ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150


    ทิเบตัน มัสตีฟ
    มีสามสิบล้านบาท เป็นอย่างน้อย
    เศรษฐีจีน..ชอบเลี้ยงไว้ข้างกาย
    เมืองไทย เคยมีคนไทยเอามาโชว์
    ราคานี้
    พอ เศรษฐกิจตกต่ำ
    ปิดฟาร์ม..เลี้ยงเงียบๆ
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่างศุภวิชญ์ จูเปรมปรี

    07:00 กทม 26°C
    7249123_1918040028243807_2588750001035280384_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg
    #เชียงราย 18°C

    เชียงใหม่ 21°C น่าน 18°C แพร่ 22°C ลำปาง 19°C เลย 21°C แม่ฮ่องสอน 21°C นครพนม 21°C พัทยา 25°C โคราช 24°C นครสวรรค์ 25°C ภูเก็ต 24°C สงขลา 28°C อุดร 21°C อุบล 22°C ชุมพร 27°C เกาะสมุย 28°C ปัตตานี 28°C

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โรงงานผลิตถุงมือปิดกิจการ คนงานเดือดร้อนหนัก ตกงานเกือบ 500 คน
    วันที่ 2 ธันวาคม 2561 - 21:58 น.
    67-728x455.jpg
    ที่มาภาพ : เฟสบุ๊ก Suwit Kaewhorthong
    วันนี้ (2 ธ.ค.) มีรายงานว่า คนงานโรงงานบริษัทเฮลตี้โกล์ฟ จำกัด รวมตัวกันด้านหน้าโรงงานในตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมถือป้ายประท้วง หลังทางโรงงานประกาศปิดกิจการ ลอยแพคนงานจำนวน 492 คน ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ โดย ตัวแทนคนงานที่ถูกเลิกจ้าง เสนอข้อเรียกร้อง อยากให้กระทรวงอุตสาหกรรม กับกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคนงาน หลังนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง และเงินเดือน ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 เดือน ทำให้คนงานทั้ง 492 คน ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างหนัก

    สำหรับโรงงานเฮลตี้โกล์ฟ เป็นโรงงานผลิตถุงมือยางส่งออกขายต่างประเทศ ประกาศปิดตัวเพื่อการปรับปรุงโรงงานไป เมื่อ ปี 2560 โดยจ่ายค่าแรงคนงานตามกฏหมายแรงงาน ร้อยละ 70 เรื่อยมาจนถึงเดือนพฤษภาคม 2561 แต่หลังจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ได้หยุดการจ่ายเงินคนงานอย่างสิ้นเชิง และไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ทำให้คนงานถูกลอยแพ เนื่องจากทุกคนมีความหวังรอโรงงานเปิดใหม่ เพื่อจะได้กลับมาทำงาน แต่กลับไม่มีคำชี้แจงใดๆ จากฝ่ายนายจ้าง

    https://www.matichon.co.th/region/n...UGKHLU6-n6cqWV0EMESJO47aD9wtqMORkSvCIlkygtVUI
    [​IMG]
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนทุ่มหมื่นล้าน ปั้นเขต ศก.พิเศษบ่อเต็น ย้าย “เซินเจิ้น-กวางโจว” มาชายแดนลาว 02 ธ.ค. 2561
    Untitled-1-25.jpg จีนทุ่มหมื่นล้าน ปั้นเขต ศก.พิเศษบ่อเต็น ย้าย “เซินเจิ้น-กวางโจว” มาชายแดนลาว


    กลุ่มทุนจีนเดินหน้าทุ่มนับหมื่นล้านหยวน ปั้นเมืองใหม่ชายแดนลาว ต้นทาง R3a จุดเชื่อมต่อรถไฟจีน-ลาว เฟสแรกเสร็จปี 63 จ่อยกสินค้าตลาดเซินเจิ้น-กวางโจว วางขายดึงนักท่องเที่ยว


    น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า กลุ่มทุนจีนคือกลุ่ม “ไห่เชิง” ได้สัมปทานจากทางการ สปป.ลาว พัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น ที่อยู่ห่างจาก อ.เชียงของ จ.เชียงราย ไปตามแนวถนน R3a ราว 254 กม.เป็นระยะเวลา 90 ปี บนพื้นที่ประมาณ 34.2 ตารางกิโลเมตร หรือ 21,375 ไร่ ใช้เงินลงทุนนับ 10,000 ล้านหยวน

    โดยมีการประกาศพัฒนาพื้นที่เป็นโซนๆ ได้แก่การค้าสินค้าอาเซียน การค้าปลอดภาษี สินค้าโอท็อป ศูนย์ค้าปลีกค้าส่ง ที่พักอาศัย รีสอร์ตและสนามกอล์ฟ สถานีรถไฟความเร็วสูง ปางช้าง ศูนย์แปรรูปสินค้า-นวัตกรรม สถานีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สร้างถนนซูเปอร์ไฮเวย์จากบ่อเต็น-สนามบินหลวงน้ำทา เพื่อให้ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที โดยโครงการมีแผนทำให้เสร็จสมบูรณ์ภายใน 10 ปี ขณะนี้ดำเนินการมาได้ 2 ปีแล้ว เฟสแรกจะแล้วเสร็จในปี 2563

    น.ส.ผกายมาศ กล่าวอีกว่า ในอนาคตจะมีชาวจีนจำนวนมหาศาลทะลักเข้ามาที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น ที่อยู่ติดกับเมืองโมฮาน อ.เมืองหล้า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา รวมถึงผู้คน-นักท่องเที่ยวจากไทยด้วย เนื่องจากจะมีการยกสินค้าจากตลาดเมืองเซินเจิ้นและกวางโจว มณฑลกวางตุ้ง มาจำหน่ายภายในศูนย์การค้าหรือเขตปลอดภาษีดังกล่าว ทำให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ไม่ต้องเดินทางไปยังเมืองเซินเจิ้นหรือกวางโจวอีกต่อไป

    ขอบคุณข้อมูล : mgronline.com


    https://www.thaiquote.org/content/5...Wf4FdepCYNCdIzfJq20tcN_HRXCMdg1h-2HR-qOmokEDQ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Paskorn Jumlongrach

    ตกงานกันอีกอื้อ
    สื่อมวลชนไทย
    --------
    เช้าวันจันทร์(3 ธค. 2561)ดูช่างไม่สดใสสำหรับวงการสื่อ
    เพราะเป็นวันที่พนักงานช่อง 3 เกือบร้อยคน
    ต้องลงชื่อพ้นสภาพ-ถูกเลิกจ้างออกจากงาน
    หลังจากเมื่อวันพฤหัสฯ(29 พย.)ผู้บริหารช่อง 3ได้ประชุม
    มีมติให้มีการเลิกจ้างพนักงาน
    พอวันศุกร์แจ้งให้หัวหน้าแต่ละสายงานทราบ
    เพื่อให้แจ้งไปยังพนักงานที่ถูกเลิิกจ้างให้มาเซ็นชื่อในวันจันทร์
    เรียกได้ว่าด่วนจี๋
    ใครหยุดเสาร์-อาทิตย์
    รู้ตัวอีกทีวันจันทร์ต้องออกจากงานแล้ว

    ในจำนวนผู้ที่ถูกเลิกจ้างของช่อง 3 ครั้งนี้
    เป็นพนักงานฝ่ายข่าวราว 80 คน
    ที่เหลือเป็นฝ่ายอื่นๆ
    แม้ทางช่อง3 จะจ่ายเงินให้ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
    คือค่าชดเชย 10 เดือน ค่าตกใจ(ไม่แจ้งล่วงหน้า) 2 เดือน
    แต่การเลิกจ้างอย่างกระทันหันเช่นนี้
    เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย
    สำหรับชีวิตหนึ่งที่กำลังเลี้ยงดูครอบครัว
    โดยผู้ที่ถูกเลิกจ้างในครั้ังนี้
    จำนวนมากยังอยู่ในวัยกำลังแรงงาน
    อายุช่วง 40-55 ปี
    แม้พวกเขาได้รับค่าชดเชยเป็นเงินก้อน
    แต่คุ้มหรือไม่กับการที่ต้องออกจากงานในวัยนี้
    เชื่อว่าสาเหตุที่ช่อง 3 ต้องเลิกจ้างครั้งใหญ่
    เป็นผลมาจากรายได้ที่ตกต่ำ

    ก่อนหน้าไม่กี่วัน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ประจำประเทศไทย
    ก็ได้เลิกจ้างนักข่าวไป 6 คน
    จนแทบเหี้ยน
    เหลือไว้เพียงแค่ 3 คน
    ขณะที่ยังมีข่าวแว่วมาอีกว่า
    ยังมีสื่อบางสำนักกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่
    เตรียมที่จะโล๊ะนักข่าวออกอีกชุดใหญ่
    เอวังจริงครับอาชีพสื่อมวลชนไทยยามนี้

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลาออกอีก! บอร์ด สปสช. “ผู้ว่าฯกทม.-ผู้แทนสภาเภสัชกรรม” รวมกก.ออกแล้ว 6 คน วันที่ 3 December 2018 - 11:30 น.
    14957971441495797180l-2.jpg
    จากกรณีคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) มีกรรมการลาออกจากตำแหน่งจำนวน 4 คน ภายหลังมีประเด็นการยื่นทรัพย์สินตามประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยกรรมการที่ลาออกอยู่ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คน ประกอบด้วย 1.นพ.พินิจ หิรัญโชติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ทางเลือก 2.นางชุมศรี พจนปรีชา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง 3.นายสมใจ โตศุกลวรรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย และ 4.นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งจะมีการคัดเลือกใหม่ในการประชุมบอร์ด สปสช.วันที่ 3 ธันวาคมนี้

    [​IMG]
    ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการลาออกของกรรมการ สปสช.สัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 4 ท่าน ปรากฎว่า ยังมีกรรมการใน สปสช.ลาออกเพิ่มอีก 2 ท่าน ได้แก่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ทำหนังสือขอลาออกจากบอร์ด สปสช. ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 และกรรมการสัดส่วนจากสภาเภสัชกรรม ซึ่งมี 2 ท่านสลับกันเข้าประชุม คือ ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม และ รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ กรรมการสภาเภสัชกรรม โดยเหตุผลของการลาออกของผู้แทนสภาเภสัชกรรม เนื่องจากกรรมการสภาเภสัชกรรมจะหมดวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 14 ธันวาคม 2561 จึงขอลาออกมีผลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้กรรมการ สปสช.ลาออกรวมแล้ว 6 คน

    ที่มา : มติชนออนไลน์

    https://www.prachachat.net/general/...mxvMwt25Mf80ri2xegtkgr0izwoLNIygP7atYk4jPa2V8
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    China Xinhua News




    หว่างประเทศจีนและลาวได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยอุโมงค์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟจีนอวี้ซี-โม๋ฮัน ระยะทาง 508 กิโลเมตร ถือเป็นโครงการที่สำคัญร่วมกันระหว่างสองประเทศ
    .
    การก่อสร้างอุโมงค์นี้เริ่มขึ้นในปี 2016 ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทั้งสองประเทศ เพื่อเป็นแนวทางริเริ่มโครงการเชื่อมต่อระหว่างประเทศอีกหลายโครงการในภายหลัง ทั้งยังอยู่ภายใต้โครงการเส้นทางสายไหมใหม่อีกด้วย
    .
    เมื่อการก่อสร้างทางรถไฟนี้เสร็จสิ้นลง จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางจากเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ถึงเมืองจิ่งหง เขตสิบสองปันนา ได้ถึงประมาณ 3 ชั่วโมง และคาดว่าจะช่วยลดเวลาการเดินทางไปถึงเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว ได้ไม่น้อยเช่นกัน
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Ch7HD News
    47291578_2267800856593031_8501897469058088960_n.jpg?_nc_cat=1&_nc_pt=1&_nc_ht=scontent.fbkk17-1.jpg

    ไม่ไว้ใจ!!! "เสื้อกั๊กเหลือง" โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ เล็งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหลังการประท้วงนโยบายการปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล

    อ่านรายละเอียดข่าว : http://s.ch7.com/314651

    #ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน #ฝรั่งเศส #เสื้อกั๊กเหลือง
    #Ch7HDNews #ข่าว7HD
    ติดตามข่าวอื่นต่อที่ news.ch7.com

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ces%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F09%2F06%2F105435011-1536201301773gettyimages-1030734204.1910x1000.jpg

    (Dec 3) คอลัมน์ ฝั่งขวาเจ้าพระยา: อวสานบิตคอยน์มาเร็วไปเร็ว: ปีนี้ บิตคอยน์ เงินสกุลดิจิทัล มีอายุครบ 10 ปี พอดี นับตั้งแต่ บุคคลนิรนาม ที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโต เผยแพร่เอกสาร ไวท์เปเปอร์ บรรยายถึง ระบบชำระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ จากบุคคลถึงบุคคล ด้วยเงินดิจิทัล โดยไม่ผ่านคนกลางคือ สถาบันการเงิน และไม่ต้องมีหลักทรัพย์หนุนหลัง เมื่อเงินตราที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2008

    ปลายปีที่แล้ว บิตคอยน์ มีมูลค่าสูงเกือบถึง 20,000 เหรียญต่อหนึ่งหน่วย ในตลาดซื้อขาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 10 เดือน ราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องจนต่ำกว่า 4,000 เหรียญ ลดลงไปถึง 80% นักเก็งกำไรที่หวังรวยง่ายๆ ตายเป็นเบือ

    บิตคอยน์ เป็นเงินดิจิทัลที่ได้รับคบามนิยมสูงสุดที่ทำให้เกิดเงินดิจิทัลสกุลอื่นๆ ตามมา เมื่อบิตคอยน์ไปต่อไม่ไหว ก็พลอยฉุดให้เงินดิจิทัลอื่นๆ ร่วงตามไปด้วย

    กระแสการต่อต้านบิตคอยน์ จากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในหลายประเทศ โดยการออกมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มข้น ประกาศเตือนความเสี่ยงจากการลงทุนในเงินดิจิทัล ทำให้นักลงทุนเริ่มถอยฉาก ประกอบกับข่าวคราวความไม่โปร่งใสของ " เจ้ามือ" คือ บรรดาคนกลางซึ่งเป็นเว็บไซต์ ตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายเงินดิจิทัล ที่เกิดเหตุบิตคอยน์ และเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆ ของนักลงทุนที่ฝากไว้ ถูก "แฮก" ขโมยหายไปอย่างไร้ร่องรอยหลายครั้ง โดยไม่มีผู้รับผิดชอบ ชดใช้คืนให้ ก็ยิ่งทำให้นักลงทุน นักเก็งกำไร พากันถอยห่างมากขึ้น

    บิตคอยน์ และเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่ถูกอุปโลกน์ว่า เป็นสกุลเงินแห่งอนาคต ความจริงแล้ว ก็คือ วัตถุแห่งการเก็งกำไรนั่นเอง โดยตัวของมันเองแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเป็นหลักประกันความน่าเชื่อถือเลย

    บิตคอยน์ ไม่มีลักษณะทางกายภาพที่จับต้องได้ เหมือนธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ แต่เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเข้ารหัส หรือเป็น "ดิจิทัล" นั่นเอง

    แต่ความจริงแล้ว บิตคอยน์ ไม่ใช่สกุลเงินแต่อย่างใด เพราะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ค่าของบิตคอยน์ เปลี่ยนแปลงผันผวนตลอดเวลา เมื่อต้นปีนี้มีค่าไม่ถึง 1 พันเหรียญสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อน ราคาเพิ่มขึ้นไปเป็น 19,000 เหรียญ ในบางช่วงบางวันราคาปรับขึ้นลง หลายร้อยเปอร์เซ็นต์

    จะใช้บิตคอยน์ชำระหนี้ได้อย่างไร ถ้าค่าของเงิน เปลี่ยน แปลงขึ้นลงเป็นจำนวนมากๆ อยู่ตลอดเวลา ที่มีข่าวว่า บางประเทศมีการรับรอง ให้ใช้บิตคอยน์ ชำระค่าสินค้า บริการได้ หรือองค์กรธุรกิจ รับบิตคอยน์ด้วย เป็นเพียงเรื่องที่พูดกันไป แต่ไม่เคยมีหลักฐานว่า มีการรับชำระหนี้ด้วยบิตคอยน์ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวที่ไหนบ้าง

    มีแต่คำเตือนจากรัฐบาลธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลกว่า การลงทุนในบิตคอยน์นั้น มีความเสี่ยงสูงมาก และบิตคอยน์ไม่ใช่สกุลเงิน

    รัฐบาลจีน ห้ามซื้อขายบิตคอยน์ในประเทศ เพราะเห็นว่า มันคือการหลอกลวง

    ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายวิรไท สันติประภพ กล่าวว่า บิตคอยน์ ไม่ใช่สื่อกลางการชำระเงินตามกฎหมาย หากจะให้นิยาม น่าจะเป็นเพียงสินทรัพย์หนึ่งเพื่อการลงทุน โดยอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และขณะนี้ยังไม่มีธนาคารใดในโลกที่รับรองสกุลเงินคริปโต เคอเรนซี เป็นสกุลเงินที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ตามกฎหมาย

    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฟันธงว่า การลงทุนในบิตคอยน์ คือการพนันชนิดหนึ่ง

    สินทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้น จะเป็นอะไรก็ได้ สุดแท้แต่มนุษย์จะสร้างขึ้นมา และชักชวนให้คนอื่นๆ เอาเงินมาลงทุนซื้อขายสินทรัพย์นั้น โดยหวังผลตอบแทนจากการลงทุน

    หุ้น พันธบัตร กรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ในตลาดการเงิน เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เรามีแชร์ แม่ชม้อย ชักชวนให้คนเอาเงินมาลงทุนซื้อน้ำมันไปขาย ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนงดงาม เดือนหนึ่งหลักหมื่นภายในไม่กี่เดือนก็คุ้มทุน ที่เหลือคือ รายได้ที่อยู่เฉยๆ ก็งอกเงยขึ้นมาเองทุกวัน หรือเรียกให้ทันสมัยคือเป็น passive income

    น้ำมัน ก็เป็นสินทรัพย์แห่งการลงทุนต่อจากยุคแชร์แม่ชม้อย การลงทุนแบบแชร์ลูกโซ่ ก็ยังคงมีอยู่มาจนถึงปัจจุบัน สินทรัพย์แห่งการลงทุนก็มีหลายๆ รูปแบบ เช่น อาหารเสริม เหล็กไหล สลากกินแบ่ง คอร์สสัมมนา โปรแกมทัวร์เกาหลีฯ ญี่ปุ่น ฯลฯ ที่ขบวนการต้นคิด ชักชวนให้คนเอาเงินมาลงทุน โดยอวดอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูง ในเวลาอันรวดเร็ว

    บิตคอยน์ ก็ไม่ต่างจากสินทรัพย์แห่งการลงทุนเหล่านี้ แต่เข้ากับยุคสมัย ที่โลกกลายเป็นโลกดิจิทัล และประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 คือเป็นสินทรัพย์การลงทุนที่เป็นดิจิทัล

    บิตคอยน์เกิดขึ้นมาเกือบสิบปีแล้ว โดยบุคคลนิรนามในชื่อ Satoshi Nakamoto ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า เป็นใคร และมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นโดยการประมวลผล สมการคณิตศาสตร์อันสลับซับซ้อนด้วยซอฟต์แวร์ที่เขียนขึ้นมาโดยเฉพาะต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูง ทำงาน 24 ชั่วโมง ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เพื่อไม่ให้เครื่องร้อน ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า การทำเหมือง หรือการขุดบิตคอยน์

    การขุดบิตคอยน์ ต้องลงทุนเป็นเงินหลายแสนบาท เป็นค่าเครื่อง ค่าซอฟต์แวร์ และค่าไฟ สิ่งที่ได้คือ ชุดข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่เข้ารหัสที่ชื่อว่า บิตคอยน์ วิธีทำเงินจาก บิตคอยน์คือ ขายบิตคอยน์ให้คนที่ต้องการลงทุน แต่ไม่ต้องการทำเหมืองขุดบิตคอยน์เอง ขอซื้อจากคนที่มีบิตคอยน์อยู่ ต่อมาจึงเกิดธุรกิจ หรือ "ตลาด" ซื้อขายบิตคอยน์ขึ้น

    วันนี้ เมื่อราคาบิตคอยน์ ร่วงลงมาเรื่อยๆ นักทำเหมืองขุดบิตคอยน์ทั้งหลาย ถอดใจ ขายเครื่องทิ้ง เพราะขุดต่อไปไม่คุ้มกับค่าไฟ ราคาเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับขุดบิตคอยน์ โดยเฉพาะที่เคยสูงถึงเครื่องละ 120,000 บาท เหลือไม่ถึง 20,000 บาทแล้ว

    ฉากสุดท้ายของบิตคอยน์ กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน.

    โดย โชกุน
    Source: ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา

    เพิ่มเติม
    - Bitcoin crashes 37 percent in November, wiping $70 billion off of cryptocurrencies' market value: https://www.cnbc.com/2018/11/30/bit...2KBJ43NZyy1au9L9o9cimy98zpovI6i064XnGf9-J_xnk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    oil-rig-352259401920.jpg

    (Dec 3) รัสเซียและซาอุฯ ตกลงเงื่อนไขการผลิตน้ำมันใหม่อีกครั้ง หลังราคาน้ำมันตกหนัก: วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ เจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย ได้พบปะในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา และได้พูดคุยถึงเรื่องการผลิตน้ำมันของทั้ง 2 ประเทศล่วงหน้าก่อนที่จะมีการพูดคุยระหว่างประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC ในช่วงวันที่ 6-7 ธันวาคม

    ราคาน้ำมันดิบได้ขึ้นทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาที่ 76 เหรียญสหรัฐ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบได้ตกลงมาจากจุดสูงสุดแล้วราวๆ 30% ทำให้กลุ่ม OPEC ต้องหาแนวทางที่จะรักษาราคาน้ำมันเอาไว้ โดยปัจจุบันทางกลุ่มมีกำลังการผลิตประมาณ 40% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมด

    สำหรับข้อเสนอของซาอุฯ คือจะให้ OPEC ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลในช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นไป เพื่อที่จะทำให้ราคาน้ำมันกลับมาสูงอีกครั้ง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าได้ตกลงมาเหลือเพียง 51 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

    ส่วนทางด้านรัสเซียจะทยอยลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงเช่นกัน อย่างไรก็ดีทางรัสเซียไม่ได้บอกปริมาณที่แน่นอนว่าจะลดการผลิตเท่าไหร่ โดยรัสเซียไม่ได้เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของ OPEC แต่ให้ความร่วมมือกับทางกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเป็นอย่างดี และมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วยบ่อยครั้ง

    ผลสำรวจของนักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินต่างๆ จาก Reuters คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปีหน้าจะอยู่ที่ราวๆ 67 เหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดือนตุลาคมซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 70 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากคาดว่าในปีหน้าอาจมีน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ออกมาเพิ่มเติมทำให้ราคาน้ำมันลดลงจากเดิมที่คาดไว้

    นอกจากนี้สำนักข่าว Reuters ยังได้รายงานว่าประธานาธิบดีของรัสเซียมีแผนการที่จะเยือนซาอุฯ ด้วย แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนออกมา

    โดย Wattanapong Jaiwat

    Source: Brandiside.aisa
    https://brandinside.asia/russia-sau...mlMLMbIs62uFeYpmxOQstssErA3VYkNXKUdTnAFjysYN8
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    561000012444601.jpg
    (Dec 3) คอลัมน์ สตาร์ทอัปจีนสอนยุโรปทำอย่างไร ไม่เป็นลูกไล่อเมริกัน : การเปิดกว้างและพัฒนาประเทศของจีนส่งผลวงกว้างให้กับทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการลงทุน และกิจการ สตาร์ทอัป ซึ่งในปี 2014 จีนยังมีบริษัทผู้ประกอบ 4.0 ที่ติด 20 อันดับต้นของโลกเพียง 2 ราย แต่ 4 ปีที่ผ่านมา กิจการอินเทอร์เน็ตของจีนได้เพิ่มเข้ามาอยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกเป็น 9 รายแล้ว โดยที่เหลือ11 ราย เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันทั้งสิ้น และไม่มีสตาร์ทอัพของยุโรปเลย

    บริษัทอินเทอร์เน็ตอเมริกันก้าวขึ้นมาเป็นรายใหญ่ได้จากการออกไปครองตลาดทั่วโลก แต่บริษัทจีน 9 รายนั้น เพียงให้บริการอยู่ในแผ่นดินใหญ่ก็ติดอันดับโลกแล้ว ทีนี้อีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เมื่อจีนก้าวออกไปยังตลาดนอกแผ่นดินใหญ่ ตลอดเส้นทางสายไหม หนึ่งแถบหนึ่งทาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ...นับถึงตอนนั้น อันดับโลกและมูลค่าของจีนจะมหาศาลเพียงใด

    ส่วนสตาร์ทอัปยุโรปนั้น ไปไหนกันหมด และจะเรียนรู้จากบริษัทจีนได้หรือไม่ หลังจากที่เปิดให้อเมริกาเข้ามาครอบครองตลาด ยึดกุมกลไกและระบบนิเวศอุตสาหกรรมดิจิทัลมานานกว่า 3 ทศวรรษ และยังกำลังจะถูกนักล่ารายใหม่อย่างจีน ที่ข้ามขึ้นมาอยู่บนยอดสุดของพีระมิดห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้

    จีนที่เมื่อ 40 ปีก่อน มีแต่คนถีบจักรยาน วันนี้วันหน้ายังจะมีบริษัทระดับเวิลด์คลาสเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เพราะมีของ มีเทคโนโลยีใหม่รอเกิดขึ้นอีก ทั้งแพลตฟอร์มและปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง

    เฟเบียน ฟอน ไฮม์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการ บริษัท Hotnest ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานในภาคเศรษฐกิจดิจิทัลจีน ได้พูดถึง 3 ปัจจัยที่ยุโรปควรเรียนรู้จากการเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน สตาร์ทอัพจีน โดยกล่าวรวมๆ ของยุโรป ไม่ได้เจาะศักยภาพรายประเทศ กระนั้น ก็ครอบคลุมพอที่จะเห็นภาพอนาคตของความเป็นจริงของประเทศต่างๆ ในยุโรปที่คงต้องเกาะกลุ่มกันไว้เพื่อแข็งแกร่งพอจะเป็นรายใหญ่ของโลก พอๆ กับสหรัฐอเมริกา และจีน

    1. ยุโรปจำเป็นต้องมีกองทุนเงินร่วมลงทุน (VC Fund) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสตาร์ทอัป

    ปีที่แล้ว 2017 สหรัฐฯ มีกองทุนร่วมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสตาร์ทอัป มูลค่ากว่า 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนจีนมีกองทุนฯ มูลค่า 59,000 ล้านดอลลาร์ แต่ยุโรปมีเพียง 17,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งเทียบแล้วเพียง 1 ใน 8 ส่วน ของสหรัฐฯ และ 1 ใน 5 ส่วนของจีน นี่คือปัจจัยแรกที่สร้างผลลัพธ์ความแตกต่างชัดเจน

    ระบบเศรษฐกิจของจีน เป็นการแข่งขันกันทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่นแข่งกันสนับสนุนกิจการสตาร์ทอัปจดทะเบียน ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ แข่งกันในระดับมณฑล ภูมิภาค ตลอดจนเขตพัฒนาต่าง ๆ อาทิ เขตลุ่มแม่น้ำเพิร์ล (เซี่ยงไฮ้, หางโจว, ซูโจว) และ เขต Greater Bay Area (เซินเจิ้น, กว่างโจว, จูไห่) ฯลฯ

    แต่ละท้องถิ่นต้องสร้างสรรค์มาตรการเพื่อสนับสนุนบรรยากาศการทำธุรกิจ มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อผลักดันสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตั้งแต่การใช้กองทุนลงทุนในกิจการต่างๆ ในสัดส่วน 20 เปอร์เซนต์ การให้ประโยชน์ทางภาษี

    การแข่งขันในภาคส่วนต่าง ๆ การใช้โครงสร้างกองทุนเพื่อกิจการภาคเอกชน และการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัปเหล่านี้ ไม่มีในยุโรปเลย ไม่มีทั้งการแข่งขันกันเองเพื่อพัฒนากิจการ ไม่มีกองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัป เช่นเดียวกับมาตรการภาษี หรือนโยบายสนับสนุนอื่นๆ

    2. ยุโรปต้องมีกิจการผู้เล่นที่โดดเด่น และมีพลังในการส่งต่อ สหรัฐอเมริกา มี Facebook, Amazon, Netflix และ Google ฉันใด จีนก็มี Baidu, Alibaba, Tencent หรือ สามก๊ก BAT ซึ่งมีพลังในการขยับโครงสร้างและเกื้อหนุนกองทัพเล็ก กองพลน้อยของเหล่าสตาร์ทอัปรายใหม่ ๆ ช่วยให้ผู้เล่นรายใหม่ได้เกิดตาม ทั้งจากการรวมพลัง และการให้ทุนสร้างกิจการ ซึ่งในด้านนี้ จีนยังมีคลื่นลูกใหม่สตาร์ทอัปที่จะก้าวขึ้นมาใหญ่อีกมากมาย อาทิ Meituan, Didi Chuxing ซึ่งกิจการเหล่านี้ จะโตไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้พี่ใหญ่ช่วยหนุนทางใดทางหนึ่ง เงินทุนของสตาร์ทอัปในยุโรปเกือบทั้งหมด มาจากสหรัฐอเมริกา และไม่มีบริษัทไหนในยุโรปเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นเลยใน 20 อันดับแรกของโลก

    ยุโรปใช้บริการจากกิจการสตาร์ทอัป ของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด ใช้เฟซบุ๊กของสหรัฐฯใช้กูเกิลของสหรัฐฯ ใช้ค้าปลีกอเมซอนของสหรัฐ ซึ่งกิจการเหล่านี้ ไม่ได้สนใจที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้เล่นหรือบริษัทฯ ท้องถิ่นอะไรนัก ทั้งในระยะสั้น หรือระยะยาว

    ความสนใจหลักของกิจการค่ายสหรัฐฯ คือการครองตลาดและเก็บเกี่ยวผลกำไร ตลอดจนข้อมูลผู้ใช้ ตลาดลูกค้าทั้งหมด นี่เพราะยุโรปเปิดประตูให้สหรัฐฯ เข้าทุกซอก ตรอก ซอยเอง และในตอนท้ายผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็กลับไปสู่สหรัฐฯ ทั้งนั้น

    3.นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลต้องชัดแจ้ง ในปี 2016 แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี ฉบับที่ 13 จีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็น 1 ใน 6 วาระแห่งชาติอันดับต้น ๆ ซึ่งเอาจริงจังขนาดเรียกได้ว่า งานวิจัยด้านเอไอ

    และศักยภาพของบริษัทเอไอของจีน ตอนนี้อยู่ในระดับโลกแล้ว รัฐบาลจีนป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันอุตสาหกรรมของตน ด้วยการจำกัดการรุกกลืนของบริษัทต่างชาติ ซึ่งพร้อมจะเข้าถึงและเขมือบตลาดจีนที่มีพลเมืองผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมหาศาล

    ผลของการจำกัดนี้ ทำให้จีนสามารถจัดที่จัดทาง วางระบบนิเวศนของตนและกลายเป็นฐานพลังขับเคลื่อนสำคัญให้กับอุตสาหกรรมสตาร์ทอัป และนวัตกรรมสัญชาติจีนต่างๆ ได้เกิด ด้านยุโรปนั้น ก็มีนโยบายและมาตรการจำกัดตลาดในหลายอุตสาหกรรม แต่ในภาคดิจิทัลซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตมากมาย รัฐบาลของกลุ่มประเทศยุโรปกลับปล่อยให้สหรัฐฯ เข้าถึงและครอบครองระบบห่วงโซ่มูลค่าอย่างเต็มที่

    เฟเบียน บอกว่า ยุโรปพึงเรียนรู้และพัฒนารูปแบบของตนเองที่ต่างจากจีน ซึ่งอาจจะได้เปรียบที่มีตลาดใหญ่ และมีเอกภาพซึ่งยุโรปไม่มี แต่อ้างแบบนั้นจะทำให้ปัญหาแก้ไม่ได้ ยุโรปคงต้องรวมตัวกันมากกว่านี้ หากอยากจะมีอนาคต เพราะนี่คือยุคที่โลกมีหลายขั้วมหาอำนาจ ซึ่งจีน ยุโรป และสหรัฐฯคงยังมีพื้นที่ของตน การเรียนรู้และร่วมมือทั้งในยุโรปเอง และหรือร่วมมือกับจีนเพื่อสร้างระบบผู้ประกอบการ กองทุนร่วม และประโยชน์ของกันและกัน เมื่อดูบทเรียนเปรียบเทียบสตาร์ทอัปยุโรป สหรัฐฯกับจีนแล้ว ก็คงพอทำให้ย้อนดูประเทศไทย 4.0 ของเราเอง และประเมินตัวได้ไม่มากก็น้อยเช่นกัน ว่าตอนนี้เราอยู่ที่จุดที่เท่าไหร่กันแน่

    Source: ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา

    https://mgronline.com/china/detail/9610000119715
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    =282&url=https%3A%2F%2Fwww.thairath.co.th%2Fmedia%2F4DQpjUtzLUwmJZZPFh3zijxSwkVjC0AWrmb6Ndye3iR8.jpg
    (Dec 3) "วิรไท" เปิดจุดยืนธนาคารกลาง: หลังการประกาศตัวเลขการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส ที่ 3 ของ สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เพิ่มขึ้นเพียง 3.3% ลดลงจากครึ่งปีแรกของปีนี้ที่ขยายตัวได้สูงถึง 4.8%

    นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักออกมาชี้ว่า "เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว"

    ขณะที่ "อัตราดอกเบี้ย" ของไทยที่อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน สวนทางอัตราดอกเบี้ยโลกที่กำลังเข้า สู่ช่วง "ขาขึ้น" นั้น เพิ่มความผันผวนให้กับตลาดเงินตลาดทุนกำลังเป็นความท้าทายในการตัดสินใจปรับขึ้น "อัตราดอกเบี้ยนโยบาย" ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

    แล้ว...จุดพลิกผันที่เราจะยกระดับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเร็วและแรงขึ้นในระยะต่อไปอยู่ที่ไหน นโยบายการเงิน-การคลังจะสอดประสานเพื่อรักษาแรงส่งการขยายตัวในระยะต่อไปอย่างไรการเมืองจะรับสภาพการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หรือไม่ หรือท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร หาก "ดอกเบี้ยไทยเริ่มปรับขึ้น"

    ทั้งหมดฟังคำตอบชัดๆ กับ "ดร.วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าการธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) ดังนี้ :

    รับมือปัจจัยเสี่ยงอย่างไรระวังภัย!เศรษฐกิจปี62

    "สงครามการค้า" และ "ความผันผวนในระบบการเงินโลก" เป็น 2 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องรับมือในปี 62 โดยผลกระทบจาก "สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน" นั้น ผู้ว่าการ ธปท.มองว่า จะมีผลระยะสั้นในทางลบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ในระยะยาวจะมีผลทางบวกกับประเทศไทย

    "ผลกระทบทางลบโดยตรงคือสินค้าที่เคยส่งออกได้ส่งออกไม่ได้ซึ่งที่เห็นแล้วคือ เครื่องซักผ้าและโซลาร์เซลล์ ที่ถูกขึ้นภาษีนำเข้า ทำให้ยอดขายตกลงมาก ขณะที่ผลทางอ้อมคือ สินค้าไทยที่ไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของประเทศที่เป็นเป้าหมาย เช่น จีน โดยเราเห็นบางสินค้าที่ยอดสั่งซื้อจากจีนลดลงแล้ว และปีหน้าผลกระทบส่วนนี้อาจจะแรงขึ้น"

    ขณะที่ผลด้านบวก จะได้จากสินค้าที่เมื่อก่อนอเมริกานำเข้าจากจีน แต่วันนี้อาจต้องนำเข้าจากที่อื่นซึ่งอาจจะเป็นประเทศไทย หรือสินค้าที่จีนเคยนำเข้าจากอเมริกา พอจีนไปตั้งกำแพงภาษีขึ้นมาก็ต้องหาประเทศอื่นเช่นกัน

    ส่วนอีกผลบวกที่เริ่มเห็นตัวเลขชัดเจนขึ้น คือการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนจีนและผู้ผลิตในจีน ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยคิดจะไปผลิตนอกประเทศ แต่เมื่อคาดว่าสงครามการค้าจะอยู่อีกนาน ทำให้เขาตื่นขึ้น และไม่เอาไข่ไปใส่ในตะกร้าใบเดียว ซึ่งเท่าที่ทราบนักลงทุนจีนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างมาก

    ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่สองจะมากับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมทั้งความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนในระบบการเงินโลกที่เชื่อว่าจะสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพคล่องที่ปรับลดลง จากแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและธนาคารกลางอื่นที่มีแนวโน้มลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินลงเช่นกัน

    "เวลาที่ดอกเบี้ยเริ่มปรับสูงขึ้น จะกระทบกับประเทศที่มีหนี้สินสูงและถ้าย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ หนี้ต่อจีดีพีในขณะนี้อาจจะสูงสุดในโลกและโตเร็วมากแทบจะในทุกกลุ่มประเทศ ทั้งประเทศอุตสาหกรรมหลัก ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน ในช่วง 10 ปี หนี้ต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ซึ่งจะส่งผลลบต่อการผิดนัดชำระหนี้และความสามารถในการต่ออายุหนี้ รวมทั้งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายปีหน้าจะผันผวนมากขึ้นด้วย".

    มุมมองที่แตกต่าง "ธนาคารกลาง-รัฐบาล" จุดยืนหน้าที่และนโยบาย

    ไม่ว่ายุคใดสมัยใด "การปรับขึ้นดอกเบี้ย" ถือเป็นเรื่อง "แสลงใจ" ของรัฐบาลยิ่งในภาวะที่ดอกเบี้ยโลกอยู่ในช่วงขาขึ้น การประสานนโยบายการเงินกับการเมืองให้สมดุลเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ

    "การดูแลภาวะเศรษฐกิจ เป็นเรื่องปกติของธนาคารกลางกับรัฐบาลที่ต้องประสานนโยบายกัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันว่าอ่านภาวะเศรษฐกิจข้างหน้ายังไง ใครมีศักยภาพจะทำอะไรและกังวลเรื่องอะไร" ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวและว่าแน่นอนว่า อาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งผมเห็นว่าเรื่องสำคัญคือ ต้องเคารพความเห็นที่ไม่ตรงกัน ยิ่งในทางทฤษฎีแล้ว หากถามนักเศรษฐศาสตร์ 5 คน อาจได้คำตอบ 8 อย่าง เพราะว่าสถานการณ์ที่เผชิญเปลี่ยนตลอดเวลา และมุมมองวัตถุประสงค์ การให้น้ำหนักก็ต่างกัน โดยเฉพาะธนาคารกลางกับรัฐบาล

    "ทุกประเทศเป็นแบบนี้หมด ทั้งช่วงเวลาของการมองที่ต่างกันธนาคารกลาง โดยหน้าที่จะต้องมองยาวเวลาที่เราพูดถึงเรื่องเสถียรภาพ แต่รัฐบาลแน่นอนว่ามีรอบเวลาการทำงานการเมือง มีวัฏจักรการเมืองที่ต่างจากเรา ขณะที่แรงกดดันของประชาชนกับรัฐบาลก็แรงกว่า ต้องทำให้เกิดผลทันทีในช่วงสั้นๆ"

    เมื่อออกแบบมาตั้งแต่แรกให้เป็นอย่างนี้ ต้องมีคนทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพ เพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีปัญหา ในอเมริกาก็มี ประธานาธิบดี "ทรัมป์" กับนายพาวเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มองกันคนละมุม ขณะที่ในอินเดียกำลังมีปัญหาเช่นกัน ผู้ว่าการแบงก์ชาติอินเดียถูกกดดัน เพราะจะมีเลือกตั้งปีหน้า

    ถ้าคิดง่ายๆเหมือนแบงก์ชาติต้องวิ่งมาราธอน ในขณะที่รัฐบาลเขาดีไซน์อาจจะวิ่งแค่ 400 เมตร เพราะฉะนั้น การมองจะต่างกันการใช้ทรัพยากรก็ต่างกัน การจะสะสมพลังไว้สำหรับระยะยาวก็ต่างกันการมองผลกระทบต่างกัน รัฐบาลวิ่ง 400 เมตร แล้วพักแต่แบงก์ชาติต้องวิ่งมาราธอนเพราะฉะนั้นจะมีประเด็นที่เห็นต่างกัน อันนี้เป็นเรื่อง "คลาสสิก" ของทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือกำลังพัฒนา

    ผมมักถูกนักข่าวต่างชาติถามเสมอว่าเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติในรัฐบาลรัฐประหารยากไหม ผมไม่เห็นจะต่างจากผู้ว่าประเทศอื่นๆเลย เพราะเราเข้าใจว่ามุมมองที่ต่างกันทุกคนหวังดีรัฐบาล หวังดีอยากจะทำประโยชน์ให้ประชาชน แต่จุดที่อยากไปถึงอาจต่างกันน้ำหนักที่ให้จึงต่างกัน

    ส่วนของเรานโยบายการเงิน นโยบายสถาบันการเงินหลักคือ เรื่องการรักษาเสถียรภาพเพราะเรารู้ว่าการวิ่งมาราธอนถ้าสะดุดล้มตกเขาขึ้นมา เกิดวิกฤติการเงินขึ้นมามันเจ็บแรงและยาวมากกว่าจะฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้ามองสั้นๆ โอกาสที่จะเจอวิกฤติน้อยมากความต้องการระยะสั้นจะตอบสนองจากเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเสถียรภาพ มีประชาชนมาเดินขบวน ต้องช่วยเยียวยา ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

    แต่อย่างไรก็ดี ในภาพใหญ่ผมคิดว่าไม่มีใครหลุดวัตถุประสงค์ที่อยากเห็นประเทศมีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีการเติบโตเต็มศักยภาพ ความอยู่ดีกินดีของคนดีขึ้น ธปท.เองไม่ใช่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจเรามีวิวัฒนาการที่ต่อเนื่องมาจากบทเรียนในหลายประเทศรวมทั้งบทเรียนวิกฤติเศรษฐกิจของเราเอง เพียงแต่เราต้องเชื่อในระบบ และต้องเคารพบทบาทของแต่ละคนสุดท้ายจะต้องมีการพูดคุยกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน.

    ผู้ว่าการ ธปท.กับภาพใหญ่ยกเครื่อง"เศรษฐกิจไทย"กับโจทย์ใหญ่ของภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ผู้ว่าการ ธปท.ระบุว่า:

    "ตั้งแต่ต้นปีเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการกระจายตัวที่ดีขึ้น เริ่มเห็นการขยับของข้อต่อทางเศรษฐกิจจากภาคการส่งออกไปสู่การจ้างงานใหม่ที่เต็มเวลาเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้ของ "คนไทย" ทำให้เห็นตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นแม้ในไตรมาส 3 ที่จีดีพีของไทยเติบโตเพียง 3.3% แต่ถ้าดูไส้ในการบริโภคยังคงดีขึ้นต่อเนื่อง

    นอกจากนั้นเราเริ่มเห็นการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้นบวกกับการลงทุนเริ่มขยับจากการที่เราพยายามตอบโจทย์เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ"

    ทั้งนี้ ธปท.เตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4%

    "ไม่ได้บอกว่าเศรษฐกิจไทยดีมาก วันนี้ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวเริ่มสะดุด ขณะที่ในอนาคตข้างหน้ายังมีความเสี่ยงหลายเรื่องทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ ดังนั้นมองไปข้างหน้า หากจะเร่งเครื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตดีขึ้น การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถถือเป็นเรื่องจำเป็น"

    ที่พูดกันว่าเศรษฐกิจไทยโตดีแต่คนไทยยังไม่รู้สึกว่าดีนั้นไม่ใช่ "วาทกรรม" ถ้ามองถอยไป 3-4 ปี จีดีพีเริ่มโต แต่โตมาจากการส่งออกที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ยังไม่ได้ลงไปสู่ประชาชนฐานราก

    นอกจากนั้น ในภาคเกษตรของเราตั้งแต่ยกเลิกโครงการพยุงราคาข้าว รายได้ก็ถูกกระแทกแรง เศรษฐกิจต่างจังหวัดซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่จึงยังไม่ฟื้น ที่สำคัญหนี้สินครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะครัวเรือนเกษตรกร ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการที่ส่งเสริมให้ก่อหนี้ทั้งทางตรงและไม่ใช่ทางตรงค่อนข้างมาก

    ขณะเดียวกัน ในประเทศยังมีหลายภาคธุรกิจที่มีผลิตภาพต่ำหากเราช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ตรงจุด เรายังมีโอกาสเพิ่มผลิตภาพของเศรษฐกิจไทยได้อีกมาก โดยเฉพาะ "ผู้ประกอบการขนาดกลางหรือขนาดย่อม" หรือเอสเอ็มอี หากสามารถเพิ่มผลิตภาพของตัวเองได้ จะสร้างมูลค่าโดยรวมให้กับระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก

    "สิ่งที่เห็นชัดคือ ใครที่ปรับใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจได้ดีจะมีโอกาสยกระดับและไปต่อได้ส่วนที่หลายคนมองว่า ต้นทุนทางการเงินเป็นจุดใหญ่ของเอสเอ็มอีแต่สำหรับคนที่ปรับตัวได้ ใช้เทคโนโลยีเขาจะไม่มองเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าอาการหลักคือแข่งขันไม่ได้ก็จะส่งผลให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมา"

    "การแก้ปัญหายุคต่อไป จึงต้องลงไปแก้ปัญหาในระดับจุลภาคต้องเฉพาะเจาะจง นโยบายเหวี่ยงแหอย่างที่ผ่านมามันไม่ตอบโจทย์แล้วขณะที่นโยบายเศรษฐกิจต้องมองระยะยาวนโยบายที่เกี่ยวกับแรงงานการเพิ่มทักษะ การเพิ่มศักยภาพแรงงานจะเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทยในอนาคต นโยบายแรงงานจะต้องเป็นมิติเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายด้านสังคมต้องมองว่ามีคนในตลาดแรงงานอีก 30 ล้านคน ที่ต้องการการพัฒนาทักษะให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง".

    ตอบโจทย์"ดอกเบี้ย"เมืองไทย

    "สมมติว่า กนง.ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในภาวะที่สภาพคล่อง ในระบบยังสูงมากไม่ได้หมายความว่าหากมีการขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะต้องปรับขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ กนง.พูดชัดเจนว่ายังจำเป็นต้องทำนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปแต่แบบที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษในปัจจุบันมีความจำเป็นลดลง

    ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าเมื่อมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงเศรษฐกิจไทยจะรับการปรับขึ้นได้ โดยไม่สร้างผลกระทบแบบ shock กับระบบเศรษฐกิจ "นายวิรไทกล่าว

    แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยจะเกิดขึ้นจริงเมื่อไรนั้นผู้ว่าการ ธปท.ระบุเพียงว่า "การทำนโยบายการเงินต้องมองไปข้างหน้า และต้องมีความยืดหยุ่นเราเป็นเศรษฐกิจเล็กไม่สามารถกำหนดกรอบชัดเจนได้เหมือนประเทศใหญ่ๆหลักการจึงเป็นการประเมินสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา (data dependent) และดูตามความเหมาะสม"

    อย่างไรก็ตาม วันนี้ ธปท.ยืนยันว่า "เรายังสามารถทำนโยบายการเงินที่ตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจในประเทศได้เพราะเรามีเสถียรภาพต่างประเทศที่เป็น "กันชน" จากระบบการเงินโลกได้อย่างดี โดยนโยบายการเงินให้ความสำคัญ 3 เรื่องหลัก คือ เงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ"

    ส่วนที่พูดกันเรื่องความสามารถการดำเนินนโยบาย (Policy space) นั้น แน่นอนว่าเราควรต้องเตรียมกระสุนไว้ใช้ แต่ก็ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่า ถ้าดอกเบี้ยเริ่มขึ้นก็จะขึ้นทุกครั้ง ขึ้นต่อเนื่องเพื่อจะสะสมกระสุน

    "สิ่งที่ กนง.เป็นห่วงก็คือ เสถียรภาพระบบการเงิน ดอกเบี้ยที่ต่ำ สร้างพฤติกรรมให้คนประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร ลงทุนโดยไม่คำนึงว่าผลตอบแทนมาจากไหน ขณะที่ระยะยาวในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คนไทยควรได้ผลตอบแทนที่จูงใจให้เกิดการออม ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาเสถียรภาพใหม่ในระยะยาวได้เช่นกัน"

    แม้จะยังไม่รู้ว่าดอกเบี้ยจะขึ้นเมื่อไร แต่ก็มีอีกประเด็นที่ผู้ว่าการ ธปท.ตั้งใจฝากไปถึงนายแบงก์ให้รู้ไว้โดยทั่วกัน "หากช่วงต่อไป กนง.ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ธปท.ไม่ได้คาดหวังให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้น "ดอกเบี้ยเงินกู้" ตามทันที แต่คาดหวังจะเห็นถึงการปรับขึ้น "ดอกเบี้ยเงินฝาก" ก่อน โดยสิ่งแรกที่ธนาคารพาณิชย์ควรทำคือ การปรับดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ที่เคยให้อัตราต่ำพิเศษ"

    สุดท้ายกับข้อถามที่ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 และนโยบายการคลังในช่วงต่อไปที่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลงนั้น จะกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.ต้องกลับไปพยุงเศรษฐกิจไทยมากขึ้นหรือไม่ คำตอบที่ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวกับ "ทีมเศรษฐกิจ" ก็คือ

    "ในช่วงที่ผ่านมา อย่างตอนที่ คสช.เข้ามาใหม่ๆ นโยบายการคลังทำหน้าที่ไม่ได้ เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามา มีประเด็นเรื่องงบประมาณ นโยบายการเงินก็ทำงานแทน มีการลดดอกเบี้ยแต่ช่วงต่อจากนี้นโยบายการเงินยังต้องทำงานหรือไม่นั้น คงยังตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลา และภาวการณ์หลังการเลือกตั้งไปแล้ว"

    ทีมเศรษฐกิจ

    Source: ไทยรัฐออนไลน์
    https://www.thairath.co.th/content/1434850
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เจ๊งกันเป็นแถว! ร้าน ผ้าทอ แห่ปิดกิจการ เซ่นพิษเศรษฐกิจ-ภาษีแพง
    วันที่ 3 ธันวาคม 2561 - 12:45 น.
    %E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7_6-696x408.jpg
    เจ๊งกันเป็นแถว! ร้าน ผ้าทอ แห่ปิดกิจการ เซ่นพิษเศรษฐกิจ-ภาษีแพง
    วันที่ 3 ธ.ค. นางลัดดา วิละแสง เจ้าของร้านช่อลัดดาผ้าทอ บ้านฮวกหมู่ 12 ต.ภูซาง อ.ภูซาง จ.พะเยา กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจการค้าขาย ผ้าทอ ในชุมชนบ้านฮวกที่ซบเซาลง โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าผ้าทอพื้นเมือง ที่ผ่านมาร้านค้าผ้าทอต่างๆ ได้รับสินค้าประเภทผ้าทอจากเมืองคอบ เมืองเงิน และเมืองเชียงฮ่อน แขวงไชยะบุรี ประเทศลาว เนื่องจากค่าแรงงานถูก ทำให้ผ้าทอราคาถูกและสามารถสั่งทอได้จำนวนมาก

    แต่ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากพ่อค้าผ้าทอในเมืองคอบแจ้งมาว่า ขณะนี้ทางลูกค้าจากประเทศจีนได้เข้ามาสั่งซื้อผ้าทอจากเมืองคอบ เมืองเงิน และเมืองเชียงฮ่อน ครั้งละจำนวนมาก จึงไม่มีผ้าทอส่งมายังฝั่งไทยที่บ้านฮวก นานเกือบปีแล้ว

    เจ้าของร้านช่อลัดดา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้การปรับระบบเพื่อจะเปิดด่านถาวรบ้านฮวก สินค้าที่จะต้องมาซื้อขายต้องเข้าระบบการเก็บภาษีสินค้าตามระเบียบ

    [​IMG]
    ทำให้ทางประชาชนที่ส่งผ้าทอจาก สปป.ลาว และผู้ค้าในชุมชนบ้านฮวกที่นำเข้าผ้าทอจาก สปป.ลาว จะต้องเสียภาษีซึ่งเป็นเรื่องใหม่

    ดังนั้นทำให้ผ้าทอจาก สปป.ลาวหายไป แทบไม่มีขายในร้านค้าที่ชุมชนบ้านฮวก อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักคือ ลูกค้าประเทศจีนสั่งทอและรับซื้อผ้าทอจากทั้ง 3 เมืองของแขวงไชยะบุรี ดังกล่าว ทำให้ผ้าทอลาวราคาแพงราคาชิ้นละ 600-2,000 บาท และไม่มีนำเข้าจากลาวอีก บางร้านก็ปิดตัวไปแล้ว

    “ขณะนี้ผ้าทอลาวหายไป ไม่สามารถนำเข้าได้เหมือนเดิมแล้ว จึงมีแนวคิดส่งเสริมให้กลุ่มผ้าทอบ้านฮวก ทอผ้าทอภูซางที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านฮวก เป็นลายสีสันสดใส ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้น และในอนาคตหากเปิดด่านถาวรบ้านฮวกได้พร้อมกับด่านปางมอน ของ สปป.ลาว ก็อาจจะเป็นตลาดผ้าทอของคนจีนในอนาคตด้วย” นางลัดดา กล่าว


    https://www.khaosod.co.th/breaking-...bHmIi-fYxGWbt_Inij5cPBRtUj7xNyefjmWAKHY2kAdnY
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.9
    ภูมิภาค ทางทิศใต้ของหมู่เกาะ FIJI
    วันที่ 2018-12-1
    เวลา 05: 32: 27.1 น. ไทย
    ตำแหน่ง 26.35 S; 178.54 E
    ความลึก 596 กม

    upload_2018-12-3_13-29-38.png
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg
    Magnitude 4.9
    Region SOUTH OF FIJI ISLANDS
    Date time 2018-11-30 22:32:27.1 UTC
    Location 26.35 S ; 178.54 E
    Depth 596 km

    Distances
    861 km SW of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 11:32:27.1 2018-12-01
    909 km S of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 11:32:27.1 2018-12-01
    1306 km SE of Nouméa, New Caledonia / pop: 93,100 / local time: 09:32:27.1 2018-12-01

    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729056
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 5.2
    ภูมิภาค FIJI
    วันที่ 2018-12-01
    เวลา 12: 49: 16.2 น.ไทย
    ตำแหน่ง 20.96 S; 178.59 W
    ความลึก 561 กม
    40461160_445884315921115_5764109478626590720_n - Copy.jpg 40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg Magnitude mb 5.2
    Region FIJI REGION
    Date time 2018-12-01 05:49:16.2 UTC
    Location 20.96 S ; 178.59 W
    Depth 561 km

    Distances
    353 km W of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 18:49:16.2 2018-12-01
    441 km SE of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 18:49:16.2 2018-12-01
    1071 km SW of Apia, Samoa / pop: 40,500 / local time: 19:49:16.2 2018-12-01

    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729165
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.8
    ภูมิภาค ทางใต้ของหมู่เกาะ FIJI
    วันที่ 2018-12-02
    เวลา 01: 39: 32.2 น. ไทย
    ที่ตั้ง 24.77 S; 179.97 E
    ความลึก 503 กม
    40461160_445884315921115_5764109478626590720_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg
    Magnitude 4.8
    Region SOUTH OF FIJI ISLANDS
    Date time2018-12-01 18:39:32.2 UTC
    Location 24.77 S ; 179.97 E
    Depth 503 km

    Distances
    638 km SW of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 07:39:32.2 2018-12-02
    751 km S of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 07:39:32.2 2018-12-02
    1407 km E of Nouméa, New Caledonia / pop: 93,100 / local time: 05:39:32.2 2018-12-02


    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729353
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.4
    ภูมิภาค ทางใต้ของหมู่เกาะ FIJI
    วันที่ 2018-12-02
    เวลา 09: 36: 03.7 น. ไทย
    สถานที่ 23.88 S; 179.94 W
    ความลึก 502 กม
    40461160_445884315921115_5764109478626590720_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg
    Magnitude mb 4.4
    Region SOUTH OF FIJI ISLANDS
    Date time 2018-12-02 02:36:03.7 UTC
    Location 23.88 S ; 179.94 W
    Depth 502 km

    Distances
    575 km SW of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 15:36:03.7 2018-12-02
    657 km S of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 15:36:03.7 2018-12-02
    1398 km SE of Port-Vila, Vanuatu / pop: 36,000 / local time: 13:36:03.7 2018-12-02

    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729445
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 4.4
    ภูมิภาค FIJI
    วันที่ 2018-12-02
    เวลา 14: 50: 44.7 น. ไทย
    ที่ตั้ง 21.05 S; 177.84 W
    ความลึก 485 กม
    40461160_445884315921115_5764109478626590720_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg
    Magnitude mb 4.4
    Region FIJI REGION
    Date time 2018-12-02 07:50:44.7 UTC
    Location 21.05 S ; 177.84 W
    Depth 485 km

    Distances
    274 km W of Nuku‘alofa, Tonga / pop: 22,400 / local time: 20:50:44.7 2018-12-02
    506 km SE of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 20:50:44.7 2018-12-02
    1026 km SW of Apia, Samoa / pop: 40,500 / local time: 21:50:44.7 2018-12-02

    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729520
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,286
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว ขนาด 5.1
    ภูมิภาค FIJI
    วันที่ 2018-12-02
    เวลา 17: 21: 24.6 น. ไทย
    ตำแหน่ง 18.15 S; 178.24 W
    ความลึก 525 กม
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy - Copy.jpg

    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n - Copy.jpg
    40229436_1915809881818161_4970210324721434624_n.jpg
    40461160_445884315921115_5764109478626590720_n - Copy.jpg
    Magnitude mb 5.1
    Region FIJI REGION
    Date time 2018-12-02 10:21:24.6 UTC
    Location 18.15 S ; 178.24 W
    Depth 525 km
    Distances 351 km E of Suva, Fiji / pop: 77,400 / local time: 23:21:24.6 2018-12-02
    317 km SE of Lambasa, Fiji / pop: 24,200 / local time: 23:21:24.6 2018-12-02

    https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=729534
     

แชร์หน้านี้

Loading...