ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
    3 ชั่วโมงที่แล้ว
    รัสเซียและจีนเตรียมความพร้อมสำหรับสงครามทั่วโลก Russia and China Prepare for Global War

    จีนจับมือรัสเซียสั่งทหารเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3
    548868_549752785087716_253182062_n (1).jpg
    https://www.google.co.th/search?q=R...me.0.69i57.1487156j0&sourceid=chrome&ie=UTF-8
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำมันดิบทะลักเต็มหาดเสม็ด ผู้ว่าฯ ระยองประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2556 12:14 น.
    1.JPEG 3.JPEG

    4.JPEG 5.JPEG

    6.png 7.JPEG

    8.JPEG

    ระยอง-คราบน้ำมันดิบที่รั่วจากท่อส่งน้ำมันกลางทะเลของบริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอลฯ ทะลักเข้าเต็มหาดเกาะเสม็ดแล้ว จนนักท่องเที่ยวพากันเดินทางกลับ ด้านผู้ว่าฯ ระยอง ประกาศอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเลแล้ว

    วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เกิดรั่วไหลน้ำมันดิบไหลลงทะเล จำนวน 50,000 ลิตร เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา กระแสคลื่นลมทะเลได้พัดคราบน้ำมันเข้ามายังบริเวณเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง

    ล่าสุด นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 เดินทางลงเรือข้ามเกาะเสม็ดไปยังอ่าวพร้าว หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง หลังจากเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา กลุ่มคราบน้ำมันดิบได้ทะลักเข้าชายหาดบริเวณอ่าวพร้าวที่มีความยาวประมาณ 600 เมตร และห่างจากฝั่งประมาณ 20 เมตร คราบน้ำมันมีความหนาประมาณ 20-30 ซม. ห่างออกไปในทะเลประมาณ 200 เมตร คราบน้ำมันจะเป็นลักษณะสีดำหนา และห่างไปอีกจะเป็นลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มบางๆ

    นายวิชิต กล่าวว่า ได้ประกาศพื้นที่บริเวณอ่าวพร้าวเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทางทะเล และขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายไปยังชายหาดอื่นที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมกับสั่งการให้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 องค์การบริหารส่วนตำบลเพ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด พร้อมกับประสานไปยังหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 100 นาย มาช่วยเหลือดำเนินการจัดเก็บคราบน้ำมันโดยด่วน คาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 15 วัน ในการเก็บกู้คราบน้ำมัน และฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

    ด้านนายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอ่าวพร้าวที่น้ำมันทะลักเข้าชายหาดในครั้งนี้ด้วย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่นำแผ่นซับคราบน้ำมันมาเก็บคราบน้ำมันทั่วชายหาด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ใช้เรือฉีดพ่นสารเคมีสลายคราบน้ำมัน พร้อมกับนำบูมยางมากั้นในวงจำกัดเพื่อไม่ให้คราบน้ำมันหลุดออกไปยังอ่าวบ้านเพ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พักอยู่ตามโรงแรมบริเวณอ่าวพร้าวได้เช็กเอาต์ออกจากที่พัก และเดินทางออกก่อนกำหนดเพราะมีกลิ่นเหม็นของน้ำมันไปทั่วบริเวณ และไม่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ตลอดชายหาดอ่าวพร้าว
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ขอยกข้อมูลข้างล่างมาให้เพื่อนๆอ่านกันน่ะครับว่าปริมาณอิเล็กตรอนก็น่าจะมีผลกับแผ่นดินไหว ซึ่งช่วงนี้ค่าอิเล็กตรอนฟลักซ์สูงๆ อีกไม่กี่วัน ก็มีแผ่นดินไหวหนัก และthunderstorm ตามมา ช่วงนี้ผมเอาข่าวเรื่องสงครามมาลงเยอะ เพราะเห็นว่ามีอันตรายที่อยากให้ทุกท่านต้องระวังเพิ่มเติม และข่าวยังมีส่วนสัมพันธ์กับการมี่ FEMA นำทหารรัสเซีย. 15000 นายไปฝึกและออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ทำไมต้องสั่งอาหารและอะไรอีกสารพัดราคาสูงๆ ด้วยจะเอาไปบริจาคหรือเปล่า ประชาชนของเขาเองตอนนี้ก็ลำบากเอาเงินไปใช้ช่วยประชาชนไม่ดีกว่าหรือครัย ผมจึงอยากขอใก้ทุกคนใช้จ่ายอย่างประหยัด เพื่อให้เวลาเกิดภัยอันตรายจะได้ไม่ขัดสน สามารถซื้อข้าวของมาตุนไว้ในยามที่เกิดภัยได้ครับ ผมว่าตอนนี้เราคงมุ่งแต่โปรตอนจากพายุสุริยะ จนลืมอิเล็กตรอน เลยขอยกตัวอย่างแผ่นดินไหวเมื่อ 2-3 ปีที่ญี่ปุ่นเพื่อให้ดูว่าพายุสุริยะะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างไร

    image.jpg

    นาซ่าพบสัญญาณเตือนสึนามิญี่ปุ่น ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน
    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก jma.go.jp , i.imgur.com , ไทยโพสต์

    เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า องค์การนาซ่า (NASA) ตรวจพบปริมาณอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ในระดับสูงผิดปกติ บริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหว ช่วง 3 วัน ก่อนเกิดภัยพิบัติสึนามิที่ญี่ปุ่น เชื่อเป็นปฏิกิริยาของพื้นผิวโลก ซึ่งสามารถใช้ผลตรวจวัดดังกล่าวเป็นสัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหวครั้งต่อไปได้ดีเลยทีเดียว

    รายงานระบุว่า นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่าในรัฐแมรี่แลนด์ ของสหรัฐฯ ได้นำรายงานบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศบริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหว ช่วงเกิดภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่นมาวิเคราะห์ และพบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดภัยพิบัติสึนามิ 3 วัน คือในวันที่ 8 - 10 มีนาคมนั้น ปริมาณอิเล็กตรอนในชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ได้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว แรงดันภายในเปลือกโลกจะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรดอนออกมาในปริมาณที่สูงมาก ทำให้เกิดความร้อนในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งความร้อนที่ถูกปล่อยออกมานี้ จะกลายเป็นความร้อนส่วนเกินที่จะถูกบันทึกเป็นรังสีอินฟาเรด ที่แสดงให้เห็นผ่านภาพจากดาวเทียมของนาซ่า

    โดยทางด้าน ทิมิตาร์ ออซซูนอฟ นักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า ได้เปิดเผยว่า ภาพถ่ายจากดาวเทียม ได้แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ก่อนหน้าที่จะเกิดสึนามิ 3 วัน ปริมาณความร้อนที่ปรากฏให้เห็นนั้นอยู่ในระดับสูงมากกว่าปกติ ซึ่งมันสามารถทำให้เราได้เห็นว่า ก่อนเกิดสึนามิ หรือ ภัยพิบัติทางธรณี มันได้มีสัญญาณบางอย่างบอกเราล่วงหน้า ดังที่แสดงให้เห็นในภาพถ่ายจากดาวเทียมนี้

    ทั้งนี้ ภาพถ่ายจากดาวเทียมดังกล่าว ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับนักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้รู้ถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติหรือความผิดปกติทางธรณีที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ และหลังจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็จะนำการตรวจปริมาณความร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ไปใช้ในการประกาศเตือนภัยในพื้นที่ที่กำลังจะประสบเหตุต่อไป

    ส่วนทางด้านความคืบหน้าเกี่ยวกับวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นขณะนี้ นายยูกิยะ อามาโนะ ผู้อำนวยการกระทรวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ได้เปิดเผยว่า วิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะเป็นวิกฤตที่ยังคงอยู่ในขั้นร้ายแรงอยู่ แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดีขึ้นอยู่บ้าง เช่น ระบบไฟฟ้าและเครื่องมือในโรงไฟฟ้าบางอย่าง สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแล้ว ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศแผนการควบคุมวิกฤตนิวเคลียร์ฉบับใหม่ออกมา โดยมีเป้าหมายว่าจะควบคุมเตาปฏิกรณ์ทุกเตาในโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะและกู้วิกฤตโรงไฟฟ้าให้ได้ ภายในเดือนมกราคมปีหน้านี้
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    image.jpg
    สึนามิน้ำแข็งซัดถล่มหมู่บ้านแคนาดา เสียหายยับเยิน (ชมคลิป)
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2556 06:02 น.
    เอเอฟพี - พายุคลื่นลมแรงซัดกำแพงน้ำแข็งกองมหึมาเข้าถล่มชุมชนริมทะเลสาบแห่งหนึ่งในรัฐแมนิโทบา ทางตะวันตกของแคนาดาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนหลายหลังพังเสียหาย ขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแบบเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นในรัฐแอลเบอร์ตา และมลรัฐมินเนโซตา ของสหรัฐฯ ด้วย

    กำแพงน้ำแข็งซัดเข้าถล่มบ้านเรือนราษฎรตามชายหาดโอเคอร์ ห่างจากเมืองวินนิเพก เมืองหลวงของรัฐแมนนิโทบา ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 300 กิโลเมตร โดยบางพื้นที่พบเห็นแผ่นน้ำแข็งกองมหึมาสูงกว่า 9 เมตรเลยทีเดียว

    ถ้อยแถลงของเมืองระบุว่า บ้านเรือนราษฎรอย่างน้อย 27 หลังได้พังพินาศหรือไม่ก็ได้รับความเสียหายร้ายแรง และได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม กระแสลมแรงที่วัดความเร็วลมสูงสุดได้ถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ

    เจย์ โดริง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยแมนนิโทบา ซึ่งศึกษาด้านกลศาสตร์น้ำแข็ง บอกกับเอเอฟพีว่าปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้ไม่ใช่เหตุการณ์ที่พบเห็นได้ยากและเรียกมันว่า “ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นพักๆ” พร้อมชี้ว่าเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันก็เกิดขึ้นที่รัฐแอลเบอร์ตา รวมถึงในรัฐมินเนโซตา ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน

    เขากล่าวว่า “มันก็แค่ต้องการสภาวะที่เหมาะสม มีน้ำแข็งนอกชายฝั่ง เป็นแค่เศษเล็กๆ ไม่ใช่น้ำแข็งแผ่นใหญ่และลมกระโชกแรง” พร้อมระบุว่าลมแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลักน้ำแข็งเข้าหาชายฝั่ง ด้วยพื้นที่แถบนี้เป็นแนวชายฝั่งที่ค่อยๆ ลาดลง กำแพงน้ำแข็งก็เกิดดันกันหรือม้วนตัวขึ้นชายหาด อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้น้ำแข็งเคลื่อนที่เร็วพอสมควร จึงก่อความเสียหายอย่างกว้างขวาง แม้จะกินเวลาเพียงแค่ 10 ถึง 15 นาที

    บริษัทประกันภัยบอกว่า ประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายจากปรากฏการณ์ดังกล่าว ดังนั้นชาวบ้านจึงได้แต่หวังว่าหน่วยงานบรรเทาภัยหายนะของรัฐบาลจะใช้ชดเชยค่าใช้จ่ายบางส่วนในการซ่อมแซมหรือสร้างบ้านใหม่
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โลกวิปริต!แถบละตินหิมะตก-อุณหภูมิดำดิ่งเดือนก.ค.ตายแล้วนับสิบศพ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2556 03:16 น.
    หิมะที่ตกลงมาในเมืองกูรีตีบา รัฐปารานา ประเทศบราซิล

    เอเจนซี - เหล่าชาติละตินอเมริกาต้องเผชิญกับหิมะและอุณหภูมิบางพื้นที่ดำดิ่งต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยสภาพอากาศหนาวเหน็บที่พาดผ่านมาจากทวีปแอนตาร์กติกานี้ส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ไม่ว่าจะเป็นอุรุกวัย ชิลี อาร์เจนตินา ปาราวัยและบราซิล คร่าชีวิตผู้คนรวมแล้วกว่า 10 ศพ

    รายงานข่าวเมื่อวันศุกร์(26) ระบุว่าพื้นที่บางส่วนของบราซิล อุณหภูมิลดต่ำถึง -7.4 องศาเซลเซียส ขณะที่ในเซาเปาลู วัดอุณหภูมิได้ต่ำสุด 5.2 องศาเซลเซียส ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 โดยสภาพอากาศอันหนาวเหน็บเป็นภัยคุกคามแก่คนเร่ร่อนหลายพันราย
    image.jpg
    หิมะกองอยู่ตรงตีนเขาแห่งหนึ่งในเมืองกูรีตีบา รัฐปารานา ประเทศบราซิล โดยเมืองแห่งนี้ไม่เคยมีหิมะตกลงมานาน นับตั้งแต่ปี 1975

    อย่างไรก็ตามสภาพภูมิอากาศดังกล่าวกลับกลายเป็นความสุขของผู้คนอีกจำนวนหนึ่ง ด้วยพบเห็นชาวบราซิลหลายคนพากันถ่ายภาพลูกๆหลานๆที่กำลังปั้นตุ๊กตาหิมะบนท้องถนนและโพสต์ภาพลงบนอินเตอร์เน็ต ขณะที่บางรัฐของบราซิล ไม่ได้พบเห็นหิมะมานานหลายปีแล้ว

    กระนั้นในบราซิล ก็พบประชาชน 3 รายเสียชีวิตจากสภาพอากาศเลวร้ายดังกล่าว อันเป็นจำนวนเดียวกับในอุรุกวัย ชาติเพื่อนบ้าน แต่ก็มีคำเตือนว่ายอดอาจพุ่งสูงกว่านี้ แม้มีพยากรณ์ว่าอุณหภูมิจะอุ่นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์

    ส่วนที่ปารากวัย รายงานของตำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์(26) ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำ เพิ่มเป็น 4 ศพแล้ว หลังอุณหภูมิเฉลี่ยในประเทศแห่งนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 0 ถึง 10 องศาเซลเซียส

    ชาวบราซิลบางส่วนตื่นเต้นกับหิมะที่ตกลงมา

    เหยื่อรายล่าสุดเป็นชาย 87 ปี ถูกพบเสียชีวิตในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(25) ในสภาพนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นบ้าน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองคาบัลเลโร ทางตอนใต้ของประเทศ

    ก่อนหน้านั้นในวันพฤหัสบดี(25) ตำรวจรายงานว่าพบผู้เสียชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย 3 คน เหยื่อคนแรกเป็นชายชราวัย 62 ปี ซึ่งเสียชีวิตที่เหมืองชิวดัดเดลเอสเต จังหวัดอัลโตปารานา ห่างจากเมืองหลวง ไปทางตะวันออกราว 330 กิโลเมตร

    ส่วนคนที่ 2 เป็นชายวัย 55 ปี เสียชีวิตที่กรุงอะซุนซิออง ขณะที่อีกคนเป็นชายสูงอายุ 93 ปี สิ้นลมในเมืองซาน โลเรนโซ รอบนอกเมืองหลวง โดยทั้ง 3 คนเสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำเมื่อวันอังคาร (23) ด้วยที่วันดังกล่าวอุณหภูมิสภาพอากาศในพื้นที่แถบนั้น ลดต่ำแตะระดับ -4 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

    สหภาพเกษตรกรปารากวัยคาดหมายว่า สภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ที่พบเห็นน้ำค้างแข็งปกคลุมพื้นที่การเกษตรบริเวณกว้างจะสร้างความเสียหายแก่พืชผลอย่างร้ายแรง หลังจากก่อนหน้านี้ทางการคาดหวังไว้ว่าผลผลิตทางการเกษตรจะทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล โดยเฉพาะจากข้าวและเมล็ดพืชน้ำมัน

    เหตุนี้เองจึงคาดหมายว่ามันอาจส่งผลประทบต่อการเติบโตของประเทศด้วย หลังจากก่อนหน้าที่สภาพอากาศหนาวเหน็บปกคลุม ธนาคารกลางของปารากวัยประมาณการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะขยายตัวถึงร้อยละ 13 ถึง 15

    ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กระจายกำลังในปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ยากจนตามเมืองต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ ขณะที่เหล่านักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าอากาศจะอุ่นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปาราวัยหนาวจัดอุณหภูมิดิ่ง 0 องศา คร่าชาวบ้านแล้ว 3 ศพ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2556 04:30 น.
    image.jpg
    (แฟ้มภาพ)

    เอเอฟพี - มีประชาชน 3 รายเสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำในปารากวัย ตำรวจเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (25) ขณะที่ประเทศแถบละตินอเมริกาแห่งนี้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายสุดขั้ว อุณหภูมิดำดิ่งระหว่าง 0 องศาถึง 10 องศาเซลเซียส

    เหยื่อคนแรกเป็นชายชราวัย 62 ปี ซึ่งเสียชีวิตที่เหมืองชิวดัดเดลเอสเต จังหวัดอัลโตปารานา ห่างจากเมืองหลวง ไปทางตะวันออกราว 330 กิโลเมตร ส่วนคนที่ 2 เป็นชายวัย 55 ปี เสียชีวิตที่กรุงอะซุนซิออง ขณะที่คนสุดท้ายเป็นชายสูงอายุ 93 ปี สิ้นลมในเมืองซาน โลเรนโซ รอบนอกเมืองหลวง

    รายงานข่าวระบุว่า ทั้ง 3 คนเสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำเมื่อวันอังคาร (23) ด้วยที่วันดังกล่าวอุณหภูมิสภาพอากาศในพื้นที่แถบนั้น ลดต่ำแตะระดับ -3 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

    สหภาพเกษตรกรปารากวัยคาดหมายว่า สภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ที่พบเห็นน้ำค้างแข็งปกคลุมพื้นที่การเกษตรบริเวณกว้างจะสร้างความเสียหายแก่พืชผลอย่างร้ายแรง หลังจากก่อนหน้านี้ทางการคาดหวังไว้ว่าผลผลิตทางการเกษตรจะทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล โดยเฉพาะจากข้าวและเมล็ดพืชน้ำมัน

    เหตุนี้เองจึงคาดหมายว่ามันอาจส่งผลประทบต่อการเติบโตของประเทศด้วย หลังจากก่อนหน้าที่สภาพอากาศหนาวเหน็บปกคลุม ธนาคารกลางของปารากวัยประมาณการณ์ว่าจีดีพีของประเทศจะขยายตัวถึงร้อยละ 13 ถึง 15

    ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กระจายกำลังในปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ยากจนตามเมืองต่างๆ ที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บ ขณะที่เหล่านักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าอากาศจะอุ่นขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซุปเปอร์โนวา
    ซุปเปอร์โนวา คือ การระเบิดของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ เมื่อมันระเบิดมันจะสว่างกว่า กาแลกซี (Galaxy) ทั้งอันเลยทีเดียว ทำให้บางครั้งเราอาจเห็นซุปเปอร์โนวาที่เกิดจากกาแลกซีที่ไกลมากจนเรามองไม่เห็นกาแลกซีแต่มองเห็นซุปเปอร์โนวาที่สว่างมากแทน ทุกๆ 100 ปี จะเกิดซุปเปอร์โนวา 1 ครั้งในกาแลกซีทางช้างเผือกของเรา แต่สาเหตุที่เรามองไม่เห็นเพราะมันอาจโดนฝุ่นและแก๊สที่อยู่ระหว่างดวงดาวบังไว้ก็ได้

    ซุปเปอร์โนวาที่ไม่มีสเปกตรัมของไฮโดรเจน (Type I)
    ซุปเปอร์โนวาชนิด Ia เกิดในระบบดาวคู่แบบใกล้กัน ที่มีดวงหนึ่งเป็นดาวแคระขาว ซึ่งเป็นดาวที่มีอายุมากอาจถึงหมื่นล้านปี อีกดวงเป็นดาวเมนซีเควนซ์ เมื่อดาวเมนซีเควนซ์เริ่มวิวัฒนาการจนกลายเป็นดาวยักษ์ (giant) หรือดาวยักษ์ใหญ่ (super giant) มันก็จะเริ่มถ่ายมวลให้กับดาวแคระขาว จนทำให้มวลของดาวแคระขาวมากกว่าลิมิตของจันทร์ คือมีมวลมากกว่า 1.4 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ดาวแคระขาวก็จะเริ่มยุบตัวโดยมีรัศมีลดลงตามความหนาแน่นและอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการหลอมรวมของคาร์บอนและออกซิเจนในเหล็ก (Fe)

    เมื่อเชื้อเพลิงหมดดาวก็จะยุบตัวแล้วก็ระเบิดเป็นซุปเปอร์โนวา ซึ่งพลังงานที่ปล่อยออกมานี้จะสูงถึง 1,044 จูล หรือเท่ากับที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมาทั้งชีวิตของมันเลยทีเดียว ซุปเปอร์โนวา Type Ia จะปล่อยพลังงานออกมามากว่า Type II

    ส่วนแกนกลางของซุปเปอร์โนวาจะยุบตัวกลายเป็นดาวนิวตรอนที่มีขนาดเล็กและมีความหนาแน่นสูงมาก ทั้งดาวเป็นนิวตรอนหมด แต่ถ้าดาวฤกษ์ที่ระเบิดมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 15 เท่า แกนกลางก็จะยุบตัวต่อไปอีกจนกลายเป็นหลุมดำ ที่แม้แต่แสงก็ออกมาไม่ได้ ซุปเปอร์โนวาชนิดนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ II-L, II-P และ IIn

    เนื่องจากโครงสร้างของธาตุเหล็กไม่ยอมให้เกิดธาตุที่หนักกว่าได้ เมื่อเชื้อเพลิงหมดแกนกลางก็ยุบตัวในช่วงเวลาไม่ถึงวินาที อุณหภูมิแกนกลางก็จะสูงขึ้นถึง 100 ล้านองศา ทำให้อะตอมเหล็กหลอมรวมกันจนแรงผลักระหว่างอะตอมมากกว่าแรงดึงดูด การยุบตัวจึงหยุดลง ซึ่งทำให้เกิดคลื่นกระแทกจากรอบๆ ใจกลางดาว แล้วก็ขยายออกมาชนกับสสารบริเวณเปลือกนอกจนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและเกิดการหลอมเป็นธาตุใหม่ และไอโซโทปที่แผ่รังสีได้ แล้วสสารก็กระจายออกไปสู่อวกาศซึ่งเรียกว่า "ซากของซุปเปอร์โนวา" (Supernova remnant)

    กลุ่มแก๊สที่เกิดการระเบิดนี้จะแผ่รังสีออกมาหลายช่วงความยาวคลื่นทั้งที่ตาเรามองเห็นและมองไม่เห็น เช่น รังสีเอ๊กซ์และรังสีแกมมา เป็นเวลาหลายพันปี กลุ่มแก๊สนี้อาจจะขยายตัวด้วยความเร็วสูงถึง 500 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ ประมาณ 14,000 กิโลเมตรต่อวินาที ในตอนต้นของการระเบิด แล้วก็ค่อยๆ ลดความเร็วลงเหลือประมาณ 10,000 กิโลเมตรต่อวินาที แต่ก็ยังขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เมื่อไปชนสสารระหว่างดวงดาวก็อาจทำให้เกิดดาวฤกษ์ใหม่
    image.jpg
    ซุปเปอร์โนวาที่มีสเปกตรัมของไฮโดรเจน (Type II )

    ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะเป็นดาวที่มีอายุน้อย มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ถ้ามีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 5 เท่า ตอนตายจะกลายเป็นซุปเปอร์โนวา การระเบิดจะเกิดขึ้นเมื่อเชื้อเพลิงที่ใช้ในปฏิกิริยาหมด ทำให้ดาวฤกษ์ไม่เสถียรโดยแรงดึงดูดมากกว่าแรงดัน ทำให้แกนกลางของดาวเริ่มยุบตัวจนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและหนาแน่นมากขึ้น ทำให้เกิดปฏิกิริยาโดยใช้ธาตุอื่นอีกครั้ง แต่ก็ไม่นานสุดท้ายแกนกลางที่เหลือก็จะกลายเป็นเหล็กจนหมด ซึ่งไม่สามารถเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบฟิวชันได้อีก

    ซุปเปอร์โนวา Type II จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ Ia, Ib และ Ic โดยดูจากประเภทของดาวคู่ของดาวแคระขาว, ฟิวชันของดาวฤกษ์ และสเปกตรัมของซุปเปอร์โนวา โดย Ia จะไม่มีเส้น H และ He เพราะว่าดาวแคระขาวประกอบด้วยคาร์บอนและออกซิเจน แต่จะมีเส้น Si เพราะเป็นธาตุตัวหนึ่งที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์แต่ธาตุส่วนมากจะเป็นเหล็ก ซึ่งชนิด Ia จะกระจายเหล็กสู่อวกาศมากกว่าเท่ากับมวลของดวงอาทิตย์เลยทีเดียว

    ตัวอย่างของซุปเปอร์โนวา Type Ia คือ ไทโค (Tycho’s SNR)ซึ่งเป็นซุปเปอร์โนวาในกาแลกซีของเรา ระเบิดเมื่อ ค.ศ. 1572 ค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ชื่อ ไทโค ปัจจุบันนี้มองไม่เห็นในช่วงคลื่นที่เราเห็น แต่ยังแผ่รังสีอยู่ในช่วงคลื่นอยู่เป็นรังสีเอ็กซ์ ตรงกลางไม่มีนิวตรอนหรือหลุมดำ ในกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย (Cassiopeia)

    ตัวอย่างของ Type II คือ เนปิวลาปู (M1) เป็นซุปเปอร์โนวาที่เกิดเมื่อปี ค.ศ.1054 ค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ชาวจีน สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้หลายวัน มีลักษณะเป็นกลุ่มแก๊สที่กำลังขยายตัวด้วยความเร็ว 700 - 1800 km/h ตรงแกนกลางเป็นดาวนิวตรอนที่หมุนเร็วมากและมีสนามแม่เหล็กที่มีความเข้มสูงมาก ซึ่งดาวนิวตรอนประเภทเรียกว่า "ฟัลซาร์" ใน 1 วินาทีมันสามารถหมุนได้ถึง 30 รอบ เนบิวลาปูนี้เรายังสามารถมองเห็นได้เมื่อใช้กล้องดูดาว อยู่ในกลุ่มดาววัวหรือราศีพฤษภ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อมูล คุณ hifyer

    permalink
    Latest SUPERNOVA on 25 July 2013

    นี่เป็นการระเบิดของดาวยักษ์แดงครั้งที่ 3 ในรอบ 11 ปี ของกาแลคซี่ขดหอยที่ชื่อ M74 ( อยู่ห่างจากเรา 32ล้านปีแสง มีขนาดความกว้าง 3หมื่นปีแสง เล็กกว่ากาแลคซี่ ทางช้างเผือก ที่กว้าง1แสนปีแสง) ซึ่ง 2 ครั้งก่อน เกิดขึ้นในปี 2002 กับ 2003 โดยหอสังเกตการณ์ Supernova " LICK " San Jose, California ได้พบการระเบิดเมื่อวันที่ 25 กค. ที่ผ่านมา คาดว่าดาวยักษ์แดง ( Supergiant ) ที่ระเบิดมีมวลประมาณ 8 เท่าของดวงอาทิตย์ เป็นการระเบิดแบบ Type II เศษดาวที่ระเบิดกระจายออกโดยรอบด้วยความเร็ว 70,000 กม / วินาที พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาครั้งนี้ เท่ากับ พลังงานของดวงอาทิตย์ที่ปลดออกมาในช่วงอายุ 10,000 ล้านปีเลยที่เดียว ใครที่อยากเห็นแสงจากการระเบิดด้วยตาตนเอง ช่วงนี้ยังมีโอกาสอยู่นะครับ
    image.jpg
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลกนี้การเกิดพายุสุริยะ หรือการเกิดมีพลังงานจากนอกระบบสุริยะไหลเข้ามาในโลกก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เรามาวิเคราะห์พุทธทำนาย วรรคที่ว่า " พ.ศ. 2533 – 2563 : ช่วงในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป ( คนไม่ดี มีจิตใจเช่นยักษ์ ) ให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี" ในนี้เขาว่าเป็นมนุษย์น่ะครับ แต่ผมว่ายักษ์หินจะเป็นมนุษย์ได้ยังไงก็คงเกี่ยวกับพื้นผิวโลก แต่พุทธทำนายไม่ได้บอกว่าจะมีสิ่งร้ายแรงเช่นอุกาบาตชน บอกแค่น่าจะมีเหตุปัจจัยที่มาทำให้แผ่นดินเกิดไหว และภูเขาไฟระเบิดแค่นั้นครับ และภัยจากการที่ยักษ์หินตื่นก็จะยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ

    พุทธทำนาย
    โดยที่คณะธรรมทูตไทย ผู้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ที่ประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ ( ไม่ต้องปรับแก้ ) ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนายจากศิลาจารึกเขตมหาวิหารในสวนมฤคทายวัน แปลได้ดังนี้ "สาธุ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก ในคราวที่พระองค์ไกล้ถึงพระชนมายุย่างเข้าพระปรินิพานตามกาลเวลา จึงตรัสแก่พระอานนท์ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

    ดูกรอานนท์ สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาล้วนแต่ลำบากทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลายจนถึงสมัยที่ตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๕๐๐๐ ปี เมื่อโลกไปใกล้กึ่งจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้ ( คือ ก่อนปี ๒๕๐๐ ปี หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ) มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศเสียครึ่งหนึ่ง ( สิ่งนี้ถ้าจะเดา น่าจะหมายถึง ก่อนปี พ.ศ. 2548 มาแล้ว ผู้คนครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับภัยพิบัติเสียครึ่งหนึ่ง )

    พ.ศ. 2533 – 2563 : ช่วงในระยะ ๓๐ ปี สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น ยักษ์หิน ถูกสาป ( คนไม่ดี มีจิตใจเช่นยักษ์ ) ให้หลับก็กลับคื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งหนัก เมื่อใกล้กึ่งศาสนาของตถาคต ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี และมนุษย์นอกศาสนาก็จะรบราฆ่าฟัน กันถึงเลือดนองแผ่นดินและแผ่นน้ำ แม้ในอากาศก็มี อำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับเหมือนยักษ์ กระหายเลือด แผ่นดินแผ่นน้ำจะเดือดเป็นไฟ และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งกำเนิดมจากสัตว์ป่าอำมหิต
    ( อธิบาย : ผูู้้มีพระภาคตรัสเกี่ยวกับก่อนกึ่งพุทธกาล หรือปี 2500 หรือ ก่อน พ.ศ. 2548 ว่า ก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ผู้คนนอกศาสนาพุทธ ได้สู้รบกัน และที่รู้จักดีคือทั้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และที่ 2 ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก แม้การต่อสู้ทางอากาศ มีลูกระเบิดจากเครื่องบินทำให้เกิดเป็นเพลิงเผาพลานไปทั่ว ทางพื้นน้ำก็มีการสู้รบกันทางเรือ ทั้งสองฝ่ายต่างเสียชีวิตเป็นอันมาก และแล้วก็เลิกรากัน )

    ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวายในทางบุญตามเดิม วัจนะของตถาคต ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดที่เคารพสักการะพระศรีมหาโพธิ์และ กาสาวพัสตร์จะได้รับวิบัติเบาบางลง แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น ( พระผู้มีพระภาคตรัสถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า มนุษย์ต้องเผชิญภัยพิบัติต่อไป )

    เริ่มแต่ศาสนาตถาคตล่วงมาได้ ๒๔๘๕ ปี ( พ.ศ. 2533 ) เป็นต้นไป ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม ( อธิบาย : พระสงฆ์ ครูอาจารย์ทางพุทธศาสนาเสื่อมลงตามทีพระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว ศาสนาและลัทธิอื่นเข้ามาเผยแพรในแดนพระพุทธศาสนา่ เดียรถีย์เพิ่มพูล ) สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ( จากการวิเคราะห์ อาจเดาว่า พระผู้มีพระภาคน่าจะตรัสถึง สมณชีพราหมณ ที่ประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะอดยากยากเข็ญ เพราะไม่มีผู้นิยม ) คนบ้านจะเข้าป่า ( อธิบาย : คนในเมืองบุกรุกป่า มีทั้งจับจองที่ดิน และหาผลประโยชน์จากป่า ) สัตว์ป่าจะเข้ากรุง ( สัตว์ป่าไม่มีทีหากิน เข้ามาหากินตามไร่สวนรบกวนผู้คน ) เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ ( เกิดมลพิษต่างๆ )

    สงครามจะทั่วทิศ ( สงครามในรูปแบบต่างๆ จะเกิดขึ้นมากมาย ) ศึกจะติดเมือง ( สงครามนั้นๆ อยู่ในเมืองนี่เอง ) ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง ( คอร์รัปชั่นจักเกิดมาก ) ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ ( คนดีมีวิชาความรู้ไม่มีปากเสียง ) ราชตระกูลอำมาตย์ ราษฎรทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม ไม่เคารพหลักธรรม โดยปรวนแปรนิยมเชื่อถือถ้วยคำของคนโกง คนกล่าวคำเท็จ คนประจบสอพลอย่อมได้รับการเชื่อถือในท่ามกลางสังคมสันนิบาต ( อธรรมจะได้รับการยกย่อง เชื่อถือ )

    ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบไม่มีเสียง ( แต่ผู้ยึดถือพระธรรมะจะเป็นใบ้ ) จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย ลูกจะพลัดแม่ แม่จะพลัดจากลูก ( ลูกและพ่อแม่จะแยกกันอย ู่) โคกจะเป็นน้ำ ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏิหนึ่งผีเสื้อแสนหนึ่งมาปล่อยแสนหนึ่งมาปล่อย ไข้เป็นไฟผลาญ ( สรุปว่าเมืองหลวงจะเต็มไปด้วยสิ่งไม่ดีต่างๆ นาๆ )
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดูโฉมหน้าชัดๆ!! มือขู่ฆ่าแม้ว ประวัติสุดโหด ไม่เคยพลาด ไร้ความปราณี
    image.jpg
    มาดูโฉมหน้าชัดๆ!! มือขู่ฆ่าแม้ว ใช่อาบู บากา อัล-แบกห์ อดีตผู้ยำอัลกออิดะห์ในอิรักหรือไม่ คนผู้นี้ได้ชื่อว่าทำงานไม่เคยพลาด ไร้ความปราณี ??
    วันนี้ ( 28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจ "รวมมิตรการเมือง" ได้โพสต์ภาพ "อาบู บากา อัล-แบกห์" อดีตผู้ยำอัลกออิดะห์ในอิรัก มือสังหารโหดระดับแนวหน้าของโลก เผยทำงานใหญ่ไม่เคยพลาด พร้อมได้แสดงความเห็นว่า ยุ่งแล้วล่ะสิพี่น้อง ยืนยัน คลิปสั่งล่าทักษิณ ของแท้ !!! จากการที่ ผู้ใช้ เฟสบุ๊ค ชื่อว่า รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้โพสต์ขอความในกลุ่มว่า ถ้าเป็นคนเดียวกัน เสื้อแดงจะเชื่อไหมว่าเป็นคลิปจริง ? ขนาดเปิดหน้าโชว์กันขนาดนี้ Abu Bakr al-Baghdadi (อาบู บากา อัล-แบกห์) - ผู้นำของอัลกออิดะห์ในอิรัก ผู้เหี้ยมโหด ผู้ไม่เคยทำงานผิดพลาด!!"
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 29 กรกฎาคม 2556
    21:00 พายุโซนร้อน Flossie ไปถึงฮาวายแล้ว มาดูกันครับว่าจะเป็นยังไง เพราะก่อนหน้านี้ฮาวายถึงแม้ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุก็โดนน้ำท่วมแล้ว. โปรแกรม Disaster Alert ได้แจ้งให้ผมทราบเมื่อหลายวันก่อน ผมว่าท่วมจากน้ำทะเลขึ้สูง และนี้ไปได้น้ำเพิ่มจากฝนตกจะไประบายน้ำได้ที่ไหนครับ
    image.jpg
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Heat waves : คลื่นความร้อน อันตราย จากมัจจุราชเงียบ

    1.JPG
    คลื่นความร้อน (Heat waves) เป็นปรากฎการณ์ความร้อน ที่เกิดขึ้นบนโลก โดยมนุษย์มักมีความประมาท และมีความเข้าใจน้อย ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นการทำลายล้าง ของสภาพอากาศ แบบ Deadly weather (กาลอวสานของภูมิอากาศ)

    การเกิดขึ้น ของคลื่นความร้อน เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นทางกายภาพ ไม่เหมือนภัยพิบัติอื่น เช่น การเกิดน้ำท่วมหรือการเกิดพายุ ทั้งนี้คลื่นความร้อน มีอันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากเกิด ขึ้นในสังคมเมืองใหญ่ จึงถือได้ว่าเป็นมัจุราชเงียบพร้อมจะสร้าง ความวิบัติต่อมนุษย์ได้อย่างน่ากลัว ดังเช่นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

    3.JPG


    ดัชนีค่าความร้อน ตัวเลขสำคัญต่อมนุษย์

    ความร้อนจากเทอร์โมมิเตอร์ ทำให้ทราบอุณหภูมิอากาศ แต่การใช้ค่าความร้อนเพื่อแสดงผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ ต้องใช้ Apparent temperature (อุณหภูมิที่ปรากฎและร่างกายรับรู้) หรือ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index)

    เป็นวิธีวัดค่าจริงภายนอก มีองค์ประกอบของอุณหภูมิอากาศ (Air temperature) ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative humidity) และความเร็วลม (Wind speed)

    ดังนั้น ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) เป็นหน่วยวัดผลกระทบ แสดงเงื่อนไขที่มนุษย์รับความรู้สึกร้อนขึ้นอย่างแท้จริง ด้วยจากการเสียเหงื่อ ซึ่งเป็นต้นเหตุก่อให้เกิดความไม่สบายตัว จากการตอบสนองอัตราการ ถ่ายเทปริมาณความร้อนระหว่างผิวหนังกับอากาศที่ล้อมรอบตัว ทั้งนี้จะไม่อ้างอิงเวลา อายุ เพศและความเจ็บป่วย หรือเงื่อนไขความหลากหลายอื่นๆ

    กรณีความชื้นในอากาศพอเหมาะ จะทำให้รู้สึกสบาย ถ้าความชื้นในอากาศมากและอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้รู้สึกอึดอัด ตัวเหนียวเหนอะหนะ เพราะเหงื่อระเหยไม่ได้ดีเท่าที่ควร แต่ถ้าความชื้นน้อยและอุณหภูมลดต่ำลง อากาศจะแห้งมาก เหงื่อที่ตัวจะระเหยสู่อากาศได้มาก ทำให้รู้สึกเย็น

    4.JPG

    ตัวอย่างสมมุติ ระดับอุณหภูมิในอากาศ 36°C ค่าความชื้นสัมพัทธ์ 40% ในตาราง
    แสดงดัชนีค่าความร้อน เท่ากับ 38°C เป็นระดับความรู้สึกจริงที่ร่างกายได้รับความ
    ร้อน คือ 38°C (ซึ่งเป็นระดับ แจ้งเตือนร้ายแรง)

    ทำนองเดียวกัน ระดับอุณหภูมิในอากาศ 36°C (เท่าเดิม) แต่ค่าความชื้นสัมพัทธ์
    เป็น 75% ในตารางแสดง ดัชนีค่าความร้อนเท่ากับ 56 °C เป็นระดับความรู้สึกจริง
    ที่ร่างกายได้รับความ ร้อน คือ 56 °C (ซึ่งเป็นระดับ อันตรายร้ายแรง)

    คงมีหลายคนนึกในใจว่า ทั้งๆที่อุณหภูมิเท่าเดิม แต่วันนี้กับเมื่อวาน ความรู้สึกร้อนทำไมจึงแตกต่างกันมาก จนร่างกายรับรู้ได้ชัดเจน เหตุผลคือ อยู่ที่ค่าความชื้นด้วย
    ดังตัวอย่างที่สมมุติ ดังนั้นการพิจารณา ระดับความร้อนสำหรับมนุษย์ จึงมิใช่เพียงใช้ค่าจากเทอร์โมมิเตอร์เพียงอย่างเดียว

    สังเกตได้ว่า ตารางรายงานสภาพอากาศ ในต่างประเทศ นอกจากจะรายงานค่า
    อุณหภูมิ พื้นผิวแล้ว มักจะระบุ ค่าความชื้น (Humidity) และดัชนีค่าความร้อน
    (Heat index) ไว้ด้วย อย่างน้อยสามารถหลบหลีก การทำกิจกรรมกลางแจ้งได้

    ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) มีบทบาทสำคัญต่อการเข้าใจ ความร้อนที่เกิดขึ้น
    ในบริเวณนั้น เพื่อเป็นการเตือนภัยด้านความร้อน ที่มีการสะสมของความร้อนหรือ
    คลื่นความร้อน อันอาจก่ออันตรายได้ถึงชีวิต

    5.jpg

    6.jpg

    ความร้อนตามธรรมชาติและด้วยฝีมือมนุษย์
    ช่วงฤดูร้อน แม้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของฤดูกาล แต่สาเหตุสำคัญคืออุณหภูมิสูงขึ้นเพราะเป็นระยะที่ขั้วโลกเหนือ หันเข้าหาดวงอาทิตย์โดยเฉพาะเดือนเมษายนลำแสงของดวงอาทิตย์ จะตั้งฉากกับผิว พื้นโลกในช่วงเวลาเที่ยงวันของประเทศไทย จึงได้รับความร้อนอย่างเต็มที่ อากาศจึงร้อนอบอ้าวทั่วไป

    เป็นการส่งผลต่อ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) บางครั้งยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำจากความร้อนปกคลุม และการเพิ่มขึ้นของ ก๊าชเรือนกระจกสูงขึ้นเป็นปัจจัยเพิ่มความร้อน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก

    หากในปีใด เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญขึ้น จะเป็นสาเหตุสนับสนุนทำให้โลกร้อนยิ่งขึ้น ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ถ้าปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงจะยิ่งส่งผลทำให้ประเทศไทยร้อนมากขึ้นตามลำดับ

    อย่างไรก็ตาม ในเมืองใหญ่ สังเกตได้ชัดว่า มีผลกระทบด้วยการสะสมความร้อนในเมือง จากความหนาแน่นของประชากร กับพื้นที่สีเขียวต่างกันมาก โดยเฉพาะปัจจัยเสริมจากการสะสม ความร้อนผิวถนน อาคารขนาดใหญ่ ที่ก่อสร้างทับพื้นที่สีเขียว และการระบายความร้อน จากเครื่องยนต์นับแสนคัน เครื่องปรับอากาศนับล้านเครื่อง และอีกหลายปัจจัย เช่น ทำให้เกิด ผลกระทบการเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศในประเทศไทย

    เหล่านี้เป็นปัจจัยหลักของเมืองที่สะสม ความร้อนในเวลากลางวัน และไม่สามารถระบายไปไหนได้ (และมีจำนวนทวีคูณขึ้นในทุกๆปี) การสะสมอย่างมากมายในตลอดทั้งวัน กลางคืนเมื่ออากาศเริ่มคลายตัว ความร้อน ก็ระบายออกจากแหล่งดังกล่าว ทำให้พื้นที่เมืองมีอุณหภูมิสะสม ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เช่นกัน ยิ่งทำให้เพิ่มขึ้นของ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) จากการสะสมของความร้อน หากเป็นพื้นขนาดใหญ่ขึ้น จะเป็นสิ่งสนับสนุนช่วยให้เกิดคลื่นความร้อนได้

    7.jpg

    8.jpg

    นิยามคำว่า คลื่นความร้อน

    คลื่นความร้อน เป็นความแปรปรวนของความร้อนในอากาศ เกิดขึ้นได้ทั้งในชนบท และในเมือง เป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงขึ้นผิดปกติ โดยคงอยู่อย่างน้อยที่สุด 1 วัน โดยปกติเมื่อมีคลื่นร้อนผ่านเข้ามาอากาศ มักจะมีอุณหภูมิสูงผิดปกติอยู่เป็นเวลาหลายวันหรือเป็นสัปดาห์ ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ (รวมทั้งพืชและสัตว์) ตั้งแต่ระดับอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า กระทั้งเสียชีวิตด้วยโรคลมแดด (Heat stroke)

    อย่างไรก็ตาม การปรากฎของคลื่นความร้อน มิได้มีการกำหนดเป็นสากล แต่มักเป็นการกำหนดจาก การอ้างอิงระดับ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) โดยขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์แต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค เช่น ประเทศอเมริกา โดย The National Weather Service

    ผลของความร้อนในเวลากลางวัน มีดัชนีค่าความร้อน (Heat index) ที่คาดว่าหรือมีขอบเขต หรือเกินกว่า 105°F (40.6°C) และผลของความร้อน ในเวลากลางคืนมีอุณหภูมิล้อมรอบ อย่างน้อย 80°F (26.7°C) ทั้งสองกรณีนั้น มีผลติดต่อกันอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

    แต่ในเมือง Dallas รัฐ Texas กำหนดอย่างเป็นทางการ ไว้ต่างกันออกไป คือ ต้องมี ดรรชนีค่าความร้อน (Heat index) 100°F (37.8°C) ติดต่อกัน 3 วัน ยุโรปเหนือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และแถบใกล้เคียง ประเทศเบลเยียม เดนมาร์ก และลักแซมเบอร์ก

    กำหนดช่วงระยะเวลา ติดต่อกันอย่างน้อย 5 วัน ของ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) ในเมืองเล็กบนแผ่นดิน อย่างน้อย 77°F (25°C) และอย่างน้อย 3 วันในกรณีสำหรับ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) ระดับ ที่ 86°F (30°C)

    9.jpg

    10.jpg

    ปรากฎการณ์ คลื่นความร้อน
    คลื่นความร้อนเกิดขึ้น จากเหตุการณ์ขนาดใหญ่ ของบริเวณ Upper-level high-pressure system (บริเวณความกดอากาศสูง-บนชั้นสูง) โดยร่วมช่วยกับความกดอากาศสูงบริเวณพื้นผิวโลก เกิดหยุดนิ่ง ด้วยตัวของตัวเอง

    การเกิดขึ้นดังกล่าว ครอบคลุมอาณาเขตแผ่กว้าง รวมเป็นหนึ่งเดียวในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นแบบแผนทาง ด้านอุตุนิยมวิทยา (Meteorological) เรื่องในความวิบัติของอากาศ โดยเป็นการเกิดการกลับกัน (Inversion) จากสภาวะปกติ คือ ไม่เอื้อต่อการเกิดเมฆ การเกิดฝนหรือหิมะ รวมทั้งปิดกั้นแสง และลมที่จะพัดพาความชื้นจากแหล่งที่มีความชื้น

    ขณะที่บริเวณใกล้พื้นดิน บนตำแหน่งที่ตั้งนั้น ความชื้นในบรรยากาศเหลือค้างอยู่สูง ซึ่งอาจเกิดจากการเคลื่อนย้ายมาจาก บริเวณพื้นที่ชุ่มชื้น หรือ เกิดจากผลกระทบจากไอน้ำผุดขึ้นมา จึงเป็นเหตุเพียบพร้อมให้ก่อตัวขึ้น ของคลื่นความร้อน (Heat waves) ส่งผลให้มีอุณหภูมิสูง (High temeratures) ความชื้นสูง (High humidity) พร้อมๆกัน

    การขาดแคลนเมฆ ปกคลุมบนท้องฟ้า ส่งผลกระทบต่อการขาดฝนสำหรับธัญพืชบนโลก ที่ต้องการความชุ่มช่ำบนผิวดิน ทำให้พื้นดินแห้งและแตกระแหงมากขึ้นความแห้งแล้งลุกลามขยายวงกว้าง ทำให้พืชขาดน้ำแห้งตาย มีโอกาสเกิดไฟป่าเพิ่มตวามเสียหายต่างจากในเมือง ทั้งนี้การเกิดขึ้นดังกล่าวของ Upper-level high นิ่งยาวนาน กลไลจากผลตอบรับดังกล่าว ยิ่งทวีคูณ

    สำหรับการเกิดขึ้นบริเวณ ตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกา หรือในบริเวณพื้นที่ทะเลทราย ที่เรียกว่า Heat low เป็นเรื่องการคำนวณ บนสถานการณ์จำลอง เพื่อหาค่าความผันผวนความแตกต่าง ของอุณหภูมิกับความกดอากาศ ในต่างระดับน้ำทะเล

    11.jpg

    บริเวณแหล่งเกิดคลื่นความร้อน
    แม้ว่าคลื่นความร้อน สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าที่ใดก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือ มักเกิดขึ้นบริเวณสถานที่ ที่มีความร้อนปกติ ดังประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา เช่นที่ Phoenix และ Arizona ในสหรัฐอเมริกา หรือ New Delhi ในอินเดีย ทั้งหมดเป็นเหตุการณ์ร้ายแรง

    แต่บริเวณร้อนสุดของโลก เช่น El Azibya (ลิเบีย) Death valley (อเมริกาเหนือ) หรือ Tirat Tsvi (อิสราเอล) Cloncurry (ออสเตรเลีย) และ Seville (สเปน) ซึ่งเป็นพื้นที่ 5 อันดับร้อนสุดของโลก มีอุณหภูมิสูงถึง 122-136°F ยังไม่มีรายงานการเกิดคลื่นความร้อนอย่างเป็นทางการ

    อย่างไรก็ตาม ความร้อนของอากาศอย่างเดียว ไม่อาจทำให้เกิดคลื่นความร้อนได้จากข้อมูลเท่าที่สังเกตได้ในขณะนี้ จะต้องมีองค์ประกอบกัน ระหว่างความร้อนและความชื้น เพราะทั้งสองเป็นสิ่งคือต้นเหตุ การทำลายความเย็นให้ลดลง

    12.jpg

    13.jpg

    ความหายนะที่เกิดขึ้น จากคลื่นความร้อน
    ความคิดทั่วไป การเกิดพายุเฮอริเคนและอุทกภัย คงน่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า กรณีเกิดคลื่นความร้อน เหตุเพราะการเกิดภัยธรรมชาติอื่น มักเป็นข่าวโด่งดัง ในแง่การทำลายร้างสถานที่สำคัญ เมืองสำคัญ แต่ความเสียหายจากคลื่นความร้อนเป็นเรื่องเสียชีวิตอย่างเดียว จากสาเหตุลมแดด อ่อนเพลียเพราะขาดน้ำเป็นข่าวที่ไม่ตื่นเต้น

    จากอัตราผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะ ในประเทศอเมริกา (ระหว่าง ค.ศ.1992-2001) มีผู้เสียชีวิตจาก สาเหตุคลื่นความร้อน 2,190 ราย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับพายุเฮอริเคน มีผู้เสียชีวิต 150 รายและอุทกภัย มีผู้เสียชีวิต 880 ราย

    ประเทศออสเตรเลีย มีรายงานที่บันทึกไว้โดย The Bureau of Meteorology (Australia's national weather) ช่วงปี ค.ศ.1803-1992 มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุคลื่นความร้อนโดยตรง ไม่น้อยกว่า 4,287 ราย โดยตัวเลขนี้เป็นการสูญเสียถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการเกิดพายุเขตร้อน และอุทกภัยในช่วงเวลาเดียวกัน

    ค.ศ.2003 หายนะครั้งใหญ่ European heatwave ครอบคลุมพื้นที่หลายประเทศมีระยะเวลายาวนาน 9 วัน คร่าชีวิตผู้คนราว 35,000 คน ตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นในประเทศฝรั่งเศส สูงถึง 14,802 ราย ประเทศเยอรมันราว 7,000 ราย ประเทศสเปน และอิตาลี ราว 4,200 ราย และกว่า 2,000 รายในประเทศอังกฤษ และอื่นๆ

    สำหรับล่าสุด ปี ค.ศ. 2010 เกิดในประเทศอินเดีย ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตราว 80 ราย

    14.jpg

    ผลกระทบที่เกิดจาก ความร้อนและคลื่นความร้อน
    ปัญหาของผลกระทบในเรื่องนี้ มักเกิดขึ้นกับเด็ก หรือผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ต้องทำงานตากตรำกลางแจ้ง และไม่เข้าใจวิธีหลีกเหลี่ยงและไม่มีโอกาศได้รับการแนะนำที่ถูกต้อง มีอาการเกิดขึ้นตามลำดับ ดังนี้

    ไหม้แดดหรือผิวเกรียม (Sunburn)
    อาการเกิดรอยแดงและปวดแซบปวดร้อน,เหงื่อผุดออกอย่างรุนแรง,มีรอยพอง,ตัวร้อน,ปวดหัว

    ตะคริวแดด (Heat cramps)
    อาการ หดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ มีอาการปวดและบังคับไม่ได้ มักเป็นที่น่อง ต้นขา และไหล่ หรือในช่องท้อง

    เพลียแดด (Heat Exhaustion)
    อาการกระหายน้ำอย่างมาก,อ่อนแรง,ผิวหนังเย็น,หน้าซีดและเย็นซีด,ชีพจรเต้น
    ไม่เป็นจังหวะ, ปวดศีรษะ, มึนงง, กระสับกระส่าย, คลื่นไส้ ,อาเจียน

    ลมแดด (Sunstroke/ Heat stroke)
    อาการอุณหภูมิร่างการสูงมาก, กระหายน้ำอย่างมาก,ผิวแห้ง, เวียนศีรษะ,
    ปวดศีรษะ, อาเจียน และกล้ามเนื้อเกร็ง

    15.jpg

    ข้อปฎิบัติเพื่อความปลอดภัย เมื่อเกิดคลื่นความร้อน

    ตามข้อแนะนำของ The National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) เพื่อลดความเสี่ยงต่ออันตราย ดังนี้

    ให้ลดปริมาณงาน หรือกิจกรรมที่ทำกลางแจ้ง หรือกิจกรรมที่เหนื่อยง่าย หากมีความจำเป็น หลีกเหลี่ยงไม่ได้ ให้ทำภายในร่ม

    ให้สวมเสื้อผ้าสีอ่อนเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ (สีทึบจะดูดแสง) เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกาย

    ให้รับประทานอาหาร ที่เผาผลาญภายในร่างกายน้อย เช่น ประเภทโปรตีนเพราะระบบการเผาผลาญ ในร่างกายจะทำให้สูญเสียน้ำ

    เพื่อให้ร่างกายรักษาความเย็น แม้ว่าไม่กระหายน้ำ ควรดื่มน้ำให้มาก (กรณีมีโรคลมบ้าหมู, โรคหัวใจ,โรคไต โรคตับ หรือ มีข้อจำกัดเกี่ยวกับโภชนาการให้ขอคำปรึกษาในการบริโภคจากแพทย์) และ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ และของเค็มจัด

    ให้ใช้เวลาอยู่ในสถานที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะเป็นบริเวณที่ช่วยลดอันตรายจากความร้อน และอย่าออกไปอยู่ในที่กลางแจ้ง

    16.jpg

    โอกาสการเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่

    ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการ เรื่องปรากฏการณ์คลื่นความร้อนในประเทศไทยด้วยเหตุผลเพราะ ประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์ของ ดัชนีค่าความร้อน (Heat index) ต่อการพยากรณ์

    แต่มีรายงานถึงผู้เสียชีวิต จากโรคลมแดดในประเทศไทย ซึ่งอาจเกิดจากบริเวณสะสมความร้อน อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะเกิดคลื่นความร้อน เพราะจะต้องประกอบด้วย ระหว่างความร้อนและความชื้น

    แต่ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้เช่นกัน ที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้าความชื้นจากทะเลจะพัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่อากาศร้อน และบรรยากาศชั้นสูงมีอากาศหยุดนิ่งโดยปราศจาก การแผ่มวลอากาศเย็นจากประเทศจีน ลงมาช่วยลดความร้อน

    References :

    National Weather Service Jackson, KY Weather Forecast Office
    The Bureau of Meteorology is Australia's national weather
    New Scientist
    International Journal of Health Geographics
    Extreme Weathe
     
  13. kong999

    kong999 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +23
    ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆ...ที่ให้ทุกคนได้ตระหนักรับรู้เรื่องพวกนี้....ผม
    เป็นลูกศิษย์ท่านแม่ดร.กัญญจิรา กาญจนเกตุ...นะครับท่านก็ตามเรื่องภัยพิบัติ
    เหมือนกัน.....ท่านก็เป็นคนที่บอกวันการเกิดสึนามิที่ภูเก็ต....ตอนนี้ท่านกำลัง
    สำรวจเมื่อถึงวันภัยพิบัติของเราอยู่....มันเป็นประสบการณ์ทางธรรมที่ผมก็ไม่เคย
    เจอมาก่อนทำให้ได้เห็นอะไรเยอะครับ....ขอบคุณสำหรับข้อมูลผมจะติดตามไป
    เลยๆครับ....สาธุกับสิ่งดีๆครับ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก้องภพ อยู่เย็น ได้แชร์ลิงก์
    2 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Arlington, VA
    วันที่ 29 กรกฏาคม เวลา 19:28 เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์หลายจังหวะโดยทิศทางหลักออกไปทางด้านตรงกันข้ามกับโลก จากการคำนวณพบว่าคลื่นพลังงานจะแพร่กระจายเข้ามาในแนวงโคจรของโลกในวันที่ 2 สิงหาคม เวลา 6 UT +/- 10 ชั่วโมง ในช่วงวันเดียวกันนั้นยังพบจุดดับขยายตัวในหลายพื้นที่บนผิวดวงอาทิตย์ ดังนั้นผู้ที่สนใจโปรดติตตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติบนโลกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 สิงหาคม ครับ

    รายละเอียดของเหตุการณ์มีดังนี้
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/29/ahead_20130729_cor2_512.mpg
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/29/behind_20130729_cor2_512.mpg
    - ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ มุมมองจากโลก CACTUS CME Details
    - โมเดลจำลองการแพร่กระจายของคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์ http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=388603510
    http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/07/29/ahead_20130729_cor2_512.mpg
    stereo.gsfc.nasa.gov
    3ถูกใจ · · แชร์
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    SHOCKING : Hungry In AMERICA
    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/SanMXF34ogU?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2013
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมว่าผมไม่ได้นำเสนอหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานานพอสมควรจึงขอนำหนังเรื่อง การ์ตูนอนิเมชั่น เรื่องพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ตอนประภาเนตรช่วยมารดา มาให้ดูกัน เพื่อจะได้อาบอิ่มบุญกันให้เต็มที่
    <iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/q3hkYskxpgo?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รูปภาพแสดงตำแหน่งการเกิดแผ่นดินไหวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ลักษณะการไหวเหมือนกับการกระเทาะหน้าดินต่อไปเรื่อยๆ แล้วลักษณะแบบนี้อีกหน่อยจะไม่เกิดแผ่นดินแยกตัวออกจากกัน หรือแผ่นดินจมลง หรือลอยตัวหรือครับ ถึงจะเป็นตำแหน่งจากอดีต ก็ยังมีผลกับแผ่นเปลือกโลก เพราะยังไงก็ทำให้เกิดรอยแยก หรือรอยแตกร้าวอยู่ดีน่ะครับ
    1.png
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดการประทุ Solar Flare of class C6.3
    Active region 1800
    เวลาเริ่มต้น (ไทย) 06:07:00 น.
    เวลาสูงสุด (ไทย) 06:18:00 น.

    7.png

    8.jpg

    Added 07/29/2013 @ 17:55 UTC
    Return of 1794
    Old Sunspot 1794 is still a few days away off the east limb, however it is already making itself known with a low level C-Flare detected early Monday afternoon. The exact strength is not known because of being out of direct Earth view. This will be something to look forward to later this week. The active region was responsible for a large Coronal Mass Ejection on July 22nd. Image by SDO.

    1.JPG


    Updated 07/29/2013 @ 10:25 UTC
    Solar Update
    Below is an updated image of the visible solar disk on Monday morning. Solar activity is very low levels this morning with only minor B-Class X-Ray activity detected. Sunspot 1800 will begin to rotate onto the west limb later today. Sunspot 1805 which did show steady growth remains stable. In the southeast quadrant, Sunspot 1806 continues to expand in both size and spot count, but so far remains quiet. A new sunspot forming in the northern hemisphere was numbered 1807 overnight and is classified a beta magnetic region. A second sunspot in formation located in the northeast quadrant may be numbered 1808 later today. Both regions are currently not a threat for moderate to strong solar flares. A coronal mass ejection (CME) is visible in the latest Lasco imagery, but appears to be directed to the east and away from Earth. Stay tuned to SolarHam.com for the latest information.

    Visible Solar Disk (Monday) - Click to Open Map
    3.JPG

    Farsided Eruption (Monday) - STEREO
    4.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2013
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Data is valid for July 29, 2013
    1.JPG

    3.JPG
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,253
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โป๊ปฟรานซิสชี้ แม้พระองค์ก็ “ไม่มีสิทธิ์" ตัดสินความดีความชั่วของ "เกย์"

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กรกฎาคม 2556 10:48 น.

    1.JPEG

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรคาทอลิก

    เอเอฟพี - พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเผื่อแผ่ไมตรีไปถึงกลุ่มคนรักร่วมเพศ โดยตรัสวานนี้(29)ว่า แม้แต่พระองค์ก็ไม่ทรงมีสิทธิ์ไปตัดสินพฤติกรรมของเกย์ แต่ขณะเดียวกันก็ทรงยอมรับว่า “กลุ่มล็อบบีเกย์” ที่แผ่อิทธิพลอยู่ในสำนักวาติกันเป็น “ปัญหาใหญ่”

    สันตะปาปาฟรานซิสซึ่งเพิ่งเสด็จฯกลับจากบราซิล ประทานสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับกลุ่มชาวเกย์ เมื่อเทียบกับสิ่งที่อดีตพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เคยตรัสไว้

    “หากคนผู้หนึ่งเป็นเกย์ แต่เขาปรารถนาในความเมตตาของพระเจ้า แล้วข้าพเจ้าเป็นใครเล่าถึงจะไปตัดสินเขาได้”

    “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รสนิยมทางเพศ แต่อยู่ที่การตั้งกลุ่มล็อบบี นั่นต่างหากคือปัญหาใหญ่”

    เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ “Reflexion y Liberation” ขององค์กรคริสต์คาทอลิกในชิลี อ้างว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงยอมรับว่ามีกลุ่มล็อบบีเกย์พยายามแผ่อำนาจมืดอยู่ในสำนักวาติกัน ขณะที่สื่ออิตาลีก็เผยรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมฉาวในสภาบริหารปกครองศาสนจักรหรือ “คิวเรีย” ไม่ว่าจะเป็นการทุจริต, การแบล็คเมล์นักบวชที่เป็นเกย์ รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันท์ “ชู้ชาย”

    สันตะปาปาฟรานซิสยังตรัสถึงกรณีของ บัตติสตา ริกกา ผู้แทนพระองค์ในธนาคารวาติกัน ซึ่งตกเป็นข่าวว่าเคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับโสเภณีชาย สมัยที่ยังประจำการอยู่สถานทูตวาติกัน ณ กรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย โดยทรงชี้ว่า “จากการตรวจสอบเผินๆ ยังไม่พบความผิดตามที่กล่าวหา”

    “ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นใครถูกระบุในบัตรประชาชนว่าเป็นเกย์... แต่เราก็ต้องยอมรับว่า พวกเขามีอยู่จริง”

    “คำสอนแนวถาม-ตอบในคริสตศาสนา (catechism)บอกไว้ชัดเจนว่า เราไม่ควรกีดกันแบ่งแยกคนบางกลุ่มซึ่งควรจะได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม”

    พระสันตะปาปาทรงเตือนด้วยว่า สังคมควรปฏิบัติต่อเกย์และเลสเบียน “อย่างให้เกียรติ มีความเมตตาและความละเอียดอ่อน โดยไม่แบ่งแยกกีดกัน”

    องค์กรเพื่อสิทธิเกย์ต่างคาดหวังว่า สันตะปาปาจากอาร์เจนตินาพระองค์นี้น่าจะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรคาทอลิกกับชุมชนชาวสีม่วงเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสมัยของอดีตพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่เคยตรัสไว้เมื่อปี 2008 ว่า รสนิยมรักเพศเดียวกันถือเป็น “ภัยคุกคาม” ความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ พอๆกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยน
    3.JPEG
     

แชร์หน้านี้

Loading...