ติดตามสถานะการณ์

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) “ซาอุฯ-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ให้เงินกู้ยืม “ปากีสถาน” รวมกว่า 4 พันล้านดอลล์ เลี่ยงวิกฤตการเงิน : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียได้ให้เงินกู้มยืมเเก่ปากีสถานจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ในวันศุกร์ หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ให้เงินกู้ยืมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินเเก้ปากีสถาน ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตดุลการชำระเงิน


ธนาคารกลางเเถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอนเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างปากีสถานและกองทุนอาบูดาบีเพื่อการพัฒนาในเดือนนี้ โดยเงินที่ได้รับมอบมาจากทั้ง 2 ประเทศรวมกันเเล้วอยู่ที่ 4 พันล้านดอลลาร์ จะช่วยเพิ่มทุนสำรองของปากีสถานที่ตกลงมาอยู่ที่ 6.64 พันล้านดอลลาร์หรือน้อยกว่าสองเดือนของการนำเข้าครอบคลุมในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 มกราคม


Mohammed Sohail ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Topline Securities Pakistan Ltd กล่าวในการาจี ว่า นี่เป็นการบรรเทาในช่วงระยะสั้น ปากีสถานจะต้องใช้เงินทุนมากขึ้น เนื่องจากช่องว่างของบัญชีภายนอกของประเทศในปีงบประมาณหน้าถัดไปจะขยายตัวอีกมากถึง 20,000 ล้านดอลลาร์


Asad Umar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังปากีสถานเปิดเผยว่า ปากีสถานได้หลีกเลี่ยงวิกฤตดุลการชำระเงินในปีนี้ และใกล้จะบรรลุข้อตกลงการลงทุนกับจีนแล้ว ความช่วยเหลือจากจีน นอกเหนือไปจากการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกา เพื่อช่วยให้ประเทศปากีสถานเชื่อมโยงช่องว่างทางการเงิน 12 พันล้านดอลลาร์ โดยการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 19 พันล้านดอลลาร์ในปีงบการเงินสิ้นสุดเดือนมิถุนายน


Umar กล่าวว่าแพ็คเกจทางการเงินจะช่วยให้ปากีสถานสามารถเจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่าสำหรับการกู้เงินช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หลังจากที่มีการพูดถึงทางตันในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินและนโยบายภาษี


เมื่อเดือนที่แล้วฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตของปากีสถานลงเป็นระดับ B- ต่ำกว่าระดับการลงทุน 6 ระดับโดยระบุความเสี่ยงทางการเงินภายนอกที่เพิ่มขึ้นจากเงินสำรองที่ต่ำและหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามปากีสถานยังต้องการทางออกระยะยาวไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของการส่งออก การลงทุน หรือการช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ


Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


- Saudi, U.A.E. Loans to Help Pakistan Avert Financial Crisis

https://www.bloomberg.com/news/arti...loans-to-help-pakistan-avert-financial-crisis

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) โซรอสจวกผู้นำจีนคือศัตรูเบอร์หนึ่งของ "สังคมเสรี": นายจอร์จ โซรอส กล่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน คือ "ศัตรูหมายเลขหนึ่ง" ของ "สังคมโลกเสรี" และเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐเร่ง "จัดการ" กับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของจีนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ว่านายจอร์จ โซรอส นักลงทุนด้านการเงินชาวฮังกาเรียน-อเมริกัน กล่าวบนหนึ่งในเวทีย่อยของการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก "เวิลด์ อีคอนอมิก ฟอรัม" ( ดับเบิลยูอีเอฟ ) ที่เมืองดาวอส เมื่อวันพฤหัสบดี มีเนื้อหาในช่วงหนึ่งเป็นการกล่าวถึงจีนโดยตรง ว่าไม่ได้เพียงเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่ปกครองโดยระบบ "รัฐรวมศูนย์" หรือ "รัฐอำนาจนิยม" ชัดเจนที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ตอนนี้จีนยังเป็นรัฐที่ร่ำรวยและแข็งแกร่ง ตลอดจนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวสร้างภาพลักษณ์ให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถือเป็น "ศัตรูอันตรายที่สุด" ของ "สังคมโลกเสรี"


ทั้งนี้ โซรอสเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ "เพิ่มความจริงจัง" และมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการกวาดล้างบริษัทด้านเทคโนโลยีและโทรคมนาคมของจีน โดยเฉพาะหัวเว่ยและแซดทีอี มากกว่าการสร้างความขัดแย้งทางการค้าไปเรื่อยกับทุกประเทศบนโลก เนื่องจากหากสหรัฐและพันธมิตรเปิดโอกาสให้บริษัทสัญชาติจีนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาและวางโครงข่ายระบบ5จี นั่นหมายความว่าโลกทั้งใบกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางเทคโนโลยีแล้ว


ในอีกด้านหนึ่ง นายเคน หู ประธานหมุนเวียนของหัวเว่ย กล่าวบนเวทีดาวอสเช่นกัน ว่า5จีจะเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับพัฒนาการด้านเทคโนโลยีของโลก และยืนยันว่าหัวเว่ยได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาระบบ 5 จี ของอย่างน้อย 20 ประเทศ ภายในระยะเวลาอีก 12 เดือนนับจากนี้.


Source: เดลินิวส์อออนไลน์

https://www.dailynews.co.th/foreign/689665

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) 8 กฎชี้ชะตาฟินเทคเอเชีย 2019 -ปัจจุบันกฎระเบียบในภาคธนาคารและเทคโนโลยีการเงิน (ฟินเทค) ในเอเชียแปซิฟิกยังมีความหลากหลายและมีระดับของการพัฒนาที่แตกต่างกันไป อาทิ จีนมีความก้าวหน้าและมีกฎระเบียบออกมามากกว่าหลายประเทศ ในขณะที่ไทยและอินโดนีเซียกลับเพิ่งเริ่มใช้กฎระเบียบขั้นพื้นฐานเท่านั้น



อย่างไรก็ดี แม้จะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน แต่ประเทศในภูมิภาคนี้มักจะชำเลืองมองประเทศรอบข้างเสมอ ส่งผลให้บริการด้านการเงินนั้นมีมาตรฐานที่คล้ายกัน ดังนั้นแล้ว เมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งมีการเคลื่อนไหวด้านกฎระเบียบภาคการเงินเกิดขึ้น ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย เว็บไซต์ ฟินเทคนิวส์ได้รวบรวมกฎ 8 ด้านในแต่ละประเทศ ที่อาจกลายเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางของธุรกิจฟินเทคในเอเชียแปซิฟิกปีนี้



1.จีนแตะเบรกแพลตฟอร์มชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน ความกังวลที่มีแพลตฟอร์มแนวนี้ผุดขึ้นมามาก จากบริษัทยักษ์ไอทีทั้งหลาย เช่น เทนเซ็นต์ และอาลีบาบา ส่งผลให้ทางการจีนต้องออกมาตรการมาควบคุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเทคโนโลยีชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟน เช่น ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) ได้เพิ่มข้อกำหนดให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องมีเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้นสูงสุด 50% จากก่อนหน้าที่ 20%



2.กฎการออกใบอนุญาต P2P ของกัมพูชา ธนาคารกลางกัมพูชาออกกฎควบคุมธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล (P2P) ออกมาในปี 2017 โดยกำหนดให้ทุกบริษัทที่ให้บริการ P2P จะต้องยอมรับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และต้องมีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63 ล้านบาท) เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในธุรกิจฟินเทคและสนับสนุนการควบรวมกิจการของบริษัทรายย่อย



3.อินเดียแบนจดหมายรับรอง LoU และ LoC หลังจากเกิดกรณีฉ้อโกงในธนาคารปันจาบ เนชั่นแนล แบงก์ ธนาคารกลางอินเดียจึงได้สั่งห้ามการใช้หนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย (LoU) และหนังสือรับทราบภาระหนี้สิน (LoC) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ธนาคารในอินเดียออกให้แก่ผู้นำเข้าท้องถิ่น เพื่อใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศจากธนาคารในต่างประเทศได้ในอัตราที่ถูกกว่า ซึ่งกฎนี้อาจส่งผลให้ต้นทุนของผู้นำเข้าเพิ่มขึ้น



4.แนวทางการคุ้มครองผู้ใช้อี-เพย์เมนต์ของสิงคโปร์ ซึ่งออกมาเมื่อเดือน ก.ย. 2018 มีเป้าหมายคุ้มครองผู้ใช้บริการชำระเงินออนไลน์ จากการถูกโกง ข้อผิดพลาด และภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ซึ่งครอบคลุมทั้งบริการชำระเงินออนไลน์และบริการจากสถาบันการเงิน โดยภายใต้แนวทางนี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนหากมีการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัย และมาตรการด้านความปลอดภัยอื่นๆ



5.พระราชบัญญัติระบบการชำระเงินของไทย ที่ออกมาเมื่อเดือน ต.ค. 2017 ใช้ควบคุมและตรวจตราระบบชำระเงิน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ การบริหารความเสี่ยง และความมีเสถียรภาพของระบบการเงิน โดยผู้ให้บริการชำระเงินจะต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง และมีโทษปรับหรือโทษทางอาญาอื่นๆ หากฝ่าฝืน



6.กฎระเบียบช่องทางการชำระเงินของอินโดนีเซีย ซึ่งบังคับใช้เมื่อปี 2017 มีเป้าหมายเพื่อทำให้ระบบชำระเงินมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงทำให้ธุรกรรมทางการเงินทำได้ง่ายขึ้นและถูกลง ด้วยการอนุญาตให้ใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ของทุกสถาบันการเงินใน ตู้เอทีเอ็มหรืออุปกรณ์ชำระเงินของสถาบันการเงินใดก็ได้



7.ระบบอี-เพย์เมนต์ของไทยหรือพร้อมเพย์ ที่เปิดตัวเมื่อปี 2016 จะช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซของไทยเติบโตมากยิ่งขึ้น และช่วยผลักดันให้ไทยก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้ โดยในระยะแรกโครงการนี้จะให้บริการโอนเงินผ่านช่องทางออนไลน์ในธนาคารรายใหญ่ของไทยในรูปแบบ P2P และในระยะที่สองจะอนุญาตให้ชำระเงินสำหรับสินค้าและบริการ บริการคืนภาษี และบริการด้านสวัสดิการผ่านช่องทางออนไลน์



8.จีนเปิดรับบริษัทชำระเงินจากต่างชาติ พีบีโอซีประกาศเมื่อปีที่ผ่านมาว่า จีนได้เปิดตลาดให้บริษัทชำระเงินออนไลน์จากต่างประเทศเข้ามาให้บริการในจีนได้ เพื่อเพิ่มการแข่งขันในภาคส่วนนี้ ซึ่งบริษัทต่างชาติจะต้องจัดตั้งธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อขอใบอนุญาตจากพีบีโอซี นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติจะต้องเก็บฐานข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการเงินอื่นๆ ของตนเอาไว้ในจีนด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับกฎที่ใช้กับธนาคาร ต่างชาติในจีน


คอลัมน์ โลกฟินเทค ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์


Source: Posttoday


เพิ่มเติม

- 8 Regulations That Could Shape Fintech in Asia This Year

http://fintechnews.sg/27948/fintech/fintech-regulation-asia/

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) เศรษฐกิจโลก'ชะลอ' เพิ่มโอกาสลงทุนอินโดฯ : โทมัส เลมบอง ประธานคณะกรรมการความร่วมมือ ด้านการลงทุนของอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี ว่า ภาวะการ ชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ยอมรับว่าเห็นสัญญาณที่เป็นความเสี่ยงทางการเงินปรากฏในจีนและในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก



"ผมอยากบอกว่าขอบคุณพระเจ้าที่เกิดภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกขึ้น ในขณะนี้ เพราะในมุมมองของผม เศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในช่วงที่ผ่านมา เปิดช่องให้เกิดความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมธนาคารเงาที่ขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลจีนและ รัฐบาลจีนยังแก้ปัญหาไม่ได้ ตลอดจนปัญหา ฟองสบู่ของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ การลงทุนด้านต่างๆ" เลมบอง กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ)ที่เมืองดาวอส ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์



อินโดนีเซีย เป็นประเทศเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขณะนี้ถูกมองว่าเป็นประเทศ ที่บรรดานักลงทุนจากจีนไม่ค่อยเข้ามาลงทุนเท่าที่ควร ส่งผลให้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) จากเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีนในดินแดนนี้ลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากตัวเลขช่วงไตรมาส 2 ของปี 2561 ของธนาคารกลางอินโดนีเซีย



เลมบอง กล่าวว่า ช่วงนี้บริษัทจีนมีความระมัดระวังมากขึ้นในการออกไป ลงทุนนอกประเทศ เนื่องจากภาวะ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับการที่จีนและสหรัฐ ยังหาทางออกร่วมกัน ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีพิพาททางการค้า ระหว่างกัน ขณะที่เศรษฐกิจของอินโดนีเซียขยายตัวในอัตราที่เรียกได้ว่าช้าแต่ก็มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง



เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตประมาณ 5% ต่อปีตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และ ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2561 จะมีอัตราการ เติบโตไม่ห่างจากอัตราเฉลี่ยที่ผ่านมา ซึ่งเลมบอง เปรียบเทียบอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียว่าเหมือน เต่าคลานแต่เป็นการเติบโตที่ต่อเนื่อง



"การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียเหมือนเต่า แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) ยังคงขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5% หมายความว่าเศรษฐกิจ จะขยายตัว 2 เท่าในทุกๆ 14 ปี และ ผมคิดว่าในโลกที่เต็มไปด้วยตัวแปรหรือความเสี่ยงมากมายอย่างในปัจจุบันนี้ เรียกได้ว่าอินโดนีเซียเป็นจุดหมายปลายทาง ที่น่าดึงดูดใจสำหรับการลงทุน" ประธานคณะกรรมการความร่วมมือด้านการลงทุนของอินโดนีเซีย กล่าว



อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาเซียน ประชากรเกือบครึ่งหนึ่ง ของประเทศอยู่ในกำลังแรงงาน และมี แนวโน้มว่ากลุ่มชนชั้นกลาง จะมีการขยายตัว อันจะนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของ ผู้บริโภคในด้านสินค้าและบริการ



นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังอุดมไปด้วย ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลก แม้ โดยภาพรวมแล้ว อินโดนีเซียยังต้องการการพัฒนาอีกมาก ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีต่างๆ แต่เศรษฐกิจและ การลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ มีการพัฒนา ที่ดีขึ้นมาก อีกทั้งผลตอบแทนที่ได้จาก การลงทุนยังสูงอีกด้วย



ประเทศอินโดนีเซียมีการเจริญเติบโต ทางธุรกิจที่มั่นคงมาโดยตลอด โดย แรงสนับสนุนจากรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศให้เป็นแหล่งดึงดูดนักลงทุน ต่างชาติ ในอดีตการจ้างงานและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ล้วนมาจากภาคเกษตรกรรมทั้งสิ้น แต่ภายหลังภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิต และภาคบริการเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ในส่วน ของภาคบริการนั้นจะเน้นอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งคิดเป็น 20% ของจีดีพีประเทศ



ในส่วนของนโยบายการลงทุนในอินโดนีเซียนั้น ใช้กฎระเบียบเหมือนกันหมดทุกพื้นที่ เนื่องจากรัฐบาลกลางเป็น ผู้กำกับดูแล และนักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุน 100% ได้ในเกือบทุกธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ยกเว้นสามารถลงทุนในรูปแบบร่วมทุนได้



อินโดนีเซีย มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากต้องการให้การลงทุนจากต่างประเทศผลักดันให้เกิด การขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยจะเน้น ส่งเสริมการลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งอินโดนีเซีย ได้ปรับปรุงกฎหมายการลงทุน และ ได้ออกกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ เน้นสร้างบรรยากาศการลงทุนเพื่อดึงดูด นักลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความชัดเจนมากขึ้น



แต่ในฐานะเป็นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อินโดนีเซียถูกมองจากบรรดานักลงทุนต่างชาติว่าเป็นประเทศที่มีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างเยอะ แต่การที่สหรัฐเปิดสงครามการค้ากับจีนติดต่อกันมานานก็ทำให้อินโดนีเซียและประเทศรอบข้างกลายเป็นจุดหมายปลายทางน่าสนใจในสายตานักลงทุนมากขึ้น



บรรดาผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็น ตรงกันว่า การที่สหรัฐทำสงครามการค้า กับจีน ผลักดันให้บริษัทต่างๆ หันมา ย้ายฐานการผลิตหรือโยกฐานห่วงโซ่อุปทานจากจีนไปยังประเทศต่างๆ อาทิ เวียดนาม ไทยและอินโดนีเซีย มากขึ้น โดยล่าสุด ตัวแทนจากอินโดนีเซีย ระบุว่า อินโดนีเซีย กำลังรับอานิสงส์จากการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เมื่อบรรดาบริษัทผลิตสิ่งทอและรองเท้าเตรียมย้ายฐานการผลิตออกจากจีนและเข้าไปตั้งโรงงานผลิตในอินโดนีเซียกันมากขึ้น



นอกจากนี้ ประเทศเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้แห่งนี่ ยังส่งออกเหล็กไปยัง สหรัฐได้เพิ่มขึ้นแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นก็ตาม


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- The global economic slowdown is 'strongly welcome,' Indonesia investment chief says

https://www.cnbc.com/2019/01/23/the-financial-crisis-was-.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) สื่อตีข่าวเฟดเตรียมพิจารณากำหนดเวลายุติปรับลดงบดุลในการประชุมสัปดาห์หน้า : หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ม.ค.


นักลงทุนจับตาปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินนานเท่าใด

ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 ซึ่งขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการปรับลดงบดุลของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันตลาด


ในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดงบดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่วงเงินการปรับลดงบดุลทั้งหมดของเฟดอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


- Fed Officials Weigh Earlier-Than-Expected End to Bond Portfolio Runoff: https://www.wsj.com/articles/fed-of...cted-end-to-bond-portfolio-runoff-11548412201

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด จ่อดีดตัวสัปดาห์ที่ 5 ขณะปัจจัยบวกท่วมตลาด : ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ ขณะที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 จากปัจจัยบวกหลายประการที่ช่วยหนุนตลาด


ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) จะยุติลงในไม่ช้า และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะประสบความคืบหน้า รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเสร็จสิ้นการปรับลดงบดุลเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้


ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,785.64 จุด เพิ่มขึ้น 232.40 จุด หรือ 0.95%

ทั้งนี้ ภาวะชัตดาวน์มีแนวโน้มใกล้ยุติลง หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภากลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ประกาศว่า พวกเขาจะเสนอร่างงบประมาณฉบับใหม่เพื่อให้พนักงานของรัฐบาลที่ได้รับผลกระทบจากการชัตดาวน์สามารถกลับเข้าทำงาน


ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า หากนายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ เขาก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว


รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ 2 ฉบับในการประชุมวานนี้ ซึ่งส่งผลให้ภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐย่างเข้าสู่วันที่ 35 ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์


ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เขามีความมั่นใจเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยทั้งสองฝ่ายกำลังมีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจา


นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เฟดใกล้เสร็จสิ้นการปรับลดงบดุล ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้


วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ม.ค.


นักลงทุนจับตาปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินนานเท่าใด

ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 ซึ่งขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการปรับลดงบดุลของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันตลาด


ในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบกำหนดอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดงบดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่วงเงินการปรับลดงบดุลทั้งหมดของเฟดอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


- Stocks Rise on Hopes for Earnings, Shutdown's End: Markets Wrap: https://www.bloomberg.com/news/arti...s-rally-stalls-markets-wrap?srnd=premium-asia

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Jan 25) รวบที่ปรึกษา"ทรัมป์"คดีสมรู้ร่วมคิดรัสเซีย: โรเจอร์ สโตน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐถูกจับกุมตัวหลายข้อหาตามสำนวนส่งฟ้องศาลโดยที่ปรึกษาพิเศษซึ่งกำลังสอบเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ว่า สำนักงานที่ปรึกษาพิเศษของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ซึ่งกำลังดำเนินการสอบสวนตามข้อกล่าวหาว่าสหรัฐสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียช่วงหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 เปิดเผยในสำนวนส่งฟ้องศาลว่า เจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้จับกุมตัวนายโรเจอร์ สโตน บุคคลผู้ใกล้ชิดในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายหาเสียงการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 ที่บ้านพักของเขาในเมืองฟอร์ต เลาเดอร์เดล รัฐฟลอริดาก่อนรุ่งเช้าวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ใน7ข้อหาด้วยกันเช่น ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้การอันเป็นเท็จ และโน้มน้าวพยาน


สำนวนฟ้องศาลยังระบุถึงการติดต่อกันระหว่างนายสโตนกับนายจูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ซึ่งเปิดเผยข้อมูลการติดต่อทางอีเมลหลายพันฉบับของพรรคเดโมแครตกับนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต เพื่อหาทางที่จะเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้ง


นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาที่ปรึกษาพิเศษสอบสวนคดีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 พยายามที่จะชี้ให้เห็นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้ระบุว่า ผู้นำสหรัฐและพวกพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่


นายโรเจอร์ สโตน วัย 66 ปี เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นที่ปรึกษาฝ่ายหาเสียงให้กับประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และยังมีรอยสักรูปผู้นำสหรัฐคนแรกที่ลาออกขณะอยู่ในตำแหน่ง จากนั้นเขาก็ทำหน้าที่นี้ให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกหลายคน รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ก็ได้ลาออกในไม่กี่เดือนหลังมีข้อขัดแย้ง แต่ทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันอย่างใกล้ชิด


Source: เดลินิวส์ออนไลน์

https://www.dailynews.co.th/foreign/689802


- Roger Stone becomes latest Trump ally arrested in Mueller probe: https://www.reuters.com/article/us-...-ally-arrested-in-mueller-probe-idUSKCN1PJ16M

 

La nueva era de la tierra - respaldo



สัตว์กำลังหนีจากคลื่นความร้อนอันทรงพลังในออสเตรเลีย Australia

24/01/2019


ออสเตรเลียกลายเป็นนรก ...

 

La nueva era de la tierra - respaldo





ภาพทางอากาศของสถานที่ที่เขื่อนพังทลายใน brumasinho บราซิล :

 

La nueva era de la tierra - respaldo



การสะสมหิมะที่ไม่ธรรมดาในอันดอร์รา

25/01/2019

 

La nueva era de la tierra - respaldo


# URGENT



รายงานอุทกภัยครั้งใหญ่ในคอร์โดบาอาร์เจนตินารายงานรถยนต์ที่ถูกพัดไปโดยกระแสน้ำ

25/01/2019

 

La nueva era de la tierra - respaldo


ภาพก่อนและหลัง ของBRUMADINHO ในบราซิล


รูปภาพของการแตกของเขื่อน ที่ทำให้หลายรายเสียชีวิตใน #Brumadinho, #Brasil รายงานผู้เสียชีวิต 50 คน และมากกว่า 200 คนสูญหาย

 

La nueva era de la tierra - respaldo



หิมะตกที่โหดร้ายในแอลจีเรีย

25.01 2019

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE


ทหารรัสเซียจะปกป้อง นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา กล่าวกันว่ามี 400 คนมาถึงแล้วในเวเนซุเอลา

 

La nueva era de la tierra - respaldo


รายงานล่าสุดโดย US Geological Survey UU เขาเตือนว่าความเสี่ยงของ "แผ่นดินไหวครั้งใหญ่" ที่กระทบแคลิฟอร์เนียนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก


Detalles

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#ULTIMA #HORA



'มีผู้เสียชีวิตหลายราย' หลังจากการแตกของเขื่อนใน #Brumadinho, #Brasil เจ้าหน้าที่ยังคงมองหาผู้รอดชีวิต

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE #ULTIMA # HORA



รูปภาพของการแตกของเขื่อน ที่ทำให้หลายรายเสียชีวิตใน #Brumadinho, #Brasil

 

ทหารรัสเซีย มาแล้ว และพวกเขาก็เป็นตัวการก่อรัฐประหาร เลยอยู่ต่อไม่ได้ ประธานาธิบดีตัวปลอมน่าเป็นห่วงที่สุด อาจโดนมหารของเวเนซุเอลา หรือรัสเซียจับกุม

La nueva era de la tierra - respaldo

#ULTIMA #HORA



พนักงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ทำงานในเวเนซุเอลาออกจากสถานทูต พร้อมญาติกลับไปที่สหรัฐอเมริกา

 

La nueva era de la tierra - respaldo


22 วันในปี 2562 และเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศที่รุนแรง นำมาซึ่งการเริ่มต้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในปีที่มีการทำลายสถิติรุนแรงทั่วโลก


Detalles

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE

การระเบิดของภูเขาไฟ manam ของปาปัวนิวกินี เจ้าหน้าที่กำลังอพยพคนที่อาศัยอยู่ใกล้ภูเขาไฟ

24.01.2019