ติดตามสถานะการณ์

ราชสีห์ จิตอาสา


#ใบขับขี่4G

กรมการขนส่งทางบก เตรียมใช้ใบขับขี่ดิจิตอล กลาง ม.ค. 62 เปิดให้โหลดใส่ไว้บนมือถือใช้แทนบัตรจริง ไม่ต้องพกพาให้ยุ่งยาก ตร.เรียกตรวจไร้กังวล #ข่าวช่องวัน


Cr : @onenews31

 

Jimmy Elizabeth Sea Trip


การท่องเที่ยวภูเก็ตปีนี้หนักมาก...ธุรกิจต่ำสุดในรอบ 10 ปีโรงแรมที่ป่าตองประกาศขายหลายแห่ง...ร้านอาหารร้านนวดปล่อยเซ็ง..ลูกค้าไม่มี...ให้เห็นเหตุการณ์โซนป่าตองเวลา...15.00 Pm วันนี้ 10 ธ.ค. 61 แล้ว..หน้าไฮจริงหรือ???

 

J Lynn Cole


แผ่นดินไหว รุนแรง ขนาด 6.0 และอาจเป็นไปได้ว่ามีคำเตือนเกี่ยวกับสึนามิ


เกิดแผ่นดินไหว M6.0 - ออสเตรเลียตะวันตก - วันอาทิตย์ 16 ธันวาคม 2018 21:26:20 น. ไทย (09:26 EST) - 11 นาทีที่ผ่านมา

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.volcanodiscovery.com/earthquakes/quake-info/2200903/info.html

ผ่าน Volcanoes & Erthquakes App - https://play.google.com/store/apps/details?id=com.volcanodiscovery.volcanodiscovery

 

คดีที่ลูกสาวหัวเหว่ยโดนก็เป็นคดีทางการเมือง ละเมิด การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่าน เป็นเรื่องการเมืองชัดๆ ยังจะมาบอกอีกว่า แคนาดาและสหรัฐมีค่านิยมร่วมกันหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการยึดมั่นตามหลักนิติรัฐ

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 16) แคนาดาเตือนทรัมป์อย่าขยายกรณีหัวเว่ย - แคนาดาเตือนรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอย่าทำให้เรื่องส่งตัวนางเมิ่ง หว่าน โจว ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) หัวเว่ยเทคโนโลยี ไปพิจารณาคดีในสหรัฐ กลายเป็น เรื่องทางการเมือง


เว็บไซต์ยูเอสเอทูเดย์รายงานว่า นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาแถลงข่าวหลังจากเธอและ พ.ท.ฮาร์จิต ซัจจัน รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดา เดินทางมาหารือเป็นการภายในกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐและ พล.อ.เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐว่า แคนาดาเชื่อว่าหลักนิติธรรมและการส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไม่ควรถูกทำให้เป็นเรื่องทางการเมืองหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหาเรื่องอื่น ต่อข้อถามที่ว่าการที่สหรัฐขอให้แคนาดาจับกุมและส่งตัวนางเมิ่งโทษฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐได้ทำให้แคนาดาตกอยู่กลางสงครามการค้าสหรัฐ-จีนและกลายเป็นเครื่องมือของสหรัฐหรือไม่ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาตอบว่า เธอ ไม่เห็นด้วยกับสมมุติฐานตามคำถามนี้ ขอย้ำว่าแคนาดาดำเนินกระบวนการส่งตัวนางเมิ่งตามหลักนิติธรรมและ สนธิสัญญาสากล เธอบอกกับรัฐมนตรีสหรัฐทั้งสองคนด้วยว่า แคนาดาและสหรัฐมีค่านิยมร่วมกันหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการยึดมั่นตามหลักนิติรัฐ

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องในการ แถลงข่าวให้จีนปล่อยตัวชายแคนาดาสองคนที่จีนควบคุมตัวไว้ เพราะเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้และ ผิดกฎหมาย แต่ไม่พูดเรื่องประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์ รอยเตอร์เมื่อต้นสัปดาห์ว่า พร้อมแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับนางเมิ่งหากเห็นว่าเป็นผลดีต่อประเทศ เป็นผลดีต่อความมั่นคงแห่งชาติ และจะทำให้สหรัฐได้ข้อตกลงการค้าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ทั้งนี้ มีรายงานว่าทางการจีนอนุญาตให้นายจอห์น แมคคัลลัม เอกอัครราชทูตแคนาดา เข้าเยี่ยมนายไมเคิล คอฟริก อดีตนักการทูตซึ่งผันตัวไปทำงานให้กับเอ็นจีโอ และถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง แต่ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมนายไมเคิล สเปวอร์ พลเมืองชาวแคนาดาอีกคนหนึ่ง ซึ่งกำลังถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ที่เมืองตานตง ในมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออก เฉียงเหนือของประเทศ


Source: แนวหน้า


- https://www.ctvnews.ca/business/can...ng-end-over-huawei-arrest-professor-1.4219927

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 16) ต้นทุนของเงินสด! รถขนเงินในอเมริกาทำเงินหล่นเกลื่อนถนน ชาวบ้านแห่เก็บ หายไปเกือบ 10 ล้านบาท: จากรถบรรทุกทำเงินหล่น ถึงต้นทุนของสังคมเงินสด


ไม่นานมานี้ บนทางหลวงในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีรถบรรทุกหุ้มเกราะคันหนึ่งซึ่งขนเงินจำนวนมหาศาล เกิดทำเงินร่วงหล่นบนถนน ทำให้ผู้คนที่ขับรถอยู่บนท้องถนนจอดรถ และลงมาเก็บเงินที่กำลังปลิวว่อน


จากข้อมูลระบุว่า เงินที่ร่วงหล่นมาจากรถบรรทุกมี 2 ถุง ถุงแรกบรรจุเงินจำนวน 140,000 ดอลลาร์ (4.5 ล้านบาท) ส่วนอีกถุงบรรจุเงินจำนวน 370,000 ดอลลาร์ (12 ล้านบาท)


โดยเหตุการณ์หลังจากที่เงิน 2 ถุงซึ่งมีมูลค่ากว่า 16.5 ล้านบาทร่วงหล่นจากรถบรรทุก นอกจากที่จะมีผู้ขับขี่หลายคนที่ลงจากรถมาเก็บเงินแล้ว (ซึ่งผิดกฎหมาย) ปรากฏว่ามีพนักงานของรถขนเงินและผู้ขับขี่บางส่วนที่ช่วยเก็บเงินมาคืน แต่เงินที่เก็บกลับมาได้คิดเป็นมูลค่าเพียง 205,000 ดอลลาร์ (6.7ล้านบาท) เท่านั้น


เหตุการณ์รถขนเงินทำเงินร่วงหล่นจากรถครั้งนี้ ทำเงินสูญหายไปมากเกือบ 10 ล้านบาท ตัวเลขตรงๆ คือ 294,000 ดอลลาร์ (9.8 ล้านบาท)

เจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า หลักฐานที่มีตอนนี้คือวิดีโอที่บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ โดยจะเริ่มสืบสวนจากบุคคลที่ปรากฏอยู่คลิป

อย่างไรก็ตาม ตำรวจสืบทราบในภายหลังว่าเงินที่ร่วงหล่นมาจากความผิดพลาดของประตูรถที่เปิดออกเอง ไม่ใช่ความผิดของคนขับ

จากข่าวนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า การขนถ่ายเงินสดมีความเสี่ยง และนี่คือต้นทุนของสังคมเงินสดที่ต้องแบกรับ พร้อมกันนั้น ข่าวนี้ก็ช่วยตอบคำถามบางประการด้วยว่า ทำไมเราต้องผลักดันให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสด


ลองดูคลิปรถขนเงินในนิวเจอร์ซีย์ทำเงินร่วงหล่นเกลื่อนถนน ด้านล่างนี้


By Thongchai Cholsiripong


Source: Brandinside.asia

https://brandinside.asia/more-than-half-a-million-dollars-spilled-from-a-truck/

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 16) แตกตื่นทั้งเกาะ!! เงิน100 ดอลลาร์ฮ่องกง ร่วม 20,000 บาทหล่นลงมาจากฟ้า คนแย่งเก็บกันอื้อ ฝีมือโรบินฮูด: เมื่อบ่ายวานนี้(15 ธ.ค) ในย่านคนจนใกล้กับโกลเดนคอมพิวเตอร์อาร์เคด (Golden Computer Arcade)พบมีธนบัตร 100 ดอลลาร์ฮ่องกง (420 บาท)ถูกโปรยลงมาจากตึกแห่งหนึ่งส่งผลให้คนที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นต่างแยกเก็บกันชุลมุน ซึ่งทางตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์พบว่ามีเงินจำนวน 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (21,000 บาท)ที่ถูกโปรยลงมา ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของโรบินฮูดฮ่องกงที่ชื่อ หว่อง ชิง-กิต(Wong Ching-kit) เจ้าของเว็บไซต์แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ใช้โอกาสนี้เพื่อการโปรโมท


หนังสือพิมพ์เซาท์มองนิงไชน่าโพสต์รายงานวันนี้(16 ธ.ค)ว่า หนึ่งในย่านคนจนบนเกาะฮ่องกงได้เป็นประจักษ์พยานเหตุการณ์เงินตกลงมาจากฟ้าคล้ายเกิดขึ้นในภาพยนต์เมื่อบ่ายวานนี้(15)


โดยทางโฆษกตำรวจหญิงฮ่องกงกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีคนได้โปรยธนบัตรลงมาที่ถนนฟุกวา ( Fuk Wa) ซั้ม-โสย-โป๋ว (Sham Shui Po) และได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปที่เกิดเหตุทันที


ซึ่งทางนักข่าวของสื่อฮ่องกง เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ได้สังเกตเห็นธนบัตรฉบับบละ 100 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งมีมูลค่าราว 420 บาท ถูกโปรยลงมาใกล้กับโกลเดนคอมพิวเตอร์อาร์เคด (Golden Computer Arcade) ทำให้เกิดการแย่งชิงอย่างชุลมุนของบรรดาผู้สัญจรผ่านไปมาพากันแย่งเก็บเงิน แต่ทว่าทางตำรวจฮ่องกงได้ห้ามไม่ให้ประชาชนเก็บเงินเหล่านั้น


โดยทางตำรวจฮ่องกงแถลงว่า เจ้าหน้าที่ในจุดเกิดเหตุสามารถรวบรวมธนบัตรทั้งหมดที่ถูกโปรยลงมา และพบว่ามีจำนวน 5,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 21,000 บาท แต่ไม่มีใครถูกจับกุม


ทั้วนี้มีวิดีโอคลิปถูกเปิดเผยถึงเบื้องหลังเงินหล่นจากฟ้าครั้งนี้ ซึ่งมีชายแต่งกายในชุดเสื้อฮูดสีดำประกาศว่า


“วันนึ้คือวันที่ 15 ธ.ค ถือเป็นวัน FCC เดย์ที่จะเริ่มต้นการเทรดครั้งใหญ่ ซึ่งทางผมหวังว่าทุกคนจะให้ความสนใจในงานครั้งนี้...ผมไม่รู้ว่าจะมีใครยังคงเชื่อว่าเงินสามารถหล่นจากฟ้าได้บ้าง”


และหลังจากที่ชายในชุดฮูดสีดำกล่าวเสร็จสิ้น กล้องได้แพนไปทางขวา แสดงให้เห็นถึงเงินที่กำลังถูกโปรยจากหลังคาดาดฟ้าของตึก ซึ่งทางตำรวจกล่าวว่า พวกเขากำลังติดตามชายผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้


หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์กล่าวว่า เชื่อกันว่าชายผู้นี้เป็นเจ้าของเว็บไซต์แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล อีพ็อค คริปโตเคอร์เรนซี (Epoch Cryptocurrency) ที่รู้จักในนาม "มาสเตอร์คอยน์ยัง" ( Coin Young) หรือชื่อจริงคือ หว่อง ชิง-กิต(Wong Ching-kit) ซึ่งในเฟซบุ๊กของหว่อง เขากล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นการโปรโมท ซึ่งเขายังอ้างว่า เป็นโรบินฮูดที่ปล้นคนรวยเพื่อช่วยคนจนทั้งหลาย


แต่เมื่อถูกถามต่อว่า ทำไมจึงทำเช่นนั้น เขาชะงักไปเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “อย่ามาโทษผม เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเงินถึงหล่นจากฟ้าได้”


สื่อฮ่องกงชี้ว่า จากการเสิร์ชค้นทางคอมพิวเตอร์พบว่า หว่องเป็นเจ้าของบริษัท คอยน์ส กรุ๊ป (Coin’s Group) ที่ก่อนหน้ามีชื่อว่า “ออสกา โฮลดิง กรุ๊ป” (Oscar Holding Group) ก่อตั้งในปี 2017 แต่บริษัทได้ทำการเปลี่ยนชื่อเมื่อวันที่ 3 ก.คปีนี้


Source: ผู้จัดการออนไลน์


https://mgronline.com/around/detail/9610000124493

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 16) แผนกาตั้งสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ของอเมซอนจะใช้เวลานานหลายปี หรืออาจเป็นทศวรรษ : สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการจัดตั้ง Headquarter แห่งที่ 2 ของบริษัท Amazon.com Inc. ในเขตพื้นที่ New York City และ Northern Virginia โดยระบุว่ากระบวนการจะใช้เวลานานหลายปี หรืออาจเป็นทศวรรษ จนกว่าจะมีพนักงานบริษัท Amazon.com จำนวนมากอาศัยอยู่ในเมืองดังกล่าว เนื่องจากทางบริษัท Amazon.com มีแผนที่จะจ้างงานในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงได้เคยกล่าวกับพนักงงานที่สำนักงานใหญ่ในเมือง Seattle ว่าจะไม่มีการบังคับให้ย้ายถิ่นฐานไปยังสำนักงานแห่งใหม่แต่อย่างใด แต่จะมีทางเลือกให้กับผู้บริหารทีมว่าต้องการที่จะย้ายทีมไปยังออฟฟิศแห่งใหม่หรือไม่ กล่าวคือ ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่จะขึ้นอยู่กับผู้สมัครงานจากในพื้นที่เป็นหลัก


ทั้งนี้ บริษัท Amazon.com มีแผนจะจ้างงานในเมือง New York City ให้ครบ 25,000 ตำแหน่งในปี 2028 ขณะที่ Northern Virginia นั้นจะมีอัตราการจ้างงานที่ช้ากว่า โดยการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมุติฐานว่าบริษัทยังคงมีการขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง


Source: BOTSS


- Why the Amazon Invasion in New York and Virginia Will Be Slow: https://www.wsj.com/articles/why-th...ew-york-and-virginia-will-be-slow-11544697000

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 16) กาตาร์ชี้คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับต้องปฏิรูป: กาตาร์ระบุว่า คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) จำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อบังคับใช้ระเบียบให้ดีขึ้น ส่งสัญญาณว่าจีซีซีอาจมีส่วนช่วยยุติข้อพิพาทระหว่างกาตาร์กับเพื่อนบ้านที่ดำเนินมาตั้งแต่กลางปีก่อนได้


ชีคโมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน อัล ธานี รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์กล่าวต่อที่ประชุมโดฮาฟอรัมประจำปีนี้ว่า กาตาร์ยังคงหวังพึ่งคูเวตและมหาอำนาจในภูมิภาคอื่น ๆ ให้ช่วยแก้ไขข้อพิพาทที่สามชาติสมาชิกจีซีซีคือ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน และอีกหนึ่งชาติที่ไม่ใช่สมาชิกคืออียิปต์ คว่ำบาตรการเมืองและการทูตกาตาร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน การรวมตัวเป็นจีซีซีจะมีความสำคัญต่อโลกตะวันตกมากกว่าการแยกกัน แต่จีซีซีไม่มีเขี้ยวเล็บเพราะไม่มีกลไกแก้ไขข้อพิพาท จีซีซีไม่เคยนำกลไกลงโทษมาใช้เพราะบางประเทศคิดว่าไม่มีผลผูกพัน จีซีซีจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า ระเบียบทุกข้อที่ทุกประเทศยอมรับนั้นมีผลผูกพันกับทุกคนในภูมิภาคนี้


ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน และอียิปต์กล่าวหากาตาร์ว่า สนับสนุนก่อการร้ายและมีสัมพันธ์กับอิหร่านที่เป็นปรปักษ์ของภูมิภาค กาตาร์ปฏิเสธและตอบโต้กลับว่าประเทศเหล่านี้ต้องการจำกัดอธิปไตยของกาตาร์ ด้านคูเวต โอมานและสหรัฐพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาท แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นผล เพราะสมเด็จพระราชาธิบดีกาตาร์ไม่เสด็จร่วมการประชุมสุดยอดจีซีซีที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา เกือบหนึ่งสัปดาห์หลังจากกาตาร์ประกาศจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม อ้างว่าจะมุ่งเรื่องส่งออกก๊าซเป็นหลัก แต่หลายฝ่ายมองว่ากาตาร์ต้องการส่งสัญญาณไปถึงซาอุดีอาระเบียในฐานะสมาชิกใหญ่ที่สุดของโอเปก


Source: สำนักข่าวไทย


- 'No teeth': Qatar FM says GCC needs to enforce its own rules

https://www.aljazeera.com/news/2018/12/teeth-qatar-fm-gcc-enforce-rules-181215082139834.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Dec 16) กนง.ขึ้นดอกเบี้ย0.25% : นักเศรษฐศาสตร์มองผลประชุมกนง. 19 ธ.ค. เห็นตรงกันขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เป็น 1.75% ด้วยมติ 4 ต่อ 3 ยันไม่ส่งผ่านแบงก์ใหญ่ เหตุสภาพคล่องเหลือ แต่เห็นแบงก์เล็กระดมเงินฝาก จ่อปล่อยสินเชื่อบุคคล-เช่าซื้อ เตือนระวังภาระหนี้ต่อรายได้เพิ่ม ด้านประธานธปท.ชี้ IT สร้างการเปลี่ยนแปลงการเงินอย่างมาก

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปี ในวันที่ 19 ธันวาคม กำลังเป็นที่จับตา หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% แต่ด้วยมติ 4 ต่อ 3 เสียง โดย 3 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.75% ต่อปี เพราะเห็นว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอแล้ว และภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจประเมินความเสี่ยงของภาวะการเงินในอนาคตต่ำกว่าที่ควร "ฐานเศรษฐกิจ"ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกับท่าทีของกนง.ต่อการประชุมครั้งนี้พบว่า ส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกันว่า เสียงส่วนใหญ่ของกนง.จะพิจารณาให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ด้วยมติเสียง 4 ต่อ 3 ซึ่งเป็นการจับสัญญาณจากคำให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เคยระบุว่า หากกนง.จะขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้จริง ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจนัก และนักเศรษฐศาสตร์ยังมองอีกว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะชะลอดูภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อก่อนจะปรับอีกครั้ง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ ตลาดเงิน และตลาดทุนธนาคารกรุงไทยเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กนง.จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นในตลาดเงิน หลังส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยมาทั้งปี เพื่อไม่ทำให้ตลาดสับสน ซึ่งนอกจากรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายหรือ Policy Space แล้วเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่มาก เพราะถือว่าการลงทุนจุดติดแล้ว

"การส่งผ่านดอกเบี้ยไปยังระบบ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่คงไม่ปรับขึ้นตามทันที เพราะมีสภาพคล่องสูง แต่ธนาคารเล็กน่าจะปรับดอกเบี้ยและระดมเงินฝาก เพื่อปล่อยสินเชื่อบุคคลและรถยนต์ เพราะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีหน้าจะไม่ดีเท่าปีนี้ และน่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในครึ่งหลังปีหน้า"

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ กนง.ต้องหยุดดูภาวะเศรษฐกิจ ถ้าตัวเลขออกมาดี จึงปรับดอกเบี้ยต่อได้ ซึ่งต้องจับทิศอัตราแลกเปลี่ยน แต่ช่วงการเลือกตั้ง ผู้สมัคร จะทำกิจกรรม หาเสียงคงมีเม็ดเงินสะพัดเศรษฐกิจท้องที่กระจายทั่วประเทศ หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วในเดือนมีนาคม รัฐบาลใหม่คงจะเร่งเบิกจ่าย และจัดทำงบประมาณปี 2563 จะช่วยการใช้จ่ายในประเทศกลับมาได้เร็ว

นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจไทย เอื้อต่อการปรับนโยบายการเงิน สู่ระดับปกติ ซึ่งกนง.จะมีเสียงโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น แต่ไม่เป็นเอกฉันท์ สะท้อนถึงการเพิ่มดอกเบี้ยยังไม่เร่งตัวมาก เพราะมองไปข้างหน้า ยังมีความเสี่ยงเดิมๆและปัญหาเชิงโครงสร้างมากขึ้น ส่วนการส่งผ่านนโยบายดอกเบี้ยขึ้นกับการเร่งตัวของความต้องการสินเชื่อและระดมเงินฝาก แต่คนที่เป็นหนี้อยู่แล้วโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย สัดส่วนหนี้ต่อรายได้จะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องระมัดระวังภาระจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทยอยปรับเป็นอัตราลอยตัวแล้ว

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า กนง.จะไม่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยแรงและเร็ว โดยหลักการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ เพื่อส่งสัญญาณให้คนระมัดระวัง ในแง่ของการลงทุนและก่อหนี้ ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่ำยาวนานกว่า 3 ปี และเพิ่ม Policy space โดยรอบนี้จะปรับดอกเบี้ยขึ้น เพื่อดูแลเสถียรภาพแล้ว รอดูภาวะเศรษฐกิจกับเงินเฟ้อ ซึ่งต้องจับตากรอบเงินเฟ้อใหม่ที่จะประกาศในเดือนธันวาคมนี้ว่าจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ปัจจุบันกรอบเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.5% บวกลบไม่เกิน 1.5 หรืออยู่ในกรอบ 1-4%

ด้านนายปรเมธี วิมลศิริ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ระบบการเงินภาพใหญ่ยังเป็นไปตามสถานการณ์ของโลก ซึ่งอยู่ในช่วงการปรับตัวของนโยบายการเงินโดยสหรัฐฯทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การค้าและปัจจัยเทคโนโลยีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงการเงินอย่างมากและกระทบทางผู้ใช้บริการและสถาบันผู้ให้บริการหรือสถาบันการเงินทั้งต่างประเทศและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีทั่วไป การสร้างประโยชน์ในการลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกให้รวดเร็วแต่ความไม่แน่นอนของนวัตกรรมใหม่ๆ จะต้องระวังและเรียนรู้เพื่อปรับตัวและธุรกิจ

"ปีหน้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจจะมีข้อจำกัดจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง แต่จีดีพีของไทยจะเติบโตได้ค่ากลางที่ 4% ซึ่งเป็นอัตราที่ดี ด้วยภาคการค้าการส่งออกและการบริโภคยังอยู่ในเกณฑ์ดีแม้จะไม่มากเท่า ปีนี้ที่คาดไว้ระดับ 4.2%"

Source: ฐานเศรษฐกิจ

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Dec 16) ถอดรหัส 'หนี้ครัวเรือน' เมื่อ 'หนี้' โตเร็วกว่า 'เศรษฐกิจ': หนึ่งในปัญหารากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยก็คือ ประชาชนมีสัดส่วน "เงินออมต่ำ" การกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศที่ผ่านมาจึงมาพร้อมการก่อหนี้ และเมื่อสถานการณ์ "หนี้ครัวเรือน" ของประเทศไทยอยู่ในระดับสูงแตะ 80% ต่อจีดีพี จึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการ กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศช่วงที่ผ่านมา และหลายฝ่ายก็กังวลว่า ปัญหาอาจจะเพิ่มมากขึ้นในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ และยังเป็นลักษณะของ "รวยกระจุก จนกระจาย"

แจง "ศก.ดี-ดอกเบี้ยถูก" ต้นเหตุ

ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้ออกรายงานสถานการณ์หนี้ครัวเรือน ไตรมาส 3/2561 ของไทยเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2561 ได้มีการรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 3/2561 เพื่อให้สังคมเข้าใจสถานการณ์ "หนี้สินครัวเรือน" ของประเทศชัดเจนมากขึ้น

นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ข้อมูลไตรมาส 2/2561 หนี้สินครัวเรือนของไทยที่มีมูลค่า 12.34 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% เทียบกับช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 11.68 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่ต่ำ และความต้องการซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เร่งตัวขึ้นตั้งแต่กลางปี 2560 หลังจากสิ้นสุดเงื่อนไขการถือครองรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 77.5% จากไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ระดับ 77.7% มีแนวโน้มลดลงอย่างช้า ๆ จึงไม่น่ากังวล หลังจากที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนสูงสุดในปี 2558 อยู่ที่ 80.8%

ก่อหนี้ซื้อบ้าน-รถยนต์

"แม้ว่าหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 3/2561 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ความสามารถในการชำระหนี้ยังไม่น่ากังวล โดยสัดส่วนหนี้เพื่อการอุปโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น 7.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 6% แต่ถือว่าชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 10.3% ขณะที่สัดส่วนหนี้เพื่อการอุปโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.73% เทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ 2.72% และหนี้เพื่อการอุปโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คิดเป็นสัดส่วน 26.80% ของเอ็นพีแอลรวมทั้งระบบเทียบกับไตรมาสก่อนอยู่ที่ 26.22%"

อย่างไรก็ตาม การก่อหนี้เกินกว่าครึ่งเป็นการกู้เพื่อซื้อสินทรัพย์ถาวร โดยข้อมูลสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่ให้กับ ครัวเรือน ณ ไตรมาส 3/2561 สัดส่วนประมาณ 73% เป็น การกู้ยืมเพื่อซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอื่น ๆ ซึ่งเป็นการก่อหนี้ที่ทำให้เกิดการสะสมสินทรัพย์เพิ่มขึ้นไปพร้อมกัน

ขณะเดียวกัน สัดส่วนสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 51.5% และสินเชื่อเพื่อซื้อรถยนต์และ รถจักรยานยนต์ 23.8% โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและอสังหา ริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 6.4% สินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น 12.5% สินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 8.7%

"หนี้ครัวเรือน" เพิ่มต่อเนื่อง

นางชุตินาฏ กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินครัวเรือนยังเป็นเรื่อง ที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมูลค่าหนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากมีปัจจัยภายนอกมากระทบ อาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนได้ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทรงตัวอยู่ในระดับสูง

ในขณะเดียวกัน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อ การบริโภคบุคคลอื่น ๆ ที่ค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นตามมาตรการ ส่งเสริมการขายที่จูงใจผู้บริโภค และอาจทำให้เกิดการก่อหนี้เพิ่มได้

"ส่วนปัจจัยดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการผิดนัดชำระของลูกหนี้หรือไม่ ต้องติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดต่อการผิดนัดชำระของลูกหนี้"

หนี้เสีย "สินเชื่อบุคคล" โตเฉียด 10%

นางชุตินาฏระบุว่า สำหรับการผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อบัตรเครดิตยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยยอดผิดนัดชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป หรือเอ็นพีแอลของสินเชื่อส่วนบุคคลมีมูลค่า 9,836 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% คิดเป็น 2.6% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ขณะที่เอ็นพีแอลของสินเชื่อบัตรเครดิตมีมูลค่า 7,200 ล้านบาท ลดลง 0.2% คิดเป็น 1.9% ของยอดสินเชื่อคงค้าง

ขณะที่รายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ภาพรวมของสินเชื่อบุคคลในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านจำนวนบัญชีและยอดคงค้าง โดยมีแรงผลัก จากการกลับเข้ามารุกธุรกิจของผู้ให้บริการในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพื่อชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไป ท่ามกลางความกังวลต่อความเสี่ยงด้านคุณภาพหนี้ โดยคาดว่าปีนี้สินเชื่อบุคคลทั้งระบบจะเติบโตใกล้ ๆ 8% และคาดว่าจะรักษาแรงส่งต่อเนื่องไปในปี 2562 เติบโตในระดับ 7.5-9% ซึ่งสะท้อนถึงภาพการเติบโตของหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อไป

เกาะติดสินเชื่อบ้าน-รถปี'62

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ปัญหาเอ็นพีแอลของระบบคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 2.91% ก่อนจะเร่งสูงขึ้นไปอยู่ที่ 2.98% ในสิ้นปี'62 ซึ่งอาจจะแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในช่วงระหว่างปี เนื่องจากยังมีความกังวลต่อสินเชื่อบ้าน รถยนต์ และเอสเอ็มอีอยู่ โดยปีหน้า คาดว่า NPL ของสินเชื่อบ้านจะอยู่ที่ 3.42% เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในปีนี้ที่ 3.38%

สำหรับสินเชื่อบ้านที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับ สินเชื่อที่อยู่อาศัย ปีหน้าคาดว่าโต 5% ลดลงจากปีนี้ที่ขยายตัว 7% เนื่องจากจะมีการเร่งทำธุรกรรมก่อนบังคับใช้เกณฑ์สินเชื่อ ที่อยู่อาศัยในเดือน เม.ย. 2562 ซึ่งคาดการณ์ยอดโอนที่อยู่อาศัยปีหน้าจะเร่งตัวช่วงไตรมาสแรกทำให้ยอดสินเชื่อเติบโต 14.1% และคาดว่าไตรมาส 2 ก็จะหดลงไปอยู่ที่ -5.6% ขณะที่สินเชื่อรถยนต์จะขยายตัว 5.5% ลดลงอย่างมากจากปีนี้ที่ คาดว่าจะขยายตัว 12% ซึ่งยอดขายรถปีนี้น่าจะแตะ 1 ล้านคัน ขณะที่ปีหน้าตลาดรถยนต์จะหดตัวลงราว 3% หรือมี ยอดขายราว 9 แสนกว่าคัน ด้านสินเชื่อบัตรเครดิตคาดว่า จะเติบโตราว 7% เท่าปีนี้ จากการออกแคมเปญของธนาคารต่าง ๆ

แบงก์ชาติชี้โอกาส "ลดหนี้" ยาก

นอกจากนี้ รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาส 2/2561 ปรับลดลงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และที่สำคัญต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เนื่องจากสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งให้ติดตามพฤติกรรมการก่อหนี้ใหม่ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงก่อนการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย. 2562 และความเข้มงวดในการให้สินเชื่อรถยนต์ที่เริ่มผ่อนคลายตามการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้การปรับลดลงของสัดส่วนหนี้ต่อรายได้เกิดขึ้นได้ช้า

Source: ประชาชาติธุรกิจ

 

สหรัฐไปรังแกจีนถึงขนาดนี้ หลังจากเลย สัญญาสงบศึก 90 วันน่าจะรบกันหนัก

Bank of Thailand Scholarship Students

(Dec 16) รัฐบาลสหรัฐกดดันให้ SoftBank และ Deutsche Telekom เลิกใช้ Huawei ในเงื่อนไขอนุมัติดีล T-Mobile/Sprint : แม้มหากาพย์การควบรวมกิจการของ T-Mobile และ Sprint จะจบลงไปตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา แต่ดีลนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% เพราะต้องรอให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาและอนุมัติการควบรวมก่อนเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดตามมา

Reuters รายงานอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่ระบุว่า หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐกดดันให้ Deutsche Telekom บริษัทแม่ของ T-Mobile และ SoftBank ที่ถือหุ้นใหญ่ใน Sprint ต้องยกเลิกการใช้อุปกรณ์ของ Huawei จึงจะให้ดีลนี้ผ่านเงื่อนไขดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุให้ SoftBank เตรียมเปลี่ยนอุปกรณ์โครงข่ายจาก Huawei เป็น Ericsson และ Nokia แทน เช่นเดียวกับ Deutsche Telekom ที่ออกมายอมรับในทำนองเดียวกัน

อย่างไรก็ตามบุคคลที่ให้ข้อมูลกับ Reuters ระบุว่าการเจรจาระหว่าง Deutsche Telekom, SoftBank และรัฐบาลสหรัฐยังไม่สิ้นสุด ขณะเดียวกันดีลนี้ก็เตรียมจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการด้านการลงทุนของต่างชาติในสหรัฐ (Committee on Foreign Investment in the United State - CFIUS) ในช่วงต้นสัปดาห์หน้านี้ด้วย

ทั้งนี้ Deutsche Telekom เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Huawei ในยุโรป เช่นเดียวกับ SoftBank เป็นในญี่ปุ่น

Source: Blognone.com
https://www.blognone.com/node/107028

Exclusive: T-Mobile, Sprint see Huawei shun clinching U.S. deal - sources - https://www.reuters.com/article/us-...shun-clinching-u-s-deal-sources-idUSKBN1OD2HO

ความคืบหน้า
- Huawei’s troubles may help clinch merger of T-Mobile and Sprint by US regulators: sources
https://www.scmp.com/news/world/uni...-troubles-may-help-clinch-merger-t-mobile-and

- ยักษ์โทรคมฯ"ฝรั่งเศส-เยอรมนี"แบนอุปกรณ์หัวเว่ย: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/821316

 

Setiawan


ท้องฟ้าไม่ว่าง


ในวันที่ 15 ธันวาคม 2018

เครือข่ายรายงาน fireballs 186 ราย

(101 Geminids, 82 sporadics, 1 ธันวาคม Monocerotid, 1 Comae Berenicid, 1 ธันวาคม Leonis Minorid)


ในแผนภาพด้านในของระบบสุริยะชั้นใน

วงโคจรของลูกไฟทั้งหมดตัดกันที่จุดเดียว #Earth


โคจรมีรหัสสีด้วยความเร็วจากช้า (สีแดง) ถึงเร็ว (สีน้ำเงิน)

 

Setiawan



แผ่นดินไหว เสฉวน จีน earrhquake ขนาด 5.7

16 dec2018


จีนเริ่มต้นการตอบสนองฉุกเฉินระดับชาติต่อแผ่นดินไหว 5.7 แผ่นดินไหวในจังหวัดเสฉวนของจีนตะวันตกเฉียงใต้


ประชาชน 16 คนได้รับรายงานว่าได้รับบาดเจ็บในแผ่นดินไหว

 

Setiawan


น้ำท่วมในประเทศไทยวันนี้ 16Dec2018


ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในบางส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันอาทิตย์นี้

เกาะสมุย, ประเทศไทย

 

Setiawan


#Easyfood



ถึงเวลาแล้วสำหรับอูฐที่มีความสุขที่สุดในซาอุดิอาระเบีย

ธันวาคม 2018

 

Setiawan


อัปเดตพายุ 16 ธ. ค. 2018-09.00

Thera เป็น 3 พายุในโลกตอนนี้

#โอเว่น - ออสเตรเลีย

#pethai - อินเดีย

#kenanga - อินโดนีเซีย

 

โพสต์ทูเดย์


จอห์นสันถูกแฉว่าจงใจปกปิดการพบแร่ใยหินในแป้งมานานเกือบ 50 ปี ด้านบริษัทยืนยันแป้งไม่มีส่วนผสมก่อมะเร็ง

 

Watchers


#Earthquake

16/12/18

16:42 น. เวลาไทย

แผ่นดินไหวขนาด 6.2

ลึก 80 กม.

พิกัด 140.27°E 4.06°S

อิริอันจายา จังหวัดปาปัว ประเทศอินโดนีเชีย


https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=732850

 

Watchers


#Earthquake #Australia

16/12/18

21:26 น. เวลาไทย

แผ่นดินไหว

WESTERN AUSTRALIA

ขนาด (6.1) ปรับลดลงมาเหลือ 5.6

ความลึก 2 กม.

พิกัด 23.43 S ; 112.57 E


ห่างจาก Perth 998 km, / pop: 1,447,000 / local time: 22:26


https://m.emsc.eu/earthquake/earthquake.php?evid=732905

#Watchers

 

Watchers



#Space #Moon

การหมุนรอบตัวเองของดวงจันทร์ ซึ่งเราไม่อาจมองเห็นได้จากโลก เนื่องจากเวลาที่ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเองนั้นเท่ากับที่มันใช้โคจรรอบโลก ทำให้เราเห็นเพียงแค่ด้านเดียวอยู่ตลอดเวลา

(ภาพมาจากยาน MRO ที่โคจรอยู่รอบดวงจันทร์)

Cr: KornKT

#ไม่มีความบังเอิญในโลก

#Watchers