ติดตามสถานะการณ์

17 ตุลาคม 2563
ยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลก 39,565,960 ราย เสียชีวิต 1,108,617ราย
ประเทศไทยมี +4 รายใหม่ เสียชีวิตรวม 59 คน สะสม 3,669 คน
#ชายแดนติดกับไทยยอดติดเชื้อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
พม่า+ 1,137 รายใหม่ เสียชีวิต 799 คน สะสม 33,488 คน
มาเลเซีย +628 รายใหม่ เสียชีวิตรวม 176 คน สะสม 18,758 คน

 

ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน: เราขอขอบคุณอิหร่านอีกครั้ง

ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานกล่าวชื่นชมอิหร่านเมื่อวันศุกร์(16 ตุลาคม)ว่าเตหะรานได้ปิดน่านฟ้าและพรมแดนทางบกเพื่อถ่ายโอนอาวุธไปยังอาร์เมเนีย

Ilham Aliyev ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานปฏิเสธข่าวลือที่เชื่อมโยงการขนส่งอาวุธจากอิหร่านไปยังอาร์เมเนีย โดยกล่าวว่าบากูไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ในการให้สัมภาษณ์กับ Haber TV ของตุรกีเมื่อคืนวันศุกร์ โดยที่เขากล่าวเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีมีการเผยแพร่ภาพการถ่ายโอนอาวุธและกระสุนของรัสเซียและอิหร่านไปยังอาร์เมเนียว่า "เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการส่งอาวุธจากอิหร่านไปยังอาร์เมเนีย; ในทางตรงกันข้ามฉันสามารถพูดได้ว่าอิหร่านและจอร์เจียได้ปิดน่านฟ้าและพรมแดนทางบกเพื่อส่งอาวุธไปยังอาร์เมเนีย "ดังนั้นเราขอขอบคุณรัฐบาลอิหร่านและรัฐบาลจอร์เจียอีกครั้งสำหรับเรื่องนี้"

ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยการทหารของ Ilham Aliyev เคยขอบคุณอิหร่านที่ให้การสนับสนุนชาวอาเซอร์ไบจานในพื้นที่นัคจีวานและสร้างสะพานเพื่อช่วยเหลือภูมิภาคที่ถูกปิดล้อมนี้

ข่าวโลกที่3

https://www.farsnews.ir/news/13990725000550/رئیس-جمهور-آذربایجان-

 

หลังจากโพสต์คลิปบนอินสตาแกรม ก็กลายเป็นไวรัลในเวลาไม่นาน โทรศัพท์มือถือแทบระเบิด มีข้อความเด้งเตือนไม่หยุด บางคนดูคลิปแล้ววิจารณ์ แต่อีกฝ่ายก็ชมในความนิ่ง และไม่วิ่งหนีทันทีทันใด รวมถึง สก็อตต์ รูท จ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้ยูทาห์ ที่กล่าวหลังจากดูคลิปเมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.)ว่า เบอร์เกสทำถูกแล้ว และว่านี่เป็นคลิปการเผชิญหน้ากับสิงโตภูเขาเขย่าขวัญและน่าสะพรึงกลัวที่สุดตั้งแต่เขาทำงานมา 30 ปี และสามารถใช้เป็นอุปกรณ์การสอนได้อย่างดีเยี่ยม ตัวเขาเองนั้นรู้ว่าเมื่อเจอแบบนี้ต้องทำอย่างไร แต่คนทั่วไปเป็นอีกเรื่อง แต่เบอร์เกสทำเกือบถูกทั้งหมด นั่นคือทำตัวให้ใหญ่เข้าไว้ ส่งเสียงข่มและถอยห่างจากจุดนั้น คำแนะนำเดียวที่อยากจะให้คือไม่ควรเดินป่าลำพัง และอาจพกสเปรย์ป้องกันหมีติดไว้ เลี่ยงการเดินป่าตอนรุ่งเช้ากับช่วงเย็น เพราะสิงโตภูเขามักจะออกมาในช่วงนั้น

 

"ซินแสเข่ง" ผ่าดวง ผู้นำ คณะราษฎร - ผู้นำ รัฐบาล ใครจะอยู่หรือใครจะไป 14 ตุลาคม 2563 - 17:18 น.

ติดตามข่าวสารผ่าน 'คมชัดลึก' Line Official
ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิเคราะห์ 3 แกนนำ คณะราษฎร ยังไม่ถึงวาระ ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลง ประเทศ พลิกแผ่นดินประเทศไทย ซึ่งกำลังนั้นจะหนักเกินไป

ซินแสเข่ง ผ่าดวงวิเคราะห์ ผู้นำ คณะราษฎร และผู้นำ รัฐบาล ว่าใครจะอยู่หรือใครจะไป 14 ตุลาคมนี้ ดวงผู้นำ รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในดวงชะตานั้น ถึงแม้นจะมีผลกระทบ ต่อปีเกิด ก่อให้เกิดปัญหาความวุ่นวาย สร้างความขัดแย้ง แตกแยก สับสนไม่เข้าใจ ที่มีผลกระทบเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีประยุทธ์จันทร์โอชา ต้องประคองตัวเองให้ผ่าน วันนี้ถือว่าเป็นวันที่เสริมดวง เปรียบเสมือน ดินคู่ฟ้า ฟ้าคู่ฝน หยินคู่หยาง มีความสมพงษ์กัน ก่อให้เกิดความมั่นคงเกิดขึ้น

ซินแสเข่ง อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการ สถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์ แห่งประเทศไทย วิเคราะห์ ส่วนเพนกวิน หนึ่งในผู้นำคณะราษฎร วัย 22 ปี ช่วงปีนี้ รอบอายุเข้าเคราะห์ ระวังมีเรื่องขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง มีปัญหาก่อให้เกิดการแตกแยกวุ่นวาย และต้องคดีความ

ส่วนรุ้ง ปนัสยา แกนนำหญิงวัย 22 ปี ในช่วงระหว่างเดือนตุลานี้ ถือว่าเป็นเดือนที่เบียดเบียน ให้เดือดเนื้อร้อนใจ กับเรื่องที่ไท่เป็นเรื่อง ก่อมห้เกิดคสามวิตกกังวลอึดอัด ไร้สาระไม่เป็นเรื่องไม่เป็นราว ทำให้ไม่ได้ดั่งใจที่คาดหวัง ระวังจะอยู่ไม่ได้เพราะการกระทำของตนเอง

ส่วนทนายอานนท์ นำภา ปีนี้จะไม่ใช่ปีเสริม ช่วงจังหวะรอบอายุเข้าเคราะห์ ขัดแย้ง แตกแยกวุ่นวาย ให้เดือดเนื้อร้อนใจ ถึงแม้นปีไม่ได้มีผลกระทบ ในปัญหาที่เกิดขึ้น ในช่วงระหว่างปีนี้ไม่ดี แต่ปี 2564 ถือว่าเป็นจังหวะและโอกาส

ซินแสเข่ง กล่าวเพิ่มเติมว่าแต่ในดวงชะตาของทนายอานนท์ มีผลกระทบ ต่อนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ สร้างความสับสน ก่อให้เกิดการปะทะ พูดจากัน ไม่รู้เรื่อง

ด้วยเหตุนี้ การที่คณะราษฎร จะประสบความสำเร็จนั้นก็คงยาก อีกประการหนึ่งด้วยอายุที่ยังน้อยอยู่ ของเพนกวิน รุ้ง ปนัสยา และทนายอานนท์ ยังไม่ถึงวาระ ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลง ประเทศ พลิกแผ่นดินประเทศไทย ซึ่งกำลังนั้นจะหนักเกินไป

ตามหลักโหราศาสตร์จีน และอาจจะมีผล สะท้อนกลับไปที่ ตัวบุคคล ของคณะราษฎรก็ได้ ดังนั้นในวันที่ 14 ตุลาคม นี้ ถือว่าเป็นช่วงจังหวะ วันที่แข็งที่สุด และเป็นวันและเดือนที่เกื้อกูล ต่อนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้มีความมั่นคงเกิดขึ้น ก่อให้เกิด ความเข้มแข็งของวงประเทศ บ้านเมือง ที่ไม่สามารถ จะทำลายได้

 

ส.ว.พันธมิตรของผู้นำบราซิลถูกจับซุกเงินต้องสงสัยในกางเกงในและร่องก้นเป็นแสน ขณะถูกสอบเงื่อนงำงบโควิด

กระทรวงสื่อสารบราซิลแถลงว่า ตำรวจบุกตรวจค้นบ้านของนายชิโค โรดริเกส สมาชิกวุฒิสภา จากรัฐโรไรมา ทางเหนือของประเทศ อันเป็นส่วนหนึ่งการสอบสวนทุจริตงบรับมือโควิด-19 จำนวน 20 ล้านเรอัล (ราว 112 ล้านบาท) ขณะสื่อหลายสำนักรายงานเรื่องนี้กันอย่างครึกโครม โดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่พบเงิน 1 แสนเรอัล (ราว 5.5 แสนบาท) ในบ้านของเขา ในจำนวนนี้ พบซุกอยู่ในกางเกงใน และระหว่างร่องก้น 3 หมื่นเรอัล (ราว 1.6 แสนบาท)

เวบข่าว UOL ในบราซิล รายงานว่า บันทึกของตำรวจลงรายละเอียดการเข้าตรวจค้นบ้านของส.ว.รายนี้ ว่า กางเกงในนูนออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยม “เมื่อถูกถามเป็นครั้งที่สาม ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว ส.ว.โรดริเกซ จึงสอดมือเข้าไปในกางเกงในแล้วดึงเงินออกมาเป็นฟ่อน"

ด้าน เรวิสตา ครูโซ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Estado de São Paulo ที่รายงานเรื่องนี้เป็นสำนักแรก ให้รายละเอียดเพิ่มอีกว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ประหลาดที่สุด ธนบัตรจากก้นของส.ว.บางส่วนเปื้อนอุจจาระด้วย เป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง

ชาวบราซิลแชร์ข่าวนี้และล้อเลียนกันกระหึ่มใต้แฮชแท็ก #PropinaNaBunda (สินบนอยู่ในก้น)

หลังตรวจค้นพบเงินสดต้องสงสัย ส.ว.โรดริเกซ ถูกผู้พิพากษาศาลสูง ลุยส์ โรแบร์โต บาร์โรโซ สั่งระงับการทำหน้าที่ 90 วัน ส่วนจะเปลี่ยนจากพักงานเป็นถาวรหรือไม่ ให้เป็นการตัดสินใจของวุฒิสภา ผู้พิพากษาระบุในคำตัดสินว่า ตร.มีคลิปวิดีโอการตรวจค้นที่ตัว แต่เมื่อพิจารณาจากลักษณะการซุกซ่อนเงินในเสื้อผ้าชั้นในของส.ว.โรดริเกซ จึงไม่ขอนำเสนอภาพประกอบในรายงานเพื่อไม่ก่อความอับอาย

ด้าน ส.ว.โรดริเกซ วัย 69 พันธมิตรของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลานารู ยืนยันแค่ว่าถูกตรวจค้นบ้าน แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดและยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขามีประวัติขาวสะอาด ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวใดๆ ขณะที่ประธานาธิบดีโบลซานารู กล่าวว่า ปฏิบัติการของตำรวจที่รัฐโรไรมา เป็นตัวอย่างว่ารัฐบาลของเขาจริงจังกับการปราบคอรัปชั่นไม่ว่าจะเป็นใคร แต่สื่อพยายามใช้เรื่องราวของส.ว.โรดริเกซ เหมารวมรัฐบาลของเขาว่าทุจริต

 

Oct 17, 2020 ใส่เกียร์ถอยยาเรมดิซีเวียร์ WHO ยันไม่ช่วยลดยอดเสียชีวิต อียูจะอนุมัติวัคซีนต้านโควิดต้นปี 65
.
แอนซ่า ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังในสเปน รายงานว่า นาย Guido Rasi กรรมการอำนวยการ คณะกรรมการองค์กรเวชภัณฑ์แห่งยุโรป หรือ EMA เตรียมพิจารณาและอนุมัติวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2564 หากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอย่างราบลื่น จะสามารถอนุมัติวัคซีนได้ถึง 3 ประเภทภายในเดือนแรกๆของปี 2564
.
ด้านองค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงว่า ยารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีชื่อว่าเรมดีซิเวียร์ (Remdesivir) ไม่มีผล หรือไม่สามารถลดอาการป่วยโรคโควิด-19 ของผู้ป่วยได้ รวมถึงไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ด้วย การแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากนักวิทยาศาสตร์อิสระที่มีชื่อว่า นายริชาร์ด เปโต ซึ่งได้รับการว่าจ้างจาก WHO ให้ติดตามและประเมินผลการรักษาด้วยยาเรมดีซิเวียร์ ได้สรุปผลการรักษาของยาดังกล่าว
.
ในขณะเดียวกัน ไฟแนนเชียล ไทม์ สื่อด้านเศรษฐกิจการเงินการลงทุนชื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ WHO นายโซมยา สวามินาธาน เปิดเผยว่า ผลการทดลองและติดตามสรรพคุณของยา 4 ชนิด ได้แก่ เรมดีซีเวียร์ ไฮดรอกซี่โคลโรควิน โลพินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ และอินเตอร์เฟอรอน ที่ใช้รักษากับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลเป็นจำนวน 11,266 ราย มีผลการรักษาที่ไม่สามารถลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคโควิด-19 องค์การอนามัยโลกยุติการทดลองรักษาด้วยยาไฮดรอกซี่โคลโรควิน โลพินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เมื่อเดือนมิถุนายน ส่วนยาที่เหลือใช้ทดลองรักษากับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลกว่า 500 แห่งใน 30 ประเทศ

ขณะที่บริษัทเวชภัณฑ์ชื่อดัง จีลีด (Gilead) ไซแอนซ์ อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกา และได้นำยาเรมดีซิเวียร์ไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ ได้ตั้งคำถามกับผลการประเมินของนักวิทยาศาสตร์อิสระคนดังกล่าว รวมถึงองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ซึ่งไม่มีความต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้ นายยานนิส แนทซิส ตัวแทนจากคณะกรรมการองค์กรเวชภัณฑ์แห่งยุโรป หรือ EMA ได้เรียกร้องให้กลุ่มสหภาพยุโรปทบทวน หรือเจรจาใหม่กับข้อตกลงในการสั่งซื้อยารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีชื่อว่าเรมดีซีเวียร์ มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 38,400 ล้านบาท กับบริษัท จีลีด ซึ่งได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยในสัปดาห์ที่ผ่านไป โดยจะมีการจัดส่งยาดังกล่าวในช่วงเวลา 6 เดือน เป็นจำนวน 500,000 ชุด ในราคา 2,070 ยูโรต่อชุดการรักษา หรือกว่า 76,590 บาท

#วัคซีน #เรมดีซีเวียร์ #โควิด19 #misterban

 

ทะเลโลกพินาศ วิจัยเผย อุณหภูมิมหาสมุทรร้อนหนักกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้! เหตุโลกร้อน อันตรายสัตว์น้ำ ทำนำ้แข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เฮอริเคนหนัก
•
ไม่พ้นแม้แต่ในสถานที่ที่มืดสนิท น้ำที่แทบจะเย็นจนถึงจุดเยือกแข็งใต้ก้นทะเล ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากสถานที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ รวมถึงห่างไกลจากการเผาไหม้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล กำลังค่อย ๆ อุ่นขึ้นเรื่อย ๆ
•
อุณหภูมิสูงขึ้นเร็วกว่าที่เคยคาดไว้ จากบันทึกระดับความลึกที่แตกต่างกันทั้งสี่แห่งในมหาสมุทรแอตแลนติกนอกชายฝั่ง Uruguay ระหว่างช่วง 2009 - 2019 พบว่าน้ำในความลึกระหว่าง 1,360 และ 4,757 เมตร อุ่นขึ้น 0.02 - 0.04 องศาเซลเซียส ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงจะดูเล็กน้อย แต่ก็มีนัยสำคัญมาก
•
นักวิทยาศาสตร์ได้อาศัยการรวบรวมข้อมูลภาพรวมของทุก ๆ 10 จากเรือวิจัย และแบบจำลองสภาพอากาศ ทำให้พบว่าจะมีมลพิษทางภูมิอากาศสูงในมหาสมุทรที่ลึกมากขึ้นภายในสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเลลึก
•
90% ของความร้อนที่โลกดูดซับจะถูกดึงไปสู่มหาสมุทร ถึงแม้ว่ามันจะอุ่นอย่างช้า ๆ แต่ความร้อนก็ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้พายุเฮอริเคนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
•
จากการเปรียบเทียบกันระหว่างอุณหภูมิบนพื้นดินและพื้นน้ำของโลกพบว่าอุณหภูมิในปัจจุบันร้อนขึ้นเร็วกว่ามาก ข้อมูลจาก NOAA ระบุว่า ในปี 2009 อุณภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 0.56 องศาเซลเซียส แต่ในปี 2019 อุณหภูมิกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่า 0.95 องศาเซลเซียส
•
อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการศึกษาผลกระทบในระยะยาวที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากอุณภูมิในส่วนที่ลึกของมหาสมุทรจำเป็นที่ต้องใช้เวลาเป็นปี และหวังว่าการศึกษาในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ผู้อื่นช่วยกันตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิเช่นกัน
•
Meinen กล่าวว่า ถ้าหากเรามีระบบในการสำรวจมหาสมุทรที่ดีกว่านี้ อาจสามารถช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถพยากรณ์สภาพอากาศได้อย่างแม่นยำกว่านี้ และเป็นผลดีต่อทางด้านการเกษตรที่จะเลือกฤดูในการเพาะปลูกอีกด้วย
•
https://www.theguardian.com/environ...t-of-heat-even-deepest-ocean-is-warming-study

https://agupubs.onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1029/2020GL089093

 

ให้ธรรมชาติช่วย วิจัยพบพื้นที่สีเขียวช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันเด็กได้! คาดเพราะเด็กที่เล่นในที่สีเขียว พัฒนาจุลินทรีย์ที่หลากหลายมากกว่า
•
พื้นที่สวนสาธารณะสำหรับเด็กเล่นเมื่อถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สีเขียวมากขึ้นหรือจนกระทั่งเป็นป่าขนาดย่อม จะสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเด็กดีขึ้นได้ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เด็กจะสามารถพัฒนาจุลินทรีย์ที่มีความหลากหลายบนผิวหนังและในลำไส้ได้มากกว่าเด็กที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลากลางแจ้ง
•
ทั่วตะวันตกอัตราการเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (autoimmune diseases) เพิ่มสูง
ขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับโรคหอบหืด โรคผิวหนังอักเสบ โรคเบาหวาน โรคลำไส้อักเสบ และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) ซึ่งโอกาสที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังกล่าวนั้นเกี่ยวเนื่องกับสุขอนามัยของเด็ก ๆ ที่ได้สัมผัสกับจุลินทรีย์น้อยลงกว่าในอดีต ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเจอกับความท้าทายที่น้อยกว่า จึงอาจก่อให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้
•
นักวิจัยระบุว่าจากการทดลองแสดงให้เห็นว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมนอกเมืองจะสามารถปรับตัวได้ง่ายในแต่ละสภาพแวดล้อมมากกว่า
•
ความผิดปกติที่เกิดเพิ่มขึ้นของระบบภูมิคุ้มกันในประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองของตะวันตก เกิดจากกลไกของระบบภูมิคุ้มกันที่ล้มเหลว ซึ่งจากการศึกษานี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าหากเราปล่อยให้เด็กได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มีความหลากหลายมากกว่า สามารถช่วยเพิ่มกลไกการควบคุมที่จำเป็นได้
•
ซึ่งการศึกษาได้รับความร่วมมือจากเด็ก 75 คนในสองเมืองของฟินแลนด์ ซึ่งทำให้พบความแตกต่างที่ชัดเจน โดยพบว่าเด็กที่ได้ใช้เวลาท่ามกลางสภาพแวดล้อมธรรมชาติอย่างพืชและดินวันละ 90 นาที เป็นเวลา 28 วันพบความหลากหลายของจุลินทรีย์บนผิวหนังและในลำไส้มากกว่าเด็กที่เล่นอยู่แต่ในสนามหินกรวด ซึ่งผลจากการตรวจเลือดยังแสดงให้เห็นอีกว่าการเปลี่ยนแปลงมีประโยชน์ต่อโปรตีนและเซลล์ในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
•
ดังนั้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจึงมีความจำเป็นต่อเด็กไม่ว่าจะในเรื่องของพัฒนาการที่เคยการศึกษาก่อนหน้าได้เคยระบุไว้ รวมไปถึงเรื่องสุขภาพของเด็ก ๆ
•
https://www.theguardian.com/environ...boost-childrens-immune-systems-research-finds

https://advances.sciencemag.org/content/6/42/eaba2578

 

รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson แบบไฟฟ้า เท่แบบลดมลพิษ
•
ดีไซเนอร์ tanner van de veer ได้ทำคอนเซป harley-davidson ใหม่ แบบไฟฟ้าที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ไม่ติดกับแบรนด์มาก่อน
•
ผลที่ออกมาจึงเป็นรถในรูปแบบใหม่ ที่ใช้เอกลักษณ์ของแบรนด์เพื่อรักษาความเป็น harley davidson
•
สิ่งที่แตกต่างออกไปของคอนเซปนี้คือตัวรถไม่มีเสียงดัง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ้งรถไฟฟ้านั้นเป็นที่พึ่งพอใจของกลุ่มคนรุ่นใหม่
•
คอนเซปรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านี้จะเท่ห์ขนาดไหนไปดูกันได้เลย
•
ที่มา

https://tannervandeveer.com/harley-davidson-revival-in-progress

https://tannervandeveer.com

https://www.designboom.com/technology/tanner-van-de-veer-revival-harley-davidson-09-28-2020/

 

กรมทางหลวง ยืนยันการก่อสร้างถนนพระราม 2 เสร็จ 83% คาดเดือนธันวาคมนี้ ได้ใช้แน่นอน ล้างฉายาถนนเจ็ดชั่วโคตรเสียที

 

นายกญี่ปุ่นคนใหม่ดำรงตำแหน่งครบ 1 เดือนแล้ว !!

นายกรัฐมนตรีซูงะ โยชิฮิเดะ ของญี่ปุ่นให้คำมั่นสัญญากับประชาชนหลังครบรอบหนึ่งเดือนว่าจะให้ประชาชนจะได้รู้สึกถึงผลดีจากการปฏิรูปใหม่ๆที่เขากำลังปฏิบัติอยู่ และเขายังกล่าวด้วยว่าจะรับมือประเด็นต่างๆอย่างหนักแน่นมั่นคงตามที่เขาให้สัญญากับประชาชนในตอนที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 1 เดือนในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม (วันนี้) ซึ่งตนกล่าวว่าเวลานั้นได้ผ่านไปเร็วเหลือเกิน..

อ้างอิง : https://www3.nhk.or.jp

 

ฮ่องกงเอากับเขาด้วย เกาะกระแส Flight to Nowhere หลังอุตสาหกรรมการบินของประเทศยังซบเซา

 

#news1feed ผู้ว่าฯ ตากประชุมด่วน ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อชายแดนแม่สอด วางแนวทางล็อกดาวน์คุมพื้นที่สกัดโควิด หลังพบสองสามีภรรยาชาวพม่าติดเชื้อ-คนใกล้ชิดเสี่ยงสูงต้องส่งกักตัวอีก 9 ราย จนคนแม่สอดผวากันทั้งอำเภอ

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000105829
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

“ปืนฉีดน้ำไม่ใช่ประชาธิปไตย
มันคือเครื่องหมายของความรุนแรง”
ดีทริช แวกเนอร์ อดีตวิศวกรชาวเยอรมันกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เขาโดนตำรวจใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าที่ตาจนเขาต้องตาบอดไปตลอดชีวิต

ในปีค.ศ.2010 ดีทริชไปเข้าร่วมต่อต้านการต่อเติมสถานีรถไฟเมืองสตุ๊ตการ์ต ประเทศเยอรมนี ซึ่งต้องมีการโค่นต้นไม้ออกเป็นจำนวนมาก

ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาและประชาชนกว่า 100 คน บาดเจ็บจากปืนฉีดน้ำแรงดันสูงที่ตำรวจเยอรมันนำมาลองใช้ คนอื่นอาจรักษาจนหาย แต่เขาต้องตาบอดไปตลอดชีวิต

“ผมรู้สึกเหมือนถูกต่อยอย่างแรงเข้าที่หน้า จากนั้นผมหงายหลังลงไปอย่างแรงจนหมดสติ ผ่านไปสักพักผมจึงเริ่มมีสติขึ้นมาได้ คนที่พยุงผมบอกว่าหน้าของผมเต็มไปด้วยเลือด แต่ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ผมเปิดตาขึ้นมาไม่ได้ แล้วผมก็เห็นเพียงแค่สีดำ”
ดีทริชกล่าวถึงช่วงเหตุการณ์นั้น

แม้ดีทริชจะเข้ารับการผ่าตัดดวงตาถึง 6 ครั้ง แต่ถึงกระนั้นดวงตาของเขาก็ยังคงแทบบอดสนิท ปัจจุบันเขามองเห็นแค่5%ที่ตาขวา ซึ่งเป็นแค่แสงจางๆที่ระบุไม่ได้ว่ามันคืออะไร

“เปลือกตาของผมฉีกขาด แก้วตาเสียหายอย่างรุนแรง ปืนฉีดน้ำไม่ใช่ประชาธิปไตย มันคือเครื่องหมายของความรุนแรง และพวกมันมักถูกพิจารณาว่าไม่รุนแรงเหมือนที่มันเป็นจริงๆ”

หลังจากเหตุการณ์นี้ ประเทศเยอรมนีแทบจะเลิกใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงไปเลย และดีทริชก็พยายามเดินทางไปทั่วยุโรปเพื่อรณรงค์ไม่ให้รัฐบาลนำสิ่งนี้มาทำร้ายประชาชนและเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้ขึ้นอีก

เซอร์ เบอร์นาร์ด โฮแกน อธิบดีกรมตำรวจอังกฤษกล่าวถึงการใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงต่อประชาชนว่า
“ถึงแม้ว่าหลายประเทศจะมี แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะใช้มันกับประชาชน คุณจะเห็นมันได้ยากมากถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของชาติจริงๆ”

 

ไปกันใหญ่แล้ว

เดี๋ยวๆ นิเคอิ จะมาพาดหัวว่าเราเป็นเมืองทาสไม่ได้นะ!!

 

Oct 17, 2020 ไม่มีวันหยุดทำลายสถิติ โควิด-19 เจาะลามหนักสหรัฐถึงยุโรป ยอดนอนโรงพยาบาลสุดๆในกว่า 5 เดือน ยอดเสียชีวิตเข้าขั้นหยุดไม่อยู่
.
ส่งท้ายวันศุกร์ (ตามเวลาในต่างประเทศทางซีกโละตะวันตก) กับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ยังคงเผชิญภาวะการระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการทำสถิติติดมากที่สุดใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เกิดการระบาดของแต่ละประเทศเป็นต้นมา
.
สหรัฐอเมริกา: ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐ หรือ CDC เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ทะยานขึ้นถึง 71,963 ราย ทำสถิตมากที่สุดในรอบ 1 วันในรอบ 2 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่กรกฎาคมผ่านมา ส่งผลจำนวนติดสะสมในสหรัฐอเมริกาเป็น 8,288,278 ราย เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 927 รายในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 223,644 ราย เป็นอันดับที่ 1 ของโลกเช่นกัน ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ที่รัฐวิสคอนซินในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันเช้าวันนี้ 16 ตุลาคม มีจำนวน 3,861 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุด ตั้งแต่เกิดโรคระบาดเป็นต้นมาในรัฐดังกล่าว ซึ่งพื้นที่ภาคตะวันตกส่วนกลางของสหรัฐเป็นศูนย์กลางการระบาดโรคโควิด-19
.
ฝรั่งเศส: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศฝรั่งเศสทะยานขึ้นถึง 1,225 ราย ทำสถิติมากที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือนกว่า หรือตั้งแต่เดือนเมษายน นอกจากนี้ จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลสะสมเป็น 10,042 ราย ทำสถิติมากกว่า 10,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนผ่านมา เช่นเดียวกับจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 เข้าขั้นอาการโคม่าสะสม ทะยานขึ้นแตะ 1,800 ราย ทำสถิติมากที่สุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม หรือในรอบ 4 เดือนครึ่ง ส่งผลให้เกิดความกังวลในความสามารถในการรองรับและรักษาผู้ติดโรคโควิด-19 ในฝรั่งเศส
.
ขณะที่ จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 25,086 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ตั้งแต่เกิดโรคระบาดในประเทศเป็นต้นมา ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสม 834,770 ราย อยู่อันดับที่ 10 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 178 รายในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 33,303 ราย อยู่อันดับ 9 ของโลก
.
สหราชอาณาจักร: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วสหราชอาณาจักร ทะยานขึ้นเป็น 5,863 ราย ทำสถิติมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ซึ่งสูงสุดในรอบ 4 เดือนกว่า ขณะที่ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ พบว่าสถิติการติดโรคโควิด-19 รายวันในอังกฤษเฉลี่ยวันละ 27,900 รายในช่วงสัปดาห์ผ่านมา สำหรับพื้นที่ศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่ตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ นอกจากนี้ อัตราการระบาดโรคโควิด-19 ในอังกฤษเพิ่มขึ้น ล่าสุดพบว่า อัตราการระบาด หรือ อาร์เรต อยู่ที่ 1.3-1.5 หมายถึงทุกๆ 10 คนที่ติดโรคโควิด-19 จะทำให้เกิดการติดเชื้อระหว่าง 13-15 คนในอังกฤษ จากเดิมอยู่ที่ 12-15 คน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
.
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมประกาศใช้มาตรการปิดล็อคพื้นที่เป้าหมายที่เกิดการระบาดโรคโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้น โดยแบ่งระดับความเข้มข้นในการปิดล็อค 3 ระดับ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงยืนยันที่จะไม่ปิดล็อกเมืองทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 2 ท่ามกลางบรรดานักการเมืองเป็นส่วนใหญ่เห็นตรงกันที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษปิดล็อคประเทศครั้งที่ 2 เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดรอบที่ 2 ที่เกิดขึ้นทั่วสหราชอาณาจักรในขณะนี้
.
เยอรมนี: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันเช้าวันนี้ 16 ตุลาคม มีจำนวน 7,938 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุด ตั้งแต่เกิดโรคระบาดในประเทศเป็นต้นมา และยังทำลายสถิติใหม่ใน 24 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 อีกด้วย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสม 356,792 ราย อยู่อันดับที่ 18 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 26 รายในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 9,836 ราย
.
อิตาลี: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 10,010 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดตั้งแต่เกิดโรคระบาดในอิตาลี และทำสถิติพุ่งเกินกว่าวันละ 10,000 คนเป็นครั้งแรก ทำให้มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสม 391,611 ราย กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดโรคโควิด-19 มากเป็นอันดับ 4 ของยุโรป และเป็นอันดับที่ 16 ของโลก ขยับขึ้น
1 อันดับในชั่วข้ามวัน ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นอีก 55 ราย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมรวมเป็น 36,427 ราย ทำสถิติประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 ในยุโรป

รัสเซีย: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันเช้าวันนี้ 17 ตุลาคม มีจำนวน 15,150 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในรัสเซียเป็นต้นมา ทำให้จำนวนติดโรคโควิด-19 สะสมเป็น 1,369,313 ราย อยู่อันดับที่ 4 ของโลก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรอบ 1 วันผ่านมาที่ 232 ราย ส่งตัวเลขสะสมมาอยู่ที่ 23,723 ราย
.
สาธารณรัฐเชค: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 11,102 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยับทำสถิติติดมากกว่า 10,000 รายเป็นครั้งแรก และมากกว่า 9,000 ราย เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันด้วย ทำให้จำนวนติดโรคโควิด-19 สะสมเป็น 160,112 ราย อยู่อันดับที่ 31 ของโลก เพิ่มขึ้น 2 อันดับภายใน 1 วันผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรอบ 1 วันผ่านมาที่ 53 ราย ส่งตัวเลขสะสมมาอยู่ที่ 1,283 ราย
.
เนเธอแลนด์ส: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 7,997 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในประเทศเป็นต้นมา และทำสถิติติดมากที่สุดตั้งแต่มีมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังทำสถิติติดเพิ่มขึ้นมากกว่าวันละ 7,000 คนเป็นครั้งที่ 4 ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 สะสม 211,938 ราย อยู่อันดับที่ 26 ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 29 รายในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็น 6,708 ราย

เบลเยียม: กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 10,192 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังทำสถิติติดมากกว่า 10,000 รายเป็นครั้งแรก ทำให้จำนวนติดโรคโควิด-19 สะสมเป็น 191,959 ราย อยู่อันดับที่ 28 ของโลก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในรอบ 1 วันผ่านมาที่ 32 ราย ส่งตัวเลขสะสมมาอยู่ที่ 10,327 ราย

#ยุโรป #โควิด19 #โควิดรอบ 2 #misterban

 

ยูเอ็นกังวล รบ.ไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังม็อบชุมนุมอย่างสันติ
สหประชาชาติกังวล รบ.ไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ ชี้เป็นผลเสียต่อเสรีภาพในการแสดงออกขั้นพื้นฐาน หลังการชุมนุมหนึ่งวันก่อนหน้า ส่วนใหญ่ดำเนินไปอย่างสันติ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

เมื่อ 16 ต.ค.63 (ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.ราวินา ชัมดาซานี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights) หรือ UNHR กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติแสดงความกังวลต่อกรณีรัฐบาลไทยได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ทั้งที่การชุมนุมในวันก่อนหน้านั้น การชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่ได้ดำเนินไปอย่างสันติ และทางการไทยก็ได้เคารพพื้นที่ในการแสดงออกซึ่งเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ

UNHR มีความกังวลการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อเสรีภาพในการใช้สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งได้รับการรับรองในพันธสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก

 

หนักแล้ว

น.ส.ราวินา ชัมดาซานิ โฆษกสำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ โดยแสดงความกังวลเรื่องที่ทางการไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ชี้จะส่งผลเสียต่อการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

 

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตัดสินใจปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่พังทลาย “ลงสู่ทะเล” โดยคาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือนนี้ตามรายงานของสื่อญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
.
ทาง Tokyo Electric Power Company ได้รวบรวมน้ำที่ปนเปื้อน “มากกว่าหนึ่งล้านตัน” เนื่องจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมปี 2011
.
ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มอุตสาหกรรมการประมงของญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้รัฐบาลระงับแผนการของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฟูกูชิมะที่จะทิ้งน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีลงสู่ทะเล เนื่องจากวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อการประมง และจะทำให้ประเทศต่างๆสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการประมงจากญี่ปุ่น
.
แต่ทางด้านของรัฐบาลญี่ปุ่นได้ชี้แจงว่า การทิ้งน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฟูกูชิมะลงในมหาสมุทรแปซิฟิกจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ “เพียงเล็กน้อย” เท่านั้น
.
และทางด้านของกระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ระบุว่า Tokyo Electric Power Company ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จำเป็นต้องทิ้งน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฟูกูชิมะลงในมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากทางบริษัท “ขาดแคลนสถานที่ในการกักเก็บปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัด” ดังกล่าว
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source :https://www.aljazeera.com/news/2020...adioactive-fukushima-water-into-the-sea-media
.
#ThailandState #ThailandStateUpdate

 

บุกสาดขี้ ร้านอาหารที่พักพิงกลุ่ม #ประท้วงฮ่องกง ใน #ไต้หวัน สุมไฟการเมืองเลือกข้าง
.
ร้าน "ร่มคุ้มภัย" หรือ "เป่าฮู่ส่าน" ที่ชาวฮ่องกงในไต้หวันตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่ทำงานให้กับกลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกง ที่ลี้ภัยไปยังไต้หวัน ถูกชายนิรนามบุกนำมูลไก่สาดไปทั้งห้องครัว และทั่วร้าน เมื่อเวลาราว 11 น. วานนี้ (16 ต.ค.)
.
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็น ชายสวมเสื้อสีดำและหน้ากากปิดปิดใบหน้า บุกมาสาดสิ่งสกปรกจนคละคลุ้งไปทั่ว เหตุทั้งหมดใช้เวลาเพียงราวนาทีเดียว เมื่อก่อเหตุแล้วก็หลบหนีไป ทางร้านต้องปิดเพื่อทำความสะอาด 2วัน
.
รัฐบาลไต้หวันประกาศสนับสนุนการประท้วงฮ่องกง โดยเปิดทางให้ผู้ประท้วงลี้ภัยในไต้หวันได้ และขยายเวลาพำนักของชาวฮ่องกงที่มายังไต้หวัน ทว่าก็ขยายความขัดแย้งทางการเมืองในไต้หวัน ที่แบ่งข้างอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ตามพรรคการเมืองหลัก คือ พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ที่มีจุดยืนต้านจีน และพรรคก๊กที่ประนีประนอมกับจีน.