ติดตามสถานะการณ์

สิงคโปร์เลิกจัดสาดน้ำฯ เหตุไม่คุ้มหลังไทยยกเลิก พ.ร.ก.
27 มี.ค. 2557 10:37



กรุงเทพฯ 27 มี.ค.-ผู้ประกอบการถนนข้าวสารเชื่อว่าเหตุที่สิงคโปร์ยกเลิกจัดกิจกรรมสาดน้ำสงกรานต์ เพราะไทยปลดล็อค พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ไม่คุ้มหากทำตลาดแข่งไทยที่สงกรานต์เป็นออริจินอล

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงกรณีที่สิงคโปร์จะงดการจัดกิจกรรมสาดน้ำในการจัดงานสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน2557 แต่คงกิจกรรมอื่น ๆ ไว้ ว่า ตนไม่ได้มองสิงคโปร์เป็นคู่แข่งตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าว เพราะสิงคโปร์ไม่มีแก่นรากของประเพณีสงกรานต์ การทำโปรโมทที่ออกมาช่วงนั้น อาศัยช่องว่างที่กลุ่มนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาประเทศไทยได้ เพราะติด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงได้นำจุดเด่นของไทยไปทำการตลาด (มาร์เกตติ้ง) แต่เมื่อประเทศไทยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว นักท่องเที่ยวก็สามารถกลับมาได้เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการทำประกันกับบริษัทประกัน

"คงเห็นว่าเรายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินถ้ายังโปรโมทออกไปก็คงสู้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่วัฒนธรรม และไม่เป็นออริจินอล เสียเปรียบเสียเงินทำตลาดตรงนี้ไปทำอื่นดีกว่า ก็ปรับแผนใช้เหตุผลกระแสสังคมต่อต้านเรื่องเปลืองน้ำ"นายสง่า กล่าว

สำหรับงานสงกรานต์ข้าวสารปีนี้จัด12-15 เม.ย.ซึ่งผู้ประกอบการบนถนนข้าวสารเตรียมพร้อมเต็มที่ ประสานตำรวจเรื่องการดูแลความปลอดภัยและยังมีอาสาสมัครคอยดูความเรียบร้อย เข้มเรื่องการแต่งกาย และไม่เล่นแป้งเพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจโดยจะมีพิธีเปิดในเย็นวันที่ 12 เม.ย. เบื้องต้นประธานในพิธีคือนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. -สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์เลิกจัดสาดน้ำฯ เหตุไม่คุ้มหลังไทยยกเลิก พ.ร.ก. | MCOT.net | MCOT.net

 

War Room Falkman ได้แชร์ รูปภาพ ของ ชมรมคนชอบฟัง สถานีวิทยุจราจรเพื่อสังคม



..นาซาค้นพบดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงโลกที่สุดเท่าที่เคยพบ - 1.1 เท่า
นาซาเผยค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะขนาดใกล้เคียงโลกมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ใหญ่กว่าโลกเพียง 1.1 เท่า

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า นักดาราศาสตร์จากศูนย์วิจัยนาซา ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีขนาดใกล้เคียงโลกมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา เผยมีขนาดใหญ่กว่าโลกนิดหน่อยที่ 1.1 เท่า เท่านั้น ลุ้นอาจมีสิ่งมีชีวิต

โดยนายโทมัส บาร์เคลย์ นักดาราศาสตร์จากศูนย์วิจัยนาซา รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้ค้นพบดาวเคราะห์ซึ่งยังไม่ได้รับการตั้งชื่อดวงนี้ ผ่านข้อมูลที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ (Kepler) และพบว่า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับโลกที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา คือ 1.1 เท่า อยู่ในระบบดาวที่ประกอบด้วยดาวเคราะห์ 5 ดวง และโคจรรอบดาวแคระแดง ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็กและอุณหภูมิต่ำกว่าดวงอาทิตย์ แต่ถึงอย่างนั้น ระยะห่างของดาวเคราะห์ดวงนี้กับดาวแม่ของมัน ก็ไม่ใกล้จนทำให้ดาวร้อนไปและไม่ไกลจนทำให้ดาวเย็นไป นับว่าอยู่ในเขตที่น้ำสามารถดำรงอยู่ในสภาวะของเหลวได้และอาจมีสิ่งมีชีวิต

ทั้งนี้ กล้องโทรทรรศน์เคปเลอร์ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการเคปเลอร์ ซึ่งเป็นภารกิจค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่คล้ายโลก เริ่มต้นสำรวจเมื่อปี 2009 และนับตั้งแต่นั้น นักดาราศาสตร์ก็ได้ค้นพบดาวเคราะห์คล้ายโลกมาแล้วหลายดวง แต่ก็ยังไม่มีดาวเคราะห์ดวงไหนที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกเท่ากับดาวเคราะห์ดวงนี้ โดยดาวเคราะห์ดวงก่อนหน้าที่ครองสถิติดาวเคราะห์ที่ใกล้เคียงกับโลกที่สุด คือ เคปเลอร์-62 เอฟ (Kepler-62f) ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโลก 1.4 เท่า

(เครดิต:กระปุกดอทคอม)

 

MySci

ขี้หู (Earwax) ความลับที่คุณยังไม่รู้



ขี้หูมีคุณสมบัติป้องกันจุลินทรีย์เชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย เพราะมีน้ำมันที่ช่วยทำให้หนังกำพร้าในหูกลายเป็นขี้หูคอยดักจับจุลินทรีย์อยู่ ชนิดของขี้หูในคนแต่ละเชื้อชาติไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและครอบครัวโดยตรง และขี้หูอาจจะกลายเป็นพิษต่อร่างกายได้หากไม่รักษาความสะอาดหูอยู่บ่อยๆ

http://fb.com/myscitv
สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

 

MySci

ปรากฏการณ์วิษุวัต (Equinox)



หมายถึงช่วงในขณะที่ดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงได้ฉากกับเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี ซึ่งจะเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง หรือในหนึ่งรอบที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แกนหมุนของโลกที่เอียง (Earth's axial tilt) จะเลื่อนมาอยู่ในระนาบที่ได้ฉากกับตำแหน่งดวงอาทิตย์ เหตุการณ์นี้เรียกอีกอย่างว่า "วันราตรีเสมอภาค" หมายถึงเวลาตอนกลางคืนเท่ากับเวลากลางวันพอดี ล่าสุดเพิ่งเกิดไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม และครั้งต่อไปจะเกิดในเดือนพฤศจิกายน

http://fb.com/myscitv
สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

 

MySci

โลกยุคน้ำแข็ง



การศึกษาครั้งล่าสุดพบว่าในยุคน้ำแข็งใหญ่นั้น ฝุนโลหะ (Iron Dust) จำนวนมหาศาลได้ตกลงสู่ก้นทะเลกลายเป็นปุ๋ยให้กับเหล่าปะการัง พืชทะเลและเหล่าแพลงตอน ซึ่งช่วยลดจำนวนคาร์บอนไดออกไซน์ในอากาศ นักวิศวะทางธรณีจึงเสนอให้น้ำปุ๋ยโลหะพวกนี้เป็นตัวช่วยภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามถึงจะใช้ได้จริงก็ต้องใช้เวลาหลายพันปีจึงจะลดลงไปได้ 40 เปอร์เซ็นต์

http://fb.com/myscitv
สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

 

MySci

น้ำจืด VS น้ำทะเล



ภาพถ่ายจากประเทศสเปน ในเดือนมกราคม 2012 แสดงให้เห็นถึงน้ำจืดที่จำนวนมหาศาลที่ไหลลงมาในทะเลมาละกา

http://fb.com/myscitv
สำรวจโลก | Next Step สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

 

The Weather Lover Club
วันที่ 27 มีนาคม 2557
status ค่า UV เวลานี้อยู่ในเกณฑ์อันตรายต่อผิวแล้ว โดยช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น. ค่า UV อยู่ที่ 11 - 14.5 สูงสุดที่สงขลา หัวหิน 13.5 เชียงใหม่ 11.5 อุบลราชธานี 13.0 # เตือนห้ามออกกลางแจ้งหรือโดยแดดโดยตรงนานเกิน 30 นาที

status ค่า UV Index



LOW
คุณสามารถอยู่กลางแจ้งถึงแม้จะมีการป้องกันน้อยที่สุด
Moderate
ควร สวมหมวก, ครีมกันแดด, แว่นตากันแดดหรืออยู่ในที่ร่ม
High ควรอยู่ในร่มโดยเฉพาะช่วงเวลา 11.00 - 14.00
Very High
ควรอยู่ในร่มโดยเฉพาะช่วงเวลา 11.00 - 14.00 แต่หากผิวไม่มีการป้องกันจะเกิดความความเสียหาย และเบิร์นได้อย่างรวดเร็ว.
Extreme ควรอยู่ในร่มโดยเฉพาะช่วงเวลา 11.00 - 14.00 ข้อควรระวังพิเศษ ่หากผิวไม่มีการป้องกันจะเกิดความความเสียหายและเบิร์นได้อย่างรวดเร็วภายในหนึ่งนาที

 

ฮือฮา! กองพัน “โลมาสายลับ” ยูเครน ถูกโอนให้รัสเซีย หลังผนวกไครเมีย ปูตินลั่นมีงบไม่อั้น สร้าง “โลมานักฆ่า” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 13:17 น.



กองพันโลมาเพื่อการจารกรรมอันเลื่องชื่อของกองทัพเรือยูเครน ซึ่งมีฐานอยู่ในสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียแล้ว

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- รายงานข่าวล่าสุดยืนยัน วิกฤตในยูเครน-ไครเมีย ส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของเหล่า “โลมาสายลับ” ของกองทัพยูเครนใน“ทะเลดำ”หลังจากกองพันโลมาจารกรรมของกองทัพเรือยูเครนต้องถูกโอนย้ายไปอยู่ในความดูแลของรัสเซีย ขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียประกาศ มีงบไม่อั้นสำหรับเดินหน้าโครงการพัฒนา “โลมานักฆ่า”

รายงานข่าวระบุว่า กองพันโลมาเพื่อการจารกรรมอันเลื่องชื่อของกองทัพเรือยูเครน ซึ่งมีฐานอยู่ในสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียแล้ว หลังจากที่ทหารยูเครนมีอันต้องถอนกำลังของตนออกไป เนื่องจากไครเมียถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย และทางรัฐบาลมอสโกได้ส่งกำลังของตนเข้ามาควบคุมพื้นที่แทน

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของกองทัพยูเครนเปิดเผยที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศในวันพุธ (26) โดยยืนยันว่า เหล่าโลมาสายลับ ที่กองทัพเรือยูเครนนำมาฝึกให้ปฏิบัติภารกิจ “วางระเบิดใต้น้ำ” และการ “สังหารนักประดาน้ำของศัตรู” รวมถึง ภารกิจลับด้านการจารกรรม ถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของกองทัพเรือยูเครนที่ต้องถูกโอนย้ายไปอยู่ในความดูแลของรัสเซีย หลังการผนวกไครเมียของรัฐบาลมอสโก

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า รัฐบาลยูเครนมีแผนล้มเลิกโครงการฝึกโลมาให้เป็นนักฆ่าใต้น้ำ เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณและมีแผนปล่อยโลมานับร้อยตัวในโครงการนี้ กลับคืนสู่ธรรมชาติ

อย่างไรก็ดี โอกาสที่พวกมันจะถูกปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในขณะนี้ แทบไม่มีความเป็นไปได้ เนื่องจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยันจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยระบุ กองพันโลมาจารกรรมที่ตั้งอยู่ในทะเลดำ จะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเต็มที่จากมอสโก หลังเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของรัสเซีย

ทั้งนี้ การฝึกโลมาให้เป็นนักฆ่าและสายลับ ถือเป็นโครงการด้านความมั่นคงที่ดำเนินการอย่างลับๆ มาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียตก่อนที่ยูเครนจะได้สิทธิ์ดูแลโครงการดังกล่าวหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวีต โดยนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา กองทัพโซเวียตได้เริ่มทำการฝึกให้โลมาปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดใต้น้ำ ตลอดจนภารกิจการวางระเบิดทำลายเรือรบของศัตรู

นอกจากนั้น มีรายงานว่า กองทัพโซเวียตได้ฝึกให้โลมาของตน สามารถสังหารนักประดาน้ำของฝ่ายศัตรูด้วยการใช้ฉมวกหรือปีนที่ผูกติดกับหลังของโลมาด้วยเช่นกัน รวมถึง การฝึกให้โลมาลากนักประดำน้ำของศัตรูขึ้นสู่ผิวน้ำ เพื่อส่งตัวให้ทหารโซเวียตจับไปเป็นเชลย

 

เหยื่อไวรัสมรณะ “อีโบลา” พุ่งอย่างน้อย 63 ศพ ติดเชื้ออีกเกือบร้อย รบ.กินี อ้าง “เอาอยู่” คุมสถานการณ์ได้ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 12:28 น.



รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” ในประเทศกินีทางตะวันตกของทวีปแอฟริกาเพิ่มเป็นอย่างน้อย 63 ราย ขณะที่รัฐบาลกินีอ้างในวันพุธ (26 มี.ค.) ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดได้แล้ว

รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres : MSF) ในวันพฤหัสบดี (27) ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสมรณะ “อีโบลา” เฉพาะที่ได้รับการยืนยันจากผลตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แล้ว ได้เพิ่มจำนวนเป็นอย่างน้อย 63 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้เสียชีวิตที่อยู่ในพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของกินี อดีตดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่เป็นศูนย์กลางของการระบาด

โฆษกขององค์กรแพทย์ไร้พรมแดนแถลงเพิ่มเติมในเวลาต่อมาว่า นอกเหนือจากผู้เสียชีวิตจำนวนอย่างน้อย 63 รายแล้ว จำนวนผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อล่าสุดได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 88 ราย

ด้านรัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านของกินี อย่างไลบีเรีย ออกมายืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาในประเทศของตนแล้วอย่างน้อย 5 ราย โดยทั้งหมดเพิ่งเดินทางข้ามพรมแดนมาจากกินี

ขณะที่ทางการเซียร์รา ลีโอน ประเทศเพื่อนบ้านอีกแห่งของกินี ยืนยันเช่นกันว่าพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้ออีโบลาซึ่งทางการแพทย์ยังไม่มีวิธีรักษา และไม่มีวัคซีน แล้วอย่างน้อย 2 ราย

อย่างไรก็ดี เรมี ลามาห์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของกินี แถลงยืนยันที่กรุงโกนากรี เมืองหลวงของประเทศในวันพุธ (26) โดยระบุว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้ได้แล้ว และอ้างว่ารัฐบาลของตนไม่พบหลักฐานว่ามีการลุกลามของเชื้ออีโบลาไปยังพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากเขตป่าทึบแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

ก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน ทางกระทรวงสาธารณสุขกินีเพิ่งออกคำสั่งห้ามการจำหน่าย และการบริโภค “ค้างคาว” สายพันธุ์ต่างๆ เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้ออีโบลาระบาดลุกลามหนักข้อขึ้น แม้อาหารที่ใช้เนื้อและชิ้นส่วนต่างๆ ของค้างคาวจะถือเป็น “เมนูยอดนิยม” ของชาวกินี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ

โดยมาตรการแบนการขายและการบริโภคค้างคาว ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของรัฐบาลกินี ในการรับมือกับเชื้อมรณะอีโบลา ซึ่งคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 90 และยังไม่มีหนทางในการรักษา รวมถึงไม่มีวัคซีน ขณะที่ผู้ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตภายในเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้นนับจากที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสอีโบลา ถูกตั้งชื่อตามแม่น้ำสายหนึ่งในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หลังมีการค้นพบเชื้อมรณะนี้เป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี ค.ศ. 1976 และนับจนถึงปัจจุบันมีการระบาดของเชื้ออีโบลาเกิดขึ้นแล้ว “เกือบ 30 ครั้ง” ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 1,500 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อราว 2,200 คน

อย่างไรก็ดี การระบาดของเชื้ออีโบลาที่เกิดขึ้นล่าสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศกินี หนึ่งในประเทศที่ได้ชื่อว่ายากจนที่สุดในโลกที่เป็นบ้านของประชากรมากกว่า 10 ล้านคน

 

ผลโพลเอพีและจีเอฟเคชี้ “โอบามา” ปวกเปียกรับมือวิกฤตไครเมีย-แหยกับรัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 12:23 น.



ประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามา (ซ้าย)กำลังจัดถุงเท้าให้เข้าที่ระหว่างที่เขาและประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน (ขวา)ปรึกษาหารือที่บ้านของปูตินในโนโว-โอการิโอโว กรุงมอสโก ดูรูป

เอพี - ผลโพลล่าสุดของเอพี และจีเอฟเค ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ชี้ว่า วิกฤตไครเมียทำให้ความนิยมในตัวของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ มีประชาชนสหรัฐฯ เกินครึ่งที่ไม่ชอบการรับมือวิกฤตไครเมียของโอบามาและเกินกว่าครึ่งที่ต้องการให้ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความเป็นผู้นำที่ห้าวหาญตอบโต้ท่าทีของรัสเซีย ในขณะที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ตอบรับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้รัสเซีย

จากผลสำรวจล่าสุดของเอพี และจีเอฟเค พบว่า มีเพียงชาวอเมริกันแค่ 40% ที่สนับสนุนประธานาธิบดีบารัค โอบามาในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีชาวอเมริกันถึง 9 ใน 10 ที่สนับสนุนนโยบายการคว่ำบาตรเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ได้ผนวกไครเมีย ซึ่งการสำรวจชี้ว่า จำนวนราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบรับการสำรวจได้กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มาถูกทางแล้วที่ตอบโต้รัสเซียโดยเลือกใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามนั้นมีความต้องการให้สหรัฐฯใช้มาตรการแรงขึ้นในการตอบโต้รัสเซีย

และเมื่อแบ่งตามขั้วทางการเมืองสหรัฐฯ โพลเอพีและจีเอฟเคพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่นิยมพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตร ในขณะที่ชาวอเมริกันที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันต่างคิดว่าการตอบโต้ของสหรัฐฯนั้นอ่อนไป

โดยสรุปในภาพรวมพบว่า เสียงคัดค้านในการทำงานของผู้นำสหรัฐฯ นี้เพิ่มสูงถึง 59% ซึ่งถือว่าสูงมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่โอบามาเข้ารับตำแหน่งมาในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ก็ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ที่มีเสียงคัดค้านการทำงานของเขาสูงถึง 72 % ในผลสำรวจของเอพีและจีเอฟเคในเดือนตุลาคม 2008

และเมื่อดูในรายละเอียดของการสำรวจ พบว่าประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบในการจัดการวิกฤตไครเมียของโอบามาสูงถึง 57% และไม่เห็นด้วยต่อปฏิกิริยาของเขาที่แสดงออกต่อรัสเซียนั้นสูงถึง 54%

ทั้งนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของของผู้ตอบแบบสอบถามเปิดเผยว่า ต้องการให้ออกมาตรการคว่ำบาตรสั่งสอนรัสเซียให้หนักมากกว่านี้หากรัสเซียได้รุกคืบไปยังภูมิภาคอื่นของยูเครน หรือประเทศอื่น ซึ่งมีเพียง 14% ที่เห็นด้วยกับระดับการตอบโต้ของสหรัฐฯ และจากเสียงสนับสนุนในการเพิ่มแรงกดดันรัสเซียนี้จะเป็นแรงขับดันประธานาธิบดีสหรัฐฯและชาติพันธมิตรตะวันตกให้ปิดล้อมทางเศรษฐกิจรัสเซียหากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียรุกคืบทางทหาร

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันที่ตอบแบบสำรวจนั้นคัดค้านการให้เงินช่วยเหลือยูเครน หรือประเทศอื่นที่ถูกรัสเซียเล่นงาน ในนขณะที่ 20% สนับสนุน และจำนวนส่วนใหญ่ของผู้ตอบคำถามมีความเห็นเป็นกลางหากสหรัฐฯจะให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน ซึ่งในสัปดาห์นี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯจะพิจารณาแพคเก็จเงินช่วยเหลือยูเครน 1 พันล้านดอลลาร์ที่โอบามาเสนอเข้าไป

และข้อเสนอการให้ความช่วยเหลือยูเครนด้านการทหารยังไม่เป็นที่ได้รับการสนับสนุน ผลโพลชี้ อย่างไรก็ตาม โอบามาได้กล่าวว่ายังไม่มีแผนการที่จะใช้กำลังทหารเพื่อขับรัสเซียออกจากคาบสมุทรไครเมีย

 

In Pics: ยอดสูญหายดินโคลนถล่มสหรัฐฯลดลงเหลือ 90 ราย เสียชีวิตคงที่ 24 ราย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 14:49 น.



เอเจนซีส์ - ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้(26) สหรัฐฯได้ประกาศยอดสูญหายจากเหตุการณ์ดคลนถล่มในรัฐวอชิงตันลดลงเหลือ 90 ราย จากที่ก่อนหน้านี้สูงกว่า 170 ราย ในขณะที่ยอดเสียชีวิตเป็นทางการนั้นคงที่ 24 ราย

สหรัฐฯประกาศยอดตัวเลขผู้สูญหายล่าสุดจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มที่เกิดเหตุขึ้นตั้งแต่เสาร์(22)ที่รัฐวอชิงตัน นั้นลดลงเหลือ 90 รายแล้ว ในขณะที่ยอดรวมผู้เสียชีวิตยังมีจำนวนคงที่เมื่อคืนวานนี้(26)อยู่ที่ 24 ราย ซึ่งรวมถึงร่างผู้เสียชีวิต 8 รายที่ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นพบแต่ไม่สามารถนำออกมาได้

ในวันเมื่อวันเสาร์ (22) ที่ผ่านมา กำแพงโคลนที่สูงถึง 54 ม. รวมถึงหิน และต้นไม้ถาโถมเข้าใส่ โอโซ ชุมชนชนบทเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสหรัฐฯได้พยายามค้นหาผู้รอดชีวิต และร่างผู้เสียชีวิตโดยใช้สุนัขค้นหา เฮลิคอปเตอร์ เครื่องมือโซนาร์

และล่าสุดในคืนวันพุธ(26) จอห์น เพนนิงตัน ผู้อำนวยการฉุกเฉินของสโนโฮมิช เคาน์ตี ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวถึงตัวเลขล่าสุดของผู้สูญหายที่ลดลงเหลือ90 คนจาก 176 คน ในวันอังคาร(25) โดยสาเหตุที่ลดลงสืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้พบผู้สูญหายบางส่วนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ และมีสุขภาพแข็งแรง

นอกจากนี้ พบว่ามีจำนวนชาวอเมริกันอย่างน้อย 35 รายที่อยู่ในลิสต์รายชื่อ “ไม่ทราบสถานะ” เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเหล่านั้นอยู่ในพื้นที่ประสบภัยช่วงที่เกิดเหตุหรือไม่ ซึ่งเพนนิงตันกล่าวว่า “ทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ยืนยันในวันอังคาร(25)ว่า ร่างผู้เสียชีวิต 16 รายที่กู้ได้มาจากใต้โคลนและรวมถึงอีก 8 รายที่พบภายหลังแต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ และยังไม่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในวันพุธ(26)”

นอกจากนี้เขายังเสริมต่อว่า “ซากปรักหักพังกองพะเนินสูงเป็นอันตรายอย่างมากที่จะขุดค้นหา ผมไม่คิดว่าเรามีคำตอบมากนัก ตอนนี้เท่าที่ผมตอบได้แน่นอนคือ เรามีตัวเลขผู้สูญหายล่าสุดที่ 90 ราย และเราจะพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

และพบว่ามีอาสาสมัครเสนอตัวเข้ามาเพื่อช่วยการกู้ภัยในเขตภัยพิบัติเป็นจำนวนมาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการจำนวนเจ้าหน้าที่อาสามากไปกว่านี้ ด้วยเหตุที่ไม่สามารถให้ความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่อาสาในขณะทำงานได้ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยังกล่าวว่า การนำซากปรักหักพังออกจากถนนระหว่างรัฐสาย 530 ยังคงเป็นภารกิจที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน แต่เนื่องมาจากจำนวนของของเหยื่อที่คาดว่าอาจจะยังหลงเหลือมีชีวิตติดอยู่ทำให้เป็นภารกิจที่ยากและท้าทาย เพราะทางเจ้าหน้าที่คาดว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้รอดชีวิตติดอยู่ในช่องโพรงอากาศของดินโคลนถล่ม ที่ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่จะพบช่องโพรงอากาศเหล่านี้แล้วแต่ยังไม่พบผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ข้างในแต่อย่างใด























In Pics:

 

รัสเซียจ่อทวงคืน “เกาะศักดิ์สิทธิ์” ในอะแลสกา อ้างเป็น “กรรมสิทธิ์ชั่วนิรันดร์” ของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 15:20 น.


อายเซน นิโคลาเยฟ นายกเทศมนตรีนคร “ยาคุตส์ก” ดูรูป

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- รัฐบาลท้องถิ่นในเขตไซบีเรียของรัสเซีย เรียกร้องให้สหรัฐฯ คืน “เกาะศักดิ์สิทธิ์” แก่แดนหมีขาว อ้าง มีหลักฐานชัด “คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย” มีสิทธิ์เป็นเจ้าของแบบ “ตลอดกาล”

อายเซน นิโคลาเยฟ นายกเทศมนตรีนคร “ยาคุตส์ก” เมืองเอกของสาธารณรัฐซาคา (Sakha Republic) ที่ตั้งอยู่ในเขตไซบีเรียของรัสเซีย รวมถึง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของดินแดนอีกหลายแห่งทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย รวมถึงประธานรัฐสภา-ประธานสภาผู้แทนราษฎร และกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาว ให้ช่วยทวงคืนเกาะ “สปรูซ” ที่อยู่ในมลรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ

รายงานข่าวระบุว่า นิโคลาเยฟ และคณะอ้างว่ามีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เกาะสปรูซดังกล่าวที่เป็นส่วนหนึ่งของ “หมู่เกาะโคดิแอ็ค” ที่อยู่นอกชายฝั่งอะแลสกานั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย

หลักฐานที่เป็นเอกสารเก่าแก่ฉบับหนึ่งระบุว่า ข้อตกลงประวัติศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาซื้อดินแดนอะแลสกาไปจากจักรวรรดิรัสเซียเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ปี ค.ศ. 1867 โดยใช้ทองคำที่มีมูลค่าราว 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯนั้น ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เกาะสปรูซ หรือ “เกาะวาลามใหม่” ตามชื่อเรียกภาษารัสเซีย ที่อยู่นอกชายฝั่งอะแลสกา จะยังคงเป็นของรัสเซียต่อไป ขณะที่แผ่นดินใหญ่ของอะแลสกา และหมู่เกาะโดยรอบจะตกเป็นของสหรัฐฯ โดยมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า คริสตจักรออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย คือ “เจ้าของตลอดกาล” ของเกาะดังกล่าว

ด้านหนังสือพิมพ์รายวัน “อิซเวสเตีย” ของรัสเซีย รายงานโดยอ้างว่า นายกเทศมนตรีนิโคลาเยฟแห่งนครยาคุตส์กต้องการให้สหรัฐฯคืนเกาะสปรูซแก่รัสเซียภายในปีนี้ ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 220 ปี ที่คณะผู้แทนของคริสตจักรออร์โธดอกซ์ของรัสเซียเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในทวีปอเมริกาเหนือพอดี

อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯยืนยันว่า ดินแดนอะแลสกาทั้งหมดรวมถึงเกาะสปรูซ ได้กลายเป็นกรรมสิทธิ์ของสหรัฐฯอย่างถูกต้องแล้ว พร้อมตั้งคำถามถึงความถูกต้องและน่าเชื่อถือของเอกสารเก่าแก่ดังกล่าว

“สหรัฐฯขอยืนยันว่าเกาะสปรูซซึ่งมีเนื้อที่ราว 46 ตารางกิโลเมตรเป็นส่วนหนึ่งของมลรัฐอะแลสกา และเป็นดินแดนของสหรัฐฯที่มิอาจแบ่งแยกได้” คำแถลงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุ

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า ในขณะนี้มีประชากรอาศัยอยู่บนเกาะสปรูซราว 250 คนเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงและทำการเกษตร


เกาะสปรูซ ดูรูป


เกาะสปรูซในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในหมู่เกาะโคดิแอ็คของมลรัฐอะแลสกา ดูรูป

 

รายงานนิรโทษฯ สากลชี้ ยอดผู้ถูกประหารชีวิตในปี 2013 ทะยานสูงขึ้น - จีนนำโด่ง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 15:18 น.



เอเอฟพี - องค์การนิรโทษกรรมสากลเปิดเผยวันนี้ (27 มี.ค.) ว่าเมื่อปีที่แล้ว ยอดผู้ถูกประหารชีวิตทั่วโลกตามที่มีการแจ้งให้ทราบ ได้พุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 778 ราย ภายหลังที่อิรักและอิหร่านปลิดชีพนักโทษเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ทว่าจีนก็ยังคงรักษาตำแหน่งชาติที่สังหารอาชญากรไปมากที่สุดในโลก

องค์การรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอนแห่งนี้ระบุว่า คาดการณ์กันว่า แดนมังกรได้ปลิดชีพพลเมืองต้องโทษไปแล้วหลายพันคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ถูกประหารชีวิตในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกรวมกันเสียอีก

อย่างไรก็ตาม รายงานประจำปีว่าด้วยการลงโทษประหารชีวิต และการประหารชีวิตทั่วโลกขององค์การแห่งนี้ระบุว่า เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของจีน “ยังเก็บตัวเลขจำนวนการตัดสินประหารชีวิต และการประหารชีวิตเป็นความลับทางราชการ”

“เราจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องจับตามองจีน ซึ่งเก็บข้อมูลการลงโทษประหารชีวิตไว้เป็นความลับ” ออเดรย์ กาฟราน ผู้อำนวยฝ่ายประเด็นปัญหาโลก ขององค์การนิรโทษกรรมสากลกล่าวกับเอเอฟพี

เธอกล่าวว่า “ทางการจีนได้ชี้แจงว่า นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา พวกเขาได้ลดการลงโทษประหารชีวิตลงแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราขอเรียกร้องก็คือ ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นจริง ก็ตีพิมพ์ข้อมูลแล้วนำมาให้เราดู”

แม้ว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ปักกิ่งได้กล่าวว่า จะลดทอนข้อหาที่ต้องโทษประหารชีวิตจากในปัจจุบันที่มีทั้งหมด 55 กระทง แต่จีนก็ยังรั้งแชมป์ ประเทศที่ประหารชีวิตนักโทษมากที่สุด 5 อันดับแรกในปี 2013 ตามมาด้วยอิหร่าน อิรัก ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐฯ



จำนวนการลงโทษประหารชีวิตโดยฝ่ายตุลาการจากในปี 2012 ที่มีอย่างน้อย 682 ราย โดยส่วนใหญ่เพิ่มสูงขึ้นเพราะอิรักและอิหร่าน รายงานฉบับดังกล่าวระบุ

เมื่อปี 2013 อิหร่านได้สังหารนักโทษไปอย่างน้อย 369 ราน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดในปี 2012 ที่มีผู้ถูกประหารไปอย่างน้อย 314 ราย โดยองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ได้รับหลักฐานที่เชื่อถือได้จากบรรดาแหล่งข่าวในประเทศ ที่บ่งชี้ว่าเตหะรานได้ประหารอีกอย่างน้อย 335 คนอย่างลับๆ

ทางด้าน อิรักได้ปลิดชีพอาชญากรไปอย่างน้อย 169 รายในปี 2013 ซึ่งทะยานสูงขึ้นจากเมื่อปี 2011 ซึ่งมีผู้ถูกประหารเพียง 40 ราย และในปี 2010 ที่ 101 ราย โดยรายงานฉบับนี้ระบุว่า ศาลอิรักมักตัดสินลงโทษประหารชีวิต ภายหลังการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมอย่างร้ายแรง

ซาลิล เชตตี เลขาธิการใหญ่ขององค์การนิรโทษกรรมสากลชี้ว่า “การสังหารนักโทษต่อหน้าสาธารณชนที่เราพบเห็นในประเทศต่างๆ อย่างอิหร่านและอิรักเป็นสิ่งที่น่าอับอาย”

“แต่ประเทศเหล่านี้ที่ยังใช้การลงโทษประหารชีวิตกำลังเลือกยืนข้างผิดครั้งประวัติศาสตร์ และถูกชาติอื่นๆ ทิ้งห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

พายุดับความหวังค้นหา “MH370” เป็นหนที่ 2 หลังภาพถ่ายดาวเทียมชิ้นใหม่เผย “วัตถุปริศนา” กว่าร้อยชิ้น โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2557 13:12 น.



เอเอฟพี - ปฏิบัติการค้นหาซากเที่ยวบิน MH370 ในวันนี้ (27 มี.ค.) ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นหนที่สองในรอบหนึ่งสัปดาห์ สืบเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้กองเรือและอากาศยานที่เข้าร่วมในภารกิจได้รับคำสั่งให้ถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยทั้งหมด

องค์การความปลอดภัยด้านการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ระบุแจ้งในทวิตเตอร์ว่า “ปฏิบัติการค้นหาถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เครื่องบินทั้งหมดกำลังมุ่งหน้ากลับเมืองเพิร์ธ ขณะที่เรือก็กำลังแล่นออกจากพื้นที่ค้นหา”

ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (27) เครื่องบินทหาร 6 ลำ จากออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ กำลังมุ่งหน้าออกจากเมืองเพิร์ธเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับ อากาศยานพลเรือนอีก 5 ลำ ซึ่งจะระดมกำลังตรวจสอบในพื้นที่ 2 จุด ที่กินอาณาบริเวณรวม 78,000 ตารางกิโลเมตร

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเรือ 5 ลำเข้าไปในพื้นที่ค้นหา ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเรือรบหลวง “ซักเซส” ของออสเตรเลีย และเรือของจีนอีก 4 ลำ

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (27) สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียได้กล่าวเตือนว่า กำลังจะเกิดพายุฟ้าคะนองและกระแสลมแรงในพื้นที่ค้นหา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 2,500 กิโลเมตร

พื้นที่ค้นหาซึ่งอยู่ห่างไกลแห่งนี้ต้องเผชิญกับคลื่นสูง และลมแรงอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้ภารกิจค้นหาซากเครื่องบินได้ถูกเลื่อนออกไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (25)


ภาพถ่ายจากฝ่ายการทหารและเทคโนโลยีอวกาศของ “แอร์บัสกรุ๊ป” กิจการอากาศยานแดนน้ำหอมเผยให้เห็นวัตถุปริศนา 122 ชิ้นลอยอยู่ในพื้นที่ 400 ตร.กม.ของมหาสมุทรอินเดีย ดูรูป

ภารกิจค้นหาซากเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ซึ่งตกลงไปในมหาสมุทร เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต ถูกยกระดับเป็นปฏิบัติการฉุกเฉินอีกครั้ง หลังมีการนำภาพถ่ายดาวเทียมชิ้นใหม่ออกเผยแพร่วานนี้ (26)

ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นวัตถุต้องสงสัยกว่า 100 ชิ้นในทะเล ซึ่งจุดประกายให้เกิดความหวังกันว่าจะพบหลักฐานที่ยืนยันว่าเครื่องบินลำนี้ตกลงไปในมหาสมุทรจริง แต่ AMSA ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงว่าเครื่องบินหรือเรือได้พบเห็นวัตถุเหล่านี้หรือไม่ ก่อนที่ภารกิจค้นหาถูกเลื่อนออกไปเสียก่อน

มาเลเซียกล่าวว่า ภาพถ่ายที่ดาวเทียมของฝรั่งเศสบันทึกไว้ได้เมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็น “วัตถุต้องสงสัย 122 ชิ้น” ในจุดที่อยู่ห่างไกลทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ทว่าจนถึงตอนนี้ทีมค้นหายังไม่พบชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ในท้องทะเลที่มีคลื่นลมแรงจนน่าหวั่นเกรง ทั้งที่นานาชาติได้ระดมกำลังออกค้นหากันอย่างสุดกำลังแล้วก็ตาม

แม้กระนั้น ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซียได้ย้ำเตือนว่า ยังระบุไม่ได้ว่าวัตถุปริศนาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ซึ่งตกลงไปในทะเล หลังอันตรธานหายไปจากจอเรดาร์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม หรือไม่

ทั้งนี้ เที่ยวบิน MH370 ได้บินออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้อย่างไร้คำอธิบาย ระหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง โดยออกนอกทิศทางไปหลายพันกิโลเมตรก่อนที่จะจมหายลงไปในทะเล ขณะที่มาเลเซียปักใจเชื่อว่ามีใครบางคนที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้จงใจนำเปลี่ยนทิศทางการบินโดยไตรตรองไว้ก่อน

 

Tor Bkk Bkk



หลายคนสงสัยว่า เดี๋ยวนี้ทำไมแผ่นดินไหวในไทยบ่อยจัง ?



เมื่อ 21/3/2014 ได้เกิดแผ่นดินไหว ขนาด M 6.5 ลึก 10 km ที่หมู่เกาะนิโคบาร์ และเกิดอาฟเตอร์ชอก ขนาด M > 4 ตามมาอีกหลายครั้ง ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวในพม่า และภาคเหนือของไทยหลายครั้ง
เนื่องจากแนวรอยต่อของแผ่นอินโดออสเตรเลีย และแผ่นซุนดา ตลอดแนวร่องลึกในสมุทรซุนดา-จาวา นี้มีความยาวถึง 8000 km และบริเวณที่ตั้งหมู่เกาะนิโคบาร์ อยู่แทบจะกึ่งกลางระหว่างแนวมุดตัวหลักของร่องลึกในสมุทรอันดามัน ซึ่งเกิดจากการมุดตัวของแผ่นอินโดออสเตรเลีย มุดตัวข้างใต้แผ่นซุนดา การมุดตัวได้ขยายวงเพิ่มขึ้น ในบริเวณสุมาตรามีแนวมุดตัวลงไปเกือบ 300 km และ 150 km ตามหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งแนวมุดตัวนี้เองมักทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มากมายและรุนแรง และเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟในบริเวณสุมาตราอีกด้วย
แนวบรรจบกันของแผ่นอินโดออสเตรเลียกับแผ่นซุนดามีทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือตามแนวโค้งของแผ่นเปลือกโลก ขณะนี้โค้งซุนดาฉีกขาดแตกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โค้งด้านหลังกำลังแผ่ขยายไปในทะเลอันดามัน ดังนั้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่นิโคบาร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่เป็นแนวมุดตัว แรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนตัวที่แม้เป็นไปเพียงเล็กน้อยจะถูกถ่ายเทจากแผ่นหนึ่งไปสู่แผ่นหนึ่ง ดังนั้นจึงมีผลกับรอยเลื่อนสะแกงที่อยู่ใกล้พม่า ที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแบบเฉือนทางด้านข้างซึ่งเคลื่อนตัวเป็นแนวเอียง การเกิดแผ่นดินไหวที่หมู่เกาะนิโคบาร์ , สุมาตรา-อันดามัน จึงทำให้จีน พม่า และภาคเหนือของไทยเกิดแผ่นดินไหวตามไปด้วยคะ

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล



ทีมนักดาราศาตร์นานาชาติได้ค้นพบมนุษย์ต่างดาว? Nibiru? นอกระบบสุริยะ?

ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติได้ทำให้ "แปลกใจ" มิใช่น้อย เกี่ยวกับการที่พวกเขากำลังจะประกาศให้ทราบโดยทั่วไปในวันที่ 26 มีนาคม 2014 ของที่นั่น ว่ามีการค้นพบ?

คือ.. เมื่อกล้องโทรทรรศน์ในเจ็ดสถานที่ในอเมริกาใต้ได้ตรวจพบ เอ่อ.. มนุษย์ต่างดาว? และดาว Nibiru? ในระบบสุริยะชั้นนอก

การประชุมจะจัดขึ้นใน 26 มีนาคม 2014 ที่ 14:30 น. ตามเวลาท้องถิ่น [ame=http://www.youtube.com/watch?v=U_tWlG6bqzI]BREAKING: Brazil to Announce Discovery in Outer Solar System (26th March 2014) - YouTube[/ame]

รายระเอียด
Media Advisory: Press Conference in Brazil to Announce Discovery in Outer Solar System | ESO

น่าแปลกใจมากขึ้นเมื่อพวกเขากำลังจะประกาศจัดตั้ง เอ๊ย? ประกาศข่าวการค้นพบในช่วงเกิดความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจโลกและความคลุมเครือของ สายการบินมาเลเซีย?

 

Kaokala Fc เพิ่ม 2 รูปภาพใหม่



27 มี.ค. ยูเครนยันมีทหารรัสเซียประชิดพรมแดนนับแสนนาย-เดนมาร์ก ส่งเครื่องบินรบเอฟ-16 จำนวน 6 ลำช่วยนาโตลาดตระเวนพรมแดนยูเครน
นายอันดรี ปารูบีประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของยูเครนกล่าวต่อผู้ฟังชาวอเมริกันผ่านทางอินเตอร์เน็ตในกรุงเคียฟเมื่อวันพฤหัสบดี(27มี.ค.)ว่ามีทหารรัสเซียเกือบ 100,000นายเคลื่อนกำลังเข้าประชิดพรมแดนยูเครนในทิศทางที่จะไปยังเขตคาร์คีฟเมืองโดเนต์สค์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงว่ากองทัพสหรัฐประเมินไว้ทั้งนี้ ทหารรัสเซียไม่ได้อยู่แต่ในเขตไครเมียเท่านั้นแต่ยังกระจายอยู่ตามพรมแดนของยูเครนทั้งหมดทั้งภาคใต้ ตะวันออกและภาคเหนือ โดยยูเครนหวั่นว่า ทหารรัสเซียจะบุกยึดภาคตะวันออกของประเทศ แต่ก็เตรียมพร้อมรับมือเต็มที่

สื่อเดนมาร์ก รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี(27มี.ค.)ว่าเดนมาร์กจะส่งเครื่องบินรบเอฟ-16 จำนวน6 ลำไปยังกลุ่มประเทศในบอลติกเพื่อช่วยลาดตระเวนในน่านฟ้าเหนือภูมิภาคซึ่งความตึงเครียดกำลังร้อนระอุหลังจากรัสเซียผนวกไครเมียโดยเอ-16จะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจลาดตระเวนของนาโตที่ขยายออกไปซึ่งการลาดตระเวนครั้งนี้คาดว่าจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่1 พ.ค.นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนส.ค.



(เดลินิวส์ออนไลน์ 27 มี.ค.57)

 

Kaokala Fc

27 มี.ค. 'ในหลวง'ทรงติดตามสถานการณ์น้ำ-ระบบเตือนภัยพิบัติ



วันนี้ (27มี.ค.) เมื่อเวลา 17.04 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสุเมธ ตันติเวชกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร นำคณะผู้บริหาร เฝ้าฯกราบบังคมทูลผลการดำเนินงานของสถาบันฯ

ในโอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ราษฎรชุมชนบ้านลิ่มทอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศ การประกวดการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ

(อ่านต่อ..'ในหลวง'ทรงติดตามสถานการณ์น้ำ-ระบบเตือนภัยพิบัติ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์)

 

Kaokala Fc

27 มี.ค. ดาวเทียมไทย “ไทยโชต” พบวัตถุกระจายในมหาสมุทรอินเดีย 5 บริเวณ (ภาพบันทึกเมื่อวันที่ 24 มี.ค.57)



สทอภ.เผยภาพถ่ายดาวเทียม “ไทยโชต” หลังโปรแกรมรับสัญญาณข้อมูล พบวัตถุกระจายอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย กินพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร ทว่าผู้สื่อข่าวยังไม่สามารถติดต่อผู้บริหารเพื่ออธิบายถึงความหมายของภาพดังกล่าวได้

จากเหตุการณ์เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส หายไปอย่างลึกลับ และมีหลักฐานชี้ว่าน่าจะตกที่มหาสมุทรอินเดีย ทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) ได้โปรแกรมรับสัญญาณข้อมูลที่ดาวเทียมไทยโชต ที่บันทึกเมื่อวันที่ 24 มี.ค.57 เวลา 10.07.56 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งเผยให้เห็นวัตถุปรากฏกระจายในมหาสมุทรอินเดียกินพื้นที่กว่า 450 ตารางกิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย 2,700 กิโลเมตร

สำหรับภาพที่เผยแพร่นั้นพบวัตถุกระจายในพื้นที่ดังกล่าว 5 บริเวณ ซึ่ง สทอภ.ได้เผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมที่ขยายภาพของทั้ง 5 บริเวณด้วย โดยพบว่าแต่ละบริเวณมีภาพวัตถุเป็นจุดสีขาวกระจายบนพื้นน้ำที่แสดงด้วยพื้นสีดำ และมีเมฆสีขาวกระจายตัวในแต่ละบริเวณ

อย่างไรก็ดี ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ได้พยายามติดต่อ ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สทอภ.เพื่ออธิบายถึงความหมายของภาพดังกล่าว และโอกาสที่วัตถุดังกล่าวจะเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินในเที่ยวบิน MH370 หายไป แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ รายละเอียดเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบในภายหลัง

 

ผู้พเนจร จากฟากฟ้า ได้แบ่งปัน รูปภาพ ของ อวยชัย กุลพงษ์



มีหลายข่าวยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเครื่องบินโดยสารมาเลเซียไม่ได้ถูก UFO หรือ Alien จับตัวไปแต่เกิดการบิดเบี้ยวของมิติทำให้ MH370 ทะลุมิติไปอยู่ในมิติที่สูงกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งไปโผล่ในดินแดนของชาว Agartha ที่อยู่ในโลกใต้พิภพ Hollow Earth จริง ยังไม่แน่นอนว่าทุกชิวิตรอดปลอดภัยในมิติที่มีสูงกว่าทั้งหมดหรือไม่ บอกแต่เพียงว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากชาว Agartha