ติดตามสถานะการณ์

รถบรรทุกน้ำ นำเข้าจากเกาหลีใต้ คันละ 25 ล้าน
.
รถบรรทุกน้ำ หรือจีโน่ ที่ใช้ในการสลายการชุมนุม บริเวณแยกปทุมวัน สามารถบรรจุน้ำได้ 12,000 ลิตร มีกระบอกฉีดน้ำบนหลังคารถ มีระยะฉีดสูงสุด 65 เมตร
.
สามารถปรับระดับการฉีดได้รอบคัน รวมทั้งสามารถใส่สีในน้ำ เพื่อทำให้ผู้ถูกฉีดมีสีติดตามตัว และเสื้อผ้าเพื่อให้เป็นที่สังเกตได้
นอกจากนั้น ยังมีเครื่องเสียงควบคุมฝูงชน LRAD ติดตั้งแก๊สน้ำตา โฟมดับไฟ
.
ส่วนล้อ เป็นล้อกันกระสุน มีตะแกรงป้องกันกระจกรอบคัน มีคันกั้นเหล็กหน้ารถไว้เคลียร์พื้นที่ ที่มีสิ่งกีดขวาง โดยรอบตัวรถจะมีกล้องวงจรปิดติดตั้งรอบคันเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ รอบทิศทาง
.
โดยรถบรรทุกน้ำที่นำมาใช้ในภารกิจนี้ นำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ในราคาคันละ 25 ล้านบาท อยู่ภายใต้ความดูแลของกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน เพื่อใช้ในการควบคุมการชุมนุมตามขั้นตอนสากล

 

ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจง 2 คนไทย จ.ตาก ติดโควิด-19 ข้อเท็จจริง คือ ชาวพม่า ที่มาอยู่ในประเทศไทย โดยทั้งคู่ได้ถูกนำตัวไปรักษาที่ รพ.แม่สอด เรียบร้อยแล้ว

 

เพราะฝนตกหนักและเกิดแผ่นดินถล่ม
ได้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง
และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 15 ราย
ในกรุงไฮเดอราบาด
ประเทศ...อินเดีย

CR: TiempoExtremoNo

 

สโลแกน หาเสียง

ไบเดน : อิหร่านใกล้จะได้ครอบครองอาวุธ(ระเบิด)นิวเคลียร์

ทรัมป์ : หลังจากที่ฉันได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โทรศัพท์สายแรกจะมาจากอิหร่าน!!??!!

ข่าวโลกที่3

 

กัมพูชา : อ่างเก็บน้ำในจังหวัด กัมปงสะปือแตก ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ กรุงพนมเปญ 70 กม. อ่างเก็บน้ำความจุ 5ล้านลูกบาศก์เมตร ฝนตกหนักน้ำเกินความจุทำให้แตก

 

#ด่วนที่สุด ชาวอ.ปักธงชัย-โชคชัย
เตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่ จากเขื่อนลำพระเพลิง

เมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 20.30 น.
ได้มีการประกาศด่วน เตือนให้ชาวบ้านเตรียมรับมือ
มวลน้ำเนื่องจากน้ำในเขื่อนลำพระเพลิง เพิ่มสูงขึ้นมาก

โดยขอให้ประชาชนใน อ.ปักธงชัย และ อ.โชคชัย
เก็บข้าวของขึ้นที่สูง #มีตำบลเสี่ยงดังนี้
ต.ลำนางแก้ว ต.ตะขบ ต.สุขเกษม ต.งิ้ว ต.ดอน
ต.นกออก ต.เมืองปัก ต.ท่าลาดขาว ต.พลับพลา
ต.กระโทก และ ต.โชคชัย

 

#ฝากเเจ้งข่าวด่วน
เขื่อนลำพระเพลิง #ปักธงชัย น้ำล้นสปิลเวย์เเล้ว

เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 ต.ค. 63)
เนื่องจากมีฝนตกหนักเมื่อคืน(15ต.ค.63)
โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัย
ในพื้นที่ลุ่มต่ำอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยโดยด่วน

มี 7ตำบล ดังนี้
ตำบลลำนางแก้ว,ตำบลตะขบ,ตำบลสุขเกษม,
ตำบลงิ้ว,ตำบลนกออก,ตำบลดอน และตำบลเมืองปัก

 

การบินไทยไม่ไหวแล้ว เปิด 2 ทางเลือก "จำใจจาก" ผ่อนจ่าย 12 งวด
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนบริษัทต้องเข้าสู่
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

กราฟิกพยากรณ์อากาศรายภาคของประเทศไทยพร้อมแผนที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย
ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2563
ข้อมูล ณ เวลา 05.30 น.

 

#INDIA | 14.10.2020
✔ฝนถล่มและน้ำท่วมอย่างหนักเป็นประวัติการณ์ในไฮเดอราบาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คนและทำให้เกิดน้ำขังในหลายพื้นที่ของเมือง

 

อำนาจ ของ ตงฟางปุ๊ป้าย และ อี้จับซา

นวนิยายกำลังภายในหลายเรื่อง ล้วนเขียนถึง “อำนาจ” เปรียบเปรยในรูปลักษณ์ที่แตกต่าง สำหรับ ท่านกิมย้ง และ ท่านโกวเล้งก็เช่นกัน ที่เปรียบเปรย แทนลักษณะของอำนาจ ในรูปแบบ คัมภีร์เล่มหนึ่ง และ เพลงกระบี่ที่สิบห้า

สำหรับผู้ที่เคยรับชมหรืออ่านเรื่องราวกำลังภายใน ของทั้งท่านกิมย้งและโกวเล้งจะทราบดีกว่า จุดเด่นของ ท่านกิมย้งนั้นคือจินตนาการอันล้ำเลิศด้านวรยุทธ ทั้ง เก้ากระบี่เดียวดาย ฝ่ามือสยามมังกรสิบแปดกระบวนท่า ลมปราณภูติอุดร ท่าเท้าท่องคลื่น ดาวเคลื่อนดาราคล้อย วิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล ฯลฯ ส่วนท่านกิมย้งจะถนัด การเขียนถึงอาวุธ ทั้ง มีดสั้นของลี้คิมฮวย กระบี่ของอาฮุย กระบองสมปรารถนา ห่วงมากรัก กระบี่มรกต ดาบล่ากวาง ดาบดำของโป้วอั้งเสาะ

ท่านกิมย้ง เนื่องด้วยท่านเปี่ยมด้วยจินตนาการด้านวรยุทธ ท่านเขียนถึงอำนาจในรูปแบบ คัมภีร์เล่มหนึ่ง คัมภีร์ที่ผู้ฝึกสำเร็จจะเหนือล้ำกว่าผู้ใดในใต้หล้า แต่ผู้ฝึกปรือนั้นขั้นแรกต้องสะบั้นตอนตนเองก่อนถึงจะบรรลุยอดวิชานี้ได้ ส่วนท่านโกวเล้งท่าน เขียนถึงเรื่องอาวุธได้อย่างยอดเยี่ยม ท่านก็ได้เขียนอำนาจในอีกรูปแบบหนึ่ง คือเป็นรูปแบบเพลงกระบี่ เป็นเพลงกระบี่ที่ 15 ของชายที่มีชื่อว่า สิบสามกระบี่แซ่อี้ (อี้จับซา)

ในกระบี่เย้ยยุทธจักร เพลงกระบี่ปราบมาร และ วิชาทานตะวัน ทั้ง 2 วิชา มีที่มาจากคัมภีร์ทานตะวัน การจะบรรลุยอดวิชาทานตะวันถึงขั้นไร้เทียมทาน วิชานี้ฝึกได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น และผู้ฝึกต้องตอนตัวเองเสียก่อนมิเช่นนั่นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้ผู้ฝึกวิชานี้กลายเป็นครึ่งหญิงครึ่งชาย ท้ายที่สุด จอมยุทธผู้ห้าวหาญ เช่น ตงฟางปุ๊ป้าย กลับกลายเป็นอิสตรี นั่งเย็บเสื้อผ้ารอคนรัก มิอาจพบพานผู้คน คัมภีร์นี้นับว่าทำร้ายผู้ฝึกปรืออย่างยิ่ง ข้าพเจ้า(เก้ากระบี่เดียวดาย) มิทราบว่าฝึกปรือสำเร็จแล้ววิชานี้จะไร้ผู้ต่อต้านสักเพียงใด แต่บุคคลแรกที่ถูกทำร้ายด้วยวิชานี้เป็นคนแรกกลับเป็นผู้ฝึกปรือเอง

สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจนั้นอาจจะกระทำให้ผู้หวังครอบครองนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นคนละคนได้

อี้ เป็นแซ่ จับซาแปลว่าสิบสาม(สิบสามแซ่อี้) สิบสามกระบี่คร่าชีวิต เป็นฉายาของมัน มันอุทิศชีวิตให้มรรคากระบี่ เพลงกระบี่สิบสามกระบวน กระบวนท่าที่ไร้ผู้ต่อต้าน มันรู้ดีว่าเพลงกระบี่ของมันยังไม่ใช่ที่หนึ่งในแผ่นดินเพราะโลกนี้ยังมีเจี่ยเฮียวฮงคุณชายสามแห่งหมู่บ้านกระบี่ดำรงอยู่ ตราบใดยังมิได้พิสูจน์ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกับคนผู้นี้ เพลงกระบี่ของมันย่อมมิใช่เพลงกระบี่ลำดับหนึ่งแห่งแผ่นดินได้

แต่เมื่อมันไปถึงหมู่บ้านกระบี่สายไป เมื่อพบว่ามีเพียงโลงศพของซาเสี่ยวเอี้ยตั้งอยู่ มันถึงกับโยนกระบี่คู่มือทิ้งลงทะเลสาป โลกที่ไร้ซาเสียวเอี้ย ก็คือโลกที่ไร้สิบสามกระบี่แซ่อี้

ภายหลัง อี้จับซา ได้บัญญัติท่ากระบี่ที่ 14 ขึ้นมา ซาเสี่ยวเอี้ยวิจารณ์เพลงกระบี่ของอี้จับซาไว้ว่า สิบสามเพลงแรกเปรียบคล้ายลำต้น กระบวนเพลงที่สิบสี่ก็คือก้านใบ ส่วนความหมายที่แท้จริงก็คือเพลงกระบี่เพลงที่สิบห้า อันเปรียบเหมือนดอกบานสล้าง

ถ้าอี้จับซาสามารถคิดค้นเพลงกระบี่กระบวนที่สิบห้าขึ้นมาได้ มันเองก็ไม่ใช่คู่มือของอี้จับซา และกระบี่ที่ 15 ก็ปรากฎขึ้นในโลกหล้า ซึ่งแท้จริงแล้ว เพลงกระบี่ที่ 15 นั่นเกิดจาการหล่อหลอมการต่อสู้ของ อี้จับซา และ เจี่ยเฮียวฮง หาก ปราศจากซาเสียวเอี้ย เพลงกระบี่ที่ 15 ย่อมไม่บังเกิด เพราะเพียงแค่ 14 กระบี่ก็ไร้ผู้ต่อต้านแล้ว จึงมิมีทางจะบังเกิดกระบี่ที่ 15 ดื้

แต่ในเสี้ยววินาทีที่เพลงกระบี่ที่ 15 ปรากฎ แววตาของอี้จับซาพลันตระหนก เพราะรู้ถึงความน่ากลัวของเพลงกระบี่ที่ 15 อำนาจที่ไร้ผู้ต่อต้านแม้กระทั่งตัวของผู้ใช้กระบี่เอง อี้จับซาพลันวกกระบี่ปาดใส่ลำคอตนเอง ทำการอัตวินิบาตกรรมตนเอง มิยินยอมให้อำนาจที่เหนือการควบคุมของตนบังเกิดขึ้นในโลกหล้า แม้จะมีโอกาสเป็น ที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน แต่ อี้จับซาก็หาใส่ใจไม่

จะคัมภีร์ทานตะวัน หรือเพลงกระบี่ที่ 15 ของ อี้จับซา ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนแห่งอำนาจ ทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ตงฟางปุ๊ป้าย งักปุกคุ้ง ลิ้มเพ้งจือ คนเหล่านี้ล้วนยินยอมสยบต่ออำนาจ ยอมที่จะทำลายตัวตนของตัวเองเพื่อครอบครองอำนาจขั้นสูงสุด แต่อี้จับซา กลับไม่ยินยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจนั้น แม้จะมีโอกาสเป็นกระบี่ที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน แต่ถ้าต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจกระบี่มันสู้ตกตายยังดีเสียกว่า

นิทานเซนเรื่องหนึ่งเล่าถึง”อำนาจ” ที่มิอาจปล่อยวางไว้ได้อย่างน่าสนใจยิ่ง
"ท่านอาจารย์ จะทำอย่างไรดี กระผมมิอาจปล่อยวางอำนาจวาสนาที่กระผมครอบครองอยู่ได้?"
อาจารย์เซนตอบว่า ”ทุกสิ่งล้วนสามารถปล่อยวาง"
อุบาสกแย้งว่า"กระผมได้พยายามแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไร กระผมปล่อยวางไม่ได้"
อาจารย์เซนจึงบอกให้อุบาสกผู้นี้ ถือถ้วยชาใบหนึ่งไว้ในมือ จากนั้นอาจารย์เซนจึงรินน้ำชาร้อนๆลงไปในถ้วย รินลงไปจนน้ำชาล้นถ้วยออกมารดมือของอุบาสกที่ถืออยู่
เมื่อโดนน้ำชาร้อนลวกมือ อุบาสกจึงต้องปล่อยถ้วยชาลงพื้น!!
ยามนั้นอาจารย์เซนจึงสอนว่า "ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจละวางได้ เมื่อเกิดทุกข์ ย่อมยอมปล่อยวางโดยธรรมชาติ"

อี้จับซา นับว่าเป็นยอดยุทธที่รู้เท่าทันทุกข์ที่แท้ มันรู้ว่ามันมิอาจควบคุมเพลงกระบี่ที่สิบห้าของมันได้ อำนาจเพลงกระบี่นี้จะกลับกลายเป็นควบคุมตัวของมันเอง มันจึงปล่อยวางเพลงกระบี่ ชำระทุกข์ที่ต้นตอ คือตัวของมันเองที่แสวงหา เมื่อพานพบกลับกลายว่า นี่มิใช่สิ่งที่มันสามารถควบคุมครอบครองได้ มันจึงวกกระบี่ปาดคอตนเองเสีย มิให้เพลงกระบี่อันชั่วร้ายกำเนิดขึ้น ในโลกหล้าจะมีผู้ใดเล่าเท่าทันอำนาจเฉกเช่น” อี้จับซา”

“อำนาจ”ที่ปราศจากเมตตาธรรมควบคุม ย่อมนำพาสู่ความเสื่อมทราม

 

อี้จับซา นับว่าเป็นยอดยุทธที่รู้เท่าทันทุกข์ที่แท้ มันรู้ว่ามันมิอาจควบคุมเพลงกระบี่ที่สิบห้าของมันได้ อำนาจเพลงกระบี่นี้จะกลับกลายเป็นควบคุมตัวของมันเอง มันจึงปล่อยวางเพลงกระบี่ ชำระทุกข์ที่ต้นตอ คือตัวของมันเองที่แสวงหา เมื่อพานพบกลับกลายว่า นี่มิใช่สิ่งที่มันสามารถควบคุมครอบครองได้ มันจึงวกกระบี่ปาดคอตนเองเสีย มิให้เพลงกระบี่อันชั่วร้ายกำเนิดขึ้น ในโลกหล้าจะมีผู้ใดเล่าเท่าทันอำนาจเฉกเช่น” อี้จับซา”

--------

นายกฯย้ำสถานการณ์ไม่ปกติ เตือนสื่อติดปลอกแขน!

 

16.10.20

ลูกค้า ที่มาใช้บริการร้านอาหารหลายแห่งใน เมืองTrondheim ลงทะเบียนด้วยชื่อ สุนัข แมว และ หมายเลขโทรศัพท์ปลอม ตอนนี้ ร้านอาหารทั้ง 2 ร้าน ปิดทำการชั่วคราว ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ติดตามร่องรอยของการติดเชื้อกำลังประสบปัญหาใหญ่ในการทำงาน

1.Jan Tore Flatval เจ้าของร้าน Barmuda กล่าวว่า ร้าน Little London และ Barmuda ใน Solsiden เมืองTrondheim ต้องปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากมีการ ตรวจพบผู้ติดเชื้อโคโรนา หลังจาก cava-søndag ที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมาก มีลูกค้า เต็มทุกโต๊ะตั้งแต่เวลา 14.00 น. มีลูกค้าทั้งหมด 100 คน หลังจากนั้น ทางร้าน ก็ได้รับแจ้งว่า ลูกค้า 2 คน ที่เคยมาใช้บริการได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ผู้ติดเชื้อ

2.ณ เวลานี้ทั้ง ไนต์คลับ และ เขตเทศบาล ไม่มีภาพรวมว่ามีใครแวะมาในคืนวันอาทิตย์บ้าง แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ เทศบาล มีในเรื่องการตรวจหาเชื้อ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่า ลูกค้า ไนต์คลับ อื่นๆ ในเมืองTrondheim ให้ข้อมูลเท็จ เนื่องจากพวกเขาลงทะเบียนด้วยชื่อ แมว และ สุนัข รวมทั้ง ให้ หมายเลขโทรศัพท์ปลอม

3.Morten Wolden ผู้อำนวยการเทศบาล เมืองTrondheim ตกใจมากเมื่อ ประชาชน ไม่ได้ให้ความสำคัญในการแจ้งชื่อจริง และ เบอร์ที่ติดต่อได้ ทำให้ งานตรวจหาเชื้อแทบเป็นไปไม่ได้ นอกจากเจ้าหน้าที่จะทำงานด้วยความยากลำบากแล้ว ยังมีโอกาศที่ เชื้อจะแพร่กระจายไปในวงกว้าง

4.จนถึงขณะนี้ เทศบาลเมือง ยังไม่ประกาศใช้มาตการฉุกเฉิน Tove Røsstad หัวหน้าแพทย์ประจำเทศบาลฯ กล่าวว่า ขอให้ผู้คนทำการทดสอบเพื่อ หาเชื้อ โดยเฉพาะ ลูกค้าที่ไปใช้บริการ Barmuda ในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม หลัง 18.00 น. หลังจากนั้นจะถูกกักกันตนเอง 10 วันและ ทดสอบในวันที่ 7

5.เมื่อวานนี้มี ผู้ติดเชื้อในเมืองTrondheim 12 คน ด้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งทุกคนมีอาการไม่รุนแรง และ 9 ใน 12 คน ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิด กับ หนึ่งในผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ก่อนหน้านั้น ในขณะที่ยังไม่มีการระบุแหล่งที่มาของการติดเชื้อที่เหลือ มีการทดสอบทั้งหมด 935 ครั้ง เมื่อวันพฤหัสปดีที่ผ่านมา
.

อ่านรวมข่าว และ มาตรการโคโรน่าต่างๆของ ประเทศนอร์เวย์
http://norgetiltak.blogspot.com/

อ่าน นอร์เวย์สไตล์วาไรตี้
https://www.blockdit.com/norwaystyle

#นอร์เวย์ #ข่าวนอร์เวย์ #norway #รายงานข่าวประจำวัน
.
แปลภาษาไทยโดย Facebook เรื่องแปล - ข่าวนอร์เวย์
https://www.facebook.com/whatisgoingoninnorway

ผู้ทำข่าวต้นฉบับ :
Siri Husby Fiskum : Journalist
Jøte Toftaker : Journalist

ข่าวต้นฉบับ NRK :
https://www.nrk.no/trondelag/uteliv...-og-nummer-_-hindrer-smittesporing-1.15203851

 

⚠️ [BREAKING] ⚠️ อังกฤษโดนหั่นอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศลงเป็น Aa3 จาก Moody เพราะความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากไวรัสระบาดและปัญหา No-deal Brexit !

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหราชอาณาจักรลงเมื่อคืนนี้ (จาก Aa2 ลงเป็น Aa3) เพราะหนี้ของประเทศได้เพิ่มสูงขึ้นทะลุ 2 ล้านล้านปอนด์ไปแล้ว หรือมากกว่า 100% ของ GDP ประเทศ

ทาง Moody 1 ใน 3 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่เป็นที่ยอมรับที่สุดในโลก (ร่วมกับ Fitch Ratings และ S&P) ยังได้ออกมาเตือนถึงความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่กำลังลดลง

โดยมองว่ามีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง 3 อย่างคือ

1️⃣ #ไวรัสโควิดระบาดรอบ 2

การระบาดของไวรัสในอังกฤษนั้นน่าเป็นห่วงมากๆ เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่องๆอย่างควบคุมไม่ได้ ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 รายต่อวัน และเชื่อว่าทางรัฐบาลอาจไม่มีทางเลือกนอกจากกลับมา Lock Down และปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปเป็นอย่างมาก

2️⃣ #อังกฤษยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรปได้ (no-deal Brexit)

นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าหากทางอังกฤษไม่สามารถเจรจาข้อตกลงกับ EU ได้ อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศสูงถึง 25,000 ล้านเหรียญ ! โดยการเจรจาล่าสุดนั้นยังไม่มีความคืบหน้าและตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ จนทางบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษต้องขู่ว่าถ้า EU ไม่ยอมรับเงื่อนไขก็จะตัดขาดและออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลงทางการค้าก็ได้

ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ผันผวนหนักมากเมื่อคืนนี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากโพสต์เมื่อคืน แนบในคอมเม้นท์)

3️⃣ #ความอ่อนแอของนโยบายการคลังและผู้นำประเทศ

ทาง Moody มองว่าทางผู้นำของอังกฤษยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอในการใช้นโยบายการคลังเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ผ่านวิกฤตไวรัสโควิดไปให้ได้ในครั้งนี้ และปัญหาที่จะตามมาคือการลดงบประมาณประจำปีของประเทศและการขึ้นภาษีก็อาจทำได้ยาก

รวมไปถึงการไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรปได้ก็เป็นปัญหาจากผู้นำประเทศอังกฤษเองเช่นเดียวกัน

✅ ติดตามข่าวสารในตลาดโลกและการลงทุนไปกับทางเพจอย่างรวดเร็วและทันตลาด !

แนะนำให้กดตั้งค่า “#รายการโปรด” หรือ "#Favourites" ที่เมนูมุมขวาบนของเพจใน Facebook ตรงปุ่ม [...] และกด #เปิดกระดิ่ง ไว้ได้เลยครับ จะได้ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรา ฝากกด Like และ Share ให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

นครชัยแอร์เปิดตัวรถยุค Social distancing
.
เนื่องจากกระแสการระบาดของ covid 19 ทำให้นครชัยแอร์ปรับปรุงและได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่ตอบรับกับแนวคิด Social distancing โดยรถรุ่นใหม่นี้จะเป็นระบบเก้าอี้แยกมี 3 แถวจากเดิมที่เคยมี 4 ทุกตัวเป็นอิสระต่อกัน

 

เริ่มเป็นไปตามที่แอดคาดการณ์
#ท่วมหนัก สถานการณ์น้ำหลังเขื่อนลำพระเพลิง ณ บ้านสุขศรีงาม ม.13 ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เช้านี้ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (สูงกว่า 2.50 เมตร) ... จุดอื่นๆ เป็นยังไงบ้าง รายงานกันเข้ามาหน่อย
.
แอดเอาใจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว
.............................................
Cr. : เฮีย พี / pic : หนุ่มเนื้อหอม

พยากรณ์เติมตามลิงค์ที่อยู่ด้านล่าง

 

Oct 17, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุกว่า 39.5 ล้านคน ยอดตายโควิด-19 ทั่วโลกกว่า 1.1 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 39.5 million

เวลา 7.15 น.รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 39,564,429 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 8,286,860 ราย อินเดีย 7,430,635 ราย บราซิล 5,201,570 ราย รัสเซีย 1,369,313 ราย สเปน 982,723 ราย อาเจนติน่า 965,609 ราย โคลอมเบีย 945,354 ราย เปรู 862,417 ราย เม็กซิโก 834,910
ราย และฝรั่งเศส 834,770 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 1,108,597 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 223,625 ราย บราซิล 153,229 ราย อินเดีย 113,032 ราย เม็กซิโก 85,285 ราย สหราชอาณาจักร 43,429 ราย อิตาลี 36,427 ราย เปรู 33,648 ราย สเปน 33,775 ราย ฝรั่งเศส 33,303 ราย และอิหร่าน 29,870
ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 353,461 ราย(12,347) ฟิลิปปินส์ 351,750 ราย(6,531) สิงคโปร์ 57,901 ราย(28) เมียนมา 33,488 ราย(799) มาเลเซีย 18,758 ราย(176) ไทย 3,669 ราย(59) เวียดนาม 1,124 ราย(35) กัมพูชา 283 ราย บรูไน 146 ราย(3) และลาว 23 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โควิด19 #covid19 #Misterban #btimes

 

SHORT NEWS: สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย แถลงการณ์จี้รัฐบาลยุติความรุนแรง
.
วันนี้ (17 ตุลาคม) เนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเป็นเด็กและเยาวชนบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มมาตรการสลายการชุมนุม ได้มีการฉีดน้ำและน้ำสีฟ้าใส่ผู้ชุมนุม เพื่อสลายการชุมนุม

สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย มีความกังวลว่าการแก้ไขปัญหาโดยการสลายการชุมนุม ที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญนั้น ทำให้ไม่สามารถประเมินความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมในครั้งนี้ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อีกทั้งทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาวะ ที่มีการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน อาจทำให้ประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษจากนานาชาติ ในเรื่องของการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชนในสถานการณ์ชุมนุม
.
สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนการกระทำต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมในครั้งนี้ ยุติการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชนทุกรูปแบบ
.
สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย
16 ตุลาคม 2563
.
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#คณะราษฎร2563 #ม็อบ17ตุลา #TheStandardNews

 

สำรวจสำนักงานจัดการทรัพย์สิน ควีนอังกฤษ เจ้าชายชาร์ลส์

• พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์
• ผู้สื่อข่าวพิเศษ บีบีซีไทย

18 พฤศจิกายน 2017

ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES

คำบรรยายภาพ,
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แห่งราชวงศ์อังกฤษ

เอกสารลับ "พาราไดซ์ เปเปอร์ส" 13.4 ล้านแผ่น ไม่เพียงเผยให้เห็นถึงวิธีการหลบภาษีและซ่อนทรัพย์สินของมหาเศรษฐี นักการเมืองและคนดังของโลก

แต่ยังแนะนำให้โลกรู้จักกับ สำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระองค์ ของ2 บุคคลสำคัญในราชวงศ์อังกฤษ หรือที่เรียกกันว่า Duchy (ออกเสียงว่า "ดัชชี") มากขึ้น นั่นคือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง และคนที่สอง ได้แก่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์

ดัชชีของทั้ง 2 พระองค์นำเงินไปลงทุนในบริษัทซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการใช้เป็นแหล่งหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งแม้จะไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็ชวนให้ถูกตั้งคำถามเชิงจริยธรรม ว่าประมุข ของประเทศควรนำเงินไปลงทุนในต่างแดนหรือไม่ และ และว่าที่ประมุข มีสิทธิรณรงค์ประเด็นในที่สาธารณะในประเด็นเดียวกับการลงทุนของเขาหรือไม่

แต่เราจะให้น้ำหนักกับการตั้งคำถามไม่ถูกเลย หากไม่รู้ว่าสำนักงานจัดการลงทุนทั้ง 2 แห่งนี้มีวิธีการทำงานอย่างไร ? ใครเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงในการบริหารดัชชีต่างๆ ? ทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ว่ามีมูลค่าเท่าไร ? และ รายได้จากการลงทุนหรือบริหารจัดการทรัพย์สินนั้นๆ ท้ายที่สุด จะไปเข้ากระเป๋าใคร ?

มรดกตกทอดจากอดีต

ดัชชี เป็นมรดกตกทอดมาจากอดีตกาลของราชวงศ์ในยุโรปและอังกฤษ

รากศัพท์ของคำว่า Duchy แต่เดิมหมายถึง "อาณาเขตที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของขุนนางชั้นสูงของอังกฤษ" ผู้มีตำแหน่ง Duke (ดยุค) แต่ปัจจุบันจะมีความหมายเฉพาะทรัพย์สินที่เคยมีอยู่ในอาณาเขตดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ สิทธิและสัมปทานต่างๆ รวมถึงเงินทุนบางส่วน ไม่ใช่ผืนดินทั้งหมดอีกต่อไป


กำเนิด สำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระองค์ (Duchy)
เดิม "ดัชชี" หมายถึง "สิทธิและอาณาเขต" ปัจจุบันเหลือเพียง "ทรัพย์สิน"และสิทธิบางอย่าง
2

คือ จำนวนดัชชีของอังกฤษ ที่หลงเหลือมาจากยุคกลาง

• ปี 1337: กำเนิดดัชชีแห่งคอร์นวอลล์ ให้กับ "เจ้าฟ้าชาย"
  
  
• ปี 1399: กำเนิดดัชชีแห่งแลงคาสเตอร์ ในยุคราชวงศ์แลงคาสเตอร์
  
  
• 63,000 ล้านบาท: มูลค่าทรัพย์สินในครอบครองของดัชชีทั้งสอง

ที่มา: บีบีซีไทย รวบรวม
Getty Images
แม้ปัจจุบันมีผู้ดำรงตำแหน่งดยุคในราชวงศ์อังกฤษถึง 30 พระองค์ แต่มีเพียง 2 พระองค์เท่านั้นที่มีดัชชี คอยจัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์ให้ ได้แก่ ดยุคออฟแลงคาสเตอร์ (Duke of Lancaster) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ให้กับกษัตริย์หรือราชินีที่ครองบัลลังก์ขณะนั้น และ ดยุคออฟคอร์นวอลล์ (Duke of Cornwall) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตกทอดแด่โอรสองค์โตของพระเจ้าแผ่นดินในเวลานั้น

ที่น่าสนใจคือ ดัชชีออฟคอร์นวอลล์ เกิดขึ้นก่อน ในปี 1337 โดยสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สาม (King Edward III) ทรงตั้งขึ้นพร้อมๆ กับสถาปนาตำแหน่งดยุดแห่งคอร์นวอลล์คนแรก ให้กับเจ้าฟ้าชายเอ็ดเวิร์ด (Prince Edward) เจ้าของฉายา "เจ้าชายดำ" ผู้มีผลงานโดดเด่นในช่วงสงครามร้อยปี

ส่วน ดัชชีออฟแลงคาสเตอร์ กำเนิดขึ้นภายหลัง ในปี 1399 ในสมัยที่ผู้ครองบัลลังก์อังกฤษมาจากราชวงศ์แลงคาสเตอร์

ที่มา: เว็บไซต์ทางการของดัชชีแห่งแลงคาสเตอร์ และรายงานประจำปี

ทรัพย์สินส่วนพระองค์มีมากแค่ไหน

นอกจากดัชชีแล้ว ในอังกฤษยังมี สำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่เรียกกันว่า Crown Estate อยู่ด้วย แต่ข้อแตกต่างสำคัญก็คือ ในขณะที่ดอกผลซึ่งได้จากการดำเนินงานของสำนักงานอย่างหลังจะ "ตกเป็นของแผ่นดิน" ดอกผลที่ได้จากการดำเนินงานของดัชชี จะถือว่าเป็น "พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์"

แม้ว่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นทุนในการต่อยอดหารายได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง ครั้งผู้ดำรงตำแหน่งดยุคมีอำนาจบารมีมหาศาลในแผ่นดิน เป็นรองเพียงกษัตริย์ ราชินี และเจ้าฟ้าชายเท่านั้น



จากรายงานประจำปี 2016 ซึ่งปิดบัญชีไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ของปีนี้ ดัชชีออฟแลงคาสเตอร์ มีทรัพย์สินในมือรวมกันเป็นมูลค่า 519 ล้านปอนด์ (ราว 2.28 หมื่นล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ในภาคตะวันตกของอังกฤษ สิทธิและสัมปทานในเหมืองแร่ รวมถึงปราสาทและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ไม่รวมถึงเงินลงทุนในบริษัทต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดย สามารถทำกำไรให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ถึง 19.2 ล้านปอนด์ (ราว 845 ล้านบาท) เพิ่มจากปีก่อน 9.7%

ขณะที่ ดัชชีออฟคอร์นวอลล์ ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ปัจจุบันมีทรัพย์สินในมือรวมกัน 913 ล้านปอนด์ (ราว 4.01 หมื่นล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทางตอนใต้ของอังกฤษ และบางส่วนในเวลส์ รวมถึงมีเงินลงทุนในบริษัทต่างๆ โดยปีล่าสุด สามารถทำกำไรได้ถึง 20.7 ล้านปอนด์ (ราว 911 ล้านบาท) เพิ่มจากปีก่อน 1.2%

ทั้งสองดัชชีมีที่ดินใกล้เคียงกัน คือ 5.45 หมื่นเฮกตาร์ และ 5.33 หมื่นเฮกตาร์ตามลำดับ ไล่เลี่ยกับ จ.ภูเก็ตของไทย ที่ 5.76 หมื่นเฮกตาร์


ทรัพย์สินของ Duchy of Cornwall (เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์)

• 1. ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทางตอนใต้ของอังกฤษ รวมถึงในเวลส์ 53,300 เฮกเตอร์
  
  
• 2. โครงการลงทุนสำคัญ 15 แห่ง ซึ่งมีตั้งแต่โครงการพัฒนาเมือง ท่าเรือ ฟาร์ม เกาะ ที่อยู่อาศัย
  
  
• 3. เงินลงทุนในกิจการต่างๆ
  
  
• รวม 913 ล้านปอนด์ (กำไร 16.3 ล้านปอนด์)

ที่มา: เว็บไซต์ทางการของดัชชี่แห่งคอร์นวอลล์ และรายงานประจำปี
Getty Images
ราชินีและมกุฎราชกุมารต้องเสียภาษีหรือไม่

แม้รัฐบาลเคยประกาศว่าดัชชีทั้งสองแห่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องเสียภาษี แต่ทั้ง 2 พระองค์ ต่างก็ทรงตัดสินพระทัยที่จะเสียภาษีรายได้บุคคลธรรมดา "โดยสมัครใจ" มาตั้งแต่ปี 1993 หลังเผชิญแรงกดดันจากสาธารณชน

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ยอมเสียทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (income tax) และภาษีเงินได้จากการลงทุน (capital gains tax) เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กลับยอมเสียเพียงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น และมักถูกวิจารณ์ว่าแจ้งตัวเลขรายจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนของพนักงานในดัชชีมากเกินไป เพื่อให้เสียภาษีน้อยลง
และแม้จะเสียภาษีโดยสมัครใจมากว่า 2 ทศวรรษ ทว่าก็ยังมีคนเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ดัชชี่ทั้งสอง ต้องจ่ายเงินภาษีภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกับบุคคลทั่วๆ ไป โดยเฉพาะภาษีเงินได้นิติบุคคล (corporation tax) โดยในปี 2012 ฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ กว่า 29,000 คนได้ร่วมกันลงชื่อยื่นข้อเรียกร้องนี้ต่อกรมสรรพากรของอังกฤษ ให้เก็บภาษีดังกล่าวจากดัชชี โดยเฉพาะจาก ดัชชีออฟคอร์นวอลล์ ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์

โดยข้อเสนอดังกล่าว มี ส.ส.อังกฤษ 15 คน ร่วมลงชื่อด้วย

แต่ไม่เพียงเรื่องของภาษีเท่านั้น ทรัพย์สินมูลค่ากว่า 6.3 หมื่นล้านบาท ของทั้งสองพระองค์ มักถูกสาธารณชนตั้งคำถามอยู่เสมอๆ ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินการ ความจำเป็นในการครอบครองทรัพย์สินไว้มากมายขนาดนั้น และผลกำไรที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี

ใครต้องรับผิดชอบต่อการบริหารราชทรัพย์

แต่กรณีที่ดัชชีทั้งสองถูกเปิดโปงจาก "พาราไดซ์ เปเปอร์ส" ไม่ใช่เรื่องของการเสียภาษี ทว่าเป็นการนำเงินไปลงทุนอย่างไม่เหมาะสม ดัชชีของราชินีถูกกล่าวหาว่าไปลงทุนในบริษัทที่ชอบเอารัดเอาเปรียบคนยากจน และบริษัทที่บริหารงานล้มเหลว จนต้องปลดคนงานหลายพันคน ดัชชีของเจ้าฟ้าชายถูกกล่าวหาว่า ไปลงทุนในบริษัทที่มี "ผลประโยชน์ทับซ้อน" กับบทบาทของเจ้าฟ้าชาย กรณีออกมารณรงค์ให้เปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับโลกร้อน

แต่ถ้าจะถามถึงความรับผิดชอบต่อการลงทุน ต้องไปดูโครงสร้างการบริหาร ว่าทั้งราชินีและเจ้าฟ้าชายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน

กรณี ดัชชีออฟแลงคาสเตอร์ จะแบ่งการบริหารงานออกเป็น 3 ระดับ

• Chancellor หรือ"รัฐมนตรี" ประจำสำนักงานจัดการลงทุนทรัพย์สินส่วนพระองค์ ซึ่งนายกฯ เป็นผู้เสนอชื่อแต่งตั้ง ปัจจุบันคือ นายแพทริก แม็กกลัฟลิน ส.ส.จากพรรคอนุรักษ์นิยม
• Council ทำหน้าที่คล้ายๆ "บอร์ดบริษัท" คือกำหนดนโยบายในการดำเนินงาน ราชินีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของรัฐมนตรี จะประชุมปีละ 5 ครั้ง โดยตำแหน่งสำคัญในบอร์ดนี้ นอกจากตัวประธาน ยังรวมถึง Receiver General of the Duchy ผู้คุมกระเป๋าเงิน และ Clerk of the Council ในฐานะซีอีโอ
• Management Board หรือผู้บริหารประจำสำนักงาน ทำงานตามนโยบายของบอร์ด และงานกิจวัตรทั่วไป

ขณะที่ ดัชชีออฟคอร์นวอลล์ จะมีวิธีการบริหารงานที่ซับซ้อนน้อยกว่า โดยจะมีบอร์ดบริษัทเพียงชุดเดียว ซึ่งเจ้าชายชารล์สเป็นประธาน แต่ก็มีการกำกับดูแลการดำเนินงานโดยรัฐบาลอังกฤษในระดับหนึ่ง เช่น หากทำธุรกรรมที่มีวงเงินเกิน 5 แสนปอนด์ (ราว 22 ล้านบาท) จะต้องได้รับการอนุมัติจาก รมว.คลังก่อน และต้องส่งบัญชีรายรับรายจ่ายให้รัฐสภาอังกฤษรับทราบทุกปี

และแม้จะมีการวางโครงสร้างให้บุคคลอื่นเข้ามาช่วยบริหารงาน ทว่าดูเหมือนหลายฝ่ายจะเชื่อว่า ทั้ง 2 พระองค์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารงานของดัชชี

เหมือนอย่างที่ นายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานเรียกร้องให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ออกมาแสดงความ "เสียพระทัย" ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบการดำเนินงานของดัชชีอย่างเต็มที่

https://www.bbc.com/thai/thailand-42035858?at_custom2=facebook_page&at_medium=custom7&at_custom1=[post+type]&at_custom4=9221BE1C-0FF7-11EB-AF6E-05CA923C408C&at_custom3=BBC+Thai&at_campaign=64&fbclid=IwAR2rLgs_p5MlVPS92BsY4y427lf5zD3AI0pKVYFeYfmeARzTHhVrZ943ErA