ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sinthorn

    IMG_6212.JPG
    จากบวกอยู่ 300 จุด ร่วงลงปิดลบ -350 จุด ภายในชั่วโมงเดียว Dow Jones ทำได้ หลังจากตลาดเห็น dotplot ของเฟดแล้วไม่แฮปปี้ที่ถึงแม้จะมีความ Dovish แต่ก็ไม่มากพอที่ตลาดต้องการ


    สิ่งที่เฟดส่งสัญญาณออกมาคือ คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2.9% ในปีหน้าจากที่เคยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.1% ในการประชุมครั้งก่อน ซึ่งสะท้อนว่า ปีหน้า (2019) เฟดจะขึ้นดอกเลี้ยได้อีกแค่ 2 ครั้ง


    และคาดเศรษฐกิจปีหน้าโตเหลือ 2.3% จาก 2.5% ที่เคยคาดไว้ในการประชุมครั้งก่อน


    ส่วนด้านดอกเบี้ย ที่ประชุม FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ 2.25-2.50% ซึ่งเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ แต่กลายเป็นว่า ตลาดไปสนใจที่เฟดลดประมาณการปีหน้า และผิดหวังที่คณะกรรมการยังหวังว่าจะขึ้นดอกเบี้ยตั้ง 2 ครั้งนะครับ


    ปู่เซตที่อุตส่าห์เด้งมารอข่าวดีเมื่อวาน วันนี้คงลงต่อสินะ


    #หมีกำลังมาเยือน


    Mr.Messenger รายงาน


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6215.JPG
    (Dec 20) รายงาน: 'รถยนต์-อุตไฮเทค'ถูกลูกหลง สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ : สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา เปิดประเด็นกันมาตั้งแต่ต้นปี 2561 และทวีความเข้มข้นเป็นลำดับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มตั้งกำแพงภาษีสกัดสินค้านำเข้าจากกันและกันอย่างเต็มรูปแบบ จนถึงขณะนี้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงพักรบชั่วคราว 90 วัน (ครบกำหนดในวันที่ 1 มีนาคม 2562) เปิดทางให้มีการเจรจาต่อรองเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันเป็นผลจากการพบปะเจรจานอกรอบการประชุม G20 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ผลพวงจากการตกลงครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯยอมระงับแผนขึ้นภาษีสินค้าจีนระลอกใหม่ที่เดิมกำหนดจะขึ้นภาษีในวันที่ 1 มกราคม 2562 ขณะที่จีนเองก็ยอมที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรบางรายการจากสหรัฐฯมากขึ้น เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง อีกทั้งล่าสุดยังประกาศจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯจากเดิมอัตรา 40% เหลือเพียง 15% และที่เคยมีแผนจะขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯอีก 25% ตั้งแต่ปีใหม่นี้ก็ให้ระงับไปก่อนเช่นกัน



    นับเป็นสัญญาณที่ดีแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความไม่แน่นอน ยิ่งมีกระแสการร่วมมือระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯและแคนาดาในการจับกุมตัวผู้บริหารบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีฯ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมจากจีน เมื่อเร็วๆ นี้ ตามมาด้วยการที่ศาลจีนสั่งแบนการจำหน่ายและนำเข้าโทรศัพท์ไอโฟนของบริษัทแอปเปิลฯหลายรุ่น คล้ายกับเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ ก็ทำให้เห็นว่าประเด็นการช่วงชิงตำแหน่งมหาอำนาจทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯนั้นยังไม่สงบศึกลงได้ง่ายๆ และประเด็นดังกล่าวก็จะถูกนำมาใช้ในการต่อรองบนโต๊ะเจรจาหาทางออกให้กับสงครามการค้าอย่างแน่นอน



    ยุทธศาสตร์ชาติ 30 ปีที่จีนตั้งเป้าหมายจะเป็นมหาอำนาจทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการทหารระดับโลกนั้น กำลังถูกสหรัฐฯและพันธมิตรสกัดกั้นในหลายรูปแบบ คำถามคือจีนจะยอมถอยง่ายๆหรือ และถ้ายอม จีนจะยอมถอยมากน้อยแค่ไหน การประชุมผู้บริหารระดับสูงของจีนในช่วงสัปดาห์นี้เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสำหรับปี 2019 (พ.ศ.2562) เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับที่ยั่งยืนในอนาคตท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากการเผชิญหน้าทางการค้ากับสหรัฐฯและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนเอง ก็น่าจะให้ความกระจ่างและตอบคำถามข้างต้นได้ในระดับหนึ่ง นานาประเทศ รวมทั้งไทยที่เป็นคู่ค้ากับจีนและสหรัฐฯต่างจับตาความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดว่าการทำศึกระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย จะสร้างแรงกระทบต่อประเทศที่ 3 มากน้อยเพียงใด ใครจะได้รับ "ลูกหลง" อย่างไรบ้างและควรจะต้องตั้งรับอย่างไร ให้เจ็บตัวน้อยที่สุด และถ้าจะให้ดี ก็ต้องมองให้ออกด้วยว่านอกจากลูกหลงแล้ว บางประเทศอาจได้รับ "อานิสงส์" จากเรื่องนี้ด้วยซ้ำ



    อานิสงส์การย้ายฐานผลิต



    งานวิจัยจากสถาบัน The Economist Intelligence Unit ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่า ระหว่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายยังเดินหน้าทำสงครามการค้ากันนั้น ประเทศใดในเอเชียที่จะได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบจากสงครามการค้าครั้งนี้ พิจารณาจากผลกระทบระยะสั้น ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าไปจีนมาก ก็จะได้รับแรงกระแทกมากไปด้วย กรณีนี้ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ และหากมองในระยะยาว บางประเทศเช่น มาเลเซีย เวียดนาม และไทย จะได้รับประโยชน์ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์



    การวิจัยของ The Economist Intelligence Unit (EIU) มุ่งเน้นไปที่ 3 ภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญในโครงสร้างเศรษฐกิจของเอเชียและเป็นอุตสาหกรรมในดงกระสุนของสงครามการค้าครั้งนี้ คือ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมการเกษตร ประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนำไปประกอบสินค้าสำเร็จรูปและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลว์เอนด์ อาทิ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์พกพา เช่น เวียดนามและมาเลเซีย จะได้รับประโยชน์มากที่สุดในระยะยาว เนื่องจากเป็นประเทศที่บริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ใช้เป็นฐานการผลิตอยู่แล้ว หากจะมีการโยกย้ายโรงงานจากจีนหรือสหรัฐฯ (เพื่อเลี่ยงกำแพงภาษี) มายังประเทศเหล่านี้ก็สามารถทำได้อย่างสะดวก



    ความเชี่ยวชาญสร้างโอกาส



    "อุตสาหกรรมสินค้าไฮเทคมีบทบาทในสงครามการค้าครั้งนี้มาก เพราะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนประกอบเป็นสินค้าประเภทที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนมากที่สุด และสหรัฐฯเองยังต้องการสกัดจีนไม่ให้เดินหน้านโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เรียกว่านโยบาย Made in China 2025" งานวิจัยของ EIU ระบุ ดังนั้น อานิสงส์จากการโยกย้ายฐานการผลิตเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีจึงมีความเป็นไปได้สูง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ไทยและมาเลเซีย น่าจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยสามารถเสียบแทนจีนในตลาดอะไหล่และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการของจีนเองก็มีแนวโน้มจะออกมาผลิตชิ้นส่วนประกอบและอะไหล่รถยนต์ในประเทศอื่นๆในแถบเอเชียนี้ด้วยเช่นกัน



    ถามว่าแล้วประเทศที่มีโอกาสบาดเจ็บจากลูกหลงของสงครามการค้ามีในด้านใดบ้าง EIU ระบุว่า ประเทศที่พึ่งการส่งออกสินค้ากึ่งสำเร็จรูปหรือสินค้าชิ้นส่วนที่ต้องนำไปใช้ในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศจีน แต่ไม่มีข้อได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิต เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ จะได้รับผลกระทบแรงในระยะสั้นๆ เว้นแต่จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่คู่แข่งยากจะเทียบชั้นได้ เช่น บางบริษัทของไต้หวันและเกาหลีใต้ กรณีเช่นนี้ก็จะมีปัจจัยรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่า นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้เห็นว่า การยกระดับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเพิ่มมูลค่าสินค้านวัตกรรมภายในประเทศนั้น เป็นเทรนด์ระดับโลกที่ควรจะต้องมุ่งไป เพราะความก้าวหน้าของอุตสาห กรรมที่มีแต้มต่อเหนือคู่แข่งหรือไม่เหมือนใคร จะเป็นเกราะป้องกันผลกระทบได้เป็นอย่างดีท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้


    โต๊ะข่าวต่างประเทศ


    Source : ฐานเศรษฐกิจ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6216.JPG
    (Dec 20) จีนเลิกใช้เงินสดยาก - สังคมไร้เงินสดของจีนได้ชื่อว่าเติบโตอย่างรวดเร็วแซงหน้าหลายประเทศ ไปแล้ว โดยเฉพาะการชำระสินค้าและบริการต่างๆ ออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 491 ล้านล้านบาท) ตามรายงานของวอลสตรีท เจอร์นัล

    อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรุดหน้าของระบบชำระเงินออนไลน์ "เงินสด" ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ดีในจีน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มคนสูงอายุที่ยังปรับตัวตามเทคโนโลยีไม่ทัน

    ความจำเป็นดังกล่าวสะท้อนออกมาจากคำประกาศของธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ระบุว่า การปฏิเสธการชำระเงินด้วยเงินสดนั้นถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่ร้านค้าโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ต่างแห่ไปใช้อี-เพย์เมนต์ หรือระบบชำระเงินออนไลน์ และปฏิเสธไม่รับเงินสดจากลูกค้า

    เว็บไซต์อบาคัสนิวส์ ของจีน รายงานว่า นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พีบีโอซีต้องจัดการกับปัญหาร้านค้าปฏิเสธรับเงินสดไปแล้วมากถึง 602 กรณี โดยพีบีโอซีคาดโทษแก่ผู้ค้าที่ไม่รับเงินสดว่าจะต้องถูกปรับลดคะแนนความน่าเชื่อถือส่วนบุคคล ลงสู่ระดับเลวร้าย

    ทั้งนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของอี-เพย์เมนต์ในจีนนั้นได้สร้างความสะดวกสบายให้แก่ชาวจีนหลายล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งจากการสำรวจของ สำนักข่าวซินหัว พบว่า คนจีนราว 89% ใช้บริการอาลีเพย์ และวีแชท เพย์ แพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ยอดฮิตของจีน ในการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอี-เพย์เมนต์ก็ทำให้กลุ่มคนที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุต้องตกที่นั่งลำบาก

    จากข้อมูลของ เฟิงหวัง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า จำนวน ผู้สูงอายุในจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูง กว่า 300 ล้านคน ภายในปี 2030 ซึ่งแน่นอนว่าคนกลุ่มนี้มักจะไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี และมีอุปสรรคหลาย

    อย่างในการใช้อี-เพย์เมนต์ เช่น ปัญหาเรื่องสายตาและความจำ ซึ่งปัญหานี้ จะกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของรัฐบาลอย่างมาก ว่าจะจัดการอย่างไร

    "ฉันใช้เงินหยวนของจริง ไม่ใช่ของปลอม ทำไมพวกเขาถึงต้องทำให้ฉันรู้สึกอับอาย เพียงเพราะแค่ฉันไม่รู้จักวิธีการใช้วีแชทเพย์ด้วย" นี่คือประโยคที่ชายวัย 67 ปี ในมณฑล เฮยหลงเจียง ทางตอนเหนือของจีนระบายออกมา หลังร้านค้าปฏิเสธ การรับเงินสด ซึ่งคลิปนี้ได้กลายเป็น ที่โด่งดังทั่วจีนเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยซินหัวระบุว่า ไม่ใช่แค่ชายคนนี้เท่านั้นที่กำลังเผชิญปัญหานี้ แต่มี ผู้สูงอายุกว่า 30% ต้องเจอปัญหา ถูกร้านค้าปฏิเสธรับเงินสด

    ลิ่วจง นักวิเคราะห์ด้านจีนจากสถาบันวิจัยวิลสัน เซ็นเตอร์ ระบุว่า อี-เพย์เมนต์กำลังกลายเป็นสิ่งที่สร้างเส้นแบ่งให้กับคนรุ่นใหม่และผู้สูงอายุ รวมถึงแบ่งระหว่างชนชั้นกลางในเมืองและคนยากจนในชนบท ซึ่งการจัดการที่ไม่ถูกวิธีกับความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอี-เพย์เมนต์ อาจทำให้คนสูงอายุและคนจนต้องถูกกีดกันจากระบบการบริโภคได้เช่นกัน

    คอลัมน์ โลกฟินเทค: ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

    Source: Posttoday

    - China orders more than 600 merchants to stop rejecting cash

    https://www.techinasia.com/china-orders-600-merchants-stop-rejecting-cash
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6217.PNG
    (Dec 20) เปิดใจ 'อภิศักดิ์' ไฟเขียวควบรวม 'ทีเอ็มบี-ธนชาต' ดีล1.8ล้านล้าน : "รมว.คลัง" เปิดใจกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ไฟเขียวควบรวม "ทีเอ็มบี-ธนชาต" ดีล1.8ล้านล้าน หวังแบงก์ของไทยแข่งขันระดับภูมิภาค


    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาทางผู้ถือหุ้นของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ทั้งที่เป็นผู้ถือหุ้นคนไทย และผู้ถือหุ้นต่างชาติเข้ามาหารือเกี่ยวกับการควบรวมกิจการของทั้ง 2 ธนาคารแต่ยังไม่มีข้อสรุป การหารือมีทั้งสอบถามความเห็นว่า คลังคิดเห็นอย่างไร รวมถึงมาขอว่า หากควบรวมแล้วจะขายสินทรัพย์อะไรบางอย่างออกไป จะขอสิทธิประโยชน์ทางภาษี


    “เขาก็ส่งคนมาคุยอยู่เรื่อยๆ ต่างคนต่างมาไม่ได้มาพร้อมกัน ถ้ามาพร้อมกันก็คงแสดงว่าได้ข้อสรุปแล้ว เพราะเขายังไม่สรุปดีล ก็มาถามว่าแบบนั้นทำได้มั้ย แบบนี้ทำได้มั้ย แต่ยังไม่เห็นสรุปอะไรสักอย่าง ส่วนรูปแบบของการรวมกันจะเป็นอย่างไรนั้น มีหลายออปชั่น (ทางเลือก) การควบรวมกิจการก็เป็นหนึ่งในออปชั่น กำลังทำกันอยู่ วุ่นวายพอสมควร กำลังคุยสารพัดดีล เค้าไม่ได้บอกว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้าไม่ทำภายในปี 2565 ก็ไม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี”


    ไฟเขียวควบรวม


    สำหรับนโยบายของกระทรวงการคลังนั้นก็บอกไปว่า คลังส่งเสริมให้มีการควบรวมอยู่แล้วไม่อย่างนั้นจะมีการไปออกนโยบายที่จะส่งเสริมควบรวมกิจการทำไม แต่การที่จะควบรวมหรือไม่ ต้องดูว่าในฐานะที่คลังเป็นผู้ถือหุ้นมูลค่าหุ้น มูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนไปเพิ่มขึ้น หรือมีโอกาสเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งหมดคุยกันแค่เบื้องต้น ส่วนตอนนี้จะสรุปหรือยังนั้นยังไม่ทราบ อย่างไรก็ตามหากได้ข้อสรุปแล้ว ก็คงเดินตามกระบวนการ คือการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นคลังก็เข้าร่วมในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น


    จุดยืนของกระทรวงการคลัง สำหรับการถือหุ้นในทีเอ็มบีนั้น แม้ว่าการเข้าถือหุ้นในทีเอ็มบีจะไม่ใช่การลงทุนตามยุทธศาสตร์ตอนที่ถือเพราะช่วงนั้นต้องแก้ไขปัญหาธนาคาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องขายออก ออปชั่นแรกที่คุยกันไว้คือควบรวมกิจการในฐานะที่คลังเป็นผู้ถือหุ้น ก็ต้องมาดูว่าทำแล้ว สิ่งที่เราถืออยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผู้ถือหุ้นรายย่อยรายอื่น ก็ต้องดูแบบเดียวกับที่เราดู


    “ถ้าจะควบรวบหุ้นต้องมีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น ตอนนี้หากอยู่เดี่ยวๆ ราคา 2 บาทกว่า แต่ถ้ารวมไปมูลค่าในอนาคตอาจจะขึ้นเป็น 3-4 บาทก็สมควรที่จะพิจารณาดู แต่หากรวมไปแล้วเหลือบาทกว่าก็ต้องเก็บไว้ก่อน เราไม่ได้คิดจะขาย ขายไปขาดทุนจะขายทำไม ในเมื่อศักยภาพไปได้ เราในฐานะผู้ถือหุ้นก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้ และต้องมีที่ปรึกษามาดูว่าดีลคุ้มค่าหรือไม่คุ้ม เราต้องมองไปในอนาคต และมองในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น ไม่ได้มองในฐานะที่เป็นกระทรวงการคลัง”


    “กรุงไทย”เคยหารือรวมทีเอ็มบี


    ส่วนกรณีที่ช่วงแรกที่มีข่าวควบรวมกิจการเป็นการควบรวมกันระหว่างกรุงไทยกับทีเอ็มบีนั้น นายอภิศักดิ์กล่าวว่า กรุงไทยกับทีเอ็มบีก็มีการคุยกันเหมือนกัน คุยกันหมดมีคนคุยเยอะเลย แต่ไม่บอกว่ามีกี่เจ้า ซึ่งเรื่องการควบรวมแบงก์ไม่ได้มีเฉพาะทีเอ็มบีแบงก์เดียว มีแบงก์อื่นด้วย เยอะแยะ นโยบายเราอยากให้รวมอยู่แล้ว ใครก็ได้


    “ใจเราอยากให้แบงก์รวมกันแล้วมีขนาดใหญ่แข่งกับแบงก์ในภูมิภาคได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแบงก์ว่าจะทำหรือไม่ทำ เราเองเปิดทางให้ ค่าใช้จ่ายเราดูแลให้ แต่การจะทำหรือไม่ เขาต้องศึกษา และดูว่าได้ประโยชน์จริง โดยปกติการรวมกันในไทยเกิดขึ้นน้อยมาก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะมีปัญหา เมื่อปัญหามารวมกับปัญหา กลายเป็นซูเปอร์ปัญหา ต้องใช้เวลาแก้หลายปี ไม่เหมือนกับที่อื่นที่รวมกันเพื่อการเติบโต เช่นในสิงคโปร์ที่มีแบงก์จำนวนมาก รวมกันจนเหลือ 4 แบงก์ กลายเป็นระดับเวิลด์คลาส เช่นเดียวกัน มาเลเซีย จนทุกวันนี้เมย์แบงก์ใหญ่มาก จากเมื่อก่อนต้มยำกุ้งมีขนาดเล็กกว่าธนาคารกรุงเทพ ซีไอเอ็มบีมีไซส์ครึ่งหนึ่งของธนาคารกรุงเทพเท่านั้น แต่ขณะนี้ซีไอเอ็มบีใหญ่กว่าแบงก์กรุงเทพ 2 เท่า ส่วนเมย์แบงก์ใหญ่กว่าซีไอเอ็มบีอีก เห็นได้ว่าแบงก์ไทยที่เคยใหญ่ในอาเซียน เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว”


    หวังแบงก์ไทยออกไปแข่งในภูมิภาค


    ส่วนกรณีของไทยที่แม้จะรวมกันแล้วยังไม่ใหญ่ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่แบบเล็กๆ เพราะในอนาคตจะต้องมีการลงทุนด้านไอทีอิเล็กทรอนิกส์ ต้นทุนการลงทุนการดำเนินงานสูงกว่า จะแข่งขันกับคนอื่นได้อย่างไร แม้จะเป็นแบงก์เล็กกับเล็ก รวมกันก็ยังไม่ใหญ่พอ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร เราต้องการให้แบงก์เราแข่งกับภูมิภาคได้ ไม่ใช่แย่งเค้กกันเฉพาะในเมืองไทย จะต้องไปเอาส่วนแบ่งจากข้างนอกแล้วเอาผลประโยชน์กลับมา ปัจจุบันแบงก์ไทยแย่งกันอยู่ภายใน ยกเว้นแบงก์กรุงเทพที่ออกไปข้างนอกเยอะ แต่ด้วยไซส์ปัจจุบันก็ทำอะไรยาก ไม่ได้ง่าย


    เขากล่าวว่า แม้ในปัจจุบันโอกาสที่แบงก์ต่างประเทศจะเข้ามาแข่งขันกับแบงก์ไทยค่อนข้างยาก สังเกตว่าแบงก์ต่างชาติที่เข้ามาไทยไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพราะความได้เปรียบของแบงก์ต่างชาติที่เคยมีลดลง จากเมื่อก่อนที่ได้เปรียบใน 2-3 เรื่องคือ 1.เทคโนโลยีที่ดีกว่าไทย แต่แบงก์ไทยตามทันแล้ว 2. ขนาดใหญ่กว่าไทย ต้นทุนถูกกว่า และ 3.เมื่อก่อน ได้เปรียบเราเรื่องอัตราดอกเบี้ย แต่ส่วนนี้ถูกเปลี่ยนไป หลังเกิดวิกฤติในสหรัฐ ทำให้ดอกเบี้ยไทยไม่ได้แพงกว่า แถมยังถูกกว่าด้วย


    “ความได้เปรียบของแบงก์ต่างชาติหายไป อีกทั้งแบงก์ไทยยังมีเครือข่ายสาขาเยอะมาก แบงก์ต่างชาติมาไม่มีเครือข่าย ก็เข้ามายากแต่เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน ทุกอย่างเป็นอิเล็กทรอนิกส์ อีเพย์เมนท์ ความจำเป็นที่จะมีสาขาน้อยลง เปิดโอกาสให้แบงก์ต่างชาติเข้ามาแข่งได้ อันนี้คืออุปสรรคใหญ่ ของแบงก์ไทยที่จะต้องเร่งปรับตัว ทำเทคโนโลยีให้ดีใกล้เคียงกับต่างชาติให้ได้”


    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


    - http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/821781
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6218.JPG
    (Dec 20) ธปท.-นักวิเคราะห์ มองภาวะเศรษฐกิจไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จับตาปีหน้าเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน: นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานเสวนา หัวข้อ"ส่องเศรษฐกิจปี 62"ว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดสูงสุดของการขยายตัวไปแล้ว และในปีหน้ายังมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจจะทวีความรุนแรงมากกว่าในปีนี้, เศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา, ความผันผวนจากตลาดการเงินโลกที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและประเทศตลาดเกิดใหม่, ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ


    "เศรษฐกิจในเรื่องการขยายตัวได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วที่ 4.9% ในไตรมาสแรกปีนี้ และคงจะไม่เห็นอีกแล้ว เพราะปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะผันผวนกว่าปีนี้ ทั้งเรื่อง Brexit, สงครามการค้า" นายดอน ระบุ


    ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้าลงจากเดิม โดยปี 61 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 4.2% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 4.4% ขณะที่ปี 62 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 4.0% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 4.2% นั้น มองได้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังถือว่าไปได้ดี แม้เศรษฐกิจโลกจะเติบโตในอัตราที่ช้าลง โดยในปีนี้เศรษฐกิจไทยได้แรงจากภายในประเทศเป็นสำคัญ ได้แก่ 1.การบริโภคภาคเอกชน เช่น ยอดการจำหน่ายรถยนต์ที่ยังเติบโตได้ดี 2.การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการลงทุนโครงการต่างๆ ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3.แนวโน้มปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มกลับมา และจะกลับมาเต็มที่ในปีหน้า 4.เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังเข้มแข็งจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง 5.ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเป็นใจ ซึ่งช่วยลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจได้ และ 6.อัตราดอกเบี้ยไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากในรอบนี้


    อย่างไรก็ดี สำหรับเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่ขยายตัวได้ 4% ยังถือว่าเติบโตในระดับที่ดีภายใต้ความเสี่ยงที่สูงเมื่อเทียบกับการเติบโตในระดับ 3% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของ ธปท.จำเป็นจะต้องติดตามความเสี่ยงเหล่านี้อย่างใกล้ชิด


    "ที่ กนง.มองจีดีพีปีหน้าไว้ที่ 4% นั้นเป็นค่ากลางที่เรามองไว้ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะโตน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้ก็ได้" นายดอน ระบุ

    สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 62 นายดอน ยอมรับว่า คงคาดเดายากเพราะต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า อีกทั้งเห็นว่าแม้ กนง.จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้แล้ว ไม่ได้หมายความว่ารอบหน้าจะต้องปรับขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ โดยเงื่อนไขที่ กนง.ใช้พิจารณาตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยมาจาก 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่ง กนง.มองว่าแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังสามารถรองรับต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งได้ 2.อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน แต่คาดว่าปีหน้าอัตราเงินเฟ้อจะต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 3.เสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมานานจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า และมีการประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งในจุดนี้เป็นสิ่งที่ กนง.มีความกังวล และ 4.การมีช่องว่างสำหรับการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) ซึ่งมีความเป็นห่วงว่าในอีก 1-2 ปีหน้าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ


    อย่างไรก็ดี ในความเห็นส่วนตัวของนายดอน มองว่า ในปีหน้า กนง.คงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเพียง 1 ครั้งเท่านั้น


    ด้านนายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้างานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.ภัทร ประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 62 จะอยู่ที่ 3.7% จากปี 61 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.2-4.3% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดของเศรษฐกิจไทย และน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโตช้าลงจากผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน, การเปลี่ยนจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มาสู่มาตรการเข้มงวดทางการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative tightening หรือ QT) ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้


    ทั้งนี้ในปีหน้าปัจจัยที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังมาจากภาคการส่งออก, การท่องเที่ยว และยอดขายรถยนต์ โดยต้องจับตาดูใน 3 เรื่อง คือ เศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลง อาจส่งผลกระทบกับการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ของ GDP และจับตาดูรายได้ภาคการเกษตรว่าการบริโภคภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ ขณะที่มองหนี้ภาคครัวเรือนถือว่ายังอยู่ในระดับสูงอยู่ การที่จะยืมเงินในอนาคตมาใช้อาจเป็นไปได้ยากขึ้น รวมถึงการเมืองในปีหน้า ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 โดยให้จับตาดูว่าเมื่อมีการเลือกตั้งไปแล้วการดำเนินนโยบายต่างๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป


    อย่างไรก็ตาม ภาพของการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 มองตลาดฯ น่าจะยังมีความผันผวน จากปัจจัยภายนอกประเทศที่ยังคงกดดัน ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และราคาน้ำมันดิบที่ยังคงผันผวนต่อเนื่อง แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น แนะนำนักลงทุน Wait &see ไปก่อน โดยได้ประเมินกรอบดัชนีในปีหน้า ให้กรอบแนวต้านที่ 1,680 จุด และแนวรับ 1,450 จุด บนสมมติฐานกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่ 4%


    สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.75% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นายพิพัฒน์ มองว่าเป็นการปรับขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว ไม่ได้ต้องการเบรกเศรษฐกิจ ซึ่งต้องรอดูกันต่อว่าทางธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นตามหรือไม่ ซึ่งหากมีการปรับขึ้นตามก็จะส่งผลกระทบกับผู้กู้ ที่ต้นทุนสูงขึ้น แต่หากไม่ได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ต้นทุนทางการเงินขึ้นก็จะกระทบกับธนาคารพาณิชย์เอง


    Source: อินโฟเควสท์ โดย พชรธร ภูมิคำ/ธนวัฏ/รัชดา


    ภาพ ดอน นาครทรรพ
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6219.JPG
    (Dec 20) เอกชนโอดขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มความเสี่ยงศก. : โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธาน สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. 0.25% คาดว่าคงจะมีผลกระทบต่อ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและทำให้ต้นทุนทางธุรกิจของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบมากนัก เนื่องจากปัญหาหลักของเอสเอ็มอีไทย โดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ประกอบการรายเล็กจะมีปัญหา การเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารไม่ได้ อยู่แล้ว คาดว่าจะมีสัดส่วนเกิน 50% ของผู้ประกอบการรายเล็ก

    ขณะเดียวกัน การที่ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ทำให้ต้องไปพึ่งการกู้จากนอกระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงประมาณ 24% ต่อปี เป็นต้น ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการให้ภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาที่ผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าระบบสถาบันการเงินได้ และการแก้ในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติในการกู้เงินใหม่ พร้อมกับการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในด้านการเงินให้มากที่สุด

    จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ ภาคกลาง หอการค้าไทย กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงมากขึ้นและซ้ำเติมสถานการณ์หนี้ครัวเรือน การทำธุรกิจของเอสเอ็มอี การส่งออก การท่องเที่ยว และตลาดหุ้นที่ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จำนวนมาก ซึ่งการตัดสินใจของคณะกรรมการ กนง.นั้นค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก และสวนกระแสสังคมที่ต้องการให้คงดอกเบี้ยเพื่อประคองเศรษฐกิจไทย

    "ตามหลักการเมื่อปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินก็จะไหลเข้า ทำให้ค่าเงินบาท แข็งเพิ่มขึ้นยิ่งกระทบต่อการส่งออก ไทยที่ศักยภาพลดลง รวมถึงมีผล ต่อนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไทยเพราะเมื่อแลกเงินแล้วนักท่องเที่ยว ต้องควักเงินเพิ่ม ขณะที่หนี้ครัวเรือนหากมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยแล้ว คาดว่าจะมีหนี้เพิ่มขึ้นอีก 3-4 หมื่นบาท/ครัวเรือน ยิ่งทำให้การกระตุ้น ภาคการบริโภคของไทยยิ่งแย่ลงแน่นอน"

    ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท- แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ผลกระทบจากดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้น 0.25% นั้น จะส่งผล กระทบกับการซื้ออสังหาฯ เพื่อลงทุน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับราคา 3-10 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งพฤกษามี กลุ่มนักลงทุนสัดส่วน 20-30% คาดว่านักลงทุนในกลุ่มนี้จะหายไปประมาณ 10% เนื่องจากได้ผลกระทบหนักเกิดจากมาตรการแอลทีวีที่จะบังคับใช้ในเดือน เม.ย. 2562 ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็มีผลกระทบบ้างเล็กน้อยแต่ไม่กระทบกับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่จะต้องซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง

    วิชิต พยุหนาวีชัย ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง กล่าวว่า ในปีหน้าคาดการณ์ว่า กนง.คงขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเป็น 2% ซึ่งคงกระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อแน่ แต่เนื่องจากธุรกิจเช่าซื้อมีการแข่งขันรุนแรง หากมีการขึ้นดอกเบี้ยเช่าซื้อ ก็คงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ทางผู้ประกอบการเช่าซื้อคงใช้วิธีเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากกว่า เพื่อควบคุมคุณภาพหนี้และยอมลดกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยลง รวมถึงลดการจัดแคมเปญลง

    รวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยยังไม่มีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก เพราะยัง

    มีสภาพคล่องในระบบสูงและเกรงว่าจะเกิดผลกระทบด้านลบกับลูกค้า สวนทางกับความตั้งใจของธนาคารที่อยากเห็นธุรกิจฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้หรือเงินฝาก ถ้าจะเกิดขึ้นจะเป็นผลจากนโยบายการทำธุรกิจของแต่ละธนาคารเป็นหลัก

    Source: Posttoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6220.PNG
    (Dec 20) สกุลเงินโครนาพุ่งวันนี้ ขานรับแบงก์ชาติสวีเดนขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกรอบกว่า 7 ปี:

    สกุลเงินโครนาของสวีเดนพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสวีเดนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี

    ทั้งนี้ โครนาทะยานขึ้น 1.4% สู่ระดับ 8.9635 เทียบดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.8% สู่ระดับ 10.2460 เทียบยูโร


    ธนาคารกลางสวีเดน หรือริกส์แบงก์ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 ในวันนี้ โดยปรับขึ้น 0.25% สู่ระดับ -0.25%


    ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้

    ริกส์แบงก์ส่งสัญญาณว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า


    นอกจากนี้ ริกส์แบงก์เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ทางธนาคารกลางจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    "อัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อได้เริ่มมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ทำให้ธนาคารกลางมีความจำเป็นน้อยลงในการใช้นโยบายการเงินเชิงขยาย" ริกส์แบงก์ระบุ


    Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    https://www.ft.com/content/161f5274-042e-11e9-9d01-cd4d49afbbe3
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6221.JPG
    ((Dec 20) แบงก์ชาติอังกฤษหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 4 เตือน Brexit กระทบตลาดการเงิน: ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 99 วันก่อนถึงวันที่ 29 มี.ค.2562 ซึ่งอังกฤษจะต้องแยกตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ


    BoE เตือนว่า ความไม่แน่นอนจากปัจจัย Brexit ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่การประชุมครั้งล่าสุดของ BoE ในเดือนพ.ย. และความไม่แน่นอนเหล่านี้กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน


    ขณะเดียวกัน BoE ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 4 สู่ระดับ 0.2% จากเดิมที่ 0.3% ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปีหน้า


    นอกจากนี้ BoE ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงมีแนวโน้มที่จะฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ร่วงลงต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของ BoE ในไม่ช้า

    BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว


    ในการประชุมเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี


    BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนส.ค.2559 ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ หลังจากที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป


    Source -อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-253


    https://www.cnbc.com/2018/12/20/bank-of-england-holds-interest-rates-amid-brexit-uncertainty.html
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Report ASEAN - Thailand

    IMG_6222.JPG
    จีนไม่เห็นด้วย สหรัฐฯสร้างศูนย์บัญชาการทางทหารบนอวกาศ

    .

    หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สั่งการให้สร้างศูนย์บัญชาการอวกาศ (Space Command) หน่วยงานใหม่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหม

    .

    ศูนย์บัญชาการอวกาศ (มีชื่อเรียกสั้นๆว่า สเปซคอมฯ - SpaceCom) จะมีหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการทางทหารในอวกาศทั้งหมด มีสถานะเทียบเท่าศูนย์บัญชาการทางทหารอื่นๆของสหรัฐฯ เช่น กองบัญชาการกลางในตะวันออกกลาง และกองบัญชาการภาคพื้นอินโดแปซิฟิกในเอเชีย ซึ่งต้องมีผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการประจำสเปซคอมฯ

    .

    หลังจากที่ทั่วโลกทราบข่าวนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์ ‘คัดค้าน’ การสร้างศูนย์บัญชาการแห่งใหม่ของสหรัฐฯในอวกาศ เพื่อควบคุมปฏิบัติการทางทหารในอวกาศ

    .

    จีนให้เหตุผลว่า การสร้างศูนย์บัญชาการบนอวกาศ ย่อมหมายถึง การติดอาวุธในอวกาศ ซึ่งจีนไม่เห็นด้วย และเรียกร้องให้สหรัฐฯใช้พื้นที่อวกาศอย่างสันติภาพ เพราะจีนไม่อยากเห็นอวกาศถูกเปลี่ยนเป็น ‘สนามรบแห่งใหม่’

    .

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจนจิรา จันทรเสนา

    IMG_6223.JPG
    ทำไมอเมริกาถึงบุกซีเรีย เหตุผลคือ

    ▪ที่ตั้งซีเรียเป็นจุดยุทธศาสตร์ของท่อส่งก๊าซจากตะวันออกกลางไปยุโรป อเมริกาอยากสร้าง อยากแบ่งเค้ก แต่ซีเรียไม่ยอม

    ▪ท่อก๊าซปัจจุบันนี้เป็นของรัสเซีย (เหตุนี้รัสเซียจึงให้การช่วยเหลือรัฐบาลอัสซาดตลอดจากอเมริกาที่คอยจองเวรจองกรรม)


    ด้วยเหตุนี้อเมริกาจึงสร้างเรื่องปั่นป่วนซีเรีย เป็นข้ออ้างเพื่อเข้าไป

    ▪ส่งไอซิสเข้ามาซีเรีย (กลุ่มไอซิสได้รับการสนับสนุนจาก อังกฤษ อเมริกา อิสราเอล คนที่ออกมาแฉคือ Edward Snowden)

    ▪อ้างซีเรีย มีอาวุธเคมี ฆ่าปชช. เบื้องหลังจริงๆฝรั่งตาน้ำข้าวทำกันเองทั้งนั้น


    เมื่อล้มเหลวอเมริกาจึงถอดกำลังออกจากซีเรีย ..ขอสรุปดังนี้ค่ะ

    ➡ มันไม่ควรเข้าไปตั้งแต่แรก เป็นการเข้าไปโดยไร้เหตุผล สุดท้ายก็ว่างเปล่า

    ➡ เป็นขี้ก้อนโตที่โอบามาทิ้งไว้ให้กับชาติยุโรป

    ➡ ถือเป็นข่าวดีตอนรับวันคริสต์มาส

    ➡ ถ้าเป็นนาง Hillary คงเพิ่มสงครามในซีเรียด้วย ขอบคุณ คุณพระคุณเจ้าที่เธอไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

    - jenjira1958 -


     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

    IMG_6224.JPG
    แหลได้ถ้วย......

    เบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า เราส่งสายลับสอดแนมอีหร่านเป็นประจำ


    -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-


    เจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวกรองอิหร่านเยาะเย้ยเรื่องราวของนายกฯ อิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่าเราได้ส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอิสราเอลเข้าเยี่ยมชมอิหร่านเพื่อสอดแนมกิจการนิวเคลียร์เป็นประจำ


    ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับของอิหร่านได้ปฏิเสธเรื่องราวของ เนทันยาฮู ที่กล่าวว่าสายอิสราเอลได้สอดแนมโครงการนิวเคลียร์ของอีหร่านเป็นประจำ


    "นาทานนาฮูมีสิทธิที่จะแต่งเรื่องโกหกประดิษฐ์เรื่องราวขึ้นมาได้เพราะเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันทั้งภายในและภายนอกที่รุนแรงที่สุด ในการเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอิสราเอลที่สอดแนมให้กับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และเกี่ยวกับการแทรกซึมอย่างกว้างขวางของหน่วยข่าวกรองอิหร่านในอิสราเอล


    เนทันยาฮู สั่งเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลโดยด่วน เพื่อตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทางการเมือง รัฐสภาและหน่วยข่าวกรองทั้งหมด ที่มีการติดต่อกับหน่วยข่าวกรองอิหร่านอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองอิหร่านกล่าวเพิ่มว่า เผยให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ระบบของอิสราเอลล้มเหลวโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายกับสำนักข่าวแต่อย่างใด


    เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอิสราเอลได้จับกุมอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน Gonen Segev ในข้อหาสอดแนมหลังจากที่อิสราเอลพบว่า Segev ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สถานทูตอิหร่าน ในไนจีเรียในปี 2012 โดยให้ข้อมูลของอิสราเอลกับประเทศอีหร่าน ที่เกี่ยวกับภาคพลังงาน สถานกงสุล สถานที่รักษาความปลอดภัย และตัวตนของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานด้านความมั่นคงและการเมือง รวมถึงสิ่งอื่นๆอีกมาก


    BY>>>>>Giant Khan<<<<<


    https://www.tasnimnews.com/en/news/...official-debunks-bibi-s-fake-anti-iran-claims


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

    IMG_6225.JPG
    วลาดิเมียร์ปูตินแห่งรัสเซีย ตั้งข้อสังเกตว่า สหรัฐประกาศที่จะถอนกองกำลังออกจากซีเรีย แต่ไม่มีการแสดงความแน่นอนและแผน เกี่ยวกับการประกาศของวอชิงตันอันนี้

    ในอัฟกานิสถานสหรัฐก็ประกาศถอนกองกำลังหลายครั้ง แต่ปัจจุบันสหรัฐยังคงอยู่ในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นเวลาสิบเจ็ดปีผ่านมาแล้ว

    เราหวังว่าคราวนี้จะเป็นเรื่องจริง ซีเรียจะได้สงบสุขสักที


    BY>>>>>Giant Khan<<<<<


    https://www.rt.com/news/447001-putin-syria-us-troops/


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

    IMG_6226.JPG IMG_6227.JPG
    ยูเครนมีแผนที่จะส่งเรือเข้าสู่ช่องแคบเคิร์ชอีกครั้ง ในครั้งนี้หวังว่าเรือนาโตจะเข้าร่วมด้วย

    ( ส่งเข้าไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าจะตายหมู่หรือตายเดี่ยว )


    BY>>>>>Giant Khan<<<<<


    https://www.rt.com/news/446986-ukraine-new-ships-kerch/


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_6228.JPG IMG_6229.JPG
    #Earthquake

    20/12/18

    เวลา 23:36 น. ตามเวลาไทย

    แผ่นดินไหว #เยลโลว์สโตน ตะวันตก ,มอนทาน่า / West Yellowstone, Montana

    ขนาด 3.1

    พิกัด 44.750°N 111.451°W

    13.7 km depth

    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/mb80329334/executive

    #Watchers


     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_6230.JPG
    #Earthquake

    21/12/18

    เวลา 00:01. น. ตามเวลาไทย

    แผ่นดินไหว ขนาด 7.3

    Nikol'skoye, Russia

    พิกัด 54.800°N 164.800°E

    ความลึก 33 กม.


    https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/at00pk1on9/executive


    00:49 มีอาฟเตอร์ช็อค M<5.5 เกิดอีกหลายครั้งบริเวณหมู่เกาะคอมมานเดอร์ในทะเลแบริงของรัสเซีย จากแผ่นดินไหว M7.2 เมื่อ 00:01 ที่ผ่านมา


    PTWC ออกเอกสารฉบับที่ 3 ไม่พบคลื่นสึนามิจากแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ในทะเลแบริง ลดระดับการเฝ้าระวังสู่ขั้นตอนปกติ


    (link: https://ptwc.weather.gov/ptwc/text.php?id=pacific.TSUPAC.2018.12.20.1826

    เครดิต : USGS, THQuake

    #Watchers


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_6233.JPG
    #สภาพอากาศ #มลพิษ

    21 ธ.ค.61

    ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) แถบดินแดง กรุงเทพมหานคร ในคืนนี้ครับ

    จากแอพ air4thai ค่า AQI >200

    ทุกคนควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์

    Via: sunsernr

    #Watchers


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_6234.JPG IMG_6235.JPG
    #Space #Soyuz

    20/12/18

    ยานโซยุสแยกตัวออกจากสถานีอวกาศ ISS แล้วในเวลา 08:40 เช้านี้ตามเวลาไทย กำลังนำนักบินเที่ยวบิน exp 57 กลับสู่ผิวโลก

    (เป็นขั้นตอนปกติเพื่อสับเปลี่ยนทีมงานใหม่ขึ้นไปประจำการ)

    Cr:mrvob


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo

    IMG_6237.JPG
    ภูเขาไฟ Poas ใน Alajuela, Costa Rica เข้าสู่กิจกรรมอีกครั้ง


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    J Lynn Cole

    IMG_6238.JPG IMG_6239.JPG IMG_6240.JPG
    แผ่นดินไหวขนาด 7.3 รัสเซีย, TSUNAMI WATCH (ลึก 33 กิโลเมตร)


    แผ่นดินไหว M7.3 - 87 km WSW จาก Nikol'skoye, Russia - พฤหัสบดี, 21 ธันวาคม 2018 00:01:57 น.ไทย (12:01 EST)

    ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2204346/info.html

    ผ่าน Volcanoes & Erthquakes App - https://play.google.com/store/apps/details?id=com.volcanodiscovery.volcanodiscovery


    HEADS UP 7.3 RUSSIA, TSUNAMI WATCH


    Earthquake M7.3 - 87km WSW of Nikol'skoye, Russia - Thu, 20 Dec 2018 17:01:57 UTC (12:01 EST) - 18 minutes ago

    more info: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2204346/info.html

    via Volcanoes & Erthquakes App - https://play.google.com/store/apps/details?id=com.volcanodiscovery.volcanodiscovery


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_6241.PNG
    (Dec 21) น้ำมันดิ่งเกือบ$3,ดาวโจนส์ร่วงอีก460จุด ผวาชัตดาวน์-เฟดขึ้นดอกเบี้ย :ราคาน้ำมันขยับลง 5%ในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี จากความกังวลทางอุปทานล้นตลาดและแนวโน้มอุปสงค์อ่อนแอ ขณะที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยฉุดวอลล์สตรีทร่วงหนักอีกหนึ่งวัน และดันทองคำพุ่งแรง


    สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.29 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2017 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.89 ดอลลาร์ ปิดที่ 54.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


    "มันเป็นเรื่องราวเดิมๆเกี่ยวกับความกังวลอุปทานล้นตลาดและอุปสงค์โลกชะลอตัว" ไบรอัน ยุงเบิร์ก นักวิเคราะห์ด้านพลังงานระดับอาวุโสของบริษัทเอ็ดเวิร์ด โจนส์ ให้ความเห็น


    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ปิดลบหนักเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ความเสี่ยงต่อภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล ซ้ำเติมความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวปรับขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)


    ดาวโจนส์ ลดลง 464.06 จุด (1.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 22,859.60 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 39.54 จุด (1.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,467.42 จุด แนสแดค ลดลง 108.42 จุด (1.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,528.41 จุด


    ด้วยต้องเผชิญเดือนธันวาคมอันถลอกปอกเปิก ทำให้ปี 2018 กลายเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของวอลล์สตรีท นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่สหรัฐฯประสบกับวิกฤตทางการเงิน


    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมึขึ้นหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันพุธ(19ธ..ค.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้


    นอกจากนี้เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ 3.1% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.5%


    ขณะเดียวกันความกังวลของนักลงทุนยังถูกซ้ำเติมเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ต้องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความ ส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะวีโต้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่สภาคองเกรสให้การอนุมัติ เนื่องจากเขาหวังตอบโต้พรรคเดโมแครตที่ไม่ให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก


    เมื่อวันพุธ(19ธ.ค.) วุฒิสภาสหรัฐฯลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล(ชัตดาวน์)


    วุฒิสภาได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนเส้นตายเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐฯ


    อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ได้แสดงท่าทีบ่งชี้ว่าเขาจะลงนามในร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่ได้บรรจุงบประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ


    ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(20ธ.ค.) ปิดสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน หลังความเคลื่อนไหวของตลาดทุนและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 11.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,267.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์


    Source: ผู้จัดการออนไลน์

    https://mgronline.com/around/detail/9610000126356


    เพิ่มเติม

    - ขุนคลังสหรัฐชี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงมากเกินเหตุ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย : https://www.ryt9.com/s/iq27/2931599
     

แชร์หน้านี้

Loading...