ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %3A%2F%2Fassets.nst.com.my%2Fimages%2Farticles%2Fmoro3_NSTfield_image_socialmedia.var_1544150817.jpg

    (Dec 7) สื่อเผยญี่ปุ่นเตรียมสั่งแบนการจัดซื้อสินค้าอุปกรณ์จาก หัวเว่ย- แซดทีอี: รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนที่จะระงับการการซื้อสินค้าจำพวกอุปกรณ์เทคโนโลยี จากหัวเว่ย เทคโนโลยี่ และแซดทีอี ซึ่งเป็นสองบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายความมั่นคง หลังจากที่ทางการสหรัฐและบางประเทศได้ระงับการสั่งซื้ออุปกรณ์จากบริษัทเหล่านี้ในช่วงก่อนหน้านี้

    หนังสือพิมพ์โยมิอุริรายงานว่า หน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่นจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวในการประชุมซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์นี้ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นอาจทำการทบทวนกฏระเบียบภายในเกี่ยวกับการจัดซื้อสินค้าดังกล่าวในวันจันทร์นี้ เพื่อป้องกันปัญหาการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ต

    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจระงับการซื้อสินค้าอุปกรณ์จากหัวเว่ยในปีนี้ และเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีแนวโน้มบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวนางเหม็ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทหัวเว่ย ตามคำขอของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าทางบริษัทอาจลักลอบขายสินค้าให้กับอิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร

    ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำแคนาดาได้ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแคนาดา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงรายนี้โดยเร็ว

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รณชัย ชายผา/รัตนา

    https://www.nst.com.my/world/2018/1...NNbUcU9Sg9zfkUz5F-wqh-5w3pYlSU_X3gJOkz97zkBC0
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    7&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fcdn.images.express.co.uk%2Fimg%2Fdynamic%2F1%2F750x445%2F1054531.jpg

    (Dec 7) รัฐสภาสหราชอาณาจักรยังคงยืนยันว่าจะมีการลงคะแนนเสียงเพื่อรับรองข้อตกลง Brexit ฉบับปัจจุบันของ นาง Theresa May นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในวันอังคารที่ 11 ธ.ค. 2018: นาย Andrea Leadsom - leader of the House of Commons กล่าวว่า รัฐสภาสหราชอาณาจักรจะมีการลงคะแนนเสียงต่อมติ Brexit deal ในวันอังคารที่ 11 ธ.ค. ตามแผนเดิม แม้รัฐมนตรีอาวุโสหลายท่านพยายามเรียกร้องให้ นาง Theresa May นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เลื่อนการลงคะแนนเสียงดังกล่าวออกไป เนื่องจากกังวลว่า นาง May อาจได้รับความพ่ายแพ้อย่างมากจนกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

    นาง May ระบุว่า มีการหารือร่วมกันระหว่างคณะรัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อความกังวลในประเด็น Backstop ระหว่างเขตแดนบนเกาะไอร์แลนด์ ซึ่งอาจมีการเสนอให้สภามีอำนาจมากขึ้นในประเด็นดังกล่าว โดยทางเลือกหนึ่งที่อาจเป็นไปได้คือ การให้สภามีอำนาจตัดสินใจเลือกว่าจะขยายระยะเวลา transition period ออกไปจากกำหนดเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ Backstop หรือไม่

    นาย Philip Hammond – British’s Chancellor ระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะมีโอกาสเจรจา Divorce deal ฉบับใหม่กับสหภาพยุโรปหากข้อตกลงของนาง May ไม่ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา โดยทางเลือกนอกเหนือจากข้อตกลงฉบับปัจจุบัน คือ 1) ไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) หรือ 2) ไม่มี Brexit เกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองกรณีจะทำให้ประเทศเกิดการแบ่งแยกและมีสังคมที่แตกร้าว

    ศาลสูงสุดของสหภาพยุโรปมีกำหนดจะประกาศคำตัดสินว่าสหราชอาณาจักรสามารถถอนความจำนงในการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแต่เพียงฝ่ายเดียวได้หรือไม่ในวันที่ 10 ธ.ค. 2018

    Source: BoTSS

    https://www.express.co.uk/news/uk/1...PFvGjMxVvbFk2OWhu0wFb4yn-D7xbCqcbXltmllVS3c50
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    s%2Fraw%2Fhttps%253A%252F%252Fwww.ft.com%252F__assets%252Fcreatives%252Fopen-graph%252Ffastft-v1.jpg

    (Dec 7) ศก.สหรัฐขยายตัวปานกลาง: รายงาน Fed Beige Book ซึ่งครอบคลุมภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคในช่วงกลางเดือน ต.ค. ถึงปลายเดือน พ.ย. (รวบรวมโดย Reserve Banks ทั้ง 12 ภูมิภาค) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวในลักษณะ “modest or moderate pace” ท่ามกลางความกังวลของผู้ประกอบการบางรายเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากผลกระทบของ tariff ขณะที่รายงานระบุถึงภาคการจ้างงานที่ตึงตัวมากขึ้นในทุกสาขาอาชีพ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคส่วนใหญ่ ปรับเพิ่มขึ้นในลักษณะ “modest” โดยต้นทุนราคาวัสดุมีการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าสินค้าสำเร็จรูป

    - Overall Economic Activity: รายงานจากภูมิภาคต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในลักษณะ “modest or moderate pace” ยกเว้นภูมิภาค Dallas และ Philadelphia ที่รายงานการชะลอตัว เมื่อเทียบกับครั้งก่อนหน้า ด้านภาคใช้จ่ายผู้บริโภคยังคงทรงตัว โดยยอดขายสินค้าประเภท non-auto ปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่ยอดขายรถยนต์ โดยเฉพาะรถมือสองมีการขยายตัวที่ดี ในส่วนของภาคบริการประเภท non-financial มีรายงานการขยายตัวจากทุกภูมิภาค ขณะที่ปริมาณการปล่อยกู้โดยรวมขยายตัวเล็กน้อย แม้จะมีการชะลอตัวในบางภูมิภาค ด้านรายได้ในภาคการเกษตร เป็นไปในลักษณะ “mixed” โดยมีรายงานถึงผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่สูงเกินไปจนสร้างความเสียหายให้พืชผลบางประเภท รวมถึงจาก tariff ที่ส่งผลให้เกิดการหดตัวของอุปสงค์

    - Employment and Wages: ภาคการจ้างงานมีการตึงตัวเพิ่มขึ้นในหลายสาขาอาชีพ โดยจำนวนภูมิภาคเกินกว่าครึ่งรายงานว่าผู้ประกอบการที่ไม่สามารถดึงดูดหรือรั้งตัวแรงงานที่มีคุณภาพเอาไว้ได้จะมีข้อจำกัดด้านการจ้างงาน การผลิต รวมถึงการขยายกิจการ โดยเฉพาะในภูมิภาค Chicago มีรายงานว่าพนักงานออกจากงานโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า นอกจากนี้ ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังส่งผลต่อการขยายตัวในภาคการจ้างงานในระดับหนึ่ง ขณะที่อัตราการขยายตัวของค่าจ้างมีการปรับเพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค โดยมีรายงานเกี่ยวกับการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของพนักงาน เช่น การเพิ่มจำนวนวันหยุดพักผ่อน การเพิ่มสิทธิการรักษาพยาบาล และการจ่ายโบนัส

    - Prices: ราคาสินค้าและบริการโดยรวมมีการปรับสูงขึ้นในลักษณะ “modest” ในภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยมีรายงานราคา finished goods ปรับสูงขึ้นอัตราที่ช้ากว่าราคาต้นทุน ทั้งนี้ มีรายงานว่าราคาที่ปรับสูงขึ้นจากผลของมาตรการ tariff ได้แผ่ขยายไปจากภาคการผลิตไปยังภาคการค้าปลีกและร้านอาหาร นอกจากนี้ หลายภูมิภาครายงานถึงราคาพลังงานที่ปรับลดลง ขณะที่ค่าขนส่งปรับเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับราคาบ้าน

    Source: BoTSS

    https://www.ft.com/content/c6e3b5b4...GksF7mj7IqeHF33RXiomI63syb3MbDKpAoMLmpDo693L8
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %2F2018%2F12%2F06%2Fchina-demands-canada-release-huawei-executive-arrested-in-vancouver%2Fhuawei.jpg

    (Dec 7) จีนเรียกร้องให้ปล่อยตัว นาง Wanzhou Meng,: สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นาง Wanzhou Meng, Chief Financial Officer และ Deputy chairwoman ของบริษัท Huawei Technologies Co. ถูกจับกุมตัวที่ประเทศแคนาดา ในข้อหาละเมิดการคว่ำบาตรประเทศอิหร่านของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีความตึงเครียดมากขึ้น ทั้งนี้ ทางด้านนาย Geng Shuang, โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางสหรัฐฯ และแคนาดา ชี้แจงเหตุผลในการกักขังและปล่อยตัวนาง Meng รวมถึงการปกป้องสิทธิทางกฎหมายของบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

    ขณะเดียวกัน นาย Ian McLeod, โฆษกกระทรวงยุติธรรมของแคนาดา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า นาง Meng จะถูกส่งตัวไปยังสหรัฐฯ โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ นาง Meng ได้ถูกจับกุมตัวตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้เปิดการสอบสวนในเดือน เม.ย. เรื่องบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมชั้นนำที่ยังคงขายสินค้าให้กับทางอิหร่าน ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการคว่ำบาตร อนึ่ง ทางด้านบริษัท Huawei ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทยังได้รับข้อมูลเรื่องการจับกุมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมยืนยันว่านาง Meng มิได้ทำการสิ่งใดผิด โดยทางบริษัทได้ดำเนินงานทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงเรื่องการควบคุมการส่งออก การคว่ำบาตร และกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ UN สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

    Source: BoTSS

    https://www.thestar.com/business/20...vJ9CugQjICo5qxchF_K-TZWrFE4h7tdQEJymZ-Gg0d6u4

    - แคนาดายันจับซีเอฟโอหัวเว่ยส่งสหรัฐไม่เอี่ยวการเมือง
    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/820600
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ns%2Fcnbc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F06%2F22%2F105288689-Al_Falih-OPEC.1910x1000.jpg

    (Dec 6) โอเปกเห็นพ้องลดการผลิตน้ำมัน แต่ยังไม่เคาะตัวเลขขั้นสุดท้าย ขณะรอรัสเซียพรุ่งนี้: ตัวแทนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายหนึ่ง กล่าวว่า สมาชิกโอเปกเห็นพ้องกันเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่ยังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับตัวเลขขั้นสุดท้าย

    ทางด้านนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า โอเปกจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากรัสเซียในการปรับลดกำลังการผลิต

    นายอัล-ฟาลีห์กล่าวว่า มีแนวโน้มว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังการหารือกับนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รมว.พลังงานรัสเซีย

    โอเปกระบุว่า ทางกลุ่มกำลังรอคำตอบจากรัสเซียเกี่ยวกับข้อเสนอตัวเลขการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซีย

    ทั้งนี้ นายโนวัคได้บินจากกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย กลับไปยังรัสเซียในวันนี้ เพื่อหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความร่วมมือของรัสเซียในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ก่อนที่นายโนวัคจะบินกลับมายังกรุงเวียนนาเพื่อเข้าร่วมการประชุมกับกลุ่มโอเปกในวันพรุ่งนี้

    โอเปกต้องการให้รัสเซียให้ความร่วมมือปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างน้อย 250,000-300,000 บาร์เรล/วัน อย่างไรก็ดี รัสเซียยืนกรานว่าสามารถให้ความร่วมมือลดกำลังการผลิตได้เพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าว

    นายโนวัคกล่าวว่า รัสเซียไม่สามารถปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้มากนักเมื่อเทียบกับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่น เนื่องจากรัสเซียจำเป็นต้องผลิตน้ำมันจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว

    ทั้งนี้ สมาชิกโอเปกจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับปีหน้าในการประชุมวันนี้ ก่อนที่ประเทศพันธมิตร เช่น รัสเซีย จะเข้าร่วมการประชุมในวันพรุ่งนี้

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Oil prices slide 3% as OPEC is seen cutting output less than expected
    https://www.cnbc.com/2018/12/06/oil...IA5-o9jCd-CAVYyPizIOgdWTAI65ZyCQbrFevi3QymVbA
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ications%2Fcnbc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2016%2F11%2F30%2F104137754-RTSTYU0.1910x1000.jpg

    (Dec 6) ประชุมโอเปกส่อวงแตก หลังอิหร่านยันไม่ลดกำลังการผลิตแม้แต่บาร์เรลเดียว: อิหร่านยืนยันว่าจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันแม้แต่บาร์เรลเดียว ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันนี้
    "อิหร่านจะไม่ให้ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหม่ เพราะอิหร่านไม่ได้ผลิตน้ำมันมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และไม่ใช่ความรับผิดชอบของอิหร่านในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว" นายบิจาน ซานกาเนห์ รมว.น้ำมันอิหร่าน กล่าว

    "เรื่องนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของประเทศที่ได้ผลิตน้ำมันมากขึ้นจนทำให้ราคาทรุดตัวลงจากการที่มีปริมาณน้ำมันมากเกินไปในตลาด และอิหร่านไม่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสถานการณ์ดังกล่าว" นายซานกาเนห์กล่าว

    "อิหร่านจะไม่ลดการผลิตน้ำมันแม้แต่บาร์เรลเดียว และอิหร่านควรได้รับการยกเว้นจากการให้ความร่วมมือปรับลดกำลังการผลิต" เขากล่าว
    ทั้งนี้ สมาชิกโอเปกจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับปีหน้าในการประชุมวันนี้ ก่อนที่ประเทศพันธมิตร เช่น รัสเซีย จะเข้าร่วมการประชุมในวันพรุ่งนี้

    Source : อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    https://www.cnbc.com/2018/12/06/cut...-MgxNKtWsZDoWJxQidOxR4cIT0K01NN42ZcZ0lxqsPM4Q
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2015%2F08%2F17%2F102925974-GettyImages-474177498.1910x1000.jpg

    (Dec 6) ศึกการค้าหนักอก กดดัน'หนี้จีน'คัมแบ็ก : ปี 2018 อาจนับได้ว่าเป็น "ปีชง" ที่น่าปวดหัวที่สุดในรอบหลายทศวรรษมานี้สำหรับ "จีน" เพราะถูกมหาอำนาจเบอร์ 1 สหรัฐ ประกาศสงครามด้วยครั้งใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่สงครามการค้าการขายปกติทั่วไป แต่ยังตั้งใจงัดกับจีนตั้งแต่เรื่องแผนการยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อสกัดความเสี่ยงที่จีนอาจขึ้นมาทาบรัศมีในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

    ตลอดทั้งปีนี้จีนต้องเผชิญปัญหาข้อพิพาทการค้ามาตั้งแต่ต้นปี ควบคู่ไปกับแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ที่ยังฉุดเงินทุนไหลออกและทำให้ตลาดหุ้นจีนออกอาการปั่นป่วนมาเป็นระยะ ซึ่งแรงกดดันเหล่านี้เองกำลังทำให้เรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องหนึ่งในจีนอย่าง "ปัญหาหนี้" กำลังเป็นที่จับตามองมากขึ้น

    แต่เดิมนั้นปัญหาหนี้ของจีนนับเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่สร้างความปวดหัวให้ปักกิ่งอยู่ก่อนแล้ว โดยเป็นผลพวงมาจากการเร่งกระตุ้นทางคลังครั้งใหญ่หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2008 และการบริหารจัดการของรัฐบาลท้องถิ่นที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้การก่อหนี้ของจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษก่อนๆ และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อจีนต้องเร่งจัดการปัญหาการผลิตส่วนเกินตามมา และความเสี่ยงในระบบการเงินที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากธนาคารเงา

    ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงเป็นช่วงที่รัฐบาลประธานาธิบดี สีจิ้นผิง มุ่งดำเนินมาตรการคุมความเสี่ยงทางการเงินอย่างเป็นระบบ โดยเอาจริงกับการดำเนินมาตรการลดหนี้ (Deleveraging) ที่อาจแบ่งได้เป็นส่วนของการควบคุมกลุ่มธนาคารเงา (Shadow Banking) ซึ่งมีความซับซ้อน และส่วนของการคุมหนี้ในภาคธุรกิจ ซึ่งมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ (SOE) ทำให้ความกังวลต่อปัญหาหนี้จีนเริ่มบรรเทาลงมา

    อย่างไรก็ดี สงครามการค้าที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงได้อย่างแท้จริงและถาวร อาจทำให้จีนต้องหันมาพักยกสงครามลดหนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและผ่อนคลายความตึงตัวของภาคธุรกิจในประเทศแทน ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์หนี้จีนกลับมาขยายตัวขึ้นหลังจากนี้

    หลี่กังหลิว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของซิตี้แบงก์ ให้มุมมองกับซีเอ็นบีซีเอาไว้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่มณฑล กว่างตงจัดออกมาช่วยเหลือผู้ส่งออกเมื่อไม่กี่เดือนนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของการปรับทิศหันมาผ่อนปรนมากขึ้น และคาดว่าจะได้ทยอยเห็นมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการเงินตามมาอีกหลังจากนี้

    ซิตี้แบงก์ประเมินว่าหากจีนต้องหันมาพักยกแผนลดหนี้เพื่อรับมือกับศึกการค้าแทน อาจส่งผลให้อัตราหนี้ต่อ จีดีพีในจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้งราว 12.3% ไปอยู่ที่ 274.5% ต่อจีดีพี ภายในสิ้นปี 2018 นี้ จากเดิมที่เคยลดลงได้เมื่อปีก่อน

    ขณะที่ แอนดรูว์ คอลลิเออร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทวิจัย โอเรียนท์ แคปิทัล ในฮ่องกง มองว่าในอีกแง่หนึ่ง นั้น การก่อหนี้เพิ่มอาจไม่ได้กลับไปกระจุกตัวในระบบหนี้แบงก์แบบเดิม แต่จะไปหาเงินกู้ในระบบธนาคารเงากันมากกว่า และอาจนำไปสู่ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้กระจายกันไปในแต่ละภาคส่วนของระบบการเงินมากขึ้น

    มุมมองนี้สอดคล้องกับรายงานหลายสำนักก่อนหน้านี้ว่า แม้จะไม่มีสงครามการค้าเข้ามากดดัน แต่ภาคธุรกิจจีนโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีลงมา ก็ต้องเจอกับผลกระทบของมาตรการลดหนี้กันแต่เดิมอยู่แล้ว เพราะเมื่อแบงก์ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น กลุ่มเอสเอ็มอี รายเล็กก็เข้าถึงเงินกู้ในระบบได้ยากขึ้นด้วย จึงต้องหันไปพึ่งธนาคารเงามากขึ้นแทน เช่นเดียวกับที่ธุรกิจปล่อยกู้แบบบุคคลสู่บุคคล (P2P) ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคการเงินออนไลน์ ก่อนจะเกิดปัญหาการล้มและรัฐต้องเข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวดในปีนี้

    แต่ยิ่งภาวะที่จีนกำลังเจอศึกหลายด้านอยู่ในวันนี้ ทำให้บรรยากาศทางธุรกิจในประเทศตึงตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยสะท้อนผ่านหลายด้านทั้งการบริโภคในประเทศที่ลดลงทั้งกลุ่มรถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือย การผลิตเริ่มชะลอตัวลง และกำลังทำให้ เอสเอ็มอีเข้าถึงเงินกู้ทั้งในและนอกระบบได้ยากขึ้น

    จุดนี้ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลหันมาตระหนักถึงมากขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากการที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หลิวเฮ่อ ส่งสัญญาณเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า จำเป็นต้องเข้าช่วยเหลือ เอสเอ็มอีในประเทศที่กำลังประสบปัญหา และตามมาด้วยการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสีกับตัวแทนบริษัทเอกชนที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำจีนยืนยันว่าจะออกมาตรการมาสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยที่เข้าถึงแหล่งเงินได้ลำบาก

    แม้จีนจะยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ออกมา ซึ่งสะท้อน ถึงความรอบคอบมากขึ้นจากเมื่อ 10 ปีก่อน และอาจเป็นเพราะไม่ต้องการ แก้ปัญหาใหม่โดยยิ่งทำให้ปัญหาเก่าลุกลามหนักขึ้นแทน แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าจีน คงจะต้องพักยกศึกหนี้ในประเทศเพื่อหันมาแก้ศึกเฉพาะหน้าก่อน ซึ่งอาจทำให้ปัญหาหนี้จีนกลับมาทยอยเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้จีนต้องกลับมานั่งแก้กันใหม่อีกครั้งในอนาคต อันใกล้นี้

    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ

    Source: Posttoday

    เพิ่มเติม
    - China's small businesses are having a hard time getting bank loans
    https://www.cnbc.com/2018/11/21/chi...YwFKR-sLBmWkDUbnkeAzk1ntbtcK9KVzwJY2-fDuyLV8w
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Matichon Online - มติชนออนไลน์
    UQa0v&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fwww.matichon.co.th%2Fwp-content%2Fuploads%2F2018%2F12%2F1-89.jpg
    รบ.ขึงขัง โต้ข่าวไทยเหลื่อมล้ำสุดในโลก อัด ข้อมูลเก่า-ไม่น่าเชื่อถือ สวนทางกับความจริง
    https://www.matichon.co.th/politics/news_1261528
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปิดฉากโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี เทพา หลังร่างPDP2018ให้กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าก๊าซฯทดแทน 06/12/2018 ; 4:05 pm

    pdp123-696x395.jpg

    สนพ.เปิดประชาพิจารณ์ร่างแผน PDP ฉบับใหม่ หรือPD2018 กำหนดให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 2 โรงที่สุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าระบบ ในปี 2570 และปี 2572 รวมกำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ แทนโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา เพื่อความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้ พร้อมเปิดให้เอกชนรายใหญ่เข้ามาสร้างโรงไฟฟ้าแข่งกับ กฟผ.อีก 1,000 เมกะวัตต์ ในโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก เข้าระบบในปี 2577

    ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ได้เปิดรับฟังความเห็น “การจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ฉบับใหม่ (PDP ฉบับใหม่)” ในพื้นที่ภาคใต้ขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยตามร่างแผน PDP ฉบับใหม่หรือ PDP2018 ภาคใต้ ได้กำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นผู้ดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 2 โรง ในพื้นที่จังหวัดสุราฎร์ธานี เพื่อความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้ โดยกำหนดให้สร้างขึ้นในปี 2570 ขนาด 700 เมกะวัตต์ และสร้างอีกโรงในปี 2572 ขนาด 700 เมกะวัตต์

    นอกจากนี้ ตามแผน PDP ฉบับใหม่ ยังกำหนดเปิดให้มีการแข่งขันสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 2 โรง สำหรับเอกชนผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) และกฟผ. โดยโรงแรกกำหนดให้แข่งขันเพื่อเข้าระบบในปี 2577 ขนาดกำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งกำหนดประเภทเชื้อเพลิงให้เป็นการแข่งขันสร้างโรงไฟฟ้าประเภทถ่านหิน หากผลการศึกษาของ “คณะกรรมการกำกับการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สำหรับพื้นที่จัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินในภาคใต้” เห็นควรให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ภาคใต้ได้ ส่วนโรงที่ 2 จะเปิดให้แข่งขันให้สร้างในปี 2578 ขนาดกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ เบื้องต้นเป็นการแข่งขันสร้างโรงไฟฟ้าประเภทก๊าซธรรมชาติ

    673216-300x210.jpg

    ด้านแหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในระยะยาวพื้นที่ภาคใต้ควรมีโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างน้อย 1 โรง เพื่อเป็นโรงไฟฟ้าหลักที่ราคาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าไม่แพง ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงไฟฟ้าในพื้นที่ได้ จึงมีการกำหนดไว้ให้สร้างช่วงปลายแผน PDP ฉบับใหม่

    อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ได้กำหนดให้กระทรวงพลังงานต้องจัดทำแผน PDP ใหม่อีกครั้งในปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์พลังงานจะเกิดการเปลี่ยนจากการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติและการเปิดเสรีการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และอาจทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงต้องปรับแผน PDP ประเทศใหม่อีกครั้ง ดังนั้น การสร้างโรงไฟฟ้าที่กำหนดไว้ในปลายแผนของ PDP ฉบับใหม่ที่กำลังจัดทำอยู่ในขณะนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

    สำหรับการประชาพิจารณ์แผน PDP ฉบับใหม่ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งนี้ ตัวแทนจาก กฟผ.ได้อภิปราย เรียกร้องให้กระทรวงพลังงาน เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. กลับมาอยู่ระดับ 50% ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ จากปัจจุบันที่ลดเหลือเพียงแค่ 37% เท่านั้น ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวสามารถทำได้ซึ่งอยู่กับความสามารถของ กฟผ. ในการเข้าไปประมูลแข่งสร้างโรงไฟฟ้ากับผู้ผลิตไฟฟ้า IPP ในอนาคต

    แหล่งข่าวกล่าวว่า การเปิดรับฟังความเห็นแผน PDP ฉบับใหม่นี้ ยังเหลือการรับฟังความเห็นอีก 2 ครั้ง ได้แก่ การรับฟังความเห็นของประชาชนในภาคตะวันออก ซึ่งจะจัดขึ้นที่จ.ชลบุรี เร็วๆนี้ และครั้งสุดท้ายจะจัดขึ้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ ประมาณกลางเดือน ธ.ค.2561 นี้ จากนั้นจะนำแผน PDP ฉบับใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยเร็วที่สุด ซึ่งฉบับสมบูรณ์จะระบุอัตราค่าไฟฟ้าปลายแผนPDP ไว้ด้วย ซึ่งจะต้องเป็นราคาที่ไม่สูงไปกว่าแผน PDP2015 ฉบับปัจจุบันที่อัตราค่าไฟฟ้าปลายแผนไว้ที่ 5.55 บาทต่อหน่วย


    http://www.energynewscenter.com/ปิด...tUntQXvAoDwvjp5aueKHMk9RFgTVrt8yFw6iSWdMIMu5w
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาลโต้รายงาน Global Wealth Report 2018 ใช้ “ข้อมูลเก่า” ยันเร่งแก้เหลื่อมล้ำกระจายรายได้ 7 ธันวาคม 2018

    1544157121_89137_01.jpg

    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ( ภาพจาก www.thaigov.go.th )

    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรายงาน Global Wealth Report 2018 ใช้ข้อมูลเก่า ชี้สวนทางกับความเป็นจริง ย้ำรัฐมุ่งมั่นแก้เหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ต่อเนื่อง

    วันนี้ (7 ธ.ค.61) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย โดยอ้างอิงจาก Global Wealth Report 2018 ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ว่า

    “จากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลที่รายงานฉบับนี้นำมาอ้างอิงเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2549 แล้วพยายามนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลบางส่วนของปีปัจจุบัน ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์และขาดความน่าเชื่อถือ และแหล่งข้อมูลที่ถูกนำไปวิเคราะห์ 2 แหล่ง คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยและองค์กรการเงินระหว่างประเทศ ก็ไม่มีส่วนใดเลยที่แสดงถึงการถือครองมูลค่าทรัพย์สินของคนรวย 1% ในประเทศไทย”

    โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ประเทศที่ถูกนำมาเทียบส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่ม OECD ยกเว้นจีน อินเดีย อินโดนีเซีย โคลัมเบีย โรมาเนีย แอฟริกาใต้ และไต้หวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำเรื่องความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของไทยดีขึ้นเป็นลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มคนรวยที่สุดแตกต่างจากกลุ่มคนจนที่สุด ลดลงจาก 29.92 เท่าในปี 2549 เหลือ 19.29 เท่าในปี 2560

    “รัฐบาลยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ การฝึกอาชีพเพิ่มทักษะ กองทุนการออมแห่งชาติ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การจัดสรรที่ดินทำกินแก่ผู้ยากไร้ เป็นต้น”

    1544157161_48209_1544014818_27640_1.jpg

    1544157180_80347_1544014824_80985_2.jpg

    1544157121_89137_01.jpg

    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ( ภาพจาก www.thaigov.go.th )

    นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรายงาน Global Wealth Report 2018 ใช้ข้อมูลเก่า ชี้สวนทางกับความเป็นจริง ย้ำรัฐมุ่งมั่นแก้เหลื่อมล้ำและกระจายรายได้ต่อเนื่อง

    วันนี้ (7 ธ.ค.61) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้โพสต์ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย โดยอ้างอิงจาก Global Wealth Report 2018 ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ว่า

    “จากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลที่รายงานฉบับนี้นำมาอ้างอิงเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2549 แล้วพยายามนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลบางส่วนของปีปัจจุบัน ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์และขาดความน่าเชื่อถือ และแหล่งข้อมูลที่ถูกนำไปวิเคราะห์ 2 แหล่ง คือ ธนาคารแห่งประเทศไทยและองค์กรการเงินระหว่างประเทศ ก็ไม่มีส่วนใดเลยที่แสดงถึงการถือครองมูลค่าทรัพย์สินของคนรวย 1% ในประเทศไทย”

    โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ประเทศที่ถูกนำมาเทียบส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่ม OECD ยกเว้นจีน อินเดีย อินโดนีเซีย โคลัมเบีย โรมาเนีย แอฟริกาใต้ และไต้หวัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำเรื่องความมั่งคั่งมากที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของไทยดีขึ้นเป็นลำดับ โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มคนรวยที่สุดแตกต่างจากกลุ่มคนจนที่สุด ลดลงจาก 29.92 เท่าในปี 2549 เหลือ 19.29 เท่าในปี 2560

    “รัฐบาลยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ การฝึกอาชีพเพิ่มทักษะ กองทุนการออมแห่งชาติ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การจัดสรรที่ดินทำกินแก่ผู้ยากไร้ เป็นต้น”

    1544157161_48209_1544014818_27640_1.jpg

    1544157180_80347_1544014824_80985_2.jpg




    https://workpointnews.com/2018/12/0...IXxhmit3BLq_kEiO_-khvgaErckvcQa_YMNuCP8N8TVrM
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Noticias 507 y el mundo

    อินโดนีเซีย

    สิ่งที่พายุทอร์นาโดได้ทิ้งไว้หลังจากผ่านพ้นไปใน เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย แล้ววันนี้
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Noticias 507 y el mundo

    ไซปรัส

    ฝนตกชุกและน้ำท่วมรุนแรงทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม และรถยนต์ ที่ถูกลากไปตามกระแสน้ำใน Kyrenia, Cyprus
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Noticias 507 y el mundo

    กัวเตมาลา

    กิจกรรมของภูเขาไฟ fuego ที่เกิดขึ้น มีรายงานว่ามีการระเบิดเกือบ 12 ครั้งต่อชั่วโมง
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Noticias 507 y el mundo

    น้ำท่วมรุนแรง ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในเมืองของ #kyrenia #ไซปรัส รถหลายสิบคันถูกลากไปตามน้ำ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Global Disaster Watch

    %2Faccuweather.brightspotcdn.com%2Fac%2Fb1%2F47d2c90547e289d73204b227694c%2Flos-angeles-flooding.jpg

    ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก บริเวณที่มีหิมะปกคลุม และโคลนถล่ม ซึ่งถล่มเนื่อง จากพายุฤดูหนาวกำลังแล่นผ่านภูมิภาคนี้ สภาวะดังกล่าวทำให้เกิดการหยุดชะงักการจราจร และภัยคุกคามจากน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่ rockslides และโคลนถล่มได้บังคับให้มีการปิดถนน บางส่วนของน้ำท่วมสามารถนำมาประกอบกับฝนตกหนัก ในพื้นที่ ซึ่งได้รับแผลเป็นจากไฟไหม้ ในหุบเขา Sun Valley ของ Los Angeles มีการปิดถนนหลายช่องทางหลังจากที่รถพลิกคว่ำมีผลทำให้เสียชีวิตได้

    มีถนนอื่น ๆ อีกหลายแห่งที่ถูกปิดเนื่องจากมีโคลนถล่มและภาพนิ่งหิน Mudslides ได้ติดกับดักรถยนต์และปิดถนนไว้ในซากปรักหักพัง

    https://m.accuweather.com/en/weathe...ykY9QH9n24ufImdFvxFf6LMrbI7Bd-jZFrsYjhnEAF2zo
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ราคาพืชต่ำ-นักท่องเที่ยวหาย ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.ตกต่อเดือนที่ 3 วันที่ 6 December 2018 - 14:57 น.
    0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-728x485-728x485.jpg
    นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับลดลงและลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม อยู่ที่ 80.5 ลดลงจากเดือนตุลาคม อยู่ที่ 81.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต ลดลงจาก 55.6 และ 92.6 อยู่ 54.3 และ 92 ตามลำดับ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ลดลงมาอยู่ที่ 67.5 จาก 68.4 ปัจจัยเพราะผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน ส่งผลให้ต่อรายได้ของเกษตรกรทรงตัวต่ำ กระทบการขยายตัวของกำลังซื้อทั่วไปในต่างจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยน้อยกว่าปกติ กระทบต่อรายได้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความกังวลสถานการณ์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน

    นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ขณะที่ปัจจัยบวก คือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี การส่งออกเดือนตุลาคม2561 ปรับตัวดีขึ้นและขยาย 8.70 % และ10 เดือนส่งออกยังเป็นบวก 8.2% รวมถึงราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้นบ้างแต่เทียบกับค่าครองชีพยังสูงและกำลังซื้อไม่ฟื้นมากนัก ทำให้ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่มาก รวมถึงมองแนวโน้มปีหน้ายังมีเสี่ยงเรื่องทางออกสงครามการค้าและราคาน้ำมัน[​IMG]

    นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากปัจจัยลบยังสูง ทำให้ดัชนีความเหมาะสมซื้อรถยนต์ใหม่ บ้านใหม่ และลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอี ยังลดลง มีเพียงดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ตัวดีขึ้นในรอบ 3 เดือน โดยคาดการณ์ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2561 จะดีขึ้น และเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะขยายตัวได้ 3.5-4% และทั้งปี 2561 ขยายตัว 4.2% และปี 2562 ขยายตัว 4-4.5% ผลจากขณะนี้เริ่มมีปัจจัยบวกเพิ่มมากขึ้น อาทิ การที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival (ฟรีวีซ่า) สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนพักรบเป็นเวลา 90 วัน ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการดีขึ้น ช่วงสิ้นปีมีการเฉลิมฉลองปีใหม่

    ” รวมถึงรัฐบาลออกมาตรการช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการของขวัญปีใหม่ต่างๆ จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชนเพิ่มมากขึ้นได้ ภาคการท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มฟื้นตัวกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ส่วนที่ต้องติดตาม คือ ผลการประชุมของกลุ่มโอเปก ที่จะมีผลต่อราคาน้ำมันตลาดโลก และปัญหาสงครามการค้าอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีก” นายธนวรรธน์ กล่าว


    https://www.prachachat.net/finance/...YOnDFALikkNlFU3ZsZUEYIc89QXTp-5twlqjEnJsvLu_g
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประธาน ป.ป.ช.แย้ม อาจชงแก้ กม.ลูก ป.ป.ช.สางปมยื่นบัญชีทรัพย์สิน ให้ไม่ต้องเปิดเผย วันที่ 7 December 2018 - 14:55 น.
    4444-728x441.jpg
    แฟ้มภาพ
    ประธาน ป.ป.ช.แย้ม อาจชงแก้ กม.ลูก ป.ป.ช.สางปมยื่นบัญชีทรัพย์สิน ให้ไม่ต้องเปิดเผย ให้เจ้าหน้าที่รัฐสบายใจ

    [​IMG]
    เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่อิมแพค เมืองทองธานี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางตำแหน่งไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามประกาศ ป.ป.ช. ว่าเบื้องต้น ป.ป.ช. ขยายระยะเวลาการยื่นบัญชีทรัพย์สินออกไปอีก 60 วัน โดยมีผลบังคับใช้ 1 กุมภาพันธ์ 2562 แต่ถ้ายังมีปัญหาอยู่ อาจจำเป็นต้องเสนอที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.) โดยอาจโยกตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องยื่นและเปิดเผยตามมาตรา 102 และ 106 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาอยู่ในมาตรา 103 คือ ยื่นแต่ไม่เปิดเผยแทน โดยเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีในขณะนี้ หากดำเนินการตามแนวทางนี้อาจทำให้สถานการณ์เบาลงไป แต่ถ้าจะให้ไม่ต้องยื่นเลย อาจเป็นไปได้ยาก

    พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า หากสามารถทำตามแนวทางข้างต้น จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐบางตำแหน่งที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินสบายใจขึ้นมาระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ป.ป.ช. ยืนยันว่า ไม่ได้ยอมอ่อนข้อต่อรัฐบาล แต่ต้องยอมรับว่ากรณีนี้มีคนได้รับผลกระทบ เช่น มหาวิทยาลัย เป็นต้น ดังนั้น ป.ป.ช. เข้าใจ จึงต้องหาทางออก เพื่อสร้างความสมดุลในเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่า กระบวนการตรวจสอบยังมีความเข้มข้นตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และคนทำงานสามารถทำงานต่อไปได้ โดย ป.ป.ช. จะหาทางออกเรื่องนี้ให้มีความชัดเจนโดยเร็วที่สุด ก่อนประกาศ ป.ป.ช. จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562

    ที่มา : มติชนออนไลน์

    https://www.prachachat.net/politics...0Wa2oQPVSPiMZYo0qECRCjIE5vjU5ebOnHg1g2zcAeVXk
     

แชร์หน้านี้

Loading...