ติดตามสถานะการณ์

clima extremo 24

บราซิล

เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน Bahia บราซิล

 

Clima Extremo 24



น้ำท่วมครั้งใหญ่ใน Bahia บราซิลเมื่อวานธ. ค. 5. รายงาน:

 

Clima Extremo 24

ชิลี

พายุทอร์นาโดที่ลงทะเบียนเมื่อวาน 4 ธ . ค. ใน เมืองโอวัลเล่ ประเทศชิลี

 

Clima Extremo 24

บราซิล

พายุทอร์นาโดได้รับการบันทึกในวิดีโอในเซาเปาโล ประเทศบราซิล ในวันนี้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24

ซาอุดีอาระเบีย

ฝนตกและน้ำท่วมยังคงดำเนินต่อไปในซาอุดีอาระเบีย ถนนในกรุงเจดดาห์เป็นเหมือนแม่น้ำ ที่มีน้ำท่วม เนื่องจากฝนที่ไม่หยุดตกในตะวันออกกลาง เป็นเวลาติดต่อกันหลายสัปดาห์ ในบางส่วนมีฝนตกในหลายวัน และบางพื้นที่ทิ้งไว้ให้ฝนตก และฝนจะตกกระทบกับทะเลทรายและเมืองในภูมิภาคอาหรับ

 

Clima Extremo 24

ไซปรัส

ฝนตกใน Palia Lefkosia ไซปรัสเมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24

ไซปรัส



น้ำท่วมในนิโคเซียไซปรัส เมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคม

 

Clima Extremo 24

New CALEDONIA

ผู้อพยพออกจากบ้าน และอพยพจากชายฝั่ง หลังจากที่มีการเตือนภัยสึนามิในPoindimié, New Caledonia

 

เจนจิรา จันทรเสนา



ก่อนหน้านี้เห็นมีคนบอกอยากไปอยู่เดนมาร์ก จะไปก็อย่าทำตัวให้เขารำคาญล่ะ เขาไม่ได้หยวนๆเหมือนบ้านเรานะจ๊ะ

รัฐบาลขวากลางของเดนมาร์ก ออกประกาศว่า ผู้อพยพที่ถูกพิพากษาว่าทำผิดอาญาจริงแต่ไม่สามารถเนรเทศกลับประเทศได้ จะถูกส่งไปอยู่ที่เกาะ Lindholm ภายในปี 2021

ตามประวัติ เกาะนี้เคยเป็นสถานที่ทดสอบเชื้อโรคติดต่อร้ายแรงในสัตว์ เรือ 1 ใน 2 ลำที่ใช้สัญจรไปยังเกาะชื่อ "ไวรัส" ค่ะ

DW news

 

เจนจิรา จันทรเสนา



"เดนมาร์ก"
ก่อนหน้านี้ ได้มีการออกกฎหมาย ให้ผู้อพยพ ที่มีทรัพย์สินติดตัวมากกว่า 10,000โครเนอร์ หรือ 51,100 บาท ต้องนำเอาส่วนที่เกิน10,000 มาจ่ายให้รัฐเป็นค่าที่พัก รัฐบาลบอกว่า หากผู้อพยพมีเงินก็แสดงว่าไม่ได้ลำบาก ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะไม่นำงบประมาณที่มาจากภาษีของชาวเดนมาร์กไปดูแล

Now This

 

เจนจิรา จันทรเสนา


"เดนมาร์ก"
ที่ผ่านๆมา ท่าน รมว.ค่อนข้างจะมีปัญหากับการรับมือ และการปฏิบัติต่อผู้อพยพที่นับถือศาสนาอิสลาม

โดยใน FB ของท่าน รมว.เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็วิพากษ์ว่าวิถีของศาสนาอิสลามไปไม่ได้กับวัฒนธรรม กับสังคมที่เน้นความเท่าเทียมทางเพศของเดนมาร์ก

 

มีผวา!!อาวุธลับเลเซอร์ใหม่รัสเซีย ยิงทำลายเป้าหมายภายในเวลา'เสี้ยววินาที'(ชมคลิป) เผยแพร่: 6 ธ.ค. 2561 04:00 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เดลิเมล์ - รัสเซียเปิดตัวอาวุธเลเซอร์ใหม่ทรงพลัง ซึ่งพวกเขาอ้างว่าสามารถทำลายเป้าหมายได้ภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

รัฐบาลแดนหมีขาวระบุว่าเลเซอร์ยุคสมัยอวกาศดังกล่าว มีชื่อว่า Peresvet ถูกส่งเข้าประจำการและถูกใช้ในภารกิจของกองทัพรัสเซียแล้ว




วิดีโอที่แสดงถึงการทำงานของระบบอาวุธชนิดนี้ถูกโพสต์ลงบนบัญชสื่อสังคมออนไลน์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเมื่อวันพุธ(5ธ.ค.) โดยเป็นภาพขณะที่ระบบเลเซอร์ล้ำสมัยกำลังถูกปล่อยออกจากฐานเก็บและควบคุมการทำงานโดยทหารนายหนึ่ง

แทบไม่มีใครทราบเกี่ยวกับแสนยานุภาพของของเล่นชิ้นใหม่ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เนื่องจากรัฐบาลรัสเซียไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับศักยภาพของมันเลย อย่างไรก็ตามระบบอาวุธคล้ายกันนี้ที่ถูกติดตั้งในประเทศอื่นๆ มักถูกใช้สอยเครื่องบินและขีปนาวุธด้วยการก่อความเสียหายแก่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของเป้าหมายเหล่านั้นจากระยะไกล




ยูริ บอริซอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ของกระทรวงเมื่อวันจันทร์(3ธ.ค.) ว่าอาวุธชนิดนี้สามารถสอยเป้าหมายร่วงภายในเวลาแค่เศษเสี้ยววินาที

"เราเคยพูดกันถึงอาวุธเลเซอร์และในภาพยนตร์ก็มีพวกมันมานานแล้ว เช่นเดียวกับในหนังสือแนวแฟนตาซี ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดี แต่ความเป็นจริงในวันนี้ก็คือ มันเข้าสู่ประจำการแล้ว" บอริซอฟกล่าว




"ระบบเลเซอร์นี้เริ่มเข้าสู่ประจำการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมันจะช่วยปลดอาวุธพวกที่อาจเป็นศัตรูและโจมตีเป้าหมายศัตรูเหล่านั้น" เขากล่าว "ยุทโธปกรณ์นี้สามารถกำจัดเป้าหมายภายในเศษเสี้ยววินาที"

โครงการ Peresvet ถูกปิดเป็นความลับ ด้วยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยแค่แย้มๆเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ระหว่างกล่าวปราศรัยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา




โดยระหว่างกล่าวปราศรัยประจำปีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ปูติน บอกว่า "มีความก้าวหน้าอย่างมากในโครงการระบบอาวุธเลเซอร์ของรัสเซียและมีทุกเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าเราอยู่เหนือกว่าฝ่ายศัตรูในขอบเขตนี้อยู่ 1 ก้าว" อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม

หนังสือพิมพ์ Krasnaya Zvezda ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าระบบเลเซอร์นี้ถูกส่งเข้าประจำการและมีการใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว โดยบุคลากรทางทหารที่ปฏิบัติการระบบดังกล่าวต้องผ่านการฝึกพิเศษที่สถาบันอวกาศทหารโมซายสกี ในเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กเสียก่อน

https://mgronline.com/around/detail/9610000121246

 

ศาลตุรกีอนุมัติหมายจับ2คนสนิทเจ้าชายซาอุฯในคดีสังหารโหดคาช็อกกี
เผยแพร่: 6 ธ.ค. 2561 01:10 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย
เอเอฟพี - ศาลตุรกีในวันพุธ(5ธ.ค.) ออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยซึ่งมีความใกล้ชิดกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในคดีฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักหนังสือพิมพ์คนดังผู้วิพากษ์วิจารณ์เจ้าชาย ความเคลื่อนไหวที่เพิ่มแรงกดดันแก่ผู้นำโดยพฤตินัยของริยาด

สำนักงานหัวหน้าอัยการในอิสตันบูล ยื่นคำร้องในวันอังคาร(4ธ.ค.) ขอให้ศาลออกหมายจับ อาห์หมัด อัล-อัสซิรี และ ซาอุด อัล-กาห์ตานี โดยระบุในเอกสารคำรองต่อศาล ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในผู้วางแผนสังหารโหดนายคาช็อกกี

จากนั้นในวันพุธ(5ธ.ค.) ศาลแห่งหนึ่งในอิสตันบูล ได้อนุมัติหมายจับ อัสซิรีและกาห์ตานี ตามคำกล่าวหาเจตนาฆ่าด้วยความรู้สึกชั่วร้ายหรือก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน" สำนักข่าวอนาโดลู สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงาน

อัสซิรี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง เคยถูกพบเห็นเข้าร่วมการประชุมลับระหว่างมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดกับแขกผู้ทรงเกียรติจากต่างแดนบ่อยครั้ง ส่วน กาห์ตานี คือที่ปรึกษาคนสำคญของเจ้าชาย ทั้งนี้ทั้งสองคนถูกปลดจากตำแหน่ง หลัง ริยาด ยอมรับสารภาพว่า คาช็อกกี ถูกสังหารภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูล

ซาอุดีอาระเบียพยายามกันมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดให้ออกห่างจากเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ และได้รับการสนับสนุนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆในการเชื่อมโยงเจ้าชายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคาช็อกกี

อย่างไรก็ตาม 2ส.ว.คนสำคัญของพรรครีพับลิกัน พรรคการเมืองของทรัมป์เอง เผยในวันอังคาร(4ธ.ค.) ว่าคำบรรยายสรุปที่ได้รับฟังจากผู้อำนวยการซีไอเอ ได้ตอกย้ำความเชื่อมั่นของพวกเขาว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงเป็นผู้บัญชาปฏิบัติการสังหารโหดครั้งนี้

คาช็อกกี คอลัมนิสต์ชาวซาอุดีอาระเบียของวอชิงตันโพสต์ ถูกสังหารไม่นาน หลังจากเขาเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เพื่อขอเอกสารการแต่งงาน และจากคำกล่าวอ้างของตุรกี ระบุว่าริยาดได้ส่งทีมสังหาร 15 คนมายังอิสตันบูล เพื่อปลิดชีพเขาโดยเฉพาะ

เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี ระบุว่าคำสั่งฆ่าคาช็อกกีมาจากระดับสูงสุดของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย แต่ย้ำว่าไม่ใช่ตัวของกษัตริย์ซัลมาน

อัยการอิสตันบูลซึ่งรับผิดชอบการสืบสวนของฝั่งตุรกี เผยเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม ว่า คาช็อกกี บุคคลวงในราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียที่ผันตัวมาเป็นฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ถูกรัดคอจนเสียชีวิตจากนั้นศพของเขาก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ

หลังจากออกมาปฏิเสธในเบื้องต้นว่า คาช็อกกี ไม่ได้ถูกฆ่าในสถานกุงวล ริยาดออกมายอมรับและได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับแผนฆาตกรรม 21 คน และกำลังร้องขอโทษประหารชีวิต 5 คนในนั้น อย่างไรก็ตามพวกเขายืนกรานอย่างหนักแน่นว่าเจ้าชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของตุรกีระบุในวันพุธ(5ธ.ค.) ว่าความเคลื่อนไหวของอัยการ สะท้อนถึงมุมมองที่ว่าเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียนิ่งเฉยไม่ยอมดำเนินการอย่างเป็นทางการกับบุคคลดังกล่าว "ริยาดควรจัดการกับความกังวลนี้ด้วยการส่งตัวผู้ต้องสงสัยมายังตุรกีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน

อนึ่งเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวซึ่งไม่ประสงค์เผยนาม ยังบ่งชี้ด้วยว่าอัยการอาจขอให้ศาลออกหมายจับเพิ่มเติม

https://mgronline.com/around/detail/9610000121237

 

สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กระทบธุรกิจรถยนต์เยอรมนี
เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2561 22:45 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เอเจนซีส์ - สมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนี VDA ระบุในวันพุธ (5 ธ.ค.) ว่าสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนี โดยคาดว่าตัวเลขรถใหม่ในตลาดจีนลดลงในปีนี้

จีนนั้นถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญสำหรับผู้ผลิตรถยนต์เยอรมนี แต่กำแพงภาษีสำหรับรถเยอรมนีที่ผลิตในอเมริกา ทำให้ค่ายรถเยอรมนีได้รับผลกระทบ

เบอร์นาด มัธเธส ประธานสมาคม VDA ในเบอร์ลิน เปิดเผยว่า การส่งออกรถยนต์เยอรมนีที่ผลิตจากโรงงานในอเมริกาไปสู่จีนนั้นลดลงประมาณ 1 ใน 3 ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้

VDA ยังคาดว่า ตัวเลขรถใหม่ในจีนจะลดลงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ไปอยู่ที่จำนวน 23.9 ล้านคัน ส่วนในปี 2019 นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่จำนวน 24.4 ล้านคัน

สมาคมฯ คาดว่า ตลาดรถทั่วโลกจะมีตัวเลขรถใหม่อยู่ที่ 85 ล้านคัน ส่วนในยุโรปคาดว่าตัวเลขรถใหม่จะอยู่ที่ 15.8 ล้านคันในปี 2018 และยังอยู่ที่ระดับนั้นในปี 2019

นอกจากนี้ ทางสมาคมฯ ยังระบุด้วยว่า ยอดขายรถใหม่ในเยอรมนีจะลดลงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้

https://mgronline.com/around/detail/9610000121221

 

พูดจาเข้าท่า!!ทรัมป์ร้องโอเปกอย่าลดกำลังผลิต ชี้ราคาน้ำมันโลกควรอยู่ระดับต่ำ เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2561 23:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ(5ธ.ค.) เรียกร้องสมาชิกโอเปกอย่าลดกำลังผลิต ณ ที่ประชุมที่กำลงมาถึง ระบุราคาน้ำมันโลกควรอยู่ในระดับต่ำ

ความเห็นของทรัมป์มีขึ้นในขณะที่สมาชิกกลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ เตรียมหารือกันในวันพฤหัสบดี(6ธ.ค.)และวันศุกร์(7ธ.ค.) ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับลดกำลังผลิต

"หวังว่าโอเปกจะคงกระแสไหลเวียนของน้ำมันไว้คงเดิม ไม่จำกัด โลกไม่ต้องการเห็นราคาน้ำมันที่สูงขึ้น" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์

หากสมาชิกโอเปกและประเทศผู้ผลิตอื่นๆ ณ ที่ประชุมในเวียนนา ซึ่งผลิตน้ำมันรวมกันเกินกว่าครึ่งของปริมาณการผลิตน้ำมันจากทั่วโลก เดินหน้าผลิตน้ำมันในระดับปัจจุบันซึงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พวกเขาก็เสี่ยงเห็นราคาดำดิ่งลงเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามหากพวกผู้ผลิตเลือกที่จะลดกำลังผลิต พวกเขาก็เสี่ยงบีบรัดการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งต้องพึ่งพาน้ำมันในการขับเคลื่อน

ทรัมป์ เคยกล่าวหาซ้ำๆว่าโอเปกดันราคาน้ำมันขึ้นแบบปลอมๆ ความเห็นที่กระพือเสียงตอบโต้มาจากพวกผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกบางส่วน

ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงมาแล้วกว่า 30% ในช่วง 2 เดือนที่่ผ่านมา โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปัจจุบันทรงตัวอยู่ราวๆ 60 ดอลลาร์

https://mgronline.com/around/detail/9610000121220

 

แข่งขัน'นุก'รอบใหม่!! 'ปูติน'ประกาศมอสโกจะผลิต 'ขีปนาวุธพิสัยกลาง'ในยุโรป ตอบโต้สหรัฐฯที่ทำเป็นขีดเส้นตายรัสเซีย 60 วัน ทั้งที่จะฉีกสัญญาควบคุมอาวุธอยู่แล้ว เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2561 23:29 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในภาพซึ่งถ่ายเมื่อวันจันทร์ (3 ธ.ค.) ทั้งนี้ประมุขวังเครมลินประกาศในวันพุธ (5) ว่า สหรัฐฯกำลังอ้างเหตุเพื่อฉีกทิ้งข้อตกลงควบคุมขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางในยุโรป ซึ่งถ้าวอชิงตันทำเช่นนั้น มอสโกก็จะต้องเริ่มผลิตอาวุธชนิดนี้บ้าง
รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียประกาศในวันพุธ (5 ธ.ค.) ถ้าสหรัฐฯฉีกสัญญาควบคุมขีปนาวุธพิสัยกลาง รัสเซียก็จะพัฒนาและเริ่มผลิตอาวุธดังกล่าวเช่นกัน ทั้งนี้หลังจากอเมริกาขีดเส้นตาย ให้เวลารัสเซีย 60 วันสำหรับการสะสางสิ่งที่วอชิงตันบอกว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงฉบับนี้ซึ่งได้ช่วยให้ยุโรปปลอดจากการแข่งขันด้านขีปนาวุธพิสัยกลางมาหลายสิบปี

ถ้อยคำอันดุเดือดตึงเครียดคราวนี้ของผู้นำรัสเซีย ออกมา 1 วันหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าวอชิงตันจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (ไอเอ็นเอฟ) ภายในเวลา 60 วัน ถ้ามอสโกไม่รื้อถอนโยกย้ายขีปนาวุธซึ่งสหรัฐฯอ้างว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงฉบับนี้

“แรกทีเดียวฝ่ายอเมริกันเน้นย้ำว่าตนเองมีเจตนารมณ์ที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญานี้ … จากนั้นอเมริกาจึงเริ่มมองหาเหตุผลความชอบธรรมสำหรับการกระทำดังกล่าว” ปูตินบอกในการให้ความเห็นซึ่งสื่อรัสเซียนำมาเผยแพร่ รวมทั้งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ด้วย

“การอ้างเหตุผลความชอบธรรมที่สำคัญที่สุดคือการบอกว่าเรากำลังละเมิดบางสิ่งบางอย่าง ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เหมือนกับที่เคยเป็นมา ไม่มีการแสดงหลักฐานใดๆ ในเรื่องที่ว่าเราละเมิดหรอก” เขากล่าว

ปูตินชี้ว่า ประเทศจำนวนมากได้ผลิตขีปนาวุธซึ่งต้องห้ามตามสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟออกมากันแล้ว ทว่ามอสโกกับวอชิงตันยังคงจำกัดตัวเองกระทำตามข้อตกลงซึ่งลงนามกันไว้ตั้งแต่ปี 1987 นี้

“เวลานี้ดูเหมือนหุ้นส่วนอเมริกันของเราเชื่อว่า สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้วจนสหรัฐฯจะต้องมีอาวุธดังกล่าวบ้าง เราจะตอบโต้อย่างไรนะหรือ? มันก็ง่ายๆ ในกรณีเช่นนี้เราก็จะทำสิ่งเดียวกันนี้ด้วย” เขาบอก

เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดชนวนให้ทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรปเกิดความวิตกกังวล เมื่อเขาประกาศว่าสหรัฐฯจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟ แล้วสะสมเพิ่มพูนคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตน “ไปจนกว่าผู้คนจะหวนกลับมามีสติมีสำนึกกัน”

แต่ในวันจันทร์ (3) ทรัมป์ออกมาบอกว่า เขาต้องการเจรจากับปูตินและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน “เพื่อถอยออกมาจากการแข่งขันด้านอาวุธกันอย่างใหญ่โตและควบคุมไม่อยู่”

ด้านโฆษกวังเครมลิน ดมิตริ เปสคอฟ แถลงว่า วอชิงตันพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆ “เพื่อปกปิดอำพรางเป้าหมายแท้จริงของสหรัฐฯที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญา (ไอเอ็นเอฟ)”

เวลาเดียวกัน เสนาธิการทหารใหญ่ของกองทัพรัสเซีย วาซิลี เกราซิมอฟ กล่าวว่า มอสโกจะเพิ่มพูนสมรรถนะของอาวุธนิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ที่ยิงจากภาคพื้นดินของตน

“หนึ่งในปัจจัยหลักๆ ทางด้านการทำลาย ซึ่งกำลังสร้างความสับสนให้แก่สถานการณ์ระหว่างประเทศอยู่ในเวลานี้ก็คือ วิธีการที่สหรัฐฯกำลังแสดงบทบาทอยู่ ขณะที่พวกเขาพยายามรักษาฐานะการเป็นผู้ครอบงำในโลกของเขาเอาไว้” เขากล่าวในการแสดงความเห็นซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

“ก็ด้วยวัตถุประสงค์เหล่านี้นี่เองที่วอชิงตันและพันธมิตรของพวกเขา กำลังดำเนินมาตรการอันรอบด้านและมีการสอดประสานกัน เพื่อควบคุมล้อมวงรัสเซีย และทำลายความน่าเชื่อถือของบทบาทในกิจการระหว่างประเทศของรัสเซีย”



เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ขณะแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ของนาโต้ ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันจันทร์ (3 ธ.ค.) ทั้งนี้เขาออกมาพูดในวันอังคารว่า รัสเซียมีโอกาสสุดท้ายในการแสดงให้เห็นอย่างพิสูจน์ยืนยันได้ว่าปฏิบัติตามสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟอยู่ แต่ขณะเดียวกันนาโต้ก็ต้องเริ่มเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่สนธิสัญญานี้อาจล่ม

ยุโรปวิตก แต่ก็ไฟเขียวสหรัฐฯขีดเส้นตายรัสเซีย 60 วัน

เมื่อวันอังคาร (4) ระหว่างการประชุมขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ที่กรุงบรัสเซลส์ มีรายงานว่า บรรดาชาติยุโรปที่เป็นรัฐสมาชิกของนาโต้ นำโดยเยอรมนี ได้กดดันรัฐมนตรีต่างประเทศพอมเพโอ ของสหรัฐฯ ให้ใช้วิถีทางการทูตเป็นแรงผลักดันสุดท้าย ก่อนที่วอชิงตันจะถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟ ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1987

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ แถลงภายหลังการประชุมในวันอังคาร (4) ว่า รัสเซียมีโอกาสสุดท้ายในการแสดงให้เห็นอย่างพิสูจน์ยืนยันได้ว่าปฏิบัติตามสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟอยู่ แต่ขณะเดียวกันนาโต้ก็ต้องเริ่มเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่สนธิสัญญานี้อาจล่ม

จากการประชุมคราวนี้ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศชาตินาโต้ตกลงให้ออกคำแถลงที่แสดงการสนับสนุนสหรัฐฯ ด้วยการประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัสเซียละเมิดสาระสำคัญของไอเอ็นเอฟ ภายหลังพวกเขาได้ฟังการบรรยายสรุปจากพอมเพโอ ที่สำนักงานใหญ่นาโต้ในกรุงบรัสเซลส์ เกี่ยวกับการละเมิดของมอสโก รวมถึงเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการถอนตัวจากสนธิสัญญาฉบับนี้ตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม

ทั้งนี้ทางรัสเซียนั้นปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของวอชิงตันที่บอกว่า มอสโกได้ละเมิดไอเอ็นเอฟแล้ว ด้วยการดำเนินการพัฒนาขีปนาวุธร่อนพิสัยกลางประเภทยิงจากภาคพื้นซึ่งมีศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ และสามารถยิงไปยังเมืองต่างๆ ในยุโรปได้โดยต้องใช้เวลาเตรียมการเพียงสั้นๆ

ชาติพันธมิตรนาโต้ในยุโรปอย่าง เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม นั้น ต่างกังวลว่า อเมริกาอาจติดตั้งขีปนาวุธในยุโรปขึ้นมาใหม่อีกเหมือนเมื่อทศวรรษ 1980 และทำให้ยุโรปติดอยู่ในวงล้อมการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างมอสโกกับวอชิงตัน

การที่สหรัฐฯประกาศถอนตัวจากไอเอ็นเอฟคราวนี้ จึงเป็นการสร้างความระส่ำอีกอย่างหนึ่งให้แก่พันธมิตรนาโต้ หลังจากก่อนหน้านี้ที่ทรัมป์เรียกร้องให้ชาติสมาชิกเพิ่มงบกลาโหม รวมถึงจากการที่อเมริกาขาดความชัดเจนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ในอนาคตเกี่ยวกับนาโต้



รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ (ขวา) พูดจาหัวเราะร่วนกับ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ระหว่างการประชุมที่สำนักงานใหญ่ของนาโต้ ในกรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันอังคาร (4 ธ.ค.)

พวกนักการทูตชี้ว่า ขณะที่สโตนเทนเบิร์กระบุว่า จะมีการเพิ่มความกดดันทางการทูตเพื่อโน้มน้าวให้รัสเซียยกเลิก “กองพันติดตั้งขีปนาวุธแบบเอสเอสซี-8 จำนวนมาก” ตามที่พอมเพโอระบุนั้น ฝ่ายวอชิงตันเองก็กำหนดจะเริ่มการถอนตัวจากไอเอ็นเอฟในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งก็คือการเริ่มระยะเวลา 6 เดือนในการถอนตัวตามที่ระบุเอาไว้ในสนธิสัญญาฉบับนี้นั่นเอง

พอมเพโอสำทับว่า ขีปนาวุธรัสเซียแบบเอสเอสซี-8 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ระบบ 9เอ็ม729 นั้น เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อยุโรป อีกทั้งบ่อนทำลายความมั่นคงของอเมริกาและพันธมิตร โดยอเมริกายังมีหลักฐานชี้ชัดว่า มีการทดสอบยิงขีปนาวุธนี้หลายครั้งจากสถานที่เดียวกันคือฐานทัพคาปุสติน ยาร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมอสโก

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารขานรับว่า เนื่องจากตรวจจับยากและสามารถยิงจากแท่นยิงเคลื่อนที่ได้ ทำให้เอสเอสซี-8 อันตรายเป็นพิเศษ เพราะระบบป้องกันภัยทางอากาศของนาโต้มีเวลาน้อยมากในการยิงสกัด

พอมเพโอเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ แจ้งข้อกังวลนี้กับมอสโกอย่างน้อย 30 ครั้งนับจากปี 2013 แต่ถูกปฏิเสธและกล่าวหาตอบโต้

วอชิงตันอ้างว่าตนเองถูกบังคับให้ต้องต้องฟื้นสมดุลทางทหารในยุโรปขึ้นมาใหม่ภายหลังเส้นตาย 60 วัน กระนั้นพอมเพโอก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ นอกจากบอกว่า ระหว่างนี้จะยังระงับการทดสอบและติดตั้งขีปนาวุธใหม่ๆ ไว้ก่อน จนกว่าจะหลังเส้นตายไปแล้ว

เขายังอ้างเหตุผลว่า จากการที่จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือไม่ได้เป็นภาคีไอเอ็นเอฟ เท่ากับว่า อเมริกากำลังทำให้ตัวเองเสียเปรียบด้วยการงดพัฒนาขีปนาวุธพิสัยกลาง และสำทับว่า ความพยายามทางการทูตเพื่อขยายประเทศภาคีสนธิสัญญานี้ล้มเหลวมาแล้ว 3 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า แทนที่จะพัฒนาจรวดพิสัยกลางรุ่นใหม่ๆ อเมริกาจะมีความได้เปรียบมากกว่า หากหันมาปรับปรุงระบบขีปนาวุธพิสัยไกลของตนให้ทันสมัย เพื่อใช้เป็นมาตรการป้องปรามและให้มั่นใจได้ว่าขีปนาวุธเหล่านี้จะสามารถที่จะเจาะผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ซับซ้อนของรัสเซียได้

สำหรับสนธิสัญญาไอเอ็นเอฟปี 1987 กำหนดให้ทำลายคลังแสงนิวเคลียร์พิสัยกลางในยุโรปของสองอภิมหาอำนาจนิวเคลียร์โลกในเวลานั้นคืออเมริกาและรัสเซีย รวมทั้งลดความสามารถในการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบฉับพลัน ข้อตกลงนี้ได้ส่งผลให้อเมริกาต้องถอนขีปนาวุธเพอร์ชิงออกจากอังกฤษและเยอรมนี และรัสเซียถอนขีปนาวุธเอสเอส-20 จากยุโรป

ไอเอ็นเอฟยังห้ามไม่ให้อเมริกาและรัสเซียครอบครอง ผลิต หรือทดสอบขีปนาวุธร่อนจากพื้นดินที่มีพิสัยระหว่าง 500-5,500 กิโลเมตร หรือครอบครองหรือผลิตฐานปล่อยขีปนาวุธดังกล่าว

https://mgronline.com/around/detail/9610000121234

 

จีนบอกมั่นใจตกลงการค้าใน90วัน หลังสหรัฐฯพูดฝ่ายเดียวจนเกิดข้อกังขา เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2561 21:18 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (ซ้าย) นำคณะเจรจาของจีน เปิดโต๊ะถกกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์(ขวา) แห่งสหรัฐฯและคณะผู้แทนเจรจาอเมริกา ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในอาร์เจนตินาเมื่อวันเสาร์ (1) ที่ผ่านมา
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - จีนแสดงความมั่นใจในวันพุธ (5 ธ.ค.) ว่า จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับอเมริกาได้ตามเส้นตายภายใน 3 เดือน ถึงแม้ทรัมป์เตือนอาจฟื้นมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรขึ้นมาใหม่โดยมีขนาดใหญ่กว่าเดิมด้วย หากสองฝ่ายไม่สามารถแก้ไขมุมมองที่แตกต่าง

การออกมาแสดงความคิดเห็นของกระทรวงพาณิชย์จีนคราวนี้ มีขึ้นภายหลังที่แดนมังกรค่อนข้างเงียบเชียบไป หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลงสงบศึกสงครามการค้าชั่วคราวกันได้ ในการเจรจาหารือกันระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในอาร์เจนตินาเมื่อวันเสาร์ (1) ที่ผ่านมา

ในคำแถลงสั้นๆ ที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์ของตน กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ปักกิ่งจะพยายามดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อปฏิบัติตามประเด็นเฉพาะเจาะจงซึ่งสามารถตกลงกันได้แล้ว ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายก็ “มุ่งมั่นส่งเสริมการเจรจาทำความตกลงกันภายในเวลา 90 วัน เพื่อให้ได้กำหนดเวลาและโรดแมปที่ชัดเจน”

คำแถลงสำทับว่า จีนมั่นใจว่า จะดำเนินการดังกล่าวได้ลุล่วง อีกทั้งยกย่องการเจรจาล่าสุดระหว่างสี กับ ทรัมป์ ที่อาร์เจนตินาว่า “ประสบความสำเร็จอย่างมาก”

ทางด้านทรัมป์ได้กล่าวผ่านทวิตเตอร์ ในเชิงระบุความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายเวลาการสงบศึกคราวนี้ แต่ก็เตือนว่า จะมีการหยิบยกมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรขึ้นมาอีก หากการเจรจาล้มเหลวไม่ก่อให้เกิดดอกผลอะไร

“การเจรจากับจีนเริ่มต้นขึ้นแล้ว หากไม่มีการขยายเวลา มันจะยุติลงใน 90 วันนับจากวันที่เราได้ดินเนอร์กันอย่างน่าอัศจรรย์และอบอุ่นกับประธานาธิบดีสีในอาร์เจนตินา” นี่คือข้อความตอนหนึ่งที่ทรัมป์ทวิต

อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ สำทับว่า จะต้องมีข้อตกลงที่แท้จริงเกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่มีเลย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอเมริกาจะทำให้จีนจ่ายหนักด้วยการถูกขึ้นภาษีสินค้าที่ส่งมายังสหรัฐฯครั้งใหญ่ จากนั้นทรัมป์ก็ทิ้งท้ายอย่างชนิดเพิ่มความสับสนว่า เชื่อมั่นว่า สองประเทศจะบรรลุข้อตกลงได้ ซึ่งอาจเป็นในปัจจุบันหรืออนาคต

การที่สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกทำศึกการค้ากันตลอดจนข่มขู่ที่จะขยายสงครามออกไปอีกนั้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกมายาวนานในปีนี้ ดังนั้น เมื่อมีการหยุดยิงหลังการเจรจาที่อาร์เจนตินา ตลาดการเงินจึงตอบรับด้วยความยินดี

อย่างไรก็ตาม ในวันอังคาร (4) วอลล์สตรีทกลับดำดิ่งอีก ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์หล่นเกือบ 800 จุด โดยปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือความโล่งใจของพวกนักลงทุนกำลังแปรเปลี่ยนเป็นความเคลือบแคลงอย่างรวดเร็วว่า สองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงสำคัญได้จริงหรือไม่ เนื่องจากยังมีประเด็นที่ขัดแย้งรุนแรงมากมายที่จำเป็นต้องสะสางภายในระยะเวลาการเจรจาแสนสั้น แล้ววอชิงตันกับปักกิ่งยังแถลงรายละเอียดของการเจรจาที่ไม่ตรงกัน แถมพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเองก็พูดจาขัดกันเองอีก




ความล้มเหลวในการเจรจาอาจหมายถึงสงครามการค้ารอบใหม่ โดยที่ต่างฝ่ายจะงัดมาตรการภาษีศุลกากรห้ำหั่นกันอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม

ทำเนียบขาวระบุว่า จีนรับปากเริ่มซื้อสินค้าอเมริกันและยกเลิกภาษีศุลกากรและกำแพงการค้ารูปแบบอื่นๆ ทันที ควบคู่กับเริ่มต้นการเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยีและการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ยูนิเปก ผู้ค้าน้ำมันของจีน เตรียมฟื้นการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากอเมริกาในเดือนมีนาคม หลังจากข้อตกลงระหว่างสีกับทรัมป์ช่วยลดความเสี่ยงที่การนำเข้าของบริษัทจะถูกรีดภาษีเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสระบุว่า ข้อตกลงที่จำกัดและการยอมประนีประนอมเพียงเล็กน้อยในประเด็นพิพาททางการค้า ไม่สามารถอุดช่องว่างมโหฬารในผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และยุทธศาสตร์จีน-อเมริกา

เจ้าหน้าที่ทั้งของอเมริกาและประเทศเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ต่างวิจารณ์จีนว่า เชื่องช้าในการเจรจาและไม่ปฏิบัติตามพันธะสัญญา

ขณะที่ฝ่ายจีนพูดถึงข้อตกลงล่าสุดระหว่างสีกับทรัมป์น้อยมาก หลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสสรุปให้สื่อฟังภายหลังการประชุม นอกจากนั้นรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับข้อตกลงที่จีนกับอเมริกาเปิดเผยยังไม่ตรงกัน

แคปิตอล อิโคโนมิกส์ตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่กำลังเผชิญงานหนักในการจัดทำข้อตกลงที่จีนยอมรับได้ แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ทำให้สมาชิกสายเหยี่ยวที่ต่อต้านจีนในคณะบริหารของทรัมป์โจมตีได้ และคงไม่น่าแปลกใจหากสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 90 วัน อันจะนำไปสู่การบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรล่าช้ากว่าแผนเดิม 2-3 เดือน

ในวันพุธ หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ในเครือ เหรินหมินรึเป้า ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แสดงความเห็นว่า คำแถลงมากมายของคณะบริหารทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงนี้ ซึ่งรวมถึงเรื่องที่ว่าจีนจะซื้อสินค้าอเมริกันเพิ่มอีก 1.2 ล้านล้านดอลลาร์นั้น มีเป้าหมายเพื่อเน้นย้ำหรือหรือขยายความแง่มุมต่างๆ ของข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่ออเมริกาอย่างมากเกินจริง

โกลบอลไทมส์ทิ้งท้ายว่า การบรรลุข้อตกลงภายใน 3 เดือนเป็นเรื่องที่ดีไม่เฉพาะสำหรับจีน แต่รวมถึงอเมริกาด้วย ทว่า หากไม่เป็นเช่นนั้น คำสัญญาทั้งหมดของทำเนียบขาวก็จะเป็นโมฆะ การขับเคี่ยวและการเจรจาต้องยืดเยื้อออกไปอีก ดังนั้น สังคมจีนควรที่จะรักษาท่าทีสุขุมเยือกเย็นเอาไว้ต่อไป

https://mgronline.com/around/detail/9610000121202

 

รบ.ฝรั่งเศสเสี่ยงเจอชุมนุมใหญ่อีกระลอก หลังเตะถ่วงเลื่อนขึ้นราคาสินค้าเพื่อเกษตรกร เผยแพร่: 5 ธ.ค. 2561 22:05 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ - ฝรั่งเศสซึ่งกำลังหัวหมุนกับเหตุประท้วงรุนแรงต่อต้านค่าครองชีพที่สูงขึ้น ระบุในวันพุธ(5ธ.ค.) ว่าจะเลื่อนการปรับขึ้นราคาอาหารขั้นต่ำออกไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า โดยไม่สนใจความขุ่นเคืองของกลุ่มเกษตรกรหลักที่นัดสมาชิกชุมนุมในสัปดาห์หน้า

ดิดิเยร์ กีโยม รัฐมนตรีเกษตรกรรมของฝรั่งเศส กล่าวโทษการเลื่อนปรับขึ้นราคาอาหารครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธ(5ธ.ค.) ไปที่การชุมนุมใหญ่ที่ก่อสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศมาตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน

"มันถูกเลื่อนเพราะประเด็นอื่น" กีโยมบอกกับสถานีโทรทัศน์ซีนิวส์ทีวี อ้างถึงการประท้วงต่อต้านขึ้นภาษีนำมันที่ลุกลามบานปลาย

รัฐมนตรีรายนี้บอกว่าตอนนี้มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ราวๆเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ ก่อนที่การเจรจาราคาสินค้าประจำปีกับเหล่าซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนที่แล้วจะปิดฉากลง

มาตรการนี้ ซึ่งครอบคลุมถึงการขายสินค้าลดราคา มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร

เกษตรกรคือองค์ประกอบสำคัญในการเมืองของฝรั่งเศส แต่พวกเขาคร่ำครวญมาช้านานต่อกรณีได้รับผลกระทบจากการทำสงครามราคาระหว่างพวกผู้ค้าปลีก ซึ่งแม้จะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคแต่ก่อความเจ็บปวดแก่เกษตรกร และพวกเขาต้องการให้มีกฎขอบังคับโดยตรง

FNSEA สหภาพฟาร์มใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส บอกว่าราคาอาหารขั้นต่ำที่สูงขึ้นจะสามารถช่วยเหล่าฟาร์มผู้ปลิตที่กำลังประสบปัญหารายได้ต่ำได้มาก พร้อมเตือนว่าเกษตรกรอาจมองการแตะถ่วงบังคับใช้มาตรการนี้ว่าเป็นการส่งสัญญาณหายนะ

คริสติน แลมเบิร์ต ประธานของ FNSEA บอกว่าเกษตรการจะชุมนุมใหญ่บนท้องถนนในสัปดาห์หน้า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามสัญญาและหยุดเรียกเก็บภาษีเลยเถิดกับเกษตรกร

รัฐบาลฝรั่งเศสมีความตั้งใจปรับขึ้นราคาขั้นต่ำของผลิตภัณฑ์อาหารราว 10% และห้ามลดราคาสินค้าเกิน 34% รวมถึงจำกัดการลดราคาไม่เกิน 25%ของปริมาณสินค้า

พวกนักวิเคราะห์บอกว่ามาตรการนี้ซึ่งจะมีช่วงทดลองเป็นเวลา 2 ปี จะช่วยลดการแข่งขันทางราคาของเหล่าห้างค้าปลีกฝรั่งเศสและเร่งภาวะราคาอาหารเฟ้อ อย่างไรก็ตามผู้ค้าปลีกจำนวนมากบอกว่าสุดท้ายแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายโดยรวมของผู้บริโภค

https://mgronline.com/around/detail/9610000121214

 

CNNแฉเกาหลีเหนือลอบขยายฐานหลักสำหรับยิงขีปนาวุธพิสัยไกล
เผยแพร่: 6 ธ.ค. 2561 05:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ

เอเอฟพี - เกาหลีเหนือขยายฐานหลักสำหรับยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การประชุมซัมมิตระหว่าง คิม จองอึน ผู้นำเปียงยางกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างภาพถ่ายดาวเทียมในวันพุธ(5ธ.ค.)

ทั้งสองคนพบปะกันในสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนและลงนามในเอกสารที่คลุมเครือฉบับหนึ่ง ซึ่งให้สัญญาว่าจะเดินหน้าสู่การปลดนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ แต่มันไม่ได้ลงรายละเอียดที่แน่ชัด

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เปียงยางได้ปรับปรุงยกระดับฐานยิงขีปนาวุธ Yeongjeo-dong ภายในแถบเทือกเขาของเกาหลีเหนือ และสร้างฐานยิงอีกแห่งที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อน

พวกผู้เชี่ยวชาญบอกกว่าเครือข่ายสถานีโทรทัศน์สหรัฐฯแห่งนี้ว่าด้วยตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวของฐานยิง ทำให้มันเหมาะสำหรับเป็นฐานขีปนาวุธพิสัยไกลใหม่ล่าสุดของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธที่สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้หลายหัว

เพนตากอนระบุในถ้อยแถลงว่า "เราเฝ้ามองเกาหลีเหนือใกล้ชิดอย่างยิ่ง แต่เราไม่สามารถสาธยายในเรื่องข่าวกรองได้"

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์(1ธ.ค.) ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความหวังว่าจะจัดประชุมซัมมิตครั้งที่ 2 กับ คิม จองอึน ในช่วงต้นปี 2009 ด้วยจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระบุในวันอังคาร(2ธ.ค.) ว่า ทรัมป์ คิดว่าผู้นำเกาหลีเหนือไม่ทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ระหว่างประชุมซัมมิตในสิงคโปร์

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และรื้อฟื้นขึ้นมาไม่ได้ในคาบสมุทรเกาหลี ก่อนจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรใดๆ อย่างไรก็ตามเปียงยางปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว เนื่องจากมันเป็นการปลดอาวุธฝ่ายเดียว

https://mgronline.com/around/detail/9610000121249

 

Watchers

#ข่าวภัยพิบัติ #วาฬเกยตื้น
// วาฬเกยตื้นตายอีกครึ่งร้อย นักวิชาการเชื่อเกี่ยวโลกร้อน รวมสัปดาห์นี้วาฬเกยตื้นตาย เกิน200ตัวแล้ว //

05/12/18
เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ 30 พ.ย. นิวซีแลนด์พบฝูงวาฬหัวกลมเกยตื้นตายอีกมากกว่า 50 ตัว บริเวณชายหาดหมู่เกาะชาแธม อยู่ห่างเกาะใต้ของประเทศไปทางตะวันออกราว 800 กม. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบฝูงวาฬเกยตื้นมากถึงราว 80-90 ตัว แต่ช่วยผลักดันกลับคืนสู่ท้องทะเลได้จำนวนหนึ่ง ส่วนที่เสียชีวิตทั้งต้องช่วยสังหารวาฬไม่ให้ทรมานอีกหลายตัว เนื่องจากสภาพพื้นที่ห่างไกลและปัจจัยหลายอย่างไม่พร้อมช่วยเหลือฝูงวาฬ

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ชาวบ้านพบฝูงวาฬหัวกลมมากกว่า 145 ตัว นอนตายเกยตื้นตามแนวชายหาดบนเกาะสจ๊วต อยู่นอกชายฝั่งด้านใต้ของเกาะใต้นิวซีแลนด์ ราว 30 กม. รวมพบวาฬเกยตื้นตายตลอดช่วงสัปดาห์นี้แล้วมากกว่า 200 ตัว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบหาสาเหตุวาฬเกยตื้นตายจำนวนมาก แต่ยังไม่ทราบชัดฝูงวาฬเกยตื้นตายเพราะป่วยหรือระบบนำทางผิดปกติหรือกระแสน้ำลดหรือเพราะถูกศัตรูธรรมชาติไล่ล่าจนมุมหรืออาจเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศโลกร้อนน้ำทะเลอุ่นขึ้น

อย่างไรก็ตาม เหตุวาฬเกยตื้นตายเกิดขึ้นในนิวซีแลนด์บ่อยครั้ง เฉพาะปีนี้เกิดขึ้นแล้วมากกว่า 85 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการว่ายเกยตื้นตายของวาฬตัวเดียว ไม่บ่อยครั้งนักที่เกยตื้นตายแบบยกฝูง.
เครดิต : Thairath news
#Watchers