตรฐานสากลอีกเยอะ นอกจากนี้ยังมีแหล่งพลังงานอื่นๆ ไม่ว่าของเสียจากโรงหีบน้ำมันปาล์มซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมากกว่าความต้องการใช้ของคนทั้งจังหวัด นอกจากนี้ยังมีพลังงานแสงแดดอีกเป็นจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตก็ไม่ได้สูงอย่างที่ทางราชการบอก

    สถานการณ์โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่สังฆราชผู้ใกล้ชิดกับองค์สันตะปาปา ฟรานซิส มากที่สุด คือท่าน Cardinal Óscar Rodríguez Maradiaga ซึ่งได้ตรัสเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า

    “The ideology surrounding environmental issues is too tied to a capitalism that doesn’t want to stop ruining the environment because they don’t want to give up their profits,”

    ซึ่งผมขอถอดความสั้นๆ ว่า “ประเด็นสิ่งแวดล้อมได้ผูกติดกับระบบทุนนิยมอย่างเหนียวแน่น ที่ไม่ต้องการจะหยุดการทำลายสิ่งแวดล้อมก็เพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการจะสูญเสียผลกำไรของพวกเขาเท่านั้นเอง”


    สุดท้ายนี้ ผมขอเรียนสรุปว่า เท่าที่ผมได้ติดตามประเด็นพลังงานไฟฟ้ามายาวนาน ผมมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่า ระบบการผลิตไฟฟ้าในระบบเดิมซึ่งเป็นระบบรวมศูนย์ ผลิตโดยคนน้อยราย แต่ให้บริการคนจำนวนมากกำลังจะเจ๊งในขอบเขตทั่วโลก เพราะระบบเดิมได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสรรพชีวิตอย่างมหาศาล เปรียบเหมือนสงครามโลกครั้งที่สามก็ว่าได้ นอกจากนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว มันคงคล้ายกับระบบโทรศัพท์บ้านกับโทรศัพท์มือถือ หรือระบบคอมพิวเตอร์เมนเฟรมกับระบบโน้ตบุ๊ก หรือระบบ 3G , 4G นั่นเอง แต่หน่วยงานทางราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกลับดื้อด้าน คิดแบบเดิม บนผลประโยชน์ของบริษัทพลังงานถ่านหินที่กำลังถูกปฏิเสธไปทั่วโลก


    หากเกิดเจ๊งขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบแต่ประการใด เราจะปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปอีกไม่ได้อย่างแน่นอน


    http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078900
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประมวลภาพศิลปินใต้เคลื่อนหนุน “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” อดข้าวประท้วงรัฐ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 21:03 น.

    [​IMG]

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ประมวลภาพบรรยากาศกลุ่มศิลปินภาคใต้ ภายใต้การนำของ แสง ธรรมดา ต้น ใต้สวรรค์ และเพื่อนพ้องน้องพี่กลุ่มศิลปิน รวมตัวกันจัดกิจกรรม Save Andaman no coal ตลอดช่วงบ่ายของวันนี้ (12 ก.ค.) เพื่อแสดงออกซึ่งการสนับสนุนความเคลื่อนไหวปฏิบัติการอารยะขัดขืนแบบสันติวิธี ด้วยการส่งตัวแทนนั่งอดอาหารประท้วงบริเวณด้านหน้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของ “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” เพื่อกดดันให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการให้ กฟผ.ยกเลิก โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและท่าเรือขนถ่ายถ่านหิน จ.กระบี่ และอีกหลายแห่งทั่วพื้นที่ภาคใต้ โดยได้ออกเดินสายแดสงสดไปตามย่านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ด่วน! “ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จชต.” ขู่ปิดบริการทุกปั๊มไม่มีกำหนด หลังเจรจานายก อบจ.ไร้ผล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 18:38 น. (แก้ไขล่าสุด 12 กรกฎาคม 2558 18:53 น.)

    [​IMG]

    ยะลา - เผยจันทร์ที่ 13 ก.ค.นี้ทุกปั๊มน้ำมันใน 3 จชต.จะปิดให้บริการ โดยเป็นผลการเจรจาระหว่าง “นายก อบจ.” กับ “ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จชต.” ที่ยะลาไร้ข้อสรุป ซึ่งยังต้องรอชง “เลขาธิการ ศอ.บต.” ให้ทำหน้าที่ท้าวมาลีวราชอีกครั้ง

    ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยัน ปิดให้บริการปั๊มน้ำมันทั้ง 3 จังหวัดกว่า 150 แห่ง ในวันพรุ่งนี้ (13 กค.58) หลังการเจรจาขอผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีของ อบจ.ในพื้นที่ไม่เป็นผล

    ที่ห้องประชุมนิบงบนศาลากลาง จ.ยะลา ช่วงบ่ายวันนี้ (12 ก.ค.) ชมรมผู้ค้าน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางเข้าร่วมหารือและหาข้อสรุปกับนายก อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดคือ ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส หลังมีการออกแถลงการณ์เรียกร้องถึงมาตรการที่ อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดได้เรียกเก็บภาษี ณ หัวจ่ายในทุกปั๊มน้ำมันในพื้นที่เพิ่มอีกลิตรละประมาณ 5 สตางค์ โดยการเข้าหารือร่วมกันในครั้งนี้มีนายอุดร น้อยทับทิม รองผู้ว่าฯ ยะลาร่วมเป็นสักขีพยาน อีกทั้งทำหน้าที่คนกลางในการร่วมให้ความคิดเห็นและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางฝ่าย อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดมีเพียงนายมุขตา มะทา นายก อบจ.ยะลา เพียงผู้เดียวที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมหารือ โดยไร้วี่แววทั้งนายก อบจ.ปัตตานี และนายก อบจ.นราธิวาส หรือแม้กระทั่งการส่งตัวแทน ซึ่งการเจรจาในครั้งนี้ใช้เวลาหารือร่วมกันราว 2 ชั่วโมง

    โดยฝ่ายชมรมผู้ค้าน้ำมันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ยืนข้อเสนอให้มีการผ่อนปรนกรณีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มที่หัวจ่ายลิตรละ 5 สตางค์ โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภค พร้อมกับให้ อบจ.ถอนแจ้งความกับปั้มน้ำมัน 3 แห่งใน จ.นราธิวาส

    ขณะที่นายก อบจ.ยะลาได้รับข้อเสนอ แต่ไม่สามารถจะตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวได้ ต้องมีการประชุมหาร่วมกับนายก อบจ.อีก 2 จังหวัดคือ ปัตตานีและนราธิวาสที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมในวันนี้ก่อน

    น.ส.สมหญิง ชัยรัตนมโนกร ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าน้ำมัน จ.ยะลา เปิดเผยว่า การหารือในวันนี้สรุปแล้วคือ ฝ่าย อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดยังไม่สามารถให้คำตอบตามข้อเสนอที่ได้ยื่นไป ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ผู้ประกอบการค้าน้ำมันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงยืนยันที่จะดำเนินการหยุดให้บริการ หรือปิดปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ในพื้นที่กว่า 150 แห่งอย่างไม่มีกำหนด

    ด้านรองผู้ว่าฯ ยะลาในฐานะคนกลางกล่าวว่า ทางชมรมผู้ค้าน้ำมันต้องการให้ อบจ.ดำเนินการเรียกเก็บภาษีจากคลังน้ำมัน ไม่ใช่เก็บจากหัวจ่ายในปั๊ม เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องมาเป็นผู้รับภาระ แต่ทาง อบจ.ไม่สามารถจะดำเนินการได้ เนื่องจากติดข้อกฎหมายที่จะต้องให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเป็นผู้แก้ไขข้อกฎหมายเสียก่อน

    “ความจริงเรื่องนี้ทาง อบจ.ได้มีการลดหย่อนการเก็บภาษีมาตั้งปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับเวลาก็กว่า 16 ปีแล้ว เมื่อมีกฎหมายข้อบังคับมาทาง อบจ.เองจำเป็นต้องปฏิบัติอย่างขัดข้องไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ ศอ.บต.เพื่อให้ประสานผู้ค้าน้ำมันและ อบจ.มาเจรจาหาข้อยุติ หรือดำเนินการทำ MOU ร่วมกัน ซึ่งจะต้องรอให้นำเสนอต่อนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.อีกครั้ง”

    http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078789
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ตื่นกักตุน! เผยคนปัตตานีแห่นำรถไปเติมน้ำมันตามปั๊มเพื่อให้ได้ใช้งานได้นานที่สุดแล้ว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2558 21:58 น.

    [​IMG]

    ปัตตานี - เผยชาวปัตตานีแห่นำรถยนต์และจักรยานยนต์ไปเติมน้ำมันตามปั๊มต่างๆ เพื่อกักตุนให้มีใช้ได้นานที่สุดตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เผยเป็นผลจากชมรมผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่เจรจากับ นายก อบจ. 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ชะลอเก็บภาษีเพิ่ม 5% ยังไม่เป็นผล

    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานีว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันนี้ (12 ก.ค.) บรรยากาศตามปั๊มน้ำมันหลายแห่งในพื้นที่ จ. ปัตตานี มีประชาชนแห่น้ำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไปเติมน้ำมันกันจำนวนมาก โดยต้องการกักตุน้ำมันไว้ใช้ได้นานที่สุด หลังจากมีข่าวสะพัดทั้งในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ว่า เจ้าของปั๊มน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะรวมตัวกันปิดให้บริการปั๊มน้ำมันตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.หรือในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปแบบไม่มีกำหนด

    ทั้งนี้เนื่องจากกรณี อบจ.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกข้อบัญญัติเกี่ยวกับการค้าน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ เพื่อเก็บภาษีจากปั๊มน้ำมันทุกปั๊มใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยให้ปั๊มน้ำมันบวกราคาขายหน้าปั๊มหรือที่หัวจ่ายอีก 5 สตางค์ต่อลิตร เป็นค่าภาษีส่งให้แก่ อบจ. จึงทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มใน 3 จังหวัดแพงขึ้นกว่าเดิม

    โดยจากกรณีดังกล่าวนั้น ทางชมรมผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้านไม่เห็นด้วยกับบัญญัติที่ต้องเสียภาษีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ต้องทนแบกรับภาระต้นทุนสูงอยู่แล้ว แถมยังต้องต่อสู่กับน้ำมันเถื่อนผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการตรวจจับและควบคุม จนมีการจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย และเห็นว่าการเก็บภาษีควรเสร็จสิ้นที่คลังน้ำมัน

    นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังมีมติหากไม่มีทางออกให้กับผู้ค้าน้ำมันอย่างเป็นธรรม ชมรมผู้ประกอบการค้าน้ำมันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวนกว่า 150 แห่งจะปิดให้บริการของปั๊มทั้งหมดในวันที่ 13 ก.ค.ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้การเจรจาระหว่างตัวแทนผู้ประกอบการค้าน้ำมันกับนายก อบจ.ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในวันที่ที่ จ.ยะลาก็ไม่เป็นผลอีกด้วย


    http://manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078841
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘รบ.จีน’ระบุ‘ตลาดหุ้นผันผวน’จะไม่ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย โดย เอเชียอันเฮดจ์
    12 กรกฎาคม 2558 23:40 น. (เก็บความจากเอเชียไทมส์ Asia Times)

    [​IMG]
    ภาพ @นักลงทุนยืนอยู่หน้าจออิเล็กทรอนิกส์แสดงข้อมูลหุ้น ที่ สำนักงานของโบรกเกอร์แห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง วันพฤหัสบดี (9) จาก http://manager.co.th/

    State Council: China’s stock volatility won’t singe economy
    By Asia Unhedged
    09/07/2015

    หลังจากรัฐบาลจีนเคลื่อนไหวออกมาตรการต่างๆ เป็นชุดใหญ่เพื่อหยุดยั้งการกระหน่ำเทขายแบบตื่นตระหนก ในที่สุดตลาดหุ้นก็พุ่งทะยานอยู่ในแดนบวกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรีแดนมังกรได้ออกมาแถลงยืนยันว่า ประเทศจีนยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอันสำคัญๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมซึ่งกำหนดเอาไว้สำหรับปีนี้

    หลังจากรัฐบาลจีนเคลื่อนไหวออกมาตรการต่างๆ เป็นชุดใหญ่เพื่อหยุดยั้งการกระหน่ำเทขายแบบตื่นตระหนก ในที่สุดดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) ก็ปิดบวกพุ่งพรวด 5.8% มาอยู่ที่ 3,709 ถือเป็นการไต่สูงที่สุดในวันเดียวในรอบ 6 ปีของดัชนีตัวนี้ ส่วนดัชนีหุ้นคอมโพสิตของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นก็กระโจนขึ้น 3.8% และดัชนี CSI 300 ของหุ้นตัวใหญ่ที่สุด 300 ตัวก็ทะยานไป 6.4%

    ในเมื่อหลักทรัพย์ที่ซื้อขายกันได้ถึงประมาณครึ่งหนึ่งทีเดียว ถูกสั่งระงับการเทรดเอาไว้ก่อน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็บอกให้พวกธนาคาร, บริษัทหลักทรัพย์, และบริษัทประกันภัยทั้งหลายเข้ามาซื้อหุ้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เวลานี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดและได้แต่คาดเดากันไปว่าจะสามารถพยุงสภาวการณ์เช่นนี้ไปได้ยาวนานแค่ไหน แต่จากการที่วิกฤตกรีซก็กำลังเปลี่ยนแปลงจากภาวะเดือดปุดๆ กลายมาเป็นแค่ระอุคุกรุ่น ผู้คนจึงกำลังหันมาพิจารณาอย่างใกล้ชิดมากขึ้นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดจีน รวมทั้งผลกระทบต่อเนื่องที่จะมีต่อเศรษฐกิจแดนมังกรโดยรวม

    สภามนตรีแห่งรัฐ (State Council) ซึ่งก็คือคณะรัฐมนตรีของจีน ได้ออกมาแถลงเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า “ประเทศ (จีน) ยังคงสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอันสำคัญๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมซึ่งกำหนดเอาไว้สำหรับปีนี้” สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงาน (ดูรายละเอียดได้ที่ China moves to boost growth momentum amid market volatility - Xinhua | English.news.cn)

    ปีที่แล้ว เศรษฐกิจของจีนเติบโตด้วยอัตรา 7.4% ถือเป็นอัตราเชื่องช้าที่สุดในรอบ 24 ปี สำหรับปีนี้ จากการที่ตลาดที่อยู่อาศัยกำลังทรุดตัว และการที่กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ล้นเกิน รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ 7% ขณะที่เป้าหมายดังกล่าวนี้ต่ำลงอย่างมากจากอัตราเติบโตขยายตัวระดับตัวเลข 2 หลักซึ่งจีนทำได้ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทว่าแดนมังกรก็ยังคงเป็นหนึ่งในระบบเศรษฐกิจที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุดบนพื้นพิภพนี้อยู่ดี

    นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ระบุสำทับเอาไว้ในคำแถลงว่า “สัญญาณในทางบวกกำลังเพิ่มทวีในระยะ 2 เดือนหลังมานี้ ส่วนการปรับตัวเชิงโครงสร้างก็กำลังเร่งตัวขึ้น”

    สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ ทางการจีนบอกว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ที่ 7% ขณะที่ธนาคารโลกทำนายว่าในปี 2015 อัตราเติบโตของแดนมังกรจะเท่ากับ 7.1% และปีหน้าลดลงเล็กน้อยเป็น 7.0%

    ช่วงหลังๆ มานี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิต (manufacturing purchasing managers’ index ใช้อักษรย่อว่า PMI) ของจีน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญตัวหนึ่งที่ใช้วัดกิจกรรมในโรงงานต่างๆ กำลังขยับสูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เคียงข้างเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจตัวอื่นๆ อาทิ การบริโภคกระแสไฟฟ้า ทั้งนี้ตามรายงานของซินหวา โดยบอกด้วยอีกว่า การปฏิรูปต่างๆ ในเชิงโครงสร้างยังกำลังช่วยสร้างการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพสูงขึ้นและขับดันด้วยนวัตกรรม

    ในเวลาเดียวกัน นโยบายด้านการเงินและด้านการคลังของรัฐบาล ได้จุดประกายให้ตลาดที่อยู่อาศัยเกิดกระเตื้องดีขึ้น

    “ยอดขายบ้านในเมืองชั้นหนึ่ง (tier-one) ของจีน เป็นต้นว่าปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ พุ่งพรวดขึ้นถึง 42.2% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อคำนวณเปรียบเทียบกันแบบปีต่อปี ส่วนในเมืองชั้นสอง (tier-two) ก็สูงขึ้น 16.9%” รายงานของซินหวาระบุ

    ในการแถลงเมื่อวันพุธ (8 ก.ค.) สภามนตรีแห่งรัฐกล่าวด้วยว่า “เงินทุนงบประมาณที่ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง หรือถูกพักเอาไว้ก่อน ซึ่งรวมแล้วมีจำนวนมากกว่า 250,000 ล้านหยวน (41,000 ล้านดอลลาร์) นั้น ทางหน่วยงานด้านงบประมาณควรที่จะเรียกคืนมา และเงินเหล่านี้ควรนำเอาไปในลงทุนในด้านอื่นๆ ซึ่งมีเงินทุนไม่เพียงพอ” ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวซินหวา นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรีจีนยัง “เรียกร้องให้มีการปฏิบัติตามนโยบาย, มาตรการการปฏิรูป, และโครงการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจจะยังคงอยู่ในแถบช่วงที่ถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากความถูกต้องเหมาะสมเช่นนี้จะสนับสนุนส่งเสริมการเจริญเติบโตที่มีคุณภาพและยกระดับสูงขึ้นไปอีก”

    สภามนตรีแห่งรัฐระบุอีกว่า การเติบโตในภาคบริการของจีนยังคงสดใสแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกบริการระดับก้าวหน้า อาทิ การธนาคาร และการประกันภัย ขณะที่การบริโภคมีอัตราเติบโตรวดเร็วกว่าการลงทุนเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่ปีหลังๆ มานี้

    อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่แสดงสัญญาณไปในทางลบนั้น ภาวะเงินเฟ้อของผู้บริโภคได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถึงแม้ภาคขายส่งยังคงเผชิญปัญหาภาวะเงินฝืดเป็นเดือนที่ 40 ติดต่อกันแล้ว

    (จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000078852
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทำไมอิสราเอลจึงหยุดขู่ว่าจะโจมตีอิหร่าน? โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ค. 12, 2015

    [​IMG]

    ความสำคัญของเมืองฮัยฟาต่อรัฐเถื่อนอิสราเอล

    สำหรับพลพรรคมารผู้บูชาซาตานอย่างไซออนิสต์โลกแล้ว เมืองแห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเมืองท่าฮัยฟา ถือเป็น เมืองใหญ่อันดับสามของอิสราเอล ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาคาร์เมล ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งเมืองนี้ยังถือเป็นกิบละฮ และศูนย์กลางระดับโลกของกลุ่มบาไฮ

    หากพวกท่านยังจำได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน อิหร่านเคยถูกข่มขู่ว่าจะถูกโจมตีทางทหารหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งสื่อฝ่ายผู้ปฏิเสธบางสำนัก ยังเคยแถลงข่าวถึงความเป็นไปได้สูงที่อิสราเอล จะบุกจู่โจมอิหร่านในไม่ช้า และทุกเมื่อเชื่อวัน เรามักได้รับคำข่มขู่จากฝ่ายไซออนิสต์อยู่เสมอ จากข่าวที่โพทนาถึงความพร้อมของอิสราเอล และอเมริกา ในการเข้าโจมตีอิหร่าน นำเสนออย่างแพร่หลายตลอดเวลา

    ทว่าในวันที่ 1 ฟัรวัรดีน ปี 1392 ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 21 มีนาคม 2013 ภายหลังจากที่ ท่านซัยยิด อาลีคาเมเนอีย์ ได้กล่าวปราศรัย ณ. ฮารอมอิมามริฎแ(อ) โดยกล่าวตอบโต้ ทุกการข่มขู่คุกคาม และ ทุกปฏิบัติการพิเศษ ส่งผลไม่เพียงแต่การรุก จะถูกหยุดยั้ง แม้แต่ การคุกคามก็ยังลดลงอีกด้วย

    นัยยะสำคัญที่ท่านได้กล่าว คือ

    “บางครั้ง บรรดาผู้นำของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ได้ข่มขู่คุกคามต่อเรา ด้วยการข่มขู่จะโจมตีทางการทหาร แต่ในทัศนะของข้าพเจ้า พวกเขาเองก็รู้ดี และถ้าหากพวกเขาไม่รู้ ก็จงรู้ไว้เถิดว่า ถ้าพวกเขาตัดสินใจผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยในการลอบโจมตี สาธารณะรัฐอิสลาม จะถล่มเทลอาวีฟ และ ฮัยฟา ให้แหลกเป็นจุล”

    แม้เทลอาวีฟ เป็นเมืองหลวง ของอิสราเอล แต่ทำไมต้อง ฮัยฟา ?

    เหตุผลสำคัญที่สุดที่ต้องเป็นฮัยฟา และพื้นที่ห้อมล้อมเมืองแห่งนี้ เพราะ พื้นที่ในเขตนี้ คือ สถานที่พำนักอาศัยของเหล่าปุโรหิตผู้เป็นบุตรแห่งความชั่ว ผู้บูชาซาตาน และทำหน้าที่ ในการติดต่อเชื่อมความสัมพันธ์กับ กลุ่มชัยฏอน และยังมีบางสิ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามกับ การจาริคของเรา ในที่แห่งนั้นอีกด้วย

    พวกเขามีหน้าที่เผยแพร่ จิตวิญาณแห่งตัณหา , การละเมิด การปฏิเสธ ทั่วทุกแห่งในโลกใบนี้ โดยผ่านเส้นทางการติดต่อเชื่อมความสัมพันธ์กับเหล่าชัยฎอนมารร้าย และบางกลุ่ม ก็ได้นำเอา สาส์นแห่งความปราถนา และเจตจำนงค์ของเหล่าซาตาน มาเผยแพร่ให้เหล่าผู้นำ และนักการเมืองระดับโลก ได้รับรู้อีกด้วย

    พระผู้เป็นเจ้า ผู้สูงส่งทรงกล่าวไว้ใน พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน อันทรงเกียรติว่า

    (و ان الشیاطین لیوحون الی اولیائهم -۱۲۱ انعام )

    “และแท้จริงบรรดาชัยฎอนได้กระซิบกระซาบแก่มวลมิตรของพวกมัน”

    รัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถือว่า เขาเหล่านี้ คือ ชนชั้นนำระดับต้นๆที่จะต้องมีมาตรการพิเศษด้านความปลอดภัย ในการปกปักษ์รักษาชีวิตของพวกเขา และถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ บรรดาผู้นำระบอบการปกครองของไซออนิสต์ หรือ คหบดีผู้มั่งคั่งชาวไซออนิสต์ของโลก

    มีผู้คนของเราจำนวนมาก ที่ไม่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเพราะเหตุนี้ จึงไม่มีใครเข้าใจว่า ทำไม อิมามคาเมเนอีย์ ถึงได้ เอ่ยชื่อเมืองฮัยฟา และทำไมหลังจากเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา พวกเขา(ไซออนิสต์) ถึงกับต้องยอมถอยร่น

    “หากรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คือเอ็นร้อยหวายของ กุฟร( การปฏิเสธ )และฏอฆูต(มหาอำนาจผู้ฉ้อฉล ผู้ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า)ทั้งมวลแล้ว ฮัยฟา ก็คือเอ็นร้อยหวายของไซออนิสต์ (เมื่อถูกตัดแล้วมันจะก้าวเดินไม่ได้อีก)

    โอ้อัลลอฮ โปรดเร่งการปรากฎตัว ของเมาลานา ศอฮิบุซซามานด้วยเถิด และขอพระองค์ทรงปกป้อง ตัวแทนของอัลมะฮดี (อ) อิมามของเรา อัลคาเมเนอีย์ด้วยเถิด…..

    ทำไมอิสราเอลจึงหยุดขู่ว่าจะโจมตีอิหร่าน? | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันอย่างไร?
    Category: News & Event Published on Monday, 13 July 2015 02:42 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    ในช่วงเวลาใกล้วันลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับนิวเคลียร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ; การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันอย่างไร?

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า การยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านจะสร้างความตรึงเครียดในโอเปก แต่จะช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าของอิหร่านกับอ่าวเปอร์เซียให้ดีขึ้น

    Young Journalist Club (yjc) รายงานโดยอ้างจาก "ฝรั่งเศส 24" (France 24) ว่า : บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ในกรณีที่มีการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน การแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างประเทศอิหร่านและอ่าวเปอร์เซียจะมีความเข้มแข็งขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ว่าตลาดน้ำมันจะก่อให้เกิดความตึงเครียดต่างๆ ขึ้นใน "โอเปก" เนื่องจากว่าอิหร่านพยายามที่จะเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันดิบของตนเองให้อยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการคว่ำบาตร ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในอ่าวเปอร์เซียไม่ต้องการที่จะลดเพดานการผลิตของตนเองลงเพื่อสร้างความสมดุลในตลาดน้ำมัน

    ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของอิหร่านได้ประกาศว่า เตหะรานจะเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันดิบของตนขึ้นไปถึงระดับก่อนหน้าการคว่ำบาตร แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสิ่งนี้จะต้องอาศัยกระบวนการในระยะยาว

    สถาบันสำรวจความเป็นไปได้ในการลงทุน ได้กล่าวในรายงานล่าสุดของตนว่า จนถึงปลายปีนี้อิหร่านจะเพิ่มระดับการผลิตน้ำมันของตนขึ้นถึงระดับ 150,000 บาร์เรลต่อวัน

    สถาบันของซาอุดิอาระเบียแห่งนี้ ได้กล่าวในรายงานของตนว่า : "แต่ไม่คิดว่าการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้ตลาดน้ำมันเกิดความพอเพียงได้ในระยะเวลาสั้นๆ"

    อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุด อิหร่านจะเพิ่มการผลิตของตนไปถึงระดับก่อนการคว่ำบาตร และประเด็นนี้จะก่อให้เกิดความตรึงเครียดในโอเปก

    สมาชิกโอเปกบางประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซียจะเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันดิบของตนขึ้น โดยมีจุดประสงค์ที่ลดราคาน้ำมันดิบและการขับคู่แข่งของตนออกจากตลาด

    แม้เป็นไปได้ว่าการยกเลิกการคว่ำบาตรอาจจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในการปรับสมดุลของโอเปก แต่การแลกเปลี่ยนต่างๆ ทางการค้าระหว่างอิหร่านและเพื่อนบ้านในอ่าวเปอร์เซียจะขยายตัวขึ้นในกรณีที่ยกเลิกการคว่ำบาตร โดยที่ 80% ของปริมาณการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างอิหร่านกับบรรดาประเทศสมาชิกของสภาความร่วมมืออ่าวเปอร์เซียจะเป็นของยูเออี

    " ซุลฏอน มันซูร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่งประกาศว่า ปริมาณการแลกเปลี่ยนทางการค้าของประเทศกับอิหร่านได้เพิ่มขึ้นถึงระดับ 17,000 ล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขนี้ยังห่างจากระดับการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศในช่วงปี 2011 หมายถึงก่อนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน

    นอกจากนี้มีการคาดการณ์ว่า ปริมาณการแลกเปลี่ยนทางการค้าของอิหร่านกับโอมานซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย

    อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ทางการเมืองในพื้นที่ยังคงดำเนินอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไป คงเป็นไปได้ยากที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียและคูเวตจะดีขึ้นได้

    ที่มา : yjc.ir

    การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันอย่างไร?
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อิสลามคือศาสนาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่เยาวชนของจีน Category: News & Event Published on Sunday, 12 July 2015 12:30 Written by Islamicstudiesth Team.

    [​IMG]

    จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าประมาณ 23% ของผู้ที่มีความสนใจในศาสนาอิสลามในประเทศจีนเป็นคนหนุ่มเป็นสาว

    สำนักข่าว Mehr รายงานว่า : การเจริญเติบโตของศาสนาแห่งพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาอิสลาม ซึ่งทำให้เกิดความตกตะลึงเนื่องจากผลการวิจัยต่างๆ ในประเทศจีนชี้ให้เห็นว่า คนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่าสามสิบปีของจีน มีความสนใจในศาสนาอิสลามมากขึ้น และกำลังทำการศึกษาเกี่ยวกับศาสนานี้

    ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าประมาณ 23% ของผู้ที่มีความสนใจในศาสนาอิสลามในประเทศจีนเป็นคนหนุ่มเป็นสาว การเข้ารับอิสลามและการปฏิบัติตามศาสนานี้มีจำนวนเพิ่มมากกว่าศาสนาคริสต์ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์

    บนพื้นฐานดังกล่าวในช่วงครึ่งศตวรรษนี้ จำนวนประชากรมุสลิมได้เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งเป็นสิ่งที่อธิบายให้เห็นว่าหลักคำสอนต่างๆ ที่สูงส่งของศาสนานี้เป็นสื่อทำให้เกิดความเลื่อมใสในศาสนานี้ และในแต่ละวันจะมีผู้เข้ารับศาสนานี้มากยิ่งขึ้น

    ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ในประเทศจีนอาศัยอยู่ในจังหวัดซินเจียง แม้จะมีแรงกดดันและข้อจำกัดต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ยังคงยึดมั่นและปฏิบัติตามคำสั่งต่างๆ ของศาสนาของตนอย่างเคร่งครัด

    ในปี 2014 รัฐบาลของซินเจียงได้สั่งห้ามการปฏิบัติศาสนกิจในอาคารต่างๆ ของรัฐบาลและการสวมใส่เครื่องแต่งกายต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา

    ที่มา : mehrnews

    อิสลามคือศาสนาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในหมู่เยาวชนของจีน
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หมอเอก ณ.เชียงราย ได้แชร์โพสต์ของเขาลงในกลุ่ม: ชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่ หัวใจพอเพียง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สระว่ายน้ำ ออร์แกนิคส์
    สวยงาม ประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    ดูคลิ๊ป

    <iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/aNCPA5PQpGA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อุเทน อินฟินิตี้ ได้แชร์โพสต์ของ Nattaya Tpbs ลงในกลุ่ม: เครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ภาคประชาชน PS-EMC

    ผมว่าแล้วต้องตุนน้ำดื่มกันอย่างจริงจังแล้วครับท่าน

    [​IMG]

    สภาพคลองชัยนาท-ป่าสัก ไม่มีน้ำให้สูบทำน้ำประปา 5 อำเภอของจ.สระบุรี ไม่มีน้ำประปา มา 2 วันแล้ว อ.พระพุทธบาท อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.หนองโดน อ.บ้านหมอ อ.เสาไห้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Vda Nong ได้แชร์โพสต์ของ เรารักชลประทาน ลงในกลุ่ม: ภัยพิบัติ ก่อนวันสิ้นยุค

    [​IMG]

    คืบหน้าเปิดทางน้ำ : ด้านคลองระพีพัฒน์ ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ภายหลังจากที่กรมชลประทานใช้เรือขุดเพื่อเปิดทางน้ำสำหรับส่งน้ำให้การประปาส่วนภูมิภาคธัญบุรี เช้านี้ (13 กรกฎาคม 2558 เวลา 03:00 น.) สามารถส่งน้ำเข้าคลองส่งน้ำเพื่อนำไปผลิตน้ำประปาได้แล้ว

    [​IMG]
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ThisIsACoup! ชาวเน็ตรุมจวก “เยอรมนี” เป็นเจ้าหนี้ใจร้ายตั้งเงื่อนไขโหดบีบ “กรีซ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2558 10:02 น. (แก้ไขล่าสุด 13 กรกฎาคม 2558 11:10 น.)

    [​IMG]

    @ชาวกรีซในกรุงเอเธนส์ติดโปสเตอร์ต่อต้านรัฐมนตรีคลัง โวล์ฟกัง ชอยเบิล แห่งเยอรมนี โดยมีเนื้อหาว่า "เขาสูบเลือดเรามา 5 ปี อย่ายอมอีกต่อไป"

    รอยเตอร์ – รัฐบาลเยอรมนีและ โวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเมืองเบียร์ ถูกประชาคมออนไลน์ในยุโรปและทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังประกาศจุดยืนสายเหยี่ยวบีบกรีซให้ต้องยอมรับมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดเพื่อแลกกับแพ็กเกจเงินกู้งวดที่ 3 หรือไม่ก็ต้องยอมออกจากยูโรโซนชั่วคราว

    #ThisIsACoup กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยมอันดับ 2 ในทวิตเตอร์ และสูงที่สุดในเยอรมนีและกรีซ ขณะที่ผู้นำ 19 ประเทศยูโรโซนตั้งโต๊ะถกเครียดกันจนถึงกลางดึกเพื่อโน้มน้าวให้นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซีปราส ยอมรับเงื่อนไขปฏิรูป ไม่เช่นนั้นกรีซก็จะต้องเผชิญภาวะล้มละลาย และออกไปจากกลุ่มประเทศผู้ใช้เงินยูโร

    ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่างวิจารณ์เงื่อนไขของเยอรมนีซึ่งต้องการให้กรีซปฏิรูประบบบริหารตามการชี้นำของอียู และออกกฎหมายใหม่เพื่อขึ้นภาษีและตัดลดเงินบำนาญภายในไม่กี่วันนี้

    พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ก็ออกมาประกาศสนับสนุนกระแส #ThisIsACoup เช่นกัน โดยเขียนไว้ในบล็อกของนิวยอร์กไทม์สว่า “กระแส ThisIsCoup เป็นเรื่องถูกต้องทีเดียว... (ข้อเสนอของเยอรมนี) นั้นยิ่งกว่ามาตรการเข้มงวด แต่เป็นความอาฆาตมุ่งร้ายอย่างแท้จริง เพราะเท่ากับทำลายอธิปไตยของกรีซ และไม่มีหวังที่จะแก้ปัญหาได้”

    “พวกเขาตั้งใจยื่นเงื่อนไขที่กรีซไม่สามารถยอมรับ... แต่อีกทางหนึ่งก็ถือเป็นการทรยศต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเจตนารมณ์ของยุโรป”

    หนึ่งในเงื่อนไขอียูซึ่งเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดคือ การเสนอให้กรีซนำทรัพย์สินสาธารณะ 50,000 ล้านยูโรไปฝากไว้กับกองทุนอิสระในลักเซมเบิร์ก เพื่อป้องกันไม่ให้นักการเมืองกรีซเข้าถึงเงินทุนเหล่านั้น และรายได้จากการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นของเอกชน (privatization) จะถูกนำไปจ่ายคืนหนี้โดยตรง

    [​IMG]

    #ThisIsACoup ดูเหมือนจะมีจุดเริ่มต้นจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อ ซานโดร มักการ์โรเน ซึ่งอ้างว่าตนเป็นครูสอนฟิสิกส์จากเมืองบาร์เซโลนา

    “ข้อเสนอของรัฐมนตรียูโรกรุ๊ปคือการทำรัฐประหารแฝงต่อชาวกรีซ #ThisIsACoup” เขาโพสต์ข้อความเมื่อวานนี้ (12)

    แฮชแท็กของเขามีผู้นำไปใช้ต่อเกือบ 200,000 ครั้งในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง

    “ฉันไม่สนับสนุนยุโรปที่ทำตัวเป็นเจ้าหนี้อันธพาลกับกรีซ #ThisIsACoup” ซูซานน์ มัวร์ คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในอังกฤษ ระบุ

    บาร์บารา ล็อคบีห์เลอร์ สมาชิกรัฐสภายุโรปจากพรรคกรีนส์ในเยอรมนี ได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า “พวกเขาพูดถึงความเชื่อใจ แต่กลับร่างข้อเสนอที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม (กรีซ) เป็นความคิดที่เจ๋งจริงๆ #ThisIsACoup”

    ชาวเน็ตบางคนนำรูป ชอยเบิล มาใส่สัญลักษณ์สวัสดิกะ และนำดวงดาวสีทองบนธงสหภาพยุโรปไปเรียงเป็นสัญลักษณ์นาซี บ้างก็นำภาพถ่ายยุคที่กรีซถูกเยอรมนียึดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเผยแพร่

    ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความคับแค้นใจของชาวกรีซ ซึ่งพร้อมใจกันโหวตเลือกนักการเมืองหัวซ้ายอย่าง ซีปราส ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมกราคม โดยหวังว่ามาตรการรัดเข็มขัดที่เจ้าหนี้บังคับใช้มานานถึง 5 ปีจะสิ้นสุดลง


    #ThisIsACoup!
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กรีซฝ่าวิกฤติ บรรลุข้อตกลงประนีประนอมเงินกู้
    Written by: newmedia2015/07/13 11:18 AM

    [​IMG]

    กรีซ 13 ก.ค. – นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ของกรีซ บรรลุข้อตกลงประนีประนอมเงินกู้กับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศส และนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสหภาพยุโรป ได้แล้ว โดยทั้งหมดเห็นชอบข้อเสนอนอกรอบการประชุมฉุกเฉิน 19 ประเทศสมาชิกยูโรโซน ขั้นตอนต่อจากนี้ไปคือ บรรดาผู้นำชาติสหภาพยุโรป (อียู) จะหารือกันถึงข้อเสนอประนีประนอมอีกครั้ง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด.- สำนักข่าวไทย

    กรีซฝ่าวิกฤติ บรรลุข้อตกลงประนีประนอมเงินกู้ | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กปภ.ธัญบุรีคาดจ่ายน้ำให้ปชช.ในพื้นที่ได้วันนี้ เวลา 20.00 น.
    Written by: newmedia2015/07/13 11:19 AM

    กปภ.สาขาธัญบุรี คาดสามารถสูบ-ผลิต-จ่ายน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ธัญบุรีและใกล้เคียง ได้ในเวลา 20.00 น. วันนี้ (13 ก.ค.58) แต่แรงดันน้ำอาจจะยังไม่เต็มที่

    http://www.tnamcot.com/content/231696
     

แชร์หน้านี้

Loading...