ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34


    สาวร้อง ถูกร่างทรงหลอกร่วมรักแบบสวิงกิ้ง อ้างแก้เคล็ดช่วยแม่ป่วยรอดตายได้ ซ้ำสูญเงินนับล้าน


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34


    คนภูเก็ตโพสต์ระบาย การท่องเที่ยวซบเซา ทำสภาพธุรกิจต่ำสุดรอบ 10 ปี หลายโรงแรมปิดกิจการ


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์โลก ด้านความมั่นคง


    แคนาดาโวย"รับไม่ได้"ที่จีนจับกุมพลเมืองของแคนาดา เชื่อเอาคืนที่แคนาดาจับกุมลูกสาวหัวเว่ย/..ไม่ต้องโวยแคนาดายังจะโดนอีกเยอะอยู่ดีๆเอามือไปซุกหีบเอง..


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม Islamic Information Center

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกร้องเงินจำนวน 331 ล้านดอลลาร์จากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงให้กับฝูงเครื่องบินรบของพันธมิตรซาอุดิอาระเบียในสงครามเยเมน....


     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    #ข่าวภัยพิบัติ

    ดูยานพาหนะที่หายไปจากการสะสมของหิมะในเมือง Rasnoiarsk Krai #รัสเซีย #Russia

    เมื่อวันที่ 13/12/2018

    Cr @ worlds_weather / Krasnoyarskiy Kray

    #Watchers


     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora


    Silver Doctors

    Fund Manger: Trump’s Dilemma And Refuting The Gold/Yuan Peg Theory

    Dec 14, 2018. Dave Kranzler


    ทรัมพ์ต้องเลือกเอาสักอย่าง และหยวนจะ peg กับทองคำหรือ


    ถ้าทรัมพ์อยากจะเอาชนะ trade war ครั้งนี้ให้ได้ เขาก็ต้องกดให้ดอลล่าร์ต่ำลงไปอีก ซึ่งมันก็จะไปดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น ..นี่คือเหตุผลที่ทำให้ทรัมพ์เลือกไม่ถูก....


    Trump's dillemma

    ทรัมพ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


    ดอลล่าร์อินเด็กซ์สูงขึ้นตั้งแต่ทรัมพ์เริ่มเปิดสงครามการค้า แล้วตอนนี้ก็มาอยู่ที่ 97 เท่ากับเมื่อตอนที่ทรัมพ์ได้รับเลือกพอดี ..รัฐบาลทรัมพ์กดให้มันต่ำลงไปตั้งแต่ปี 2017 เพื่อกระตุ้นการส่งออกและลดการขาดดุล ดอลล่าร์ตกจาก 97 ไปที่ 88 แต่กลับไปทำให้ทองคำโดดจาก $1,125 ไปที่ $1,360 ..นี่มันระดับ breakout เลย..เมื่อปลายเมษายน 2018


    ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดราคาทองคำเอาไว้ ..ทรัมพ์เริ่ม Trade War ในเดือนมีนาคม ที่ค่อยๆดันให้ดอลล่าร์สูงขึ้น ราคาทองคำจึงเริ่มหยุดขยับขึ้น ..แต่การขาดดุลก็กลับมาอีกครั้ง


    ถ้าทรัมพ์ต้องการ "เอาชนะ" Trade War ให้ได้ เขาก็ต้องกดดันให้ดอลล่าร์ต่ำลง แต่มันจะส่งให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น หมายความว่าทั้งธนาคารในโลกตะวันตกและ BIS จะต้องอยู่ร่วมกับราคาทองคำที่สูงต่อไป ซึ่งพวกนั้นคงไม่ชอบแน่ ..นี่คงจะเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันรุนแรงแน่ระหว่างทรัมพ์กับพวกอิลิทแบ้งเกอร์ทั้งหลาย


    นี่ถึงเรียกว่าทรัมพ์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใครที่รู้ถึงพื้นฐานเศรษฐกิจก็พอจะรู้ว่า ในกระบวนการตัดสินใจใดๆหมายถึงต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ..ในที่นี้ การเลือกตัดสินใจที่ยากก็คือ จะให้การขาดดุลมันเพิ่มไปเรื่อยๆ หรือจะยอมให้ราคาทองคำมันสูงไปมากกว่านี้


    อีกปัญหาหนึ่งของการผลักดันให้ดอลล่าร์ต่ำลงเพื่อเพิ่มการส่งออก คือมันไปทำให้เหล่าเจ้าหนี้ต่างประเทศที่เข้าถือพันธบัตรสหรัฐเริ่มจะกังวลถึงค่าเงินดอลล่าร์ และลดการถือพันธบัตรที่ช่วยการใช้จ่ายที่ขาดดุลของรัฐบาลทรัมพ์ ..แล้วการขาดดุลนี่มันก็ไปถึง $1.5-$2 ล้านล้านเลยนะนี่ เฉพาะปีนี้น่ะ


    Refuting the yuan/gold peg theory

    เชื่อหรือไม่กับทฤษฎีที่ว่า เงินหยวนจะผูกค่ากับทองคำ


    เมื่อตอนที่มีข่าวว่าจีนจะผูกค่าเงินกับทองคำจากผลความสัมพันธ์กับค่าเงินหลายสกุล ..ทำไมไม่มีใครตรวจสอบค่าเงินสกุลหลักๆ vs. ดอลล่าร์ vs. ทองคำเลย ..ดอลล่าร์ถูกเทรดด้วยค่าที่สูงมากๆ มาตั้งแต่หลังเดือนเมษายน ตอนนั้นทองคำเทรดอยู่ที่ $1,360 ...เงินหยวนเริ่มตก vs. ดอลล่าร์ตั้งแต่ปลายเมษายน แต่ฟรังค์สวิสกับเยนก็ตกเหมือนกัน ส่วนยูโรตก vs. ดอลล่าร์มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว


    แต่ชาร์ทของเงินสกุลหลักเช่นฟรังค์สวิส ยูโร เยน vs. หยวนตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ flat ราบเรียบ ..นอกจากนี้ชาร์ทของทองคำ vs. เงินทั้ง 4 สกุล (หยวน สวิส ยูโร เยน) ก็ไปทางเดียวกันตลอดทั้ง 12 เดือน


    จากชาร์ทจะเห็นถึงความสัมพันธ์ร่วมกันของเงินหลักทั้ง 4 สกุลกับทองคำ ..พอจะบอกได้ว่าทองคำอาจจะผูกค่ากับสกุลใดสกุลหนึ่งในสี่นี้ได้เลย ...แต่สกุลเยน ฟรังค์สวิสและยูโร เป็นส่วนใหญ่ที่ใช้กำหนดดอลล่าร์อินเด็กซ์อยู่แล้ว ..ดังนั้นทองคำก็ยังไม่อาจผูกค่ากับหยวนได้ เพราะการเทรดกับดอลล่าร์ก็เป็นไปแนวทางเดียวกัน ตามคาด


    **โปรดใช้วิจารณญานครับ**


    https://www.silverdoctors.com/gold/...dilemma-and-refuting-the-goldyuan-peg-theory/


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกรียน BRN


    มาเลเซีย #จับกุมสมาชิก ISIS 7 คน เตรียมก่อเหตุในประเทศ'

    -------------------------------------------------------------------

    วันศุกร์ ที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลา 19:00.น."หัวหน้าตำรวจมาเลเซียประกาศว่า สามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้าย 7 รายในประเทศ ซึ่งผู้ต้องสงสัยรวมทั้งชาวมาเลเซีย 5 คนและพลเมืองฟิลิปปินส์อีก 2 คนถูกจับกุมในระหว่างการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหลายรัฐ ตำรวจมาเลเซียประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ถูกจับกุมทั้งเจ็ดรายในข้อหาเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS และพยายามวางแผนการโจมตีในมาเลเซีย กลุ่มก่อการร้าย ISIS ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 19-28 พฤศจิกายน ภายใต้การดำเนินการแบบปูพรมของเจ้าหน้าที่ในหลายรัฐ ในบรรดาผู้ถูกจับกุมตัวเป็นชายวัย 28 ปีจากมลรัฐกลันตัน ประกอบอาชีพขายน้ำผึ้ง ซึ่งเขาได้รับคำสั่งจากพลเรือนชาวมาเลเซียที่ประจำอยู่ในซีเรียเพื่อก่อการร้ายในมาเลเซีย


    ผู้ต้องสงสัยอีกรายหนึ่งเป็นวิศวกรอายุ 52 ปีซึ่งบริจาคเงินจำนวน 14,000 Ringtits ให้กับโมฮาเหม็ดเวนดี้ โมฮัมเหม็ดซึ่งเป็นชาวมาเลเซียในซีเรียสำหรับการโจมตี ผู้ก่อการร้ายอีกคนเป็นชายชาวมาเลเซียอายุ 35 ปีและเป็นพนักงานขับรถของโรงเรียน สมาชิก ISIS สองคนเตรียมที่จะก่อเหตุโจมตีก่อการร้ายศาสนาสถานและศูนย์กลางการชุมนุมของคนต่างศาสนิกที่ไม่ใช่มุสลิม ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่ถูกจับกุมตัวเป็นชาวฟิลิปปินส์ วัย 45 ปีและเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายอาบู Sayaf ในฟิลิปปินส์


    หัวหน้าตำรวจมาเลเซียกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยมีส่วนร่วมในการลักพาตัวอย่างน้อย 3 ครั้งทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์และรัฐซาบาห์ในมาเลเซีย ตำรวจมาเลเชียรายงานก่อนหน้านี้ว่าพบว่ามีชาวมาเลเซียเกือบ 100 คนเตรียมเดินทางไปประเทศซีเรียและทางใต้ของฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS ในสองประเทศนี้'


    --------------------------


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Siriphon Kusonsinwut


    เห็นด้วยกับ ท่านจิ้นมากๆ หากจะพูดถึงการขจัดคอรัปชั่น มันต้องเริ่มจากชั้นบนสุดในบ้านตนเองก่อน อย่าคิดว่า ทำความสะอาดด้านล่างแล้ว จะหมดคอรัปชั่นเด้อ ... ไทยก็เช่นกัน ต้องเริ่มที่ กรรมการสภามหวิทยาลัย แหล่งผลิตบุคลากรของชาติก่อน !!


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนประกาศชัยชนะเหนือการคอรัปชั่น แต่ไทยประกาศความพ่ายแพ้ต่อการคอร์รัปชั่น รณรงค์มากบายปียังคงมีการคอร์รัปชั่น มากมาย คดีใหญ่ๆ ที่ตรวจพบ ผลสอบไปถึงไหนแล้ว ข่าวคราว เงียบหายไปเลย และการใช้อำนาจพิเศษจนสภามหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นทรัพย์สิน ก็เหมือนกับประกาศให้ ฟ้า ดิน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วพื้นพิภพรับรู้ถึงความไม่จริงใจในการปราบปรามการทุจริต และยอมรับความพ่ายแพ้ต่อความเลวทั้งปวงแล้ว หลังจากนี้ย่อมไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดมาปกป้องท่านอีก

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 15) “สหรัฐ” เลื่อนเส้นตายกำหนด 2 มีนาคม ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีน 2 แสนล้าน : สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสำนักงานตัวแทนเจรจาการค้าของสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) เปลี่ยนกำหนดการการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐใหม่ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่ 2 มีนาคม 2562

    การเลื่อนวันดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังการหารือระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เปิดทางให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าลงชั่วคราว โดยสหรัฐประกาศเลื่อนกำหนดขึ้นกำแพงภาษีกับจีนออกไปอีก 90 วัน

    การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเผยแพร่ผ่านวารสารเฟเดอรัลรีจิสเตอร์ ของรัฐบาลสหรัฐ กำหนดวันขึ้นกำแพงภาษีจากเดิมที่ 10 เปอร์เซ็นต์เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นใหม่ จากวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นวันที่ 2 มีนาคม 2562 โดยประกาศดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับกำแพงภาษีที่สหรัฐตั้งกับสินค้าเทคโนโลยี แผงวงจร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกและยานยนต์มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐก่อนหน้านี้

    ทั้งนี้ยูเอสทีอาร์ ไม่ได้ระบุถึงการคาดหวังถึงผลการเจรจากระหว่างสหรัฐและจีนรอบใหม่ แต่ระบุถึงเป้าหมายตามแถลงการณ์ของทำเนียบขาวก่อนหน้านี้ซึ่งระบุว่าการเจรจามีขึ้นเพื่อเกี่ยวกับการบังคับส่งต่อเทคโนโลยี การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา การยกเลิกการตั้งกำแพงภาษี การจารกรรมข้อมูลไซเบอร์ ธรุกิจบริการและการเกษตร

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    - China says it will suspend additional tariff on US autos: https://www.cnbc.com/2018/12/14/chi...25-percent-additional-tariff-on-us-autos.html
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 15) “อียู” เผยกฎชาวอังกฤษต้องจ่ายเงินเข้าประเทศสมาชิกหลัง “เบร็กซิต”: เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา อ้างการเปิดเผยของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ระบุว่า หลังจากอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวน 7 ยูโร เพื่อใช้ในการทำเอกสารฟรีวีซ่าซึ่งจะมีระยะเวลา 3 ปี

    โฆษกของฌอง โคล้ด ยุงเคอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่าแบบฟอร์มเอกสารดังกล่าวหรือที่เรียกว่า อีทีไอเอเอส เป็นระบบลักษณะเดียวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอนุมัติการเดินทาง หรืออีเอสทีเอ ของสหรัฐอเมริกาที่สามารถทำผ่านทางระบบออนไลน์ได้ โดยระบุว่าของอียูจะมีราคาถูกกว่าสหรัฐซึ่งต้องจ่ายอยู่ที่ 14 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 495 บาท อยู่ที่ 7 ยูโร หรือราว 259 บาท

    อย่างไรก็ตาม กฎดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น และชาวอังกฤษจะต้องยื่นเรื่องขอทำวีซ่าเข้าประเทศในอียู หากไม่มีข้อตกลงเบร็กซิตเกิดขึ้นระหว่างอังกฤษและอียู

    ทั้งนี้ อีทีไอเอเอส ซึ่งคาดว่าจะบังคับใช้ในปี 2021 จะบังคับใช้กับประเทศนอกอียูที่ประชาชนในประเทศเหล่านั้นสามารถเดินทางเข้าอียูได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าในเวลานี้ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 61 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อิสราเอล และสิงคโปร์ เป็นต้น

    Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

    https://www.aljazeera.com/news/2018/12/britons-pay-visa-free-travel-eu-brexit-181215062546817.html
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 15) เอเชียเสี่ยงตกงาน2.7ล้านคน - ยูเอ็นเผยศึกการค้าเสี่ยงฉุดงานในเอเชีย 2.7 ล้านตำแหน่ง เตือนอานิสงส์ย้ายฐานผลิตไม่แน่นอน

    คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกรายงานฉบับใหม่เตือนว่า สงครามการค้าโลกที่มีการขึ้นภาษีตอบโต้กันอยู่ในขณะนี้ อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและการค้าในเอเชีย-แปซิฟิก และอาจทำให้มีตำแหน่งงานในภูมิภาคนี้ต้องหายไปถึง 2.7 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ

    รายงานดังกล่าวระบุว่า การขึ้นภาษีตอบโต้กันในศึกการค้า คาดว่าจะทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของโลกหายไปถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) หรือราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.31 ล้านล้านบาท) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศส่งออกที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น ทำให้มีความเสี่ยงที่ตำแหน่ง งานนับล้านอาจต้องหายไป หากการส่งออกในภูมิภาคนี้หดตัวลง

    เอสแคป ระบุด้วยว่า หากข้อพิพาททางการค้าโลกทวีความตึงเครียดขึ้น อาจฉุดให้ปริมาณการส่งออกทั่วโลกในปี 2562 ขยายตัวได้เพียง 2.3% เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้เกือบ 4% ในปีนี้ และคาดว่าจะฉุดตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ในปีหน้าให้ชะลอตัวลงเช่นกัน จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวลดลง 4% ในปีนี้

    ทั้งนี้ ในกรณีเลวร้ายหากสงครามการค้าโลกทวีความรุนแรงขึ้นในปีหน้า จนฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค อาจส่งผลให้จีดีพีโลกหายไปรวมทั้งหมดเกือบ 4 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 13.1 ล้านล้านบาท) หรือทำให้จีดีพี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลงถึง 1.17 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3.8 ล้านล้านบาท) และทำให้คนเกือบ 9 ล้านคนต้องเสี่ยงตกงาน และบีบให้คนจำนวนมากต้องไปหางานใหม่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ แทน

    เอสแคป ระบุว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจได้อานิสงส์จากศึกการค้าในระยะกลาง โดยเฉพาะเวียดนาม เนื่องจากอาจมีการย้ายซัพพลายเชนการผลิตออกจากจีน แต่อานิสงส์ดังกล่าวก็อาจไม่ยั่งยืน เนื่องจากนักลงทุนอาจตัดสินใจเลื่อนการลงทุนจนกว่าจะเห็นนโยบายที่ชัดเจน

    Source: Posttoday

    - Easing US-China trade tensions could save millions of jobs: Asia-Pacific UN report: https://news.un.org/en/story/2018/12/1028341
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5876.JPG
    (Dec 15) รายงาน: โอเปกผนึกรัสเซีย ดันราคาน้ำมัน พันธมิตรขั้วใหม่ในวันโดดเดี่ยวมะกัน (ตอนที่ 1) - ก่อนหน้าการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออก น้ำมันปิโตรเลียม หรือ โอเปก ครั้งล่าสุดที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นการประชุมของกลุ่มเองในวันที่ 6 ธันวาคม ตามด้วยการประชุม ร่วมกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกรวมทั้งรัสเซียในวันรุ่งขึ้น (7 ธันวาคม) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เขียนข้อความในทวิตเตอร์ระบุว่า เขาหวังว่าโอเปกจะไม่จำกัดการผลิตน้ำมันดิบโลกไม่อยากเห็น และไม่จำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องมีราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้น!

    ท่าทีนี้ชัดเจน แต่ก็เห็นแล้วว่า โอเปกและประเทศพันธมิตรนอกกลุ่ม ต่างตกลงที่จะสวนทางความต้องการของผู้นำสหรัฐฯ โดยกำหนดเป้าหมายจะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงมาเพื่อดันราคาให้สูงขึ้น โอเปกและพันธมิตรตั้งเป้าจะลดการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 สมาชิกโอเปกจะรับผิดชอบในการลดกำลังการผลิตลง 800,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่รัสเซียและประเทศผู้ส่งออกรายอื่นนอกกลุ่มโอเปกจะลดการผลิตลง 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งไม่ผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า โอเปกและพันธมิตรน่าจะตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันระหว่าง 1 ล้าน-1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน

    รัสเซียชิงบทบาทผู้นำ

    ความตกลงดังกล่าวได้มาไม่ง่าย เพราะในวันที่โอเปกประชุมกันเอง 15 ประเทศในวันที่ 6 ธันวาคม ทางกลุ่มยังไร้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต นักลงทุนพากันผิดหวังตามๆ กันและราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลดลง กระทั่งวันรุ่งขึ้น (7 ธ.ค.) มีการหารือกับรัสเซีย โดยนายอเล็กซานเดอร์ โนแวค รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของรัสเซีย (ที่คงได้รับไฟเขียวจากประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน มาเรียบร้อยแล้ว เพราะทั้งคู่พบกันที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก่อนหน้านั้น) ได้เปิดประเด็นว่า รัสเซียยินดีจะลดการผลิตลง 2% ของกำลังการผลิตในเดือนตุลาคม หรือ 2% ของปริมาณ 11.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งก็เท่ากับประมาณ 228,000-230,000 บาร์เรลต่อวัน ทำให้สมาชิกโอเปกยอมกำหนดเป้าการลดกำลังผลิตของตัวเอง รวมทั้งยอมผ่อนผันให้ อิหร่านซึ่งเป็นสมาชิกโอเปกและเป็น ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของ กลุ่ม ได้รับการยกเว้นไม่ต้องลดการ ผลิตในรอบนี้ เพราะอิหร่านถูกสหรัฐฯกดดันด้วยมาตรการคว่ำบาตร ทำให้การส่งออกน้ำมันของอิหร่านถูกสกัดทางเข้าตลาด

    รัฐบาลอิหร่านจึงลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมาอยู่แล้วเพราะสถานการณ์บังคับ สมาชิกอีก 2 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องลดการผลิต คือเวเนซุเอลาและลิเบีย ที่ประสบภาวะวิกฤติในประเทศทำให้กำลังการผลิตลดลงมาอยู่แล้วเช่นกัน ส่วนไนจีเรียที่เคยได้รับการยกเว้นในการประชุมลดการผลิตครั้งก่อนหน้า มาครั้งนี้ต้องลดการผลิตลงด้วย โดยสมาชิกโอเปกที่ตกลงลดกำลังการผลิตนั้น จะต้องลดการผลิตโดยเฉลี่ย 2.5% ของกำลังการผลิตในเดือนตุลาคม นอกจากนี้ ยังตกลงเลื่อนวันประชุมครั้งต่อไปให้เร็วขึ้นจากกลางปีหน้า มาเป็นเดือนเมษายน (2562) เพื่อติดตามผลหลังลดการผลิตและทบทวนนโยบายกันอีกครั้ง

    ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่เป็นราคาอ้างอิงในตลาดโลก พุ่งขึ้นถึง 4.9% เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) สู่ระดับ 63 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ปรับขึ้น 4.3% สู่ระดับ 53.69 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

    อำนาจที่สั่นคลอนของซาอุฯ

    การผลิตน้ำมันของซาอุฯพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่สถิติ 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่หลังจากข้อตกลงครั้งนี้ การผลิตจะลดลงมาอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคม และจะลงมาที่ 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมกราคมปีหน้า คาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า ซาอุฯพูดจริง ทำจริง และต้องการให้ปี 2562 เริ่มต้นด้วยความมั่นคงสำหรับประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ท่าทีดังกล่าวนับว่าเป็นเรื่องผิดคาด เพราะตลาดคาดว่าซาอุฯจะพยายามปิดบังปริมาณการผลิตที่ต้องการลดเพราะไม่อยากมีเรื่องกับสหรัฐฯ หรือทำให้ผู้นำสหรัฐฯรู้สึกว่าถูกโดดเดี่ยว

    ทั้งนี้เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ได้พยายามโน้มน้าวซาอุฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯในโลกอาหรับและในกลุ่มโอเปก ให้เพิ่มกำลังการผลิต ตั้งแต่ช่วงกลางปี เพราะสหรัฐฯต้องการคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันส่วนหนึ่งหายไปจากตลาด การขู่คุกคามอิหร่านด้วยมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯมีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้นหลายครั้งนับตั้งแต่ต้นปีมา

    แต่ผู้นำสหรัฐฯกลับมองว่าโอเปกเป็นต้นเหตุของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและเป็นหน้าที่ของโอเปกที่ควรจะต้องคุมให้ราคาน้ำมันปรับลดลงมา สหรัฐฯเองก็ได้เพิ่มการผลิตสู่ตลาดจนในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับลดลงถึง 22% ซึ่งลงมากเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ประมาณ 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากที่เคยอยู่ในระดับเหนือ 76 ดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงต้นเดือนตุลาคม

    เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดี ทรัมป์ได้ทวีตข้อความขอบคุณซาอุฯ ที่ช่วยให้ราคาน้ำมันปรับลดลง และเขาเองก็เรียกร้องให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อไป "ราคาน้ำมันกำลังปรับตัวลดลง สิ่งนี้เหมือนกับการลดภาษีครั้งใหญ่ให้กับอเมริกาและโลก ตอนนี้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 54 ดอลลาร์ หลังจากเพิ่งแตะ 82 ดอลลาร์ ขอบคุณซาอุดีอาระเบีย แต่ก็ขอให้ราคาน้ำ มันลดลงต่อไป" ข้อความในทวิต เตอร์ของทรัมป์ระบุ

    อย่างไรก็ตาม การตกลงลดปริมาณการผลิตในการประชุมครั้งล่าสุดของกลุ่มโอเปกที่นำโดยซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรนอกกลุ่มนำโดยรัสเซีย เห็นได้ชัดว่า ซาอุฯ ไม่ขอเดินตามเกมหรือแรงกดดันของสหรัฐฯอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในคราวนี้ ภาวะระส่ำระสายของโอเปกหลังกาตาร์ประกาศถอน ตัวจากการเป็นสมาชิกเริ่มมีผลต้น ปีหน้า และแนวโน้มที่นักวิเคราะห์มองว่าอาจมีอีกหลายประเทศที่จะเดินตามกาตาร์ออกไป ผลกระทบต่อโอเปกรวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันโลกจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามในฉบับหน้า

    โต๊ะข่าวต่างประเทศ

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 15) แอ๊ปเปิ้ล'ย้ายฐานผลิตรับมือจีนแบน'ไอโฟน' : "แอ๊ปเปิ้ล อิงค์" บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อย้ายการผลิตไอโฟนรุ่นเก่าไปให้กับซัพพลายเออร์ไต้หวันรายสำคัญ ในความพยายามเพื่อเลี่ยงการสูญรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ในจีน ผลจากปม ขัดแย้งยาวนานเรื่องสิทธิบัตรทั่วโลกกับบริษัทควอลคอมม์ของสหรัฐ

    ศาลในเมืองฝูโจว ทางใต้ของจีน มีคำตัดสินเมื่อวันจันทร์ (10 ธ.ค.) ว่า แอ๊ปเปิ้ลละเมิดสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ 2 ฉบับของ ควอลคอมม์ และสั่งให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายนี้ ยุติการนำเข้าและจำหน่ายมือถือบางรุ่น เช่น ไอโฟน 6 ทุกรุ่น และไอโฟน เท็น ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว

    อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์นิคเกอิ เอเชียน รีวิว รายงานอ้างเอกสารว่า สมาร์ทโฟนที่ผลิตโดย "เปกาตรอน" ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ผู้ประกอบชิ้นส่วนไอโฟนรายสำคัญของแอ๊ปเปิ้ล ร่วมกับ "ฟอกซ์คอนน์" และ "วิสตรอน" ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งแบนนี้

    บรรดาแหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า ข้อยกเว้นดังกล่าวเป็นผลจากข้อเท็จจริงที่ว่าเปกาตรอน ชำระค่าธรรมเนียมเพื่อขออนุญาตใช้ซอฟต์แวร์ ที่พิพาทกันอยู่ในนามของแอ๊ปเปิ้ล ขณะที่ฟอกซ์คอนน์และวิสตรอนไม่ได้ชำระ

    แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้โดยตรง กล่าวกับนิคเกอิว่า แอ๊ปเปิ้ลเคยหารือขั้นต้นกับเปกาตรอนว่าบริษัทที่มีฐานในไต้หวันรายนี้จะสามารถผลิตไอโฟนเพิ่มให้ชดเชยผลกระทบจากคำสั่งแบนของจีนได้หรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แอ๊ปเปิ้ลระบุด้วยว่าจะดำเนินการอัพเดตซอฟต์แวร์เพื่อขจัดความกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าศาลจีนจะยอมรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวของแอ๊ปเปิ้ลหรือไม่

    คำสั่งแบนไอโฟนของจีนถือเป็นกรณีล่าสุดในข้อพิพาทอันยืดเยื้อระหว่างแอ๊ปเปิ้ลกับควอลคอมม์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องทางกฎหมายหลายสิบคดีทั่วโลก แอ๊ปเปิ้ลยังฟ้องควอลคอมม์ว่าดำเนินการจดทะเบียนอย่างไม่เป็นธรรม และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจีนแล้ว

    เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ธ.ค.) ควอลคอมม์ ได้ยกระดับการต่อสู้ของตนด้วยการขอให้ศาลขยายคำสั่งแบนไอโฟนครอบคลุมไปถึงรุ่นล่าสุดของแอ๊ปเปิ้ลที่เปิดตัวเมื่อไม่ถึง 2 เดือนที่แล้ว คาดว่าเปกาตรอนจะยังได้รับการยกเว้นเช่นเดิม เนื่องจากมีข้อตกลง ขออนุญาตใช้ซอฟต์แวร์

    คำสั่งศาลชั้นต้นระบุว่า ควอลคอมม์แย้งว่า "คำตัดสินและคำสั่งในคดีนี้ไม่มีผลบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์มือถือที่ผลิตโดยเปกาตรอน คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นตัวแทนของแอ๊ปเปิ้ล อิงค์"

    คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลายากลำบากสำหรับแอ๊ปเปิ้ล ซึ่งประสบกับยอดขาย ที่น่าผิดหวังของไอโฟนรุ่นใหม่ทั่วโลก บริษัทพยายามดิ้นรนเพื่อกระตุ้นการเติบโตในจีน ท่ามกลางการผงาดของ "หัวเว่ย" คู่แข่งเจ้าถิ่น ซึ่งแซงหน้าแอ๊ปเปิ้ลเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกเมื่อต้นปีนี้ขณะเดียวกัน ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีแนวโน้ม ที่จะลดลงอีกในปี 2561

    แหล่งข่าว 2 รายที่รู้เรื่องยอดขายในจีนของแอ๊ปเปิ้ล เผยว่า จีนคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายไอโฟนรวม 1.667 แสนล้านดอลลาร์ของบริษัทสำหรับปีงบการเงิน 2561 และสำหรับทั้งปีนี้นับถึงปัจจุบัน ประมาณ 6% ของรายได้ไอโฟนทั้งหมดมาจากยอดขาย มือถือรุ่นก่อนๆ เช่น ไอโฟน 6เอส และไอโฟน เท็น ในจีน หากพิจารณาจากการที่ผู้บริโภคหันมา ซื้อมือถือรุ่นใหม่กว่ามากขึ้น คาดว่า คำสั่ง ห้ามฟอกซ์คอนน์และวิสตรอนผลิตไอโฟนรุ่นเก่าจะกระทบยอดขายของแอ๊ปเปิ้ลราว 5,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 หรือ 3% ของรายได้ไอโฟนทั้งหมด

    แหล่งข่าว 2 รายเดิมเสริมว่า ผลกระทบนี้ อาจลดลงครึ่งหนึ่งมาอยู่ที่ราว 2,500 ล้านดอลลาร์ หากเปกาตรอนได้รับการยกเว้น และ หากในภายหลัง แอ๊ปเปิ้ลตัดสินใจขอให้ เปกาตรอนเพิ่มการผลิตไอโฟน ผลกระทบก็จะลดลงไปอีก

    แอ๊ปเปิ้ลและควอลคอมม์เปิดศึกฟ้องร้องทางกฎหมายมาตั้งแต่ต้นปี 2560 เกี่ยวกับ ค่าธรรมเนียมการขออนุญาต ปมขัดแย้งนี้ปะทุขึ้นหลังบริษัทสมาร์ทโฟนที่มีกำไรมากที่สุดในโลกขอให้ผู้ผลิตไอโฟนของตนอย่างฟอกซ์คอนน์ เปกาตรอน และวิสตรอน ยุติการจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่ควอลคอมม์ในนามของแอ๊ปเปิ้ล

    นอกจากนั้น แอ๊ปเปิ้ลยังกล่าวหา ควอลคอมม์ว่าดำเนินการจดทะเบียนอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่ควอลคอมม์ตอบโต้กลับโดยอ้างว่ายักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนอเมริกันละเมิดสิทธิบัตรของตน ควอลคอมม์ลงนามสัญญากับผู้ประกอบชิ้นส่วนไอโฟน 3 รายแยกกัน โดยตกลงให้มีเงื่อนไขค่าลิขสิทธิ์แตกต่างกัน ภายใต้ข้อปฏิบัติก่อนหน้านี้ บรรดาผู้ผลิตไอโฟนจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่ควอลคอมม์ในนามของแอ๊ปเปิ้ล ซึ่งจ่ายเงินส่วนนี้ให้กับซัพพลายเออร์ของตนในภายหลัง

    "การเจรจากับควอลคอมม์ของ ผู้ประกอบชิ้นส่วนไอโฟนแต่ละราย มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย" แหล่งข่าวที่รู้เห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้โดยตรงเผยกับนิคเกอิ และว่า "สิทธิบัตรที่เปกาตรอนทำกับ ควอลคอมม์มีความครอบคลุมมากกว่าของฟอกซ์คอนน์และวิสตรอน นั่นเป็นเหตุผลที่ เปกาตรอนได้รับการยกเว้นในกรณีนี้"

    ควอลคอมม์ยืนยันกับนิคเกอิ เอเชียน รีวิว เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ไอโฟนที่ผลิตโดยเปกาตรอนได้รับการยกเว้นจากคำสั่งห้ามของศาลจีน

    "เปกาตรอนได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรทั้ง 2 ฉบับซึ่งศาลจีนตัดสินว่าแอ๊ปเปิ้ลละเมิดลิขสิทธิ์" ผู้ผลิตชิพรายนี้ระบุ และว่า "คอมพาล อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตไอแพดของแอ๊ปเปิ้ลก็ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตร 1 ใน 2 ฉบับดังกล่าว"

    ขณะที่สงครามการค้าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันระหว่าง 2 เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก อาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มของแอ๊ปเปิ้ล และซัพพลายเชน ที่ฝังรากลึกในจีนของบริษัท แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน อ้างว่า ช่วงเวลา ที่ศาลจีนออกคำสั่งแบนไอโฟน เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อแสดงให้รัฐบาลวอชิงตันเห็นว่า จีนยังสามารถทำให้บริษัทสหรัฐเจ็บปวดได้ แม้การลงโทษครั้งนี้ถือว่ายังไม่รุนแรงมากก็ตาม

    ถัง ซู่-เสียน ประธานบริหารของ เปกาตรอน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขายังไม่เห็นคำตัดสินของศาลและไม่สามารถยืนยันได้ว่าบริษัทได้รับการยกเว้นจากคำสั่งศาลหรือไม่ ขณะที่แอ๊ปเปิ้ลยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้

    สมาร์ทโฟนที่ผลิตโดย'เปกาตรอน'หนึ่งในผู้ประกอบชิ้นส่วนไอโฟน รายสำคัญของแอ๊ปเปิ้ล ได้รับการยกเว้นจากคำสั่งแบนนี้

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    - Apple Says China iPhone Ban Would Force Settlement With Qualcomm: https://www.bloomberg.com/news/arti...hone-ban-would-force-settlement-with-qualcomm
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Dec 15) [วิเคราะห์] 4 ปีผ่านไปธนาคารในไทยลดสาขากว่า 300 แห่ง แล้วพนักงานแบงก์-ลูกค้าต้องปรับตัวอย่างไร? ช่วงนี้เห็นสาขาธนาคารยุบไปรวมกับสาขาใกล้ๆ ไม่ก็ย้ายไปตั้งอยู่บนห้างฯ แต่ใครจะรู้ว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาสาขาธนาคารลดลงกว่า 300 สาขา!! แล้วพนักงานสาขาเขาจะไปทำอะไรกัน ลูกค้าจะติดต่อแบงก์อย่างไร

    แบงก์ชาติเผย 4 ปีนี้ธนาคาร “ยุบ โยก ย้าย” สาขากว่า 300 แห่ง

    Brandinside ค้นข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า เดือนพ.ย. 2561 นี้สาขาธนาคารทั้งระบบอยู่ที่ 6,734 สาขา ลดลงกว่า 327 สาขาจากปลายปี 2558 ที่อยู่ 7,061 สาขา

    โดยธนาคารที่ปิดสาขามากที่สุดคือ ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ปิดสาขาไป 136 สาขา รองลงมาคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดไป 100 สาขา และธนาคารกรุงไทย (KTB) ปิดสาขาไป 94 สาขา แต่แบงก์ใหญ่ที่เพิ่มสาขาคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) 28 สาขา และธนาคารกรุงเทพ (BBL) เพิ่มขึ้น 25 สาขา

    ผู้บริหารหลายธนาคารไม่ว่าจะ KBank SCB KTB ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สาขาของธนาคารต้องเปลี่ยนได้แล้ว ทั้งเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่ให้บริการทุกสิ่งอย่าง หันมาให้บริการเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น ให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เป็นที่ปรึกษาให้ SME เจาะลูกค้ากลุ่ม Wealth รวมไปถึงการพัฒนาสาขาที่มีแต่เครื่องอัตโนมัติไม่ต้องมีพนักงานในสาขา

    อย่างที่เราเห็นสาขารูปแบบใหม่ เช่น K ONLINESHOP SPACE ให้บริการลูกค้าที่อยากทำธุรกิจออนไลน์ SCB Express สาขาที่ทำธุรกรรมผ่านตู้อัตโนมัติได้ง่ายขึ้น (แต่มีพนักงานช่วยแนะนำ) BAY และ KTB ที่เปิดตัวสาขาเพื่อลูกค้า Wealth

    ปิดสาขาแล้วพนักงานแบงก์จะไปทำอะไร?

    สารัชต์ รัตนาภรณ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าบุคคลและผู้บริหารสูงสุดเครือข่ายสาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า ปัจจุบันสถิติธุรกรรมช่องทางสาขาของ SCB ลดลง 20% จาก 13 ล้านรายการ/เดือน เหลือ 10 ล้านรายการ/เดือน และถ้าปี 2019 ถ้ายังเห็นธุรกรรมที่สาขาลด อาจะเห็นการลดอีก 100-124 สาขา จากปี 2018 ที่ปิดสาขาไปแล้วกว่า 140 สาขา

    “ลูกค้าเปลี่ยนมาทำธุรกรรมบนมือถือมากขึ้น หลังจากมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมช่องทางดิจิทัล ส่วนสาขาแบงก์ที่ปิดไปกว่า 140 สาขา ทำให้เรายกระดับพนักงานเป็นที่ปรึกษาการเงินได้ 2,000 คน ขณะเดียวกันแม้ว่าปีนี้สาขาจะลดลงมากที่สุด แต่ลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านคนจากก่อนหน้าอยู่ที่ 14 ล้านคน”

    ธนาคารต้องอยู่ทุกที่ที่มีคนหรือไม่ต้องไปตั้งสาขาเองก็ได้?

    เมื่อสาขาธนาคารต้องเข้าถึงไลฟ์สไตล์ เข้าถึงคนทุกกลุ่มมากขึ้นไม่ว่าจะผู้สูงอายุ หรือคนรุ่นใหม่ ดังนั้นสาขาต้องเป็นให้มากกว่าสาขาธนาคาร อย่งตอนนี้เราจะเห็นสาขาที่ Stand alone ที่ตั้งอยู่เป็นเอกเทศจะลดลง สาขาแบงก์จะเข้าไปอยู่ในจุดที่มีคนเยอะๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ชุมชน ฯลฯ มากขึ้น

    แต่การปิดสาขาไมได้แปลว่าธนาคารจะไม่มีจุดบริการลูกค้า เพราะธนาคารเริ่มมองหาตัวแทนเพื่อให้บริการทางการเงิน อย่าง Banking Agent เช่น ไปรษณีย์ไทย ที่เป็นตัวแทนให้บริการรับฝากเงินจากหลายธนคาร ตู้บุญเติมที่ร่วมมือกับ BAY และร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ที่รับฝาก-ถอนเงิน รวมไปถึงความร่วมมือกับ เทเลคอม เช่น AIS ร่วมกับแบงก์ CIMB Thai เปิด Beat Banking ธนาคารดิจิทัลขึ้นมา

    แน่นอนว่าทุกธนาคารต้องปรับใช้เทคโนโลยีกับสาขาธนาคาร และเพิ่มบริการการเงินใหม่ๆ ล่าสุดธนาคารหันไปร่วมมือกับ Non-Bank คือ KBank จับมือกับ LINE ตั้งบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เพื่อเจาะประชากรไทยกว่า 44 ล้านคนที่ไม่มีบัญชีธนาคาร แต่แบงก์ดิจิทัลก็มีในไทยมานานแล้วเช่น ME by TMB และ Beat Banking

    แต่แบงก์เล็กยังต้องขยายสาขาเพราะอะไรล่ะ?

    ธนาคารขนาดเล็กอย่าง CIMB Thai เคยบอกว่าจะมุ่งสู่ดิจิทัลไม่เน้นสาขาแล้วปัจจุบันมีอยู่ 84 สาขา จากปี 2555 มีอยู่ถึง 165 สาขา ด้าน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไทย ที่ปัจจุบันเหลือแค่ 1 สาขา จากปี 2555 มีอยู่ 27 สาขา ที่ลดลงขนาดนี้เพราะแบงก์เปลี่ยนนโยบายขายธุรกิจรายย่อยออกไปจากพอร์ททั้งหมด เหลือแต่ลูกค้ารายใหญ่สาขาเลยดูไม่จำเป็นอีกต่อไป

    แต่แบงก์เล็กอีกหลายที่ที่เพิ่มสาขาอย่างเข้มข้นคือ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย แม้ปัจจุบันจะมีแค่ 209 สาขา แต่ขยายตัวรวดเร็วมากจากปี 2558 ที่มีอยู่ 74 สาขา

    วิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อยในเครือ บมจ.ไทยประกันชีวิต บอกว่า เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายย่อยในตลาดสดที่มีอยู่กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีอยู่ 1 ล้านราย ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อไม่มีหลักประกันเพิ่มขึ้น เช่น นาโนไฟแนนซ์

    แบงก์อื่นๆ จำนวนสาขายังมีการปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง เพราะตัวเลขที่ปิดสาขาวันนี้อาจจะเปิดเพิ่มในช่วงปีหน้าถ้าเขาหาที่ตั้ง หรือรูปแบบี่เหมาะสมได้แล้ว

    โดย Chutinun Sanguanprasit (Liu)

    สรุป

    ธนาคารยังต้องมีสาขาเพื่อให้บริการลูกค้าต่อไป แต่จะต้องเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนบริการที่อยู่ในสาขาให้ตอบสนองลูกค้าได้มากที่สุด เช่น ที่ปรึกษาการลงทุน ฯลฯ โดยเฉพาะบริการการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ปีหน้าแบงก์จะแข่งกันให้สินเชื่อผ่านแอพฯ คงต้องจับตาว่าแบงก์ในอนาคตจะพัฒนาเป็นแบบไหน?

    Source: Brandinside.asia
    https://brandinside.asia/bank-branch-decrease-digital-banking-growth/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_5877.JPG
    (Dec 15) จับหัวเว่ยสกัดจีนยึด5จี : เอกชนชี้ผู้บริหารหัวเว่ยถูกจับ เบื้องหลังสกัดจีนครองเจ้าเทคโนโลยี 5 จี โลก เด้ง 2 ช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองสหรัฐฯถกจีน บีบรับเงื่อนไขสงครามการค้า สรท.สั่งพร้อมรับมือเต็มพิกัด ขณะจีนเอาคืนมะกันยกแรก ห้ามขายไอโฟน 7 รุ่น

    การจับกุมตัวนางเมิ่งหวันโจว (Meng Wanzhou) ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน หรือ CFO บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยีฯ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจด้านสื่อสารจีนของแคนาดาตามคำขอของสหรัฐ อเมริกา และให้ส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าบริษัท สกายคอมฯ บริษัทลูกของหัวเว่ยได้ทำธุรกรรมโดยละเมิดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่มีต่ออิหร่านนั้น

    นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" โดยมองกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองที่สหรัฐฯและจีนแข่งกันเป็นใหญ่ของโลก โดยสหรัฐฯห้ามค้าขายกับอิหร่าน แต่จีนไม่ฟังเลยถูกสั่งสอน ซึ่งเวลานี้ทั้ง 2 ประเทศกำลังงัดข้อประลองกำลังว่าใครใหญ่กว่าหรือมีอำนาจต่อรองมากกว่า ส่วนกรณีสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายประลองกำลังกัน ซึ่งเวลานี้แม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะพักรบชั่วคราว และเปิดเจรจาต่อรองเพื่อคลี่คลายปัญหากันใน 90 วันซึ่งต้องดูต่อไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

    "ช่วง 90 วันที่เขาเจรจากัน การส่งออกของไทยคงไม่กระทบมาก แต่ผมมองแง่บวกสงครามการค้าจะทำให้จีนมาลงทุนในไทยมากขึ้น เพราะหากยังอยู่ในประเทศเขาก็ไม่มีความมั่นคง"

    นายบัณฑูร วงศ์สีลโชติ รองประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจับกุมตัวผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ย ส่วนหนึ่งชี้ให้เห็นว่า สหรัฐฯ เกรงกลัวธุรกิจด้าน 5จี ของจีนจะครองตลาดโลกล้ำหน้าเหนือสหรัฐฯ เพราะปีนี้หัวเว่ยขายโทรศัพท์มือถือได้มากกว่าไอโฟน เป็นอันดับ 1 สำหรับตลาดอุปกรณ์โครงสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมของโลก มีเทคโนโลยี 5จี เหนือกว่าสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้สหรัฐฯก็กล่าวหาโดยไร้หลักฐานว่า เทคโนโลยี 5จี ของหัวเว่ย อาจเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลจีนใช้ล้วงความลับของนานาประเทศได้ จึงได้ชักชวนออสเตรเลีย อังกฤษ อียู และญี่ปุ่น แบนการใช้สินค้าของหัวเว่ย ถือเป็นการกีดกันการค้า เพื่อขัดขวางไม่ให้ธุรกิจของหัวเว่ยเติบโตได้ ดังนั้นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯจึงยังต้องดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ และในรูปแบบต่างๆ อีกนานหลายปี การพักรบ 90 วันจึงจะไม่ส่งผลให้เกิดความตกลงระหว่างกันได้

    "เรื่องหัวเว่ยจะทำให้สหรัฐฯได้เปรียบจีนขึ้นมาทันที เพราะสามารถไปเพิ่มแรงกดดันไปให้จีนยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐ เพื่อให้นางเมิ่งได้รับการปล่อยตัว หากจีนทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ก็จะเสียประโยชน์ด้านการค้ามหาศาล แต่หากจีนไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง ก็จะเสียศักดิ์ศรีที่คนของตัวเองถูกจับ ซึ่งไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงซีเอฟโอของบริษัทใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน"

    อย่างไรก็ดีสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่คาดจะยังดำรงอยู่ต่อไป จะมีผลกระทบกับไทยทั้งด้านบวกและด้านลบ ด้านบวกคือ คาดจะมีการลงทุนในไทยของจีนและจากนานาประเทศที่ผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯมากขึ้น แต่เรื่องการลงทุนของต่างชาตินี้ เวียดนาม มาเลเซีย รวมถึงสิงคโปร์จะได้เปรียบไทย เพราะเป็นสมาชิกของความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(CPTPP) ซึ่งจะดึงการลงทุนได้มากกว่า ส่วนด้านลบคือจะทำให้เศรษฐกิจโลกเติบโตช้าลง และแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกอันเกิดจากปัญหาหนี้เสียในจีน และในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศในสหภาพยุโรป (อียู)

    นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)มองต่างมุมว่า การจับกุมผู้บริหารหัวเว่ยในครั้งนี้คงไม่มีผลต่อการเจรจาต่อรองทางการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ต้องดำเนินการต่อไปใน 90 วัน ส่วนการกดดันสหรัฐฯให้ปล่อยตัวผู้บริหารของหัวเว่ยก็ว่ากันไป ทั้งนี้การเจรจาต่อรองเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าสหรัฐฯ-จีน คาดจะเห็นภาพทิศทางที่ชัดเจนในต้นปีหน้า ซึ่งเมื่อเห็นทิศทางที่ชัดเจนแล้วทางสรท.จะได้ประชุมหารือสมาชิกเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุกและรับเพื่อผลักดันการส่งออกของไทยต่อไป

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ศาลเมืองฟูโจวของจีนได้มีคำตัด สินให้บริษัท ควอลคอม อิงค์ฯ ผู้ ผลิตชิปรายใหญ่สำหรับสมาร์ทโฟน ชนะคดีฟ้องร้องบริษัทแอป เปิล อิงค์ฯ กรณีละเมิดสิทธิบัตร 2 ฉบับของควอลคอม โดยศาลมีคำสั่งให้บริษัทในเครือของแอปเปิล 4 บริษัทในจีน ห้ามนำเข้าและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ "ไอโฟน" 7 รุ่นเป็นการชั่วคราว ได้แก่ ไอโฟน 6S, ไอโฟน 6S Plus,ไอโฟน 7, ไอโฟน 7 Plus, ไอโฟน 8, ไอโฟน 8 Plus และไอโฟน X (ไอโฟนทั้ง 7 รุ่น มีส่วนแบ่งตลาด 10-15% ของยอดขายไอโฟนทั้งหมดในจีน) นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับกรณีพิพาทจากสิทธิบัตรและค่าลิขสิทธิ์ของ 2 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ถือเป็นสัญญาณการเอาคืนสหรัฐฯยกแรกของจีนได้เริ่มขึ้นแล้วในกรณีจับผู้บริหารหัวเว่ย

    Source: ฐานเศรษฐกิจ
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thanong Fanclub


    Mike Pompeo รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐบอกว่าการจับกุมตัวชาวแคนาดาสองคนของจีนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย


    ขำๆ บอมบ์อิรัค บอมบ์อัฟกัน บอมบ์ลิเบีย บอมบ์ซีเรียถูกกฎหมายตรงไหน


    ในวันศุกร์ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแคนาดาเจ๊ฟรีแลนด์ได้บินไปหาปอมเปโอและนายพล เจมส์ แมคติสิรมวกลาโหมที่กรุงวอชิงตันดีซีเพื่อหารือการที่ชาวแคนาดาสองคนถูกจับกุมตัวและเรื่องของเจ้าหญิงหัวเหว่ย โดยยังย้ำว่าคดีหัวเหว่ยการเมืองต้องไม่เข้าไปแทรกแซง


    อ้าวคดีหัวเหว่ยการเมืองต้องไม่เกี่ยว แล้วทำไปเจ๊ไปเจอบอสของเพนตากอน แล้วเอาทหารมาเกี่ยว


    ทูตแคนาดาประจำกรุงปักกิ่งได้เข้าเยี่ยม007ในกรุงปักกิ่งแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งคือ008 นายกรัฐมนตรีจัสตินทรูโดของแคนาดาบอกว่าทางทูตแคนาดาจะได้เข้าเยี่ยมในไม่ช้า


    แคนนาดาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก แล้วจะหาทางลงอย่างไร ในเมื่อยังดึงดันจับเจ้าหญิงหัวเหว่ยเป็นตัวประกันอยู่


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุมานมุนี มุ ฤกษ์อัศวบุญชัย


    ประกาศเตือนที่เบลเยี่ยม
    IMG_5878.JPG

    ลามไป 7 ประเทศแล้ว

    สวีเดน ฮังการีด้วย

    ม่วย นนท์ลือชา ส่งมาเตือนตอนดึก ขอบคุณมากๆจ้า

    หรือจะเกิดยูโรเปี้ยนสปริงในฤดูหนาวนี้

    กระแสชาตินิยมมาแรงในยุโรป

    ที่อังกฤษมีกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง ปิดสะพานประท้วงว่าทำไมยังไม่ออกจาก อียูซักที หรือที่เรียกว่าBrexit

    Exit คือ ทางออก ในโรงหนังงัย

    Brexit คือ European Revolt แนวชาตินิยม

    ทางออก ของไทยคือ เดินหมุน แล้ว ยิ้มอ่อน แบบนางงามฟิลิปปินส์

    มีความเซ็กซี่

    สวัสดีตอนเช้าจ้า ทุกๆคน

    วันนี้อากาศดีมากๆ

    แต่ที่ฝรั่งเศส คนบอกว่าไม่มีเงินไปกินข้าวนอกบ้านแล้ว ไม่มีเงินแม้แต่จะกินแมคโดนัลด์

    การไม่มีเงินซื้อของขวัญคริสท์มาสให้เด็กคือสิ่งที่เลวร้ายมากของชาวยุโรป

    ความเชื่อที่ผิดพลาดของระบบสังคมแบบยูโรเปี้ยนกำลังถูกเปิดโปง

    รัฐสวัสดิการ ไปไม่รอด เงินไม่พอ มีคนมาขอแบ่งเพิ่มเยอะที่เรียกว่าrefugee หรือImmigrant จากทั่วโลก

    โลกหลังสงครามโลกครั้งที่สองกับโลกปัจจุบันต่างกันมาก

    จะเล่าให้ฟัง

    ผีเสื้อขยับปีก สะเทือนโลก ผีเสื้อสีขาว

    น่าจะยาวครับ


    cr ม่วย นนท์ลือชา


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘งานดินเนอร์ของสปายใหญ่ 5 ชาติตะวันตก’เบื้องหลังการประสานงานเข้าโจมตีเล่นงาน ‘หัวเว่ย’
    เผยแพร่: 15 ธ.ค. 2561 08:07 โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์
    561000012912901.jpg

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    The secret spy dinner behind coordinated assault on Huawei

    By Asia Times staff
    14/12/2018

    ตั้งแต่ก่อนหน้าการจับกุม เมิ่ง หว่านโจว บุตรสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย เสียอีก พวกหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของ 5 ชาติตะวันตก ได้แก่ สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และนิวซีแลนด์ ได้มีการหารือกันเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์สกัดกั้นไม่ให้เครือข่ายสื่อสารไร้สายของจีนแผ่ขยายไปทั่วโลก

    การที่แคนาดาเข้าจับกุม เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวตัวโตดึงดูดความสนใจอย่างกว้างขวางในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าการกระทำการโดยใช้อำนาจตำรวจเข้าปราบปรามครั้งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างมีการประสานร่วมมือกันของหลายชาติตะวันตก ซึ่งพุ่งเป้าหมายเล่นงานยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสารโทรคมนาคมของจีนรายนี้

    ข้อเขียนชิ้นหนึ่งซึ่งเผยแพร่อยู่ในหนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิ่งเฮอรัลด์ (Sydney Morning Herald) ของออสเตรเลีย ฉบับวันพฤหัสบดี (13 ธ.ค.) ที่ผ่านมา (ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.smh.com.au/business/com...-campaign-to-kill-huawei-20181213-p50m24.html) ได้บรรยายความเรื่องที่พวกหัวหน้าหน่วยข่าวกรองจาก 5 ชาติตะวันตกซึ่งใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง และได้จับมือแลกเปลี่ยนด้านการข่าวมายาวนานหลายสิบปีในนามของ “ไฟฟ์ อายส์” (Five Eyes) (ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และนิวซีแลนด์) มีการคบคิดวางแผนกโลบายลับๆ เพื่อผลักดันตีโต้ความทะเยอทะยานระดับโลกของหัวเว่ยให้ถอยหลังกลับไป

    พวกนายใหญ่ของหน่วยงานสปายสายลับเหล่านี้มีการประชุมกันอย่างคร่ำเคร่งที่กรุงออตตาวา เมืองหลวงของแคนาดา หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้มาดินเนอร์กันที่รีสอร์ตริมชายฝั่งรัฐโนวาสโกเชีย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ข้อเขียนของซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์บอกว่า การถกเถียงอภิปรายของบิ๊กบอสสำนักงานข่าวกรองเหล่านี้ รวมศูนย์อยู่ที่ปัญหาหนึ่งเดียว นั่นคือ “หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้ควรหรือไม่ที่จะแถลงออกข่าวต่อสาธารณชนในเรื่องความวิตกกังวลของพวกเขาเกี่ยวกับประเทศจีน?”

    ขณะที่ไม่ใช่ทุกๆ คนเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องออกมาพูดกับสาธารณชนในประเด็นปัญหาดังกล่าว แต่หลังจากการหารือครั้งนั้นแล้ว การรณรงค์เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ หัวเว่ย ได้เป็นผู้ซัปพลายอุปกรณ์สำหรับใช้ในเครือข่ายสื่อสารไร้สายรุ่นที่ 5 (5 จี) ก็เพิ่มความคึกคักกระตือรือร้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

    บริติช เทเลคอม (British Telecom หรือ BT) บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ออกมาประกาศว่าตนจะโละทิ้งเครื่องมืออุปกรณ์ซึ่งทำในจีน เพียงไม่กี่วันหลังการจับกุมเมิ่ง ขณะที่สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, และนิวซีแลนด์ ได้แถลงตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วว่า พวกเขาจะไม่ใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย ในเครือข่ายสื่อสารไร้สายรุ่นหน้าของพวกเขา

    ออตตาวานั้นยังไม่ได้ประกาศแบน หัวเว่ย จากเครือข่าย 5 จีของตน แต่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองระดับท็อปของแคนาดาก็ได้ออกมากล่าวเตือนสาธารณชนอย่างเปิดเผยถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากไม่กระทำเช่นนั้น ในสัปดาห์เดียวกันกับที่มีการรวบตัว เมิ่ง ที่สนามบินเมืองแวนคูเวอร์ ข้อเขียนของซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ยังทำนายเอาไว้ว่า “การแบน หัวเว่ย และ แซดทีอี อย่างเป็นทางการจากออตตาวานั้น ได้รับการคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

    “เกมใหญ่ของการประจันหน้าทางการเมืองและการทูตครั้งใหม่ กำลังเดินหน้ากันแล้ว เท่าที่ผ่านมาโลกตะวันตกมีความเชื่องช้าในการลงมือปฏิบัติการ แต่ถึงตอนนี้กำลังมีการลงมือปฏิบัติการกันแล้ว” ข้อเขียนชิ้นนี้ของซิดนีย์มอร์นิ่งเฮรัลด์ ตบท้าย

    https://m.mgronline.com/around/detail/9610000124235
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,257
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Thailand Development Report


    ขอมาอัพเดทเรื่องพลังงานซักหน่อย ก็ถือเป็นข่าวสารด้านการพัฒนาประเทศที่สำคัญประเด็นหนึ่ง


    จากในข่าว PDP2018 (แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าแห่งชาติ) ฉบับยังไม่เป็นทางการ ได้ระบุเป้าหมายการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าในอีก 20 ปีข้างหน้า จะมาจาก ก๊าซธรรมชาติ 53% พลังงานหมุนเวียน 20% ถ่านหิน 12%


    เป็นผลมาจากการยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 MW โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา 2000 MW และเปลี่ยนแผนเป็นการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่สุราษฎร์ 1400 MW แทน รวมทั้งถอดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกจากที่เคยมีในแผนฉบับ PDP2015


    นอกจากนี้ในข่าวถือว่ายังขาดอีก 15% คาดว่าจะเป็นการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจากลาวที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าราคาถูก


     

แชร์หน้านี้

Loading...